มองภาพแห่งความสำเร็จที่ชัดเจน เดินแต่ละก้าวอย่างมีสติ ด้วยใจที่สงบ
<<
พฤศจิกายน 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
3 พฤศจิกายน 2553

บทความกับดักทางจิตใจ

ในความคิดของผม คนเราเกิดกับดักทางจิตใจอย่างที่คิด เพราะตัวตั้งต้นมันผิด ตัวตั้งต้นไม่ใช่ระบบหรือสไตล์การลงทุน แต่คือมุมมองหรือทัศนคติของเราต่างหาก นี่ทำให้ผมนึกถึงคำพูดของ Paul Tudor Jones ที่บอกไว้ว่า "คุณสามารถโยนหนังสือพิมพ์วอลสตรีทของวันพรุ่งนี้ให้นักลงทุนส่วนใหญ่อ่านได้เลย แต่ยังไงซะ พวกเขาก็ยังจะขาดทุน" เพราะสิ่งสำคัญที่สุดอยู่ในมุมมองและจิตใจของเราต่างหาก :D

นักเล่นหุ้นส่วนใหญ่โดนกับดักของการยึดเอาผลลัพท์เป็นที่ตั้ง (และยังมีกับดักทางจิตใจอีกหลายอย่าง) เนื่องจากเชื่อว่าผลของการเทรดเป็นสิ่งที่มีเหตุผลอยู่เสมอ เช่น A ต้องไป B ต้องไป C ต่อไปเรื่อยๆ นั่นทำให้คนส่วนใหญ่มักให้ความสำคัญต่อผลการเทรดในแต่ละครั้งจนมากเกินไป (และอาจยอมเสี่ยงจนมากเกินไปด้วย) เพราะมันไปผูกกับ Ego หรือความภาคภูมิใจของตัวเรา เมื่อเกิดผลลัพท์ที่ไม่คาดหวังขึ้น เราจะให้น้ำหนักกับมันจนกลายเป็นทำร้ายตัวเอง และหากไม่ทำความเข้าใจกับจิตวิทยาการลงทุนเหล่านี้ให้ดี สุดท้ายก็เกิดกลายเป็นวงจรอุบาทว์พยายามไล่หา Holy Grail กันไม่จบไม่สิ้น

วิธีแก้ควรแก้ตั้งแต่ต้นเหตุคือมุมมองของเรา หากเอาเส้นผมบางๆที่บังภูเขาออกไปได้ มันจะเป็นวินาทีเปลี่ยนชีวิตทีเดียว นั่นคือ เราต้องยอมรับความจริง หรือต้องซึ้งกับความจริงที่ว่า "ผลการเทรดคือความน่าจะเป็น" ให้ได้ ไม่ว่าคุณจะวิเคราะห์ด้วยวิธีใดก็ตาม (ผมรู้ว่าหลายๆคนคงอ่านแล้วไม่เห็นด้วยหรือยากจะยอมรับ แต่ไม่ว่าอย่างไรมันเป็นความจริง ไม่มีใครวิเคราะห์ถูกเสมอ100% โดยเฉพาะในตลาดหุ้น เกิน 60% ในระยะยาวก็ถือว่าเก่งมากแล้ว) ซึ่งคำว่ายอมรับนี้ ไม่ได้หมายถึงการรู้ แต่หมายถึงความเข้าใจไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ คำถามคือทำได้จริงๆหรือปล่าว??

จากประสบการณ์ส่วนตัว ถ้าทำได้จริงๆเมื่อไหร่ โลกของการเล่นหุ้นจะเปลี่ยนไปสิ้นเชิง การเทรดแต่ละครั้งไม่ได้มีความหมายในตัวของมันเอง แต่เป็น "กระบวนการ" หนึ่ง ของการปลดปล่อยผลความน่าจะเป็นและความได้เปรียบทางสถิติออกมา สิ่งที่เราต้องทำจริงๆคือ "รักษาวินัย" ของเราไว้ มันจะกลายเป็น Just another one good trade! Whatever the result เราจะมองใน Long Run แทน

เมื่อทำได้จริงๆใจเราจะไม่ยึดติดกับผลของการเทรดแต่ละครั้ง เราจะมองไปที่การบริหารความน่าจะเป็นเหล่านั้น ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงสไตล์การเล่นแบบใดแบบหนึ่ง ไม่ว่าจะพื้นฐาน เทคนิค หรือโยนเหรียญ เราจะคิดถึงโอกาสที่เราจะได้จะเสีย ขนาดของกำไรหรือขาดทุนอยู่ตลอดเวลาโดยอัตโนมัติ เราจะโฟกัสไปที่ "กระบวนการ" มากกว่าผลลัพท์ในแต่ละครั้ง เราจะมองในภาพใหญ่ของกระบวนการ ในผลรวมหลายๆครั้งของการเทรดหรือการลงทุน เมื่อถึงตอนนั้น ผมเชื่อว่าเราน่าจะข้ามผ่านอคติของกับดักทางจิตใจที่คุณ Curious Buy ว่าไว้ได้อย่างไม่ยากเย็น โชคดีทุกคนครับ :D

จากคุณ : modxyz

กับดักทางจิตใจของผู้ที่อยากมีอาชีพเป็นนักลงทุน

สำหรับทุกท่านที่ต้องการเป็นนักลงทุนมืออาชีพ ที่มุ่งกับการซื้อขายเก็งกำไรรายวัน
ทุกคนคงเคยพบกับการรับรู้กำไรและขาดทุนกันมานับครั้งไม่ถ้วน

แต่เชื่อว่าทุกคนคงรู้สึกแย่กับการรับรู้การขาดทุนมากกว่า



เวลาคนเราขาดทุน มักจะคิดว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดใช่มั้ยครับ? และคิดว่าการซื้อขายครั้งไหนที่เกิดกำไร คือการตัดสินใจที่ถูกเสมอไป นี่แหละครับคือกับดักทางจิตใจที่จะขวางทางไม่ให้เราประสบความสำเร็จในอาชีพนี้ และเป็นสาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้คนจำนวนมากไม่สามารถไปถึงฝั่งฝันในเส้นทางอาชีพนี้ได้


กับดักทางจิตใจเกิดขึ้น เนื่องจากกลไกปกป้องตัวเองในสัญชาติญาณมนุษย์ที่เรามี ทำให้เรารู้สึกถึงความสุขเมื่อเกิดกำไร และรู้สึกถึงอันตรายเมื่อขาดทุน(เนื่องจากเงินไหลออกจากกระเป๋า) คนเราจึงมักจะพยายามจดจำวิธีที่เราใช้เมื่อกำไร และพยายามจะใช้วิธีนั้นซ้ำๆเพื่อหวังว่าจะมีกำไรเกิดขึ้นเหมือนที่ผ่านๆมา
ในทางกลับกัน เรามักจะพยายามลืมหรือหลีกเลี่ยงสิ่งที่เราทำแล้วขาดทุน เพราะกลัวว่ามันจะทำให้เกิดการขาดทุนซ้ำๆขึ้นอีก


หลายคนอ่านถึงตรงนี้แล้วคงงงว่าผมต้องการจะบอกว่าอะไร?
จะให้ใช้วิธีที่ลองทำแล้วขาดทุน ไม่ให้เลี่ยง ให้พยายามทำซ้ำๆหรือยังไง?… ถูกเพียงครึ่งหนึ่งครับ



หลายคนไม่รู้ตัวหรอกครับว่าวิธีการลงทุนที่ตัวเองเลือกปฎิบัติมาแต่แรกนั้นเป็นวิธีที่ถูกหรือผิด แต่คนที่โชคร้ายที่สุดคือคนที่เจอวิธีที่ “ใช่” สำหรับตัวเอง แต่ตัดสินใจที่จะเลิกปฎิบัติตามเพียงเพราะลองทำดูแล้วเกิดการขาดทุนขึ้นมา … สิ่งนี้นี่แหละครับผมเรียกมันว่ากับดักทางจิตใจ



สิ่งที่ผมพยายามจะบอกก็คือ.. ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ให้ใช้วิธีไหน แต่นักลงทุนมืออาชีพ จะโฟกัสไปที่ “คุณภาพของกระบวนการตัดสินใจ” มากกว่า “ผลลัพธ์ของการซื้อขาย” มากกว่า



คำว่าคุณภาพของกระบวนการตัดสินใจ หมายถึง…
ระหว่างที่คุณเริ่มตัดสินใจที่จะซื้อหุ้นสักตัวไปจนกระทั่งคุณได้เริ่มทำการซื้อขายมันแล้ว คุณพินิจวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆในวิธีที่คุณใช้ครบถี่ถ้วนดูหรือยัง?






ยกตัวอย่าง… ถ้าคุณเพิ่งโดดเข้าตลาดมาเล่นหุ้นโดยคำชักชวนของเพื่อนๆ ในตอนที่ตลาดอยู่ในภาวะกระทิง โดยที่เพื่อนคนนั้นไม่รู้เรื่องอะไรเลย บอกแต่ว่าเล่นหุ้นเพราะโบรกบอกว่าดัชนีจะไปพันจุด คุณเล่นตามเพื่อนแล้วเกิดกำไร … คุณจะเกิดการฝังใจอย่างแน่นอนว่า “เล่นตามคนนี้รวยแน่”


การกระทำแบบนี้เกิดกำไร ถือว่าผลลัพธ์ดี… แต่ว่าไม่มีคุณภาพในการตัดสินใจ เพราะคุณเชื่อเพื่อนเพียงเพราะเขาเข้าตลาดไปก่อน ที่สำคัญเพื่อนคนนั้นก็พึ่งแต่บทวิเคราะห์จากโบรก ไม่ได้มีรูปแบบการวิเคราะห์ที่น่าเชื่อถือของตัวเอง ยิ่งเป็นการ “ตัดสินใจซื้อขายอย่างไม่มีคุณภาพตามคนที่ไม่มีคุณภาพในการตัดสินใจ” … ซวยสองต่อเข้าไปอีก
แรกๆอาจจะเกิดกำไร แต่เมื่อทำซ้ำๆกันไปนานๆ สุดท้ายแล้วก็จะนำไปสู่การขาดทุนในที่สุด เมื่อภาวะตลาดพลิกขึ้นมา







หรืออีกตัวอย่าง… เพื่อนผมคนหนึ่งเก่งทางด้านการวิเคราะห์งบบริษัท อ่านตำราวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานมานับร้อยเล่มจนคิดว่าแตกฉานแล้ว ทดลองเล่นในกระดาษดูมา4-5 ปีก็กำไรตลอด ถือว่าทำการบ้านมาอย่างดีแล้ว สุดท้ายจึงตัดสินใจกระโดดเข้าตลาดหุ้นด้วยเงินน้ำพักน้ำแรงที่เก็บมา ปรากฎเป็นช่วงเกิดวิกฤติเศรษฐกิจพอดี หุ้นปัจจัยพื้นฐานทุกตัวที่ซื้อไว้ ขาดทุนเกินกว่า 50% ของพอร์ต เพื่อนผมจึงเกิดอาการเข็ดและท้อ หันไปเก็งกำไรตามกระแสตลาดที่ไม่เคยทดสอบมาก่อน สุดท้ายก็ขาดทุนและเลิกเล่นหุ้นไป


อันนี้ก็ถือว่ามีคุณภาพในการตัดสินใจ แต่ถือว่ามองไม่ครบ เพราะ timing ผิดไป ซ้ำร้ายยังโดนกับดักทางจิตใจเล่นงาน หลอนให้ตัวเองละทิ้งวิธีแนวทางที่ถนัด




นักลงทุนที่ดีจะต้องมองกับดักทางจิตใจพวกนี้ให้ออก ไม่เข็ดกับการขาดทุนเพราะถือว่าเป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง


ผู้จัดการกองทุนที่เก่งๆระดับโลกส่วนใหญ่จะมีการจัดการสภาวะทางจิตใจที่ดีและสามารถรักษาวิธีที่คิดของตนเองให้คงเส้นคงวา ไม่มีอคติมารบกวน ไม่มีผู้จัดการกองทุนเก่งๆคนไหนที่เทรดนับ 10 ปีแล้วได้กำไรบ่อยกว่าขาดทุน ซ้ำร้ายยังขาดทุนบ่อยกว่าอีก แต่ครั้งที่กำไร มักจะได้กำไรมากกว่าขาดทุนหลายเท่าตัว ทำให้ผลประกอบการสุทธิรวมออกมาเป็นกำไรในที่สุด





ไม่มีวิธีไหนที่ตอบโจทย์ได้สำหรับทุกคนหรอกครับ นักลงทุนบางคนก็ประสบความสำเร็จได้ด้วย technical analysis บางคนก็ fundamental … บางคนหน้าตักเยอะหน่อยก็ถนัดในการสวมบท market maker ต่างคนต่างวิธีทั้งนั้น ผมคิดว่าการยึดถือวิธีที่ตัวเองถนัดเป็นหนทางที่ดีที่สุดแล้ว หากแต่ลองคิดดูว่า.. ถ้าทุกวันนี้คุณกำลังไม่มีความสุขในการลงทุน เป็นเพราะว่าคุณได้เคยเผลอทิ้งวิธีที่คุณถนัดไปเพียงเพราะโดนกับดักทางจิตใจเล่นงานรึเปล่า?

จากคุณ : CuRious_Boy

//thailandset50.blogspot.com/


Create Date : 03 พฤศจิกายน 2553
Last Update : 3 พฤศจิกายน 2553 12:49:26 น. 0 comments
Counter : 749 Pageviews.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นายแว่นธรรมดา
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 110 คน [?]




ยินดีต้อนรับสู่บล็อกนายแว่นธรรมดา บล็อกที่รวมเอาความคิด ความฝัน ความรู้สึกของนายแว่นธรรมดา เพื่อปะติดปะต่อภาพแห่งความรู้สึกในใจของเราให้เสร็จสมบูรณ์ (ขอสงวนการนำข้อมูลในบล็อกไปใช้ครับ)
Free counters!
New Comments
[Add นายแว่นธรรมดา's blog to your web]