< KITAMURA : ราชบุตรจากขุมนรก >
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2552
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
13 พฤษภาคม 2552
 
All Blogs
 
< Funny Games : เกมสนุกๆของฮาเนเก้ (1997) >






ผมรู้จัก “ไมเคิล ฮาเนเก้” เป็นครั้งแรกผ่านการดูหนังระทึกขวัญของเขาเรื่อง “Hidden”(2005) ซึ่งผมต้องขอสารภาพก่อนเลยว่า ก่อนหน้านั้นผมไม่เคยดูงานของฮาเนเก้มาก่อนเลย ดังนั้นตัวผมเองก็เลยไม่สามารถที่จะคาดคะเนอารมณ์หนังของผู้กำกับคนนี้ได้(ปกติที่ผมเป็นคนที่ชอบคาดเดาอะไรต่างๆไปเรื่อย)

แต่เชื่อว่าใครหลายคนคงเคยได้ยินเคล็ดลับบางประการในการดูหนังให้สนุกที่ว่า “ไม่ต้องรู้อะไรมาก่อนทั้งสิ้น"

กล่าวคือ ในหลายครั้งๆเรามักจะต้องได้ยินพล็อต หรือพวกเรื่องราว เรื่องย่อในหนัง ไม่ก็จะต้องเห็นภาพตัวอย่างหนัง รูปนิ่ง อะไรพวกนี้กันเป็นประจำ ซึ่งถ้าเราลองตัดสิ่งเหล่านั้นออกไปจากการรับรู้ของเราก่อนที่จะชมหนังซักเรื่องหนึ่ง แน่นอนล่ะครับว่าเมื่อใช้วิธีนี้ในการดูหนัง พวกอาการความตื่นเต้นทั้งหลายในการจะดูหนังเรื่องนั้นๆก็จะเพิ่มขึ้นมาเป็นทวีคูณเลยทีเดียว






ยิ่งเมื่อนำวิธีนี้ไปใช้กับการดูหนังแนว “หลบๆซ่อน” ก็มักจะได้ผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยมเสมอ(แต่หนังเรื่องนั้นๆมันก็ต้องดีในระดับหนึ่งด้วยนะเออ) ซึ่งวิธีทำให้ตัวเองมีอาการ “ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย” นี้ ผมก็ได้นำมาใช้ในการชมหนัง Hidden ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ออกมาคือ ผมแทบจะกอดคอเป็นเพื่อนกับฮาเนเก้ และในขณะเดียวกันผมก็อยากจะถีบมันมากซะเหลือเกิน!

เปล่าหรอกครับ หนังเรื่อง Hidden ไม่ได้ห่วยแตกเสียจนน่าถีบแต่อย่างใด แต่เหตุผลที่อยากจะประทุษร้ายฮาเนเก้นั้น ก็เนื่องมาจาก “ความกวนประสาท” ของหนังนั่นเอง ซึ่งไอ้การกวนประสาทราวกับชอบตบหัว(แต่ไม่มีลูบหลัง?)คนดูหนังนี่เอง ที่กลายมาเป็นเครื่องหมายการค้าสำคัญในสายตาของเหล่าคนดูและนักวิจารณ์ไปซะอย่างงั้น






และเมื่อผมได้กอดคอเป็นเพื่อนกับฮาเนเก้แล้ว หน้าที่ต่อไปที่จำเป็นต้องทำก็คือ ต้องรู้จักเพื่อนคนนี้ให้มากขึ้น และด่านแรกที่ต้องผ่านไปให้ได้คือ การมานั่งดูหนังเรื่อง “Funny Games”
หนังเก่าอันลือลั่นของฮาเนเก้ ที่นอกจากผมจะหวังเรื่องความสนุกสนานจากการคุยกับเพื่อนคนนี้อีกครั้งแล้ว การดู Funny Games มันก็อาจตอบคำถามที่ว่า ทำไมเพื่อนฮาเนเก้ถึงได้ชอบกวนประสาทคนดูนัก? และเขาใจร้ายกับคนดูจริงๆหรือไม่? ได้บ้าง

แต่ก็ต้องขอออกตัวอีกครั้งครับว่า ผมนั้นยังไม่ได้ดู Funny Games ฉบับรีเมคเลย และเหตุผลที่ยังไม่ได้ดูนั้น ก็มาจากการได้ฟังคำพูดจากปากของผู้กำกับฮาเนเก้คนเดิมประมาณว่า “Funny Games เวอร์ชั่นใหม่ มันก็เหมือนของเดิมนั่นแหละ เพียงแต่เปลี่ยนนักแสดง และภาษาที่พูดเป็นอังกฤษเท่านั้นเอง”(กวนประสาทอีกแล้ว)




Funny Games เปิดเรื่องด้วยภาพจากมุมสูง เห็นรถคันนี้กำลังแล่นไปตามทาง พร้อมๆกับเสียงดนตรีแบบคลาสิกๆเปิดคลอไปด้วย บุคคลที่นั่งอยู่ในรถคือ ครอบครัวๆหนึ่งอันประกอบไปด้วย สามี “เกออร์ก”(อูลริช มูฮี) และภรรยา “แอนนา”(ซูซาน ลอธาร์) พร้อมด้วยลูกชายวัยกำลังโต(สเตฟาน คราฟซินสกี้)

ในขณะที่ผู้ชมกำลังเพลินไปกับการเปิดแผ่นเพลงคลาสสิกในรถของ เกออร์ก และ แอนนา ทันใดนั้นอยู่ดีๆหนังก็ใส่เพลงร็อค ทำนองมั่วๆซั่วๆที่บรรเลงอย่างเกรี้ยวกราด เข้ามาเฉยเลย แต่ภาพของหนังก็ยังคงเป็นภาพครอบครัวของเกออร์กที่ยังคงยิ้มมีความสุขกันอยู่ในรถ

เสียงดนตรีประกอบอันบ้าคลั่งที่ดูจะขัดแย้งภาพนี้ แทบจะส่งผมให้อารมณ์ของผมแตกกระเจิงขึ้นมาทันที(แค่เริ่มเรื่อง เพื่อนฮาเนเก้ก็เล่นเราซะแล้ว) ราวๆกับหนังจะบอกผมว่า หนังเรื่องนี้มีอะไรให้ “กระเจิง” อีกเยอะ!







แล้วรถคันดังกล่าว ก็มาจอดที่บ้านพักตากอากาศหลังหนึ่ง และทั้ง เกออร์ก และ แอนนา ก็ได้ทักทายกับเพื่อนบ้านแถวนั้น แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็น “พอล” (อาร์โน ฟริซ) เด็กหนุ่มแปลกหน้า ใส่ถุงมือ ชุดขาว ยืนอยู่กับเพื่อนบ้านของเกออร์ก

จนกระทั่ง แอนนา ได้เข้ามาทำครัวอยู่ในบ้าน ก็มี “ปีเตอร์”(แฟรงค์ เกียร์ริ่ง) เด็กหนุ่มแปลกหน้า ใส่ถุงมือ ชุดขาวอีกคน ที่อ้างว่ามารู้จักกับเพื่อนบ้านของแอนนา และมาขอยืมไข่เพื่อไปใช้ประกอบอาหาร

ทันทีที่ปีเตอร์เริ่มท่าทีคุกคามและกวนประสาท ทั้งทำไข่ที่ยืมตกแตก และทำโทรศัพท์ของแอนนาตกน้ำ เจ้าพอล ก็มาร่วมก่อสงครามประสาทด้วยอีกคนด้วยการเอาไม้กอล์ฟของเกออร์กมาเล่น จนเมื่อเกออร์ก และลูกชาย ได้มาเข้าบ้านกันแบบพร้อมหน้าตาพร้อมตา พอล และ ปีเตอร์ ก็เริ่มเกมบ้าๆขึ้นกับครอบครัวนี้






หลังจากที่ช่วงเปิดเรื่อง ฮาเนเก้ ได้เริ่มส่งสัญญาณเตือนคนดูแล้วว่า ไม่มีอะไรที่ไม่แน่นอน อยู่ในหนังเรื่องนี้(จู่ๆก็เปิดเพลงบ้าอะไรก็ไม่รู้) และฮาเนเก้ก็ยังดูจะใจดี ด้วยการส่งสัญญาณเตือนอีกครั้ง ด้วยการให้ ปีเตอร์ทำไข่ตกแตก ถึงสองครั้งสองหนในหนัง และหนังก็ยังให้เห็นสภาพของไข่ที่ตกแตกอย่างชัดเจนทั้งสองครั้ง

ซึ่งเราก็ทราบกันดีว่า ไข่นั้น มันออกจะบอบเบาขนาดไหน นอกจากนี้ถ้าเราไม่มีความระมัดระวังอย่างเพียงพอในการถือไข่ มันก็ยังพร้อมที่จะ “แตกกระจาย” ได้ตลอดเวลา คล้ายๆกับการดูหนังเรื่องนี้ ที่ถ้าครองสติได้ไม่ดีระหว่างที่รับชม อารมณ์คุณอาจแตกกระจายเหมือนไข่ที่ตกแตกก็เป็นได้!






จริงๆแล้ว หนังเรื่อง Funny Games ก็มีโครงเรื่องที่เหมือนๆกับหนังเขย่าขวัญประเภทผู้รายบุกถึงบ้านสูตรสำเร็จอีกเรื่องหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็น เหยื่อดวงซวยโดนคนร้ายบุกรุกพื้นที่ส่วนตัว(ในเรื่องนี้คือบ้าน)โดยไม่รู้สาเหตุ(แล้วค่อยๆมาเฉลยในตอนท้ายๆ) และเหยื่อก็ต้องกระเสือกกระสนหาทางให้ชีวิตตัวเองและคนอื่นรอดให้ได้ แต่ก็ต้องโดนผู้ร้ายมาขัดขวางความหวังที่จะรอดชีวิตนั้นเป็นระยะๆ

ซึ่ง Funny Games ก็เป็นไปตามนั้นทุกประการ แต่ทว่ามีหลายสิ่งที่ Funny Games ต่างออกไปจากหนังคนโฉดโรคจิตบุกบ้านเรื่องอื่นๆ อยู่เยอะทีเดียว ประการแรกเลยก็คือ เรื่องความโหดและโรคจิตของตัวร้าย ที่เอาเข้าจริงๆแล้ว ฉากทรมานเหยื่อเหล่านั้น ก็แทบจะไม่ค่อยได้เห็นกันแบบจะๆนัก แต่หนังกลับให้ได้ยินเพียงเสียงอันโหยหวนจากการถูกทำร้ายของคนในครอบครัวเกออร์กเป็นซะส่วนใหญ่

ซึ่งการที่หนังเผยให้ได้ยินแต่เสียงแต่กลับไม่เห็นภาพกระทำนี้ ตัวเสียงร้องของตัวละครหรือเสียงของที่สิ่งกำลังเกิดขึ้น(เสียงปืน,เสียงมีด)นี่เอง ที่เป็นเทคนิคชั้นดี ที่สามารถให้กระตุ้นให้คนดูเกิด “จินตนาการ” ภาพชวนช็อคในแบบของตัวเอง(ซึ่งแน่นอนว่าภาพความหวาดกลัวของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน)ขึ้นมา จนสร้างความหวาดผวาได้อย่างเท่าเทียมกันทุกคน






ประการถัดคือ การยั่วล้อกับความรู้สึกของคนดู อย่างการให้ตัวละครวายร้ายอย่าง พอล กับ ปีเตอร์ ใส่ชุดขาว ถุงมือสีขาว ดูสะอาดสะอ้าน แต่มันกลับขัดแย้งกับจิตใจข้างในอันดำมืดของตัวละครทั้งสองยิ่งนัก รวมไปถึงการที่ปีเตอร์กับพอล ชอบหยิบจับไม้กอล์ฟไปมา ต่อหน้าครอบครัวเกออร์ก(และคนดู) ก็ยิ่งเป็นเหมือนการยั่วล้ออย่างดี ราวกับปีเตอร์กับพอลจะรู้ว่าทั้งสิ่งที่ทั้งคู่กระทำอยู่มันช่างยั่วยุให้ครอบครัวเกออร์กรวมไปถึงคนดูอยากจะเอาไม้กอล์ฟนั่นหวดแม่งออกไปไกลๆเหมือนกับเวลาไปไดร์ฟกอล์ฟเลย!(สติชักเริ่มเสีย เหมือนไข่แตกแล้ว)

และนอกจากความสามารถในการกระตุ้นความกลัวและการยั่วโมโหนั่นแล้ว สิ่งที่ Funny Games แตกต่างไปกับเพื่อนหนังเขย่าขวัญร่วมรุ่นอีกประการก็คือ ไม่ใช่เพียงตัวละครผู้ร้ายเท่านั้นที่จะสนุกกับการทรมานเหยื่อ แต่ตัวคนทำหนังอย่างฮาเนเก้เองก็อยากสนุกและอยากมีส่วนร่วมในการทรมานตัวละครในหนังของเขา และอาจรวมไปถึงทรมานคนดูตาดำๆอย่างเราๆด้วย!

สิ่งที่เห็นได้ชัดเลยว่าฮาเนเก้อยากสนุกกับตัวละครและคนดู มันค่อยๆเริ่มมาจากบางซ็อต ที่อยู่ดีๆตัวละครที่ชื่อว่าพอลก็หันมายิ้มและกระพริบตาให้กับกล้อง และบางฉากที่พอลก็หันมาคุยกับกล้องเลย(เหมือนคุยกับคนดู) ไปจนถึงฉากที่พอลกำลังไล่ต้อนลูกชายของเกออร์ก ที่ในฉากนั้นกำลังตกอยู่ในความเงียบงับ และจู่ๆพอลก็พูดขึ้นมาว่า “มันเงียบไปหน่อย เปิดเพลงหน่อยดีกว่า” และเพลงร็อคบ้าๆในฉากเปิดเรื่องก็ดังขึ้น พร้อมกับการไล่ล่าระหว่างพอลและลูกชายของเกออร์กก็ยังคงดำเนินต่อไปตามปกติ

และที่ดูหนักสุดก็คือฉากจุดแตกหักของหนัง เมื่อแอนนา หันมาหยิบปืนยิงปีเตอร์จนกระเด็นออกไปอย่างแรง แต่ดูเหมือนว่าพอล(หรือมองในอีกแง่คือฮาเนเก้)ไม่พอใจที่ปีเตอร์ตายลง พอลจึงไปหยิบรีโมททีวีและกรอภาพเหตุการณ์กลับ(ก็ภาพหนังที่เราดูอยู่นี่แหละ)ไปจนถึงตอนที่ปีเตอร์ยังไม่โดนยิงและพอลก็ยั้งการสังหารปีเตอร์ของแอนนาได้สำเร็จ(กวนประสาทจริงๆ)





ซึ่งถ้าไม่มองในแง่ร้ายจนเกินไปนัก จริงอยู่ที่เราคนดูอาจตกเป็นเหยื่อจริงๆของหนัง(ไม่ใช่ตัวละครครอบครัวเกออร์ก) และโดนผู้ร้ายตัวจริงของหนังอย่างฮาเนเก้ กลั่นแกล้งเราให้หัวเสีย แต่ถ้ามองในมุมอีกหนึ่ง การที่ฮาเนเก้ให้ตัวละครมาพูดคุยกับคนดูได้ไปจนถึงอยู่ดีๆก็เปลี่ยนจุดไคล์แมกซ์ของเรื่องตามอำเภอใจ ก็เหมือนจะเป็นการ “กันไม่ให้คนดูมีอารมณ์ร่วมกับหนัง” และตัวหนังก็ยังกันคนดูจนถึงวินาทีสุดท้ายของหนัง เมื่อพอลหันมายิ้มทิ้งท้ายให้กล้อง พร้อมๆกับจอหนังก็ขึ้นด้วยคำว่า “Funny Games” ราวกับฮาเนเก้จะบอกกับคนดูว่า “สิ่งที่เห็นมาทั้งเรื่องนี้ มันก็เป็นเพียงแค่หนังเท่านั้นเอง ไม่ใช่ของจริงซักหน่อย มันก็แค่เกมสนุกๆเท่านั้นเองนะจ๊ะ”

ซึ่งไอ้การกันคนดูให้ถอยห่างออกจากหนังนี่เอง ที่ทำให้ใครหลายคนมองว่ามันเป็นการกวนประสาทของฮาเนเก้(จริงๆแล้วเขาเองก็ออกจะใจดีนะ เตือนคนดูตั้งหลายครั้งว่าอย่าสติแตกระหว่างดู-ฮา) และแม้ว่าหนังเรื่องนี้จะจบลง แต่ก็ดูเหมือนว่าฮาเนเก้จะไม่ยอมหยุด เขายังคงสนุกกับการทำสงครามประสาทกับคนดูต่อไป(พิสูจน์ได้จากหนังเรื่อง Hidden)

และไม่ว่าหนังเรื่องอื่นๆของเขาจะมีชื่อหนังที่ไม่เหมือนกับเรื่อง Funny Games ซักเพียงใด แต่ในความเป็นจริงแล้วหนังเรื่องอื่นๆของฮาเนเก้ ก็ไม่ต่างจากการสร้าง “เกมสนุกๆ” อีกเกมหนึ่งโดยมีผู้เล่นสำคัญสองฝ่ายนั่นคือเขาและคนดูนั่นเอง…

kitamura



ป.ล. ถ้าอยากจะดูหนังของไมเคิล ฮาเนเก้ให้สนุกขึ้น ก่อนรับชม กรุณาทำตัวเองให้อยู่ในอาการ “ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย” จะเป็นการดีที่สุด






Create Date : 13 พฤษภาคม 2552
Last Update : 26 ตุลาคม 2552 16:03:53 น. 3 comments
Counter : 4477 Pageviews.

 
ดูนานแล้วทางแผ่น ชื่นชม Funny Games มากๆแม้จะเป็นหนังร้ายที่หดหู่สุดๆ แต่ Hidden นี่ผมค่อนข้างเกลียด เพราะหาจุดชื่นชมแทบไม่ได้เลย


โดย: joblovenuk วันที่: 14 พฤษภาคม 2552 เวลา:9:20:38 น.  

 
ครอตใจร้ายเลย อยากจะเอารีโมตไปฟาดหัวผู้กำกับ แล้วตะโกนว่า แม่--------- ให้ความหวัง..ทำไม


โดย: Ghoeby วันที่: 14 พฤษภาคม 2552 เวลา:10:31:15 น.  

 
รักเรื่องนี้มากครับ เป็นตัวแทนของความประสาท


โดย: tar IP: 130.88.170.185 วันที่: 5 ธันวาคม 2553 เวลา:8:06:01 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Kitamura
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add Kitamura's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.