เขียนไว้อ่านเรื่อยๆ ครับ

 
สิงหาคม 2567
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
13 สิงหาคม 2567
 

... รักในความทรงจำ เดอะมิวสิคัล 1 ...

๐๐ .. รักในความทรงจำ..เดอะมิวสิคัล .. ๐๐
บทที่ 1



               “รักในความทรงจำกำลังจะเริ่ม ขอความกรุณาปิดเครื่องมือสื่อสารทุกชนิดครับ”

ม่านเวทีเริ่มเปิดออกพร้อมดนตรีบรรเลงเพลงธีมประจำละคร สปอร์ตไลท์สีม่วงฉายไปกลางเวทีด้านในเป็นดวง..ไฟเริ่มสว่างขึ้นเป็นม่วงอมชมพู น้ำเงิน และสีฟ้าก่อนจะเป็นสีธรรมชาติของแสงไฟร่างหนึ่งนั่งอยู่กลางวงไฟ..ดนตรีเชื่อมทำนองเพลง ๆ หนึ่งคุ้นหูร่างนั้นลุกขึ้นยืน..เวทีส่วนที่เขายื่นอยู่ค่อย ๆ เลื่อนมาระหว่างทางเดินของโรงละครพร้อมกับเสียงฮัมเพลง..และเสียงร้อง

               “รักน้องเพียงใจ จากไปหทัยระกำ
                อกฉันมืดดำน้ำตาพร่างพรำมิวาย
               ทะเลนองโลกโชคเกินท่วมเนินไศล
               ท้นท่วมไกลถึงพรหมพี่จมแทบตาย
               รักน้องชูใจให้พี่มีชีวิตมา
               ขอจงเมตตารักข้าอย่าพาแหนงหน่าย
               แม้วันจะเคลื่อนหรือเดือนจะเลื่อนลอยหาย
               รักแนบใจยิ่งไกลยิ่งใฝ่ชม.....”

บนเวที..

นักแสดงสาวนวยนาดเข้าเสียงเพลงออกมาจากสองข้างหลืบฉาก..หันหน้ามาทางพระเอกหนุ่มด้านหน้าที่กำลังแจกยิ้มทักทายผู้ชม

               “พอลมโบกโศกสวนมาหวนหอม
               กลิ่นพะยอมรื่นเร้าเข้าผสม
               โหยหาอาวรณ์ให้อ่อนอารมณ์
                เหมือนกลิ่นผมกลิ่นแก้มแกมเนื้อนาง
               รักเคล้าเคยชมคู่เคียงภิรมย์นิทรา
               ครั้นยามจากมาน้องเอยไม่พารักห่าง
               รักน้องเพียงหนึ่ง หนึ่งน้องพี่ปองไม่วาง
               รักน้องนางไม่จางไปจากใจ”

เวทีส่วนที่พระเอกยืนร้องเพลงอยู่ค่อย ๆ เลือนเข้าไปสู่เวทีเมน พร้อมท่อนที่มีแต่เสียงดนตรีโซโล่อยู่ฉากค่อยสว่างขึ้นเผยให้เห็นด้านหลังที่มีสาวหลายคนนั่งเย็บผ้าอยู่บนจักรในห้องแถว..ด้านซ้ายมีอีก 2 ห้องแถวที่เห็นเพียงห้องครึ่งเพราะความกว้างของเวทีไม่พอ ด้านขวามืห้องเดียวเป็นห้องสุดท้ายของห้องแถว..มีถนนอยู่ด้านข้างเวที

พระเอกยืนตำแหน่งหน้าจักรคันแรกสุด มือหนึ่งจับเสื้อโหลที่ทยอยเลื่อนออกมาจากจักร อีกมือหนึ่งถือกรรไกรตัดเส้นด้ายที่ติดอยู่บนเสื้อโหลนั้นทุกคนในฉากรวมทั้งสาวเย็บผ้าทั้งหลายร่วมร้องเพลงท่อนสุดท้าย..ยิ้มแย้มแจ่มใส

               “พอลมโบกโศกสวนมาหวนหอม
                กลิ่นพะยอมรื่นเร้าเข้าผสม
               โหยหาอาวรณ์ให้อ่อนอารมณ์
               เหมือนกลิ่นผมกลิ่นแก้มแกมเนื้อนาง
               รักเคล้าเคยชมคู่เคียงภิรมย์นิทรา
               ครั้นยามจากมาน้องเอยไม่พารักห่าง
               รักน้องเพียงหนึ่ง หนึ่งน้องพี่ปองไม่วาง
               รักน้องนางไม่จางไปจากใจ”

เพลงจบลง..

พระเอกหย่อนตัวลงนั่งหน้าจักรคันแรกนั้น..สาว ๆ หน้าเวทีเข้ารุมล้อมพร้อมเสียงจ๊อกแจ้ก ทำนองแซว จีบหนุ่มพระเอก..ไฟเวทีค่อยพรางดับลง จนมืดสนิท

ห้าเดือนก่อน..ที่ตลาดธนบุรี สนามหลวง 2

ชายหนุ่มคนหนึ่งวาดภาพอยู่กลางถนนคนเดินมีลังไม้ใบใหญ่รองก้น ขาข้างหนึ่งยันพื้นถนน อีกข้างงอขึ้นรองรับกระดานที่มีกระดาษวาดเขียนหนาถูกงับด้วยคลิปหนีบกระดาษมือซ้ายจับกระดานไม้อัด มือขวาจับพู่กันจิ้มไปในจานสีที่วางอยู่บนลังอีกใบหนึ่ง..มีเสียงฮัมเพลงลอดออกมาจากริมฝีปากของเขา

               “น่าสนใจนะเด็กคนนี้..” เสียงจากกลุ่มคนดูที่แวะมอง “หน่วยก้านดี ท่าจะร้องเพลงได้”

               “เฮ้..เราต้องใช้คนที่มีความสามารถระดับอาชีพไม่ใช่สมัครเล่นอย่างนี้” ชายอีกคนที่ดูเหมือนมาด้วยกันพูดขึ้น

               “ถ้าใช้คนที่เป็นที่รู้จักดีแล้วละครของเราจะไม่เป็นธรรมชาติ คนดูมองอย่างไรก็คือดาราคนนั้น” ชายคนแรกแย้งพลางหยิบนามบัตรขึ้นมาเขียนอะไรบางอย่างลงในนั้น

...............

               “ติ้ง ๆๆๆ” จักรยานคันหนึ่งเลี้ยวจากถนนสำหรับจักรยานเข้าบ้าน
               
               “เอะอะอะไร?..” ชายสูงวัยนั่งทอดอารมณ์อยู่บนศาลาท่าน้ำที่ยืนลงไปในร่องน้ำของสวนมะพร้าว “ยังไม่ถึงเวลากลับบ้านของแกนี่นานายปุ่น”

               “พ่อครับ” หนุ่มปุ่นเสียงร้อนรน พิงจักรยานกับฝาบ้าน เสือกเป้ใส่อุปกรณ์เขียนภาพบนระเบียงบ้านแล้วตรงไปหาพ่อ

               “มีเรื่องอะไรมาหรือ?” นายรักพ่อของปุ่นถามด้วยความสงสัยกับอาการแปลก ๆ ของลูกชาย

               “มีคนแนะนำงานให้ผมทำ..” ปุ่นนั่งลงบนม้านั่งของศาลาตรงข้ามกับผู้เป็นพ่อ “แต่..ไม่แน่ใจว่าจะได้ทำหรือเปล่านะพ่อ ต้องไปออดิชั่นก่อน”

               “เดี๋ยวนี้เขาเรียกว่าอะไรชั่น ๆ แล้วหรือ การสอบ การสัมภาษณ์เข้าทำงานนะ”

               “ไม่ใช่อย่างนั้นพ่อ..แต่ก็อย่างนั้นแหละครับ” ปุ่นยิ้ม

นายดอกรักมีสวนมะพร้าวอยู่ที่เขตทวีวัฒนา แม้ไม่มากนักแต่พอให้ทำมาหากินเลี้ยงลูกกำพร้าของเขาจนเติบใหญ่ได้

               “อย่าไปท้อนะปุ่น ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่นเป็นความจริงเสมอ” นายรักยิ้มให้ลูกชาย

               “สองปีแล้วผมยังสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ แต่จะพยายามต่อไปอย่างพ่อว่าครับ”

                “แผนกวาดรูปอะไรที่แกอยากเข้าไปเรียนมันคงยากมากซินะถึงสอบไม่ได้สักที..วิชาอื่นอย่างที่เพื่อน ๆ เขาสอบได้ทำไมแกถึงไม่ลองไปสอบมั่ง จะเรียนอย่างที่ชอบไม่เปลี่ยนใจเลยหรือ”

               “ว่าจะลองสอบอีกสักครั้ง ถ้าไม่ได้จริง ๆ ก็คงต้องเปลี่ยนใจแล้วละครับ จะให้พ่อเลี้ยงจนตายคงไม่ดีแน่”

               “อยู่ว่างก็หางานทำไปพลาง ๆ ก่อน บางคนเรียนจบแค่มัธยมปลายเขาก็ทำงานหาเลี้ยงตัวได้นี่นะ..ว่าแต่งานอะไรหรือที่จะไปชั่น ๆ”


               “ยังไม่แน่ใจเลยพ่อ เขาให้ไปลองสัมภาษณ์ดูก่อนว่าจะทำอะไรได้”


 




 

Create Date : 13 สิงหาคม 2567
1 comments
Last Update : 15 สิงหาคม 2567 6:39:27 น.
Counter : 233 Pageviews.

 
 
 
 
คล้ายการร้องเพลงเปิดหมวก

หากท่านผู้อ่านใดมีเมตตาได้โปรดใส่เหรียญ 1 บาทให้ผมเมื่ออ่านจบแต่ละตอนนะครับ เพื่อนักเขียนใส้แห้งคนนี้ครับ

โสฬส แสงเดือน
ธ.กสิกรไทย เลขบัญชี 737-2-10364-1 สาขาประชานิเวศน์ 1

ขอบคุณมากครับ
 
 

โดย: ดาเรน (สมาชิกหมายเลข 2607062 ) วันที่: 15 สิงหาคม 2567 เวลา:6:37:15 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

สมาชิกหมายเลข 2607062
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add สมาชิกหมายเลข 2607062's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com