รีวิวสบายๆ : Batman Forever

"Batman Forever"
ภาคที่ 3 ของหนังชุดแบทแมน สับเปลี่ยนรางหันมาใช้บริการจากผู้กำกับ "โจเอล ชูมัคเกอร์" และเปลี่ยนโทนหนังให้ดูสดใสและดูเป็นการ์ตูนมากกว่าสองภาคแรก
ผลลัพธ์คือ หนังโดดเด่นด้วยงานโปรดักชั่นดีไซน์ราวกับละครเวที ทั้งตึกสูงเฉียดฟ้าในก็อทแธม , ถ้ำค้างคาวและของเล่นสุดไฮเทค , เครื่องแต่งกายอันแสบสันต์ของเหล่าวายร้าย พร้อมทั้งสาดแสงทั้งสีน้ำเงิน , ขาว , ม่วง , แดง และเขียว ตัดกันให้วุ่นไปหมด จนสามารถสร้างโลกอัตลักษณ์เฉพาะตัวได้อย่างน่าชื่นชม
ทว่าส่วนที่เหมือนจะเป็นข้อด้อยของตัวหนังคือ การเล่าเรื่องที่ไม่ราบรื่น และการแสดงที่ยังขาดๆเกินๆ จนทำให้หนังดูไม่มีความสม่ำเสมออยู่เนืองๆ
ถึงกระนั้น อย่างน้อยภาคนี้ ตัวละคร "บรูซ เวย์น" ก็กลับมามีความสำคัญกับเนื้อหา (หลังจากภาคสอง ตัวละครนี้มีสภาพเหมือนตัวประกอบ) และ "วัล คิลเมอร์" ก็เล่นได้โอเค กับฉากเปลือยความรู้สึกความหลังอันโหดร้ายในวัยเด็ก
แต่สิ่งที่น่าสนใจในหนัง "Batman Forever" จริงๆคือ การเป็นหนึ่งในหนังฮอลลีวู้ดที่ร่วมแคมเปญ "โทรทัศน์เป็นสิ่งไร้สาระและน่ากลัว"
ต้องเท้าความก่อนว่า วงการหนังฮอลลีวู้ดชอบยัดเยียด สร้างภาพให้วงการทีวีเป็นดั่งผู้ร้ายหลายต่อหลายเรื่อง นับตั้งแต่ในปรากฎการณ์โทรทัศน์แย่งคนดู (ตอนที่ทีวีเพิ่งถือกำเนิดใหม่ๆ) จนระบบโรงภาพยนตร์ต้องปรับเปลี่ยนกันขนานใหญ่ (อาืทิ The Truman Show)
โดย Batman Forever หนังเลือกที่จะกำหนดให้ตัวร้ายใช้เครื่องดูดความคิดและสติปัญญาผ่าน "ทีวี" ซึ่งคนที่ดูเจ้าทีวีดังกล่าว ก็จะถูกปล้นความคิดอยู่ตลอดช่วงเวลาที่อยู่หน้าจอทีวี
ผมไม่แน่ใจว่า ผู้สร้างตั้งใจซ่อนนัยยะดังกล่าวหรือไม่? แต่สิ่งที่น่าขบขันอยู่ไม่น้อยคือ ข้อกล่าวหาโจมตีดังกล่าวก็ดูย้อนแย้งในตัวเอง เมื่อ Batman Forever คล้ายกับจะโจรกรรมความคิดของผู้ชมอยู่หลายห้วงเช่นกัน (ฮา)
Kitamura
Create Date : 04 กันยายน 2555 |
Last Update : 4 กันยายน 2555 19:32:35 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1700 Pageviews. |
 |
|
|
|
|