deeplove
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




Group Blog
 
 
เมษายน 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
17 เมษายน 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add deeplove's blog to your web]
Links
 

 
ภาพลวงๆ





ตัวเองคนหนึ่งล่ะที่เชื่อว่าสังคมในปัจจุบันนี้ส่วนใหญ่มองกันแค่เพียง

ภายนอก
จะดูว่าใครสักคนน่าคบหรือไม่ก็ดูจากการแต่งตัว การ

แสดงออก จะมีสักกี่คนที่มองลึกเข้าไปในจิตใจของคนที่รู้จัก สังคมทุกวันนี้

จึงกลายเป็นสังคมจอมปลอม ที่ใส่หน้ากากเข้าหากัน และในที่สุด

ก็เป็นสังคมแตกแยกที่แบ่งชนชั้นวรรณะ แบ่งพรรคแบ่งพวก ดูคนที่ความร่ำ

รวย โดยไม่ได้ดูเนื้อแท้ของจิตใจว่าเป็นอย่างไร บางครั้งก็เอาความคิดตัว

เองเป็นที่ตั้งในการตัดสินใจคนอื่นจากสิ่งที่ตาของตัวเองได้มองเห็น...จากสิ่ง

นี้ลองดูภาพเหล่านี้ดูนะคะว่าเมื่อได้มองแล้วจะมองเห็นเป็นอะไร





ลองดูรูป 3 รูปนี้นะคะว่า...อ่านว่าอะไร











ถ้าอ่านแต่ตัวอักษรสีดำ ก็จะได้คำว่า "GOOD" แต่ถ้าสังเกตดีๆ อ่านแต่ตัว

อักษรสีขาวที่ซ่อนอยู่ข้างใน จะได้เป็นคำว่า "EVIL" ทั้ง 2 คำจะมีความหมาย

ที่ตรงข้ามกัน












ตรงที่ว่างสีขาวๆ จะได้เป็นคำว่า "OPTICAL" แต่ถ้าอ่านแต่ตัวอักษรที่เป็นรูป

ภาพจะได้เป็น "ILLUSION" ซึ่งเป็นที่มาของภาพนี้ คือ "OPTICAL

ILLUSION"
หรือ ภาพหลอกตา นั่นล่ะค่ะ











จะเห็นกันชัดๆ ว่าเป็นคำว่า "Me" แต่ถ้าจ้องดูให้ดีจะเห็นว่า คำว่า "Me" อยู่

ข้างในคำว่า "You"






จากสามภาพนี้ทำให้ได้เรียนรู้ว่า เวลาคนเราจะมองอะไรสักอย่าง คนเรามัก

จะมองด้วย “ตา” ใช้สายตาเป็นตัวตัดสินในสิ่งที่เห็น ซึ่งเป็นการมองแบบ

เข้าข้างตัวเอง ว่าต้องเป็นอย่างที่เห็นแน่นอนอย่างรูปสามรูป ซึ่งความจริง

แล้ว ยังมีบางสิ่งซ่อนอยู่ในสิ่งที่เห็นนั้น เหมือนคนที่ชอบมองคนแค่เพียงภาย

นอก แต่เมื่อมองกันนานๆ แล้วถึงจะรู้จักคนที่เรามองดีพอ แต่ต้องใช้เวลาใน

การมองและพินิจพิเคราะห์ดูถึงจะเห็นสิ่งที่ซ่อนอยู่นั้น ก็เหมือนกับใช้ “ใจ”

ในการมองนั่นล่ะค่ะ




บ่อยครั้งที่เรามักตัดสินอะไรผิดพลาดอย่างง่ายดายเพียงเพราะเราเชื่อในสิ่ง

ที่สายตามองเห็น
แต่สิ่งที่เห็นกลับไม่ใช่ จนในบางเรื่องทำให้เกิดเรื่องขึ้น

มากมาย ทำให้ใครหลายต่อหลายคนต้องเสียผู้เสียคน เสียความรู้สึก เพราะ

ความเป็นจริง ความจริงกลับเป็นอีกอย่างหนึ่ง เช่น เรื่องที่เล่านี้ มีครอบครัวๆ

หนึ่ง เป็นพ่อหม้ายภรรยาเสียไปนานแล้ว เขาอยู่กับลูกชายเพียงลำพังสอง

คนพ่อลูก วันหนึ่งๆ เขาทำงานหนักมากจะกลับเข้าบ้านช้าเกือบทุกวัน และ

กลับมาด้วยความเหน็ดเหนื่อย เพราะเขาต้องการทำงานให้หนักเพื่อจะได้ลืม

ภรรยาที่เขารักและคิดถึงมากที่จากเขาไปก่อนเวลาอันสมควร วันหนึ่งเขา

กลับบ้านมา และพบว่าลูกชายวัย 5 ขวบของเขา นั่งรอเขาอยู่ที่หน้าประตู

บ้าน เมื่อลูกชายเขาเห็นเขาก็ดีใจและพูดกับเขาว่า


ลูก "พ่อครับ พักนี้พ่อกลับดึกทุกวันเลย ผมคิดถึงพ่อมากเลยครับ และผม

ก็มีคำถามที่อยากถามพ่อข้อนึงครับ"

พ่อ "จะถามอะไรพ่อเหรอ"

ลูก "ผมอยากถามพ่อว่า พ่อทำงานได้เงินชั่วโมงละเท่าไหร่ครับ"

พ่อ "เอ..ทำไมมาถามพ่อแบบนี้ล่ะ ลูกอยากรู้ไปทำไมล่ะครับ"

ลูก "ผมอยากรู้จริง ๆ ครับว่าพ่อทำงานได้เงินวันละเท่าไหร่ผมเห็นคุณพ่อ

ทำงานหนักมาก กว่าจะกลับมาบ้านก็ดึก จนผมหลับแล้ว"

พ่อ "อืมม...ก็ได้พ่อจะบอกนะ...พ่อทำงานได้ชั่วโมงละ 200 บาท

ลูก "โห..ชั่วโมงละ 200 บาทวันหนึ่งคุณพ่อทำกี่ชั่วโมงครับ"

พ่อ "พ่อทำวันละ 8 ชั่วโมงนะ แต่มีโอที คือ ทำงานล่วงเวลาด้วยเพราะงาน

พ่อหนักและยุ่งมากๆ"

ลูก "ที่พ่อกลับดึกเพราะพ่อทำโอที แล้วโอทีนี่ ช.ม ละเท่าไรกันครับและพ่อ

ทำโอทีวันหนึ่งกี่ชั่วโมงครับ"

พ่อ "พ่อทำ โอทีตั้งแต่ห้าโมงเย็นจนถึงสองทุ่ม แล้วกว่าจะขับรถกลับบ้าน

ก็ใช้เวลาเป็นชั่วโมง พ่อถึงกลับดึก"

ลูก "ห้าโมงเย็นถึงสองทุ่มก็เป็นเวลาสามชั่วโมง ชั่วโมงละ 200 บาทสาม

ชั่วโมงก็ 600 บาท...โอ...เยอะจัง"

ลูก "พ่อครับ..ผมอยากขอเงินพ่อสัก 100 บาทน่ะครับ"

พ่อ "อ่อ..เพราะเหตุนี้เหรอ เพราะต้องการขอตังค์พ่อน่ะเองถึงรอพ่อ"



ผู้เป็นพ่อเริ่มหงุดหงิด และอารมณ์เสียเมื่อลูกพูดเช่นนี้ เขาจึงพูดขึ้นว่า



พ่อ " รีบขึ้นไปนอนเดี๋ยวนี้เลย...นอกจากจะไม่ได้เงินแล้วจะถูกตี..หนอยแน่ะ

รอพ่อกลับมาเพื่อขอเงิน จะเอาเงินไปซื้ออะไรทำอะไรอีกล่ะ ลูกรู้บ้างไหม

ว่าลูกกำลังเป็นคนเห็นแก่ตัวนะ รู้บ้างไหมว่าทุกวันนี้พ่อทำงานหนักแค่ไหน

พ่อทำงานทุกอย่างเพื่อลูก เพื่ออนาคตของลูก แต่ลูกกลับจะมาขอเงินพ่อ

เพื่อไปซื้ออะไรบางอย่าง อาจจะเป็นเกม หรือไปซื้อของไร้สาระของลูก พ่อ

ไม่ให้หรอก รีบขึ้นไปนอนเลย"



ลูกชายยืนมองพ่อ ที่ต่อว่าตนอย่างเงียบๆ พร้อมกับน้ำตาคลอแล้วลูกชาย

ของเขาก็เดินกลับไปยังห้องนอนของเขา พ่อยืนมองลูกเดินจากไปอย่าง

หงุดหงิด และคิดว่าลูกชายเค้ากล้ามาขอเงินเพื่ออะไรไม่มีเหตุผลเลยเพราะ

เขาก็หาทุกอย่างให้ลูกชายอยู่แล้ว ไม่น่าจะมีสิ่งไหนที่ขาดตกบกพร่องจน

ลูกชายของเขาต้องมาขอเงินเขาอีก หรือลูกชายของเขาเริ่มเที่ยวระหว่างที่

เขาไม่อยู่ หรือหนีไปเล่นเกมกะเพื่อนนอกบ้าน ยิ่งคิดและนึกถึงภาพเมื่อกี้ที่

ลูกชายมาขอเงิน ก็ยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดหนักขึ้น...เขาจึงไปอาบน้ำ และออก

มาทานข้าว จนอารมณ์เขาดีขึ้น เขาจึงเริ่มคิดถึงสิ่งที่เขาพูดกับลูกไป เขาเริ่ม

รู้สึกตัวว่าเขาไม่น่าพูดรุนแรงแบบนั้นกับลูก เพราะเขายังไม่ได้ถามลูกเลย

ว่า ลูกของเขาจะเอาเงินไปทำอะไร แค่สิ่งที่เขาได้ยิน เขาได้เห็นทำให้เขา

คิดเองว่าลูกเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ ทั้งที่เขายังไม่รู้ความจริงเลย ยิ่งคิดยิ่ง

เสียใจและสงสารลูก นี่เขาทำอะไรลงไป ลูกชายของเขาอาจมีความจำเป็น

บางอย่างก็ได้ จนจำเป็นต้องใช้เงิน100 บาท นั้นจริงๆ และที่สำคัญลูกของ

เขาก็ไม่เคยขอเงินเขาเลย ดังนั้นเขาจึงเดินขึ้นไปบนห้องของลูกชายเขา เขา

เห็นลูกชายนอนหันหลังให้ประตู แต่ตัวไหวเป็นระยะ เขาจึงเดินเข้าไปจึงได้

เห็นลูกชายนอนร้องไห้อยู่



พ่อ "ยังไม่หลับอีกหรือ"

ลูก "ยังครับ"

พ่อ "พ่ออยากจะบอกลูกว่า เมื่อกี้พ่อหงุดหงิดไปนิดหนึ่ง พอดีพ่อเพิ่งกลับ

มาและเหนื่อยมาก พ่อเลยยังไม่ทันจะถามลูกว่าลูกจะเอาเงินไปทำอะไร พ่อ

ยังไม่ทันฟังเหตุผลของลูก แต่พ่อก็ดูลูกไปแล้ว พ่อเลยจะมาถามลูกว่า ลูก

จะเอาเงินไปทำอะไร"

ลูก " คือ ตอนนี้ผมมีเงินอยู่ 500 บาทขาดเงินอีก 100 บาทครับ"

พ่อ "อ้าว...มีเงินแล้วนี่ 500 บาทก็เยอะนะจะเอาเงินไปทำอะไรมากมายล่ะ"



พ่อเริ่มมีอารมณ์อีกครั้งที่ได้ยินลูกบอกเช่นนั้น ส่วนลูกชายหยิบเงิน 500

บาทให้คนเป็นพ่อดู พร้อมพูดว่า



ลูก " ผมอยากขอพ่ออีก 100 บาทพ่อพอจะให้ผมได้มั๊ยครับ"

พ่อ " เอาเหอะ..พ่อจะให้ 100 บาทใช่มั๊ย"

ลูก "ครับ 100 บาทเท่านั้นเองครับ"



คนเป็นพ่อจึงหยิบเงิน 100 บาทให้ลูกแล้วถามลูกว่า



พ่อ "คราวนี้บอกพ่อได้หรือยังว่าจะเอาเงินไปทำอะไร"

ลูก "ผมมีเงินครบ 600 บาทแล้ว ผมให้พ่อครับแลกกับโอทีวันเดียวให้พ่อ

อยู่กับผมบ้าง วันไหนก็ได้ครับ ผมอยากอยู่กับพ่อบ้างอยากทานข้าวกับพ่อ

ที่สำคัญผมอยากคุยกับพ่อมากๆ เลยครับ"




จากเรื่องที่เล่ากันมานี้ พอจะเห็นภาพของความคิดที่คิดในสิ่งที่ตัวเองเห็นด้วยตา

ฟังด้วยหู แต่ไม่ได้ใช้ใจวัดใจของพ่อลูกคู่นี้มั๊ยคะ ที่สามีทะเลาะกับภรรยา พ่อแม่

ทะเลาะกับลูก นายเข้าใจผิดลูกน้อง เพื่อนแตกคอกัน คนในประเทศต้องทะเลาะ

กันเอง คนที่รักกันต้องเลิกรากัน นั่นเป็นเพราะต่างก็เชื่อใน “สิ่งที่ตาเห็น” แต่ไม่ดู

ในสิ่งที่ลึกกว่าที่ตาเห็นเอาความรู้สึกภายนอกเป็นเครื่องวัด ยึดติดเป็นภาพลวงตา

แล้วนำไปลวงใจตัวเอง จนลืมมอง ลืมเห็นอีกด้านหนึ่งไปอย่างน่าเสียดาย จงใช้ ตา

สำหรั “ดู” แล้วจงใช้ ปัญญาและใจ สำหรับการ “เห็น” เพราะทุกสิ่งบนโลก

ใบนี้มีอะไรมากกว่าสิ่งที่ตาของคนเรามองเห็น อยู่ที่จะเปิดใจและใช้ปัญญาในการ

มองมากน้อยแค่ไหน


อย่าให้สิ่งที่เห็นลวงตาและอย่าให้ความคิดที่ลำเอียงและขาดเหตุผลลวงใจ

มองอะไรมองให้ลึกๆ นานๆ และคิดหนักๆ ค่ะ...










Eyes On Me
Faye Wong



Whenever sang my songs

On the stage, on my own

Whenever said my words

Wishing they would be heard

I saw you smiling at me

Was it real or just my fantasy

You'd always be there in the corner

Of this tiny little bar


My last night here for you

Same old songs, just once more

My last night here with you?

Maybe yes, maybe no

I kind of liked it your way

How you shyly placed your eyes on me


Oh, did you ever know?

That I had mine on you


Darling, so there you are

With that look on your face

As if you're never hurt

As if you're never down

Shall I be the one for you

Who pinches you softly but sure

If frown is shown then

I will know that you are no dreamer


So let me come to you

Close as I wanted to be

Close enough for me

To feel your heart beating fast

And stay there as I whisper


How I loved your peaceful eyes on me

did you ever know

That I had mine on you


Darling, so share with me

Your love if you have enough

Your tears if your're holding back

Or pain if that's what it is

How can I let you know

I'm more than the dress and the voice

Just reach me out then

You will know that you're not dreaming


Darling, so there you are

With that look on your face

As if you're never hurt

As if you're never down

Shall I be the one for you

Who pinches you softly but sure

If frown is shown then

I will know that you are no dreamer

[Chorus]











Create Date : 17 เมษายน 2551
Last Update : 27 เมษายน 2551 8:26:30 น. 6 comments
Counter : 451 Pageviews.

 
ได้ข้อคิดดีๆอีกแล้วคับ
คนเรามักตัดสินจากใจตัวเองเป็นหลัก
โดยไม่ได้คิดถึงใจของฝ่ายตรงข้าม
เรื่องราวผิดใจกันก็เลยเกิดขึ้นบ่อยครั้ง
ถ้าใจเย็นๆค่อยๆคิดหาสาเหตุปัญหาก็คงไม่เกิดเนอะ
รักนะคับ


โดย: AquiraX IP: 58.8.133.210 วันที่: 18 เมษายน 2551 เวลา:0:07:22 น.  

 
มอบคุณสำหรับข้อคิดดี ๆ


โดย: ท.แทนคุณ วันที่: 18 เมษายน 2551 เวลา:9:14:59 น.  

 
อย่าใช้ตามองแต่ให้ใช้ใจมอง...
เป็นอย่างนั้นจริงๆครับ


โดย: หนึ่งในชาวโลก วันที่: 18 เมษายน 2551 เวลา:12:32:58 น.  

 
ชอบรูป GOOD- EVIL จังคะ
ภายนอกดู Good
แต่จิตใจนี่ Evil

สำหรับเรานี่ จะนอกจะในก็ Evil
เหมือนกันหมดค่ะ แหะๆ

ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมชมนะคะ


โดย: เต้าหู้ใบเตย IP: 202.44.8.100 วันที่: 19 เมษายน 2551 เวลา:13:03:13 น.  

 
เป็นข้อคิดที่ดีเลยครับ

สำหรับสังคมไทย

ในปัจจุบัน


โดย: กระต่ายไม่ขูดมะพร้าว วันที่: 19 เมษายน 2551 เวลา:22:46:17 น.  

 
กรุณาช่วยปรับปรุงสีอัษรหรือสีพื้นหน่อยครับ อ่านยากครับ แต่บทความน่าอ่านมาก บอกตรงๆอย่างนี้คงไม่ว่ากันนะครับ


โดย: yutsoft IP: 58.9.147.11 วันที่: 26 เมษายน 2551 เวลา:17:55:27 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.