Bloggang.com : Kitamura : < Paranormal Activity : หนังหยอก หลอกคนดู >

< Paranormal Activity : หนังหยอก หลอกคนดู >

< Paranormal Activity : หนังหยอก หลอกคนดู >

ในปัจจุบันภาพยนตร์แนวผีสาง ได้ดูเหมือนจะเข้าซอยตันเข้าไปทุกทีๆ ทั้งพล็อตอันซ้ำซาก มุกผีหลอกสุดจำเจ และความคิดสร้างสรรค์ที่แทบจะหมดไป จนกลุ่มผู้ชมคนดูสามารถจะคาดเดาล่วงหน้าถึงลูกเล่นต่างๆของหนังผีได้อย่างแม่นยำ ราวกับหนังจะไม่สามารถหลอกล่อคนดูได้อีกต่อไป

สิ่งสำคัญที่เหล่าหนังผีส่วนใหญ่ มักจะขาดแคลนไป นั่นคือการวางหมาก วางเกม การปูพื้นฐานอารมณ์ และความคิดสร้างสรรค์ แต่ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมานี้ กลับไม่สามารถใช้ได้กับหนังผีเรื่อง “Paranormal Activity” ซึ่งกำกับโดย “ออเรน ปีลิ” เนื่องจากมันเป็นหนังที่ใช้การวางเกม วางกับดัก มีลูกล่อลูกชน บวกกับการปูอารมณ์อย่างใจเย็น

อย่างแรกสุดเลยคือ หนังสร้างตัวละครให้มีความขัดแย้งกัน นั่นคือคู่รัก “แคธี่”( แคธี่ ฟีทเธอร์สตัน) และ “มิคาร์”( มิคาร์ สโลท) โดยหนังกำหนดให้ตัวละครแคธี่ เป็นคนที่เชื่อเรื่องราวผีห่าซาตาน ซึ่งเธอก็เชื่ออย่างสนิทใจในเหตุการณ์ประหลาดๆที่เกิดขึ้นภายในบ้านว่าเป็นฝีมือของปีศาจอย่างแน่นอน ในขณะที่ตัวละครอย่างมิคาร์ กลับแทบไม่มีความศรัทธาหรือเชื่ออะไรในเรื่องทำนองนี้เลย เขาจะแสดงท่าทีเป็นปรปักษ์ทางความคิดกับแคธี่แทบทุกครั้งไป การที่ทั้งสองคิดเห็นไม่ตรงกันแบบนี้ เป็นตัวจุดชนวนความสนุกชั้นดีของหนัง และหนังยังค่อยๆปูอารมณ์ของเรื่องไปเรื่อยๆ พร้อมๆกับค่อยๆเผยปูมหลังที่มาของแคธี่ ซึ่งเป็นข้อมูลที่มีความสำคัญกับหนังที่สุดอย่างใจเย็น

ลูกเล่นประการถัดมาคือ การใช้โลเกชั่นเดียว นั่นคือบ้านของตัวละคร เนื่องจากการใช้บ้านเป็นโลเกชั่นเดียวของหนังตลอดทั้งเรื่อง(ไม่มีฉากที่อื่นเลย) ทำให้คนดูเกิดความ “คุ้นเคย” กับฉากหลัง และหนังยังทำให้คนดูเกิดการติดตากับบ้านหลังนี้ ด้วยการเอากล้องที่เสมือนแทนสายตาของคนดู มาวนเวียน เวียนวนอยู่แต่ในบ้าน จนผู้ชมเกิดความคุ้นชินกับบ้านหลังนี้ ราวกับบ้านของตัวเอง

หนัง Paranormal Activity ได้ใช้วางกับดักคนดูด้วยการสร้างฉากหลายฉากที่ทำท่าทำทางจะเดาออกได้ว่าหนังจะมีอะไรต่อ แต่หนังกลับตาลปัตร ทำลายความคาดเดาของคนดูอย่างหมดท่า อาทิเช่น หนังใช้มุมกล้องแบบเหมือนจงใจจะให้ผีปรากฏตัว แต่แล้วมันก็ไม่ออก จากนั้นตัวหนังก็จะค่อยๆเพิ่มดีกรีความแรงของเหตุการณ์ แต่ก็หลอกล่อคนดูด้วยการใช้เทคนิคภาพจางเป็นสีดำ แล้วค่อยเล่าเรื่องใหม่ จนในที่สุดคนดูก็จะรู้สึกตายใจ และไม่ได้ระแวดระวังอะไร

ความสมจริงเป็นการวางเกมอีกข้อที่หนังเรื่องนี้ใช้ ทั้งการให้คนดูเห็นหนังทั้งเรื่องจากมุมมองของกล้องที่มิคาร์ใช้ถ่ายเหตุการณ์ทั้งหมด และการไม่ใช้ดนตรีประกอบอะไรเลย จึงทำให้ดูเหมือนหนังจะพยายามกันตัวเองออกมาจากความเป็นหนัง ทำให้คนดูรู้สึกถึงความจริงในเรื่อง จนอาจเผลอตัวเผลอใจปล่อยไปกับหนัง

อีกทั้งการให้คนดูใช้จินตนาการของตัวเองอย่างเต็มที่ ด้วยการบดบังในบางฉากที่กำลังเกิดเหตุการณ์สยองขวัญ ตัวละครกรีดร้อง และกำลังจัดการแก้ปัญหา โดยที่คนดูไม่สามารถเห็นอะไรได้เลย คนดูจึงจำเป็นต้องใช้จินตนาการของตัวเอง ถึงความน่ากลัวนั้น ซึ่งแน่นอนว่าคนดูก็ย่อมต้องนึกถึงภาพความน่ากลัวแบบที่ตนกลัว ส่งผลให้หนังเกิดความน่าสะพรึง โดยที่หนังไม่ต้องให้คนดูได้เห็นอะไรเลย

และสิ่งสำคัญที่สุดในการทำให้คนดูอินไปกับหนังเรื่องนี้คือ การให้คนดูมีส่วนร่วมกับหนัง โดยตามตำราหนังแล้ว กล้องคือคนดู คนดูคือกล้อง การชมภาพยนตร์ ก็เหมือนกับการแอบเฝ้ามองเรื่องราวชีวิตของตัวละครในหนังเรื่องนั้นๆ ซึ่งดูเหมือนว่า Paranormal Activity จะนำคนดูเข้าไปมีส่วนร่วมกับเหตุการณ์ในหนังมากที่สุด ด้วยการให้คนดูเป็นกล้องของตัวละครมิคาร์ไปเลย จนคนดูได้อภิสิทธิ์พิเศษ ได้เห็นภาพเหตุการณ์อันเลวร้ายทั้งหมดก่อนตัวละครเสียอีก(ตัวละคร จะกรอกดูเทปเหตุการณ์ในตอนกลางวัน) และยังใช้ให้ตัวละครอย่างแคธี่ เหมือนหันมาด่าคนดูฉอดๆ เรื่องมิคาร์เอากล้องมายุ่งวุ่นวายกับเหตุการณ์ จนสถานการณ์มันเลวร้ายลงเรื่อยๆ และแคธี่ยังเกิดความรำคาญการถ่ายวีดีโอของมิคาร์เอามากๆ ซึ่งอาจเป็นการแอบจิดกัดคนที่กำลังดูหนังเรื่องนี้อยู่ก็เป็นได้ หรือแม้กระทั่งเจ้าปีศาจ(ในร่างแคธี่) ยังมาหยอกล้อกับคนดู ด้วยการกระโดดพุ่งเข้าหากล้องราวกับจะทำร้ายคนดูยังไงยังงั้น

ลูกเล่นต่างๆทั้งหมดนี้ ถูกใช้ใส่ลงไปในหนังอย่างเป็นระบบ เสมือนรถที่ถูกสตาร์ทและอุ่นเครื่องจนร้อน แล้วพุ่งสู่คนดูในตอนท้ายเรื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่ทันที่คนดูจะตั้งตัว!

kitamura

Create Date : 05 กรกฎาคม 2553

Last Update : 5 กรกฎาคม 2553 19:49:25 น.

1 comments

Counter : 1134 Pageviews.

สวัสดีตอนดึกๆ ฝันดีนะคะ ^^

โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว

วันที่: 5 กรกฎาคม 2553 เวลา:22:02:38 น.