Group Blog
กุมภาพันธ์ 2561

 
 
 
 
2
3
4
5
6
8
9
10
11
12
13
14
15
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
28
 
 
All Blog
กษัตริย์องค์แรกๆของอิสราเอลในพระคัมภีร์ (๑)



กษัตริย์ของอิสราเอลในพระคัมภีร์ (๑)

กษัตริย์คือผู้ปกครองประชาชน ถ้าได้กษัตริย์ที่ดี ประชาชนก็มีความสุข ถ้าได้กษัตริย์ไม่ดี กดขี่ข่มเหงเอาเปรียบรีดภาษี ประชาชนก็เดือดร้อน ถ้ากษัตริย์อ่อนแอบ้านเมืองก็ไม่สงบสุข  
เดิมพระเจ้าเป็นดั่งกษัตริย์ของอิสราเอล แต่ต่อมาพวกเขาอยากมีกษัตริย์ที่เป็นมนุษย์มาปกครองพวกเขา พระเจ้าเตือนผลที่จะเกิดขึ้น ประชาชนต้องอยู่ภายใต้การปกครองของกษัตริย์ ต้องรับใช้ ต้องจ่ายเงินและผลิตผลแก่กษัตริย์(๑ซมอ.8:18) 

กษัตริย์ซาอูล(เผ่าเบนยามิน)  เป็นบุตรของคีช  วันหนึ่งลาของคีชหายไป ซาอูลผู้เป็นบุตรและคนรับใช้ออกตามหาลาตัวนั้น หาเท่าไหร่ก็ไม่พบ จนไปถึงเขตเมืองของผู้พยากรณ์ ซามูเอล  คนรับใช้จึงแนะซาอูลให้ไปหาซามูเอลเพื่อถามว่าลาอยู่ไหน  ก่อนหน้านั้นพระเจ้าก็ได้บอกซามูเอลว่า  จะมีชายจากเผ่าเบนยามินจะมาหาเขาในวันพรุ่งนี้ (1 :ซมอ.9:17) เมื่อมาถึงซามูเอลบอกว่า ซาอูลจะพบลา และเชิญให้มาทานอาหารในบ้านในฐานะแขกพิเศษ วันรุ่งขึ้นซามูเอลบอกซาอูลให้ส่งคนรับใช้กลับไปก่อน เมื่อคนรับใช้ไปแล้ว ซามูเอลได้เจิมซาอูลด้วยน้ำมันบนศีรษะ เรียกว่าการเจิมด้วยน้ำมันและบอกว่า พระเจ้าได้เลือกเขา(ซาอูล)ให้เป็นกษัตริย์ของอิสราเอล   หลังจากนั้นซามูเอลได้เรียกอิสราเอลทุกเผ่ามาชุมนุมที่มิสปาร์ และเตือนว่า เพราะอิสราเอลปฏิเสธพระเจ้าที่เป็นกษัตริย์ของพวกเขาและพวกเขาต้องการกษัตริย์ที่เป็นมนุษย์   และเวลานั้นหาซาอูลไม่เจอ จนพระเจ้าบอกว่าเขาซ่อนตัวที่กองสัมภาระ เมื่อตามหาซาอูลพบแล้ว ซามูเอลได้ประกาศว่า นี่คือคนที่พระเจ้าเจิม ต่อมาซาอูลได้รับการสถาปนาเป็นกษัตริย์ที่กิลกาล 
 แผ่นดินที่พวกอิสราเอลอาศัยที่คะนาอันมีชาวพื้นถิ่นอยู่ก่อนครอบครองก็ไล่ขับไล่กันมาตลอด โยนาธานโอรสซาอูลได้ฆ่าทหารของฟิลิสเตียที่เกบา ทำให้พวกนั้นโกรธแค้นมาก ไม่ยอมเลิกลาง่ายๆ  กษัตริย์ซาอูลยกทัพไปที่กิลกาลส่วนพวกฟิลิสเตียอยู่ที่มิคมาช ซึ่งไม่ไกลกันมากนัก   ซามูเอลได้บอกซาอูลให้รอเขาเจ็ดวันแล้วเขาจะกลับมาถวยเครื่องบูชา  จนเข้าวันที่เจ็ดทหารฟิลิสเตียเตรียมโจมตีอิสราเอล หลายคนกลัว หลบหนีไปซ่อนตัว แต่ซามูเอลยังไม่มาทำให้เริ่มมีการบ่นและซาอูลหมดความอดทนจึงทำหน้าที่เผาถวายเครื่องบูชาเอง และซามูเอลมาถึงพอดี  ซาอูลแก้ตัวหลายคนกลัวได้แตกกระจายไปและกำลังศัตรูเคลื่อนเข้ามาใกล้แล้วและติเตียนความล่าช้าของซามูเอล ทั้งที่ท่านรัดษาคำพูดคือกลับมาภายในเจ็ดวัน  พระเจ้าไม่พอพระทัยการทำโดยพลการทำให้ความสัมพันธ์ของซาอูลกับพระเจ้าถูกทำลายลง และซามูเอลบอกซาอูลว่า พระเจ้าจะเอาราชอาณาจักรไปจากเขา หลังจากนั้นซาอูลก็นับวันจะห่างออกจากพระเจ้า วันหนึ่งพระเจ้าสั่งซามูเอลให้บอกซาอูลว่าให้ทำลายชนอามาเลข ทั้งผู้คนและฝูงสัตว์ไม่ให้เหลือ  เพราะชนชาตินี้ขัดขวางอิสราเอลตอนเดินทางออกจากอียืปต์เพื่อเข้าคะนาอัน ซาอูลรวบรวมคนได้สองแสนรบจนชนะอามาเลข แต่ซาอูลไว้ชีวิตกษัตริย์อามาเลคและเก็บสัตว์ที่ดีไว้ อีกครั้งที่ซาอูลไม่เชื่อฟังพระเจ้าเขาทำตามความปราถนาของตนเอง   เมื่อถึงเวลาเช้าซามูเอลได้มาและได้ยินเสียงสัตว์จึงถามว่าเสียงเหล่านี้หมายความว่าไง ซาอูลตอบว่าเป็นสัตว์ที่ดีที่สุดจะเก็บไว้ถวายบูชาต่อพระเจ้า ซามูเอลได้บอกว่าพระเจ้าไม่ได้ต้องการของบูชาแต่ต้องการการเชื่อฟังมากกว่า และพูดย้ำเรื่องที่พระเจ้าจะปลดซาอูล  ทำให้ซาอูลกลัวและรั้งซามูเอลไว้ไม่ให้ไป จนเสื้อวามูเอลขาด ซามูเอลบอกว่า วันนี้พระเจ้าได้ทรงฉีกอาณาจักรอิสราเอลออกจากท่านแล้ว  ซาอูลไม่อยากสูญเสียบัลลังค์แต่เวลาของการให้เกียรติพระเจ้าได้ผ่านไปแล้ว ซาอูลไม่ได้ให้พระเจ้าเป็นหนึ่งในชีวิต
ในชีวิตเราพระเจ้าต้องการให้มนุษย์เชื่อฟังและยอมให้พระเจ้าเป็นหนึ่งในชีวิค  ในเยเรมีย์ 7:23  "จงเชื่อฟังเสียงของเรา และเราจะเป็นพระเจ้าของเจ้า.....เพื่อเจ้าจะได้อยู่เย็นเป็นสุข"   การเชื่อฟังพระเจ้าเริ่มจากเชื่อฟังพ่อแม่ ครูอาจารย์ และกฎหมาย เป็นการเชื่อฟังจริงๆไม่ใช่ครึ่งๆกลางๆ  ทุกคนทำผิดได้ แต่เมื่อเราสารภาพด้วยจริงใจสำนึกผิดจริงๆ พระเจ้าทรงฟังเรา
ในตอนแรกๆซาอูลมีคุณสมบัติครบถ้วนเป็นกษัตริย์ตามที่อิสราเอลต้องการ  หน้าตาดี แข็งแรง ใจถ่อม โดยเฉพาะตอนแรกๆ
บทเรียนจากชีวิตกษัตริย์ซาอูล : พระเจ้าทรงต้องการการเชื่อฟังที่มาจากใจไม่ใช่แค่พิธีกรรมทางศาสนา  ทรงหมดความอดทนที่จะรอคอยผู้รับใช้มาทำพิธีกรรม ทรงต้องการเพียงทำพิธีกรรมเท่านั้น  เมื่อเผชิญกับการตัดสินใจอะไรที่ยากๆ อย่าปล่อยความหุนหันพันแล่นผลักดันจนไม่เชื่อพระเจ้า พระเจ้าอาจใช้ความล่าช้าทดสอบการเชื่อฟังและความอดทนของเรา
กษัตริย์ซาอูลมีมเหษีคือ อาหิโนอัม
                   โอรสคือ โยนาธานและอิชโบเซท
                    ธิดา คือ เมราบและมีคาล 
เรื่องราวของกษัตริย์ซาอูลปรากฎในพระธรรม 1ซามูเอล9:31 กิจการ 13:21
..................................................................................................................................

กษัตริย์ดาวิด(เผ่ายูดาห์)  เมื่อพระเจ้าไม่ยอมรับซาอูลเป็นกษัตริย์อีกต่อไป ทรงให้ซามูเอลไปยังครอบครัวของเจสซีที่เบธเลเฮ็ม ให้ไปเจิมดาวิด เด็กชายคนเล็กของเจสซี ผู้ท่รักพระเจ้าและพระเจ้าไว้ใจที่จะเป็นกษัตริย์ของอิสราเอล  เมื่อไปถึงเบธเลเฮ็มพวกผู้ใหญ่ของเมืองออกมาต้อนรับเพราะอยากทราบว่ามาจุดประสงค์อะไร เพราะพระเจ้าจะส่งผู้พยากรณ์มาแจ้งเตือนในสิ่งไม่ถูกต้อง แต่ซามูเอลบอกว่าเขามาเพื่อถวายเครื่องบูชาแด่พระเจ้า  ขณะถวายเครื่องบูชาซามูเอลแอบสังเกตุบุตรของเจสซี เขาคิดว่า เอลีอับ น่าจะใช่ เพราะเป็นบุตรคนโต สูงสง่า คล้ายๆซาอูล แต่ เพราะมนุษย์ดูที่รูปร่างภายนอกแต่พระเจ้าดูที่จิตใจ 1:ซมอ.16:7  เจสซีเรียกลูกทั้งเจ็ดคนมาแต่ซามูเอลถามหาคนอื่น ซึ่งเจสซีบอกมีอีกคนเป็นคนเล็กกำลังเลี้ยงแกะกลางทุ่ง  จึงไปตามมาให้ซามูเอลดู แต่เมื่อดาวิดมาถึง พระเจ้าตรัสกับซามูเอลให้เจิมคนนี้เพราะกาวิดรักและเชื่อฟังพระองค์   หลังจากการเจิม ดาวิดยังเลี้ยงแกะอีกหลายปีจึงจะได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ เขาใช้เวลาหลายชั่วโมงในการดีดพิณและร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า เขาได้เขียนบทเพลงสดุดีแทบทั้งหมดและยังใช้กันอยู่ในปัจจุบัน   วันหนึ่งซาอูลต้องการหาคนดีดพิณให้ฟัง คนรับใช้ได้แนะนำดาวิด เขาจึงเข้ามาเป็นคนดีดพิณในวัง  เราไม่รู้ว่าดาวิดอยากทำไหม แต่เขาก็ทำด้วยความสัตย์ซื่อในหน้าที่งานของเขา ในตอนแรกๆซาอูลรักดาวิด เขาแต่งตั้งให้ดาวิดเป็นผู้ถือเครื่องอาวุธของพระราชา อันเป็นตำแหน่งสำคัญมากสำหรับเด็กเลี้ยงแกะอย่างเขา  ต่อมาซาอูลอิจฉาดวิดที่เขาเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปและเป็นนักรบที่กล้าหาญ ซาอูลพยายามฆ่าดาวิดหลายครั้ง ดาวิดก็หนีได้ทุกครั้ง บางครั้งซ่อนตัวในถ้ำ เมื่อซาอูลสิ้นพระชนม์ดาวิดจึงได้ขึ้นเป็นกษัตริย์  สิ่งแรกที่ดาวิดต้องการคือ ตั้งเมืองฮีโบรนเป็นเมืองหลวง พงศ์พันธ์ยูดาได้ตั้งดาวิดเป็นกษัตริย์ที่เมืองนี้ กษัตริย์ดาวิดครอบครองอาณาจักรส่วนน้อยนี้อยู่ถึงเจ็ดปีเมื่อผู้ใหญ่ของอิสราเอลส่วนใหญ่เสียชีวิตลง ผู้นำของอิสราเอลทั้ง11เผ่าได้เชิญดาวิดเป็นกษัตริย์ของเขาทั้งหลาย ดาวิดได้เปลี่ยนเมืองหลวงจากฮีโบรน(อยู่ทาางใต้ไกลออกไปมาก) เป็นเยรูซาเล็ม กษัตริย์ดาวิดมีโอกาสเหมือนกษัตริย์ซาอูลแต่เขาตรงที่เป็นคนที่พระเจ้าพอพระทัย(กจ. 13:21,22) ตอนที่ได้รับการเจิมเขาเด็กมาก แต่เขาเป็นคนถ่อมไม่อวดตัว หรือแข็งกระด้าง พระเจ้าฝึกสอนเขาเพื่อเตรียมกในอนาคตให้แก่เขา  กษัตริย์ดาวิดเป็นกษัตริย์ที่ดี การปกครองของพระองค์ทำให้อาณาจักรเข้มแข็ง ทรงพึ่งการทรงนำจากพระเจ้า แม้นว่าจะทำผิดหลายครั้งพระเจ้าได้ยกโทษให้เพราะทรงเสียใจในความผิดอยางแท้จริง ทรงปกครองถึงสี่สิบปี 
บทเรียนจากชีวิตกษัตริย์ดาวิด
- ความเต็มใจที่ยอมรับความผิดพลาดอย่างจริงใจ อันเป็นสิ่งดีที่ทำให้แก้ไขความผิดพลาดที่ได้ทำไป  แต่การอภัยโทษไม่ใช่ทำให้ผลของการทำบาปจะไม่เกิดขึ้น
- ล่วงประเวณีกับนางบัทเชบา และวางแผนฆาตกรราสามีของนาง 
- ไม่ได้จัดการกับความบาปของลูกตนเองอย่างเด็ดขาด อันนำไปสู่การฆาตกรรมในหมู่พี่น้องท่เป็นลูกของตนเอง
เรื่องราวของพระองค์มีปรากฎใน พระธรรม 1ซามูเอล 16  ,1 พกษ.2 , อาโมส 6:5 และในพระคัมภีร์ใหม่หลายครั้ง
................................................................................................................................

กษัตริย์โซโลมอน  มนุษย์เราย่อมอยากได้พรที่จะทำให้ตนเองมั่งคั่ง อายุยืน มีอำนาจ มีชื่อเสียง มีวัตถุสิ่งของมากมาย แต่กษัตริย์โซโลมอนกลับขอสติปัญญาจากพระเจ้า ทำให้พระเจ้าพอพระทัยมาก 
เมื่อกษัตริย์ดาวิดชราภาพลงก่อนสิ้นชีวิตท่านได้กำชับโซโลมอนให้ดำเนินชีวิตในทางของพระเจ้าและรักษาพระบัญญัติของพระองค์ แล้วเขาจะสำเร็จในทุกๆด้าน  (1พกษ. 2:1-4)    ตลอดเวลากษัตริย์ดาวิดได้พยายามเป็นแบบอย่างที่ดีต่อโซโลมอน  เมื่อกษัตริย์โซโลมอนขึ้นครองราช์ ทรงใกล้ชิดพระเจ้ามาก(1พกษ 3:3,4) ทรงรักพระเจ้ามากเหมือนดั่งพระบิดาของพระองค์ ทรงทำทุกอย่างเพื่อให้พระเจ้าทรงพอพระทัย  พระองค์นมัสการพระเจ้าโดยการถวายเครื่องบูชาและเครื่องหอม วันหนึ่งทรงไปมัสการที่กิเบโอนและถวายสัตวบูชาหนึ่งพันตัว ซึ่งนับว่ามีมูลค่าสูงพอสมควร  คืนวันหนึ่งที่กิเบโอนขณะนอนหลับพระเจ้าได้มาปรากฎในความฝัน เพระเจ้าถามว่าอยากได้อะไร(1พกษ3:5)  พระองค์ไม่ขออะไรนอกจากสติปัญญา 
เรามาดูท่าทีของกษัตริย์โซโลมอน ใน  1พกษ.3:6-7  
ประการแรก : ทรงสรรเสริญพระเจ้าที่ทรงให้มีบิดาที่ดีสอนให้รู้จักความจริงและชอบธรรมและขอบคุณที่พระเจ้าให้โอกาสพระองค์ขึ้นเป็นกษัตริย์ของอิสราเอล ท่าทีของกษัตริย์โซโลมอนต่อคำตรัสของพระเจ้าเป็นเคล็ดลับในความสำเร็จของพระองค์  พระองค์มอบความสำเร็จความดีงามที่เกิดในชีวิตของพระองค์แด่พระเจ้า ทรงไม่โอ้อวดในสิ่งที่ทรงเป็นหรือทรงมี  เพราะทรงรู้ว่าทุกสิ่งมาจากการอวยพรจากพระเจ้าและพระองค์ยังคงต้องพึ่งพระเจ้าต่อไปเพราะทรงไม่มีกษัตริย์ดาวิดบิดาที่จะคอยแนะนำอีกต่อไป พระองค์ยังขาดประสบการณ์ในด้านการปกครอง  พระองค์จึงขอพรจากพระเจ้าสิ่งที่มีค่ามากซึ่งไม่สามารถหาซื้อได้ด้วยเงินทองหรือหามาจากการมีอำนาจ นั่นคือ  สติปัญญาและความเข้าใจ  (1พกษ3:9)  ทรงรู้ว่าความคิดความเข้าใจเพื่อจะปกครองและวินิจฉัยคนของพระเจ้า ทรงต้องมีจิตวินิจฉัยที่ยุติธรรมรู้สิ่งใดดี ถูกต้องหรือผิด สามารถนำปัญญาไปใช้ได้อย่างถูกต้องและรู้เวลาว่าเมื่อไหร่ ที่ไหน และอย่างไร ทรงต้องการทำทุกอย่างให้ถูกต้องในสายพระเนตรของพระเจ้า
   ในพระวจนะของพระเจ้าแสดงให้เห็นถึง ความสำคัญของปัญญา ดีกว่าของมีค่า(ทับทิม)   พระเจ้าทรงพอพระทัยในการขอของกษัตริย์โซโลมอน เพราะโซโลมอนขอสิ่งที่ดียิ่งกว่าทรัพย์สินเงินทอง อำนาจ หรืออายุที่ยืนนาน พระองค์ตรัสว่า " ดูเถิดเราจะกระทำตามคำของเจ้า เราให้จิตใจอันประกอบด้วยปัญญา.....1พกษ.3:12:" พระเจ้าทรงอวยพรกษัตริย์โซโลมอนอย่างมากมาย จะทรงเป็นกษัตริย์ที่มีสติปัญญา ความรู้ ความเข้าใจ ทรงให้มากกว่าที่ได้ขอไว้(1พกษ 3:13)
 (ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็สามารถเป็นจริงในชีวิตของผู้เชื่อทุกคน (มธ. 6:33)  หารเรายอมให้พระเจ้าเป็นหนึ่งในชีวิตของเรา พระองค์จะปกป้อง คุ้มครอง อวยพร ลูกของพระองค์อาจไม่ใช่เราจะเป็นเศรษฐีร่ำรวยแต่พระเจ้าจะทรงประทานทุกสิ่งให้เราอย่างพอเพียงเหมาะสมไม่ขัดสนหรือลำบากอะไร)
การสร้างพระนิเวศของพระเจ้าในสมัยกษัตริย์โซโลมอน  ในสมัยของกษัตริย์ดาวิดทรงเป็นคนแรกที่ริเริ่มที่จะสร้างพระนิเวศถวายแด่พระเจ้า แต่พระเจ้าบอกเขาว่า พระองค์จะให้โซโลมอนลูกของกษัตริย์ดาวิดเป็นผู้สร้างพระวิหารแทนพ่อเมื่อทรงขึ้นเป็นกษัตริย์แล้ว   พระเจ้าให้กษัตริย์ดาวิดได้มีโอกาสนำหีบพันธสัญญากลับสู่เยรูซาเลม และพระเจ้าได้แนะนำเกี่ยวกับสร้างพระนิเวศให้แก่ดาวิดเพื่อเตรียมก่อสร้างในรุ่นของลูก แต่ไม่ได้ให้สร้างพระนิเวศ(จากข้อมูล น่าจะเพราะยุคกษัตริย์ดาวิดได้ต่อสู้รบฆ่าคนมากมาย มือของกษัตริย์ดาวิดเปื้อนเลือด : ความคิดเห็นส่วนตัว)  เมื่อมีการก่อสร้างกษัตริย์โซโลมอนได้เตรียมการหลายปีเพื่อให้พระนิเวศเป็นตามที่พระเจ้าสั่งไว้  โดยเตรียมไม้สนสีดาห์และไม้สนสามใบ โดยทรงติดต่อกับกษัตริย์ฮีรามแห่งไทระโดยส่งคนงานอิสราเอลไปตัดไม้เหล่านี้แล้วล่องมาทางแม่น้ำริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนี่ยน ขนขึ้นฝั่งที่อิสราเอล โดยได้รับการแนะนำจากกษัตริย์ฮีรามได้ส่งคนที่ชำนาญเรื่องตัดต้นไม้มาแนะนำช่วยเหลือเพราะคนงานอิสราเอลไม่ชำนาญด้านนี้   (งานสร้างพระวิหารเป็นการรวบรวมคนมีความชำนาญหลายด้านจากหลายที่มารวมกันเพื่องานของพระเจ้าจะออกมาได้อย่างสวยงามไม่ผิดไปจากที่พระเจ้ากำหนดไว้ทุกประการ) เมื่อคนพร้อม ของพร้อม  กษัตริย์โซโลมอนเริ่มก่อสร้างทันที 1 พกษ5:13,15,16 มีคงานประมาณ 183,000คน ในสมัยนั้นไม่มีเครื่องจักรกลอันใดเป็นการสร้างจากแรงงานคนล้วนๆ 
พระนิเวศขนาดไม่ใหญ่โตเหมือนคริสตจักรใหญ่ๆสมัยนี้ แต่ทุกอย่างสวยงามมาก การตกแ่ต่งภายในหุ้มด้วยทองคำบริสุทธิ์ (ชาวอิสราเอลมีความสุขเพียงไร เมื่อเขาจะมีพระวิหารที่ถาวรเป็นหลักแหล่งเป็นครั้งแรกเพื่อใช้ในการถวายเครื่องบูชาแด่พระเจ้า แทนที่จะเป็นกระโจมซึ่งต้องถอนออกทุกครั้งเมื่อมีการย้ายที่อยู่ ในสมัยเดินทางในถิ่นทุรกันดาร)  ก่อนพระนิเวศจะสร้างเสร็จ พระเจ้าทรงต้องการเตือนกษัตริย์โซโลมอนบางอย่างใน 1พกษ.6:11-13  เพราะการสร้างพระนิเวศนี้เพื่อเป็นพระนิเวศของพระเจ้าอย่างแท้จริง พระเจ้าจะสถิตย์ที่นั่น  ทั้งกษัตริย์โซโลมอนและประชาชนของพระองค์ต้องเชื่อฟังและรักษากฎหมายของพระเจ้า  ดังในสดุดี 127:1  "ถ้าพระเจ้ามิได้ทรงสร้างบ้าน บรรดาผู้ที่สร้างก็เหนื่อยเปล่า" เมื่อพระนิเวศสร้างเสร็จแล้ว กษัตริย์โซโลมอนได้เรียกผู้นำของอิสราเอลทุกคนมาประชุมกันในเยรูซาเลมและนำหีบพันธสัญญาเข้าสู่ภายในพระนิเวศอย่างระมัดระวัง และเก็บไว้อย่างถาวร มีสิ่งแปลกประหลาดเกิดขึ้น เมื่อพวกปุโรหิตวางหีบพันธสัญญาเสร็จแล้วออกมาข้างนอก มีเมฆมาปกคลุมเต็มพระนิเวศ พระสิริของพระเจ้าปกคลุมที่นั่นจนปุโรหิตไม่สามารถยืนอยู่ในพระนิเวศนั้น เป็นปรากฎการที่ทุกคนตื่นเต้นและรู้ว่า พระเจ้าของพวกเขาพอพระทัยและสถิตย์อยู่กับประชากรของพระองค์ กษัตริย์โซโลมอนนมัสการพระเข้าและทำพิธีมอบถวายพระนิเวศแด่พระเจ้า อย่างเป็นทางการ ทรงหันหน้าไปยังชนอิสราเอลและอธิษฐานขอพระเจ้าอวยพระพรแก่พวกเขาทั้งหลายและอิสราเอลก็ได้นมัสการและสรรเสริญพระเจ้า ที่ดูแลเขามาตลอด ในตอนท้ายของพิธี กษัตริย์โซโลมอนขอบคุณพระเจ้าสำหรับความสัตย์ซื่อของพระองค์อีครั้งหนึ่งและขอพระองค์สถิตย์อยู่กับชนอิสราเอลตลอดเวลา ทรงชักชวนให้ทุกคนถวายตัวต่อพระเจ้า เชื่อฟัง และรักษากฎหมายของพระเจ้า การเชื่อฟังของพวกเขาจะทำให้คนต่างชาติรู้่า พระเจ้าทรงเป็นองค์เที่ยงแท้องค์เดียวและสถิตย์กับประชากรของพระองค์
กษัตริย์โซโลมอนประกอบด้วยสติปํญญามากมายจากการอวยพรของพระเจ้า เมื่อพระองค์ขึ้นครองราชย์ใหม่ๆ ทรงใกล้ชิดกับพระเจ้ามาก1 พกษ.3:3,4  ทรงรักะระเจ้าเหมือนพระบิดาของพระองค์ ทรงถวายเครื่องบูชาต่อพระเจ้าด้วยเครื่องหอมและเครื่องบูชา วันหนึ่งทรงไปถวายเครื่องบูชาพระเจ้าที่กิเบโอน ด้วยเครื่องบูชาหนึ่งพันตัว ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่สูงมากๆ แต่เพราะรักพระเจ้าทรงถวายให้      

ภายหลังทรงรับหญิงต่างชาติเข้ามาเป็นภรรยา ทำให้บั้นปลายชีวิตของกษัตริย์โซโลมอน ถูกชักจูงให้ไปนมัสการพระของหญิงเหล่านี้(ดู อพยพ 20:3-5 ทำไมไม่ถูกต้องต่อการนมัสการพระอื่น) เพื่อให้ภรรยาต่างชาติพอใจ  ทรงละเลยการนมัสการพระเจ้าแต่เพียงองค์เดียว  และเก็บภาษีสูงขึ้นเพื่อมาใช้จ่ายในราชวัง
บทเรียนจากชีวิตของกษัตริย์โซโลมอน  :  
-พระเจ้าประทานสติปัญญาให้แก่โซโลมอน แต่ในช่วงหลังสติปัญญาของเขาอ่อนด้อยลงเพราะทรงไปแต่งงานกับธิดาของฟาโรห์อียิปต์ เป็นมเหสีคนแรกในจำนวนนับร้อยที่โซโลมอนแต่งด้วยเหตุผลทางการเมือง การทำเช่นนี้เป็นการฝ่าฝืนคำสั่งสอนของพ่อคือดาวิดและขัดคำสั่งของพระเจ้า
-ทรงยอมให้บรรดามเหสีของพระองค์มีอิทธิพลต่อความจงรักภักดีของพระองค์ต่อพระเจ้า (นหม.13:26)
-เป็นผู้เขียนพระธรรมปัญญาจารย์(บันทึกการครุ่นคิดสุดท้ายของโซโลมอนเกี่ยวกับชีวิต) และบทเพลงโซโลมอน สดุดีสองบท(72&127) และสุภาษิตอีกหลายข้อ
-สร้างพระวิหารของพระเจ้าในกรุงเยรูซาเลม
เรื่องราวของพระองค์ปรากฎในพระธรรม  2ซมอ.12:24, 1พกษ. 11:43, 1พศด. 28,29, 2พศด. 1-10,เนหะมีย์ 13:26 , สดุดี 72 และในพระธรรมมัทธิว 6:29, 12:42
.........................................................................................................................

กษัตริย์เรโหโบอัม(ลูกของกษัตริย์โซโลมอน)  เมื่อกษัตริย์โซโลมอนสิ้นพระชนม์ลง ราชโอรสของพระองค์ก็ขึ้นครองราชแทน ประชาชนอิสราเอลต่างดีใจที่มีกษัตริย์ใหม่เพราะพวกเขาลำบากใจกับการเรียกเก็บภาษีอย่างไม่เป็นธรรมของกษัตริย์องค์ก่อน(โซโลมอน) และคิดว่าอะไรคงจะดีขึ้น และชาวอิสราเอลได้แจ้งข่าวแก่เยโรโบอัม(ซึ่งหนีไปอยู่ที่อียิปต์)ให้กลับมาได้แล้วเพื่อมาช่วยกันเข้าร้องทุกข์ต่อกษัตริย์องค์ใหม่ให้ช่วยลดภาษีของพวกเขาให้ต่ำลงและพวกเขาจะเป็นผู้รับใช้ที่ดีของกษัตริย์องค์ใหม่ต่อไป กษัตริย์เรโหโบอัมบอกจะให้คำตอบในสามวัน  พระองค์ได้ไปปรึกษากับผู้อาวุโสที่เคยรับราชการสมัยโซโลมอนและได้รับคำแนะนำให้ทำตามคำร้องทุกข์ของราษฎร โดยบอกว่าถ้าพระองค์ฟังคำร้องทุกข์ของพวกเขาและตอบคำดีแก่เขา เขาทั้งหลายจะเป็นผู้รับใช้เป็นนิตย์ แต่กษัตริย์เรโหโบอัมไม่ได้ทำตาม และไปรับคำแนะนำจากคนหนุ่มวัยเดียวกับพระองค์ซึ่งแนะให้เก็บภาษีมากขึ้น ให้ประชาชนมีภาระเพิ่มขึ้นอีกกว่าสมัยพ่อคือโซโลมอน  ถ้าพวกประชาชนไม่เชื่อฟังก็ให้ลงโทษให้หนัก  เมื่อครบกำหนดสามวันประชาชนอิสราเอลได้มาฟังคำตอบ  เรโหโบอัมได้ตอบว่า ''ที่พระราชบิดาของเราได้วางแอก....เราจะเพิ่ม....พระราชบิดาเราตีสอนท่านด้วยไม้เรียว แต่เราจะตีสอนท่านทั้งหลายด้วยแส้แมลงป่อง" 1พกษ. 12:11  ทำให้ประชาชนไม่พอใจและจะไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจของเรโหโบอัมอีกต่อไป มีแต่เผ่ายูดาห์ที่ยอม วันหนึ่งเรโหโบอัมส่ง อาโดรัมไปเก็บภาษี แต่ประชาชนไม่ยอมจ่ายและเอาหินขว้างจนอาโดรัมตาย  กว่าจะรู้ว่าตัดสินใจผิด ทุกอย่างก็สายไปแล้ว เมื่อรู้ว่าประชาชนกบฏจึงรีบหนีไปเยรูซาเลม และวางแผนจะโจมตีอิสราเอล แต่พระเจ้าบอกประชาชนและเรโหโบอัม ไม่ให้ต่อสู้พี่น้องกันเอง กองทัพของเรโหโบอัมจึงถอยทัพกลับไป
ในเวลานั้นชนอิสราเอลสิบเผ่าได้ก่อตั้งรัฐบาลของเขาขึ้น  แต่เผ่ายูดาห์และเผ่าเบนจามิน ยังอยู่ภายใต้การปกครองของเรโหโบอัม  เรียกว่า อาณาจักรยูดาห์(อาณาจักรตอนใต้)  ส่วนอิสราเอลสิบเผ่าได้ขอให้เยโรโบอัมเป็นกษัตริย์ทางตอนเหนือ ซึ่งเป็นไปตามคำพยากรณ์ของอาหิยาห์
เมื่อเรโหโบอัมขึ้นครองราชย์ทรงได้ทุกสิ่งจากบิดาซึ่งมากมายมหาศาลและได้มาอย่างยากลำบาก  พระเจ้าทรงอนุญาตให้ชิชักกษัตริย์อียิปจ์รุกรานยูดาห์และอิสราเอลเพื่อเตือนสอนเรโหโบอัม แม้นปัจจุบันอียิปจ์ไม่ได้รุ่งเรืองแบบเมื่อก่อน แต่ก็สามารถทำให้ ยูดาห์และอิสราเอลอ่อนแอลงจนไม่สามารถฟื้นคืนสภาพเดิมได้อีก  หลังกษัตริย์โซโลมอนสิ้นได้ห้าปี พระวิหารและพระราชวังก็ถูกชาวต่างชาติรุกรานและปล้นทรัพย์ไป ไม่เหลือสง่าราศรี อำนาจ และทรัพย์สินอันมีค่ามากมาย อีกเลย
...............................................................................................................................

การเกิดการแยกออกเป็นอิสราเอลเหนือและอิสราเอลใต้

กษัตริย์เยโรโบอัม (ทหารของกษัตริย์โซโลมอน) ผู้พยากรณ์อาหิยาห์ได้ไปพบเยโรโบอัม  อาห์หิยา ได้ฉีกเสื้อคลุมของเขาออกมาสิบสองชิ้น และพยากรณ์ว่าเยโรโบอัมจะได้เป็นกษัตริย์ของอิสราเอล 10 เผ่า ทำให้โซโลมอนโกรธมาก หาช่องทางฆ่าเขา เยโรโบอัมจึงหนีไปที่อียิปต์ และกลับมาตอนโซโลมอนสิ้นพระชนม์ไปแล้ว  ต่อมาเมื่อประชาชนไม่พอใจกษัตริย์องค์ใหม่ จึงได้แยกตัวออกมาสิบเผ่าตั้งอาณาจักรทางตอนเหนือ พร้อมยกเยโรโบอัมขึ้นเป็นกษัตริย์  ตรงตามคำพยากรณ์ของ อาหิยาห์  คนของพระเจ้าที่มีชีวิตอยู่ด้วยความยากลำบากมานาน บัดนี้ได้แยกเป็นสองอาณาจักร
เมื่อเยโรโบอัมได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ของอิสราเอลสิบเผ่าทางตอนเหนือ ทรงเป็นกษัตริย์ที่ั่ชั่วร้ายที่สุดของอิสราเอล 
ทั้งเยโรโบอัม(อิสราเอลเหนือ)และเรโหโบอัม(อิสราเอลใต้) ต่างก็ทำแต่สิ่งที่ดีสำหรับตนเอง ไม่ใช่สิ่งที่ดีเพื่อประชาชนเลย เรโหโบอัม()โหดเหี้ยมและไม่ฟังเสียงประชาชน ส่วนเยโรโบอัม(เหนือ)ได้ตั้งสถานนมัสการใหม่ขึ้นเพื่อดักไม่ให้ชาวอิสราเอลเหนือเดินทางมาที่เยรูซาเลม(เมืองหลวงของอิสราเอลใต้)เพื่อนมัสการพระเจ้าตามธรรมเนียมปฎิบัติ การกระทำของสองกษัตริย์เกิดผลตรงข้ามกับที่พวกเขาคาดไว้เพราะสิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดการแตกแยกของอาณาจักรอิสราเอล และสิ่งที่เยโรโบอัม(เหนือ)ทำให้อิสราเอลละทิ้งพระเจ้า 
...สิ่งนี้คือจุดแบ่งแยกดินแดนของอิสราเอลซึ่งสืบทอดอย่างยาวนานมาหลายศตวรรษ อิสรเอลสิบเผ่าจากทั้งหมดสิบสองเผ่าหันไปติดตามเยโรโบอัมและเรียกอาณาจักรของเขาว่า อิสราเอล(อาณาจักรเหนือ)                     ส่วนอีกสองเผ่ายังจงรักภักดีต่อเรโหโบอัมและเรียกอาณาจักรของพวกเขาว่า ยูดาห์(อาณาจักรใต้)    การแตกแยกนี้ไม่ใช่เป็นการเริ่มต้นในยุคนี้ แต่มันมีการแตกแยกมาตั้งแต่สมัยผู้วินิจฉัยแล้วโดยเฉพาะเผ่าเอฟราฮิมซึ่งมีอิทธิพลมาก(ของตอนเหนือ)และเผ่ายูดาห์(ซึ่งมาเป็นผู้นำตอนใต้) อีกสาเหตุที่มาเสริมคือ ความจงรักภักดีต่อเผ่าของตนมากกว่าการรวมเป็นชาติอิสราเอล 
ในอดีตเราจะอ่านพบว่า เอฟราอิมขึ้นมาเป็นผู้นำโดยอ้างพันธสัญญาในพระธรรมปฐมกาล(48:17-22 , 49:22-26) ผู้นำที่เด่นเช่นโยชูวา,ซามูเอล ก็เป็นชนเผ่าเอฟราอิม  แต่ช่วงหลังเผ่ายูดาห์เริ่มมามีบทบาทเช่นสมัยของดาวิดและกลายเป็นกษัตริย์เหนือิสราเอลทั้งหมดทุกเผ่าทำให้เอฟราอิมไม่มีสิทธิอ้างความเป็นผู้นำอีกต่อไป เราจึงพบว่าในสมัยของกษัตริย์ดาวิด  พวกเอฟราอิมเข้าพวกกับอิชโบเชทต่อต้านดาวิดซึ่งมาจากเผ่ายูดาห์  แม้นดาวิดพยายามลดข้อบาทหมางแต่ลูกหลานของพระองค์คือทั้งโซโลมอนและเรโหโบอัม กลับวางแอกให้อิสราเอลหนักมากขึ้น เผ่าทางเหนือจึงเกิดจุดแตกหัก  เพราะเอฟราอิมเป็นเผ่าสำคัญของทางตอนเหนือเมื่อเขาไม่พอใจที่ดาวิดเผ่ายูดาห์ขึ้นมาปกครองอิสราเอลทั้งหมดรวมถึ์งการย้ายศูนย์กลางศาสนามาที่เยรูซาเลม(ใต้)
 เราสามารถหาข้อมูลความชิงดีชิงเด่นระหว่างสองเผ่านี้ได้ใน วนฉ12:1  2ซมอ.2:4เป็นต้นไป และ 19:41-43

อ่านต่อในส่วนของอาณาจักรอิสราเอลตอนเหนือ


ที่มา  ขอบคุณหนังสือธัญญทิพย์ อมตะธรรมฉบับอธิบาย และคู่มือศึกษาพระคัมภีร์จากหลายแหล่งที่มา 





Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2561
Last Update : 12 เมษายน 2561 15:22:29 น.
Counter : 421 Pageviews.

0 comments

jewelmoda
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 108 คน [?]



ผู้หญิงคนหนึ่ง ที่อยากทำงานด้านเด็ก อยากเป็นครู แต่กลับต้องไปทำงานแบงค์ เมื่อขอเออรี่ออกมา ขอหาข้อมูลเกี่ยวกับเด็ก เพื่อการพัฒนาเด็กไทย

Myspace angels graphics
New Comments
Friends Blog
[Add jewelmoda's blog to your weblog]