สำหรับการลงทุนไม่ว่าจะเป็นระยะ
สั้นหรือระยะยาวหาเข้าถือหุ้นผิ
ดจังหวะอาจทำให้เราเจ็บตัวได้ง่
ายๆ ครับ ผมขอยกตัวอย่างจังหวะในการเข้าถ
ือหุ้นของบริษัทที่ผลิตสินค้าชน
ิดหนึ่งเป็นกรณีตัวอย่างดังนี้ค
รับ
บริษัท B ได้สั่งซื้อเครื่องจักรมาผลิตสิ
นค้าตัวใหม่ที่จะทำให้ต้นทุนการ
ผลิตลดลงกว่า 30% เนื่องจากบริษัท B เป็นบริษัทมหาชน (อยู่ในตลาดหลักทรัพย์) จึงได้ประกาศข่าวการซื้อเครื่อง
จักรตัวใหม่ และประกาศถึงประสิทธิภาพของเครื
่องจักรตัวนี้ว่าสามารถลดต้นทุน
ในการผลิตได้กว่า 30% ต้นทุนที่ลดลงก็จะหมายถึง กำไร ที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง
พอข่าวนี้ถูกประกาศออกไปนักลงทุ
นก็เกิดความ คาดหวัง และแห่เข้าซื้อหุ้น นักลงทุนกลุ่มอื่นๆ เห็นวอลุ่มที่เข้ามาอย่างมากมาย
ก็แห่ซื้อตาม เกิดเป็น ความคาดหวังเฟ้อ ทำให้ราคาหุ้นถีบตัวขึ้นมากภายใ
นเวลาไม่กี่สัปดาห์
กลับมาดูที่โรงงานการสั่งซื้อเค
รื่องจักรตัวใหม่เพิ่งเริ่มต้น ระยะเวลาในการนำเข้าเครื่องจักร
ติดตั้งในโรงงานจะต้องใช้เวลาอี
กกว่า 6 เดือน และหลังจากติดตั้งเสร็จแล้วก็ต้
องใช้เวลาในการคืนทุน (Break Event Point) อีกกว่า 3 ปี
แต่ทว่าในตลาดหุ้นได้เกิดความคา
ดหวังเฟ้อขึ้นมาแล้ว ราคายังพุ่งไปเรื่อยๆ จนถึงจุดๆ หนึ่ง นักลงทุนที่คาดหวังว่าผลกำไรจะต
้องเพิ่มขึ้นแต่เอาเข้าจริงๆ กลับติดลบด้วยซ้ำเนื่องจากการลง
ทุนเครื่องจักรตัวใหม่ ยังไม่ถึงเวลาคืนทุน คราวนี้นักลงทุนที่ผิดหวังก็จะแ
ห่เทขายหุ้นอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ราคาตกอย่างรวดเร็ว บางเวลาราคาก็ตกเกินกว่าราคาพื้
นฐานของบริษัท B เสียอีก
มองเห็นอะไรกันมั้ยครับจากกรณีต
ัวอย่างนี้... นักลงทุนที่ชาญฉลาดจะเข้าถือหุ้
นในช่วงเวลาไหนจึงจะดีที่สุด สำหรับผมแล้วจังหวะที่ดีที่สุดค
ือจังหวะที่ทุกคนกำลัง ผิดหวัง และเทขายกันอย่างบ้าคลั่ง พอหลายๆ คนเทขายคนที่ถือๆ อยู่ก็เกิดความกลัวเทขายตามไปด้
วย ราคาที่ตกเกินความเป็นจริงมันช่
างเย้ายวนนักลงทุนที่จับจังหวะเ
ป็นเสียจริงๆ พอเก็บหุ้นราคาถูกมาได้แล้ว ก็แค่รอให้ถึงจุดคุ้มทุน ราคาก็จะขยับขึ้นอีกครั้งเพราะก
ำไรที่เพิ่มขึ้นจากเครื่องจักรต
ัวใหม่นั่นเองครับ...
สำหรับหุ้นขาขึ้นแบบนี้ต้องบริห
ารจัดการความเสี่ยงกันให้ดี และรอบคอบที่สุดนะครับ...
(นายแว่นธรรมดา)
แวะทักทายกันได้ที่นี่ครับ
www.naiwaen.com