ตำนานเพลง Jazz : บิ๊กแบนด์ แจ๊ส (Big Band Jazz)
บิ๊กแบนด์ แจ๊ส (Big Band Jazz) บิ๊ก แบนด์ แจ๊ส เป็นดนตรีแจ๊สที่เล่นกันเป็นวงใหญ่ ใช้ผู้เล่นมากกว่า 10 คนขึ้นไป เครื่องดนตรีหลักจะเป็นประเภทเครื่องเป่า ประกอบไปด้วยทรัมเป็ท, คอร์เน็ท, ทรอมโบน, คาริเน็ท และเครื่องเป่าในตระกูลแซ็กโซโฟน (บาริโทน , เทอเนอร์ , อัลโต และ โซปราโน) เครื่องเป่าแต่ละชนิดจะต้องมีตั้งแต่ 2 คน หรือ 2 ชิ้นขึ้นไป และจะร่วมเล่นกับกลุ่มริธึมเซ็คชั่นอื่นๆ ที่ประกอบด้วยกลอง, เบสส์, กีตาร์ และเปียโน สำหรับวงบิ๊ก แบนด์ แจ๊ส ที่ทั่วโลกรู้จักกันดีก็คงหนีไม่พ้นวง เคานท์ เบซี่ (Count Basie) และวงของดุ๊ค เอลลิงตัน (Duke Ellington) ในปี 1929 อเมริกาเริ่มเข้าสู่ยุคถดถอยทางเศรษฐกิจ หนึ่งในสี่ของแรงงานในชาติไม่มีงานทำ เพลงแจ๊สจึงเป็นที่พึ่งเพื่อเหนี่ยวรั้ง สร้างกำลังใจได้อย่างดี นิวยอร์คในตอนนี้จึงเป็นเสมือนเมืองหลวงแห่งแจ๊ส Louis Armstrong ประสบความสำเร็จจนได้เป็น Entertainer ระดับชาติ Chick Webb มือกลองร่างเล็กนำวงของเขาเล่นที่ Savoy Ballroom ที่ซึ่งนักเต้นรำทั้งผิวดำและผิวขาว เขย่าฟลอร์ด้วยท่าเต้นแนวใหม่ ในขณะที่นักเปียโน Fats Waller และ Art Tatum แสดงความสามารถในการเล่นสไตร์ดเปียโนอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ แต่ Duke Ellington ได้นำแจ๊สไปไกลกว่านั้น งานประพันธ์เพลงใหม่ของเขามีความสลับซับซ้อน จนนักวิจารณ์นำเขาไปเปรียบเทียบกับคีตกวี Stravinsky เขาเดินสายทัวร์คอนเสิร์ตไปเมืองต่างๆด้วยรถไฟส่วนตัว ในขณะที่วงดนตรีของ Benny Goodman กำลังสร้างชื่อเสียงจากการเล่นดนตรีออกอากาศทางวิทยุ ในปี 1935 เขาจัดทัวร์คอนเสิร์ตที่เมืองลอส แองเจลลิส นักเต้นถึงกับบ้าคลั่งเมื่อได้ยินเพลงของเขา แล้วหลังจากคืนนั้น ยุคสวิงก็ได้เริ่มขึ้น ช่วงทศวรรษ 1930 ความคลั้งไคล้ในดนตรีสวิงยังคงแรงอยู่ แต่แฟนเพลงบางส่วนกล่าวว่าความสำเร็จที่ผ่านมาทำให้มันกลายเป็นสูตรสำเร็จ หูของพวกเขาเริ่มคุ้นเคยกับจังหวะที่เร่งเร้าเจือด้วยสำเนียงบลูส์ ในช่วงปี 1935 – 1937 ในขณะที่ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจยังคงยืดเยื้อ แจ๊สก็ยังได้รับความนิยมจนกลายเป็นเพลงป๊อปของอเมริกา โดยในตอนนี้ได้ชื่อใหม่ว่า “สวิง” Benny Goodman ได้รับฉายาว่า “King of Swing” และต้องพบกับวงคู่แข่งมากมาย เขาได้นักเปียโน Teddy Wilson มาร่วมวง และเป็นครั้งแรกที่นักดนตรีผิวขาว และผิวดำได้ร่วมเล่นในวงบนเวทีด้วยกันเป็นครั้งแรก ปี 1937 วงของ Benny Goodman ประลองกับวงของ Chick Webb ที่ Savoy Ballroom ศึกครั้งนั้นถูกเรียกว่า “The Music Battle of the Century” โดยมีนักเต้น 4,000 คนเป็นสักขีพยาน ส่วนในนิวยอร์ค Billie Holiday ผู้ผ่านช่วงวัยเด็กอันแสนรันทด ได้เริ่มอาชีพเป็นนักร้อง ซึ่งจะนำเธอไปสู่ความเป็นสุดยอดนักร้องแจ๊สหญิง ต่อไปในอนาคต ฟังเพลงของ Fats Waller , Art Tatum , Teddy Wilson และ Chick Webb ได้ครับ Fats Waller - Alligator Crawl Art Tatum plays Dvorak Teddy Wilson in Berlin (1965) Chick Webb & His Orchestra - Stompin' At The Savoy Count Basie ได้นำสำเนียงของ Kansas City มาจุดประกายให้จิตวิญญาณของสวิงอีกครั้ง ปี 1938 Basie และวงของเขาได้ร่วมในการแสดงของ Benny Goodman ที่ Carnegie Hall หลังจากนั้นจึงได้เดินทางไปประชันเพลงกับวงของ Chick Webb ที่ Savoy Ballroom ในฤดูร้อนนั้นเขาได้เปลี่ยนถนน 52 ของนิวยอร์คให้เป็น “ถนนแห่งสวิง” นักแซ็กโซโฟนนำของวง Basie ชื่อ Lester Young ก็ได้ท้าประลองความเป็นสุดยอดกับ Coleman Hawkins ด้วยสำเนียงแซ็กโซโฟนที่ชวนผ่อนคลายตามสไตล์ของเขา Yong ได้ร่วมงานกับ Billie Holiday ในการบันทึกเสียงผลงานเพลงจำนวนหนึ่ง ซึ่งได้แสดงให้เป็นถึงความเป็นคู่แท้กันทางดนตรีระหว่างคนทั้งสอง Billie อยู่วงกับวงของ Basie ก่อนจะออกไปร่วมกับวงของ Artie Shaw ในภายหลัง อย่างไรก็ดีอเมริกายังไม่พร้อมยอมรับให้นักร้องผิวดำอยู่ร่วมในวงดนตรีของคนผิวขาว Billie จึงกลับมายังนิวยอร์คและได้บันทึกเสียงเพลง Strange Fruit ซึ่งเป็นเพลงบัลลาดที่สะท้อนปัญหาการเหยียดผิว ในปลายทศวรรษ Chick Webb ได้ปั้นดินให้เป็นดาวโดยการนำนักร้องสาววัยรุ่นชื่อ Ella Fitzgerald มาร่วมวง ก่อนที่สงครามโลกจะเริ่มขึ้นภายในหนึ่งสัปดาห์นั้นเอง ที่ Coleman Hawkins ได้เผยให้โลกเห็นโฉมหน้าของแจ๊สที่จะเป็นไปในอนาคต ด้วย Improvisation รูปแบบใหม่จากเพลงต้นแบบ Body and Soul DJ-DON-JD ข้อมูลจาก //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=jazzandchess&month=07-2006&date=18&group=3&gblog=2 //www.caraudioonline.net/Content/View.asp?MenuID=8&ContentID=27&PageTo=3
Create Date : 15 เมษายน 2552
Last Update : 18 เมษายน 2552 22:56:25 น.
Counter : 4490 Pageviews.
ตำนานเพลง Jazz : สวิง แจ๊ส (Swing Jazz)
สวิง แจ๊ส (Swing Jazz) ประมาณปี 1917 – 1924 อเมริกาเข้าสู่ยุคที่เรียกว่า “Jazz Age” เมื่อสหรัฐฯร่วมสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง รัฐสั่งปิดสถานเริงรมณ์ในนิวออร์ลีนส์ ทำให้นักดนตรีส่วนใหญ่ย้ายมาหากินในชิคาโก นิวยอร์ก และ ลอสแองเจลลิส ทั้งสามเมืองจึงกลายเป็นแหล่งนักดนตรีแจ๊ส ในช่วงนั้น ชิคาโกเป็นเมืองที่ทำให้ Louis Armstrong กลายเป็นนักดนตรีและนักร้องแจ๊สชื่อดังในเวลาต่อมา Louis Armstrong เด็กกำพร้าที่โตในเมืองนิวออลีนส์ ได้พัฒนาทักษะและพรสวรรค์ในการเป่าคอร์เนท และทรัมเป็ทของเขา ได้เดินทางไปร่วมวงดนตรีที่ชิคาโกในปี 1922 ในขณะที่ Duke Ellington ลูกของชนชั้นกลางเติบโตในวอชิงตัน ดีซี ฝึกฝนการเล่นเปียโนแล้วย้ายไปย่านฮาเร็ม ในนิวยอร์ค ต่อมา Louis Armtrong ได้รับการชักชวนไปนิวยอร์ค และในไม่ช้าเขาก็ได้สอนให้ทั้งโลกได้รู้จักสวิง ชิคาโกมีดนตรีแจ๊สที่มีลักษณะเฉพาะตัว ฉูดฉาด มีการทดลองจัดวงแบบของใหม่ๆ เช่น แซ็กโซโฟนมาใช้รวมกับ คอร์เน็ต ทรัมเป็ต มีการทดลองแนวดนตรีใหม่ๆ เช่น การเล่นเปียโนแบบสไตรด์ (Stride piano) ของ James P. Johnson ซึ่งมีพื้นฐานจากแร็กไทม์ การทดลองลากโน้ตยาวจนคนฟังเดาไม่ออกของ Louis Armstrong และการปรับแบบของจังหวะเป็น Chicago Shuffle รูปแบบของดนตรีสวิงแจ๊ส จะเป็นแบบบิ๊กแบนด์หรือวงขนาดใหญ่ ดนตรีในแนวนี้พัฒนาและสร้างสรรค์มาจากแนวทางการบรรเลงของหลุยส์ อาร์มสตรอง(Louis Armstrong) ดนตรีในแนวนี้พัฒนาเป็นอย่างมากในช่วงปี 1930-1946 นักดนตรีและวงดนตรีในแบบสวิงแจ๊ส มีอยู่มากมาย เพราะดนตรีในแบบสวิงแจ๊ส ถือเป็นดนตรีกระแสหลักของแจ๊ส(Mainstream) ตั้งแต่ปี 1946 เป็นต้นมา เพลงในแนวนี้ถ้าเป็นบิ๊กแบนด์ ก็หาฟังได้จากวงดุ๊ค เอลลิงตัน (Duke Ellington) และ เคานท์ เบซี่ (Count Basie) หากเป็นนักร้องที่เป็นสวิง แจ๊ส อย่างชัดเจนก็มี เอลลา ฟิทซ์เจอรัลด์ (Ella Fitzgerald) หรือ Diane Schuur ฟังเพลงดังจาก Louis Armstrong และคนอื่นๆ ได้ครับ What a Wonderful World - Louis Armstrong Duke Ellington - C Jam Blues (1942) Jim Hession / The Charleston / James P. Johnson / stride Count Basie Band DJ-DON-JD ข้อมูลจาก //www.caraudioonline.net/Content/View.asp?MenuID=8&ContentID=27&PageTo=3 //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=jazzandchess&month=07-2006&date=18&group=3&gblog=2 //www.dek-d.com/board/view.php?id=1232028
Create Date : 15 เมษายน 2552
Last Update : 18 เมษายน 2552 22:55:56 น.
Counter : 3186 Pageviews.
ตำนานเพลง JAZZ : ดิ๊กซี่แลนด์ แจ๊ส (Dixieland Jazz)
ดิ๊กซี่แลนด์ แจ๊ส (Dixieland Jazz) เป็นดนตรีแจ๊สในยุคแรกๆพอๆกับ นิว ออร์ลีน แจ๊ส เช่นกัน เพียงแต่ดนตรีในแบบ ดิ๊กซี่แลนด์ ส่วนใหญ่จะบรรเลงด้วยนักดนตรีผิวขาวล้วนๆ เช่นวง เดอะ ออริจินัล ดิ๊กซี่แลนด์ แจ๊ส แบนด์ (The Original Dixieland Jazz Band) แจ๊สในแบบดิ๊กซี่แลนด์ จะมีจังหวะที่สนุก ชิ้นดนตรีและเล่นรับ-ส่งสลับกัน ชิ้นดนตรีหลักที่ใช้จะเป็นคาริเน็ต กับ ระนาดไฟฟ้า (ไวบราโฟน หรือ ไซโลโฟน) นอกจากวงดั้งเดิมอย่าง เดอะ ออริจินัล ดิ๊กซี่แลนด์ แจ๊ส แบนด์ แล้ว อีกวงหนึ่งที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากก็คือวงของเบนนี่ กู๊ดแมน (Benny Goodman) ซึ่งเป็นวงดิ๊กซี่แลนด์ แจ๊ส ที่ใช้นักดนตรีผสมระหว่างผิวดำกับผิวขาว และเบนนี่ กู๊ดแมน ก็เคยเล่นดนตรีแจ๊สในแบบดิ๊กซี่แลนด์ กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช มาแล้วครั้งหนึ่ง ฟังเพลงจาก The Original Dixieland Jazz Band และเพลงในแนวนี้ ORIGINAL DIXIELAND JAZZ BAND 1920 Original Dixieland Jazz Band : Fidgety Feet Clarinet Marmalade - Red Pellini Gang Titanic Jazz Band ในงาน San Diego Dixieland Jazz Festival ฟังเพลงจาก Benny Goodman Benny Goodman Trio (China Boy and Sheik of Araby) Benny Goodman Orchestra เพลง Sing Sing Sing แสดงที่ Hollywood Hotel จากจุดเริ่มต้นของเพลง โฟล์ค และ บลู ที่ใช้ระบายความทุกข์โศก มากกว่า ก็เริ่มปรับเปลี่ยน มาเป็นเพลงที่ใช้ฟังเพื่อความบันเทิง สำหระบผู้ฟังกลุ่มใหญ่ขึ้น เพลงมีจังหวะเร็วขึ้น ทำนองสนุกสนานขึ้น มากกว่าเดิม TraveLArounD เพลงจาก //www.foxytunes.com/ ข้อมูลจาก //www.caraudioonline.net/Content/View.asp?MenuID=8&ContentID=27&PageTo=3
Create Date : 13 เมษายน 2552
Last Update : 18 เมษายน 2552 22:53:44 น.
Counter : 1897 Pageviews.
รู้จักเพลง Jazz กับลีลาและอารมณ์เพลง
รู้จักเพลง Jazz กับลีลาและอารมณ์เพลง ผมเป็นคนหนึ่งที่ ชอบฟังเพลงมากๆ และฟังเพลงเกือบจะทุกประเภท ก็ว่าได้ แต่ก็ค่อยๆเริ่ม ค่อยๆเปลี่ยนไป ตามวัย และความสนใจ อย่างช่วงเวลาที่เป็นวัยรุ่น เด็กๆก็เริ่มฟังเพลง rock แบบเบาๆ หรือเพลง pop แต่พอย่างเข้าวัยรุ่น หรือวัยฉกรรจ์ ก็หันไปหาเพลง rock แบบหนักๆ เริ่มเล่นกีต้าร์ แล้วก็เลี้ยวลงใต้ดิน ฟังพวก underground ที่เขย่าเข้าไปในรูหู พอเลยวัยฉะกัน ก็ใจเย็นขึ้น ฟังเพลงมีเนื้อหา ทำนองมากขึ้น ลดระดับเสียงลง มาเป็นพวก pop rock ฟังพวก acoustic และพวก blue แล้วก็เลยมาทาง country สุดท้ายมาเจอเพลง jazz โดยไม่ได้ตั้งใจ ก็เลยมาติดเพลง jazz เข้า จากนั้นมา ก็ไม่ค่อยเปลี่ยนแนวมาก เพราะเพลงแนวใหม่ๆ ไม่ค่อยปลื้ม มีแต่ย้อนหลัง ย้อนเวลาไปเรื่อยๆ กลับไปฟังพวก 60s -70s โน่นเลย ฝอยประวัติตัวเองมาพอสมควร พามาฟังเพลง jazz กันดีกว่า ผมจะเอาประวัติ ความเป็นมาของ เพลง jazz มาเล่าเป็นตอนๆ พร้อมกับหาเพลงให้ฟัง ไปตามลำดับ จะได้ซาบซึ้ง ดื่มด่ำตามผมไปด้วย แต่จะไล่ไปเป็นตอนๆ นะครับ เพราะเพลงมันเยอะ ต้องค่อยๆหา และคัดเลือกเพลงที่เข้าขั้น และฟังง่ายมาแนะนำ ดนตรีแจ๊สมีจุดกำเนิดมาจากเพลงพื้นบ้านหรือเพลงโฟล์ค ที่ขับขานออกมาด้วยความท้อรันทดของทาสชาวอาฟริกันที่ถูกใช้แรงงานเยี่ยงสัตว์ในอเมริกา ดินแดนใหม่หรือทวีปใหม่ที่เรียกกันว่า เดอะ นิวเวิลด์(The New World) ซึ่งได้มีการหลั่งไหลของอารยะธรรมจากตะวันตกเข้าไปอย่างมากมาย โดยเฉพาะดนตรีจากราชสำนักและดนตรีคลาสสิคของคนขาว ชาวยุโรป ซึ่งเชื่อกันว่าในเวลาต่อมา ดนตรีทั้งสองถูกนำมาผสมรวมกันและเกิดเป็นแจ๊สในที่สุด และแน่นอนว่ากว่าจะรวมกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ เกิดเป็นดนตรีในแขนงนี้ขึ้นมาได้นั้น ก็ต้องใช้เวลานาน ในการพัฒนาการเป็นเวลาหลายสิบปี และในที่สุด ดนตรีที่ผสมผสานกันระหว่างดนตรีของคนผิวดำกับคนขาวก็ถูกเรียกว่า “แจ๊ส” ในช่วงต้นปี 1917 แม้ว่าการบันทึกเสียงเพลงแจ๊สเกิดขึ้นครั้งแรกในนิวยอร์ค แต่ถ้าพูดถึงความรุ่งเรืองและจุดกำเนิดของแจ๊สจริงๆแล้ว น่าจะอยู่ที่นิวออร์ลีนมากกว่า เพราะในอดีต ดินแดนแห่งนี้เคยเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศสและสเปนมาก่อน จึงมีการผสมผสานของคนต่างวัฒนธรรมและต่างผิวสีอยู่มากมาย มีลูกครึ่งระหว่างคนขาวกับคนดำที่เรียกว่า คลีโอล ออฟ คัลเลอร์ส (Creole of Colors) เกิดขึ้นเต็มเมือง ลูกครึ่งพวกนี้มีการศึกษาดี และมีความสามารถทางดนตรีสูง สามารถอ่านโน้ตดนตรีได้ ต่างกับนักดนตรีผิวดำในยุคแรกๆที่อ่านโน้ตไม่เป็น ทำให้เวลาเล่นเสียงจะเพี้ยนไปจากบันไดเสียงปกติที่โน๊ต 3, 5 และ 7 หรือที่ในเวลาต่อมาเรียกว่าบลูส์โน้ตนั่นละครับ และลูกครึ่งพวกนี้เป็นผู้วางรากฐานของดนตรีแจ๊สเอาไว้อย่างมั่นคง ก่อนที่จะแตกแขนงเป็นแจ๊สแบบต่างๆในเวลาต่อมา กลุ่มชาวแอฟริกันตะวันตกที่อาศัยอยู่จำนวนมากทางตอนใต้ โดยเฉพาะแถบนิวออร์ลีนส์ เป็นกลุ่มทาสที่เป็นแรงงานด้านเกษตรกร ซึ่งมีวัฒนธรรมทางดนตรีที่เข้มแข็ง มีการใช้ดนตรีประกอบการทำงาน ประกอบพิธีทางศาสนา งานเทศกาลรื่นเริงต่างๆ ว่างจากงานก็มาชุมนุมร้องรำทำเพลงกัน โดยใช้เครื่องดนตรีที่ทำเป็นกลองตี สันนิษฐานว่ากลุ่มที่เป็นต้นกำเนิดดนตรีแจ๊ซน่าจะเป็นพวกกองโก นับถือบูชางูใหญ่ มีจิตใจเมตตากรุณาและสุภาพที่สุด โดยได้รากฐานจากเพลงสวดของพวก นิโกร ซึ่งแต่งขึ้นก่อนพวกทาสได้รับการปลดปล่อยเป็นอิสระ เพลงพื้นเมืองของคนผิวดำ เป็นเพลงที่แสดงอารมณ์ลึกซึ้งได้อย่างชัดเจน นอกจากพัฒนามาจากเพลงประกอบพิธีทางศาสนาแล้ว ยังพัฒนาจากเพลงลูกทุ่งตะวันตก และเพลงพื้นเมือง ที่เรียกว่า เพลงบลูส์ (Blues) อีกด้วย ซึ่งมีส่วนสำคัญในการพัฒนาดนตรีแจ๊ซ ลักษณะดนตรีแอฟริกาแถบตะวันตกที่เป็นต้นกำเนิดของดนตรีแจ๊สมีลักษณะการสร้างสรรค์ แบบการด้นสดหรือการอิมโพรไวเซชั่น (Improvisation) เน้นที่จังหวะกลองและจังหวะที่ซับซ้อน นอกจากนี้ลักษณะที่เรียกว่า การโต้ตอบหรือ Call and respond ซึ่งพบได้ในเพลงแจ๊ซ โดยเฉพาะการร้องโต้ตอบของนักร้องเดี่ยวกับกลุ่มนักร้อง ประสานเสียง มีการใช้จังหวะขัด จังหวะตบที่สม่ำเสมอ และสีสันที่โดดเด่นรวมทั้งลักษณะเฉพาะของการบรรเลงดนตรี ที่มาของการเรียกว่า ดนตรีแจ๊ซ สันนิษฐานว่า เรียกตามวงดนดรีวงแรกที่นำแนวเพลงแจ๊ซมาสู่คนฟังหมู่มาก มีการบันทึกเสียงออกจำหน่ายอย่างเป็นทางการ คือ วง ดิ ออริจินัล ดิกซีแลนด์ แจ๊ซ (The Original Dixieland JazzBand หรือ วงโอดีเจบี) โดยเริ่มเรียกใช้กันราวปี ค.ศ.1917 นิวออร์ลีนส์ แจ๊ส (New Orleans Jazz) เป็นรูปแบบของดนตรีแจ๊สในยุคแรกๆ ที่ฟังค่อนข้างยากทีเดียว รูปแบบของดนตรียังไม่เป็นระบียบมากนัก เป็นแนวดนตรีที่เกิดขึ้นก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 และเกิดขึ้นที่เมืองนิวออร์ลีน ผู้บุกเบิกดนตรีในแนวนี้ที่เป็นรูปธรรมอย่างชัดเจนคือ บัดดี โบลเดน (Buddy Bolden) นักเปียโน Jelly Roll Morton และวงในยุค 1917 อย่าง เดอะ ออริจินัล ดิ๊กซี่แลนด์ แจ๊สแบนด์ (The Original Dixieland Jazzband) แต่ก็น่าเสียดายที่เพลงในยุคนี้หาฟังได้ยาก และการบันทึกเสียงยังขาดคุณภาพอยู่พอสมควร เพลงของ บัดดี โบลเดน โดย Wynton Marsalis ฟังเพลงของ เดอะ ออริจินัล ดิ๊กซี่แลนด์ แจ๊สแบนด์ จาก FoxyTunes Planet original dixieland jazz band 1a Rimini Dixieland Jazz Band - Original Dixieland Original Dixieland Jazz Band ฟังเพลงของ Jelly Roll Morton Jelly Roll Morton - Wolverine Blues ถ้าคุณเป็นคนรุ่นเก่า แม้จะมีความรู้สึกว่า ไม่เคยสัมผัสกับดนตรี Jazz มาก่อน แต่เมื่อได้ฟังแล้ว จะรู้สึกคุ้นหู เพราะ ดนตรี Jazz เป็นเพลงบรรเลง จึงนิยมมาทำเป็น soundtrack ตั้งแต่ยุคหนังเงียบเรื่อยมา แม้กระทั่งมี ทีวี พวกหนังการ์ตูนก็ยังมาใส่เป็นเพลงประกอบ จึงทำให้เราคุ้นหูเพลงประเภทนี้อยู่บ้าง สำหรับผู้ที่เคยเข้าฟังเพลง Jazz ที่ผมเล่ามา 2 ตอนแล้ว อาจจะงง เพราะผมเล่าย้อนไปมา ผมเลยกลับมาตั้งต้นใหม่เลยดีกว่า ส่วนที่ลงไป 2 ตอนแล้ว จะขอมาตัดต่อใหม่ครับ จะได้ไม่สับสนตามผมไปด้วย TraveLArounD เพลงจาก //www.foxytunes.com/ ข้อมูลจาก : ฆญอร์ ณ แซ //www.caraudioonline.net/Content/View.asp?MenuID=8&ContentID=27&PageTo=3 //www.dek-d.com/board/view.php?id=1232028 //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=jazzandchess&month=07-2006&date=18&group=3&gblog=2
Create Date : 13 เมษายน 2552
Last Update : 13 เมษายน 2552 11:59:55 น.
Counter : 3717 Pageviews.
" 25 or 6 to 4 " เพลงมันๆจาก CHICACO
" 25 or 6 to 4 " เพลงมันๆจาก CHICACO CLICK : 25 or 6 to 4
25 or 6 to 4 Waiting for the break of day Searching for something to say Flashing lights against the sky Giving up I close my eyes Sitting cross-legged on the floor 25 or 6 to 4 Staring blindly into space Getting up to splash my face Wanting just to stay awake Wondering how much I can take Should I try to do some more 25 or 6 to 4 Feeling like I ought to sleep Spinning room is sinking deep Searching for something to say Waiting for the break of day 25 or 6 to 4 25 or 6 to 4 (R. Lamm)
Create Date : 26 กันยายน 2551
Last Update : 26 กันยายน 2551 12:13:03 น.
Counter : 882 Pageviews.
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 164 คน [? ]
ยินดีต้อนรับทุกท่านที่แวะเข้ามาชม blog มีข้อคิดเห็น เชิญ comment มาได้นะครับ ถ้าตอบได้ จะตอบให้ทันทีครับ แต่ถ้าไม่ทราบ ต้องขอเวลา จะค้นคว้ามาให้อ่านกัน ท่านที่จะถามคำถาม หรือติดต่อเรื่องบทความ ได้ทาง Email :- d_sign_place@yahoo.com ครับ เรื่องต่างๆที่ผมได้เขียนหรือรวบรวม เรียบเรียงมานี้ ยินดีให้ทุกท่านได้อ่านเป็นวิทยาทานและเพื่อการศึกษา ถ้าจะนำไปโพสต่อใน website สาธารณะ หรือ website อื่นใดที่ไม่ใช่ทางพาณิชย์ กรุณาระบุที่มา คือ https://www.travelaround.bloggang.com และนามปากกาผู้เขียนคือ TraveLArounD ด้วย แต่ขอสงวนสิทธิ์สำหรับการนำไปใช้ ในเชิงพาณิชย์ หรือโดยไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง จะถูกดำเนินคดี ตามกฏหมายลิขสิทธิ์ ส่วนบทความหรือภาพถ่ายใดๆ ที่ได้นำมาจาก website อื่น เพื่อเป็นข้อมูลประกอบเรื่องนั้นๆ เป็นการถ่ายทอดจากวิจารณญาณแล้วว่า มีความถูกต้องเป็นจริง มากที่สุด และได้นำมาจาก website ที่เป็นสาธารณะ ถ้าเรื่องราวหรือภาพของท่านที่ได้นำมาถ่ายทอดนี้ ไปละเมิดลิขสิทธิ์ของท่าน กรุณาแจ้งมาทาง email : nana_sara1000@ymail.com ผมจะทำการลบข้อมูลหรือภาพที่ละเมิดลิขสิทธิ์ดังกล่าว ออกทันที Acknowledges that I try to write or report accurately but postings may contain fact , speculation or rumor. I find images from the Web that are believed to belong in the public domain. If any stories or images that appear on the site are in violation of copyright law, please email to :- nana_sara1000@ymail.com and I will remove the offending information as soon as possible.