อ่านเรื่อยๆ มาเรียง ๆ ทุกวันของ หนี่งหน่อง นะครับ

ดอกกุหลาบ ประวัติและความหมายของดอกกุหลาบ



ดอกกุหลาบ

ดอกกุหลาบ ประวัติและความหมายของดอกกุหลาบ มีความเป็นมาอย่างไร เรามีบทความเรื่องนี้มาฝาก 
เคยได้ยินคำเปรียบเปรยไหมที่ว่า ผู้หญิงสวยแต่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมก็เปรียบได้ดัง "ดอกกุหลาบ" เพราะดอกกุหลาบนั้น แม้จะมีรูปร่างภายนอกที่สวยงามรวมถึงกลิ่นที่หอมชวนดม แต่มันก็มีหนามแหลม หากไม่ระวังอาจโดนบาดได้ง่าย ๆ 
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับดอกกุหลาบ 

          กุหลาบนั้นมีชื่อสามัญว่า "Rose" ชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า "Rosa hybrids" และมีชื่อวงศ์ว่า "Rosaceae" ขยายพันธุ์โดยการตอนกิ่ง ลักษณะของกุหลาบนั้นมีทั้งไม้พุ่มและไม้เลื้อย ลำต้นและกิ่งจะมีหนาม ส่วนดอกของกุหลาบจะมีทั้งดอกเดี่ยวและเป็นช่อ กลีบดอกมีลักษณะใหญ่ มีไม่ต่ำกว่า 5 กลีบ กุหลาบนั้นมีกลิ่นหอมชวนดม และมีหลายสี เช่น แดง ขาว เหลือง ชมพู ฯลฯ อีกทั้งยังมีหลายชนิดด้วย

ซึ่งคำว่ากุหลาบนั้นมาจากคำว่า "คุล" ที่ในภาษาเปอร์เซียแปลว่า "สีแดง ดอกไม้ หรือดอกกุหลาบ" โดยในภาษาฮินดีก็มีคำว่า "คุล" แปลว่า "ดอกไม้" และคำว่า "คุลาพ" ก็หมายถึงกุหลาบอย่างที่ไทยเราเรียกกัน แต่ออกเสียงเป็น "กุหลาบ" ส่วนคำว่า "Rose" ในภาษาอังกฤษนั้นมาจากคำว่า "Rhodon" ที่แปลว่ากุหลาบในภาษากรีก
ดอกกุหลาบ

ดอกกุหลาบ


ประวัติดอกกุหลาบ

กุหลาบเป็นดอกไม้ที่นิยมปลูกมาแต่โบราณ ว่ากันว่ากุหลาบเกิดขึ้นเมื่อ 70 ล้านปีมาแล้ว และเคยมีการค้นพบฟอสซิลของกุหลาบที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยแต่ก่อนกุหลาบนั้นเป็นกุหลาบป่าและมีรูปร่างไม่เหมือนในทุกวันนี้ แต่เนื่องจากมนุษย์ได้นำเอากุหลาบป่ามาปลูกและผสมพันธุ์จนขยายเป็นพันธุ์ต่าง ๆ มากมาย

          ตามประวัติศาสตร์เล่าว่ากุหลาบป่าถูกนำมาปลูกไว้ในพระราชวังของจักรพรรดิ ในสมัยราชวงศ์ฮั่นราว 5,000 ปีมาแล้ว ขณะที่อียิปต์เองก็ปลูกกุหลาบเป็นไม้ดอกส่งไปขายให้แก่ชาวโรมัน เพราะชาวโรมันเป็นชาติที่รักดอกกุหลาบมาก แม้ว่าจะสั่งซื้อจากประเทศอียิปต์แล้วก็ตาม แต่ก็ยังลงทุนสร้างสถานที่ขนาดใหญ่สำหรับปลูกดอกกุหลาบอีกด้วย เพราะสำหรับชาวโรมันแล้วดอกกุหลาบนั้นมีความสำคัญต่อชีวิตประจำวัน อีกทั้งชาวโรมันถือว่าดอกกุหลาบเป็นสัญลักษณ์ของความรัก เป็นทั้งของขวัญ และเป็นดอกไม้สำหรับทำมาลัยต้อนรับแขก รวมถึงเป็นดอกไม้สำหรับงานฉลองต่าง ๆ แถมยังเป็นส่วนประกอบสำหรับทำขนม ทำไวน์ และยาได้อีกด้วย

          และเมื่อเอ่ยถึงดอกกุหลาบแล้ว หลาย ๆ คนก็คงจะนึกถึงเรื่องความรัก เพราะกุหลาบถือเป็นสัญลักษณ์ของความรักและความโรแมนติก โดยมีบางตำนานเล่าว่า ดอกกุหลาบเป็นเสมือนเครื่องหมายแทนการกำเนิดของ เทพธิดาวีนัส ซึ่งเป็นเทพแห่งความงามและความรัก วีนัสเป็นที่รู้จักกันในชื่อ อโฟรไดท์ ในตำนานเทพของกรีกได้กล่าวไว้ว่า น้ำตาของเธอหยดลงปะปนกับเลือดของ อคอนิส คนรักของเธอที่ถูกหมูป่าฆ่า เลือดและน้ำตาหยดลงสู่พื้นแล้วกลายเป็นดอกไม้สีแดงเข้มหรือดอกกุหลาบนั่นเอง แต่บางตำนานก็เล่าว่าดอกกุหลาบเกิดจากเลือดของ อโฟรไดท์ เองที่หยดลงสู่พื้น เมื่อเธอแทงตัวเองด้วยหนามแหลม

          แม้จะไม่มีการบันทึกอย่างชัดเจนว่าดอกกุหลาบนั้นเข้ามาเกี่ยวข้องกับบ้านเราตอนไหน แต่จากบันทึกของ ลา ลูแบร์ ราชทูตฝรั่งเศสในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้บันทึกไว้ว่าเห็นกุหลาบที่กรุงศรีอยุธยา และในกาพย์ห่อโคลงนิราศธารโศกสมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งเป็นพระราชนิพนธ์ของเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์ ก็ได้มีการกล่าวถึงกุหลาบเอาไว้ และยังมีตำนานดอกกุหลาบของไทยที่เป็นบทละครพระราชนิพนธ์ของรัชกาลที่ 6 เรื่อง มัทนะพาธา ในเรื่องเล่าถึงเทพธิดาองค์หนึ่งชื่อ "มัทนา" ซึ่งได้มีเทพบุตรองค์หนึ่งชื่อ "สุเทษณะ" ซึ่งพระองค์ทรงหลงรักเทพธิดา "มัทนา" มาก แต่นางไม่มีใจรักตอบ จึงถูกสาปให้ไปเกิดเป็นดอกกุหลาบ จึงกลายเป็นตำนานดอกกุหลาบแต่นั้นมา

ดอกกุหลาบ

ความหมายดอกกุหลาบ

โดยดอกกุหลาบนั้นสามารถสื่อความหมายได้หลายอย่าง อาทิ

สีกุหลาบสื่อความในใจ

สีแดง สื่อความหมายถึง "รักคุณเข้าแล้ว" ความรักและความปรารถนา เป็นดอกไม้ของกามเทพ คิวปิด และอีรอส เป็นสิ่งนำโชคนำความรักมาให้แก่หญิงหรือชายที่ได้รับ

สีชมพู สื่อความหมายถึง "ฉันจะรักและดูแลคุณตลอดไป" ความรักที่มีความสุขอย่างสมบูรณ์

สีขาว สื่อความหมายถึง "ฉันรักคุณด้วยความบริสุทธิ์ใจ" ความมีเสน่ห์ ความบริสุทธิ์ มิตรภาพ และความสงบเงียบ และนำโชคมาให้แก่หญิงหรือชายเช่นเดียวกับกุหลาบแดง

สีเหลือง สื่อความหมายถึง "เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเสมอนะ" 

สีส้ม สื่อความหมายถึง "ฉันรักคุณเหมือนเดิมนะ"

ดอกกุหลาบ

จำนวนกุหลาบสื่อความหมาย

1 ดอก รักแรกพบ
2 ดอก แสดงความรู้สึกที่ดีให้กัน
3 ดอก ฉันรักเธอ
7 ดอก คุณทำให้ฉันหลงเสน่ห์
9 ดอก เราสองคนจะรักกันตลอดไป
10 ดอก คุณเป็นคนที่ดีเลิศ
11 ดอก คุณเป็นสมบัติที่มีค่าชิ้นเดียวของฉัน
12 ดอก ขอให้เธอเป็นคู่ของฉันเพียงคนเดียว
13 ดอก เพื่อนแท้เสมอ
15 ดอก ฉันรู้สึกเสียใจจริง ๆ
20 ดอก ฉันมีความจริงใจต่อเธอ
21 ดอก ชีวิตนี้ฉันมอบเพื่อเธอ
36 ดอก ฉันยังจำความหลังอันแสนหวาน
40 ดอก ความรักของฉันเป็นรักแท้
99 ดอก ฉันรักเธอจนวันตาย
100 ดอก ฉันอุทิศชีวิตนี้เพื่อเธอ
101 ดอก ฉันมีคุณเพียงคนเดียวเท่านั้น
108 ดอก คุณจะแต่งงานกับฉันไหม
999 ดอก ฉันจะรักคุณจนวินาทีสุดท้าย
ดอกกุหลาบ
ความหมายดอกกุหลาบอื่น ๆ 

กุหลาบแดงเข้ม (สีเหมือนไวน์แดง) "เธอช่างมีเสน่ห์งามเหลือเกิน"

กุหลาบตูมสีแดง "ฉันเริ่มรักเธอแล้วจ้ะ"

กุหลาบบานสีแดง "ฉันรักเธอเข้าแล้ว"

กุหลาบสีแดงที่โรยแล้ว "ความรักของเรานั้นจบลงแล้ว"

กุหลาบตูมสีขาว "เธอช่างไร้เดียงสาน่าทะนุถนอมเหลือเกิน ฉันรักเธอ"

กุหลาบสีขาวที่โรยแล้ว "เสน่ห์ของเธอมันเริ่มลดน้อยถอยลงแล้วนะจ๊ะ"

กุหลาบตูม สื่อความหมายถึง ความงามและความเยาว์วัย

และทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวที่น่าสนใจของดอกกุหลาบ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
Thaigoodview.com, Doae.go.th, Formumandme.com, Panmai.com




 

Create Date : 14 กุมภาพันธ์ 2561    
Last Update : 14 กุมภาพันธ์ 2561 16:42:52 น.
Counter : 1872 Pageviews.  

4 สูตรน้ำสลัดงาโฮมเมด ตำรับญี่ปุ่นอร่อยเข้มกลิ่นหอมหลากสไตล์



4 สูตรน้ำสลัดงาโฮมเมด

คั่วงาจนหอมฟุ้งไปทั่วบ้าน พบกับเมนูน้ำสลัดงาโฮมเมด สูตรสลัดและน้ำสลัดกลิ่นหอมรสเปรี้ยวนิดหวานหน่อย ราดกับผักสลัดต่าง ๆ ตามชอบ อร่อยง่ายแคลอรีไม่เยอะ
ใครอยากทำน้ำสลัด สำหรับคนพิเศษ โดยเฉพาะน้ำสลัดญี่ปุ่น อย่ารอช้าเย็นนี้ลงมือทำสักถ้วย กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำน้ำสลัดงาโฮมเมด ได้แก่ น้ำสลัดงาน้ำใส น้ำสลัดงาญี่ปุ่น น้ำสลัดงาข้น และน้ำสลัดน้ำใสงาขาว เตรียมผักสลัดให้พร้อมกันเลยทุกคน 
1. น้ำสลัดงาน้ำใส 
ผักสลัดพร้อม ! ถ้าเช่นนั้นมาทำเมนูน้ำสลัดงาน้ำใส ใส่วาซาบิให้เผ็ดขึ้นจมูก เติมโชยุรสเค็มหน่อย ๆ เพิ่มกลิ่นหอมจากน้ำมันงา โรยงาคั่วลงไป แค่นี้ก็เรียบร้อย

ส่วนผสม น้ำสลัดซีอิ๊วญี่ปุ่นน้ำใส

      • น้ำเปล่า 230 มิลลิลิตร
      • น้ำส้มสายชูแอปเปิล 150 มิลลิลิตร
      • น้ำตาลทราย 150 กรัม
      • เกลือ 1/4 ช้อนโต๊ะ
      • งาขาวคั่วตามชอบ
      • วาซาบิ 1/4 ช้อนโต๊ะ
      • ซอสโชยุญี่ปุ่น 125 มิลลิลิตร
      • น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ
      • น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ 
วิธีทำน้ำสลัดซีอิ๊วญี่ปุ่นน้ำใส

     1. เทน้ำเปล่าลงไปในหม้อ ตามด้วยน้ำส้มสายชูแอปเปิล น้ำตาลทรายและเกลือ นำขึ้นตั้งไฟเคี่ยวให้เข้ากันจนเดือด ยกลงจากเตา ใส่อ่างผสม พักไว้จนอุ่น
     2. ใส่งาขาวคั่วลงไป ตามด้วยวาซาบิ คนผสมจนเป็นเนื้อเดียวกันและวาซาบิละลาย เติมซอสโชยุญี่ปุ่น ตามด้วยน้ำมันงา และน้ำมันมะกอกลงไป คนให้เข้ากัน
     3. ตักใส่ภาชนะเสิร์ฟพร้อมผักสลัด หรือนำใส่ภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิดแล้วนำไปแช่เย็นก่อนนำมารับประทาน

4 สูตรน้ำสลัดงาโฮมเมด

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ น้ำสลัดซีอิ๊วญี่ปุ่นน้ำใส สูตรโฮมเมด มาลดน้ำหนักกระชับหุ่นสวยกัน

++++++

4 สูตรน้ำสลัดงาโฮมเมด

2. น้ำสลัดงาญี่ปุ่น

     มาต่ออีกสูตรน้ำสลัดงาโฮมเมดนั่นคือ น้ำสลัดงาญี่ปุ่น สูตรจาก นิตยสารชีวจิต สูตรนี้ใส่แค่ซีอิ๊วญี่ปุ่นกับน้ำส้มสายชู เติมน้ำตาลทราย ใส่วาซาบินิดหน่อย สุดท้ายโรยงาขาวคั่ว

ส่วนผสม น้ำสลัดงาญี่ปุ่น

      • ซีอิ๊วญี่ปุ่น 2 ช้อนโต๊ะ
      • น้ำส้มสายชูบัลซามิก 3 ช้อนโต๊ะ
      • น้ำตาลทรายไม่ขัดขาว 1 ช้อนโต๊ะ
      • น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ
      • งาขาวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
      • วาซาบิ 1 ช้อนชา

วิธีทำน้ำสลัดงาญี่ปุ่น

     1. ผสมซีอิ๊วญี่ปุ่น น้ำส้มสายชูบัลซามิก น้ำตาลทรายไม่ขัดขาว น้ำมันมะกอก งาขาวคั่ว และวาซาบิเข้าด้วยกัน
     2. ใส่เลมอนหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็กลงไป ตักใส่ถ้วย พักไว้
     3. จัดผักสลัดทุกชนิดใส่จาน ราดน้ำสลัดงาญี่ปุ่น

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ สลัดอะโวคาโดกุ้งย่าง กับน้ำสลัดงาญี่ปุ่น อาหารลดน้ำหนักสุดอร่อย

++++++

4 สูตรน้ำสลัดงาโฮมเมด

3. น้ำสลัดงาข้น

     ใครอยากทำน้ำสลัดงาแบบข้น ๆ ขอนำเสนอน้ำสลัดงาข้น สูตรจาก นิตยสารแม่บ้าน สูตรนี้ใส่ไข่แดงเพิ่มความข้น เติมโชยุและน้ำเชื่อม ใส่น้ำมันงาหน่อย เติมงาคั่วตามชอบ

ส่วนผสม น้ำสลัดงาข้น

      • ไข่แดง (ไข่ไก่) 1 ฟอง
      • โชยุ 1 ช้อนโต๊ะ
      • งาขาวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
      • น้ำเชื่อม 1+1/2 ช้อนโต๊ะ
      • น้ำส้มสายชู 2+1/2 ช้อนโต๊ะ
      • น้ำมันมะกอก 1/2 ถ้วยตวง
      • น้ำมันงา 1/2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำน้ำสลัดงาข้น

     นำน้ำมันมะกอกใส่ในเครื่องปั่นน้ำผลไม้ ใส่โชยุ น้ำส้มสายชู ไข่แดง น้ำมันงา และน้ำเชื่อม ปั่นให้ส่วนผสมข้น เทใส่ถ้วย โรยด้วยงาขาวคั่ว

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ สลัดผักย่าง 5 สีกับน้ำสลัดงาข้น หอมอร่อยกว่าเดิม

++++++

4 สูตรน้ำสลัดงาโฮมเมด

4. น้ำสลัดน้ำใสงาขาว

     สำหรับคนชอบกลิ่นสมุนไพรแบบไทย ๆ ขอนำเสนอน้ำสลัดน้ำใสงาขาว สูตรจาก นิตยสารแม่บ้าน สูตรนี้ใส่ขิงกับกระเทียม เพิ่มสีสันจากพริกชี้ฟ้า ปรุงรสด้วยน้ำปลากับน้ำตาลทราย

ส่วนผสม น้ำสลัดน้ำใสงาขาว

      • น้ำมันมะกอก (Extra Virgin) 3 ช้อนโต๊ะ
      • งาขาวคั่วจนสุกหอม 1 ช้อนโต๊ะ
      • น้ำมันงา 1/4 ถ้วยตวง
      • น้ำปลา 1/4 ถ้วยตวง
      • น้ำมะนาวสด 3 ช้อนโต๊ะ
      • กระเทียมกลีบใหญ่สับละเอียด 1 ช้อนชา
      • ขิงสดสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
      • พริกชี้ฟ้าสีแดงไม่เอาเมล็ดสับละเอียด 1 เม็ด
      • น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำน้ำสลัดน้ำใสงาขาว

     ผสมส่วนผสมน้ำสลัดให้เข้ากัน เทใส่ถ้วย เสิร์ฟพร้อมผักสลัด

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ อาหารลดน้ำหนัก สลัดผักกวางตุ้งกับอกไก่ต้ม เสิร์ฟคู่น้ำสลัดน้ำใสงาขาว

วันนี้ตื่นแต่เช้าเพื่อมาทำน้ำสลัดงาเก็บใส่ตู้เย็นไว้กินมื้อเที่ยงเลยนะเนี่ย ขอตัวออกไปซื้อผักสลัดก่อนนะคะ พอกลับมาก็เที่ยงพอดีจะได้กินแบบทันใจเลยค่ะ




 

Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2561    
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2561 9:48:05 น.
Counter : 1610 Pageviews.  

วางเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างไรให้ถูกหลักฮวงจุ้ย เฮง ๆ รวย ๆ ทั้งบ้าน



The Power

เครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละชนิด จะจัดวางไว้ตรงไหนของบ้าน นอกจากดูความสะดวกแล้ว บางคนว่าต้องดูฮวงจุ้ยด้วย ถึงจะเฮง ๆ รวย ๆ ดึงดูดโชคลาภและสิ่งดี ๆ เข้ามาให้ครอบครัว มาดูกันครับว่าจะวางเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างไรให้ถูกต้องตามหลักฮวงจุ้ย 
The Power
วิธีวางเครื่องใช้ไฟฟ้าตามหลักฮวงจุ้ย

- ทีวี / เครื่องเสียง

          ควรตั้งทีวีและเครื่องเสียงไว้ทางซ้ายมือเมื่อมองจากประตู และไม่ควรจัดตำแหน่งที่นั่งชมให้หันหลังให้กับประตู อีกทั้งคุณภาพของภาพและเสียงที่ดีจะส่งให้ผู้อยู่อาศัยร่ำรวยด้วยเงินทองและชื่อเสียง เกิดการไหลเวียนของคลื่นความสุขภายในบ้าน

- ตู้เย็น

          ไม่ควรวางตู้เย็นติดกับเตาไฟ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่ให้ความร้อน เพราะความร้อนอาจแผ่ไปถึงตู้เย็นได้ และไม่ควรปล่อยตู้เย็นให้ว่างเปล่า เพราะเป็นสัญลักษณ์ของความไม่อุดมสมบูรณ์ ทางที่ดีควรจัดเก็บอาหารดี ๆ ไว้ให้เต็มตู้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
- เครื่องปรับอากาศ

          การติดเครื่องปรับอากาศ ไม่ควรติดตั้งให้เป่าลมไปยังโต๊ะทำงาน โซฟา หรือหัวเตียงโดยตรง เพราะอาจกระทบต่อสุขภาพของคนในครอบครัว อีกทั้งไม่ควรให้เป่าลมใส่หิ้งพระหรือโต๊ะหมู่บูชาด้วย

- เตาแก๊ส / เตาไฟฟ้า

          ไม่ควรวางเตาแก๊สหรือเตาไฟฟ้าไว้ใกล้กับก๊อกน้ำหรืออ่างล้างจาน เพราะทำให้เกิดการขัดแย้งระหว่างธาตุไฟและธาตุน้ำ เชื่อกันว่าจะทำให้คนในบ้านเกิดการกระทบกระทั่งไม่ลงรอยกัน และไม่ควรตั้งไว้ตรงกับประตูห้องน้ำด้วย เพราะไม่เป็นมงคล อาจทำให้เสียทรัพย์

- เตาไมโครเวฟ / หม้อหุงข้าว

           เนื่องจากเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทร้อน ควรหลีกเลี่ยงการตั้งเตาไมโครเวฟหรือหม้อหุงข้าวติดกับแหล่งน้ำ ติดกับตู้เย็นหรือบนตู้เย็น และไม่ควรตั้งไว้ในที่สูงเกินระดับสายตา ไม่อย่างนั้นเชื่อกันว่าจะทำให้เกิดอุบัติเหตุภายในบ้าน

- เครื่องซักผ้า

           เครื่องซักผ้าถือเป็นแหล่งน้ำอย่างหนึ่ง จึงไม่ควรตั้งเครื่องซักผ้าข้าง ๆ หรือตรงกับเตาแก๊ส เตาไฟฟ้า เตาไมโครเวฟ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้ความร้อน

The Power

ไม่น่าเชื่อเลยว่าแค่การจัดวางเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านให้เป็นมงคลจะแค่ทำตามเคล็ดลับง่าย ๆ นี้ก็สามารถเพิ่มพลังบวกและต้อนรับสิ่งดี ๆ ให้กับบ้านของคุณได้แล้ว
 และพบกับทีวี เครื่องเสียง และเครื่องใช้ไฟฟ้าดี ๆ เสริมฮวงจุ้ยได้ที่ HomePro และ The Power ทุกสาขา เพื่อเติมความสุข สดใสให้กับบ้านของคุณ ติดตามโปรโมชั่นสุดคุ้มจาก HomePro และ The Power >> https://goo.gl/82MGya




 

Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2561    
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2561 9:44:12 น.
Counter : 869 Pageviews.  

สะพรึง เสาไฟเอียง-สายไฟพันมั่ว หวั่นล้มทับคน-นักท่องเที่ยวแห่ถ่ายรูป



เสาไฟเอียง-สายไฟพันมั่ว

ชาวบ้านร้องหน่วยงานเร่งแก้ไข เสาไฟฟ้าใน อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เอียงหนัก-สายไฟพันกันมั่วซั่ว หวั่นล้มทับคน ด้านนักท่องเที่ยวต่างชาติฮือฮาแห่ถ่ายรูป 
วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2561 ชาวบ้านภายในซอยบัวขาว หน้าตลาด Tree Town ม.9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง ต่างหวาดผวาดเมื่อต้องเดินผ่านเสาไฟฟ้าที่เอียง โดยเผยว่า เสาไฟฟ้าต้นนี้ล้มเอียงมาเป็นระยะเวลากว่า 10 ปี ทำให้ชาวบ้านต่างหวาดผวา โดยเฉพาะในช่วงที่มีรถคันใหญ่วิ่งผ่าน เกรงว่าจะลากสายสัญญาณต่าง ๆ ที่พาดต่ำ จนอาจจะเกิดอันตรายกับผู้ที่สัญจรผ่านไป-มา แต่ยังไม่มีเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลซ่อมแซม เวลาชาวบ้านขับรถผ่านบริเวณนี้จะต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะสายสัญญาณที่หย่อนลงมาจนเกือบถึงพื้นผิวถนน โดยเฉพาะถ้าช่วงที่มีฝนตกลมแรงทำให้ชาวบ้านกลัวว่าเสาไฟจะล้มทับได้ 
นอกจากนี้ยังหวั่นว่าสายไฟที่หย่อนลงมาก็อาจมีกระแสไฟฟ้าช็อตคนที่เดินผ่านไปมาได้ เนื่องจากถนนค่อนข้างแคบ การจราจรค่อนข้างคับคั่ง ทำให้คนอาจถูกสายไฟจนเกิดอันตรายได้ นอกจากนั้นยังถือเป็นภาพที่น่าเสื่อมเสียต่อเมืองท่องเที่ยว ทั้งนี้สังเกตเห็นได้ว่านักท่องเที่ยวต่างชาติร้อยละ 50 มักถ่ายภาพบันทึกเก็บไว้เมื่อเดินผ่าน 
เสาไฟเอียง-สายไฟพันมั่ว
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้เคยมีเจ้าหน้าที่ไม่ทราบหน่วยงานขับรถเข้ามาตรวจสอบ แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการแก้ไขแต่อย่างใด ทางชาวบ้านจึงอยากวิงวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มาตรวจสอบหรือแก้ไขปัญหานี้โดยเร็ว เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนเพราะอาจจะเกิดอันตรายได้

เสาไฟเอียง-สายไฟพันมั่ว

เสาไฟเอียง-สายไฟพันมั่ว




 

Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2561    
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2561 9:39:53 น.
Counter : 977 Pageviews.  

ขนมเทียนแก้ว ขนมไหว้เจ้าเนื้อเหนียวนุ่มใส ตรุษจีนนี้น่าลอง



 ขนมเทียนแก้ว ขนมไทยประยุกต์เหนียวนุ่มอร่อย

 รู้จักไหม ? ขนมเทียนแก้ว สูตรขนมเทียนเนื้อใสแจ๋วมองเห็นไส้ด้านใน อร่อยไม่แพ้ใคร ของไหว้เจ้าที่หลายคนนิยม ใครอยากลองชิมรสชาติว่าเป็นอย่างไรมาลุยกัน !
หลาย ๆ คนอาจจะรู้จักกับขนมเทียน ขนมไทยรูปสามเหลี่ยมที่ใช้ไหว้เจ้าในช่วงตรุษจีนและสารทจีน แต่ถ้าพูดถึง ขนมเทียนแก้ว หลายคนอาจจะไม่รู้จัก หรือรู้จักแต่ก็ยังไม่เคยลองชิมดู ขนมเทียนแก้วนี้ดัดแปลงมาจากขนมเทียนที่เปลี่ยนจากแป้งข้าวเหนียวมาใช้แป้งถั่วเขียวแทน ทำให้เนื้อขนมใส มองเห็นไส้ด้านใน มีเนื้อที่เหนียวนุ่มกว่าและไม่เหนียวติดมือ ซึ่งในสมัยนี้อาจจะหาซื้อกินยากไปสักนิด ถ้าอย่างนั้นเราลองมาทำขนมเทียนแก้วที่ว่านี้กินเองกันดีกว่าน่าจะดี กระปุกดอทคอมมีวิธีทำขนมเทียนแก้วมาฝากไว้ตรงนี้แล้วจ้า

ส่วนผสม แป้งขนมเทียนแก้ว


      • แป้งถั่วเขียว 1 ถ้วย
      • น้ำตาลทราย 1 1/2 ถ้วย
      • น้ำลอยดอกมะลิ (หรือน้ำผสมน้ำหอมกลิ่นมะลิ) 5 ถ้วย
      • ใบตอง หรือกระทงใบตอง 
​​ส่วนผสม ไส้ขนมเทียน (ไส้เค็ม)

      • ถั่วเขียวซีกเลาะเปลือก 1 กิโลกรัม
      • หอมแดง
      • พริกไทย
      • น้ำมันพืช (สำหรับผัด)
      • เกลือป่น สำหรับปรุงรส
      • น้ำตาลทราย สำหรับปรุงรส




วิธีทำแป้งขนมเทียนแก้ว

       1. ใส่น้ำตาลทรายและน้ำลอยดอกมะลิลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟ เคี่ยวจนเป็นน้ำเชื่อม ปิดไฟ ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้จนเย็น
       2. ผสมแป้งถั่วเขียวและน้ำลอยดอกมะลิให้เข้ากัน กรองด้วยตะแกรง จากนั้นเทใส่กระทะทองเหลือง ใส่น้ำเชื่อมที่เตรียมไว้ ยกขึ้นตั้งไฟอ่อน กวนจนส่วนผสมแป้งสุกและใส ปิดไฟ ยกลงจากเตา พักไว้จนอุ่น
       3. ตักส่วนผสมแป้งลงในกรวยใบตอง ตามด้วยไส้ ห่อเป็นทรงสามเหลี่ยมให้สวยงาม หรือวางไส้ขนมลงในกระทงใบตอง ตามด้วยส่วนผสมแป้งขนม
       4. เรียงลงในชุดนึ่ง จากนั้นนำขนมไปนึ่งด้วยไฟแรงที่มีน้ำเดือดพล่าน นึ่งนานประมาณ 30 นาที หรือจนขนมสุก ปิดไฟ นำออกจากชุดนึ่ง 

วิธีทำไส้ขนมเทียน

       1. ล้างถั่วเขียวซีกเลาะเปลือกให้สะอาด แช่ทิ้งไว้อย่างน้อย 2 ชั่วโมง หรือข้ามคืน จากนั้นนำไปนึ่งจนสุก พักทิ้งไว้จนเย็นสนิท
       2. โขลกหอมแดงกับพริกไทยเข้าด้วยกันจนละเอียด ใส่ถั่วเขียวนึ่งลงโขลกพอหยาบ
       3. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ ใส่ส่วนผสมไส้ลงผัดจนหอม ปรุงรสด้วยเกลือป่น และน้ำตาลทราย ชิมรสตามชอบ ให้มีรสหวาน เค็ม เผ็ด ปิดไฟ ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้จนเย็น ปั้นเป็นก้อนกลม เตรียมไว้

วิธีทำก็คล้าย ๆ กับการทำขนมเทียนเลย แค่เปลี่ยนชนิดแป้งเท่านั้น แต่หน้าตาดูน่ากินกว่า เพราะใสแจ๋วมองเห็นไส้ใน ฝึกปรือฝีมือกันสักหน่อย รับรองทำขายได้สบาย ๆ เลย




 

Create Date : 12 กุมภาพันธ์ 2561    
Last Update : 12 กุมภาพันธ์ 2561 15:47:48 น.
Counter : 2466 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  

หนี่งหน่อง
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




pub-1485477287124314
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add หนี่งหน่อง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.