Bloggang.com : Kitamura : รีวิว < 28 Weeks Later : ซอมบี้แบบ 28 (2007) >

รีวิว < 28 Weeks Later : ซอมบี้แบบ 28 (2007) >

< 28 Weeks Later : ซอมบี้แบบ 28 (2007) >

เมื่อเอ่ยถึงหนัง “ซอมบี้” ชื่อบุคคลแรกๆที่มักจะเอ่ยตามมาด้วยเป็นประจำนั่นคือ “จอร์จ เอ.โรเมโร่” เนื่องจากเขาคือบุคคลที่เหล่าผู้กำกับหนังซอมบี้คนอื่นๆ(และรวมไปถึงเหล่าซอมบี้ในหนัง)ต่างเรียกเขาว่า “บิดาแห่งหนังซอมบี้” เหตุผลก็มาจากเขาคือคนที่ทำให้หนังซอมบี้ไม่ใช่เป็นเพียงแค่หนังหนึ่งในตระกูลย่อยของหนังสยองขวัญ แต่เขาสามารถทำให้หนังซอมบี้มีคุณภาพและยังดูมีสมองมากกว่าที่จะหนังเรื่องคนที่ตายไปแล้วลุกขึ้นมาขย้ำคอคนอย่างดาษๆ หนังซอมบี้ของ โรเมโร่ ยังสะท้อนและวิพากษ์วิจารณ์ถึงพฤติกรรมของมนุษย์ โดยแสดงสิ่งเหล่านั้นผ่านเหล่าตัวซอมบี้และเหล่าตัวละครที่กำลังกระเสือกกระสนดิ้นรนหนีตายจากจากพวกซอมบี้ ซึ่งหนังซอมบี้ชอง โรเมโร่ ที่โด่งดังมาก ก็มีหนังซอมบี้ที่เรียกกันว่า “ไตรภาคแห่งความตาย” อันประกอบไปด้วย “Night of the Living Dead”(1968) , “Dawn of the Dead” (1978) และ “Day of the Dead”(1985)

ที่ผมเล่าเรื่องของ โรเมโร่ นี้ ก็เพื่อโยงใยสู่หนังเรื่องหนึ่งครับ ซึ่งเป็นหนังซอมบี้เหมือนกันและยังมีคุณภาพสู้กับหนัง โรเมโร่ ได้สูสีทีเดียว หนังที่ผมพูดถึงนั่นคือหนังเรื่อง “28 Days Later”(2002) ของผู้กำกับ “แดนนี่ บอยล์” 28 Days Later มีจุดเด่นอยู่ที่การแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่เลวร้ายกว่าพวกซอมบี้ ซึ่งสิ่งๆนั้นอยู่ใกล้ตัวพวกเรา ยากที่จะคาดเดาและรับมือกับมัน นั่นคือ “จิตใจของมนุษย์” ที่สุดแสนจะเลี้ยวลดคดเคี้ยว หนังใช้วิธีค่อยๆเผยประเด็นนี้ออกมา ทำให้คนดูรู้สึก “คาดไม่ถึง” กับประเด็นที่หนังจะสื่อถึง ส่วนความสนุกแบบ “หนังซอมบี้ๆ” ของหนังเรื่องนี้ก็แปลกกว่าหนังซอมบี้เรื่องอื่นๆ กล่าวคือ หนังมีฉากความรกร้างของมหานครลอนดอนเป็นตัวสร้างความน่าสะพรึงกลัวให้กับคนดูมากกว่าที่จะใส่ฉากซอมบี้บุกขย้ำคอมนุษย์เหมือนหนังซอมบี้เรื่องอื่นๆ ซึ่งหนังก็สามารถทำให้คนดูรู้สึกสะพรึงกลัวได้จริงๆ(ฉากมหานครลอนดอนร้างหนังทำได้เหมือนจริงจนน่าขนลุก!) และฉากเมืองร้างแบบนี้ก็เป็นจุดเด่นอีกอย่างของหนังเรื่องนี้เช่นกัน ซึ่งผมขอถือวิสาสะตั้งชื่อเรียกอารมณ์ที่ได้จากฉากแบบนี้ว่า อารมณ์แบบ “28” นะครับ และก็เป็นที่น่ายินดีที่หนังเรื่องนี้ทำเงินได้อย่างผิดคาดของเหล่าผู้สร้าง( 28 Days Later ไม่ได้เป็นหนังที่ฟอร์มใหญ่ทุนสูงแต่อย่างใด) เหล่าผู้สร้างเลยสร้างภาคต่อออกมา เป็นหนังเรื่อง “28 Weeks Later” ซึ่ง แดนนี่ บอยล์ ถอยหลังไปเป็นโปรดิวเซอร์ และให้ “ฮวน คาร์ลอส เฟสนาดิลโล” กำกับแทน

28 Weeks Later เป็นเรื่องราวของ กองทัพทหารของอเมริกาที่ประกาศชัยชนะจากการปราบไวรัสที่ทำให้คนกลายเป็นซอมบี้ และประกาศว่าเกาะอังกฤษเป็นที่ปลอดเชื้อเหล่านั้น จนการมาถึงของกลุ่มอพพยกลุ่มใหม่ ที่จะเป็นต้นเหตุของการระบาดอีกครั้ง...

จุดเด่นของหนังภาคนี้ที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ หนังใส่ฉากแอ็กชั่นมาว่าภาคแรกมาก และหนังก็แทบจะทิ้งประเด็นหนังของภาคแรกออกไปเลย เรียกได้ว่าหนังมีการดำเนินเรื่องแบบเป็นหนังซอมบี้ไล่ล่ากันอย่างเต็มตัว แต่ถึงกระนั้นฉากแอ็กชั่นเหล่านั้น หนังก็ทำออกมาได้ในระดับดีเยี่ยม ทั้งตื่นเต้น และลุ้นระทึกมาก จนคนที่ผิดหวังจากฉากแอ็กชั่นของภาคแรกที่มีปริมาณน้อย น่าจะเต็มอิ่มกับฉากซอมบี้บุกไล่ล่ากันเกือบตลอดทั้งเรื่องของหนังภาคนี้แน่นอน และที่สำคัญหนังภาคนี้มีฉากที่จะแสดงอารมณ์แบบ “28” เหมือนเดิม

ในตอนจบของหนัง หนังจบความคลุมครือ คล้ายจะเป็นการทิ้งเชื้อไว้สร้างภาคต่อ ซึ่งก็น่าลุ้นว่าหนังจะมีการสร้างภาคต่ออีกหรือไม่? และหนังจะออกมาในรูปแบบไหนอีก? แต่ที่ไม่ต้องลุ้นคือหนังภาคต่อเรื่องหน้ามันจะต้องชื่อ “28 Months Later” แน่นอน (^_^)

kitamura

Create Date : 30 เมษายน 2552

Last Update : 30 เมษายน 2552 13:54:44 น.

2 comments

Counter : 3333 Pageviews.

เย้ ป๋มชอบดูหนังซอมบี้ หนุกดีคร้าฟ ยิงๆๆ =O=

โดย: ~๐ ป ฐิ บั ติ กา S ตา ม ล่า จ O ก ศั ก ดิ์ สิทธิ์ ๐~ IP: 110.164.86.218 วันที่: 12 ตุลาคม 2552 เวลา:9:49:32 น.

น่าดูมากครับ เพ่น้อง ปังๆๆๆๆๆๆ

โดย: นายกของไทย IP: 110.164.138.74 วันที่: 12 ธันวาคม 2552 เวลา:13:33:19 น.