เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน ที่เที่ยวคลายร้อนเมืองพิษณุโลก
ชวนไปเที่ยวคลายร้อน กินข้าวริมน้ำ เล่นน้ำให้ชุ่มฉ่ำที่ท้ายเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จังหวัดพิษณุโลก อีกหนึ่งที่เที่ยวพิษณุโลกและที่เที่ยวหน้าร้อนห้ามพลาด อยากให้ไปสัมผัสกันสักครั้ง
กำลังจะเข้าสู่หน้าร้อนอีกครั้งแล้วค่ะ ในช่วงที่อากาศร้อนอบอ้าวแบบนี้ก็ต้องหาสถานที่ท่องเที่ยวคลายร้อนกันสักหน่อย คราวนี้เราจะพาไปเที่ยวจังหวัดพิษณุโลก ไปชมสถานที่เล่นน้ำคลายร้อนบริเวณท้ายเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน ตำบลคันโช้ง อำเภอวัดโบสถ์ มีพื้นที่เหมาะแก่การเล่นน้ำ และมีซุ้มไม้ไผ่ แพไม้ไผ่ ร้านอาหาร และสิ่งอำนวยความสะดวกให้บริการ
สำหรับเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน ตั้งอยู่ที่ตำบลคันโช้ง อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สร้างขึ้นระหว่างปี พ.ศ. 2546-2554 โดยมีสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินมาทรงประกอบพิธีเริ่มการเก็บกักน้ำ เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551
เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน มีลักษณะเป็นอ่างเก็บน้ำอเนกประสงค์ขนาดใหญ่สามารถเก็บกักน้ำได้ 769 ล้าน ลบ.ม. โดยมีพื้นที่ผิวน้ำที่ระดับเก็บกักประมาณ 38,368 ไร่ และเป็นเขื่อนทิ้งหินดาดคอนกรีต สูง 75 เมตร ยาว 681 เมตร สร้างปิดกั้นแม่น้ำแควน้อย
ส่วนพื้นที่ที่เปิดให้ประชาชนมาเที่ยวเล่นน้ำได้นั้นจะอยู่บริเวณท้ายเขื่อน โดยจัดทำพื้นที่ให้เหมาะสมกับการเล่นน้ำ ปรับทัศนียภาพให้สวยงาม และปลอดภัยต่อนักท่องเที่ยว มีการเปิดน้ำจากเขื่อนเพียงแค่ประมาณ 3 เดือน ซึ่งในช่วงปีนี้จะเปิดระหว่างวันที่ 5 กุมภาพันธ์ - 31 พฤษภาคม 2561
บริเวณจุดเล่นน้ำเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน ทางองค์การบริหารส่วนตำบลคันโช้ง หน่วยงานในท้องถิ่น และชาวบ้านได้ร่วมกันจัดสรรพื้นที่ โดยสร้างซุ้มทานอาหารและแพเล่นน้ำให้นักท่องเที่ยวได้มานั่งเล่นพักผ่อนมากกว่า 1,200 ซุ้ม มีบริการร้านอาหารและเครื่องดื่ม มีห่วงยางให้เช่า สำหรับเด็ก ๆ พร้อมห้องน้ำและลานจอดรถไว้บริการด้วย
ในส่วนของค่าบริการซุ้มไม้ไผ่และแพไม้ไผ่นั้น ถ้าเป็นซุ้มไม้ไผ่ นั่งได้ 3-4 ท่าน ชั่วโมงแรก 100 บาท ชั่วโมงถัดไป 50 บาท เหมาทั้งวัน 300 บาท ส่วนแพไม้ไผ่ นั่งได้ประมาณ 5-8 ท่าน ชั่วโมงละ 100 บาท เหมาทั้งวัน 600 บาท
ทั้งนี้สถานที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ธรรมชาติ ขอความร่วมมืองดแอลกอฮอล์ และนักท่องเที่ยวควรปฎิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด ไม่ทิ้งขยะลงน้ำหรือบริเวณโดยรอบ ไม่ทำลายธรรมชาติ ไม่ก่อเหตุทะเลาะวิวาท และช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อม เราจะได้มีสถานที่ท่องเที่ยวดี ๆ แบบนี้ไว้เที่ยวผ่อนคลายกันนาน ๆ
สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่องค์การบริหารส่วนตำบลคันโช้ง โทรศัพท์ 0 5531 6550-1 หรือดูรายละเอียดได้ที่เฟซบุ๊ก เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก rid.go.th 31 พฤษภาคม เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน
Create Date : 07 มีนาคม 2561 | | |
Last Update : 7 มีนาคม 2561 16:05:18 น. |
Counter : 1672 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
เสลดพังพอน สรรพคุณเด่นเรื่องถอนพิษ สมุนไพรในคราบไม้ประดับที่ควรมีติดบ้าน
เสลดพังพอน สมุนไพรไทยชื่อเสียงคุ้นหูที่เด่นในเรื่องถอนพิษ สรรพคุณดี ๆ ที่หาได้ไม่ยากจากไม้ประดับใกล้ตัว
ถ้าจะว่ากันด้วยเรื่องสมุนไพรที่มีสรรพคุณถอนพิษแมลงสัตว์กัดต่อย เสลดพังพอนก็ถือเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณโดดเด่นในด้านนี้ แต่นอกจากนี้เจ้าเสลดพังพอนก็ยังมีสรรพคุณอีกมากมายที่หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่ทราบ ซึ่งวันนี้กระปุกดอทคอมขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับสมุนไพรชนิดนี้กันให้มากขึ้น รวมทั้งไขข้อสงสัยที่ว่าทำไมเสลดพังพอนถึงมีทั้ง เสลดพังพอนตัวผู้ และเสลดพังพอนตัวเมีย ทั้งสองชนิดนี้แตกต่างกันอย่างไร และสรรพคุณจะเหมือนกันหรือไม่ รับรองว่าได้ทราบคำตอบกันแน่นอนค่ะ
ต้นเสลดพังพอน เป็นพืชในวง ACANTHACEAE มีชื่อทางวิทยาศาสตร์แตกต่างกันออกไปตามชนิด โดยเสลดพังพอนถูกแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่ เสลดพังพอนตัวเมีย (Clinacanthus nutans (Burm.f) Lindau.) และเสลดพังพอนตัวผู้ (Barleria lupulina Lindl.) ทั้งนี้เสลดพังพอนก็ยังมีชื่ออื่น ๆ ที่เรียกแตกต่างกันออกไป โดยเสลดพังพอนตัวผู้บ้างก็ถูกเรียกว่า พิมเสนต้น, ทองระอา, ช้องระอา, ลิ้นงูเห่า, คันชั่ง, อังกาบ, อังกาบเมืองหรือก้านชั่ง ส่วนเสลดพังพอนตัวเมียมักจะถูกเรียกว่าพญายอ นอกจากนี้ยังอาจเรียกว่า ผักมันไก่, ผักลิ้นเขียด, พญาปล้องดำ, พญาปล้องทอง, ลิ้นมังกร, โพะโซ่จาง เป็นต้น
เสลดพังพอนทั้ง 2 ชนิดมีลักษณะทางพฤกษศาสตร์คล้ายกันคือ เป็นไม้พุ่มสูงประมาณ 1 เมตร ลักษณะใบเป็นใบเดี่ยว มีช่อดอกที่ปลายกิ่งเหมือนกัน ส่วนความแตกต่างนั้นจะอยู่ที่ลำต้นซึ่งเสลดพังพอนจะมีหนามแหลมยาวที่ลำต้น แต่ตัวเมียไม่มี สีสันของใบก็เช่นกัน เสลดพังพอนตัวผู้จะมีก้านใบสีน้ำตาลแดง ใบสีเขียวเข้ม แต่ใบของเสลดพังพอนตัวเมียจะเป็นสีเขียว นอกจากนี้ดอกของเสลดพังพอนทั้ง 2 ชนิดยังมีสีที่ต่างกันอีกด้วย โดยตัวผู้จะมีสีส้ม ส่วนดอกของตัวเมียจะมีสีแดงอมส้ม ทั้งนี้คนมักนิยมนำเสลดพังพอนมาปลูกเป็นไม้ประดับภายในบ้านเพื่อป้องกันสัตว์และแมลงต่าง ๆ อาทิ งู ตะขาบ และแมงป่อง เป็นต้น
เสลดพังพอน กับสรรพคุณที่น่าสนใจ
ไม่ว่าจะเป็นเสลดพังพอนตัวผู้หรือตัวเมีย ทั้ง 2 ชนิดนี้ก็ล้วนแต่มีสรรพคุณทางยาที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในเรื่องถอนพิษ ซึ่งสรรพคุณของเสลดพังพอนตัวผู้จะอ่อนกว่าเสลดพังพอนตัวเมีย และเสลดพังพอนตัวผู้จะมีรสขมกว่าตัวเมีย แต่สามารถใช้ทดแทนกันได้ค่ะ โดยสรรพคุณของเสลดพังพอนมีดังนี้
เสลดพังพอนตัวเมีย
* ราก - มีฤทธิ์เป็นยาขับปัสสาวะ ช่วยขับประจำเดือน แก้ปวดเมื่อย
* ใบ - ช่วยรักษาแผลโรคผิวหนัง อาทิ เริม แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก และบรรเทาอาการแผลร้อนในภายในปาก
* ทั้งต้น - ใช้ในการถอนพิษ โดยเฉพาะพิษแมลงสัตว์กัดต่อย ตะขาบ แมงป่อง ช่วยรักษาอาการอักเสบ แก้งูสวัด บรรเทาอาการลมพิษ และรักษาแผลน้ำร้อนลวกได้ เสลดพังพอนตัวผู้
* ราก - ช่วยลดอาการตัวเหลือง แก้อาการตาเหลือง แก้อาการกินข้าวไม่ได้ ถอนพิษแมลงสัตว์กัดต่อย ถอนพิษงู แก้ปวดฟัน
* ใบ - ช่วยแก้อาการปวดที่บาดแผล แก้โรคฝี โรคคางทูม โรคงูสวัด เริม แก้ฟกช้ำ และช่วยรักษาแผลที่เกิดจากของมีคมได้
* ทั้งต้น - ใช้เหมือนเสลดพังพอนตัวเมีย และใช้แทนเสลดพังพอนตัวเมียได้ แต่ใบเสลดพังพอนตัวเมียมีรสจืด ใบเสลดพังพอนตัวผู้มีรสขมมาก และเสลดพังพอนตัวผู้มีฤทธิ์อ่อนกว่าเสลดพังพอนตัวเมีย
ข้อควรระวังในการใช้เสลดพังพอน
แม้ว่าเสลดพังพอนจะช่วยรักษาบาดแผลและถอนพิษได้ แต่ก็ควรหลีกเลี่ยงการนำเสลดพังพอนมาพอกที่บริเวณแผลโดยตรงเพราะอาจจะทำให้แผลติดเชื้อได้ค่ะ
ได้รู้จักกับเสลดพังพอนกันไปแล้ว จากนี้ไปก็คงจะพอแยกเสลดพังพอนทั้ง 2 ชนิดนี้ออกแล้วล่ะเนอะ แต่ไม่ว่าจะเป็นชนิดไหนก็ล้วนแต่มีสรรพคุณดี ๆ ทั้งนั้น ถ้าหากบ้านของคุณมีพื้นที่ละก็ แนะนำให้เอามาปลูกดีกว่านะคะ ได้ทั้งอาหารตา แถมยังได้ยาพื้นบ้านดี ๆ อีกด้วย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
Create Date : 07 มีนาคม 2561 | | |
Last Update : 7 มีนาคม 2561 16:02:06 น. |
Counter : 3784 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ไอศกรีมแท่งโอรีโอ้ สูตรไม่ใช้เครื่องเคี้ยวกรุบหวานเย็นอร่อยชื่นใจ
มือใหม่ทำได้สบายกับเมนูไอศกรีมแท่งโอรีโอ้ สูตรไอศกรีมไม่ต้องใช้เครื่อง อร่อยกรุบกรอบเย็นสดชื่น แค่แท่งเดียวก็ฟินแล้ว
จากที่เคยกินโอรีโอ้บิด ชิมครีม จุ่มนมจนเบื่อ ลองจับมาทำเมนูไอศกรีมแท่ง คลายร้อนกันเถอะ กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำไอศกรีมแท่งโอรีโอ้ สูตรจาก คุณ Kanokwan Bachmann เนื้อไอศกรีมทำจากวิปครีมบวกกับโยเกิร์ต เติมกลิ่นวานิลลา ที่สำคัญอย่าลืมใส่โอรีโอ้ลงไปด้วยล่ะ
ไอศกรีมโอรีโอ้ หวานเย็นชื่นใจ โดย คุณ Kanokwan Bachmann
ส่วนผสม ไอศกรีมแท่งโอรีโอ้
โอรีโอ้ (หักเป็นชิ้น ๆ ประมาณ) 115 กรัม วิปปิ้งครีม 250 มิลลิลิตร น้ำตาลทรายบดละเอียด 4 ช้อนโต๊ะ เมล็ดวานิลลา เล็กน้อย นมสด 60 มิลลิลิตร โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 150 กรัม
วิธีทำไอศกรีมแท่งโอรีโอ้
ในชามผสมใส่วิปปิ้งครีม น้ำตาลทรายบดละเอียด และเมล็ดวานิลลา ตีจนเป็นเนื้อครีมข้น ๆ ( หรือจะไม่ตีก็ได้)
เติมนมสดกับโยเกิร์ตรสธรรมชาติ ใช้ตะกร้อคนให้ทุกอย่างเข้ากัน เติมโอรีโอ้ลงไป คนให้ทั่วอีกครั้ง
เทใส่ฟอร์มไอศกรีม แช่ช่องแข็งอย่างน้อย 4-5 ชั่วโมง หรือ 1 คืน
ในที่สุดก็หาวิธีแปลงร่างโอรีโอ้เหลือ ๆ ในตู้เย็นให้เป็นไอศกรีมแท่งโอรีโอ้สุดไฉไลได้แล้ว ขอตัวไปล้างพิมพ์ไอศกรีมแท่งรอก่อนนะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ Kanokwan Bachmann
Create Date : 06 มีนาคม 2561 | | |
Last Update : 6 มีนาคม 2561 14:38:55 น. |
Counter : 1097 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
8 วิธีสร้างความสุขในชีวิต เคล็ดลับเพื่อชีวิตดีมีสุข ที่คุณสามารถทำได้ง่าย ๆ
วิธีสร้างความสุข ด้วยเคล็ดลับดี ๆ ที่จะช่วยให้คุณสามารถมีความสุขในชีวิตได้อย่างง่าย ๆ จะมีวิธีใดบ้าง มาดูกัน
เมื่อคนเราเริ่มมีอายุมากขึ้น ต่างก็มีภาระและความรับผิดชอบมากขึ้นเป็นธรรมดา ทั้งความเครียดและความกดดันเข้ามาทักทายเป็นว่าเล่น ความสุขและความสนุกสนานที่เคยมี ก็รู้สึกว่าเริ่มลดน้อยลงไปทุกที ทำให้แต่ละคนต้องพยายามไขว่คว้าหาสิ่งต่าง ๆ มาทำให้ชีวิตมีความสุข ทั้งที่ความสุขที่แท้จริง เริ่มต้นได้จากตัวเราเองทั้งนั้น เพียงแค่ลองปรับทัศนคติในการใช้ชีวิต ลองเปลี่ยนความคิดและมุมมองให้แตกต่างไปจากเดิม อาจทำให้เรามองเห็นความสุขที่ซ่อนอยู่ภายในก็เป็นได้ค่ะ
วันนี้กระปุกดอทคอมเลยขอนำเคล็ดลับสร้างความสุขให้กับตัวเองมาฝาก มาดูกันสิว่า วิธีสร้างความสุขในชีวิตแบบง่าย ๆ ที่เริ่มได้จากตัวคุณเองนั้น จะมีอะไรบ้าง
1. มีเวลาดูแลตัวเอง
ไม่มีอะไรจะทำให้คุณแฮปปี้ไปเท่ากับการมีเวลาดูแลตัวเองแล้วล่ะค่ะ ลองแบ่งเวลาเพื่อทำในสิ่งที่ตัวเองชอบและมีความสุขเป็นรางวัลให้กับตัวเองดูบ้าง อยากจะไปเดินห้าง ดูหนัง นั่งสมาธิ เล่นดนตรี ออกกำลังกายหรือทำอะไรก็ได้ แค่นี้ชีวิตก็มีความสุขได้ง่าย ๆ แล้ว
2. คิดบวกเข้าไว้
คนเราจะมีความสุขหรือไม่มีความสุขนั้น ขึ้นอยู่ที่มุมมองและความคิดในการใช้ชีวิตของแต่ละคน หากมองโลกในแง่ดี คิดบวกอยู่เสมอ ก็จะช่วยให้ผ่านเหตุการณ์ต่าง ๆ ไปด้วยดี แต่ชีวิตก็มีทั้งทุกข์สุขสลับกันไป อยู่ที่ว่าเราจะสามารถปรับความคิดและรับมือกับเหตุการณ์ที่เข้ามาในตอนนั้นได้ดีขนาดไหนนั่นเอง
3. อยู่ห่างจากคนคิดร้าย
คนสมัยนี้รู้หน้าไม่รู้ใจ แต่ถ้ารู้อยู่แล้วว่าเขาคนนั้นเป็นคนยังไง จะได้ตัดสินใจเลือกคบถูก ถ้าเป็นคนดีก็น่าคบหา แต่ถ้าเป็นคนจิตใจหยาบช้า ก็อยู่ห่างให้ไกลไว้เลย เพราะนอกจากจะไม่ช่วยให้ชีวิตเราดีขึ้นแล้ว เขาอาจนำพลังงานไม่ดี หรือความคิดแง่ลบมาเผื่อแผ่เราได้อีกด้วย
4. ให้ผู้อื่นได้เท่ากับที่คุณได้รับ
ชีวิตคนเราจะมีความสุขมากยิ่งขึ้น ถ้าได้เป็นทั้งผู้รับและผู้ให้ โดยเฉพาะการให้แบบเต็มใจและพร้อมช่วยเหลือโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน แค่การได้ทำความดีเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือได้ให้ในสิ่งที่เราเคยได้รับมาก่อน ยิ่งถ้าเรารู้ว่าผู้รับมีความสุขมากเพียงใด ผู้ให้ก็คงมีความสุขไม่แพ้กันค่ะ
5. ฝึกการหายใจ
ลองหายเข้า-ออกแบบช้า ๆ ลึก ๆ โดยใช้กล้ามเนื้อกระบังลม ซึ่งเมื่อหายใจเข้า กล้ามเนื้อกระบังลมจะเคลื่อนตัวลงทำให้ลมเข้าไปในปอด จะรู้สึกว่าพุงป่องขึ้น และพุงจะยุบลงเวลาหายใจออก เพราะกล้ามเนื้อกระบังลมจะเคลื่อนตัวขึ้นนั่นเอง วิธีนี้นอกจากจะฝึกการหายใจได้ดีแล้ว ยังเป็นวิธีที่ช่วยฝึกสมาธิ ช่วยให้ร่างกายนิ่งลงได้อีกด้วย
6. ฝึกกินอย่างมีสติ
บางครั้งชีวิตคนเราก็เร่งรีบเกินไป ทำให้คุณอาจพลาดการลิ้มรสชาติอาหารอร่อย ๆ ไปอย่างน่าเสียดาย ลองฝึกตัวเองให้กินอาหารช้าลงสักนิด มีสติอยู่กับทุกคำที่เคี้ยว ลองสังเกตรสชาติ กลิ่น สีของอาหารนั้น ๆ นอกจากจะทำให้มีสมาธิแล้ว ยังช่วยเพิ่มความอร่อยของอาหารมื้อนั้นได้ดีอีกด้วยนะ
7. ลิสต์รายการสิ่งที่ต้องทำ
ลองเขียนรายการสิ่งที่จะทำในวันพรุ่งนี้ดูสิ นั่นจะช่วยให้คุณรู้จักวางแผน และรู้จักจัดการสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างเป็นระบบระเบียบยิ่งขึ้น เมื่อชีวิตมีแผน อะไร ๆ ก็ง่ายขึ้นเยอะ
8. นอนหลับให้สนิท
หลังจากเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน ก็ถึงเวลาต้องพักผ่อนทั้งร่างกายและจิตใจ ทางที่ดีควรนอนให้ได้วันละ 7-8 ชั่วโมง โดยก่อนนอนอาจอ่านหนังสือดี ๆ สักเล่ม ให้สมองผ่อนคลาย พร้อมเข้าสู่ห้วงนิทราได้อย่างสนิทและยาวนาน แต่ยังไงแล้วก็อย่าลืมตั้งนาฬิกาปลุกด้วยนะคะ
เป็นอย่างไรบ้างคะสำหรับเคล็ดลับดี ๆ ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ อย่างไรแล้วก็อย่าลืมนำไปปรับใช้กับชีวิตประจำวันของตัวเองด้วยนะคะ รับรองว่าสิ่งนี้จะช่วยให้คุณมีชีวิตดี๊ดี และมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิมแน่นอน ^^
ข้อมูลจาก : metro.co.uk, inc.com,
Create Date : 06 มีนาคม 2561 | | |
Last Update : 6 มีนาคม 2561 14:35:10 น. |
Counter : 837 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |