deeplove
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
13 ธันวาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add deeplove's blog to your web]
Links
 

 

ใครบางคนที่เป็น...นิรันดร์...(นิรันดร์ )




ถ้าหากสักวันหนึ่งสิ่งที่เราคิดว่าเป็นอย่างโน้นอย่างนี้กลับไม่ใช่อย่างที่เราคิด และได้ทำสิ่งต่างๆ ให้เกิดหลังจากคิดอย่างนั้นไปแล้ว จนเกิดเหตุการณ์ต่างๆ มากมาย ผลตามมา คืออาจทำให้ตัวเองและคนอื่นเสียหายตั้งแต่เล็กน้อย จนมากที่สุด หรืออาจถึงตายอย่างการ์ตูนที่นำเสนอข้างล่างนี้ ในสังคมปัจจุบันก็มีสิ่งที่ทำให้เห็นภาพเหล่านี้กันอยู่มากมายหลายๆ เรื่อง บางเรื่องเป็นเรื่องที่คนที่คิดแบบนี้ก็ไม่รู้ว่าเท็จจริงเป็นอย่างไร ล้วนฟัง คิด และสร้างภาพเอาเองตามที่ได้ยิน ได้ฟัง ได้อ่านมา แต่ไม่ศึกษาด้วยเหตุและผล เอาความรู้สึก ความคิดของตัวเองเป็นตัวตัดสินและกำหนดความผิดถูกของผู้อื่น แต่สิ่งที่ผิดที่สุด คือ ฟังจากคนที่ปลุกระดม ชักจูงและชวนเชื่อ แล้วมาคิดตามว่าเป็นตามที่คน กลุ่ม หรือ พวกนี้นำเสนอ โดยไม่ไตร่ตรอง

ในบางเรื่อง จขบ. ไม่เข้าใจว่าคนที่เชื่ออย่างนั้นเอาอะไรมาคิดมาตัดสิน ในชะตากรรมของผู้อื่นว่าเค้าผิดตามที่คนใส่ไคล้ ใส่ความ หรือหาความ และไม่น่าเชื่อว่าคนที่ปลุกระดมคนอื่นจะมีอำนาจต่อจิตใจคนส่วนมากได้ถึงเพียงนี้ ทำให้ งง เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับจิตใจและความรู้สึกของคน ซึ่งถือว่าเก่งที่สามารถทำให้คนเป็นจำนวนมากออกมา กับการแค่รับรู้ข้อมูลที่ไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ แค่ความคิดที่คล้ายกันว่า น่าจะ..เป็นอย่างโน้นอย่างนี้...แล้วมาพบกันเจอกันรวมกันเป็นกลุ่มก้อน...สมเจตนารมณ์คนปลุกปั่น ยุแยง...สังคมไทยเมื่อไม่นานมานี้เป็นอย่างนี้...สุภาษิตที่ว่า ให้ฟังหูไว้หู จึงใช้ไม่ได้ต่อไปอีกแล้ว เพราะดูเหมือนทุกคนจะฟังแบบเต็มสองหูโดยไม่เผื่อใจ หรือเผื่อหูไว้ฟังเรื่องอื่นอีกเลย เมื่อฟังแล้วยังปักใจเชื่อว่าเป็นไปตามนั้น แล้วทำร้ายคนที่โดนกล่าวหาโดยไม่รู้ตัว...ทางพุทธศาสนาเค้าบอกว่ามันเป็นบาปอย่างมหันต์ ที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ไม่ว่าจะเจตนาหรือไม่เจตนาก็ตามทีอย่างกรณีอดีตนายก 2 นายกที่อีกคนได้จากโลกนี้ไปแล้ว แต่ก็ยังมีคนบางจำพวกที่กล่าวถึงท่านไม่ค่อยดี กับอีกคนที่ยังอยู่แต่ต้องได้รับโทษจากการตราหน้าของสังคมบางพวกที่ตราหน้าว่าผิดในทุกๆ เรื่อง จนบุคคลผู้นั้นไม่มีความดี ความชอบ และต้องพบกับวิบากกรรมจากการกระทำของกลุ่มบุคคลแบบนี้มากมายล้วนเป็นบาปอย่างมหันต์สำหรับคนที่สร้างเรื่อง คนที่พยายามยัดเยียดความผิดให้กับท่าน ไม่ว่าคนเป็นหรือคนตาย เมื่อเกิดเป็นคนไม่ใช่พระอรหันต์ คำว่า "คน" ย่อมมีดีและเลวมากน้อยก็แล้วแต่ละคนไป บางคนเลวมาก บางคนเลวน้อย จากคำนี้ทำให้เห็นว่า ในทุกคนจะมีทั้งดีและเลว อดีตท่านนายกเช่นกัน ท่านก็เป็นปุถุชนคนธรรมดาคนหนึ่ง ที่เกิด แก่ เจ็บ และตายเหมือนคนทั่วๆ ไปเป็นกัน ทำไมไม่พยายามแยกแยะดีและเลวออกจากกัน หรือแยกแยะกันไม่เป็นเพราะจิตใจหยาบช้าเกินแกง คิดมัวเมาแต่ในอำนาจวาสนา ความหลงผิด หลงคิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำ ตัวเองคิด ถูกเสมอ แค่นี้ยังไม่พอยังยัดเยียดให้คนอื่นคิดเหมือนที่ตัวเองคิดทั้งที่มันไม่ใช่เลย...ลองดูการ์ตูนนี้เป็นตัวอย่างและและลองคิดตามกันบ้างนะคะ...

















เพิ่งผ่านวันรัฐธรรมนูญปีนี้มาได้ 3 วันก็เป็นวันหยุดอีกล่ะ...นอนอยู่กับบ้านสบายใจทำโน่นทำนี่หลับๆ ตื่นๆ แบบคนไร้สาระ..เพราะเหนื่อยอ่อนร่างกายและหัวใจมาหลายวันแล้ว วันนี้คนไทยทุกคนรู้ดีว่าเป็นวันที่ตรงกับวันที่ 10 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันที่ รัชกาลที่ 7 หรือพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทาน รัฐธรรมนูญแก่ปวงชนชาวไทย เพื่อให้ประเทศไทยมีการการปกครองประเทศตามระบอบประชาธิปไตย...(ขอเน้นอีกครั้งว่า "ตามระบอบประชาธิปไตย" ไม่ใช่ระบอบประชาธิปัตย์...55555..มีจิกนิดหน่อยพอหอมปากหอมคอ)








การเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตย มีขึ้นเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๕ โดยการปฏิวัติ นับแต่นั้นจึงมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ สาเหตุที่เกิดการเปลี่ยนแปลงเกิดจาก รัชกาลที่ ๗ ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะพระราชทานรัฐธรรมนูญ เพื่อเป็นหลักในการปกครองของประเทศให้แก่ประชาชนชาวไทย ซึ่งหลังจากเกิดสงครามโลกครั้งที่ ๑ เศรษฐกิจตกต่ำไปทั่วโลกไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทย พระองค์ได้แก้ไขเศรษฐกิจโดยปลดข้าราชการออก ทำให้เกิดความไม่พอใจในหมู่ข้าราชการ และ เกิดจากอิทธิพลจากตะวันตกเกี่ยวกับอุดมการทางการเมืองที่สมัยนั้นคนไทยบางกลุ่มได้ถูกส่งไปเรียนหนังสือทางแถบตะวันตก ซึ่งเป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ ทำให้กลุ่มคนหนุ่มต้องการเปลี่ยนแปลง และช่วงนั้นรัฐบาลได้ออกกฏหมายเก็บภาษี อาทิ ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน จากราษฎร สาเหตุเหล่านี้มีส่วนทำให้เกิดความไม่พอใจในหมู่ข้าราชการทหาร และราษฎรทั่วไปจึงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองขึ้นมา

วันที่ ๒๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๕ ได้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราวเรียกว่า "พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว" สาระสำคัญของธรรมนูญการปกครองฉบับนี้ได้แก่ การที่กำหนดว่า "อำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศ หรือ อำนาจอธิปไตยเป็นของราษฎรทั้งหลาย" การใช้อำนาจสูงสุดก็ให้มีบุคคล คณะบุคคลเป็นผู้ใช้อำนาจแทนราษฎรดังนี้ คือ

๑. พระมหากษัตริย์
๒. สภาผู้แทนราษฎร
๓. คณะกรรมการราษฎร
๔. ศาล

ลักษณะ การปกครองแม้จะเปลี่ยนระบอบการปกครองมาเป็นประชาธิปไตยแต่ก็ถือว่าพระมหากษัตริย์เป็นประมุขของประเทศ เป็นสถาบันที่ถาวรและมีการสืบราชสมบัติต่อไปในพระราชวงศ์ การปฏิบัติราชการต่างๆ จะต้องมีกรรมการราษฎรผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ โดยได้รับความยินยอมจากคณะกรรมการราษฎรจึงจะใช้ได้ สถาบันที่เกิดใหม่คือ สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีอำนาจทางนิติบัญญัติออกกฎหมายต่างๆ ซึ่งเมื่อพระมหากษัตริย์ลงพระปรมาภิไธยประกาศใช้แล้ว จึงมีผลบังคับได้ เหตุนี้ในระยะแรกของการเปลี่ยนแปลงการปกครอง สภาผู้แทนจึงเป็นสถาบันที่มีอำนาจสูงสุดในทางการเมือ ส่วนการใช้อำนาจตุลาการยังคงให้ศาลยุติธรรมที่มีอยู่ แล้วพิจารณาพิพากษาคดี ให้เป็นไปตามกฎหมายได้ตามเดิม

วันที่ ๑๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๕ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงได้พระราชทานรัฐธรรมนูญราชอาณาจักรสยาม ฉบับถาวร ซึ่งมีหลักการต่างกับฉบับแรกในวาระสำคัญหลายประการ อาทิได้เปลี่ยนระบอบการปกครองเป็นการปกครองแบบรัฐสภา ทั้งนี้เนื่องจากรัฐธรรมนูญ พ.ศ.๒๔๗๕ ได้บัญญัติให้พระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นประมุขไม่ต้องรับผิดชอบทางการเมืองเป็นผู้ใช ้อำนาจทางคณะรัฐมนตรี ซึ่งพระมหากษัตริย์ ทรงแต่งตั้งให้บริหารราชการแผ่นดิน แต่คณะรัฐมนตรีจะต้องรับผิดชอบในการบริหารราชการแผ่นดินต่อสภาผู้แทน รัฐสภาซึ่งเป็นฝ่ายนิติบัญญัติมิได้ใช้แต่เพียงอำนาจ นิติบัญญัติเท่านั้น แต่มีอำนาจที่จะควบคุมคณะรัฐมนตรีในการบริหารแผ่นดินด้วย แต่อย่างไรก็ตาม คณะรัฐมนตรีรวมทั้งพระมหากษัตริย์ซึ่งประกอบกันเป็นรัฐบาลก็มีอำนาจที่จะยุบสภาผู้แทนได้ หากเห็นว่าได้ดำเนินการไปในทางที่จะเป็นภัยหรือเสื่อมเสียผลประโยชน์สำคัญของรัฐที่มีผลเท่ากับถอดถอนสมาชิกสภาที่ได้รับเลือกตั้งมาเพื่อให้ราษฎร เลือกตั้งใหม่ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์นั้นได้บัญญัติว่าพระมหากษัตริย์ดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะผู้ใดจะละเมิดมิได้ ้ ด้วยรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ เป็นเครื่องกำหนดระเบียบแบบแผนของสังคม เพื่อเป็นการระลึกถึงรัฐธรรมนูญฉบับแรก อันเป็นฉบับถาวร และพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานให้กับปวงชนชาวไทย ทางราชการจึงกำหนดให้วันที่ ๑๐ ธันวาคมของทุกปี เป็นวันรัฐธรรมนูญ

ขอเอาคำเปรียบเปรยมาลงไว้ในบล๊อกนี้เพื่อให้ใครบางคนหรือใครบางกลุ่ม หรือใครก็ได้ที่สนใจจะอ่าน ให้อ่านและคิดตามเผื่อจะคิดได้และมีอะไรดีๆ เกิดขึ้นบ้่างในสังคมไทย ปากบอกรักชาติ รักประเทศ รักในหลวง แล้วสิงที่ทำกันอยู่นี้คืออะไรหรือ จงทบทวนทุกอย่างด้วยสติและปัญญาที่มีกันอยู่ ที่บางคนอาจมีแค่น้อยนิดเพราะมัวโลภโมโทสันเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนส่วนตัวส่วนกลุ่มจนลืมนึกถึงคนอื่นๆ ลืมนึกถึงประชาชนประเทศชาติ..คิดบ้างไหมว่า...เกิด....แก่...เจ็บ...ตาย...ไม่มีใครหนีพ้น...เวลาตายพวกคุณก็เอาอะไรไปไม่ได้แม้แต่ร่างกายคุณเอง...สิ่งที่ทำไว้ให้ลูกหลานผลาญเล่นพร้อมคำสาปแข่งของคนทั่วไปเหรอ...




ไม่มีใครขี่หลังได้ ถ้าหลังของท่านไม่งอ

หมายถึง การกดขี่ข่มเหงจะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่มีการยอมจำนน การขี่หลังสัตว์เป็นสัญญาณว่าควบคุมมันได้แล้ว ส่วนคนซึ่งมีสติปัญญาและพละกำลัง ย่อมไม่อาจยอมให้ใครควบคุมได้ง่ายดาย นอกจากยินยอมอยู่ใต้บังคับบัญชาหรือจำนนต่อผู้มีพละกำลังเหนือกว่าเท่านั้น หากไม่ต้องการถูกข่มเหง ก็ต้องหมั่นฝึกฝนพละกำลังให้เข้มแข็ง เสริมพอกความรู้ให้สูงเด่นกลายเป็นสติปัญญาน่าเกรงขาม สองสิ่งนี้จะช่วยปกป้องให้ชีวิตรอดปลอดภัยและไม่มีคนรังแกได้การอยู่อย่างสงบของคนเกิดจากลักษณะการดำรงชีพและเกราะคุ้มภัยที่แข็งกล้าทั้งสติปัญญาและพละกำลังแห่งตน พึงระลึกว่าผู้ชนะมักชอบข่มเหงผู้อ่อนแอหรือพ่ายแพ้เสมอ แต่ไม่กล้ากำแหงกับผู้มีกำลังเสมอตน


แก่วัด

ใช้เปรียบเปรยคนที่บวชนาน หรือ ทำงานช้า คำเปรียบเปรยนี้เกิดจากชีวิตประจำวันของนักบวชหรือพระจะดูเรียบง่าย ไม่เร่งร้อน หากบวชนานหลายปีจะติดนิสัยการเคลื่อนไหวช้าๆและใจเย็นอย่างมาก เมื่อนำไปใช้ในสังคมของคนทั่วไปจึงดูช้าไม่ทันใจ เพราะเรามีเวลาทำงานตายตัวและใช้ผลงานพิสูจน์ความสามารถเป็นหลัก ความเชื่องช้าจักสูญเสียเวลาและชิ้นงานที่ส่งผลต่อความก้าวหน้าในชีวิต ขณะที่นักบวชหรือพระไม่ต้องแข่งขันเผยแพร่ศาสนาหรือมีความต้องการสิ่งใดตอบแทน ความแก่วัดมีประโยชน์ในบางเวลา เช่น บางปัญหาอาจต้องใช้ความใจเย็นเป็นหลักในการแก้ไขคลี่คลายมันได้ แต่ความใจร้อนบุ่มบ่ามจักเป็นการทำลายชิ้นงาน เป็นต้น



ความโง่ไม่ฆ่าใคร แต่สร้างความลำบาก ความโง่ไม่ฆ่าท่าน แต่ทำให้ท่านลำบาก
Stupidity won’t kill you , but it can make you sweat.


ความหมาย ความไม่รู้ รู้ไม่เท่าทัน หรือ โง่ ไม่สามารถฆ่าใคร แต่ผลของมันกระทบต่อชีวิตคนได้เพราะมันสร้างความลำบากขึ้นแก่ผู้ไม่รู้ คนโง่ ได้ ดังนั้น จึงควรไขว่คว้าหาความรู้ประดับสมอง พัฒนาความรอบรู้ให้เท่าทันคนอื่นอย่างสม่ำเสมอ จึงไม่ต้องกลายเป็นเหยื่อของคนฉลาด ตัวอย่างเช่น การหลงชื่นชมการปฏิวัติหรือรัฐประหารที่ยึดการปกครองหรือเสรีภาพของคนไป โดยลืมคิดถึงอนาคตของตัวเองที่จะได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการทำลายระบอบประชาธิปไตยและเป็นที่รังเกียจของต่างชาติ จึงทำให้ตกงาน การลงทุนหดตัว เงินในกระเป๋าน้อยลง โดยหลงชื่นชมกับคำหวานหูที่คนฉลาดพูดให้ฟังทุกวันว่าจะมีอนาคตสดใสเมื่ออยู่ใต้อำนาจปกครองเผด็จการของเขา แต่สิ่งที่สัมผัสกับตัวเอง คือ เงินใช้จ่ายน้อยลง ทำค้าขายลำบากขึ้น หนี้สินเพิ่มพูนเกินกำลังจ่ายคืนหนี้ เสรีภาพหรือสิทธิในการเลือกคนหรือนโยบายที่เป็นประโยชน์แก่ตนเองทำไม่ได้เหมือนตอนอยู่ในระบอบประชาธิปไตย จักเห็นชัดว่า ความหลงใหลเชื่อ ไม่ได้ฆ่าผู้เชื่อ แต่สร้างความลำบากแก่ผู้รู้ไม่เท่าทันเล่ห์กลของเขาและกลายเป็นลูกโซ่แห่งความทุกข์ยาวนาน บางครั้งแทบมองไม่เห็นอนาคตเพราะขาดสิทธิเสรีภาพของตัวเองไปแล้ว จึงไม่อาจเลือกคนมาทำงานคลายทุกข์ให้เราได้ ความฉลาดเท่าทัน เป็นวัคซีนป้องกันและทำลายผู้ไม่หวังดีต่อตนและบ้านเมืองได้ คนโง่รู้เท่าทันคนฉลาดหรือผู้มากเล่ห์กลยากลำบาก คนโง่หรือคนฉลาดขึ้นอยู่ที่แต่ละคนเลือกจะเป็นด้วยตัวเองโดยการเรียนรู้ มองให้ลึกซึ้ง อย่าเชื่อคำพูดง่ายเกินไป ก่อนเชื่อต้องคิดไตร่ตรองอย่างมีสติก่อน จึงไม่ตกหลุมพรางคนมากเล่ห์กล สถานภาพทางสังคมหรือยศศักดิ์มิใช่เครื่องมือค้ำประกันว่าเขาหรือเธอจะเป็นคนดีน่านับถือ กาลเวลาคือ การพิสูจน์คนดีที่น่าเชื่อถือที่สุด



ความรุนแรงคือทางสุดท้ายของคนไร้ความสามารถ
Violence is the last refuge of the incompetent.


ความหมาย คนฉลาดแก้ไขหรือตัดสินปัญหาด้วยสมอง การใช้กำลังหรือความรุนแรงเป็นเรื่องของคนไร้ความสามารถที่ไม่มีหนทางเอาชนะอุปสรรค ดังนั้น เมื่อเผชิญปัญหาต้องมีสติ ใช้ปัญญาเป็นหลัก พละกำลังในการทำร้ายผู้อื่นมิใช่ทางแก้ไขอย่างถูกต้อง สุดท้ายผู้ใช้กำลังต้องแลกด้วยชีวิตหรืออิสรภาพเสมอ





น้ำขุ่นไว้ใน น้ำใสไว้นอก

หมายถึง เก็บความไม่พอใจไว้ในใจ แสดงออกให้คนเห็นว่ายังเป็นมิตรกันอยู่ เช่นคนสองคนอาจมี ความโกรธเคือง ขุ่นใจ ต่อกัน แต่เก็บความรู้สึกเหล่านั้นไว้ในใจ แล้วแสดงท่าทีต่อสายตาบุคคลภายนอกว่าทั้งสองฝ่ายยังดีกัน เข้าใจกัน ชื่นชมกัน ส่วนใหญ่จะเห็นกันในวงการธุรกิจ หรือ นักการเมือง หลายครั้งจะได้ยินข่าวลือว่านักการเมืองคนนั้นขัดแย้งกับอดีตนักการเมืองซึ่งมีอาวุโสกว่า ด้วยการไม่เชื่อฟังคำสั่งเหมือนเดิม เมื่อนักข่าวไปถามข่าวลือนี้ จะได้รับคำตอบปฏิเสธประกอบรอยยิ้มเย็นเสมอ ทั้งที่เขากัดฟันตอบ แต่ใจขุ่นมัวกับความเปลี่ยนแปลงนั้น จนกระทั่งกลายเป็นการล้างแค้นต่อกันโดยใช้ชีวิตคนไทยเป็นเดิมพันเพื่อทวงความรุ่งเรืองเก่าๆคืนมา บางครั้งคนที่ตนเคยสนับสนุนขึ้นสู่อำนาจสูงเริ่มใช้สมองคิดพิจารณาเองได้ ย่อมสร้างความขุ่นใจแก่ผู้อยู่เบื้องหลังจนกลายเป็นความแค้นที่ต้องล้างอายด้วยการทำลายให้เห็นบารมีอำนาจกันจากการผลักตกจากตำแหน่งให้ได้ การเก็บความไม่พอใจไว้ในใจ อย่าแสดงออกนอกหน้า เป็นสิ่งที่ผู้ใหญ่มักสอนเด็กรุ่นใหม่ให้กระทำกันเพราะถือเป็นมารยาทที่ดีของคนไทย แต่ผู้ใหญ่มักนำไปใช้ในทางที่ผิดและมากเกินกว่าเป็นแค่มารยาทที่ดีเท่านั้น


ตกหนัก

หมายถึง การรับทุกข์ รับเคราะห์ร้าย หรือเสียรู้ คำนี้บอกถึงการรับสิ่งเลวร้ายหรือความทุกข์ไว้โดยความไม่เต็มใจหรือถูกยัดเยียดให้รับมัน ทั้งที่มิได้ก่อเหตุการณ์เหล่านั้นขึ้นหรือมิใช่ต้นเหตุ แต่เป็นเหยื่อ ตัวอย่างเช่น การปฏิวัติซึ่งส่งผลทำลายระบบเศรษฐกิจและปากท้องของชาวบ้านโดยตรง แต่ส่งผลดีต่อกลุ่มนักปฏิวัติในการเสพสุขกับเงินทอง อำนาจบารมี ฐานะครอบครัวที่เปลี่ยนแปลงในทางดีขึ้นผิดตาด้วยเวลาอันสั้น แทนที่ต้องรอกินเงินบำนาญตอนเกษียณ แต่ความยากแค้นลำบากในการทำมาค้าขาย ทำงาน กลับตกหนักที่ชาวบ้านบริสุทธิ์ซึ่งมิได้มีส่วนในการริเริ่มปฏิวัติเลย กลับต้องรับผลร้ายจากการตกงาน เงินใช้จ่ายลดลง หนี้สินเพิ่มพูน ฐานะการเงินถดถอยหนัก เพราะผลร้ายทางเศรษฐกิจที่สืบเนื่องจากความโลภของกลุ่มนักปฏิวัติผู้มีอาวุธที่ซื้อด้วยเงินภาษีของชาวบ้าน แต่นำมาทำลายความอยู่ดีกินดี ของชาวบ้านและยึดสิทธิเสรีภาพในระบอบประชาธิปไตยซึ่งเป็นของคนไทยไปเพื่อสร้างโลกใหม่ของตัวเอง ดังคำที่ว่า ไม่มีใครทุ่มเทเพื่อคนอื่นด้วยชีวิต เพียงแค่บอกไว้ให้รับฟังอย่างสวยหรูว่าทำเพื่อชาติ ภาพดีนี้ก็เป็นของฉัน คนเดียวที่รักชาติ ส่วนชาวบ้านต้องกินยาพิษเคลือบคำหวานเพราะกระบอกปืนจ่อขมับไว้ ทุกข์จึงตกหนักที่ชาวบ้านเสมอเมื่อสิงโตแก่ทวงตำแหน่งคืนโดยไม่คำนึงว่าเวลาบนโลกของมันเหลือน้อยเต็มทีและควรเป็นเวลาของสิงโตรุ่นใหม่แล้ว เวลานี้จึงเห็นสิงโตแก่เดินเพ่นพ่านรกตาน่าสมเพชใจที่ความรุ่งเรืองเดินอย่างเหนื่อยหน่ายท่ามกลางความมืด


ทำดีได้ ห้ามทำเด่น “จงทำดี แต่อย่าเด่น จะเป็นภัย”

หมายถึง หากกระทำการใดให้เด่นดังหรือกลายเป็นที่สนใจของประชาคม จักเป็นการนำโชคร้ายมาสู่ตนเพราะมนุษย์มักอิจฉาริษยาหรือไม่ชอบเห็นคนอื่นเด่นเกินตน เป็นคำเตือนใจคนทั่วไปมาแต่โบราณแล้ว ยังมีกลุ่มคำต่อเนื่องจากสำนวนนี้อันบอกความหมายของมันอีกว่า จงทำดี แต่อย่าเด่น จะเป็นภัย ไม่มีใครชอบเห็น เราเด่นเกิน ถ้ามองย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์การเมืองหรือสังคมทั่วไป เราจะเห็นว่าคำเตือนนี้เป็นจริงที่ผู้นำประเทศหรือนักการเมืองดีและเก่งหลายคนต้องล้มหายไปด้วยแรงริษยาของคู่แข่งทั้งที่มีความสามารถสูงเด่นและน่าจะสร้างประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติยาวนานกว่านี้ แต่ต้องพ่ายแพ้ต่อเล่ห์กลชั่วร้ายทั้งหลายที่ใส่ร้ายป้ายสีหรือขับไล่ด้วยวิธีการชั่วทราม สำนวนเตือนใจนี้มีส่วนในการถ่วงความเจริญของชาติอย่างมากเพราะมันแสดงว่าชาติไม่ต้องการคนเก่ง แต่ชอบคนไม่มีความสามารถ สอพลอหรือหลอกลวงยอดเยี่ยม มันเป็นความจริงของคนไทยที่มีความรู้สึกนี้ฝังลึกไว้ และบรรพชนมองเห็นภัยร้ายจากความอิจฉาริษยาคนเก่ง จึงบอกเตือนถ่ายทอดกันจนกลายเป็นสำนวนยอดฮิตในที่สุด ดังนั้น คนมีความสามารถและอยากทำความดีเพื่อชาติ จำต้องเก็บตัวเงียบไว้ ถ้าอยากมีชีวิตสงบสุขและหลบหนีภัยร้ายจากความริษยาของคนอื่นได้ ผู้ที่เก่งและทำตัวเด่น มักจะคิดว่าต่อสู้กับภัยอิจฉาริษยาของคนรอบข้างได้ แต่กาลเวลาพิสูจน์และบันทึกในประวัติศาสตร์แล้วว่าไม่เคยเอาชนะกลุ่มคนริษยาได้เลย แม้ว่าเขาจะมีเงินทองและชื่อเสียงโด่งดังเพียงใด หากเป็นคนมีความสามารถแท้จริง คงต้องเลือกแล้วว่าอยากมีชีวิตประเภทไหนโดยฟังคำเตือนจากคนโบราณแล้วพิจารณาให้รอบคอบ บั้นปลายชีวิตจะแบกทุกข์หรือสุขขึ้นอยู่กับการเลือกเส้นทางชีวิตของตัวเอง



กตัญญู 3 แบบ

ความกตัญญูมี 3 ลักษณะ คือ กตัญญูด้วยจิตใจ กตัญญูด้วยวาจา และกตัญญูด้วยการให้ตอบแทน ความหมาย การรู้จักกตัญญูของคน ถือเป็นคุณสมบัติหนึ่งของคนดีซึ่งสังคมยกย่อง ส่วนการตอบแทนผู้มีพระคุณนั้นมีหลายแบบ ความคิดเทิดทูนในทางที่ดี การใช้วาจางดงามยกย่องให้เกียรติ และการตอบแทนด้วยเงินทอง สิ่งของ ซึ่งกระทำต่อผู้มีพระคุณ ล้วนถือเป็นการแสดงความกตัญญู ดังนั้น ความคิดที่ว่าต้องจ่ายเงินตอบแทนพระคุณหรือทำงานทดแทนคุณ มิใช่วิธีเดียวของการแสดงความกตัญญู แม้ไม่มีเงินทอง สิ่งของ ก็อาจตอบแทนด้วยวาจาไพเราะหรือจิตใจที่ดีงามในการคิดถึงผู้มีพระคุณได้ อีกอย่างหนึ่ง การตอบแทนพระคุณด้วยการทำละเมิดกฎหมายหรือศีลธรรมอันดีในสังคมอันสร้างความเดือดร้อนแก่คนกลุ่มอื่นเพื่อผลประโยชน์หรือความสุขของผู้มีพระคุณไม่ว่าเขาจะร้องขอหรือไม่ก็ตาม มิใช่การแสดงความกตัญญูตามหลักพุทธศาสนาเพราะเป็นการทำชั่วและบาปซึ่งส่งผลกรรมให้ผู้มีพระคุณและผู้กระทำด้วย จึงเป็นการกระทำที่ผิดหลักธรรมอย่างชัดเจน หากผู้ใดร้องขอให้เขาทำชั่ว ทำผิดกฎหมาย เพื่อตนในการทวงบุญคุณ พึงระลึกไว้ว่า ผู้มีพระคุณนั้นมิได้มีเจตนาที่ดีตั้งแต่ต้นในการช่วยเหลือ เอื้อเฟื้อ ต่อท่าน แต่ทำเพราะต้องการสิ่งตอบแทนชั่วร้ายในภายหลัง การตอบแทนที่ชั่วบาปของผู้ที่อ้างว่าทำเพราะกตัญญูนั้น เป็นการสร้างความไม่เป็นมงคลในชีวิตแก่ผู้มีพระคุณแม้ว่าฝ่ายนั้นจะไม่ได้ร้องขอก็ตาม จึงเป็นการแสดงความกตัญญูที่ดีไม่ได้



ถอยหลังสามก้าว เห็นทางเลือกเพิ่มขึ้น

เป็นสำนวนจีนที่มีความหมายลึกซึ้งว่า เมื่อการเดินไปข้างหน้าแล้วพบอุปสรรคหนัก จึงควรหยุดคิดและก้าวถอยหลังเล็กน้อย อาจพบหนทางแก้ไขใหม่ๆแล้วค่อยเดินหน้าต่อไปอย่างไร้ขวากหนามหรือประสบความสำเร็จได้ในท้ายที่สุด สำนวนนี้เตือนใจว่าการถอยหลังเล็กน้อย ย่อมมองเห็นความกว้างใหญ่ของโลกใบนี้ชัดเจนขึ้น คนอาจพบอุปสรรคในทุกช่วงชีวิตได้ แต่จะไม่หมดหนทางแก้ไขปัญหาใดๆ หากรู้จักยั้งคิดเล็กน้อยแล้วทบทวนต้นเหตุของปัญหาทั้งหมด ถ้าการเดินไปข้างหน้าทันทีจักเจออุปสรรคใหญ่หลวงเกินกำลังคนลองก้าวถอยหลังไปตั้งหลักให้มั่นคง อาจมองเห็นทางเลือกเพิ่มขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ใจ คนจึงควรมีสติทุกเวลายามต้องเผชิญปัญหาในชีวิต และทุกปัญหามีทางออกทั้งสิ้น ขึ้นอยู่ที่ว่าเราจะมองเห็นแสงสว่างในอุโมงค์แห่งปัญหาหรือไม่ สูตรสำเร็จของการแก้ปัญหา คือ การใช้สติ ปัญญา ประสบการณ์ ความยืดหยุ่นในการดำเนินชีวิต



มือถือสาก ปากถือศีล

หมายถึง การแสดงตัวเป็นคนมีศีลธรรม แต่กลับประพฤติชั่ว สำนวนนี้ใช้เปรียบเทียบคนที่สร้างภาพหรือเสแสร้งให้คนอื่นเห็นว่า เป็นคนดี อยู่ในศีลธรรม มีความจริงใจ คุณธรรมสูงส่ง มีความยุติธรรม แท้จริงแล้วจิตใจชั่วร้าย เลวทราม อิจฉาริษยา ลอบทำร้ายลับหลัง เห็นประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้องเป็นหลักไม่ชอบเห็นคนเด่นเกินตนหรืออาจมีภัยต่อตนในอนาคต ในสังคมจะเห็นคนประเภทนี้อยู่รอบกายไม่จำกัดวัย แม้แต่ชายชราและมีความรู้ดีก็อาจเป็นคนประเภทนี้ได้ เขาจะพร่ำสอนให้คนอื่นมีคุณธรรมสูง ทำความดีเพื่อแผ่นดิน ไม่ทำละเมิดกฎหมาย บริจาคเพื่อคนด้อยโอกาส เขาแกล้งทำตนเป็นคนดี จิตใจสูงส่งและเป็นธรรม ไม่ทะเยอทะยาน แต่อยู่เบื้องหลังการทำผิดกฎหมาย ช่วยเหลือพรรคพวกให้มีตำแหน่งสูงเพื่อส่งเสริมงานเบื้องหลัง หักหลังเพื่อนหรือเจ้านาย ทำละเมิดกฎหมายหลากแบบ เช่น บุกรุกที่ดินป่าสงวน จดทะเบียนซ้อน และอื่นๆ แล้วใช้อิทธิพลทำให้เรื่องผิดกฎหมายเงียบหรือเปลี่ยนสภาพไป ส่วนเขาใช้ปากพร่ำบอกให้คนอื่นต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย คนประเภทมือถือสาก ปากถือศีล จะอยู่เหนือกฎหมายเสมอ แต่มีความสามารถแสดงให้คนอื่นหลงเชื่อว่า เป็นคนดีเพียงคนเดียวในโลกนี้ คนส่วนใหญ่ในสังคมมักหลงเชื่อคำพูดของเขา น้อยคนที่จะรู้จักตัวตนแท้จริงได้และหลีกห่างไม่คบหากับคนประเภทที่คนโบราณเขียนเป็นสำนวนเปรียบเปรยไว้สอนลูกหลานนานมาแล้วเพราะเขาเป็นคนอันตรายซึ่งสร้างความปั่นป่วนให้สังคมได้ง่ายและทำลายคนอื่นอย่างไม่ละอายต่อคุณธรรมเพื่อสนองกิเลสส่วนตัว



ละเลงขนมเบื้องด้วยปาก

หมายถึง ดีแต่พูดแต่ทำไม่ได้ สำนวนนี้มาจากการทำขนมเบื้องต้องละเลงบนกะทะด้วยฝีมือ และทักษะการทำให้แป้งบางและกรอบด้วยเวลาสั้นต้องอาศัยฝีมือและความชำนาญ จึงไม่แตกหักหรือเหนียวเกินไป รูปร่างต้องเป็นแผ่นบางกลม รสชาติกลมกล่อม การพูดบอกวิธีการอย่างเดียวโดยไม่ลงมือทำ ย่อมไม่สามารถทำแผ่นขนมเบื้องได้เลย มักใช้เปรียบเปรยคนที่ชอบอวดรู้และพูดเสนอแนะหรือชี้นำเพื่อหวังให้คนอื่นเชื่อฟังหรือทำตาม ทั้งที่ผู้พูดไม่เคยทำหรือปฏิบัติมาก่อน แค่รู้ทฤษฎีหรือสูตรอาหาร แต่ไม่กล้าลงมือทำสิ่งนั้นด้วยตนเอง เขาจึงไม่มีวันทราบว่ามีความสามารถจริงในการทำขนมเบื้องให้อร่อยสมความรู้ของตนหรือไม่ แต่ชอบประกาศไปทั่วว่า ข้าคือ ผู้รู้จักขนมเบื้อง แต่ไม่เคยทำสักครั้งเดียว มักใช้บอกลักษณะของคนที่ชอบพูด แต่ทำงานไม่เป็น อาการแบบนี้มักเกิดในหมู่นักวิชาการ หรือนักการเมืองที่หลงใหลตนเองและความรู้สูงส่ง แต่ขาดประสบการณ์ในการใช้ความรู้ปรับเข้ากับสภาพความเป็นจริงทางสังคม


ทางลัดความฉลาด

คุยกับยอดคนค่ำคืนเดียว ดีกว่าเที่ยวเสาะหาความรู้ถึง 10 วัน คำคมนี้ชี้หนทางลัดแห่งความฉลาดรอบรู้อย่างรวดเร็วด้วยการสนทนาพูดคุยกับบัณฑิตผู้มีปัญญาเลิศหรือคนมากประสบการณ์แค่คืนเดียว จักได้รับความรู้มากมายประดับสติปัญญา สร้างเสริมประสบการณ์ เมื่อเทียบกับการที่เราต้องเดินทางไปเสาะหาความรู้ด้วยตัวเองนาน 10 วันหรืออ่านหนังสือค้นหาคำตอบนับร้อยเล่มนานเป็นปี









เพลง นิรันดร์
(ฟอร์ด)สบชัย ไกรยูรเสน


แต่ละวัน ผ่านพ้นไป
ด้วยดวงใจ ที่หมองหม่น
หากเธอมี ดวงตาที่ค้นหา ใครซักคน
คอยรับฟัง คลื่นพายุ ผ่านพ้นไป
คลื่นสลายไม่เหลือฝั่ง

จบลงแล้ว ความทุกข์ที่ประดัง จบสิ้นไป
ยังคงเหลือ แค่เพียงความเงียบเหงา
มืดและเหน็บหนาว อ้างว้างเพียงใด
เพียงเธอได้รู้ ฉันยืนอยู่ต่อไป เพื่อเธอ

ยังมีชีวิต แม้ใจแหลกสลาย
แต่หากมีวันไหน ที่เราได้พบเจอ
ดวงใจดวงนี้มั่นคง ยังเป็นของเธอ

ไม่ว่าเธอ อยู่หนใด
แค่เพียงกาย ถูกขวางกั้น
แต่ความรัก เปี่ยมล้นทุกคืนวัน เธอรู้ดี

ในวันนี้ มีเพียงความเงียบเหงา
เจ็บและปวดร้าว อ้างว้างเพียงใด
เพียงเธอได้รู้ ฉันยืนอยู่ต่อไป เพื่อเธอ

ยังมีชีวิต แม้ใจแหลกสลาย
แต่หากมีวันไหน ที่เราได้พบเจอ
ดวงใจดวงนี้มั่นคง ยังเป็นของเธอ....นิรันดร์

ยังมีชีวิต แม้ใจแหลกสลาย
แต่หากมีวันไหน ที่เราได้พบเจอ
ดวงใจดวงนี้มั่นคง ยังเป็นของเธอ

ยังมีชีวิต แม้ใจแหลกสลาย
แต่หากมีวันไหน ที่เราได้พบเจอ
ดวงใจดวงนี้มั่นคง ยังเป็นของเธอ











 

Create Date : 13 ธันวาคม 2552
17 comments
Last Update : 30 ตุลาคม 2553 15:12:48 น.
Counter : 741 Pageviews.

 

อ้าววว คุงผู้ชายแล้วแจ๋วจะทำยังงายล่ะทีนี้

สวัสดีค่ะ คุณภัทร
สบายดีค่ะ คุณภัทรละคะ
ว่าแต่ฝันดีแต่หัววันเลยหรอคะ

 

โดย: พ่อระนาด 13 ธันวาคม 2552 18:04:05 น.  

 

หวัดดีค่ะคุณภัร

กลับมาแว้ว...ขอบคุณที่แวะไปถามถึง

รักนะ จุ๊บๆ...มาทักทายก่อน

เด๋วค่อยมาอ่านอีกที

 

โดย: นักล่าน้ำตก 13 ธันวาคม 2552 20:42:35 น.  

 

ดีค่ะ คุณภัทร เขียนได้ดีมากค่ะ

ชอบตรง ตกหนัก จังเลย แหมๆๆ ปักลงกลางใจของย่าเลยยยยย

ดังจึ๊กๆๆ ตรงใจขนาดนั้น และเจ็บปวดด้วยค่ะ มองไม่เห็นว่า ประเทศนี้มันจะไปทางไหนหนอ

แปลกจังเนอะ ทำไม คนพวกนั้นเขาไม่มองเห็น มุม นี้แบบที่เรามองบ้างนะ

ประเทศมันจะได้ไม่เละแบบนี้ เศ้า

(((((((ลงตอน 2แล้วจ้า)))))

ฝันดีนะค่ะ ขอไปอาบน้ำและ นั่งทำสมาธิซะหน่อย พักนี้ชักขี้เกียจ อิอิ



ปล แหม เพลง นี้ฟังแล้วก็ ใจสลาย ไปด้วยค่ะ

 

โดย: ย่าชอบเล่า 13 ธันวาคม 2552 21:29:47 น.  

 

เรื่องข้างบนเนี้ย หักมุมซะน่าตีจริงๆ อดอมยิ้มไม่ได้

เรื่องที่เขียนก็เขียนดีมากๆน้องภัทร บางทีพี่เข้าไปอ่านเม้นท์ของคนอีกกลุ่มนึง มุมมองเค้าก็ต่างไปจากพวกเรานะ อ่านไปๆก็เครียดนะ เออ แปลกใจว่าทำไมคนไทยถูกชักจูงง่ายจัง จะว่ามองต่างมุม หรือมองอยู่มุมเดียวก็ไม่รู้นะ บางทีก็คิดว่า เออ ทำไมเค้าคิดได้อย่างนั้นก็ไม่รู้นะ แต่เชื่อมั้ย บ้านพี่นะ จริงๆไม่เคยได้คุยกันเรื่องการเมืองเท่าไหร่หรอก แต่สมัยแม่ยังมีชีวิตอยู่ แม่กะพ่อจะคุยเข้าขากันเรื่องการเมืองมากๆเลย คุยภาษาเดียวกันน่ะ โชคดีไป แต่ลูกๆจริงๆก็ไม่มีใครมาคุยเรื่องการเมืองกะพ่อแม่นะ คุยกันเองก็ไม่มีนะ อย่างมีเลือกตั้งทีนึง พ่อพี่เป็นนักปกครอง เค้าก็จะแค่บอกให้ลูกไปใช้สิทธิ์ใช้เสียงเลือกตั้งนะ แต่ลูกจะเลือกใคร ชอบพรรคไหน ยังไงเค้าไม่เคยชี้นำนะ ว่าต้องมาเลือกพรรคเดียวกะพ่อแม่นะ แต่ปรากฎว่าลูกๆชอบพรรคเดียวกันหมด อย่างกะพี่ชาย หรือน้องสาวพี่เหมือนกัน ต่างคนต่างเลือก แต่มาคุยกัน เออ เลือกเหมือนกัน ชอบเหมือนกัน มันก็เลยมีมุมมองคล้ายๆกัน คุยกันรู้เรื่อง ก็เลยไม่มีปัญหา นี่ถ้าคนละสีคงยุ่งดีพิลึก

ปล. แล้วไอ้เรื่องจัดฉากนี่นะ เออ คิดได้ยังไงว่าจัดฉากนะ ดูละครกันมากไปรึเปล่าไม่รู้นะคนไทย เอะอะ อะไรก็จัดฉากๆนะ ว่ามั้ย ไม่รู้ว่าไอ้คนที่ว่าเค้าจัดฉากน่ะ มันจัดฉากซะบ่อยมั้ง เลยคิดว่าคนอื่นเค้าจะเหมือนตัวเองน่ะ

 

โดย: พี่แป๊ว (แม่น้องแปงแปง ) 13 ธันวาคม 2552 22:01:42 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณภัทร

วันนี้มาส่งวเข้านอนก่อนนะค่ะ พรุ่งนี้ค่อยตามมาอ่านอีกที่ค่ะ คืนนี้ฝันดีนะค่ะ

 

โดย: น้องข้าวเหนียวกะพี่หมูปิ้ง (MooBamBam ) 13 ธันวาคม 2552 23:04:09 น.  

 

 

โดย: เซียนกระบี่ลุ่มแม่น้ำวัง 14 ธันวาคม 2552 7:47:50 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณภัทร

เรื่องของฟังหู ไว้หู สำหรับเราตอนนี้ยังใช้ได้อยู่ค่ะ
ยิ่งช่วงเวลาวิกฤตแล้วก็ต้องงัดแงะวิชาออกมาใช้อยู่เรื่อยๆ ล่ะคะ
เพราะว่าบางสิ่งบางอย่างนั้น .. มันก็แบบว่าไงดี ..เชื่อไม่ได้
สักอย่างนั่นล่ะคะ เพราะว่าทุกอย่างมันมักจะถูกแปรออกมา
เพื่อให้เราได้ฟังในสิ่งที่ดีๆ เท่านั้นเอง ... อันนี้ไม่ได้พูดเรืองของ
การเมืองอยางเดียวนะคะ เพราะว่ามันเกี่ยวกับเรื่องของ
ชีวิตประจำวันด้วยอีกต่างหาก มันเลยกลายเป็นว่า ..ทุกอย่าง
ก็ต้องฟังเอาไว้เป็นข้อมูล จริงแท้มันก็ต้องอยู่ที่ว่าเราฟัง
แล้วเราเอามาคิดตามหรือเปล่าเท่านั้นเอง ...


ว่าแต่เรื่องการ์ตูน หักมุมเหลือหลาย ... แหม้ สั่งฆ่ากันผ่าน
โทรศัพท์ด้วยสิค่ะหนิ .. ฮาๆ แบบนี้ทั้งหนุ่มคนนี้ ทั้งคนใช้คนนั้น
ตายหยังเขียดแน่ๆ ... เหวอเลยค่ะ
..........................


อ่านเรื่องประสบการณ์นักบิดของคุณภัทรแล้วต้องยอม
คารวะให้เลยอย่างไม่มีข้อกังขาและเงื่อนไขใดๆ
แล้วละคะ เพราะว่าสุดยอดแห่งความอึดมากๆ อ่านแล้ว
คิดภาพตามไป เสียวไส้ไม่น้อยเลยล่ะคะ อ่านแล้วทำให้
เราเองต้องระวังในการขับขี่เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมล่ะค่ะ
เพราะไม่อย่างนั้นกลัวจังว่า จะไม่โชคดีเหมือนคุณภัทรล่ะค่ะ

 

โดย: JewNid 14 ธันวาคม 2552 7:49:24 น.  

 

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


แวะมาทักทายกันวันจันทร์จ้าคุณภัทร

 

โดย: หอมกร 14 ธันวาคม 2552 8:03:10 น.  

 

เพิ่งรู้ตัวเหมือนกันนะว่าคนหน้าตาดี แต่มีความคิดชั่วๆ เนี่ย
ก็ทำให้เรารู้สึกเกลียดเข้าไส้ และไม่อยากดูข่าวได้เหมือนกัน

 

โดย: หอมกร 14 ธันวาคม 2552 8:04:39 น.  

 



เอากาแฟมาฝากคุณภัทร
อ่านแล้วนึกถึง"รัดถะบาน"นิสัยแย่ ๆ นี้จังเลย อิอิ
เมื่อวานไปธุระทั้งวันเลยจ๊ะ
แต่ก็คิดถึงบล็อกนี้เสมอน๊าา..
อากาศก็เย็น ๆ ง่วงมั้ย อิอิ
รักษาสุขภาพด้วยนะจ๊ะ

 

โดย: I_sabai 14 ธันวาคม 2552 8:53:21 น.  

 

สวัสดีวันจันทร์ค่ะ คุณภัทร

สังคมปัจจุบัน
มือถือสาก ปากถือศีล
โป้ปดมดเท็จ แล้วยังนั่งลอยหน้ากันอยู่นะ

มีความสุขกับการทำงานวันแรกนะคะ

 

โดย: อิ่ม_Aim 14 ธันวาคม 2552 10:20:34 น.  

 

จากบ้าน เรียกว่าสะพานหินภูเก็ตค่ะ

 

โดย: coji 14 ธันวาคม 2552 13:33:10 น.  

 

เย็นๆ หนาวๆ ทานข้าวให้อร่อยนะคะคุณภัทร

 

โดย: ญามี่ 14 ธันวาคม 2552 17:18:31 น.  

 

ทักทายตอนค่ำๆค่ะ

 

โดย: blog pu 14 ธันวาคม 2552 18:41:05 น.  

 

สวัสดีครับคุณภัทร

แฮะๆๆๆ บังเอิญว่าผมเป็นคนขี้โม้น่ะครับ ไปเจอ ไปพบ เห็นอะไรมาก็อยากเอามาเล่าให้ฟังน่ะครับ แบบว่าปกตินี้ไม่มีใครคอยรับฟังน่ะครับ....เอิ๊กๆๆๆ เกี่ยวกันไหมเนี่ย....

 

โดย: เพลงดาบกระบี่เดียวดาย 14 ธันวาคม 2552 21:52:37 น.  

 

โซ่ที่ล่าม ถ้ายังไม่ได้ไข แล้วจะไปด้วยกัน ได้อย่างไรเล่า..

 

โดย: ชิโยจัง 14 ธันวาคม 2552 22:07:39 น.  

 

title=

ฝันดีนะคะ คุณภัทร

 

โดย: พ่อระนาด 14 ธันวาคม 2552 22:52:53 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.