อ่านเรื่อยๆ มาเรียง ๆ ทุกวันของ หนี่งหน่อง นะครับ

10 สัญญาณเตือนเสี่ยงฆ่าตัวตาย คนข้างกายต้องเฝ้าระวัง



โรคซึมเศร้า

สัญญาณเตือนก่อนฆ่าตัวตาย หากคนข้างกายจับสังเกตได้ ก็มีโอกาสช่วยชีวิตและเยียวยาจิตใจคนกำลังจะคิดสั้นได้มาก มาเช็กลางบอกเหตุกันค่ะ

ใครต่างก็ทราบกันดีว่าการฆ่าตัวตายไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุดของปัญหา ทว่าในผู้ป่วยโรคซึมเศร้า บางครั้งด้วยอาการ “ป่วย” ก็ผลักดันให้เขามีแนวโน้มเสี่ยงที่จะฆ่าตัวตายสูง ยืนยันจากสถิติที่ระบุว่า ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าจบชีวิตด้วยการฆ่าตัวตายสำเร็จมากกว่าคนทั่วไปถึง 20 เท่า และยิ่งสภาพสังคมในปัจจุบันที่ถูกกดดันด้วยสภาพเศรษฐกิจ สภาพสังคม หรือแม้การกลั่นแกล้งกันในโลกโซเชียลอย่างที่เห็นกันบ่อย ๆ ทำให้อัตราผู้ป่วยโรคซึมเศร้าเพิ่มมากขึ้นอย่างน่าเป็นห่วง พร้อมกันนั้นก็ทำให้อัตราความเสี่ยงฆ่าตัวตายสูงขึ้นด้วยเช่นกัน ดังนั้นคนข้างกายจึงเป็นกำลังสำคัญที่จะช่วยป้องกันไม่ให้สถานการณ์คิดสั้นเกิดขึ้นกับกลุ่มผู้ป่วยโรคซึมเศร้าได้ โดยสังเกตสัญญาณฆ่าตัวตายต่อไปนี้
โรคซึมเศร้า
1. ประสบปัญหาชีวิตบางอย่าง

          โดยเฉพาะคนที่เจอกับความพลิกผันหนัก ๆ หรือเหตุการณ์สะเทือนใจ เช่น ล้มละลาย สิ้นเนื้อประดาตัว สูญเสียคนรักกะทันหัน ผิดหวังกับการงาน การเรียน หรือต้องตกอยู่ในสถานะคนพิการจากอุบัติเหตุ เป็นต้น คนในกลุ่มนี้มีแนวโน้มค่อนข้างสูงที่จะรู้สึกท้อแท้กับชีวิต รู้สึกเครียดสะสม หรือไม่สามารถปรับตัวต่อการแก้ไขปัญหาในชีวิตได้ จนอาจนำไปสู่การคิดสั้นด้วยอารมณ์ชั่ววูบ

2. ใช้สุราหรือยาเสพติด

ถ้าพบว่าคนใกล้ตัวหรือตัวเราเองมีพฤติกรรมดื่มสุรา หรือใช้สารเสพติดทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคย หรืออาจจะเคยแต่ช่วงหลังมานี้เริ่มดื่มหนักขึ้น หรือเสพมากขึ้น นั่นอาจเป็นสัญญาณที่บอกว่าเขากำลังเครียดหนัก และไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไร จึงอาจใช้เหล้าและสารเสพติดเพื่อคลายกลุ้ม

3. มีประวัติคนในครอบครัวฆ่าตัวตาย

          หากมีประวัติคนในครอบครัวฆ่าตัวตาย ก็เป็นไปได้สูงว่าสมาชิกในครอบครัวคนอื่นอาจคิดสั้นและทำร้ายตัวเองได้ ฉะนั้นต้องเฝ้าระวังให้ดีค่ะ

โรคซึมเศร้า

4. แยกตัว ไม่พูดกับใคร

บางคนอาจไม่โวยวาย ไม่ตัดพ้อ แต่กลับมีพฤติกรรมเก็บตัว ชอบอยู่คนเดียวมากขึ้น พูดจาประหยัดคำกว่าเดิม และดูไม่ค่อยอยากสุงสิงกับใครแม้กระทั่งเพื่อนและคนในครอบครัว

5. นอนไม่หลับ

          ภาวะนอนไม่หลับเป็นเวลานาน ๆ อาจเข้าข่ายอาการโรคซึมเศร้า หรือโรคเครียด ซึ่งความเครียดและความรุนแรงของโรคซึมเศร้านั้นรบกวนจนร่างกายไม่สามารถหลับพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นเคสแบบนี้ก็ควรต้องเฝ้าระวังใจให้ดีเช่นกัน

โรคซึมเศร้า

6. หน้าตาเศร้าหมอง พูดจาด้วยน้ำเสียงวิตกกังวล

นี่ก็จัดเป็นสัญญาณความเครียดและความไม่สบายใจที่สังเกตเห็นได้เด่นชัด โดยคนที่มีความกังวล หรืออาจมีสติสัมปชัญญะที่ไม่เต็มร้อยนัก อาจมีอาการแสดงออกด้วยน้ำเสียงที่มีความกังวลปนอยู่ หรือใบหน้าที่เศร้าหมองอย่างหนัก

7. ชอบพูดว่าอยากตาย

          ไม่ว่าจะเป็นการบ่นตัดพ้อ โพสต์โซเชียล หรือเขียนข้อความทิ้งไว้ที่ไหนในทำนองว่าอยากตาย ไม่อยากมีชีวิตอยู่ ขอไม่ตื่นอีกเลยได้ไหม ไม่มีใครรัก ชีวิตไม่มีค่า ไม่มีใครสนใจ ลาก่อน หรือพูดทำนองว่าทำอะไรก็ไม่ดีสักอย่าง รู้สึกตัวเองเป็นภาระของผู้อื่น ถ้าปรากฏข้อความแนว ๆ นี้บ่อยครั้ง ก็จัดว่าอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่อาจฆ่าตัวตายสูง

8. มีอารมณ์แปรปรวน

อารมณ์แปรปรวนเกิดขึ้นได้กับบางคน ทว่าหากเป็นกรณีที่อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ เหวี่ยงบ่อย ซึมบ้าง รวมทั้งรู้สึกหงุดหงิดอยู่ตลอดเวลา อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณอย่างหนึ่งที่บอกให้ทราบว่า คนผู้นั้นอาจเป็นโรคซึมเศร้า และเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายอยู่ไม่น้อย

โรคซึมเศร้า

9. เคยพยายามฆ่าตัวตายมาก่อน

          ไม่ว่าจะเป็นการพยายามฆ่าตัวตายด้วยวิธีไหน หรืออาจจะแค่เคยลองหาวิธีฆ่าตัวตายมาก่อน ต้องเฝ้าระวังให้ดีเลยค่ะ เพราะอาจเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยได้

10. มีการวางแผนการฆ่าตัวตายไว้ล่วงหน้า

หากมีการจัดการงานเรียบร้อย หรือมีพูดฝากฝังอะไรกับคนรอบข้าง รวมทั้งเอาของใช้ ของสะสมของตัวเองมาแจกจ่ายคนอื่น อาจเป็นไปได้ว่าบุคคลผู้นั้นกำลังวางแผนจะลาโลกนี้ไป ให้เอะใจไว้บ้างก็ดีค่ะ

          อย่างไรก็ตาม แม้จะมีหลายสัญญาณหรือแม้แต่หนึ่งสัญญาณดังกล่าว คนรอบข้างก็ควรให้ความสนใจและเฝ้าดูความเคลื่อนไหว พร้อมทั้งรับฟังเค้าอย่างเข้าใจ ไม่ต่อว่า ไม่ท้าทายให้ทำร้ายตัวเอง หรือไล่ให้ไปตายจริง ๆ เพราะความเข้าใจ และการรับฟัง จะช่วยเยียวยาจิตใจของคนที่คิดอยากฆ่าตัวตายได้มาก หรือทางที่ดี จะพาเขาไปพบจิตแพทย์เพื่อรักษาอาการซึมเศร้าและคลายปัญหาที่มีอยู่ก็ได้นะคะ

นอกจากนี้ หากพบสัญญาณฆ่าตัวตายจากคนรอบข้างขึ้นมาจริง ๆ ทางกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ก็มีคำแนะนำดี ๆ มาเป็นแนวทางปฏิบัติ มาดูกันค่ะว่า เมื่อพบเห็นสัญญาณฆ่าตัวตายจากคนข้างกาย เราจะทำยังไงกันดี

โรคซึมเศร้า

8 สิ่งที่ควรรีบทำ เมื่อเห็นสัญญาณเตือนเสี่ยงฆ่าตัวตายในโลกโซเชียล

1. แสดงความช่วยเหลืออย่างเต็มใจ รับฟังปัญหาของเขาอย่างตั้งใจ หรือให้คำแนะนำอย่างจริงใจ

2. ยอมรับว่าสิ่งที่เขาโพสต์นั้นเป็นปัญหาของเขาจริง ๆ ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น

3. ให้กำลังใจ คอยอยู่เคียงข้างเขา และทำให้เขาเห็นว่าปัญหานั้นสามารถแก้ไขและผ่านไปได้

4. พิมพ์ข้อความให้คำปรึกษา ปลอบใจให้เขามีสติ ค่อย ๆ คิดหาทางแก้ไขปัญหา

5. ชักชวนให้เขาออกมาทำกิจกรรมข้างนอก พยายามอย่าปล่อยให้เขาอยู่คนเดียว

6. ถ้าไม่ใช่คนในครอบครัว ให้บอกญาติเขาให้ดูแลอย่างใกล้ชิด และพยายามให้เขาอยู่ห่างจากอุปกรณ์ที่เขาอาจเตรียมไว้ทำร้ายตัวเอง

7. แนะนำช่องทางการขอรับคำปรึกษา เช่น สายด่วนสุขภาพจิต 1323 หรือคลินิกให้การปรึกษา

8. ติดต่อหาแหล่งช่วยเหลือในพื้นที่เท่าที่จะทำได้ เช่น ผู้นำชุมชน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หรือโรงพยาบาลที่มีจิตแพทย์


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ประชาสัมพันธ์ กรมสุขภาพจิต
กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข
เฟซบุ๊กจิตเวช รามา ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
เฟซบุ๊กกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข




 

Create Date : 20 ธันวาคม 2560    
Last Update : 20 ธันวาคม 2560 10:07:50 น.
Counter : 1120 Pageviews.  

สูตรทำแป้งเต้าฮวย สไตล์โฮมเมดเนื้อนุ่มเนียนทำเองได้



สูตรทำแป้งเต้าฮวย

 ดีงามจริง ๆ สำหรับสูตรทำแป้งเต้าฮวยเพื่อใส่น้ำขิง หรือไว้กินกับนมสดวิธีทำไม่ยากเย็นใคร ๆ ก็ทำได้ ยิ่งโรยปาท่องโก๋ตัวเล็กยิ่งอร่อย

     เอ่ยถึงน้ำขิงรสชาติเผ็ดร้อนหลายคนคงร้องอี๋ แต่ถ้าใส่แป้งเต้าฮวย สูตรขนม คงอยากกินขึ้นอีกเยอะ กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำแป้งเต้าฮวย ใช้เต้าหู้นิ่มกับส่วนผสมอื่น ๆ เพื่อทำให้เป็นก้อน ตักใส่น้ำขิงปริมาณตามชอบ แค่ถ้วยเดียวก็ฟินแล้ว

ส่วนผสม เต้าฮวย

      • เต้าหู้นิ่ม 1 ถ้วย
      • น้ำตาลทรายแดง 80 กรัม
      • สารให้ความคงตัว (seg) 2 กรัม
      • น้ำตาลเดกซ์โตรส 40 กรัม
      • มอลโตเดกซ์ตริน 40 กรัม
      • เกลือ 1 กรัม

ส่วนผสม น้ำขิง

      • น้ำเปล่า 5 ถ้วย
      • ขิงแก่เผาไฟ 3-4 ชิ้น
      • น้ำตาลอ้อย 1 ถ้วย
      • เกลือ 1/2 ช้อนชา

วิธีทำเต้าฮวย


สูตรทำแป้งเต้าฮวย

     1. ผสมนำเต้าหู้นิ่ม น้ำตาลทรายแดง สารให้ความคงตัว (seg) เดกซ์โตรส มอลโตเดกซ์ตริน และเกลือในอ่างผสม ใช้ตะกร้อมือคนให้เข้ากัน
     2. เทน้ำร้อนลงไปคนให้เข้ากัน นำไปตั้งไฟอ่อน ๆ ให้พอควันขึ้นก็ยกลง เพื่อให้สารคงตัวละลาย

วิธีทำเต้าฮวยน้ำขิง

     1. ต้มน้ำให้เดือด ใส่ขิงลงไป ตามด้วยน้ำตาลอ้อยและเกลือแล้วปล่อยให้เดือดสัก 5 นาที ยกลง เตรียมไว้

สูตรทำแป้งเต้าฮวย

     2. ตักแป้งเต้าฮวยใส่ถ้วย เทน้ำขิงลงไปตามชอบ โรยปาท่องโก๋ตัวเล็ก พร้อมเสิร์ฟ

จบไปแล้วสำหรับวิธีทำแป้งเต้าฮวย ใครอยากลองทำเองเพื่อใส่น้ำขิงก็ตามสะดวก บอกเลยว่าเนื้อเนียนนุ่มเหมือนร้านน้ำเต้าหู้เลยล่ะ




 

Create Date : 20 ธันวาคม 2560    
Last Update : 20 ธันวาคม 2560 10:04:55 น.
Counter : 2370 Pageviews.  

เมื่อลูกก้าวร้าว อารมณ์ร้าย พ่อแม่ควรทำอย่างไรดี ?



พฤติกรรมก้าวร้าว

พฤติกรรมก้าวร้าวของลูกน้อย คุณพ่อคุณแม่จะมีวิธีรับมืออย่างไรบ้างนั้น มาดูเทคนิคและเคล็ดลับดี ๆ ที่จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สามารถจัดการกับอารมณ์รุนแรง และพฤติกรรมก้าวร้าวของลูกน้อยได้

          ก่อนหน้านี้หลาย ๆ คนคงเคยได้ดูคลิปที่เด็กผู้หญิงอายุประมาณ 5-6 ขวบ มีพฤติกรรมก้าวร้าว ด่าทอครูอาจารย์ด้วยถ้อยคำรุนแรงหยาบคาย ทำให้ชาวเน็ตวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่าง ๆ นานา พร้อมกับตั้งข้อสงสัยว่าสาเหตุที่เด็กมีพฤติกรรมก้าวร้าวแบบนี้เกิดขึ้นจากอะไร และจะมีวิธีแก้ไขปัญหาเด็กก้าวร้าวได้อย่างไรบ้าง โดยบางครอบครัว ก็อาจประสบปัญหาลูกมีอารมณ์รุนแรง หงุดหงิดฉุนเฉียวง่าย ทำให้คุณพ่อคุณแม่เกิดความกลุ้มใจว่าจะรับมือกับเด็กที่ก้าวร้าวได้อย่างไร ซึ่งปัญหาพฤติกรรมก้าวร้าวนี้ หากไม่ได้รับการดูแลแก้ไขที่เหมาะสม ก็จะกลายเป็นนิสัยติดตัวเด็กไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ และอาจกลายเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินชีวิต ทั้งชีวิตการทำงานและชีวิตครอบครัวของลูกในอนาคตได้ และเพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว วันนี้กระปุกดอทคอมก็มีเคล็ดลับและวิธีดี ๆ ที่จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยเหลือและปรับอารมณ์ก้าวร้าวของลูก ๆ ได้ จะมีวิธีใดบ้างนั้น มาดูกันเลยค่ะ
พฤติกรรมก้าวร้าว
ในเด็กอายุ 2-5 ปี เป็นช่วงที่เริ่มมีพัฒนาการทางอารมณ์และสังคม เริ่มมีความเป็นตัวของตัวเอง และมักจะยึดตนเองเป็นหลัก เมื่อเขารู้สึกเครียด ซึมเศร้าหรือรู้สึกคับข้องทางอารมณ์ ด้วยความที่เป็นเด็ก จึงยังไม่รู้จักการจัดการอารมณ์ที่เหมาะสม ทำให้พวกเขาระบายอารมณ์ออกมาด้วยการก้าวร้าว อาละวาด ทำกิริยาไม่สุภาพ ในเด็กบางรายนอกจากจะเป็นการก้าวร้าวตามช่วงวัยแล้ว ก็อาจมีปัจจัยอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น การเลี้ยงดู สภาพแวดล้อมในครอบครัว ปัญหาทางสุขภาพจิต โรคสมาธิสั้น โรคออทิสติก เป็นต้น ซึ่งคุณพ่อคุณแม่สามารถรับมือและจัดการกับความก้าวร้าวของลูกน้อยได้ด้วยวิธีต่อไปนี้

พฤติกรรมก้าวร้าว

1. เข้าใจอารมณ์และความรู้สึกของลูกน้อย

          เนื่องจากเด็กในวัยนี้ ยังไม่รู้จักสภาพอารมณ์ของตัวเอง ยังไม่รู้ว่าจะจัดการกับอารมณ์ของตัวเองอย่างไร ควรทำอย่างไรเพื่อแสดงความรู้สึกหงุดหงิด โมโหออกมา เมื่อลูกทำพฤติกรรมก้าวร้าว อาละวาดออกมา คุณพ่อคุณแม่จึงควรใจเย็น ๆ เข้าใจธรรมชาติของเด็กตามวัย รับฟังความรู้สึกของเขา และพยายามปรับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม โดยการให้เหตุผลแก่ลูก เช่น หากลูกหงุดหงิดเขวี้ยงสิ่งของหรือทุบตีผู้อื่น คุณพ่อคุณแม่อาจพูดด้วยความสงบและหนักแน่น บอกเขาว่าเรารู้ว่าลูกกำลังโกรธ แต่ลูกจะทำลายข้าวของหรือทุบตีคนอื่นแบบนี้ไม่ได้ พร้อมกับเสนอทางเลือกในการระบายอารมณ์ทางอื่นที่เหมาะสมกว่า เช่น เขวี้ยงลูกบอล ทุบดินน้ำมัน เป็นต้น

2. สอนให้ลูกรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา

          คุณพ่อคุณแม่ควรสอนให้ลูกรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา รู้จักสิทธิของตนเองและเคารพสิทธิของผู้อื่น สอนให้เขารู้จักควบคุมอารมณ์ตนเองและแสดงความรู้สึกออกมาด้วยถ้อยคำหรือการกระทำที่เหมาะสม สอนให้ลูกรู้ว่าความก้าวร้าวเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง และฝึกให้เขารู้จักชะลอความโกรธ ด้วยการนับ 1-10 หรือหากเขามีพฤติกรรมก้าวร้าวต่อผู้อื่น ก็ควรฝึกให้เขารู้จักขอโทษกับคนที่เขาทำผิดด้วย พร้อมบอกว่าพฤติกรรมก้าวร้าวแบบนี้จะทำให้คนอื่นเสียใจได้ นอกจากนี้คุณพ่อคุณแม่อาจใช้วิธีเสริมแรงบวกเพื่อปรับพฤติกรรม เช่น เมื่อลูกทำพฤติกรรมที่เหมาะสมตามที่ตกลงกันไว้ คุณพ่อคุณแม่อาจให้รางวัล เป็นคำชมเชย หรือสิ่งของที่เขาต้องการ เป็นต้น


3. สอนให้เขารับผิดชอบการกระทำของตนเอง

          การฝึกให้ลูกได้เรียนรู้และรับผิดชอบผลของการกระทำที่ไม่เหมาะสมของตัวเองนั้น จะทำให้เด็กเกิดการเรียนรู้และเข้าใจเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเองต่อไปในอนาคต เช่น เด็กเขวี้ยงข้าวของจนเลอะเทอะ ก็ให้เขาเก็บกวาดสิ่งที่เขาทำให้เรียบร้อย เพื่อเป็นการฝึกให้เขารู้จักยับยั้งอารมณ์ รู้จักคิดและควบคุมตัวเองก่อนที่จะทำสิ่งใดลงไป หรือหากลูกก้าวร้าวกับผู้อื่น ก็อธิบายให้เขารู้ว่า ถ้าทำสิ่งนี้ลงไปแล้วคนนั้นจะรู้สึกอย่างไร เป็นต้น

พฤติกรรมก้าวร้าว

4. ลงโทษเมื่อลูกทำผิด

          การลงโทษในที่นี้ไม่ได้หมายถึง การดุด่า หรือการใช้ความรุนแรงกับลูกนะคะ เพราะหากคุณพ่อคุณแม่ทำแบบนั้นกับลูก จะยิ่งเป็นการเพิ่มความก้าวร้าวให้กับลูกและเขาอาจทำพฤติกรรมนี้กับคนอื่นได้ หากแต่เป็นการลงโทษที่สร้างสรรค์ บอกห้ามและให้เหตุผลว่าสิ่งที่เขาทำเป็นสิ่งที่ผิดและไม่เหมาะสม พร้อมกับแนะนำการแสดงออกในทางอื่นที่ไม่ใช่การทำลายสิ่งของหรือทำร้ายผู้อื่น เช่น ให้เขาตะโกนออกมาว่ารู้สึกโมโห หรือแสดงออกด้วยการทุบหมอน เป็นต้น แต่หากลูกอาละวาด งอแง คุณพ่อคุณแม่ควรแยกตัวเขาออกมานั่งเฉย ๆ คนเดียว ประมาณ 1-2 นาที จะทำให้เขาสงบสติอารมณ์ลงและเรียนรู้ว่าหากเขาอาละวาด จะต้องถูกทำโทษด้วยการนั่งคนเดียว เมื่อลูกใจเย็นลงแล้ว คุณพ่อคุณแม่จึงเข้าไปคุยกับลูกด้วยเหตุผลอีกครั้ง

5. พ่อแม่เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูก

          หากลูกมีอารมณ์หงุดหงิด ก้าวร้าว คุณพ่อคุณแม่ต้องมีสติ ใจเย็น ๆ และระวังอารมณ์ของตนเอง ไม่ควรใช้อารมณ์โต้ตอบเด็กหรือเอาชนะกัน ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ควรเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกในการควบคุมอารมณ์โกรธ พร้อมกับให้กำลังใจลูกและทำให้ดูเป็นแบบอย่าง นอกจากนี้สมาชิกในครอบครัวควรมีความรัก ความสามัคคีต่อกัน ก็จะช่วยให้ลูกลดพฤติกรรมก้าวร้าวได้มากขึ้น รวมไปถึงการหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ที่จะกระตุ้นความก้าวร้าวของลูก เช่น การทะเลาะเบาะแว้งกันในครอบครัว หรือ การให้ลูกดูรายการทีวีที่มีพฤติกรรมรุนแรง เป็นต้น ทั้งนี้ การปรับพฤติกรรมก้าวร้าวของลูกนั้น ไม่ใช่แค่การอบรมสั่งสอนด้วยคำพูดเพียงอย่างเดียว แต่ต้องผ่านความสัมพันธ์ที่ดีภายในครอบครัว เด็ก ๆ จะได้ซึมซับสถานการณ์จากแบบอย่างที่ดี ภายใต้บรรยากาศของความรักและความอบอุ่นในครอบครัวนั่นเองค่ะ

การอบรมสั่งสอนและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของลูกให้เป็นคนที่ไม่ก้าวร้าวนั้น อาจไม่ใช่สิ่งที่ทำได้ง่าย ๆ ภายในวันสองวัน หากแต่คุณพ่อคุณแม่ต้องมีความอดทน ค่อย ๆ ให้เวลาลูกในการเรียนรู้ และการปรับพฤติกรรม โดยมอบความรักและให้กำลังใจเขาอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ลูกค้นพบวิธีเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นเด็กดีได้ แต่หากคุณพ่อคุณแม่พบว่าลูกมีนิสัยก้าวร้าวรุนแรงมาก ก็ควรปรึกษากุมารแพทย์ หรือจิตแพทย์เด็กเพื่อขอคำปรึกษาหรือวินิจฉัยหาสาเหตุอื่น ๆ  ต่อไปค่ะ

ข้อมูลจาก : parents.com, parentingscience.com, เฟซบุ๊กชมรมจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นแห่งประเทศไทย, กลุ่มจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล




 

Create Date : 20 ธันวาคม 2560    
Last Update : 20 ธันวาคม 2560 9:59:54 น.
Counter : 1388 Pageviews.  

ภูลมโล 2561 ออกดอกบานสะพรั่ง ให้นักท่องเที่ยวมาเยือนดินแดนสีชมพู



ภูลมโล 2561

ภูลมโล 2561 ชมความสวยงามของดินแดนสีชมพูของดอกนางพญาเสือโคร่ง ที่กำลังผลิกลีบบานสะพรั่ง รอต้อนรับนักท่องเที่ยวตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคม 2560 จนถึงเดือนมกราคม 2561

  กลับมาอีกครั้งกับการชมความสวยงามของดอกนางพญาเสือโคร่งที่ภูลมโล ท่ามกลางสายลมหนาวช่วงปลายปี ที่แทรกตัวบานอยู่ตามหุบเขา ป่าไม้และต้นหญ้าสวยจับใจ จนกลายเป็นจุดท่องเที่ยวเช็กอินรับลมหนาวยอดฮิต ที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวชมกันเป็นจำนวนมาก และเราก็ไม่พลาดที่จะเก็บเอาภาพมาฝาก มาดูกันสิว่าบรรยากาศปีนี้จะสวยและโรแมนติกเท่ากับปีก่อน ๆ ได้หรือเปล่า

ภูลมโล 2561

ภูลมโล 2561

ภูลมโล ถือได้ว่าเป็นจุดชมดอกนางพญาเสือโคร่งที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลกกสะทอน อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย และเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า เป็นประจำทุกปีช่วงปลายเดือนธันวาคมถึงมกราคม ดอกนางพญาเสือโคร่งที่ภูลมโลจะพร้อมใจกันผลิกลีบชมพูบานจำนวนกว่าแสนต้น บนพื้นที่กว่า 1,200 ไร่ มองดูแล้วเป็นเหมือนดินแดนสีชมพูที่ใครได้มาเห็นเป็นต้องประทับใจกันทุกคน

ภาพดอกนางพญาเสือโคร่ง อัปเดตเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2560 ดอกนางพญาเสือโคร่งเริ่มออกบ้างเล็กน้อย และจะทยอยออกดอกบานในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม

ภูลมโล 2561

ภูลมโล 2561

ภูลมโล 2561

ภาพความสวยงามของดอกนางพญาเสือโคร่งที่ภูลมโลในปีที่ผ่าน ๆ มา

++++ ภูลมโล 2559 ฤดูกาลแห่งดอกนางพญาเสือโคร่งเริ่มแล้ว !

++++ ภูลมโล 2560 เริ่มฤดูกาลดอกนางพญาเสือโคร่งมาเยือน

นักท่องเที่ยวที่ต้องการขึ้นไปชื่นชมความสวยงามของดอกนางพญาเสือโคร่ง ทางอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าได้ออกประกาศเรื่องห้ามนำยานพาหนะที่อุทยานแห่งชาติมิได้อนุญาตเข้าไปในเขตภูลมโล เพื่อเป็นการดูแลรักษาไม่ให้เกิดความเสียหายของระบบนิเวศในอุทยาน ลดปัญหาการจราจรติดขัด ลดอุบัติเหตุ (จากผู้ขับขี่ที่ไม่ชำนาญเส้นทาง) และเพื่อให้นักท่องเที่ยวชมดอกนางพญาเสือโคร่งได้อย่างเต็มที่

ภูลมโล 2561

แผนที่การเดินทางมายังภูลมโล (มาจากจังหวัดเลย)

ภูลมโล 2561

แผนที่การเดินทางมายังภูลมโล (มาจากจังหวัดเพชรบูรณ์)

ภูลมโล 2561

การขึ้นชมนางพญาเสือโคร่งบนภูลมโล สามารถขึ้นได้หลายเส้นทาง ถ้ามาจากจังหวัดเพชรบูรณ์ ขึ้นทางบ้านทับเบิก ส่วนฝั่งจังหวัดเลยขึ้นทางตำบลกกสะทอน อำเภอด่านซ้าย ซึ่งเป็นเส้นทางที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยเริ่มเส้นทางจากที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลกกสะทอน นักท่องเที่ยวสามารถขับรถมาจอดไว้ที่ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลกกสะทอน แล้วจะมีรถของชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวกกสะทอน รอรับ-ส่งนักท่องเที่ยวอยู่ตรงบริเวณดังกล่าว

อัตราค่าบริการรถยนต์นำเที่ยวภูลมโล ชมดอกนางพญาเสือโคร่ง (ไม่รวมค่าผ่านเข้าอุทยาน) ไม่เกิน 10 คน ราคา 1,500 บาท จำกัดไม่เกิน 10 คน/คัน บริการด้วยรถโฟร์วีล ขับเคลื่อน 4 ล้อ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 062 557 0912, 062 557 0913 หรือ เฟซบุ๊ก ภูลมโล,ซากุระเมืองไทย,นางพญาเสือโคร่ง,กกสะทอน)

ข้อแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับคนที่ต้องการเดินทางไปเที่ยวภูลมโล

ภูลมโล 2561

1. ศึกษาข้อมูลสถานที่และการเดินทางให้เรียบร้อย

2. ควรติดต่อชมรม เพื่อหาข้อมูลการท่องเที่ยว

3. เคารพสถานที่ วัฒนธรรม และผู้คนที่พบเจอ

4. ทิ้งขยะลงถัง เพื่อทัศนียภาพที่ดีสำหรับการชมดอกนางพญาเสือโคร่ง

5. ไม่เด็ดและจับดอกนางพญาเสือโคร่ง

6. ควรเตรียมอุปกรณ์กันหนาวไปด้วย

ใครที่กำลังมองหาที่เที่ยวหน้าหนาวสวย ๆ อยู่ละก็ ลองมาเที่ยวที่ภูลมโลกันดูนะคะ เราเชื่อว่าความสวยงามของดอกนางพญาเสือโคร่ง จะเป็นอีกหนึ่งความประทับใจที่เที่ยวหน้าหนาว ที่คุณจะต้องจดจำไปอีกนานแสนนาน  ^ ^

หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง ข้อมูล ณ วันที่ 14 ธันวาคม 2560


ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
เฟซบุ๊ก ภูลมโล,ซากุระเมืองไทย,นางพญาเสือโคร่ง,กกสะทอน, เฟซบุ๊ก ภูหินร่องกล้า ดินแดนประวัติศาสตร์ มหัศจรรย์ธรรมชาติ, เฟซบุ๊ก TAT Loei Office




 

Create Date : 19 ธันวาคม 2560    
Last Update : 19 ธันวาคม 2560 16:54:39 น.
Counter : 1849 Pageviews.  

9 วิธีเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเอง เปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่มีเสน่ห์ได้ง่าย ๆ



วิธีเพิ่มความมั่นใจ

วิธีเพิ่มความมั่นใจ ที่ทำให้คุณสาว ๆ เปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ที่มีความกล้า มีความเชื่อมั่น และรู้สึกมั่นใจในตัวเองมากขึ้นกว่าเดิม มาดูกันสิว่า จะมีวิธีใดบ้าง

          สาว ๆ รู้หรือไม่คะว่าการมีความมั่นใจในตัวเองนั้น จะช่วยให้คุณสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข ทั้งยังเป็นสิ่งที่ช่วยนำไปสู่ความสำเร็จในชีวิตได้อีกด้วย เพราะหากเรามีความมั่นใจในตัวเองแล้ว ก็จะช่วยให้เราสามารถเผชิญหน้ากับปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี รู้จักการคิดและจัดการกับอารมณ์ของตัวเองได้อย่างเป็นระบบ รวมถึงยังช่วยเปลี่ยนแปลงบุคลิกให้เป็นคนที่น่าเชื่อถือ และเป็นคนที่ดูดีมีเสน่ห์ได้อย่างง่าย ๆ ซึ่งหากสาว ๆ คนไหนที่รู้ตัวว่ายังขาดความมั่นใจในตัวเองอยู่ละก็ วันนี้กระปุกดอทคอมก็มีเทคนิคเคล็ดลับดี ๆ ที่จะช่วยให้คุณเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ที่มีความมั่นใจมากขึ้นกว่าเดิม แถมยังเป็นวิธีที่เกี่ยวข้องและมีผลอ้างอิงกับทางวิทยาศาสตร์อีกด้วย มาดูกันเลยค่ะว่ามีวิธีใดบ้าง
วิธีเพิ่มความมั่นใจ
1. เปลี่ยนท่ายืน เดิน นั่งให้หลังตรง

          จากผลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์พบว่า การยืน เดิน หรือนั่งหลังตรงนั้น นอกจากจะช่วยทำให้บุคลิกของสาว ๆ ดีขึ้นแล้ว ยังช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในด้านบวกให้กับตัวเองอีกด้วยค่ะ เพราะหากนั่งหรือยืนในท่าที่ไม่ถูกต้องแล้ว ร่างกายจะไปขัดขวางทางเดินลมหายใจ ส่งผลให้ร่างกายปล่อยฮอร์โมนคอร์ติซอล (ฮอร์โมนความเครียด) ออกมา ทั้งยังทำให้ระดับเทสโทสเทอโรนแปรปรวน ส่งผลต่อความมั่นใจ ดังนั้นสาว ๆ จำไว้ง่าย ๆ ควรนั่ง ยืน และเดินตัวตรง ทำอกผาย ไหล่ผึ่ง หน้าเชิดเข้าไว้ แค่นี้ก็พร้อมสวยอย่างมั่นใจแล้วค่ะ

2. ยืดเส้นยืดสายระหว่างวัน


          การยืดเส้นยืดสายและผ่อนคลายกล้ามเนื้อนั้น ช่วยให้ระบบเลือดไหลเวียนได้ดี และยังช่วยผ่อนคลายความเครียด ให้คุณรู้สึกสบายและมีความมั่นใจขึ้น ซึ่งหากคุณอยู่ที่ทำงานก็ลองหาเวลาว่าง ๆ ลุกขึ้นมาขยับแข้งขา ยืดเส้นยืดสาย ผ่อนคลายความเครียดกันบ้าง หรือลองเลียนแบบท่านั่งแบบผู้ชายดู โดยผสานมือไว้หลังศีรษะ กางศอกกว้าง หรือยกเท้าพาดบนโต๊ะ ซึ่งจะเป็นท่าที่ผ่อนคลาย และช่วยลดระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล (ฮอร์โมนความเครียด) ได้

วิธีเพิ่มความมั่นใจ

3. ไม่มองโลกในแง่ร้าย

          สิ่งหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเองได้นั้นก็คือ ความคิดในแง่บวก ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้ตัวคุณเองคิดถึงแต่สิ่งที่ดี ๆ ให้เข้ามาในชีวิต อย่าพยายามนึกถึงความคิดในแง่ลบ หรือข้อความที่ต่อว่าตัวเอง รวมไปถึงประโยคที่แสดงถึงความสิ้นหวัง เช่น "ชีวิตของฉัน มันก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว" หรือ "สิ่งนี้เกิดขึ้นกับชีวิตฉันอยู่เสมอ" ซึ่งจะยิ่งเป็นการทำลายความมั่นใจของเราไปเรื่อย ๆ ทั้งที่ความจริงมันไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย หากแต่ลองเปลี่ยนวิธีคิดและมุมมองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น ย่อมเกิดได้กับทุกคนเสมอไป

4. มองเห็นคุณค่าในตัวเอง

          หลาย ๆ คนคงเคยได้ยินว่าหากอยากให้ตัวเองเป็นคนที่มีความมั่นใจมากขึ้น ให้พูดแต่สิ่งดี ๆ ของตัวเอง รวมถึงพูดในสิ่งที่ตัวเองอยากได้และอยากเป็น ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่จะช่วยกระตุ้นให้คุณพยายามทำตามสิ่งนั้นได้สำเร็จ แต่สิ่งที่ดีกว่านั้นก็คือการมองเห็นคุณค่าในตัวเองว่าตัวเรานั้นก็เป็นคนที่มีคุณค่า และสามารถทำสิ่งต่าง ๆ ได้ดี พร้อมกับยอมรับข้อผิดพลาดของตัวเองและพยายามหาทางแก้ไขให้ดียิ่งขึ้น

วิธีเพิ่มความมั่นใจ

5. ทำในสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกมั่นใจยิ่งขึ้น

          พฤติกรรมและรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวันของเรานั้น เป็นตัวช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้กับเราได้เป็นอย่างดี หากคุณลองหากิจกรรมที่คุณชอบและช่วยทำให้คุณรู้สึกมั่นใจขึ้น เช่น การแต่งตัว แต่งหน้า หรือ แม้แต่การฟังเพลงที่ชื่นชอบ หากทำด้วยความมั่นใจก็จะส่งผลให้สมองเกิดการรับรู้ พร้อมกับมีการกระตุ้นพฤติกรรม ช่วยทำให้คุณรู้สึกมั่นใจในตัวเองมากยิ่งขึ้น


6. ไม่คิดกังวลมากจนเกินไป

          หากพูดถึงเวลาที่ต้องออกไปพูดหน้าห้อง หรือพรีเซนต์งานต่าง ๆ สาว ๆ หลายคนอาจเกิดความรู้สึกประหม่า หวาดกลัว และวิตกกังวลไม่ใช่น้อย กลัวว่าจะทำสิ่งนั้นผิดพลาด หรือทำสิ่งที่ไม่สมควรออกไป ซึ่งหากอยากเพิ่มความมั่นใจและลดอาการประหม่าลงนั้น ให้พยายามคิดว่าสิ่งที่เรากำลังอยู่นั้นเป็นเรื่องสนุก ตื่นเต้น และน่าท้าทายที่จะได้ทำในสิ่งนี้มากกว่าการคิดกังวลไปต่าง ๆ นานา ซึ่งนั่นจะยิ่งทำให้คุณเครียด และอาจทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร

วิธีเพิ่มความมั่นใจ

7. เขียนสิ่งที่ตัวเองทำได้สำเร็จในแต่ละสัปดาห์

          ข้อนี้คล้ายกับการเขียนไดอารี่เพื่อบันทึกความทรงจำของคุณในแต่ละวัน เพียงแต่เป็นการเขียนสิ่งที่คุณทำได้สำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา เช่น คุณสามารถวิ่งได้ 5 กิโลเมตร หรือสามารถทานผักได้ครบ 10 มื้อ เป็นต้น หรืออาจเป็นเรื่องทั่ว ๆ ไปในชีวิตประจำวันของคุณ เช่น การทำงาน ครอบครัว เพื่อนฝูง ก็สามารถตั้งเป้าหมายที่จะทำสิ่งนั้นให้สำเร็จได้ ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้คุณรู้สึกภูมิใจกับความสำเร็จของตัวเอง แม้บางเรื่องจะเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ก็เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าคุณมีความพยายามและสามารถประสบความสำเร็จได้ง่าย ๆ

8. ทำตัวเองให้มีกลิ่นหอม

          สาว ๆ รู้ไหมว่าการมีกลิ่นตัวหอม ๆ นอกจากจะช่วยเพิ่มเสน่ห์แล้ว ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจในตัวเองได้มากขึ้นอีกด้วย ซึ่งงานวิจัยหนึ่งในประเทศอังกฤษได้ทำการทดลองจากคนสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งฉีดน้ำหอม อีกกลุ่มหนึ่งไม่ได้ฉีด พบว่าคนกลุ่มแรกมีความมั่นใจและมีเสน่ห์น่าดึงดูดมากกว่ากลุ่มที่สอง ซึ่งหากสาว ๆ อยากมีความมั่นใจในตัวเองเพิ่มขึ้นละก็ ลองหาน้ำหอมกลิ่มหอม ๆ มาใช้ หรือทาครีมหอม ๆ หรือใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มกลิ่นหอม ๆ เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้คุณรู้สึกมั่นใจในตัวเองได้มากขึ้นแล้วค่ะ

วิธีเพิ่มความมั่นใจ

9. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

          ผลการวิจัยพบว่าคนที่ออกกำลังกายส่วนใหญ่นอกจากจะมีสุขภาพที่ดีแล้ว ยังส่งผลให้พวกเขาเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้นอีกด้วย ทั้งยังสามารถทำสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าคนที่ไม่ออกกำลังกาย เนื่องจากร่างกายจะมีการปรับสภาพให้ระบบภายในทำงานได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งช่วยส่งผลต่อสภาพจิตใจ ทำให้คุณรู้สึกดี มีความสุข และเกิดความมั่นใจในการทำสิ่งต่าง ๆ มากขึ้นนั่นเอง อย่างไรแล้วสาว ๆ ก็อย่าลืมหมั่นออกกำลังกายกันเป็นประจำนะคะ

เมื่อได้ทราบวิธีสร้างความมั่นใจให้กับตัวเองอย่างนี้แล้ว หากสาว ๆ คนไหนที่รู้ตัวว่ายังขาดความมั่นใจอยู่ ก็ลองนำวิธีดังกล่าวไปปรับใช้ให้เข้ากับตัวเองดูนะคะ รับรองว่าจะช่วยเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ให้มีความกล้า และมีความมั่นใจมากขึ้นอีกเยอะเลยล่ะค่ะ ^_^

ข้อมูลจาก : rd.com, indiatimes.com




 

Create Date : 19 ธันวาคม 2560    
Last Update : 19 ธันวาคม 2560 16:51:52 น.
Counter : 1186 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  

หนี่งหน่อง
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




pub-1485477287124314
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add หนี่งหน่อง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.