|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
< Dreams : ฝันร้ายที่กำลังจะกลายเป็นจริง...(1990) >

ดูเหมือนว่าปัญหา โลกร้อน จะค่อยๆทวีความรุนแรงขึ้นอย่างเงียบๆขึ้นทุกวินาทีแล้วนะครับ เห็นได้ชัดจากสภาพอากาศของทั่วโลกที่ค่อยๆแปรปวนไปหมด และดูเหมือนว่าโลกเราก็กำลังพยายามจะ จาม สิ่งสกปรกออกจากตัวเอง ซึ่งส่งผลให้มนุษย์ต้องเผชิญกับความวิบัติของภัยธรรมชาติ แต่ผมเองก็ยังมองเห็นคนทั่วไป(รวมทั้งตัวผม) ยังมองว่าเรื่องปัญหาโลกร้อน ยังเป็นเรื่องที่ไกลตัวเราอยู่เลย โดยเฉพาะบ้านเรา ที่ยังเห็นว่าเรื่องทำมาหากินและเรื่องปากท้องเป็นเรื่องที่สำคัญกว่า
ผมคนนึงล่ะครับ ที่ยังคงมองข้ามสภาพปัญหาโลกร้อน จนมาถูกไอ้หุ่นเก็บขยะวอลล์-อี ตบหน้าฉากใหญ่ ด้วยการที่หนังแอนิเมชั่น Wall-E(2008) ทำประโยคยอดฮิตของบรรดานักรณรงค์เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ว่า ถ้าเราไม่ยอมดูแลโลกในวันนี้ ในวันข้างหน้าลูกหลานจะอยู่กันได้อย่างไร? ให้ออกมาเป็นภาพให้เห็นไปเลยว่า ลูกหลานเรา ก็ระเห็จไปอยู่นอกโลกน่ะสิ! แถมลูกหลานเรา ก็ไม่รู้จักดาวบ้านเกิดเมืองนอนเอาซะเลย จนต้องมานั่งหาข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ ว่าโลกคืออะไร? และที่น่าอายคือสิ่งที่บรรพบุรุษของเขา(ซึ่งก็คือเรา)ดันไปทำโลกซะเละตุ้มเป๊ะ จนลูกหลานเราไม่สามารถอยู่อาศัยได้

ซึ่งหนังเรื่อง Wall-E ก็สามารถกระตุ้นให้ผมตระหนักถึงปัญหานี้ขึ้นมาอย่างจริงๆจังๆ และผมก็ตั้งปณิธานเอาไว้ว่า ผมจะไม่เป็นหนึ่งในคนที่ทำโลกพัง จนลูกหลานต้องมาแอบด่าเราอย่างในหนัง Wall-E แน่นอน! ส่วนจะทำได้มั้ย ? นั่นก็เป็นอีกเรื่องนึง(อ้าว)
แต่ถ้าพูดถึงหนังที่เล่าเรื่องสะท้อนผลการกระทำต่อธรรมชาติของมนุษย์ หนังอีกเรื่องที่ผมว่ามันว่าพูดถึงประเด็นนี้ได้ดีเช่นกัน คือหนังเรื่อง Dreams ของ อากิระ คุโรซาว่าครับ หนังเรื่อง Dreams พูดถึงเรื่องปัญหาเรื่องสงคราม ปัญหาสิ่งแวดล้อม และการฝืนธรรมชาติของมนุษย์จนโลกแทบจะพังทลาย ผ่านเรื่องสั้น หรือ ความฝัน 8 ตอน อันประกอบไปด้วย ฝันที่ 1 เล่าเรื่องราวของเด็กคนหนึ่ง ไปที่แอบดูขบวนงานแต่งของเหล่าสุนัขจิ้งจอก ในวันที่ฝนตกท่ามกลางแสงแดด,ฝันที่ 2 เล่าเรื่องของเด็กคนหนึ่งที่เจอกับเหล่าวิญญาณแห่งต้นท้อในสวนต้นท้อหลังบ้าน ที่ไม่พอใจ เมื่อครอบครัวของเด็กคนนี้ไปตัดต้นท้อในสวน มาทำตุ๊กตา,ฝันที่ 3 เล่าถึงกลุ่มนักปีนเขา ที่ปีนเขาฝ่าพายุหิมะ เพื่อหาทางกลับที่พัก จนชายคนหนึ่งในกลุ่มนี้ เจอ(น่าจะเป็น)ผี!,

ฝันที่ 4 เล่าเรื่องราวของ ทหารเก่าคนหนึ่ง ที่เดินทางผ่านอุโมงค์ แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อ เขาต้องเจอกับทหารที่เขาเคยบัญชาการมาก่อนในสงคราม มันจะไม่น่าตกใจได้อย่างไง เมื่อทหารคนนั้น ตายไปแล้วน่ะสิ!,ฝันที่ 5 เล่าเรื่องของจิตกรคนหนึ่งที่หลุดเข้าไปในภาพวาดของศิลปินชื่อก้องโลก วินเซนต์ แวน โก๊ะ จนพบกับ แวน โก๊ะ ตัวเป็นๆ(แสดงโดย มาร์ติน สกอร์เซซี),ฝันที่ 6 เมื่อโรงปฏิกรณ์นิวเคลียร์ระเบิดจนทำให้ภูเขาไฟฟูจิปะทุขึ้น ทำให้ผู้คนหนีตายกันอย่างอลหม่าน,ฝันที่ 7 เล่าเรื่องของโลกที่พังทลาย จากพิษของนิวเคลียร์ จนทำให้มนุษย์ พืช และสัตว์ ต่างกลายพันธุ์อย่างบิดเบี้ยวไปหมด และฝันที่ 8 ฝันสุดท้าย เล่าเรื่องราวของนักท่องเที่ยวหนุ่มคนหนึ่ง ที่เดินทางมาเที่ยวในหมู่บ้านที่มีกังหันน้ำมากมาย หมู่บ้านแห่งนี้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันเงียบสงบและร่มรื่น ชายหนุ่มได้มาสนทนากับชายแก่คนหนึ่งที่ทำให้ความคิดเรื่องการอยู่ร่วมกับธรรมชาติของเขาต้องเปลี่ยนไป...
จากความฝันทั้ง 8 เรื่อง ดูเหมือนว่าหนังเรื่อง Dreams จะเป็นการวิพากษ์ วิจารณ์มนุษย์ ตามสไตล์ของคุโรซาว่า ที่คราวนี้ เขาใช้หนังเรื่อง Dreams มา วิพากษ์ วิจารณ์มนุษย์ ที่ชอบก่อปัญหาสร้างผลกระทบอันเลวร้ายต่อโลก จนความเลวร้ายนั้นย้อนมาสู่ตัวเอง ทั้งเรื่องสงคราม เรื่องทำลายธรรมชาติ ผ่านช่วงวัยต่างๆของมนุษย์ ทั้งตอนเด็ก(ในฝันที่ 1 และ 2) ไปจนถึงแก่ชรา และถึงแก่กรรม(ในฝันสุดท้าย มีฉากแห่ศพด้วย) ซึ่งประเด็นที่คุโรซาว่า เน้นเป็นพิเศษ นั่นคือเรื่อง ความสัมพันธ์ของมนุษย์กับธรรมชาติ ครับ อย่างในฝันแรก ที่หนังใส่ความเชื่อที่ว่าในวันที่ฝนตกแดดออก สุนัขจิ้งจอกจะจัดงานแต่งกัน แล้วเมื่อใครไปเห็นพวกมันเข้า จะเกิดความโชคร้ายตลอดไป ก็เป็นเรื่องที่มนุษย์เอาเรื่องธรรมชาติมาจินตนาการเป็นเรื่องราวเป็นราว และในฝันแรกนี้เช่นกัน ที่หนังบอกถึงความดื้อรั้นและความอยากรู้อยากเห็นของมนุษย์ ผ่านเจ้าเด็กที่ออกนอกบ้าน ฝ่าผืนคำสั่งแม่ที่ไม่ให้ไปไหนในวันฝนตกแดดออก เพราะเกรงว่าจะไปเห็นพวกสุนัขจิ้งจอกเข้า ส่วนในฝันที่ 2 นั้น ก็สื่อชัดเจนถึงเรื่อง การทำลายธรรมชาติของมนุษย์ ผ่านการตัดต้นท้อของครอบครัวหนึ่ง จนทำให้วิญญาณของต้นท้อนั้นถึงกับหัวเสียเลยทีเดียว

และฝันที่ 3 นั้น ที่เล่าเรื่องการเดินฝ่าพายุหิมะของกลุ่มนักปีนเขา ซึ่งหนังสื่อให้ถึง พลังของธรรมชาติ ที่มนุษย์แทบจะไม่สามารถต่อกรด้วยได้เลย ผ่านกลุ่มนักปีนเขาที่ต้องฝ่าพายุหิมะอันน่ากลัวและทรงพลังเพื่อจะไปยังที่พักของพวกเขาอย่างยากลำบาก ส่วนเรื่องปัญหาสงครามที่กำลังค่อยๆทำลายมนุษย์และโลก หนังก็เล่าความฝันที่ 4 ที่พูดถึงความสูญเสียและความเลวร้ายของสงคราม ผ่านผีทหาร ที่ไม่ไปผุดไปเกิด พร้อมๆกับหน้าที่ของตัวเองเมื่อตอนยังมีชีวิตอยู่ ก็ยังคงฝังติดอยู่ในหัวของเขา พวกเขายังคงเชื่อว่า การตายของตัวเองเป็นการตายอย่างสมเกียรติ ทั้งๆที่ความจริงแล้วความตายของพวกเขา เป็นการตายที่สูญเปล่า และหนำซ้ำพวกเขายังตายเยี่ยง หมา อีกต่างหาก (มีการให้หมาจริงๆที่โดนสาดแสงสีแดง ออกมาเห่าใส่นายทหารเก่าที่เจอผีอีกด้วย) ส่วนความฝันที่ 5 นั้นดูเหมือนจะเป็นการพักเบรกให้คนดูได้เพลินเพลิดไปกับการผจญภัยไปในโลกภาพวาดของ แวน โก๊ะ แต่หนังก็ยังไม่ทิ้งเรื่องความสัมพันธ์ของมนุษย์กับธรรมชาติ ในฉากที่ แวนโก๊ะ กำลังวาดรูปอยู่ที่กลางทุ่งกว้าง และกล่าวกับจิตกรที่หลุดเข้ามาในภาพวาดของเขา ประมาณว่า ดูภาพที่อยู่ตรงหน้าเราสิ ดูเหมือนภาพวาด แต่จริงๆแล้วมันเป็นของจริง ซึ่งไม่บอกก็รู้ว่า แวน โก๊ะ กำลังจะบอกเราว่า ธรรมชาตินั้นรังสรรค์สิ่งต่างๆไว้ได้สวยงามแค่ไหน...
แต่แล้วหนังก็ใส่ความผิดพลาดของมนุษย์มาในฝันที่ 6 เมื่อโรงงานนิวเคลียร์เกิดระเบิด และยังทำให้ภูเขาไฟฟูจิปะทุตามไปด้วย แน่นอน ความผิดพลาดในครั้งนี้ มันไม่ใช่ความผิดพลาดที่นิวเคลียร์ แต่เป็นความผิดพลาดที่มนุษย์ ควรต้องรับผิดชอบ แต่มนุษย์ก็ยังผิดพลาดต่อไป เมื่อเราเห็นสภาพของโลกที่พังทลายเพราะพิษนิวเคลียร์ในความฝันที่ 7 และที่น่ากลัวกว่านั้น เรายังได้เห็นคนที่โดนสารพิษนิวเคลียร์จนกลายสภาพเป็น อสูรกาย แล้วส่วนที่นับเสียดสีความเป็นมนุษย์ได้อย่างเจ็บแสบนั่นคือการที่ถึงแม้มนุษย์จะกลายพันธุ์จนรูปลักษณ์กลายเป็นอสูร แต่พวกมันก็ยังวางอำนาจกันไม่เลิก ตามสันดานของมนุษย์ที่ยังไม่มีอะไรมาเปลี่ยนสันดานนี้ได้ พวกที่มีสองเขาหรือสามเขาจะสามารถมีสิทธิ์ที่จะกินพวกที่มีเขาเดียวได้ ถึงแม้ว่าพวกมันจะมีความเจ็บปวด จากความทรมานทางร่ายกายและทางจิตใจ แต่หนังก็ทำให้เห็นว่า มนุษย์มันก็ยังคงเป็นมนุษย์อยู่วันยังค่ำ...

และบทสรุปของชีวิตมนุษย์ก็ถูกเล่าในฝันสุดท้าย ในหมู่บ้านกังหันน้ำ ผ่านชายแก่ ที่ดูเหมือนจะเป็นคนที่เข้าใจชีวิตและธรรมชาติเป็นอย่างดี ชายแก่คนนั้น พูดถึงสาระสำคัญที่หนังต้องการจะบอกถึงคนดู นั่นคือการใช้ชีวิตแบบไม่ ฝืน ธรรมชาติ และเราต้อง ปรับตัว ให้กลมกลืนกับธรรมชาติให้ได้ อย่างที่ชายแก่ ตอบคำถามของชายหนุ่มนักท่องเที่ยวที่ถามว่า ที่นี่ไม่มีไฟฟ้าใช้ ตอนกลางคืนไม่ลำบากแย่หรือ? ชายแก่ตอบว่า เราจะทำกลางคืนให้สว่างเหมือนกลางวันไปทำไม กลางคืนมันก็ควรจะมืดมิด เพราะเดี๋ยวข้าจะเห็นดาวไม่ชัด... นอกจากนี้ หนังยังใช้ กังหันน้ำ ในหมู่บ้านแห่งนี้ เป็นตัวเปรียบเสมือนกับชีวิตของมนุษย์ที่ยังคงหมุนเวียนเป็นวัฎจักร เกิด แก่ เจ็บ ตาย ซึ่งการตายนี้หนังก็บอกกับเราอย่างอ้อมๆผ่านขบวนแห่ศพของหญิงชรา ของชาวหมู่บ้านกังหันน้ำ ที่เต็มไปด้วยความรื่นเริง และความสนุกสนาน ว่า ความตายก็เป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่ควรฝืนมัน และมันก็ไม่ใช่เรื่องน่าเศร้ากับเรื่องที่ใครซักคนต้องจบชีวิตลง เพราะการตายนั้น ก็เป็นหนึ่งในวิถีทางธรรมชาติ ที่มนุษย์ทุกคนไม่สามารถหลีกหนีได้...
ถ้าถือว่านี่เป็น ความฝัน ตามชื่อหนังจริงๆ การนอนหลับฝันครั้งนี้ แม้ว่าคุโรซาว่า จะทำให้เราต้องฝันร้ายบ้าง (เจอทั้งผี ทั้งอสูรกาย และโลกที่ล่มสลาย) แต่ในฝันสุดท้ายคุโรซาว่า ก็ยังใจดี ทำฝันสุดท้ายให้ออกมาเป็นฝันดี (เห็นธรรมชาติอันสวยงามและการใช้ชีวิตที่เรียบง่าย) แต่เชื่อเถอะครับว่า ถ้าเรายังคงก่อปัญหาให้กับโลกดังเช่นทุกวันนี้ ฝันร้ายที่เราเห็นในหนังอาจจะกลายเป็นจริง และ ฝันดี ฝันสุดท้ายนั้น อาจกลายเป็นเพียงแค่ ความฝัน ที่ไม่มีวันเป็นจริงได้อีกแล้ว...
kitamura

Create Date : 22 สิงหาคม 2553 |
|
1 comments |
Last Update : 22 สิงหาคม 2553 7:07:26 น. |
Counter : 2359 Pageviews. |
|
 |
|
|
| |
โดย: oneshot 2 กันยายน 2553 23:54:03 น. |
|
|
|
|
|
|
|