Lonely @ ดอยวาวี

ช่วงสงกรานต์ทำแต่งานงกๆ เพราะไม่อยากไปแย่งที่กินที่เที่ยวกะคนอื่น
กะว่าจะอดเปรี้ยวไว้กินหวาน เที่ยวตอนหลังสงกรานต์เอาดีกว่า นัดหมายกับเพื่อนร่วมทริปเอาไว้ดิบดี แต่เผอิญวันที่เราจะไปจริงๆ เค้าดันไม่ว่าง ติดภาระกิจด่วนจี๋ไปรษณีย์จ๋า
ไอ้เราก็ถ้าไม่ไปช่วงนี้ ก็คงอีกนานเลยถึงจะได้ไป เพราะเดือนหน้าต้องไปรับจ๊อบสั้นๆที่เกาะเต่าอีก
เลยตัดสินใจขับรถออกเดินทางไปคนเดียว
มันก็รู้สึกแหม่งๆอยู่บ้างน่ะ ที่ไปคนเดียวในวันนี้ (ปกติก็ไปคนเดียวบ่อยน่ะครับ แต่วันนี้มันรู้สึกแปลกๆยังไงก็ไม่รู้)

แต่คิดในอีกทางนึง ก็คิดปลอบใจตัวเองเอาไว้ว่า อย่างน้อยเราก็มีเวลาอยู่กะตัวเอง
ได้คิดทบทวนอะไรๆที่ผ่านมาในชีวิตของเรามากขึ้นน่ะ
เพราะที่ผ่านมาเราอาจยุ่งมาก หลายสิ่งหลายอย่างผ่านเข้ามาในชีวิต เราไม่ค่อยมีเวลาได้ทบทวนมันเอาซะเลย
ขอใช้ช่วงเวลานี้ที่อยู่คนเดียว ไปเที่ยวคนเดียวมันนี่แหละ เพื่อทบทวนในสิ่งเหล่านั้น
แต่ไม่คิดไม่ฝันว่าการที่เรามีเวลากะตัวเองมากๆมันจะทำให้เราคิดมากจนเกินไปซะนี่

ขับรถไปเรื่อยๆ ทริปนี้ตอนแรกกะว่าจะไม่เอารถไปด้วยซ้ำ
อยากจะเปลี่ยนรูปแบบการเที่ยวที่จำเจอย่างที่เคยทำมา
กะว่าจะแบกเป้ไปเรื่อยๆ อาจนั่งรถโดยสารไป เหนื่อยไหนก็พักนั่น ไม่ซีเรียสว่าต้องไปถึงที่หมายให้ทันเวลา
แต่เอาไปเอามาด้วยเวลาที่จำกัด เลยต้องเอารถส่วนตัวไป แต่ก็ยังคงคอนเซปต์เดิมคือ ไปมันเรื่อยๆ ขับช้าๆเอื่อยๆ ไปถึงที่หมายกี่โมงก็แล้วแต่ ไม่สนใจ เพราะไม่ได้คาดหวังอะไรมาก
จุดหมายที่จะไปคือเข้าไปเชียงใหม่ แต่ผมขับรถไปด้วยความเร็วช้าๆ เจออะไรที่ไหนสวยๆ ก็จะจอดถ่ายรูปตลอด หากว่าคนที่ไปด้วยเป็นคนเมารถ เค้าคงด่าผมเปิงไปแล้วหล่ะ เพราะเดี๋ยวจอด เดี๋ยวหยุด

บางครั้งการเดินทางของเราไม่จำเป็นต้องเป็นเส้นตรง พุ่งปรู๊ดไปหาจุดหมายปลายทางซะเสมอไป
ลองทำชีวิตตัวเองซิกแซกบ้าง ออกนอกลู่นอกทางบ้าง
แต่ถ้าออกนอกทางไปแล้ว ต้องหาทางกลับมาเส้นทางเดิมให้เจอ
....................
ตอนที่ผมขับรถไปเพื่อจะไปเชียงใหม่ในวันนี้นั้น ผมต้องขับผ่านทางแยกเพื่อไปดอยช้างกับดอยวาวี
ความคิดนึงมันก็แว่บเข้ามาในสมองโดยทันที "เรายังไม่เคยไปที่นี่มาก่อนเลยนี่นา...ลองเข้าไปดูหน่อย"
ว่าแล้วก็หักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าไปโดยไม่มีข้อแม้กับตัวเอง

ระยะทางจากปากทางแยก แล้วเราจะไปดอยวาวีนั้น อยู่ที่ประมาณหกสิบกิโลเมตร ก็ไกลใช้ได้เหมือนกันน่ะครับ สำหรับการขับบนเขา และเส้นทางคดเคี้ยวไปมาแบบนี้
แต่ผมอยากจะบอกว่า ถนนสายนี้น่าขับรถกินลมมาก เพราะบรรยากาศมันดีจริงๆ ยิ่งถ้ามาตอนบ่ายแก่ๆแบบตอนที่ผมมา แสงสีของธรรมชาติมันดูสวยงามจริงๆ

ผมขับรถไปเรื่อยๆ ความเร็วไม่เกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
แถมยังไม่พอ จอดทุกๆ 10-15 นาที
อย่างที่บอก มันเห็นอะไรก็สวยไปหมด แวะถ่ายรูปตลอดทาง
แต่ไอ้สิ่งที่ผมบอกว่าสวย บางคนมาเห็นก็อาจจะบอกว่า"ธรรมดามากๆ ฉันเห็นมาเยอะแล้ว"
ความสวยนั้น มันวัดกันเป็นตัวเลขไม่ได้หรอกครับ มันเป็นปัจเจกบุคคล แต่ละคนย่อมมีมาตรฐานไม่เท่ากัน

แม้กระทั่งสิ่งเล็กๆน้อยๆในธรรมชาติ ที่เราเห็นจนเจนตาในชีวิตประจำวัน
หากจะมองให้มันสวย มันก็สวยได้
ขึ้นอยู่กับว่าเราจะมองมันออกหรือเปล่า...

เจอใครที่เราคิดว่าเค้าเป็นคนแปลกหน้าของเรา
ลองเปิดใจคุยกะเค้าดูบ้าง เราอาจได้มุมมองอะไรที่มันกว้างขึ้น
ทริปนี้ก็เช่นกัน
ผมไปเจอใคร ผมก็เข้าไปทัก เข้าไปคุย มิตรภาพมีอยู่ทุกที่
(ยกเว้นเจ้าตัวในรูปนี้ มันเห่าผมอีท่าเดียวเลยครับ)

ไปคุยกะคนปลูกส้มเขียวหวาน ก็ได้กินส้มเขียวหวาน
แต่มันเป็นส้มเขียวหวานที่อร่อยกว่าที่เราไปหาซื้อมาจากตลาด เพราะมันอิ่มเอิบความหวานไปด้วยไม่ตรีจิต

บางครั้งบางอารมณ์ เรามักจะคิดไปเองว่าเหมือนเราถูกทอดทิ้งให้โดดเดี่ยวในโลกใบนี้ แต่ถ้าหากเรามองลงมาจากมุมที่สูงกว่านั้น
เราจะรู้ได้เลยว่า เราไม่ได้อยู่คนเดียวหรอก
แต่จิตของเราต่างหาก ที่ไปปรุงแต่งความรู้สึกเศร้า ความรู้สึกเหงาให้มันมากขึ้นเอง
มีคนที่รักเราอยู่มากมาย แต่เรามองไม่เห็นมันเองต่างหาก (อันนี้ได้ไอเดียมาจากคุณ กะว่าก๋าครับ)

เหมือนต้นไม้ใหญ่ต้นนี้ ถ้ามองเผินๆ เหมือนมันจะยืนต้นโดดเดียวอยู่ลำพัง
แต่มันจะมองออกหรือไม่ว่า มันยังมีต้นหญ้าสีเขียวๆเล็กๆอยู่รายล้อมคอยเป็นเพื่อนมันอยู่
ตอนนี้หากคุณรู้สึกเศร้า รู้สึกเหงา ลองมองไปรอบๆ คิดตรึกตรองดูให้ดี......เราอยู่ตัวคนเดียวแน่หรือ?

บางครั้งผมยอมรับว่าผมก็เป็นคนนึงที่จิตตกบ่อยๆ ทั้งๆที่เราก็รู้ว่า การที่เราจิตตกนั้น มันไม่ได้เกิดจากอะไรเลย
เกิดจากตัวของเราเองทั้งนั้น เราคิดเอาเอง ปรุงแต่งเอาเอง
จริงๆทุกข์อยู่ที่ไหน เราก็ต้องดับที่นั่น แต่บางทีตอนที่เราจิตตกมากๆ ผมก็ทำตามหลักการง่ายๆแบบนี้ได้ยาก
สักวัน ผมคงจะฝึกจิตให้ต่อสู้กับเรื่องแบบนี้ได้

เพราะชีวิตของเราก็มีอยู่แค่นี้
คงไม่มีใครที่จะมีความรุ่งเรืองได้ตลอดกาล คงไม่มีใครที่จะตกอยู่ในห้วงความทุกข์ได้ตลอดกาล
ชีวิตมันมีขึ้นมีลง มีเกิดมีดับ
ถ้าหากเราปล่อยชีวิตให้เป็นไปตามครรลองของมัน ไม่ฝืนมัน ไม่ไปปรุงแต่งมัน มันก็จะมีความสุขตามยะถาของมันเอง

เวลาอยู่ในโลกมนุษย์กลมๆใบนี้ อย่าไปมองชีวิตคนอื่นเป็นบรรทัดฐานในการดำเนินตามซะหมด
บางคนเราดูเผินๆ อาจจะดูเหมือนชีวิตของเค้าสวยงาม ราบรื่น แต่จริงๆแล้วเค้าอาจทุกข์มากกว่าเราก็ได้
สู้เอาเวลาที่ไปมองชีวิตคนอื่น มามองชีวิตของเรา แล้วดำเนินชีวิตของเราด้วยความมีสติจะได้ผลดีกับเราซะมากกว่า

วันนี้ผมมาที่นี่ ผู้คนไม่เยอะมากมาย
ผมรู้สึกว่าชีวิตผมได้ถูกธรรมชาติที่สวยงามซักล้างสิ่งสกปรกออกไปบ้าง
เคยอ่านหนังสืออยู่เล่มนึงบอกเอาไว้ว่า
"ทุกวันนี้คนเรามักคิดอะไรง่ายๆ
นำคนออกจากสิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษ
แต่ไม่ยักที่จะนำสิ่งที่เป็นพิษออกจากตัวคน
เพราะตราบใดที่คนยังมีพิษ เขาก็จะให้พิษกับทุกสิ่งที่เกี่ยวข้อง"
(ข้อความบางส่วนจากหนังสือ "ค้นหาตัวเอง" โดย ดร.นวลศิริ เปาโรหิตย์)

ขับมาเรื่อยๆจนมาถึงหมู่บ้านวาวีจนได้ ชาที่นี่รสเยี่ยม ใครได้มาต้องมาลิ้มลองให้ได้
โดยเฉพาะชาก้านอ่อนเบอร์ 17
ผมมองหมู่บ้านชาวจีนที่นี่ดูแออัด แต่มันกลับดูไม่"อึดอัด"
มันกลับดูอบอุ่น อุ่นไปด้วยอ้อมกอดของธรรมชาติ
...............
(ข้อความข้างล่างนำมาจากหนังสือ"ค้นหาตัวเอง" อีกเช่นกัน")
"ฉันเห็นคนหลายคน ที่เผอิญโชคชะตาฟ้าลิขิต ให้ร่ำรวยด้วยวาสนาบารมี หลุดออกมาจาก สลัม สิ่งแวดล้อมเดิม ก้าวมาเป็นใหญ่ในแผ่นดิน
แต่ทำไมหนอ.... เขาจึงยังไม่สามารถหลุดพ้นออกมา จากสลัมที่มีอยู่ในจิตวิญญาณของเขาได้เลย ไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านพ้นไปนานเท่าใดก็ตาม"

เคยมีหลายคนบอกว่าผมเป็นคนที่มีกำแพงกั้นตัวเองเอาไว้หนามาก เป็นคนที่เปิดใจรับสิ่งต่างๆได้ยาก
อาจจะจริงอย่างที่เค้าบอกก็ได้ เพราะบางครั้งผมก็ไม่สามารถมองเห็นตัวเองได้ทั้งตัว อะไรบางอย่างที่เราอยู่กะมันมาตั้งแต่เกิดจนโตป่านนี้ บางทีเราก็อาจจะอยู่กับมันด้วยความเคยชิน
บางครั้งคนเราก็ควรจะเปิดใจรับสิ่งที่คนอื่นพูดเอาไว้บ้าง ไม่ควรจะเอาตัวเราเป็นศูนย์กลางเพียงอย่างเดียว เพราะเรา"ไม่ได้อยู่คนเดียวในโลกใบนี้"
ใช่ไหมครับ?

เคยมีคนพูดเอาไว้ว่า การที่เราได้มีโอกาสเกิดเป็นคนนี่ก็ถือว่าประเสริฐสุดแล้ว
เพราะมนุษย์เราเป็นสัตว์เพียงชนิดเดียวในโลกใบนี้ ที่มีสติและปัญญาในการที่จะรับรู้ว่าอะไรถูกผิด อะไรควรไม่ควร หรือที่เค้าเรียกว่าสัตว์ประเสริฐนั่นเอง
เพราะฉะนั้น เมื่อเราได้รับโอกาสนั้น เราก็จงใช้โอกาสนั้น ให้เกิดประโยชน์เสียดีกว่า
เพราะถ้าหากเราไปเกิดเป็นสัตว์ชนิดอื่น เราคงไม่มีโอกาสเหล่านี้แน่นอน

ความรักที่ได้ยิน มักเป็นความรักที่มีเงื่อนไข ต้องสอบให้ได้ที่หนึ่งน่ะ แม่จึงจะรัก
ฉันรักเขาเพราะเขาไม่สูบบุหรี่ ไม่กินเหล้า ไม่เที่ยวผู้หญิง
ผมรักเธอ เพราะเธอทำหน้าที่แม่บ้านไม่ขาดตกบกพร่อง
ตราบใดที่มันยังเป็นไปตามเงื่อนไขอยู่ ตราบนั้นความรักจะยังคงมีอยู่
หากทว่าความรักที่แท้จริง "ย่อมปราศจากเงื่อนไข" ปราศจากความกลัว ปราศจากความคาดหวัง ปราศจากการควบคุม
เช่นนี้แล้ว ทุกเวลาที่ผ่านไป ย่อมไม่มีเครื่องกำหนด
(ข้อความนี้คัดลอกมาจากหนังสือ"ค้นหาตัวเอง" ครับ)

อย่างที่บอกมาตั้งแต่ต้น
วันนั้นผมพบเจอผู้คนเยอะแยะ และผมก็มักจะเข้าไปทักทาย พูดคุยกับเค้า
และผมก็ได้ความรู้สึกดีๆกลับมา รอยยิ้มที่เค้าให้มานั้น มันเป็นรอยยิ้มที่ดูจริงใจ ไม่เสแสร้้ง
ทำไมหนอ...เราจึงชอบตัดสินเพื่อนมนุษย์กันง่ายๆ แค่เพียงเห็นชื่อ หรือกลุ่มที่เขามาจาก โดยที่ไม่เคยรู้จัก ได้สัมผัสเขา ในฐานะปัจเจกบุคคลที่มีเลือด มีเนื้อ เช่นเดียวกับตัวเราเองคนหนึ่ง

บางทีผมยังคิดกับตัวเองว่า ตอนนี้ที่เราค้นหา เราค้นหาอะไร
ผมควรจะหยุด แล้วหันหลังกลับมา หรือหยุดเพื่อมองรอบๆตัว
บางทีความสุขที่ผมตามหานั้น มันอาจจะอยู่ไม่ไกล เพียงแต่บางสิ่งบางอย่างนั้น มันไม่อาจจะมองเห็นได้ด้วยสายตา ที่ประกอบไปด้วย เยื่อแก้วตา เลนส์ตา เรตินา เส้นประสาทสมองคู่ที่สองเท่านั้น
เพียงแต่ความสุขที่เราตามหานั้น มันอาจต้องมองด้วยใจ....

บางครั้งเราทำงานหนัก หามรุ่งหามค่ำ เพื่อหาเงินทองมามากมาย เพราะหวังว่า เงินทองนั้น จะนำพามาซึ่งความสุขที่เราคาดหวัง เราหวังว่า เงินทองนั้นจะสามารถซื้อได้ซึ่งสิ่งที่จำเป็นแก่ชีวิตของเรา
แต่บางทีเราอาจจะแยกแยะยังไม่ได้ ว่าอะไรเป็นสิ่งที่ "จำเป็นแท้" หรือสิ่งใด "เป็นสิ่งที่จำเป็นเทียม"

จริงๆ"สิ่งจำเป็นแท้" ที่เราต้องการนั้น เราต้องการแค่ปัจจัยสี่ อย่างที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว
แต่เราก็ยังไขว่คว้าหา "สิ่งจำเป็นเทียม" กันอยู่ตลอดทุกเมื่อเชื่อวัน
ซึ่งผมเองก็ยังคงวนเวียนอยู่กับวงจรอุบาทว์นี้อยู่เช่นเดียวกันกับเพื่อนร่วมโลกอีกหลายๆคน

คนที่เราดูภายนอกว่าเค้ามีความทุกข์ยากลำบาก จริงๆแล้วเค้าอาจมีความสุขมากก็ได้
คนที่เค้าหาเช้ากินค่ำ บางทีตอนที่กลับไปบ้าน เค้าอาจมีครอบครัวที่อบอุ่นรออยู่ที่บ้าน กินข้าวด้วยกัน พูดจากันด้วยความรัก
แต่บางคนสิ มีเงินทองที่ไม่รู้ว่าชาตินี้จะนำมาใช้หมดหรือไม่ ทว่าจริงๆแล้วเค้าอาจกลับไปเจอปัญหาครอบครัว ปัญหาชู้สาว ลูกเสียคน มีความกังวลว่าธุรกิจจะล้มละลาย

คนที่ร่ำรวยบางคนถึงกับยอมสละทุกอย่างในชีวิต เพื่อกลับมาใช้ชีวิตที่เรียบง่าย
บางคนเคยเป็นผู้บริหารระดับสูงๆ แต่ยอมลดตัวมาทำธุรกิจเล็กๆ
แต่เค้ากลับยิ้มได้ เพราะเค้ามีความสุขกับสิ่งที่เค้ามีอยู่มีกิน

บางทีเราเคยฝันอะไรเอาไว้ใหญ่โต
ใช่....ความฝันจำเป็นสำหรับชีวิต และความก้าวหน้า
แต่บางทีความฝันบางอย่างก็ควรจะถูกทิ้งให้เป็นความฝันต่อไปจะดีกว่า

มีคนบางคนพูดว่า ชีวิตคือการแข่งขัน
บางคนอาจจะมีความสุขในการที่ได้เป็นผู้ชนะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาชีพการงาน การเรียน การแข่งกีฬา และเค้าจะพอใจมากหากว่าเค้าเป็นผู้ชนะทั้งหมด
แต่เราเคยคิดบ้างไหมว่า การที่เราเป็นผู้ชนะตลอดนั้น ทำให้เรามีเพื่อนน้อยลง
เราต้องการแลกความชนะเหล่านั้นกับมิตรภาพอย่างนั้นหรือ?

ในการเดินทางของผมครั้งนี้ ผมเจอทั้งคนที่ดีและไม่ดีผ่านเข้ามา
แต่ถ้าเราคิดในทางบวก มันก็เป็นข้อดีทั้งนั้น
เพราะคนที่ดีกับเรา เค้าก็จะให้ความรักและสนับสนุนเรา
ส่วนคนที่ร้ายกับเรา อย่างน้อยๆ เค้าก็ช่วยสอนให้เรามีประสบการ์ณชีวิต ที่สร้างความแข็งแรงให้เรา เผื่อในครั้งต่อไปเราจะได้มีภูมิคุ้มกัน
ถ้าเรามองโลกในแง่ดีแล้ว เราก็จะได้ "พลัง" จากทุกชีวิตที่เราสัมผัส

เพราะเราคงเลือกเจอแต่คนที่ดีๆในโลกกลมๆใบนี้ไม่ได้
ไม่ว่าเราจะหลบเลี่ยงอย่างไร ก็คงต้องเจอ
ไม่มีใครที่เคยเจอแต่มนุษย์ที่สมบูรณ์แบบหรอก
ผมเองก็เช่นกัน ผมอาจจะดูเป็นคนดีในสายตาของหลายคน
แต่บางที ผมก็อาจจะเป็นคนที่เลวมากๆในสายตาของอีกหลายๆคน
หากว่าคุณเป็นคนหนึ่งที่ไม่เคยเห็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบ เหตุใดคุณจึงมาเรียกร้องเอาจากผมหรือ?....

ในความโดดเดี่ยวที่ผมพบเจอมาในสามสี่วันของการเดินทางนี้ มันมีเวลาให้ผมมาก ....มากซะจนผมมองเห็นปัญหามากมายที่ผ่านมา
แต่เชื่อมั้ยว่าพอผมกลับมาแล้ว ผมจมอยู่กับปัญหานั้นได้ไม่นานหรอก
ผมมีเพื่อนที่น่ารัก มีน้องที่น่ารักคอยแนะนำ คอยให้กำลังใจ
ถึงแม้บางคนจะช่วยอะไรได้ไม่มาก แต่บางครั้ง แค่การที่เราได้เล่าอะไรออกไป ได้เรียบเรียงลำดับเหตุการณ์จากสิ่งที่เราเล่าออกไป มันก็ทำให้ผมเห็นในสิ่งที่ผมทำผิดพลาดชัดเจนยิ่งขึ้น
และสิ่งนี้แหละที่ทำให้ผมเก็บมันมาเป็นข้อสอนใจ และตัดสิ่งนั้นออกจากใจผมได้อย่างไม่ยากเย็นนัก ถึงแม้ว่า ณ ขณะนี้ผมจะตัดสิ่งนั้นออกได้ไม่เต็มร้อย
แต่อย่างน้อยผมถือว่าให้ไอ้ที่มันเหลืออยู่เล็กน้อยนี้ เป็นเสมือนแผลเป็นที่คอยเตือนให้เรามีสติอยู่ตลอดเวลาดีกว่า

หนังสือ "ค้นหาตัวเอง" ได้บอกเอาไว้ว่า
ก่อนที่จะท้อแท้กับปัญหาที่มันดูมากมายจนแก้ไม่ไหว
ลองแบ่งปัญหานั้นออกเป็นสองกลุ่มดู
กลุ่มหนึ่ง เราสามารถทำอะไรกับมันได้
อีกกลุ่มหนึ่ง เป็นเรื่องที่ไม่อยู่ในบัญชาของเราเลย
ให้เราทุ่มเทพลังให้กับปัญหาที่เราแก้ได้ แทนที่จะจมปลักอยู่กับปัญหาที่เราแก้ไม่ได้ หรืออยู่นอกเหนืออำนาจของเรา
แล้วเราจะพบว่า... แท้จริงแล้ว ปัญหาที่เราแก้ไม่ได้...มันมีอยู่นิดเดียวเอง

ชีวิตบางช่วงเราก็ต้องปีนขึ้นเขา บางทีต้องทั้งฉุดทั้งเข็น
แต่เราเคยไหม ที่เราปั่นจักรยานขึ้นเขาเหนื่อยๆเสร็จแล้ว ตอนที่เราปล่อยให้มันไหลลงไปเอง มีลมเย็นๆพัดโดนหน้าเรา
เรามีความสุขกับมันขนาดไหน
แสดงว่าถ้ายิ่งเรามีทุกข์มากขนาดไหน เราก็จะยิ่งเห็นคุณค่าของความสุขหลังจากนั้นมากขึ้นไปด้วย

ในหนังสือเล่มที่ผมอ่านอยู่ตอนนี้พูดเอาไว้ดีทีเดียว
เค้าบอกว่าคนเราพยายามไขว่คว้าหาความสุข บางคนพยายามไขว่คว้ามันมาทั้งชีวิต
แต่มันดูๆแล้วเหมือนการวิ่งไล่จับเงาของตัวเอง ยิ่งไล่ เงาก็ยิ่งห่างออกไป
หากเราหยุดการไขว่คว้า...เหความสนใจไปสู่ปัจจุบัน เราอาจพบว่า...
เงาที่เรากำลังไล่จับอยู่นั้น แท้ที่จริงมันเกาะติดแน่นอยู่กับกายของเรา อย่างนุ่มนวลอ่อนโยน...ทุกทิวาราตรีกาล

มิตรภาพที่ผมพยายามไขว่คว้าหาก็เช่นกัน
บางทีเราไปคาดหวังว่า
"ขอให้เขามองเห็นเรา ได้ฟังเรา ได้เข้าใจเรา"
แต่เรารู้ตัวหรือไม่ว่า บางทีเราได้แต่คาดหวังในสิ่งเหล่านั้น โดยที่เราไม่เคย มองเห็นเค้า ไม่เคยฟังเค้า ไม่เคยเข้าใจคนอื่น
แล้วอย่างนี้เราจะหวังจะมีมิตรภาพที่มั่นคงถาวรได้อย่างไร?

หนังสือเล่มนี้ได้กล่าวเอาไว้อีกว่า
"ฉันไม่ต้องการทะยานสูง ดังเช่นไม้เลื้อยที่ดูสูงลิ่ว แต่ทว่าลวงตา เพราะมันสูงได้ด้วยการเกาะเกี่ยวต้นไม้อื่น
ฉันพร้อมที่จะงอกงามอย่างเตี้ยต่ำ เฉกเช่นต้นหญ้า ไม้พุ่ม ที่สามารถเติบโตยืนหยัดได้ด้วยพลังของตนเอง
ฉันไม่ต้องการมีรัศมีพวยพุ่ง ดุจดั่งทะเลยามเที่ยง ที่เป็นเพียงกระจกสะท้อนของแสงแดด
ฉันขอเพียงความสว่างของแสงเทียนในคืนมืด ซึ่งให้แต่ความนุ่มนวลและเย็นตา
ตราบใดที่แสงเทียนยังเปล่งประกายอยู่ตรงนั้น เกิดจากความกระจ่าง...ที่บังเกิดมาจากภายในตัวของฉันเพียงลำพัง"

มันคงดีไม่น้อย
ถ้าผมสามารถที่จะหยุดความคิดของผม
ไม่มองคนอื่นโดยที่ต้องไปตัดสินเขา ไม่ต้องไปต่อเติม และวิจารณ์เขา
ผมคงอยู่ในโลกนี้ได้อย่างแจ่มใส คงได้ชื่นชมกับชีวิต และบุคคลรอบๆตัวอย่างหรรษา เปรมปรีดิ์
แต่ตอนนี้เราทุกข์เพราะ "ความคาดหวัง" คำเดียวแท้ๆ
(ดัดแปลงเนื้อหาบางส่วนจากหนังสือ "ค้นหาตัวเอง")

แต่อย่างที่บอก ตอนนี้ผมดีขึ้นมากแล้ว
และผมก็หวังว่า หากผมเจอสิ่งที่เลวร้ายเหมือนที่ผมเจอผ่านๆมา ผมจะผ่านมันไปได้ โดยใช้เวลาเร็วขึ้น
ผมจะกระโดดได้สูงขึ้นด้วยความดีใจ ที่อย่างน้อยเราเป็นผู้ชนะในจิตของตัวเอง
ขอบคุณทุกท่านที่รับชม จะดีไม่น้อยหากว่าท่านตั้งใจอ่านจนจบ
และขอขอบคุณหนังสือ "ค้นหาตัวเอง" ของ ดร.นวลศิริ เปาโรหิตย์ ที่ได้ชี้แนะแนวทาง
ผมอาจนำข้อความบางส่วน หรือข้อความบางส่วนมาดัดแปลง เพื่อให้เหมาะสมต่อการนำเสนอ หากผิดพลาดประการใด ผมขอน้อมรับเอาไว้ทั้งมวลครับ
ขอบคุณครับ
Create Date : 04 พฤษภาคม 2551 |
Last Update : 23 สิงหาคม 2552 17:07:51 น. |
|
114 comments
|
Counter : 3952 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: that yellow mustard IP: 58.8.45.34 วันที่: 4 พฤษภาคม 2551 เวลา:22:11:48 น. |
|
|
|
โดย: Dr.Manta วันที่: 4 พฤษภาคม 2551 เวลา:22:19:16 น. |
|
|
|
โดย: มัยดีนาห์ วันที่: 4 พฤษภาคม 2551 เวลา:23:02:29 น. |
|
|
|
โดย: มัยดีนาห์ วันที่: 4 พฤษภาคม 2551 เวลา:23:09:42 น. |
|
|
|
โดย: เบบูญ่า วันที่: 4 พฤษภาคม 2551 เวลา:23:20:33 น. |
|
|
|
โดย: ก๋า เก็กเสียง (กะว่าก๋า ) วันที่: 4 พฤษภาคม 2551 เวลา:23:23:10 น. |
|
|
|
โดย: ก๋า เก็กเสียง (กะว่าก๋า ) วันที่: 4 พฤษภาคม 2551 เวลา:23:30:29 น. |
|
|
|
โดย: jonykeano วันที่: 5 พฤษภาคม 2551 เวลา:0:08:24 น. |
|
|
|
โดย: uncha วันที่: 5 พฤษภาคม 2551 เวลา:0:17:19 น. |
|
|
|
โดย: แป๊กก วันที่: 5 พฤษภาคม 2551 เวลา:0:26:49 น. |
|
|
|
โดย: แป๊กก วันที่: 5 พฤษภาคม 2551 เวลา:0:40:59 น. |
|
|
|
โดย: JJ IP: 61.7.138.224 วันที่: 5 พฤษภาคม 2551 เวลา:3:32:25 น. |
|
|
|
โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 5 พฤษภาคม 2551 เวลา:7:39:58 น. |
|
|
|
โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 5 พฤษภาคม 2551 เวลา:8:08:57 น. |
|
|
|
โดย: kai (aitai ) วันที่: 5 พฤษภาคม 2551 เวลา:8:57:12 น. |
|
|
|
โดย: พี่รี่+ต๊อก โนล๊อกอิน IP: 118.174.206.209 วันที่: 5 พฤษภาคม 2551 เวลา:12:07:01 น. |
|
|
|
โดย: 1 ช้อนชา IP: 61.7.147.168 วันที่: 5 พฤษภาคม 2551 เวลา:12:20:40 น. |
|
|
|
โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 5 พฤษภาคม 2551 เวลา:12:55:42 น. |
|
|
|
โดย: coco-melon วันที่: 5 พฤษภาคม 2551 เวลา:13:18:24 น. |
|
|
|
โดย: honeybee042-ไว้ค่อยล็อกอิน ^^ IP: 125.26.75.171 วันที่: 5 พฤษภาคม 2551 เวลา:13:30:35 น. |
|
|
|
โดย: มัยดีนาห์ วันที่: 5 พฤษภาคม 2551 เวลา:14:17:45 น. |
|
|
|
โดย: Dr.Manta วันที่: 5 พฤษภาคม 2551 เวลา:15:03:29 น. |
|
|
|
โดย: มัยดีนาห์ วันที่: 5 พฤษภาคม 2551 เวลา:15:23:34 น. |
|
|
|
โดย: แอบชอบ คห. ข้างบนเหมือนกัน (นางสาวดุ่บดั่บ ) วันที่: 5 พฤษภาคม 2551 เวลา:15:43:58 น. |
|
|
|
โดย: B/W วันที่: 5 พฤษภาคม 2551 เวลา:16:03:03 น. |
|
|
|
โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 5 พฤษภาคม 2551 เวลา:16:34:32 น. |
|
|
|
โดย: อ๊อด ณ ลอนดอน (แหง่วในแลปวุ้ย) IP: 159.92.136.46 วันที่: 5 พฤษภาคม 2551 เวลา:16:36:13 น. |
|
|
|
โดย: มัยดีนาห์ วันที่: 5 พฤษภาคม 2551 เวลา:19:12:08 น. |
|
|
|
โดย: ก.วรกะปัญญา (กะว่าก๋า ) วันที่: 5 พฤษภาคม 2551 เวลา:20:21:05 น. |
|
|
|
โดย: pangz วันที่: 5 พฤษภาคม 2551 เวลา:21:26:18 น. |
|
|
|
โดย: pond IP: 202.28.47.11 วันที่: 5 พฤษภาคม 2551 เวลา:21:51:58 น. |
|
|
|
โดย: pond IP: 202.28.47.11 วันที่: 5 พฤษภาคม 2551 เวลา:21:51:58 น. |
|
|
|
โดย: Unravel วันที่: 5 พฤษภาคม 2551 เวลา:22:03:05 น. |
|
|
|
โดย: jouja IP: 58.8.220.42 วันที่: 5 พฤษภาคม 2551 เวลา:23:34:56 น. |
|
|
|
โดย: kai (aitai ) วันที่: 6 พฤษภาคม 2551 เวลา:0:05:35 น. |
|
|
|
โดย: สะพานไม้ วันที่: 6 พฤษภาคม 2551 เวลา:0:23:23 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 6 พฤษภาคม 2551 เวลา:0:25:44 น. |
|
|
|
โดย: butbbj วันที่: 6 พฤษภาคม 2551 เวลา:7:43:25 น. |
|
|
|
โดย: กิตติ IP: 202.90.6.36 วันที่: 6 พฤษภาคม 2551 เวลา:8:53:33 น. |
|
|
|
โดย: หมีบางกอก (Bkkbear ) วันที่: 6 พฤษภาคม 2551 เวลา:9:38:25 น. |
|
|
|
โดย: พี่ต๊อก IP: 58.137.129.220 วันที่: 6 พฤษภาคม 2551 เวลา:14:28:38 น. |
|
|
|
โดย: honeybee IP: 125.26.73.186 วันที่: 6 พฤษภาคม 2551 เวลา:16:23:29 น. |
|
|
|
โดย: Dr.Manta วันที่: 6 พฤษภาคม 2551 เวลา:16:56:19 น. |
|
|
|
โดย: ก๋า เก็กเสียง (กะว่าก๋า ) วันที่: 6 พฤษภาคม 2551 เวลา:21:28:13 น. |
|
|
|
โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 7 พฤษภาคม 2551 เวลา:16:28:31 น. |
|
|
|
โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 7 พฤษภาคม 2551 เวลา:17:53:51 น. |
|
|
|
โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 7 พฤษภาคม 2551 เวลา:19:28:17 น. |
|
|
|
โดย: แป๊กก วันที่: 8 พฤษภาคม 2551 เวลา:4:53:01 น. |
|
|
|
โดย: NuHring วันที่: 8 พฤษภาคม 2551 เวลา:16:00:18 น. |
|
|
|
โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 8 พฤษภาคม 2551 เวลา:16:37:29 น. |
|
|
|
โดย: บ่าวเจียงฮาย IP: 125.25.190.203 วันที่: 8 พฤษภาคม 2551 เวลา:16:58:10 น. |
|
|
|
โดย: บลูยอชท์ วันที่: 8 พฤษภาคม 2551 เวลา:19:21:15 น. |
|
|
|
โดย: SevenDaffodils IP: 65.203.0.242 วันที่: 8 พฤษภาคม 2551 เวลา:23:30:40 น. |
|
|
|
โดย: Unravel วันที่: 9 พฤษภาคม 2551 เวลา:8:07:57 น. |
|
|
|
โดย: coco-melon วันที่: 9 พฤษภาคม 2551 เวลา:10:14:04 น. |
|
|
|
โดย: รถเมล์ IP: 125.27.7.121 วันที่: 9 พฤษภาคม 2551 เวลา:14:41:31 น. |
|
|
|
โดย: นายวุ้นกะทิ วันที่: 9 พฤษภาคม 2551 เวลา:23:55:36 น. |
|
|
|
โดย: นายวุ้นกะทิ วันที่: 10 พฤษภาคม 2551 เวลา:0:03:50 น. |
|
|
|
โดย: ชมพู่น้อย วันที่: 10 พฤษภาคม 2551 เวลา:1:03:40 น. |
|
|
|
โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 10 พฤษภาคม 2551 เวลา:9:36:45 น. |
|
|
|
โดย: Snow_flurry วันที่: 10 พฤษภาคม 2551 เวลา:10:51:08 น. |
|
|
|
โดย: VA_Dolphin วันที่: 10 พฤษภาคม 2551 เวลา:11:11:46 น. |
|
|
|
โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 10 พฤษภาคม 2551 เวลา:11:13:32 น. |
|
|
|
โดย: ตาลบูด (GaljaZZZ ) วันที่: 10 พฤษภาคม 2551 เวลา:12:09:42 น. |
|
|
|
โดย: หยุ่ยยุ้ย วันที่: 10 พฤษภาคม 2551 เวลา:13:34:37 น. |
|
|
|
โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 10 พฤษภาคม 2551 เวลา:14:11:15 น. |
|
|
|
โดย: ก. วรกะปัญญา (กะว่าก๋า ) วันที่: 10 พฤษภาคม 2551 เวลา:17:43:46 น. |
|
|
|
โดย: unsa วันที่: 10 พฤษภาคม 2551 เวลา:21:33:08 น. |
|
|
|
โดย: L (louis_jd ) วันที่: 11 พฤษภาคม 2551 เวลา:7:50:16 น. |
|
|
|
โดย: zmen วันที่: 11 พฤษภาคม 2551 เวลา:16:18:04 น. |
|
|
|
โดย: ก.วรกะปัญญา (กะว่าก๋า ) วันที่: 11 พฤษภาคม 2551 เวลา:19:36:46 น. |
|
|
|
โดย: ก๋า เก็กเสียง (กะว่าก๋า ) วันที่: 11 พฤษภาคม 2551 เวลา:20:37:34 น. |
|
|
|
โดย: little sun IP: 202.91.19.206 วันที่: 11 พฤษภาคม 2551 เวลา:23:40:43 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 12 พฤษภาคม 2551 เวลา:21:22:18 น. |
|
|
|
โดย: ตงเหลงฉ่า วันที่: 12 พฤษภาคม 2551 เวลา:23:18:00 น. |
|
|
|
โดย: coco-melon วันที่: 13 พฤษภาคม 2551 เวลา:11:19:50 น. |
|
|
|
โดย: หนูเหน่ง ณ วอลลองกอง IP: 202.7.166.167 วันที่: 13 พฤษภาคม 2551 เวลา:18:15:59 น. |
|
|
|
โดย: มัยดีนาห์ วันที่: 13 พฤษภาคม 2551 เวลา:22:57:51 น. |
|
|
|
โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 14 พฤษภาคม 2551 เวลา:8:03:02 น. |
|
|
|
โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 14 พฤษภาคม 2551 เวลา:8:15:43 น. |
|
|
|
โดย: บลูยอชท์ วันที่: 14 พฤษภาคม 2551 เวลา:12:30:01 น. |
|
|
|
โดย: *starfish* IP: 222.123.214.43 วันที่: 14 พฤษภาคม 2551 เวลา:19:02:18 น. |
|
|
|
โดย: ก๋า เก็กเสียง (กะว่าก๋า ) วันที่: 14 พฤษภาคม 2551 เวลา:21:42:15 น. |
|
|
|
โดย: ก๋า เก็กเสียง (กะว่าก๋า ) วันที่: 14 พฤษภาคม 2551 เวลา:21:58:36 น. |
|
|
|
โดย: มัยดีนาห์ วันที่: 14 พฤษภาคม 2551 เวลา:22:42:03 น. |
|
|
|
โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 15 พฤษภาคม 2551 เวลา:11:43:22 น. |
|
|
|
โดย: J.C. IP: 202.44.136.194 วันที่: 15 พฤษภาคม 2551 เวลา:12:01:04 น. |
|
|
|
โดย: สเก๊ต~มนุษย์หมาน้อย IP: 58.9.29.119 วันที่: 15 พฤษภาคม 2551 เวลา:12:41:37 น. |
|
|
|
โดย: Dr.Manta บ่ได้ล๊อกอินเด้อ IP: 118.173.229.70 วันที่: 15 พฤษภาคม 2551 เวลา:18:13:47 น. |
|
|
|
โดย: ก๋า เก็กเสียง (กะว่าก๋า ) วันที่: 15 พฤษภาคม 2551 เวลา:20:49:24 น. |
|
|
|
โดย: B/W วันที่: 16 พฤษภาคม 2551 เวลา:9:28:54 น. |
|
|
|
โดย: คนชอบอ่าน IP: 117.47.121.44 วันที่: 16 พฤษภาคม 2551 เวลา:15:04:21 น. |
|
|
|
โดย: สาวอิตาลี วันที่: 16 พฤษภาคม 2551 เวลา:17:28:36 น. |
|
|
|
โดย: Unravel วันที่: 17 พฤษภาคม 2551 เวลา:11:19:47 น. |
|
|
|
โดย: วนิส วันที่: 18 พฤษภาคม 2551 เวลา:10:54:00 น. |
|
|
|
โดย: กิจจาวรรณ 555 IP: 58.9.146.102 วันที่: 19 พฤษภาคม 2551 เวลา:20:46:40 น. |
|
|
|
โดย: พลทหารไรอัน วันที่: 13 มิถุนายน 2551 เวลา:1:30:07 น. |
|
|
|
โดย: ปฏิภาณ IP: 118.172.103.235 วันที่: 25 มิถุนายน 2551 เวลา:11:04:24 น. |
|
|
|
โดย: ณัฏฐนันท์ IP: 117.47.88.218 วันที่: 5 กันยายน 2551 เวลา:11:46:25 น. |
|
|
|
โดย: *ดาวเรือง IP: 125.27.146.179 วันที่: 10 พฤศจิกายน 2551 เวลา:21:52:51 น. |
|
|
|
โดย: จีน่า เยอรมัน IP: 84.152.35.151 วันที่: 25 กรกฎาคม 2553 เวลา:7:30:35 น. |
|
|
|
โดย: วรรณพร หม่อนกันทา IP: 182.93.217.45 วันที่: 9 ธันวาคม 2553 เวลา:13:59:18 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
และดีใจที่ได้ยินว่า คุณเจ้าของภาพรู้สึกดีขึ้นแล้วนะ