|
.. คือรัก .. บทที่ 2 ..
.... บทที่ 2 .. .. ป๋อง ..
พวกเกเรมักเล่นงานคนดี ( ? ) เสมอเมื่อสบโอกาส
วันรุ่งขึ้น ผมไปโรงเรียนเพื่อตรวจสอบว่างานที่ได้รับมอบหมายเรียบร้อยดีหรือไม่เลยถูกไอ้พวกค้างทัณฑ์บนใช้งาน พวกมันกรุณาให้ผมและเพื่อนฝ่ายธรรมะขนแต่ชิ้นส่วนที่ไม่หนักเกินไป ที่ว่าไม่หนักแต่บางอันก็ยาวเก้งก้างต้องคานน้ำหนักให้สมดุลไม่งั้นล้มทั้งคนทั้งไม้
“ไอ้ตี๋ !” บักห้าวตนหนึ่งตะโกนมาที่ผม “ระวัง !”
“ป๊าบ !” เพื่อนคนหนึ่งล้มลงเพราะไม้ที่ผมแบก..คงไม่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นถ้าผมไม่หันไปมองไอ้บักห้าวตามที่มันเรียก..ไม้บนบ่าหันตามไปด้วย ปัดสิ่งที่ขวางรัศมีป๊าบ
“โอย..โอย..” เสียงครางจากพื้นสนาม ผมไม่สามารถก้มลงมองหรือช่วยเหลือได้เพราะเบาจะกลายเป็นหนักคงมุ่งหน้าไปทีรถปิกอัพที่ใช้ขนไม้
“เฮ้ย ! .. เฮ้ย ! ..” เสียงโหวกเหวกของพวกเวนตะไกดังอยู่ข้างหลัง “ช่วยกันดูหน่อย เป็นอะไรมากหรือเปล่าไม่รู้”
“เอ็งนี่นะ ไม่น่าไปแกล้งไอ้ตี๋..” อีกเบื๊อกหนึ่งให้ความเห็น “ลำข้อมันมีที่ไหน..เสือกไม่ปฏิเสธอีก..สัด”
“ไอ้ตี๋..ตี๋..” เสียงคุ้น ๆ จากคนที่ล้มบนพื้น
“ไม่เป็นไรแล้วมั้ง ส่งเสียงอาฆาตไอ้ซุ่มซ่ามได้แล้วนี่หว่า..” ไอ้ห้าวหนึ่งพูดไปทางคนบนพื้นแล้วหันมาเรียกผม “ไอ้ตี๋ !”
“ทำไม?..” ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ผมหันไปทางเสียงเรียก “เรากำลังจะขึ้นห้องอำนวยการไปรายงานผล”
“พานายคนนี้ไปห้องพยาบาลหน่อย หัวโนเลือดซิบ ๆ” ไม่สั่งเปล่าพานายหัวโนเดินมาด้วย
“เฮ้ย ! ..” ผมรีบขึ้นบันได “พวกนายก็จัดการกันเองสิ” วิ่งไปที่ตู้ยาหยิบตลับยาหม่องโยนลงไปข้างล่าง
กว่าจะจบขั้นเตรียมอุดมผมเกือบเอาตัวไม่รอด เพราะปัญญาดีมากและความขยันมากของผม ( อะนะ ) ผมไปสอบเอ็นทรานส์เข้ามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งพร้อมเพื่อน ๆ แต่ไม่ได้..บางเพื่อนเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเอกชน แต่ผมไม่มีสิทธิ์เพราะฐานะทางบ้าน จึงต้องโต๋เต๋ทำงานแถวบ้านพอเป็นค่าขนมของตัวเอง เวลานั้นงานหาได้ไม่ยาก ถ้าไม่เลือกงานและไม่เกียจคร้านก็ดำรงชีวิตอยู่ได้ตามอัตภาพ..ใครชวนทำอะไรผมทำหมด ดีอย่างที่อบายมุขและอาชีพทุจริตไม่เฟื่องฟูอย่างทุกวันนี้ ถ้ามีก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าผมจะลองหรือไม่ พับถุงจากกระดาษหนังสือพิมพ์ รับจ้างห่อสบู่ ทำกล่องกระดาษ ขายเรียงเบอร์ วาดรูปขาย ( แฮ่ ! นี้ไม่เคยขายได้ นึกเสียดายฝีมือศิลปะของผมมาก )
วันหนึ่งเพราะอาชีพพับถุงทำให้ผมได้หนังสือเล่มหนึ่งที่ปนอยู่ในกองหนังสือพิมพ์จากเจ๊กขายขวด มันเป็นหนังสือรูปภาพสีสวยเกี่ยวกับเสื้อผ้าทั้งหญิงและชายภาษาต่างประเทศ ด้านหลังหนังสือมีวิธีการสร้างแบบเพื่อการตัดเย็บเสื้อผ้าเหล่านั้น..ไม่ยากที่จะเรียนรู้ด้วยพรสวรรค์ด้านศิลปะและงานช่างที่มีติดตัว..ผมเรียนรู้อยู่หลายเดือนพยายามแล้วพยายามอีก ใช้กระดาษหนังสือพิมพ์สร้างแบบตามที่เขาให้มา แม่ผมทำงานรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง..แม่คอยให้กำลังใจ บอกว่าถ้าผมทำสำเร็จโดยใช้แม่เป็นแบบแม่จะชวนเพื่อนที่ทำงานมาใช้บริการ แม่เชื่อใจผมมากมายหรือแค่คล้อยตามเพื่อไม่ให้ผมเสียกำลังใจรอเวลาเอ็นทรานส์ปีต่อไป..ถึงอย่างไรผมก็มีอาชีพประจำคือการขายเรียงเบอร์
“เรียงเบอร์ครับเรียงเบอร์..เรียงเบอร์ครับเรียงเบอร์..” หลังจากแย่งคิวได้จากโรงพิมพ์เชาะแชะ ( เสียงเครื่องพิมพ์ ) แถวบ้านก็ขาใครขามันละครับวิ่งแข่งกันขาย หน้ามืดไปตาม ๆ กัน
“โครม ! ..” อารามรีบผมชนคน ๆ หนึ่งที่เดินหอบของพะรุงพะรัง “รับเรียงเบอร์ไหมครับ?” ผมหน้าด้านถาม..ความจริงอยากขอโทษมากกว่า..วิ่งต่อ
“อ้าว !” คนที่ถูกชนร้องตามหลัง
“ขอโทษครับ ผมรีบ” ผมตะโกนตอบ มองไปข้างหน้าหาคนซื้อ จนเย็นแน่ใจว่าไม่มีคนซื้อแล้วผมจึงเดินกลับบ้าน “ว่าไง !” คำถามเชิงทักทายจากชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนแผงขายของหน้าตลาด
“ไงอะไรครับ?” ถามไปแล้วผมหันกลับ เขาอาจทักคนที่อยู่ข้างหลังผมก็ได้
“บ้านอยู่แถวนี้หรือ?” มองมาที่ผม
“อือ..” งง “ทำไม” ตอบ ถาม ไปแล้วผมเลี้ยวเข้าตลาดตั้งใจกลับบ้าน..เมื่อยน่องมาก
“เดี๋ยวสิ ! ..” หอบสัมภาระลงจากแผงเดินตามมา “จำผมไม่ได้หรือ?”
“อือ..” คิด “อ๋อ ! .. ฮะ ๆ ..” ผมนึกได้ “เจ้าทุกข์เมื่อบ่ายนี้เอง จะเอาเรื่องผมจริงหรือนี่นั่งรอตั้งนาน”
“ย้อนไปอีก..” เดินแซงดักหน้าผม “จำได้ไหม?”
“ไม่..” เป็นฝ่ายมองหน้าบ้าง ทบทวนความจำ “จำไม่ได้จริง ๆ รู้แต่ว่าผมวิ่งชนคุณเมื่อบ่ายนี้..” หยุดกึกเมื่อรู้สึกว่าหมอนี่ถ้าจะเอาจริง ผมไม่มีปัญญาจะชดใช้อะไรทั้งนั้น “คงเป็นเรื่องใหญ่..ของมีค่าหล่นหายหรือถึงต้องรอพบผม..” ก้มหน้าพึมพำกึ่งนินทา “นาน..นาน..มาก..มาก”
“ใช่แล้ว..” ยิ้มอย่างรู้ทัน “นาน..นาน..มาก..มาก..นานมากกว่าที่คุณตี๋จะคาดคิด"
“นะ ! ..รู้จักชื่อผมด้วย”
“รู้จักมาสองปีแล้ว”
“แค่วิ่งชนคน ๆ หนึ่งกลายเป็นเรื่องยาว” ผมบ่นออกมาดัง ๆ
“ทุกครั้งที่เราพบกันไม่คุณชนผมก็ผมชนคุณ..นึกออกยัง?”
“ไม่ !” ผมสรุป พอดีถึงหน้าบ้านซึ่งเป็นห้องแถวข้างตลาด “ขอร้องละครับผมจะเข้าบ้าน มืดแล้วคุณกลับบ้านของคุณเถอะ”
“สองปีที่แล้ว..งานชุมนุมศิษย์เก่าของโรงเรียนเพื่อนผม..” มองว่าผมพอนึกอะไรออกบ้างหรือยัง “เมาครั้งแรกของผม เซชนพนักงานเสริฟ รุ่งขึ้นกลับไปที่โรงเรียนนั้นอีกเพื่อหากระเป๋าสตางค์ที่ทำหล่น ไม่พบ แต่ถูกเด็กเสิร์ฟคนนั้นเอาคืน เหวี่ยงไม้บนบ่าฟาดผมจนหัวแตก แถมไม่ยอมรับผิดชอบอีก”
“อ๋อ !” ผมพอนึกได้ลาง ๆ พี่คนที่เข้าห้องน้ำบ่อยคืนนั้น “รู้ได้อย่างไรครับว่าผมอยู่แถวนี้”
“ไม่รู้หรอก”
“แล้วทำไมมาหาถูก” มองโซฟาหวายในบ้าน คิดไม่ตกว่าจะชวนให้นั่งดีไหม
“เปล่าครับ ! .. ผมไม่ได้มาหาคุณตี๋”
“อ้าว !” หน้าแตกเพล้ง “ผมลงรถที่อู่ฝั่งคลองโน้น..” ชี้มือไปทางอู่รถเมล์สายที่มาจากฝั่งกรุงเทพฯ “เดินมาทางนี้เพื่อทะลุอีกทางที่ถนนใหญ่สายออกต่างจังหวัด”
“จะไปไหน?” ผมแกล้งถามห้วน
“กลับบ้านนครปฐม” พูดจบหันหลังเดินกลับ
“กว่าจะถึงบ้าน..” คิดอย่างไรไม่รู้ผมเดินตาม “ป่านนี้จะมีรถหรือ?”
“ถ้าไม่มีรถผมก็เดินกลับไปที่อู่รถเข้ากรุงเทพฯ กลับหอพักแถวมหาวิทยาลัย”
“คุณป๋อง” จู่ ๆ ผมจำชื่อพี่ขี้เมาที่ถูกเบิ๊ดหัวคืนนั้นได้
Create Date : 28 สิงหาคม 2567 |
|
0 comments |
Last Update : 28 สิงหาคม 2567 13:24:23 น. |
Counter : 249 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
|
BlogGang Popular Award#20
|
สมาชิกหมายเลข 2607062 |
|
|
|
|