Why are we dying to live while we are living to die?
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2550
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
26 สิงหาคม 2550
 
All Blogs
 
ผมจะเป็นคนดี

ผมจะเป็นคนดี โดย วิกรม กรมดิษฐ์
หนังสือเล่มนี้ได้มาเมื่อวันเกิดปีที่แล้ว จากอาจารย์ที่เคารพท่านหนึ่งเมื่อตอนที่ไปเอาขนมที่ทำแจกในวันเกิดให้ท่าน เพิ่งมารู้ว่าที่หน้าแรกนั้นมีลายเซ็นของผู้เขียนอยู่ด้วยก็เมื่อเปิดอ่านจริงๆ

คุณวิกรมเป็นลูกคนแรกของคุณพ่อและแม่ซึ่งเป็นภรรยาตามกฎหมายของพ่อ และได้รับมอบหมายงานให้ทำตั้งแต่เล็กๆ ประสบการณ์เหล่านี้เองที่ทำให้คุณวิกรมสามารถนำไปปรับใช้เพื่อให้ตนประสบความสำเร็จได้ เมื่ออายุเข้า 15 ปี คุณพ่อของคุณวิกรมก็ส่งให้คุณวิกรมไปเรียนต่อที่ไต้หวันตามอย่างคนอื่นๆเพื่อที่จะกลับมาช่วยงานที่บ้าน แทนที่คุณวิกรมจะเรียนพาณิชตามที่พ่อต้องการ คุณวิกรมกลับเลือกที่จะเรียนมัธยมและเข้ามหาวิทยาลัย สามปีหลังจากที่จากบ้านมา คุณวิกรมก็กลับมาบ้าน แต่แล้วก็มีเหตุทำให้ทะเลาะกับพ่อถึงขั้นตัดพ่อตัดลูกและออกจากบ้านไปในที่สุด แต่อย่างไรก็ตาม ชีวิตการศึกษาของคุณวิกรมก็ไม่ได้หยุดแค่นั้น คุณวิกรมกลับไปไต้หวันและขอทุนการศึกษาพร้อมทั้งทำกิจการค้าขายเล็กๆน้อยๆเพื่อให้มีชีวิตอยู่รอดหลังจากที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากทางบ้าน และเมื่อเรียนจบก็คิดว่าจะต่อโท แต่เพราะมีเงินไม่พอจึงต้องระงับโครงการนั้นไปก่อน

คุณวิกรมเดินทางกลับมาเมืองไทยเพื่อที่จะทำงานและประกอบกิจการของตัวเอง แม้ว่าในช่วงแรกๆจะขัดสนอยู่บ้าง แต่เพราะความมุมานะ และความอดทน ในที่สุดคุณวิกรมก็ได้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน เป็นเจ้าของเครืออมตะอย่างทุกวันนี้

คุณพ่อของคุณวิกรมเป็นคนที่อารมณ์รุนแรงและปฏิบัติต่อลูกอย่างเกรี้ยวกราด และยังเป็นคนเจ้าชู้ นำความเดือนร้อนวุ่นวายใจมาให้กับครอบครัวเสมอ แม้ว่าท่านจะเป็นคนขยันขันแข็งในสายตาของคนอื่น แต่การปฏิบัติของท่านกับครอบครัวนั้นต่างกันมาก และนี่เองที่ทำให้คุณวิกรมฝังใจจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่สามารถให้อภัยคุณพ่อได้ แต่ก็หวังว่าสักวันจะสามารถเข้าไปกราบขอโทษพ่อของตัวเองได้ถ้าหากพ่อสำนึกผิด

สิ่งที่ได้รับจากหนังสือเล่มนี้
คุณวิกรมจะเน้นความสำคัญของความรักและความสัมพันธ์ในครอบครัวอย่างมาก และมักจะมีข้อคิดเตือนสติในการปฏิบัติตนต่อคนในครอบครัว เช่น
1. คนที่เป็นคนเจ้าชู้ เมื่อมีลูกเมียแล้วควรที่จะเลิก เพราะมันจะนำไปสู่ความเดือนร้อน ร้อนใจในครอบครัว
2. หากสามี ภรรยาเห็นว่าอยู่ด้วยกันไม่ได้แล้ว ไม่ควรที่จะรีรอให้ปัญหามันลุกลามใหญ่โต และไม่ควรเห็นแก่หน้าตาของตนในสังคม และเลิกกันไปเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมา
3. “ความรักซึ่งเริ่มจากที่บ้านจะเบ่งบานสู่ภายนอกด้วย” แม้ว่าพ่อของคุณวิกรมจะมีลูกกว่า 20 คน ทั้งจากทั้งภรรยาตามกฎหมายและนอกกฎหมาย แต่คุณวิกรมก็รักน้องๆและยินดีที่จะช่วยอุปการะน้องๆต่างมารดาเท่าที่จะทำได้ เพราะคิดว่าอย่างไรก็เป็นลูกของพ่อเหมือนกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม คุณวิกรมก็ไม่ได้สั่งสอนให้น้องจงเกลียดจงชังพ่ออย่างที่ตัวเองเป็น แต่กลับสั่งสอนน้องๆให้ไปเยี่ยมเยียนพ่อบ้าง คุณวิกรมดูแลน้องๆมาตั้งแต่ยังเด็ก จึงมีความผูกพันกับน้องๆมาก เหมือนกับเป็นพ่อคนที่สองเลยที่เดียว
4. การมีลูกเมื่อยังไม่พร้อมเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะชีวิตหนึ่งที่เกิดมานั้นจะกระทบต่อทั้งครอบครัวของฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย รวมทั้งต่อสังคมโดยรวมด้วย ดังนั้นคนที่คิดจะมีลูกนั้นควรที่จะคิดให้รอบคอบเสียก่อน ซึ่งความคิดนี้ของคุณวิกรมเหมือนกับของเรามาก เราให้ความสำคัญต่อชีวิตที่จะมาเกิดใหม่และทั้งชีวิตเล็กที่เกิดมาแล้วด้วย เพราะว่าต่อไปในภายภาคหน้า คนเหล่านี้เองที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนโลกใบนี้ต่อไปแทนพวกเราทุกคน สักวันหนึ่งถ้าเราต้องเป็นแม่คนขึ้นมา เราก็อยากที่จะเป็นแม่ที่ดีให้กับลูก พร้อมกับทุกสิ่งที่ทุกอย่างที่เด็กคนหนึ่งควรจะได้รับ
5. การปล่อยให้คนในครอบครัวลองผิดลองถูกเพื่อที่เขาจะได้รู้ และได้รับประสบการณ์ต่อหน้าเรา เช่น สุรา บุหรี่ และอื่นๆ เพราะยิ่งปิดกั้นเด็กไว้ไม่ให้ได้รู้ ได้ลอง เด็กก็จะยิ่งหนีไปหา และถ้าไปลองกับเพื่อนก็จะยิ่งทำให้เกิดปัญหา เพราะไม่ได้อยู่ในสายตาผู้ใหญ่ เมื่อทำอย่างนี้แล้ว เด็กๆก็จะไม่หมกมุ่นอยู่ในอบายมุขเหล่านั้น เพราะได้เรียนรู้และลองแล้ว

ในหนังสือเล่มนี้ คุณวิกรมยังได้สอนการใช้ชีวิตที่นำหลักธรรมเข้ามาแทรก เช่น การมีสติอยุ่เสมอเวลาที่จะทำอะไรก็ตาม และการระงับโทสะ เพราะมันอาจจะทำให้เกิดปัญหาตามมาได้ เช่นเมื่อตอนที่น้องของคุณวิกรมเอาปืนออกมาคิดจะยิงพ่อ แต่ก็ไม่ได้ยิง แต่กลับโดนพ่อยิง ถ้าหากคนเรามีสติอยู่กับตัวเสมอ เราก็ไม่มีทางที่จะเดินทางผิดไป

เราควรที่จะเป็นคนน้อบน้อม เหมือนรวงข้าวที่เต็มไปด้วยเมล็ดข้าวที่จะน้อมลงสู่ดิน และเราไม่ควรอวดดี หากไม่มีดีให้อวด แต่อย่างไรก็ตาม เราก็ยังคิดว่าแม้เราจะมีดีแค่ไหนก็ตาม เราก็ไม่ควรที่จะอวดดี เพราะเหนือฟ้ายังมีฟ้า

ข้อคิดในการทำธุรกิจที่ได้คือ
1. ควรกำหนดนโยบายทางการเงินไว้ให้ชัดเจน และไม่ควรนำเงินนั้นไปใช้จ่ายกับสิ่งอื่นนอกเหนือจากจุดประสงค์ที่ตั้งไว้ตอนแรก
2. เราควรให้ความสำคัญกับทรัพยากรบุคคล
3. เราสามารถนำหนักบริหารจากทั้งตะวันออกและตะวันตกเข้ามาผสานกัน เช่น ทางตะวันออกคือความจงรักภักดีต่อองค์กร และความเอื้อเฟื้อ มีน้ำใจ ส่วนจากฝั่งตะวันตกคือ การยึดถือความสามารถของบุคคลเป็นสำคัญ การไม่ใช้เส้นสาย และความไม่เกรงใจกันจนเกินเหตุ

โดยรวมแล้ว เล่มนี้ก็เป็นอีกเล่มที่เล่าถึงประวัติของบุคคลที่น่ารู้ และคุณวิกรมก็เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ถ้าหากใครอ่านเล่มนี้แล้ว คงจะไม่สงสัยเลยว่าทำไมคุณวิกรมถึงประสบความสำเร็จได้ เพราะความตั้งใจและทะเยอทะยานของท่าน แม้ว่าท่านจะสุขสบาย แต่ท่านก็ยังเป็นห่วงอนาคตของชาติที่จะเติบโตไปเป็นกำลังสำคัญของชาติในอนาคต ท่านจึงตั้งใจบอกเล่าเรื่องราวของท่านให้กับเด็กพวกนั้น เพื่อที่จะได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของคนอื่นโดยที่ไม่ต้องลองผิดลองถูกเหมือนอย่างที่ท่านเคยมาก่อน





Create Date : 26 สิงหาคม 2550
Last Update : 26 สิงหาคม 2550 8:54:12 น. 2 comments
Counter : 1813 Pageviews.

 
น่าอ่านค่ะ


โดย: January Friend วันที่: 27 สิงหาคม 2550 เวลา:13:35:03 น.  

 
เป็นบุคคลที่มีเรื่องราวที่น่าสนใจทีเดียว..
เมื่อวานเปิดทีวีช่อง 5 ก็เจอคุณวิกรมมาออกรายการด้วยค่ะ


โดย: เอื้อมดาว วันที่: 29 สิงหาคม 2550 เวลา:11:16:28 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

LpDeeDa
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




การที่เราเอาหนังสือที่เราอ่านอยู่นั้นมาย่อลงใน blog ก็ไม่ได้ตั้งใจว่าจะมีคนอ่านมากมายหรอก แต่แค่เป็นการกระตุ้นตัวเองให้ตั้งใจอ่านเข้าไว้ และนึกเสมอว่ายังมีคนที่ยังรออ่านใน Blog อยู่ (หรือเปล่า)
Friends' blogs
[Add LpDeeDa's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.