1 2
3 4 5 6 7 8 9
10 11 12 13 14 15 16
17 18 19 20 21 22 23
24 25 26 27 28 29 30
วันที่ 6 (2/3): PARIS: ทัวร์พิพิธภัณฑ์ ณ กรุงปารีส Champs-Elysées, Arc de Triomphe and Musée Rodin
หลังจากที่ห่างหายไปเสียนาน วันนี้ได้ฤกษ์กลับมาแล้วค่ะ ^^ มาว่ากันต่อเลยแล้วกันนะคะ หลังจากชมพิพิธภัฑณ์ลูฟร์เรียบร้อยสมใจ เราก็จับเมโทรจากสถานี Paris Royal Musee Louvre ไปลงยังสถานี Franklin D. Roosevelt ที่ตั้งอยู่บนถนน Champs- Elysées (ชองป์เซลิเซ่) อันเป็นถนนต้นแบบของถนนราชดำเนินบ้านเรานั่นเอง โผล่ขึ้นมาพื้นดิน...ผู้คนมากมายละลายตานะคะ ถนนสายนี้เป็นที่ตั้งของร้านดีไซเนอร์ชื่อดัง พวกแบรนด์ดังๆ อย่างเช่น หลุยส์ วิกตอง เป็นต้นค่ะ ป้ายชื่อถนนสวยดี ก่อนอื่นเราก็หาอะไรลองท้องก่อน อยากไปนั่งที่คาเฟ่ข้างทางเหมือนกัน ** ตรงนี้จะเปิดฉากแรกในนิยายเรื่องใหม่ของเราน้า แต่ออกจะเขินๆ เพราะไปคนเดียว บวกกับราคาอาหารค่อนข้างแพง ^^ ก็เลยตัดสินใจเข้าแม็กค่ะ แม็กโดนัล นั่นเองที่เป็นที่ฝากท้องอาหารกลางวันของเราในวันนี้ เดินลงบันไดไปใต้ดินเข้าร้านแม็ก ที่ตกแต่งยังกับคุกใต้ดิน น่ากลัวมาก -_- คนเยอะมากด้วย เราพยายามจะสั่งชีสเบอร์เกอร์ แต่เขาฟังเราไม่ออก หรือเราฟังเขาไม่ออกก็ไม่รู้ ฮา ก็เลยเปลี่ยนเป็นนักเกต เลยได้ชุดนักเกตกับสลัดมา จากที่คนแน่นมากๆ เราก็เลยรีบเล็งหาที่นั่งโดยด่วน เห็นโต๊ะว่างแล้ว ปรี่เข้าไปเลย กรี๊ด มีหนุ่มถือหมวกกันน็อกปรี่เข้ามาเหมือนกัน ยืนชะงัก มองหน้ากัน แล้วก็เลยตกใจลงว่านั่งด้วยกันไปเลย เพราะมันเป็นโต๊ะคู่อยู่แล้ว นั่งเสร็จ ก็ลงมือกินโดยไม่สนใจใคร เขาก็โทรคุยกับแฟนหนุงหนิง เราก็โทรบ้าง เอ๊ย ไม่ใช่ เอากล้องขึ้นมาเปิดรูปดูระหว่างกิน ^^ จัดการอาหารกลางวันอิ่มท้องเรียบร้อยแล้วก็ปีนขึ้นมาบนพื้นดินอีกครั้ง เก็บบรรยากาศของถนนชองป์เซลิเซ่ต่อค่ะ โผล่หน้าไปริมถนน ถ่ายรูปถนนต้นแบบของบ้านเราซะเลย ที่ปลายทางของถนนเส้นนี้คือประตูชัย ค่ะ มองเห็นอยู่ไกลลิบๆ เราก็เดินตรงไปพร้อมกับผู้คน ระหว่างทางเหลือบเห็นป้ายนี้ รีบถ่ายรูปโดยด่วน ต้นตระกูลนายเคย์ เขาเลยนะเนี่ย (แอบโฆษณาแฝงนิยายตัวเอง ฮา) ระหว่างที่เดินไปตามทาง ก็จะพบเจอชาวเอเชียผมดำเป็นระยะ แรกสุดที่เจอนี่เป็นผู้หญิง เขาเดินเข้ามาถามเราว่าเป็นคนอินโดนีเซียหรือเปล่า เราก็บอกว่าเปล่า แล้วรีบเดินจากไป เธอคนนั้นก็ไม่ได้ว่าอะไร ปล่อยเราเดินจากไปแต่โดยดี เดินไปอีกสักหน่อยจนถึงตึกของหลุยส์ฯ ก็พบกับสาวชาวจีน (ฟังจากสำเนียงแล้วคาดว่าเป็นคนจีนนะคะ) เดินเข้ามาถามว่าพูดภาษาอังกฤษได้มั้ย เราก็บอกว่าได้ เท้าก็ยังเก้าไปเรื่อยๆ นะ เธอก็ก้าวตามมาไม่ยอมหยุด เธอก็บอกต่อว่า มีเรื่องขอร้องหน่อย อยากซื้อกระเป๋าหลุยส์มาก แต่ทางร้านเขาให้โควต้าคนละสองใบเท่านั้น เขาอยากจะรบกวนเราเข้าไปซื้อให้หน่อย ส่วนเรื่องเงินเขาจ่ายเองไม่มีปัญหา แต่เราไม่สนน่ะ รีบเดินผละจากไปอย่างรวดเร็ว โดยบอกว่า ไม่มีเวลาแล้ว ต้องรีบไป ผู้หญิงคนนั้นก็ปล่อยเราไปแต่โดยดีนะ ไม่ได้เซ้าซี้อะไร แต่ผละไปหาเหยื่อรายต่อไป ระหว่างทางที่เดินก็เจอคนประเภทนี้เยอะมาก มีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย พยายามเดินเข้ามาถามหาคนที่ดูเป็นนักท่องเที่ยวชาวเอเชีย จะให้เข้าไปซื้อของแบรนด์ให้ โดยบอกว่าตัวเองหมดโควต้าแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะหลอกลวงพวกเราอย่างไร แม้อยากจะรู้ แต่ก็ไม่อยากเอาตัวเข้าไปเสี่ยงนะ เพราะเกิดอะไรขึ้นมันไม่คุ้มกับความอยากรู้เลยจริงๆ ด้วยเพราะพึ่งสังวรณ์อยู่ตลอดเวลาว่าเราไม่ใช่นางเอกในนิยาย (ฮา) เกิดตกอยู่ในอันตรายไม่มีทางมีพระเอกขี่ม้าขาวออกมาช่วยได้ทันแน่ๆ เลยเชียว เพราะงั้นก็เลยพยายามเซฟตัวเองด้วยการเดินห่างจากพวกผู้คนที่ไม่น่าไว้วางใจให้มากที่สุดน่ะค่ะ เราก็เดินต่อไปเรื่อยๆ โดยมีเป้าหมายปลายทางคือประตูชัยค่ะ ใกล้ถึงแล้ว เห็นประตูชัยชัดขึ้นมาแล้ว แวะถ่ายภาพตู้โทรศัพท์ข้างทาง ตรงแถวๆ ประตูชัยจะมีคนมาขายของที่ระลึกเยอะมากค่ะ โดยมากเป็นชาวแอฟริกาเยอะ ขายพวกโมเดลหรือพวงกุญแจหอไอเฟล กับโปสการ์ดค่ะ เราไม่ได้หยุดซื้ออะไร เพราะไม่อยากแบกด้วย และก็ไม่มีเวลา ต้องเที่ยวแข่งกับเวลาล่ะนะประตูชัย ถ่ายจากอีกฟากของถนนค่ะ ** ประตูชัย (Arc de Triomphe) เป็นประตูชัยสัญลักษณ์แห่งชัยชนะของนโปเลียนค่ะ หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ได้มีการนำศพทหารนิรนามมาฝังไว้และได้จุดไฟชั่วนิรันดร์ไว้เป็นเครื่องระลึกถึงวีรกรรมของทหารที่ล่วงลับค่ะ จะมีทางเดินใต้ดินเชื่อมระหว่างฟากถนนกับประตูชัยนะคะ แต่ก็ยังเห็นชาวฝรั่งเศส (หรือเปล่านะ อาจจะเป็นนักท่องเที่ยว) บางคนข้ามถนนที่จอแจไปด้วยรถราตรงไปยังประตูชัยโดยไม่เกรงกลัวต่ออุบัติเหตุเลยค่ะ ส่วนเราก็เดินตามนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ไปยังทางใต้ดิน (ติดแอร์ด้วยค่ะ เย็นสบายดี) ไปโผล่ขึ้นที่ใต้ประตูชัยค่ะ โผล่ขึ้นมาแล้วค่ะ ที่โค้งประตูชัย นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นบันไดเวียนไปชมวิวและพิพิธภัณฑ์ทางด้านบนประตูชัยได้ค่ะ โดยจะเสียค่าเข้าชมประมาณ 7 ยูโร แต่เนื่องจากเราซื้อตั๋ววันเที่ยวพิพิธภัณฑ์ในปารีสเอาไว้ และสามารถใช้กับที่นี่ได้ ก็เลยได้ขึ้นฟรีค่ะ แสดงตั๋วให้เจ้าหน้าที่ดู แล้วก็ไต่บันไดกันเลย บันไดเวียนเป็นก้นหอยเลย กว่าจะไต่ขึ้นไปถึงก็หืดขึ้นคอเลยค่ะ มีนักท่องเที่ยวขึ้นไปชมไม่มากนัก ระหว่างทางที่ไต่บันไดเวียนขึ้นไป มีสามีภรรยาอีกคู่เท่านั้นที่มาร่วมชะตากรรมด้วยค่ะ ขึ้นไปถึงข้างบนก็จะเป็นห้องโล่งๆ มีร้านขายของที่ระลึกเล็กๆ ตั้งอยู่ มีป้ายเขียนพิพิธภัณฑ์ แต่เราหาไม่เจอ คุณสามีภรรยาก็หาไม่เจอด้วย เดินขึ้นบันไดไปอีกชั้นก็โผล่มาบนดาดฟ้าประตูชัยเฉยเลย วิวจากบนประตูชัยค่ะ เห็นถนนแยกเป็นสายๆ ก็สวยดีนะคะ แน่นอน...ขาดไม่ได้ สัญลักษณ์ของนครปารีส หอไอเฟลนั่นเอง เดินตากแดดวนรอบดาดฟ้าประตูชัยเรียบร้อย เราก็เดินลงมาข้างล่าง แวะเข้าไปดูของที่ระลึกนิดหน่อย แต่ไม่ได้อะไรติดมือกลับมา ได้มาแค่ภาพถ่ายนโปเลียนเท่านั้นเอง เสร็จแล้วก็ไต่บันไดเวียนลงมาข้างล่าง เกือบหน้ามืดแน่ะ เดินถ่ายภาพรอบๆ ประตูชัยอย่างสบายอารมณ์ โค้งประตูกับท้องฟ้าอีกสักรูป กรอบประตูชัยค่ะ นโปเลียนเคยทรงม้าผ่านประตูนี้ใช่มั้ยเอ่ย (**พิซซ่าหน้านโบเลียนไม่อร่อยเลย ย้ำอีกรอบ ฮา) พวงมาลาที่นำมาวางเคารพศพผู้เสียชีวิตในสงคราม สงครามไม่เคยให้ประโยชน์ต่อประชาชนเลย...เฮ้อ รูปสลักข้างเสาประตู ขอบประตูชัยค่ะ บางรูปเราแถบจะหลุดออกไปยืนนอกถนนเลยนะ ถ่ายมาเยอะมากๆ แข่งกับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ค่ะ พวกนั้นก็เก็บภาพเป็นบ้าเป็นหลังเหมือนกัน ฮา พอเก็บภาพเรียบร้อยแล้ว เราก็เดินผ่านทางใต้ดินกลับมาบนถนนชองป์เซลิเซ่ที่เดิม ก่อนจะกางแผนที่ออกดูเพื่อตัดสินใจว่าจะเมโทรไปลงสถานีไหน เพราะเป้าหมายต่อไป ที่อยากไปอยู่ก็คือ Les Invalides ที่เป็นอาคารหลังคาโดม ถูกจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ทหารและอาวุธค่ะ ก็ตกลงใจว่าจะนั่งเมโทรจากสถานี George V ไปเปลี่ยนรถไฟที่ Champs-Élysées Clemenceau เพื่อจะตรงไปยังสถานี Varenne ค่ะ ก่อนจะไปต่อ ก็เดินข้ามถนนไปหยุดถ่ายประตูชัยแบบชัดๆ โดยไม่สนใจใครทั้งสิ้น (ฮา) มาถึงสถานี Varenne แล้ว และมองเห็นเป้าหมายของเราอยู่ไกลๆ (Invalides) แต่ระหว่างทางที่เดินไป สายตาก็เหลือบไปเห็นป้ายนี้ อ่านจะมองเห็นไม่ชัดนะคะ ป้ายผ้าที่แขวนอยู่ตรงมุมตึก เป็นป้ายที่เขียนถึงพิพิธภัฑณ์โรแดง (Musee Rodin) ค่ะ ลังเลใจเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจไปดู เพราะว่ายังไงก็ไม่ต้องเสียค่าเข้า เนื่องจากถือ paris muse one day pass อยู่แล้ว มีนักท่องเที่ยวผู้ชื่นชอบศิลปะอยู่ไม่เยอะนัก เราก็เดินเอาตั๋วไปแสดง ก่อนจะตรวจข้าวของโดยวางผ่านเครื่องเอกซ์เรย์ แล้วก็เดินเข้าไปข้างในค่ะ อาคารพิพิธภัฑณ์ข้างใน (คนละอาคารกับที่ตรวจตั๋วและความปลอดภัยนะคะ)** Musee Rodin เป็นบ้านของประติมากรเอกแห่งฝรั่งเศส นามว่า ออกุสต์ โรแดง ค่ะ ตอนนี้บ้านหลังนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่แสดงผลงานที่โรแดงทิ้งไว้ให้เป็นสมบัติของชาติให้ผู้ที่รักศิลปะเข้ามาชื่นชมค่ะ ไม่รู้ว่าทุกคนรู้จักโรแดงกันมั้ย ขอสารภาพจากใจจริงว่าเราไม่รู้จักเลย แต่เคยได้ยินชื่อนะคะ เป็นประติมากรที่มีชื่อเสียงในเรื่องผลงานปั้นค่ะ สวนหน้าพิพิธภัณฑ์ตั้งผลงานของโรแดงเอาไว้ ทางด้านหลังจะเห็นอาคารหลังคารูปโดมอันเป็นที่ตั้งของ Invalides ด้วยค่ะ ดูผลงานของโรแดงชัดๆ นะคะ เดินเข้าไปชมข้างใน มีแสดงผลงานปั้นของโรแดงให้ชมมากมายค่ะ มีผู้เข้าชมที่ชอบศิลปะเยอะมาก แต่สรุปแล้วว่าเราไม่ค่อยชอบแนวนี้เท่าไหร่นะคะ แอบหลอน...เป็นคนคิดมาก เวลาเห็นงานปั้นรูปมือที่เห็นกล้ามเนื้อชัดๆ แล้วก็...ผวาขึ้นมาซะงั้น เลยดูอย่างรวดเร็ว และถ่ายรูปเฉพาะที่ชอบเก็บไว้เท่านั้นเอง ตัวอย่างผลงานของโรแดง อันนี้เป็นโมเดลผลงานค่ะ สวนทางด้านหลังพิพิธภัณฑ์ค่ะ มีคาเฟ่ตั้งอยู่ในสวนด้วยค่ะ มีนักท่องเที่ยวนั่งหลบเงาไม้อ่านหนังสือค่อนข้างเยอะเหมือนกันเลย ทิ้งท้ายด้วยด้านหลังของพิพิธภัณฑ์ถ่ายจากสวนค่ะ ขอบอกว่าเดินจนเท้าแทบพังเลยค่ะ ส่วนส้นสูงน่ะพังไปแล้ว ที่รองส้นหลุดไปแล้วค่ะ แต่ยังใช้ได้อยู่นะ เพราะงั้นก็ต้องทนกันต่อไป ตอนต่อไปเตรียมพบกับ Invalides, Conciergerie (อดีตที่คุมขังของพระนางมารีอังตัวเนต) และ Musee d Orsay ค่ะเด็กทะเล 06.9.12 ** ข้อมูลทั้งหมดอ้างอิงมาจากหนังสือคู่มือท่องเที่ยวฝรั่งเศสนะคะ
Create Date : 12 กันยายน 2549
Last Update : 12 กันยายน 2549 22:06:49 น.
14 comments
Counter : 4135 Pageviews.
โดย: vintage วันที่: 12 กันยายน 2549 เวลา:22:41:27 น.
โดย: นายน้อย IP: 58.9.128.13 วันที่: 12 กันยายน 2549 เวลา:23:12:27 น.
โดย: เด็กทะเล IP: 202.26.169.90 วันที่: 13 กันยายน 2549 เวลา:7:21:18 น.
โดย: หนูลี IP: 210.213.12.200 วันที่: 13 กันยายน 2549 เวลา:12:31:22 น.
โดย: oa IP: 202.28.9.80 วันที่: 14 กันยายน 2549 เวลา:11:31:05 น.
โดย: หมวยอี๋ (zephyr_zilch ) วันที่: 15 กันยายน 2549 เวลา:22:59:53 น.
โดย: ปลากัด (LonelySeason ) วันที่: 17 กันยายน 2549 เวลา:22:53:10 น.
โดย: สายลมอิสระ IP: 124.157.172.14 วันที่: 18 กันยายน 2549 เวลา:23:06:06 น.
โดย: อ้อมอีกคน IP: 58.8.141.8 วันที่: 17 ธันวาคม 2549 เวลา:22:48:06 น.
โดย: Pink IP: 222.123.225.103 วันที่: 10 มิถุนายน 2550 เวลา:18:01:35 น.
โดย: บุ๋มบิ๋ม IP: 192.168.191.254, 119.42.82.112 วันที่: 9 สิงหาคม 2552 เวลา:15:35:07 น.
โดย: LoveOnly วันที่: 2 พฤษภาคม 2554 เวลา:11:37:35 น.
Location :
ตอนใต้ Japan
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [? ]
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์ โดยการนำรูปภาพ และบทความงานเขียน รวมทั้งข้อความต่างๆ ไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมดในบล็อกแห่งนี้ไปใช้ โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีตามที่กฏหมายบัญญติไว้สูงสุด