จริง ๆ แล้วมาตรการของ FED ในการลงทุนในพันธบัตรระยะยาว เพื่อให้ Yield ระยะยาวลดลงนั้น ไม่ได้มีผลหรือมีนัยที่จะทำให้ความมั่นใจนักลงทุน หรือความเสี่ยงต่อ Global economic meltdown ลดลง มาตรการ FED รอบใหม่มีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเฉพาะตลาดบ้านและการจ้่างงานในสหรัฐมากกว่า แต่ตอนนี้ความเสี่ยงที่น่ากลัวที่นักลงทุนให้ความสนใจและมีความกัึงวลมากที่สุดคือยุโรป โดยที่พัฒนาการในช่วงที่ 1-2 เดือนที่ผ่านมา ยังไม่ได้มีอะไรที่ดีขึ้น มีแต่จะแย่ลง

1) Greece - การเบิกเงินจากวงเงินช่วยเหลือดูจะยากขึ้นทุกวัน เนื่องจากต้องเร่งบีบรัดงบประมาณ และตัดค่าใช้จ่าย ให้เป็นไปตามแผน ช่วงแรก ๆ อาจจะทำง่าย แต่ลดมาระดับนึงแล้วเริ่มยากมากขึ้นเรื่อย ๆ (เหมือนคนอ้วนลดน้ำหนัก ที่ช่วงแรกจะลดได้เร็ว แต่ช่วงหลังจะลดได้ยากมาก) ล่าสุดเงินก้อนใหม่ยังไม่ได้รับการอนุมัติ ซึ่ง Greece จะเริ่มขาดสภาพคล่องในช่วงกลางเดือน ตุลาคม

2) ประเทศอื่น ๆ ในยุโรป - นักลงทุนไม่มั่นใจว่าจะมีชะตากรรมเหมือนอย่าง Greece หรือไม่ แม้่ว่าประเทศเหล่านี้่จะดำเนินการรัดเข็มขัดได้ง่ายกว่า Greece ก็ตาม ทำให้สะท้อนไปในต้นทุนการเงินที่สูงขึ้นอย่างมาก ทำให้ refinance ยากขึ้น และภาระดอกเบี้ยมากขึ้น ปัญหาการคลังก็แก้ยากมากขึ้น หันมาดูวงเงินช่วยเหลือก็ดูท่าจะไม่พอโดยเฉพาะถ้ายักษ์ใหญ่อย่าง Italy มีปัญหา ต้องมีการขอเพิ่มวงเิงิน แต่ก็ดูจะยากขึ้น เพราะหลายๆ ประเทศที่ลงขันช่วยเหลือ ประชาชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย ทำให้สถานะทางการเมืองของผู้นำประเทศสั่นคลอน โดยเฉพาะเยอรมันซึ่งเป็นผู้ลงขันเยอะสุด จะมีประชุมสภาเพื่ออนุมัติการเพิ่มวงเงินช่วยเหลือในวันที่ 29 กันยายนนี้ ต้องจับตาดูให้ดี ถ้าไม่ผ่านความมั่นใจของนักลงทุนจะย่ำแย่ลงไปอีก

3) สถาบันการเงินในยุโรป - เป็นความเสี่ยงที่ต้องจับตามองมากขึ้นเรื่อย ๆ เงินกองทุนไม่พอแน่ ๆ เพียงแค่กรีซ default ไม่ต้องพูดถึงยุโรปที่มีปัญหาอื่น ๆ ตอนนี้สถาบันการเงินอื่น ๆ นอกยุโรป เริ่มระมัดระวังอย่างมากในการทำธุรกรรม หรือ มี Exposure กับสถาบันการเงินในยุโรป เช่น จีนได้สั่งธนาคารของตัวเองหยุดทำธุรกรรมกับยุโรป ตอนนี้ liquidity เริ่ม tight จะเห็นได้ว่านักลงทุนเริ่มทยอยลด หรือ unwind posiiton ทั่วโลก เพื่อสำรอง liquidity ทำให้ค่าเงินในประเทศต่าง ๆ อ่อนค่าอย่างมาก risky assets ปรับตัวลดลง สถาบันการเงินในยุโรปต้องเร่งเพิ่มทุนเพื่อรองรับวิกฤติที่อาจจะเกิดขึ้น และสร้างความมั่นใจให้กับตลาด

สรุป ในช่วงนี้ตลาดจะผันผวนอย่างมาก (ขึ้นยากลงง่าย) ลงทุนช่วงนี้ก็ต้องมองระยะ 1 ปีข้างหน้า แต่ก็เป็นโอกาสในการเก็บของดีและุถูก เช่น เอเชีย และจีน ซึ่งคาดว่าจะได้รับผลกระทบไม่มาก และก็ยังมีกระสุนมากมายในการกระตุ้นเศรษฐกิจตัวเอง (ที่ผ่านมายังแทบไม่ได้ใช้เลย ทั้งมาตรการทางด้านการเงิน และการคลัง ดอกเบี้ยอยู่สูงลดได้อีกเยอะ รัฐบาลก็สามารถออกโครงการต่าง ๆ ได้มากมายเพราะหนี้รัฐส่วนใหญ่ยังอยู่ในระดับต่ำ การเติบโตทางเศรษฐกิจก็สูง คนว่างงานน้อย ทำให้รายรับรัฐบาลยังแข็งแกร่ง)

เอามาฝากครับ

จากคุณ : เม่าเริงเมือง

ขอบคุณครับ