กลับมามองดูปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้อีกครั้ง(1) ความมืดมนของสถานการณ์ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้........ ได้เข้าปกคลุมสังคมไทยอีกครั้งหนึ่ง แม้ว่าในห้วงเวลาที่ผ่านมามันก็คงไม่สงบมากเท่าไร แต่ทุกวันนี้มีความตายเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกวัน เราในฐานะพลเมืองคนหนึ่งคงทำอะไรได้ไม่ดีไปกว่า การเสนอความคิดเห็นที่สร้างสรรค์ เพื่อเปิดทางให้ความสงบสุขกลับคืนสู่ดินแดนใต้โดยเร็ว ........................................................................................... ฉันรักประเทศไทย ประเทศเราแต่เก่าก่อนมีความหลากหลายทางเชื้อชาติศาสนา เราอยู่กันได้อย่างสงบสันติเรื่อยมา ไม่มีการแบ่งแยกทางเชื้อชาติและศาสนา ฉันมีเพื่อนหลายคนที่นับถือศาสนาอิสลามและคริสต์ เราคบกันได้แม้เราจะมีความเชื่อทางศาสนาที่ต่างกัน ทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดี ไม่ทำร้ายเบียดเบียนกัน แต่ปัจจุบันมีการนำศาสนาไปใช้แบบผิด ๆ นำศาสนาเพื่อไปบรรลุซึ่งความเชื่อทางการเมือง นำมาสู่ความสับสนวุ่นวายและความตาย เมื่อไรหนอมนุษย์จึงจะพบกับแนวทางชีวิตที่สมดุล ที่ทุกคนต่างอยู่และพึงพาอาศัยกัน เมื่อไรหนอโลกเราจะอบอวลไปด้วย บรรยากาศของสันติภาพและความร่มเย็น ขอสันติภาพกลับคืนสู่ดินแดนภาคใต้โดยเร็ว ขอสันติภาพกลับคืนสู่ดินแดนภาคใต้โดยเร็ว ................................................................................................... ความหลากหลายทางวัฒนธรรมในสังคมไทย หรืออาจจะบอกว่าในสังคมโลกก็ได้ สังคมรัสเซียก่อนล่มสลาย สหภาพโซเวียตเป็นประเทศที่รวมคนหลาย ๆ เชื้อชาติและวัฒนธรรมเข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน หรืออย่างกรณีประเทศยูโกสลาเวีย หลังสิ้นบุญของประธานาธิบดีตีโต้ ประเทศก็ถูกแบ่งแยกเป็นหลายประเทศ เช่นเดียวกับรัสเซีย หลังจากการล่มสลายของสังคมนิยม ประเทศก็ถูกแบ่งแยกออกเป็นหลายประเทศ กลับมามองดูสังคมไทย มันมีอะไรเกิดขึ้นในภาคใต้ เราแน่ใจแล้วหรือว่าเราเดินมาถูกทาง? ................................................................................................... วันนี้อ่านคอลัมน์ของ นสพ. กรุงเทพธุรกิจคิดว่าเป็นข้อมูลที่น่าสนใจดี เลยนำมาลงให้อ่านกัน และหากมีความเห็นใดเพิ่มเติมก็ช่วยกันแสดงความคิดเห็นได้นะครับ แต่ขอร้องให้เป็นความคิดเห็นที่ไม่ไปเพิ่มความร้อนแรงให้กับเหตุการณ์มากขึ้นด้วยนะครับ เพราะเท่าที่ตามดูประเด็นนี้ทำวงแตกมาเยอะมากเลยครับ บางที่อารมณ์ของความรักชาติต้องอยู่ในระดับเหตุผลที่ดีด้วยนะครับเพราะมันจะทำให้การแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเป็นไปอย่างถูกต้องและรวดเร็วยิ่งขึ้น........ ........................................................................................... มองมุมใหม่:ปัญหาภาคใต้ในมุมมองนักศึกษา 27 กันยายน 2548 16:38 น. ชำนาญ จันทร์เรือง ปัญหาภาคใต้ในมุมมองที่ผมนำมาเสนอนี้ได้มาจากการจัดทำรายงานของนักศึกษารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้กลุ่มหนึ่ง ซึ่งเป็น "มุมมองใหม่" ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง นักศึกษาเหล่านี้มองว่า สาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้นน่าจะเกิดจากหลายสาเหตุ สาเหตุแรก มาจากกลุ่มคนในพื้นที่เพียงกลุ่มหนึ่งเท่านั้น แต่สามารถสร้างกระแสได้มากมาย โดยมีความเชื่อว่าแต่เดิมพื้นที่ในเขตภาคใต้ 3 จังหวัดเป็นประเทศๆ หนึ่งมาก่อน จึงมีความต้องแยกดินแดนภาคใต้ออกเป็นประเทศใหม่ สาเหตุที่สอง เป็นเรื่องของการศึกษาในเขตพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามเป็นส่วนมาก โดยระบบการศึกษาใน 3 จังหวัดจะเน้นในเรื่องของศาสนามากกว่าการเรียนทางด้านสามัญ เพราะตามหลักของศาสนาอิสลาม เด็กไม่ว่าจะหญิงหรือชายเมื่ออายุครบ 7 ปีแล้ว ครอบครัวจะส่งบุตรหลานเข้าเรียนศาสนา เพื่อเป็นการวางรากฐานให้มั่นคงในเรื่องศาสนา ลักษณะโรงเรียนที่เน้นเรื่องศาสนามากกว่าสามัญ เมื่อจบการศึกษาไปแล้วส่วนใหญ่ก็ไม่รู้ว่าจะไปทำอะไร จะให้เป็นครูสอนศาสนาทั้งหมดก็เป็นไปไม่ได้ ความรู้ด้านสามัญที่มีค่อนข้างน้อย จึงทำให้เป็นปัญหาทางด้านการหางานและการทำงาน นักเรียนที่เก่งก็สามารถขอทุนไปเรียนต่อต่างประเทศ เช่น ซาอุดีอาระเบีย แต่เมื่อเรียนจบแล้วกลับมาก็ไม่รู้จะทำอะไร และยังไม่รวมถึงผู้ที่มีการเรียนค่อนข้างปานกลางหรือไม่สามารถที่จะขอทุนได้ บางส่วนจึงต้องไปหาทำงานที่มาเลเซีย เปิดธุรกิจเล็กๆ น้อยๆ และอีกบางส่วนที่ไม่รู้ว่าตัวเองจะทำอะไรเพราะด้วยวุฒิและวัยที่ยังอ่อน จึงเป็นช่องว่างที่ครูสอนศาสนาบางคนที่สอนไปในทางที่ผิดบิดเบือนความจริง ชักจูงไปสร้างเครือข่ายการก่อการร้าย สาเหตุที่สาม ก็คือปัญหาที่เกิดจากรัฐ การยกเลิกหน่วยงานสำคัญของรัฐ และความเสื่อมถอยด้านสิทธิมนุษยชน ทำให้เกิดความเสื่อมศรัทธาต่อกฎหมาย หวาดกลัว และไม่พอใจ ที่เกิดจากการจับกุมอย่างไร้เหตุผลรวมถึงความรุนแรงของเจ้าหน้าที่รัฐ ประกอบกับความล้มเหลวของรัฐบาลในการให้ความยุติธรรมแก่เหยื่อและครอบครัว ความรุนแรงจากรัฐสืบเนื่องมาจากความไม่เข้าใจในเรื่องประเพณี วัฒนธรรม ศาสนา บวกกับความเข้าใจประวัติศาสตร์ในด้านเดียว ไม่ชำนาญในพื้นที่ ทำให้ผลที่ออกมาคือ บาดแผล การเข้าใจประวัติศาสตร์ไม่ถูกต้อง นำไปสู่การปฏิบัติกับประชาชนในพื้นที่ไม่ถูกต้องด้วย ส่วนวิธีการแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้นักศึกษากลุ่มนี้มองว่า 1.ต้องย้อนไปถึงสาเหตุของปัญหาที่ว่าด้วยเรื่องกลุ่มคนในพื้นที่ต้องมีมาตรการให้การศึกษาแก่ผู้คนในพื้นที่ โดยให้การศึกษาทางด้านสามัญควบคู่กับการเรียนศาสนา การเรียนด้านสามัญอาจจะไม่จำเป็นต้องเน้นทางด้านฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ควรเน้นไปในทางด้านสายอาชีพ เพื่อที่จะได้ใช้ในชีวิตประจำวัน อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ตกงานพร้อมกับมีมาตรการคัดเลือกอาจารย์สอนศาสนาให้มีประสิทธิภาพ คุณภาพ เพราะครูนั้นถือเป็นแม่พิมพ์ของชาติ เด็กจะดีหรือเลวก็ขึ้นอยู่กับการปลูกฝังของสิ่งแวดล้อม รวมถึงอาจารย์ผู้สอน 2.การแก้ไขปัญหาของรัฐมีความผิดพลาดในการแก้ไขปัญหา ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลไทย หรือรัฐบาลทั่วโลกที่ใช้การแก้ไขปัญหาที่เรียกว่า การใช้เครื่องมือ 3 อ. ก็คือ อำนาจ อาวุธ และอารมณ์ อำนาจ คือ ทำได้ทุกอย่างออกกฎหมายมารับใช้อำนาจ อาวุธ คือ รัฐบาลส่งทหารและตำรวจพร้อมอาวุธเต็มพื้นที่หลายหมื่นคน อารมณ์ คือ รัฐบาลไม่เคยคิดจะใช้เหตุผลและความละมุนละม่อม การผ่อนปรนประนีประนอม นายกรัฐมนตรีและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่พูดเกี่ยวกับเรื่องภาคใต้ล้วนใช้อารมณ์ หลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลแก้ไขปัญหาไม่ถูกจุด เน้นด้านกำลังทหารมากเกินไป ปัญหาทุกอย่างตั้งอยู่บนเงื่อนไขของสังคม ตราบใดไม่คลี่คลายเงื่อนไขของสังคม ปัญหาก็จะดำรงอยู่ต่อไป ถึงแม้จะใช้ พ.ร.บ.ฉุกเฉินอย่างเข้มข้นปัญหาก็จะเหมือนมะเร็งหลบใน ต่อเมื่ออีก 30 ปีข้างหน้าอาจจะออกอาการรุนแรงอีกหลายเท่า 3.จัดกลุ่มชุมชนแถลงข่าวในพื้นที่แสดงความจริงและรับรู้ของชุมชนให้ประจักษ์ในกรณีที่เกิดความรุนแรงขึ้น โดยอาศัยสถาบันธรรมชาติเป็นเวที เช่น ร้านน้ำชาประจำหมู่บ้าน เพื่อลดภัยจากการเกิดข่าวลือ 4.จัดตั้งชุดคุ้มครองหมู่บ้าน จากฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ และอาสาสมัครรักษาดินแดนเพื่อสร้างเป็นความอันหนึ่งอันเดียวกันของหน่วยงานรัฐในระดับพื้นที่ เป็นชุดพัฒนาออกพบปะเยี่ยมชาวบ้าน ลาดตระเวน รักษาความเรียบร้อยภายในหมู่บ้านเพื่อสร้างความมั่นใจ ความไว้วางใจระหว่างรัฐกับประชาชน ซึ่งจะส่งผลต่อความสงบเรียบร้อยและลดความรุนแรงในพื้นที่ 5.จัดตั้งให้คณะกรรมการสันติสุขชุมชนอันประกอบไปด้วยผู้นำชุมชน เช่น อิหม่ามประจำมัสยิด โต๊ะครู กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต. ปลัดประจำตำบล ครู เจ้าหน้าที่สถานีตำบล ตลอดจนทหารและตำรวจ 6.ให้ความสำคัญกับนักศึกษารณรงค์เผยแพร่แนวคิดสันติวิธี พยายามส่งเสริมให้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในหมู่พวกเขา โดยปราศจากการบีบบังคับคุกคาม คือหลีกเลี่ยงการปฏิบัตินักศึกษาในทางลบ คือ ไม่เข้าสอบสวนจับกุมนักศึกษาในสถาบันการศึกษา โดยไม่มีคณาจารย์ของสถาบันการศึกษาเหล่านั้นเป็นพยานอยู่ด้วย 7.เปิดโอกาสให้ครูในพื้นที่มีส่วนสำคัญกำหนดระดับรักษาความปลอดภัยให้แก่โรงเรียนและครู การตัดสินใจปิดหรือเปิดโรงเรียน หรือเคลื่อนย้ายเด็กนักเรียนให้เป็นผลของการปรึกษาหารือร่วมกันระหว่างหน่วยงานความมั่นคง ฝ่ายปกครอง และโรงเรียน ขอให้ฝ่ายบ้านเมืองเห็นความสำคัญของครู และให้เกียรติครู นักศึกษากลุ่มนี้สรุปว่า มาตรการแก้ไขปัญหาจะได้ผลหรือไม่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน เพราะอย่างน้อยเราก็ได้ชื่อว่า ประชาชนคนไทยชาติเดียวกัน ความคิดดีๆ แบบนี้ ไม่ควรที่จะถูกมองข้าม ไม่ฟังผู้ใหญ่แต่ฟังเด็กบ้างก็น่าจะดีครับ   Create Date : 28 กันยายน 2548 13 comments Last Update : 28 กันยายน 2548 8:53:32 น. Counter : 542 Pageviews. Share Tweet

เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนจริงๆ ค่ะ แต่ก็ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายทุกคนด้วย ถ้าทำอยู่ด้านเดียวก็คงไม่มีทางสำเร็จ เห็นด้วยที่ว่าคุยกันเรื่องนี้ทีไรวงแตกทุกที ทั้งในกระทู้ทั้งในบล็อค เลยอ่านแต่ไม่ตอบ ^^' ...   โดย: ขอบคุณที่รักกัน (blueberry_cpie ) 28 กันยายน 2548 8:12:46 น.

อยู่ที่จิตสำนึกค่ะ เกิดบนผืนแผ่นดินไทย ก็ควรจะคิดว่าเป็นประชาชนคนไทย ไม่ว่าจะศาสนาไหน ไม่ควรคิดว่าต่างเชื้อชาติ ต่างศาสนา จะต้องเป็นชนกลุ่มน้อย.. ทำยังไงให้ทุกคนมีจิตสำนึก รักชาติไทย รักในหลวง "เกิดใต้ธงไทยนั้น ปวงชนทุกคนคือ ไทย"   โดย: ธูปหอมเทียนสว่าง 28 กันยายน 2548 8:23:13 น.

ถ้าถามความคิดเห็นผม ๆขอตอบว่าสาเหตุที่ 3 น่าจะใกล้เคียงความคิดผมมากที่สุด ยิ่งมาเจอผู้นำที่เป็น ตร.เก่าเข้าไปอีก (บ้าอำนาจ) ซึ่งมีความคิดที่จะกำจัดพวกที่ต้องการแบ่งแบกดินแดนให้หมดชนิดที่ไม่ให้เหลือเลย (ถ้าจำไม่ผิด ยุคท่าน "เผ่า" ก็เคยใช้ผลสุดท้ายก็ไม่ได้ผล) ซึ่งแต่เดิมนั้นผมคิดว่าก็มี ต่างคนก็ต่างอยู่ เราไม่ไปยุ่งกะเค้า ๆก็ไม่มาวอแวกะเรา ทีนี้พอเค้าโดนกวาดล้างแบบไม่ให้ตั้งตัว ใครที่รัฐคิดว่าน่าจะเป็นพวกแบ่งแยกก็ไปทำให้เค้าหายตัวไปบ้าง เค้าก็ร้อนซิครับเราแรงไป เค้าก็แรงกลับมา เลยบานปลาย ผมก็ออกความคิดเห็นเพิ่มเติมอีกว่า ท่านนายก ทักษิณ ควรจะนิ่งๆ (ปิดปาก) เสียบ้างเคยสังเกตุดูไหมครับว่าเวลาท่านให้ข่าวตอบแบบเหน็บโจรใต้ ให้ข่าวเย็นนี้ รุ่งวันเตรียมอ่านข่าวได้เลยมีเหตุรุนแรงทุกที ท่านไม่เป็นอะไรหรอกครับ แต่ชาวบ้าน ผู้ที่ปฎิบัติภาระกิจที่โน่นซิครับโดนเต็มๆ ต้องยอมรับครับว่าเราเป็นเป้าเค้านะครับ รบกันแบบนี้เราเป็นรองเค้าครับ น่าจะเปลี่ยนแนวคิดในการแก้ปัญหาเป็นอย่างอื่นบ้าง ยิ่งท่านบอกว่าท่านจะลงไป ตค.นี้อีก ไม่อยากจะคิดครับ ที่เขียนมานี้ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ยุคโน่นก็เคยเกิด แล้วเค้าแก้กันยังไง ทำไมไม่ไปถามคนรุ่นโน่นว่าต้องทำอย่างไร ก็เท่านั้นแหละครับ   โดย: merf1970 28 กันยายน 2548 8:51:43 น.

เป็นปัญหาที่น่าหนักใจมากค่ะ ได้แต่หวังว่าซักวันนึงเหตุการณ์จะสงบลง   โดย: uggie* 28 กันยายน 2548 9:28:32 น.

สามัคคีคือพลัง   โดย: อินทรีทองคำ 28 กันยายน 2548 10:02:18 น.

เนื่องจาก ตัวเองเป็นคนเชื่อมั่น ว่า ยังไม่สาย ไม่มีคำว่าสาย ไม่มีอะไรสายเกินไป ค่ะ เพราะฉะนั้น จึง ศรัทธา ในทุกความดีงามในโลกนี้ และ ในชาติเรา เสมอ ด้วยความมั่นใจ คิดถึง เวลา ในหลวงกับพระราชินี แปรพระราชฐาน ไป จังหวัดภาคใต้ ... คิดถึง ความไม่ละเอียดอ่อน ในหัวใจ ไม่สามารถ และ ไม่เข้าถึง จิตวิญญาณ คนในบริเวณนั้น ของ ท่านผู้นำประเทศ ในเวลานี้ รวมไปถึง รายละเอียด ที่ซ้อนทับถม ในหัวใจ มาเนิ่นน่าน จนรุงรัง ขมวดปมหนาแน่นขึ้น พิม ชื่นชม อจ. ดร ชัยวัฒน์ สถาปิตานนท์ มากๆ ในความลุ่มลึกทางความคิด ของท่าน ได้มีโอกาส พูดคุยกับ คนสำคัญในชีวิตท่าน เพียงแต่ เสียงของท่าน ท่านผู้นำประเทศ ได้ยินแค่นั้นค่ะ ไม่รับฟัง สมดุลย์ ....ในสรรพสิ่ง เหมือนจะง่าย แต่ยากเย็น เสียเหลือเกิน ในบางสิ่ง และบางขณะ ใช่ไหมคะ สาธุค่ะ   โดย: พิม IP: 61.91.223.178 28 กันยายน 2548 11:20:45 น.

ขอบคุณมาก ๆ ครับกับทุกความเห็น แม้ความเห็นเหล่านี้จะเป็นเพียงดวงไฟดวงน้อย ๆหลาย ๆดวงเพื่อทำให้มองเห็นถึงปัญหาต่าง ๆในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้และมองเห็นแนวทางในการแก้ไข ซึ่งผมขอสรุปและสังเคราะห์รวม ๆ ออกมาดังนี้ครับ 1.มีความละเอียดอ่อนของปัญหาในภาคใต้ที่มีความแตกต่างในเชิงศาสนาและวัฒนธรรมเพราะฉะนั้นผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ทุกคนควรจะมี "ความเข้าใจและเข้าถึง" ตามแนวพระราชดำรัสของในหลวงของเรา 2. ระดมความร่วมมือร่วมใจของทุกภาคส่วนในสังคมให้ได้และให้บทบาทของคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการนี้อย่างเต็มที่เพื่อทำให้สถานการณ์ต่าง ๆ คลั่คลายโดยเร็ว 3.ควรจะประสานงานด้านการพัฒนาในพื้นที่ควบคู่ไปกับงานมวลชนเพื่อทำให้ช่องว่างทางความคิดหดแคบลงโดยเร็วที่สุด (เดี๋ยวมาต่อครับ)   โดย: คนเดินดินฯ 28 กันยายน 2548 16:25:40 น.

4. ใช้ยุทธศาสตร์การเมืองการทหารอย่างจริงจังอย่าปากว่าตาขยิบ และในทางยุทธวิธีควรจับตาพื้นที่สีแดงที่อยู่ในพื้นที่อิทธิพลเพื่อช่วงชิงมวลชนกลับคืน 5.การทหารเป็นไปเพื่อการป้องกันตัวและคุ้มครองราษฎร อย่าเป็นฝ่ายเริ่มก่อน 6.ค้นหารูปแบบการปกครองตนเองที่เหมาะสมและเข้ากันได้กับสภาพวัฒนธรรมของประชาชนในพื้นที่เพื่อรุกทางการเมืองและแยกสลายกำลังในที่สุด 6.งานข่าวควรให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการสมานฉัน?เป็นหลัก นายกรัฐมนตรีควรลดบทบาทลงหรือให้สัมภาษณ์เท่าที่จำเป็น คงแค่นี้นะครับเท่าที่สรุปจากการติดตามสถานการณ์มาระยะหนึ่ง   โดย: คนเดินดินฯ 28 กันยายน 2548 16:42:13 น.

แก้ไข 4. ใช้ยุทธศาสตร์การเมืองนำการทหารครับ   โดย: คนเดินดินฯ 28 กันยายน 2548 16:43:37 น.

สวัสดีตอนเช้าค่ะ เช้านี้รับประทานอะไรยังคะ ^^ ...   โดย: ขอบคุณที่รักกัน (blueberry_cpie ) 29 กันยายน 2548 8:23:27 น.

เป็นเว้บแรกที่เข้ามาแล้วตะลึง ... ...ฟังข่าวนี้แล้วเห็นใจ...ได้แต่ส่งความหวัง กำลังใจให้......ปัญหาบ้านเมืองเดี๊ยวนี้ซับซ้อนมาก ....เป็นห่วงทั้งเรื่องนี้และเรื่องสื่อ...กสช..คตง..... ถ้าคนเรารู้จักคำว่าพอ enough, enough now (love actually)   โดย: แกงส้มผักบุ้ง 2 ตุลาคม 2548 10:47:14 น.

คิดถึงนะเป็นห่วงด้วยรักษาสุขภาพด้วย   โดย: น้องฟา IP: 58.147.54.108 10 กุมภาพันธ์ 2552 11:25:36 น.

มันต้องมีสักวันที่ความสงบจะกลับมาหาเราอีกครั้งสัญญาวามันต้องมี   โดย: น้องดา IP: 58.147.54.108 10 กุมภาพันธ์ 2552 11:29:14 น.