Group Blog
|
ไข่มุก-มหัศจรรย์แห่งท้องทะเล สวัสดีค่ะ วันนี้ขอมาที่ไข่มุกกันหน่อยน่ะค่ะ พอดีมีคุณแม่ท่านหนึ่งจะซื้อเป็นรางวัลรับปริญญาลูกสาว ก็เลยเอามาเล่ากันในนี้สักหน่อย แต่เป็นการเขียนจากประสพการณ์น่ะค่ะไม่ใช่วิชาการทีเดียว วันนี้จะเขียนถึงไข่มุก south sea อันลือชื่อและเป็นที่ใฝ่ฝันของคุณสาวๆ ไข่มุกชนิดนี้ โดยปกติจะพบในแถบทะเลใต้ค่ะ เช่นแถวประเทศฟิลิปปินส์ พม่า ไทย อินโดเนเซีย เลยไปถึงออสเตเลียและก็ข้ามไปจนถึงหมู่เกาะเฟร้นซ์ โพลีนีเซียน ไข่มุกเซ้าซี จะมีขนาดใหญ่ สีอ่อนๆหรือขาวมักจะได้จากการเพาะเลี้ยงหอยมุกขนาดใหญ่ประเภค "พิงทาดา,แมกซิมา, ออยเสตอร์" ส่วนขอบด้านในของเปลือกหอยประเภคนี้อาจมีสีเงินหรือทองก็ได้ ถ้าส่วนขอบด้านในของเปลือกหอยมีสีเงินก็จะให้ไข่มุกสีเงินแต่ถ้ามีขอบสีทองก็จะให้ไข่มุกสีทอง โดยทั่วไปมีขนาดประมาณ 9-18 มม. หรือขาดเหลือจากนี้นิดหน่อยและในระยะหลังขนาด 9-11 มม.มักจะได้จากการเพาะเลี้ยงจากอินโดนีเซีย และขนาดตั้งแต่ 11 มม.ขึ้นไปมักจะได้จากออสเตเลีย ในบางฤดูกาลออสเตเลียผลิตไข่มุกขนาดใหญ่ได้มากกว่า 50%-ของตลาดโลก โดยปกติถ้าหอยมุกมีสุขภาพดีมันอาจให้ไข่มุกมากกว่าหนึ่งเม็ดบางครั้งอาจได้ถึงสี่เม็ด (และสีสรรก็มีมากขึ้นเช่นสีเหลือบคล้ายสีปีกแมลงทับ สีดำ สีเหลือง ซึ่งก็ขึ้นกับประเภคของหอยมุกที่นำมาเพาะเลี้ยง หรือสารบางอย่างที่อยู่ในน้ำทะเล) การเพาะเลี้ยงไข่มุกทำโดย ผู้ทำการเพาะเลี้ยงจะนำเม็ดลูกปัดไปใส่ไว้ในตัวหอยมุกบริเวณเนื้อเยื่ยที่สร้างผิวมุกเสียก่อน ช่วงเวลาของการเพาะเลี้ยงไข่มุกอาจกินเวลาตั้งแต่ ครึ่งปีถึงสองปี อย่างไรก็ตามไม่ใช่หอยมุกทุกตัวสามารถให้มุกรูปกลมได้ดังนั้นกลุ่มนี้ก็จะถูกนำไปเพาะเป็นมุกกระดุมหรือที่เรียกว่า มุกมาเบ ไข่มุก จะแบ่งได้เป็น สอง กลุ่ม คือ มุกธรรมชาติ (Natural) ซึ่งเกิดจากธรรมชาติจริง อันเกิดจาก ปรสิคหรือเม็ดทรายหรืออะไรบางอย่างเข้าไปที่ตัวมุกเกิดความระคายเคืองทำให้ตัวหอยผลิตสารมาห่อหุ้มสิ่งนั้นจนกลายเป็นเม็ดมุกขึ้นมา และมุกเลี้ยง(Cultured Pearl) ซึ่งเกิดจากผลผลิตจากมนุษย์สร้างให้หอยผลิดมุกออกมาโดยเลียนวิธีตามวิธีธรรมชาติ ซึ่งจะแบ่งออกเป็น มุกน้ำจืด และ มุกน้ำเค็ม ลักษณะของไข่มุกที่ควรรู้ ความวาว ไข่มุกที่มีคุณค่านั้นต้องมีความวาวมาก ผิวมุก ในปัจจุบันเปลือกผิวมุกจะบางกว่าเมื่อสามสิบปีก่อนมาก ดังนั้นการพิจารณาผิวมุกก็ให้ดูจากรูเจาะของมุกว่าผิวมุกมีความบางหนาเพียงไร นี่เป็นวิธีที่ดูแบบง่ายๆน่ะค่ะ ตำหนิ เป็นที่แน่นอนว่าไข่มุกที่มีตำหนิน้อยจะมีคุณค่ามาก รอยตำหนิที่พบมักจะเป็น รอยสัน หลุม รู ขีดช่วน รอยร้าว รอยแตก ผิวหม่น โดยปกติมุกที่มีผิวเรียบสมบูรณ์แทบจะหาไม่ได้เลย ส่วนใหญ่จะต้องมีบ้าง เพราะนี่คือธรรมชาติไม่ใช่มนุษย์ทำน่ะค่ะ รูปร่างหรือรูปทรง ไข่มุกเซาส์ซีที่รูปร่างกลมจะถือว่ามีคุณค่ามาก แต่ก็หาได้ยากเช่นกัน ส่วนมากแล้วไข่มุกเซ้าส์ซีรูปร่างมักจะไม่ค่อยกลมไปจนถึงรูปทรงบารอค(รูปทรงไม่แน่นอนมีลักษณะบูดเบี้ยวขุรขระ) ขนาด โดยปกติมุกเซาส์ซีธรรมชาติ ขอย้ำว่าธรรมชาติ มีขนาด 9-18 mm แต่เคยมีขนาดใหญ่กว่า 20 mm และเคยมีรูปทรงบารอค ที่ชื่อ นักเกต ออฟ ออสเตเลีย ที่มีความยาวถึง 25 mm" และมีน้ำหนักเกือบ 100 ct. และอาจจะมีข้อมูลอื่นๆอีกซึ่งไม่ได้เขียนไว้ในที่นี้ น่ะค่ะ เล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับมุก -จุดเด่นของมุกอยู่ที่สีและผิว ซึ่งมีความวาวและเหลือบสีรุ้ง -มุกแถบอ่าวแมกซิโกจะมีสีดำ และเชื่อว่าสารบางอย่างที่ปนอยู่ในน้ำทะเลมีผลกับการเกิดสีของมุก -มุกแถบรัฐฟลอริดา หมู่เกาะเวสท์ อินดีส เป็นมุกที่มีสีชมพู ที่เกิดจากหอยฝาเดียวจำพวก great couch -มุกน้ำเค็มที่ได้จากหอยจำพวก Pinctada ส่วนมุกน้ำจืดได้จากหอยจำพวก clam และ Mussel -มุกเกิดจากสารโปรตีน(คอนซิโอลิน)และน้ำเป็นส่วนประกอบทำให้มันเสื่อมสภาพได้ตามกาลเวลา จะสังเกตุได้ว่าสีเริ่มมัวหมอง เกิดรอยแตกและท้ายสุด ผิวมุกจะลอกเป็นแผ่นๆไม่มีใครการันตรีได้ว่า อายุของมุกอยู่ที่เท่าใดแต่โดยเฉลี่ยมุกจะมีอายุยืนยาว 100-150 ปี -ความแห้ง ความชื้น จะมีผลเสียต่อมุก และมุกไม่ทนต่อ กรด เหงื่อ เครื่องสำอางค์และน้ำหอม รวมทั้งสเปรย์ฉีดผม ,,,,,,,,,,,,,ขอขอบคุณจากหนังสือหลายๆเล่มที่เคยจดไว้ทำให้ได้มีโอกาสมาแบ่งปันในนี้ แต่ก็จำไม่ได้ว่าจากหนังสืออะไรบ้าง,,,,,,,,,,,,,, โดย: Junenaka1 วันที่: 29 พฤศจิกายน 2553 เวลา:21:14:26 น.
|
jewelmoda
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 108 คน [?] ผู้หญิงคนหนึ่ง ที่อยากทำงานด้านเด็ก อยากเป็นครู แต่กลับต้องไปทำงานแบงค์ เมื่อขอเออรี่ออกมา ขอหาข้อมูลเกี่ยวกับเด็ก เพื่อการพัฒนาเด็กไทย Myspace angels graphics
Friends Blog
|