แนวทางการรักษาใหม่เพิ่ม N.K.Cell กำจัดมะเร็ง
โดย admin1 เมื่อ 2007/9/19 13:00:00 (348 อ่าน) ที่มา : //www.healthinfo.in.th/main/modules/news/article.php?storyid=13 แนวทางการรักษาใหม่เพิ่ม N.K.Cell กำจัดมะเร็ง โดย ร.ศ.ดร.นพ.กำพล ศรีวัฒนกุล สรรพสารวงการแพทย์ ในบรรดาโรคเรื้อรังที่พบเห็นอยู่ในปัจจุบัน โรคมะเร็ง ถือได้ว่าเป็นโรคเรื้อรังที่ร้ายกาจที่สุด เพราะสามารถกระจายไปทั่วร่างกายได้เมื่อมีเซลล์มะเร็งในร่างกาย ทั่วโลกจึงได้ให้ความสนใจในการรักษารวมทั้งการป้องกัน แต่วิธีการรักษาที่ยังใช้กันอยู่ในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็น การผ่าตัด การให้เคมีบำบัด การฉายรังสี นั้นยังไม่เพียงพอต่อการรักษา นักวิจัยจึงพยายามคิดค้นหาวิธีอื่นที่จะเข้าไปช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย โดยยึดแนวทางในการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว ซึ่ง ร.ศ.ดร.นพ.กำพล ศรีวัฒนกุล ผู้อำนวยการศูนย์การแพทย์บูรณาการ (COMED) ได้อธิบายถึงวิธีการสร้างภูมิคุ้มกันของเซลล์เม็ดเลือดขาวนี้ว่า ได้เคยทำงานร่วมกับนักวิจัยของมหาวิทยาลัยมหิดล ในการหาแนวทางการรักษาผู้ป่วยที่เป็นมะเร็ง ก็พบว่า วิธีการรักษาด้วยเคมีบำบัดนั้นยังมีข้อจำกัดในการรักษา อาจทำให้ผู้ป่วยอาจเสียชีวิตได้ เพราะเคมีบำบัดจะไปทำลายเซลล์ผิดปกติและเซลล์มะเร็ง ซึ่งหากไปทำลายเซลล์ผิดปกติจะทำให้ทำลายได้ง่ายกว่า จึงได้พยายามคิดค้นหาวิธีการอื่นใดที่จะช่วยให้การใช้วิธีการรักษาด้วยเคมีบำบัดไปทำลายเซลล์ผิดปกติด้วย และก็ค้นพบแนวคิดหนึ่งที่ว่า การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ซึ่งต่อมาได้ทำการวิจัยโดยนำสารต่างๆ มาทดลอง เช่น เห็ดหลินจือ เบตาฟูลแคล แต่ว่ามีสารอยู่ตัวหนึ่งที่เรียกว่า สารอะราบิน็อกซิแลน เฮมิเซลลูโลส (Arabinoxylan Hemicellulose) จากเอนไซม์ในเห็ดชิตาเกะ ซึ่งเป็นสารที่จะช่วย ในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เพราะกลไกในการทำงาน สามารถกระตุ้นเซลล์เพชฌฆาต (NK.Cell) ได้ชัดเจน
ในธรรมชาติเซลล์เพชฌฆาตจะเป็นตัวที่คอยทำลายไวรัสกับเซลล์มะเร็ง โดยการทำลายจะเข้าไปจับเซลล์มะเร็งหรือไวรัสทันทีที่พบเห็นอย่างไม่เฉพาะเจาะจง เมื่อ NK.cell ไปพบเซลล์เป้าหมาย จะจัดการยิงกระสุนเข้าใส่เซลล์มะเร็งหรือไวรัส จากถุงเล็กๆ (Granule) ที่มีอยู่ในตัว แล้วยังพบว่า เซลล์เพชฌฆาตในคนที่เป็นมะเร็งอาจจะมีไม่เท่ากับคนปกติ ซึ่งในเซลล์เพชฌฆาตจะมี Granule อยู่ภายในน้อยมาก ทำให้การทำลายเซลล์มะเร็งในร่างกายทำได้น้อยมาก ดังนั้น ถ้าใน Granule มีกระสุนอยู่เต็มพิกัดย่อมสามารถกำจัดมะเร็งและเชื้อโรคได้เต็มประสิทธิภาพ เมื่อใส่สาร อะราบิน็อกซิแลน เฮมิเซลลูโลส (Arabinoxylan Hemicellulose) เข้าไป จะไปทำให้เซลล์เพชฌฆาตมี Granule มากขึ้น ซึ่งก็จะมีผลทำให้ไปทำลายเซลล์มะเร็งได้มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันนี้สามารถทำได้สำเร็จแล้ว ยังในอนาคตยังมีการคาดการณ์ไปถึงว่า จะสามารถเข้าไปทำลายไวรัสตับอักเสบซึ่งมีการติดเชื้อบ่อยครั้งได้ด้วยข้อมูลสำคัญของเซลล์เพชฌฆาต N.K. Cell ในระบบภูมิคุ้มกันประกอบไปด้วยเซลล์เม็ดเลือดขาวมี B cell, T cell ทำหน้าที่คอยตรวจจับสิ่งแปลกปลอมที่สูงร่างกาย จดจำลักษณะของสิ่งแปลกปลอมเหล่านั้น และทำลายล้างให้หมดสิ้นเมื่อพบเห็น และยังมี NK cell อันชาญฉลาดที่ถูกค้นพบในช่วงทศวรรษที่ 70 คอยเฝ้าระวังและทำลายเซลล์แปลกปลอมที่หลุดรอดมาจาก B cell, T cell และเซลล์ผิดปกติที่เกิดขึ้นในร่างกายเอง ก่อนที่เซลล์เหล่านั้นจะมีโอกาสพัฒนาไปเป็นเนื้อร้ายและมะเร็ง จากการวิจัยของนักวิทยาศาสตร์พบว่า NK cell คือ เซลล์ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการต่อต้านและจัดการกับเซลล์มะเร็งในร่างกาย ในรายของผู้ที่ NK cell มีประสิทธิภาพในการทำงานสูง ก็จะมีความสามารถในการป้องกันตนเองจากโรคมะเร็งสูง ในขณะเดียวกันในรายของผู้ป่วยมะเร็งที่ NK cell มีประสิทธิภาพในการทำงานสูง ก็จะสามารถฟื้นตัวจากภาวะของการเจ็บป่วยได้เร็วขึ้นเช่นกัน รายงานการวิจัยทางการแพทย์ยังยืนยันด้วยว่า อัตราการอยู่รอดของผู้ป่วยมะเร็งกับอัตราที่เพิ่มขึ้นของประสิทธิภาพของ NK Cell สัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญแนวทางในการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันจากสารอะราบิน็อกซิแลน เฮมิเซลลูโลส เนื่องจากสาร อะราบิน็อกซิแลน เฮมิเซลลูโลส (Arabinoxylan Hemicellulose) เป็นส่วนประกอบที่มาจากกากใยอาหาร ชนิด soluble fiber และมีประโยชน์ในการปรับสมดุลในร่างกาย เช่น การดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น ภาวะที่มีการรั่วซึมของเยื่อบุลำไส้ และช่วยในการขจัดอนุมูลอิสระ ทำให้มีประโยชน์ในหลายด้าน ทำให้สารนี้ใช้ในเชิงป้องกันและรักษาได้ สารอะราบิน็อกซิแลน เฮมิเซลลูโลส (Arabinoxylan Hemicellulose) จะเข้าไปช่วย กระตุ้นสร้าง Granule และหากได้รับสารนี้เข้าไปประมาณ 1 สัปดาห์ก็จะทำให้เกิดการกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้อย่างชัดเจน และผลสูงสุด 1 เดือนถ้าได้รับเข้าไปอย่างต่อเนื่อง ในงานวิจัยล่าสุดจากสหรัฐอเมริกาพบว่า สามารถกระตุ้นกระบวนการ Apoptosis ในเซลล์มะเร็ง ทำให้เซลล์มะเร็งทำลายตัวเองได้ ซึ่งจะมีผลทำให้เซลล์มะเร็งกลายเป็นเซลล์ผิดปกติ เมื่อทำลายตัวเองก็จะลดจำนวนลง อันจะเป็นการผิดธรรมชาติของการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง ถ้าผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งและจะต้องทำการผ่าตัดมะเร็ง จะต้องมีขั้นตอนในการเตรียมเซลล์เพชฌฆาตให้พร้อม เพราะเมื่อมีการลงมือผ่าตัดแล้ว เซลล์มะเร็งจะกระจายไปทั่วทั้งร่างกาย (tumor seeding) หากมีการเตรียมความพร้อมในเรื่องเซลล์เพชฌฆาตแล้วก็จะทำให้การกระจายตัวของเซลล์มะเร็งนั้นถูกทำลาย การใช้ร่วมกับเคมีบำบัด จะเข้าไปเสริมประสิทธิภาพได้ โดยเคมีบำบัดจะไปทำลาย และตัวนี้จะเข้าไปเสริมภูมิคุ้มกันที่จะไปทำลายเซลล์มะเร็งอย่างต่อเนื่องได้ นอกจากนี้ยัง ลดผลข้างเคียง เช่น ผมร่วง ทำให้ไปเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย และช่วยยืดชีวิตของผู้ป่วยได้ด้วย และหากใช้วิธีนี้ร่วมกับสเต็มเซลล์จะยิ่งได้ผลดี ในส่วนของผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสาร อะราบิน็อกซิแลน เฮมิเซลลูโลส (Arabinoxylan Hemicellulose) ที่มีอยู่ในปัจจุบัน LENTIN PLUS 1000 เป็นชื่อหนึ่งที่ได้รับการรับรองแล้วว่าได้ผลดีในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะช่วยให้การทำงานของ Granule ในเซลล์เพชฌฆาต N.K.Cell มีประสิทธิภาพในการทำลายเซลล์มะเร็งและไวรัสได้มากยิ่งขึ้น LENTIN PLUS 1000 เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นโดยอาศัยเส้นใยอาหารชนิดที่ละลายได้ในน้ำที่เรียกว่า Hemicellulose B เป็นวัตถุดิบหลัก ใน Hemicellulose B จะประกอบไปด้วย Arebinoxylan ซึ่งมี Xylose และ Arabinose เป็นโครงสร้างของน้ำตาล และมีน้ำหนักของโมเลกุลที่เบา คุณสมบัติในการกระตุ้นภูมิต้านทานของสาร Hemicellulose B จะสามารถให้ผลได้ดี คุณลักษณะของ LENTIN PLUS 1000 เป็นสารสกัดจากธัญพืช มีส่วนผสมของ Biobran Arabinoxylan complex เป็นหลัก ที่ได้รับมาตรฐานความปลอดภัย (LD 50 > 36.0 g/kg) ลักษณะผลิตภัณฑ์เป็นผงสีน้ำตาลอ่อน สามารถละลายน้ำได้ดี เมื่อได้รับเข้าสู่ร่างกายจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของภูมิต้านทานในร่างกาย ช่วยทำให้ NK Cell ทำลายเซลล์ที่ผิดปกติได้มากขึ้น ในการใช้ผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ จะต้องใช้ควบคู่ไปกับการรักษาโรคมะเร็ง เช่น ในขั้นตอนการรักษาด้วยการผ่าตัด การฉายรังสี และการทำเคมีบำบัด ก่อนทำการรักษาจะต้องเพิ่มภูมิต้านทานให้แข็งแรง เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนการทำ Biopsy (การผ่าตัดตรวจชิ้นเนื้อ) ทั้งนี้เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายของเซลล์ ในขณะทำการรักษา อีกทั้งยังเป็นการช่วยลดผลข้างเคียงภายหลังการรักษา ขนาดบริโภคโดยทั่วไป สำหรับผู้ใหญ่จะอยู่ระหว่าง 500 มิลลิกรัมถึง 3000 มิลลิกรัม ต่อวัน ในกรณีที่ภูมิคุ้มกันอ่อนแอค่อนข้างมากหรือต้องการการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ควรบริโภคในปริมาณวันละ 1000 มิลลิกรัม แต่ถ้าเป็นกรณีที่ภาวะภูมิคุ้มกันอ่อนแออย่างรุนแรง เช่น ในผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็ง ควรบริโภควันละ 3000 มิลลิกรัม ติดต่อกันเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 2 เดือน แล้วจึงลดการบริโภคลงเหลือวันละ 1000 มิลลิกรัม ในเดือนถัดไป การบริโภคอย่างต่อเนื่องจะส่งผลต่อการควบคุมประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกันสูงสุด และหากหยุดการบริโภคประสิทธิภาพของภูมิคุ้มกันจะค่อยๆ ลดลง เมื่อการรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด ทำให้การแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งเกิดขึ้น การคิดค้นวิธีในการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันก็น่าจะเป็นวิธีที่ใช้ได้ผลดี เช่นเดียวกับการรักษาด้วยวิธีเคมีบำบัด ที่จะไปทำลายเซลล์มะเร็งและเซลล์ผิดปกติในเวลาเดียวกัน การที่มีสารอะราบิน็อกซิแลน เฮมิเซลลูโลส (Arabinoxylan Hemicellulose) ช่วยเข้าไปกระตุ้นเซลล์เพชฌฆาตในร่างกายก็น่าจะเป็นการช่วยลดการกระจายเซลล์มะเร็งในร่างกายได้ดี นับว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการรักษา สำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็ง
Create Date : 16 มกราคม 2551
Last Update : 16 มกราคม 2551 15:55:05 น.
Counter : 4676 Pageviews.
ระบบภูมิคุ้มกันและสารปรับภูมิคุ้มกัน
ที่มา : //www.gpo.or.th/rdi/html/immunesystem.html เรียบเรียงโดย : สิริภรณ์ ศิริแสงเลิศ, กลุ่มวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ รอบๆ ตัวเราเต็มไปด้วยเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส และเชื้อโรคเล็กๆ มากมายที่ตาของเราไม่สามารถมองเห็นได้ มนุษย์ต้องสัมผัสกับเชื้อโรคตั้งแต่อยู่ในครรภ์ คุณเคยสงสัยหรือไม่ว่า รอบๆ ตัวเรามีเชื้อโรคมากมาย และในแต่ละวันเราสัมผัสกับเชื้อโรคอย่างนับไม่ถ้วน แต่ทำไมเราไม่เจ็บป่วย เพราะเชื้อโรคเหล่านั้น หรือหากจะเจ็บป่วยบ้างแต่ก็ไม่บ่อยนัก การที่เราไม่เจ็บป่วยง่ายๆ เพราะร่างกายมีระบบภูมิคุ้มกัน (หรือภูมิต้านทาน) คอยปกป้องอยู่ ระบบภูมิคุ้มกันเป็นกลไกการป้องกันตนเองอย่างหนึ่งของร่างกาย เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกายและอาจเป็นโทษ สิ่งแปลกปลอมนอกจากจุลินทรีย์แล้ว ได้แก่ สารเคมีจากธรรมชาติ เช่น จากพืช จากอาหาร หรือสารเคมีที่มนุษย์สร้างขึ้น ตลอดจนฝุ่นละออง ขนสัตว์ ละอองเกสรดอกไม้ต่างๆ ระบบภูมิคุ้มกันก็จะออกมาต่อต้านหรือทำลายสิ่งแปลกปลอมนั้น ร่างกายจึงอยู่ได้อย่างปกติสุข แต่หากในกรณีที่การทำงานของระบบภูมิคุ้มกันประสบความล้มเหลว ร่างกายก็จะถูกคุกคามด้วยโรคภัยไข้เจ็บ โรคภูมิแพ้ โรคมะเร็ง เป็นต้น ระบบภูมิคุ้มกันและการตอบสนองต่อเชื้อโรค แต่ละคนมีวิธีการป้องกันที่ธรรมชาติให้มานั้นใกล้เคียงกันแต่ความสมบูรณ์และ ประสิทธิภาพในการทำงานของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันออกไป ระบบที่ใช้เพื่อทำหน้าที่ป้องกันโรคของร่างกายนี้เรียกว่า ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย (immune system) ซึ่งจะแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ 1. ภูมิคุ้มกันแบบไม่เฉพาะเจาะจงที่มีโดยธรรมชาติ (native immunity หรือ natural resistance) เป็นภูมิคุ้มกันที่มีมาแต่กำเนิด กลไกการป้องกันแบ่งออกเป็น 1.1 ลักษณะป้องกันทางกายวิภาค (anatomical barrier) เช่น ผิวหนัง และเยื่อบุผิว 1.2 สารเคมีในร่างกาย (chemical factor) เช่น น้ำตา น้ำลาย สารคัดหลั่งจากเซลล์เยื่อบุจมูก น้ำย่อย 1.3 การสะกดกลืนกิน (phagocytosis) เซลล์ที่ทำหน้าที่ ได้แก่ neutrophil, monocyte, macrophage เป็นต้น 1.4 ระบบคอมพลีเมนต์ (complement system) คือกลุ่มของโปรตีนในซีรั่มมากกว่า 20 ชนิด ที่ในภาวะปกติจะอยู่ในรูป inactive form แต่เมื่อถูกกระตุ้นจาก antigen-antibody complex หรือ immune complex จะทำให้เกิดการกระตุ้นเชื่อมโยงต่อๆ ไป และ products ที่เกิดขึ้นจับเป็นคอมเพล็กซ์ที่เมมเบรนและก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่กลับคืนไม่ได้ของเมมเบรนทั้งหน้าที่และรูปร่าง ทำให้เซลล์เกิดการแตกสลาย นอกจากนั้น biological products ที่เกิดขึ้นจะมีผล ให้เกิดปฏิกิริยาต่างๆ ตามมามากมาย เช่น inflammation, anaphylaxis 2. ภูมิคุ้มกันแบบเฉพาะเจาะจง (specific acquired immunity) จะแบ่งวิธีการตอบสนองออกเป็น 2 ระบบใหญ่ คือ - humoral immune response (HIR) คือกระแสเลือดและกระแสน้ำทั่วร่างกาย โดยอาศัยการสร้าง antibody (Ab) จาก B-lymphocyte ซึ่งมีกำเนิดจากไขกระดูก ในตอนแรกจะอยู่ในรูป pre-B-cell จากนั้นย้ายไปที่ lymphoid tissue เพื่อพัฒนาเป็น B-lymphocyte ที่เจริญเต็มที่จึงถูกปล่อยออกมาสู่กระแสเลือดและไปตาม lymphoid tissue ต่างๆ เข้าสู่กระแสน้ำเหลืองทั่วร่างกายเพื่อทำหน้าที่ เมื่อมี immunogen เข้ามาและทำการตอบสนองก็จะเปลี่ยนแปลงไปเป็น blast cell และ plasma cell ตามลำดับเพื่อทำหน้าที่สร้าง antibody ที่จำเพาะต่อ immunogen แต่ละชนิด - cell-mediated immune response (CMIR) คือด้านพึ่งเซลล์ เซลล์ที่ทำหน้าที่ในการตอบสนองนี้คือ T lymphocyte ซึ่งต้นกำเนิดก็มาจากไขกระดูกเช่นเดียวกับ B lymphocyte โดยในตอนแรกจะเป็น pre-T-cell จากนั้นจึงพัฒนาผ่านทาง thymus gland มาเป็น T-cell ที่สมบูรณ์ นอกจากนี้การตอบสนองอาจเกิดจากปฏิกิริยาของ mediators ที่ปล่อยออกมา (lymphokines) หรือร่วมกับเซลล์อื่นๆ เช่น killer cell (K cell), natural killer cell (NK cell), macrophage เม็ดเลือดขาว (leucocyte) แบ่งเป็น 1. polymorphonuclear granular leucocyte (PMN) เช่น neutrophil, eosinophil, basophil 2. non-granular leucocyte เช่น lymphocyte, monocyte โดย lymphocyte จะเจริญต่อไปเป็น 2.1 T lymphocyte มีหน้าที่คือ 1. ทำลายเซลล์เป้าหมาย เช่น เซลล์เนื้องอก เซลล์มะเร็ง เป็นต้น 2. มีหน้าที่ควบคุมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ได้แก่ ผลิต lymphokines ชนิด ต่างๆ เพื่อช่วย B lymphocyte สร้าง antibody และช่วย T lymphocyte ชนิดอื่น, NK cell, phagocyte ในการกำจัดสิ่งแปลกปลอม นอกจากนี้ยังมีหน้าที่ควบคุมการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันไม่ให้มากเกินไป โดยการหลั่ง suppressor factor 2.2 B lymphocyte เป็นต้นกำเนิดของ plasma cell ซึ่งเป็นเซลล์สำคัญในการผลิต antibody 1. NK cell (Natural Killer Cell) เป็น large granular lymphocyte ที่ต่างจาก T, B lymphocyte คือสามารถเข้าทำลายเซลล์แปลกปลอมได้โดยไม่ต้องอาศัย antibody คือไม่ต้องมีความจำเพาะระหว่างมันและเซลล์แปลกปลอม การทำงานที่แตกต่างกันนี้จึงถูกเรียกว่า non specific cell-mediated cytotoxicity 2. K cell (Killer Cell) การทำงานต่างจาก NK cell คือ จะทำลายเซลล์แปลกปลอมด้วยวิธี ADCC (Antibody dependent cell-mediated cytotoxicity) 3. Phargocyte ได้แก่ neutrophil, eosinophil, monocyte และ macrophage ทำให้เกิดกระบวนการ phagocytosis คือ กินและทำลายสิ่งแปลกปลอม เมื่อเซลล์เหล่านี้มาถึงจะเคลื่อนตัวไปหาสิ่งแปลกปลอมนั้น (chemotaxis) แล้วประกบติด (attachment) ต่อมาจะกลืน (ingestion) แล้วจึงมีการย่อย (intracellular digestion) ด้วยกลไกหลายอย่างในเซลล์ แล้วจึงปล่อยสิ่งแปลกปลอมที่ถูกทำลายแล้วออกไปจากเซลล์ (elimination) 4. Mediator cell ได้แก่ mast cell, basophil ใน granule มีสารหลายอย่างที่สำคัญคือ histamine และ SRS-A (Slow Reactive Substance of Anaphylaxis) ทำให้มีบทบาทสำคัญในปฏิกิริยาการแพ้ต่างๆ 5. Interferon (IFN) เป็นกลุ่มของโปรตีน มี 3 ชนิด คือ - interferon alpha ได้จาก leucocyte และ lymphoblastoid cells - interferon beta ได้จาก fibroblast - interferon gamma ได้จาก T lymphocyte IFN จัดเป็น lymphokines ตัวหนึ่งที่มีผลปรับปรุงภูมิคุ้มกันระบบ CMIR เช่น เพิ่ม microphage activity เพิ่ม cytotoxicity ของ macrophage และ NK cell เพิ่มการสร้าง antibody ของ B cell เป็นต้น 6. Interleukin (IL) เป็นสารโปรตีนที่หลั่งมาจาก leucocyte มีทั้ง IL1, IL2, IL3, IL4 โดย IL1 มีฤทธิ์เพิ่ม proliferation ของ B lymphocyte กระตุ้น NK cell chemotaxis เป็นต้น ส่วน IL2 มีฤทธิ์เพิ่ม proliferation ของ T lymphocyte กระตุ้นการสร้าง antibody กระตุ้น NK cell เป็นต้น ความต้านทานโรคที่ต่างกันขึ้นกับ 2 ปัจจัย คือ 1. กรรมพันธุ์ ปัจจัยนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แต่ละคนมีระบบภูมิคุ้มกันที่ได้รับการถ่ายทอดจากพ่อแม่ต่างกัน ฉะนั้นหากพ่อแม่มีระบบภูมิคุ้มกันที่ดี ลูกก็ย่อมจะมีภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย หากพ่อแม่มีภูมิคุ้มกันบางจุดบกพร่อง ลูกก็อาจได้รับการถ่ายทอดในจุดที่บกพร่องได้เช่นกัน แต่โดยทั่วๆ ไปภูมิคุ้มกันก็จะได้มาตรฐานในระดับหนึ่ง 2. สุขภาพร่างกาย เมื่อได้รับเชื้อโรค ร่างกายจะต้องสร้างสารภูมิคุ้มกันได้เร็วและมากพอจึงจะกำจัดเชื้อโรคได้ ถ้าร่างกายอ่อนแอก็ทำให้ระบบอ่อนแอไปด้วย การสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายก็ไม่ค่อยดี จึงเกิดการเจ็บป่วยขึ้น การเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ถึงแม้แต่ละคนจะมีระบบภูมิคุ้มกันที่ได้รับถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์มาต่างกัน แต่ก็สามารถมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีได้เหมือนกัน โดยหลักการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันง่ายๆ มีดังนี้คือ 1. อาหาร กินอาหารให้ครบทุกหมู่และเพียงพอ และอาหารที่กินควรมีคุณภาพดี เช่น สด สะอาด ปนเปื้อนน้อยที่สุด ไม่กินอาหารหมักดอง อาหารที่ทอดหรือย่างจนไหม้เกรียม 2. ออกกำลังกาย การออกกำลังกายจะทำให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น มีการแตกแขนงของหลอดเลือดในเนื้อเยื่อต่างๆ มากขึ้น ทำให้เม็ดโลหิตขาวหรือภูมิคุ้มกัน เข้าสู่ในเนื้อเยื่อต่างๆ ได้ง่าย เมื่อมีเชื้อโรคเข้ามาก็เข้าไปจัดการได้เร็ว 3. ทำจิตใจให้เบิกบาน จิตใจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน หรือสารสุขในร่างกาย สารนี้พอหลั่งออกมาทำให้ระบบการทำงานของเซลล์ดีขึ้น ในทางตรงกันข้ามหากจิตใจห่อเหี่ยวเศร้า เป็นทุกข์ ร่างกายจะหลั่งสารทุกข์ ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ไม่ดี ร่างกายอาจเจ็บป่วยได้ สารเอ็นดอร์ฟินจะหลั่งเมื่อจิตใจมีความสุข สงบ เบิกบาน ฉะนั้นการคิดแต่สิ่งดีๆ คิดช่วยเหลือผู้อื่น คิดในแง่บวก ก็เป็นการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันเช่นกัน ปัจจุบันมีการนำความรู้ทางระบบภูมิคุ้มกันมาใช้ในการรักษาโรค (immunotherapy) โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับภาวะภูมิคุ้มกันผิดปกติ เช่น โรคมะเร็ง และโรคเอดส์ การค้นคว้าวิจัยหาสารที่มีฤทธิ์ปรับภาวะภูมิคุ้มกันของร่างกายจึงเป็นสิ่งจำเป็นสารปรับปรุงภูมิคุ้มกัน (immunomodulators) คือ สารใดๆ ก็ตามทั้งที่เป็นสารชีวภาพ (biological) และไม่ใช่สารชีวภาพที่มีผลโดยตรงต่อระบบภูมิคุ้มกันแบบจำเพาะ หรือมีผลเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบใดๆ ของ immunoregulatory network ทำให้มีผลทางอ้อมต่อระบบ ภูมิคุ้มกันอีกต่อหนึ่ง สารปรับปรุงภูมิคุ้มกันมีความสำคัญมากขึ้นเนื่องมาจากการระบาดของไวรัส HIV ซึ่งทำให้เกิดโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (AIDS, aquired immunodeficiency syndrome) เพราะว่าเชื้อ HIV จะเข้าทำลาย helper T cell หากจะสรุปประโยชน์ของสารปรับปรุงภูมิคุ้มกันก็คือ 1. รักษาผู้ป่วยมะเร็ง เพราะผู้ป่วยมะเร็งทุกคนจะมีความบกพร่องในระบบภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้คนที่มีระบบภูมิคุ้มกันบกพร่องจะมีอัตราการเกิดมะเร็งมากกว่าคนปกติถึง 200 เท่า เพราะฉะนั้นเมื่อเราเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้ดีด้วยสารปรับปรุงภูมิคุ้มกันจึงรักษาผู้ป่วยมะเร็งได้ โดยจะไปเพิ่มการตอบสนองของร่างกายโดยตรงต่อเซลล์มะเร็งคือ จะเพิ่มจำนวนและ/หรือ activator ของ effector cells หรือไปเพิ่มการหลั่ง mediators เช่น lymphokines จาก T cell 2. ใช้รักษาโรค AIDS โดยเชื้อ HIV จะทำลาย helper T cell ทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสเป็นโรคติดเชื้อ โรคมะเร็งได้ง่ายกว่าปกติ รุนแรงและรักษายากด้วย นอกจากนี้เชื้อ HIV ยังทำให้เซลล์อื่นๆ ผิดปกติด้วยเช่น NK cell และการผลิต lymphokines เปลี่ยนแปลง 3. เป็นยาต้านไวรัส เช่น interferon (IFN) สามารถป้องกันไม่ให้ uninfected cell ติดเชื้อไวรัส สารปรับปรุงภูมิคุ้มกันของร่างกายมีหลายชนิด สามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มๆ ได้ดังนี้ 1) สารปรับปรุงภูมิคุ้มกันที่เตรียมจากจุลินทรีย์ เช่น Bacillus Calmette Guerin (BCG) เป็นวัคซีนกระตุ้น macrophage ให้ดุร้ายขึ้นและทำลายเชลล์มะเร็งดีขึ้น, -1,3 glucan จากผนังเซลล์ Saccharomyces cerevisiae จะช่วยกระตุ้น reticuloendothelial system (RES) ทำให้มีการสร้าง granulocyte และ monocyte เพิ่มขึ้น, Corynebacterium parvum, muramyldipeptide dipeptide, lentinan เป็นต้น 2) Thymic Hormones เช่น thymosins, thymichormone factors และ hormone-like factors 3) สารสังเคราะห์ เช่น retinoids, levamisole, isoprinosin 4) Interferons และ interferon inducers เช่น ไวรัส แบคทีเรีย สารสกัดจากรา เป็นต้นเอกสารอ้างอิง 1. ปริ่มเฉนียน มุ่งการดี. ภูมิคุ้มกันวิทยาและระบบภูมิคุ้มกัน. เภสัชจุลชีววิทยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, 2531. 2. อัครพล แก้วมาลี และอุไรวรรณ โรจน์สังวาล. สารชีวภาพที่มีฤทธิ์ปรับภาวะภูมิคุ้มกันทางร่างกาย I. คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, 2534. 3. //www.allergy.or.th/cover/immunology.html 4. //thaiabonline.com/immunosystem.htm
Create Date : 28 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 28 พฤศจิกายน 2550 15:32:26 น.
Counter : 8214 Pageviews.
ความรู้เบื้องต้นของระบบภูมิคุ้มกัน
ที่มา : //www.nhrbc.org/HIV_vaccine/paper16.2.htmlเรียบเรียงโดย : รวงผึ้ง สุทเธนทร์ ระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์มีอยู่ทั่วร่างกาย เปรียบเหมือนกองทัพทหารที่ป้องกันประเทศ ประกอบด้วย ต่อมน้ำเหลือง (เป็นที่อยู่ของเซลล์เม็ดเลือดขาว) คือ หน่วยทหาร และท่อน้ำเหลือง ที่ภายในจะเป็น น้ำเหลือง และเซลล์เม็ดเลือดขาว เชื่อมต่อระหว่างต่อมน้ำเหลืองด้วยกันเอง และเชื่อมต่อเข้ากับเส้นเลือด คือ เส้นทางเดินทัพของทหาร ม้าม ไขกระดูก ต่อมทอนซิล Payer's patch ที่อยู่ตามเยื่อบุทางเดินอาหาร เป็นที่ตั้งฐานทัพของทหาร สิ่งแปลกปลอมต่างๆรวมทั้งจุลชีพก่อโรคจะผ่านเข้าสู่ต่อมน้ำเหลืองจากตำแหน่งที่เข้าสู่ร่างกาย เข้าสู่ต่อมน้ำเหลืองเฉพาะที่ และผ่านทางเส้นเลือดและท่อน้ำเหลืองกระจายไปทั่วร่างกาย เซลล์ของระบบภูมิคุ้มกัน เซลล์ที่ทำหน้าที่ในระบบภูมิคุ้มกัน สร้างมาจาก stem cells ที่อยู่ในไขกระดูก แบ่งเป็น 1) เซลล์ที่ทำหน้าที่กินสิ่งแปลกปลอม เช่น macrophage, monocyte, neutrophil 2) เซลล์ที่มี granule จำนวนมาก ได้แก่ eosinophil, basophil และ 3) เซลล์เม็ดเลือดขาวขนาดเล็กที่เรียกว่า เซลล์ลิมโฟไซท์ (lymphocyte) ซึ่งแบ่งเป็น 2 ชนิด คือ B cells และ T cells B cells ทำหน้าที่ผลิตภูมิคุ้มกันชนิดสารน้ำที่เรียกว่า แอนติบอดี โดยที่ B cell จะถูกกระตุ้นด้วยแอนติเจน แล้วจึงเปลี่ยนเป็น plasma cells เพื่อสร้างแอนติบอดีจำเพาะต่อแอนติเจนนั้น T cells ทำหน้าที่ด้านการตอบสนองทางด้านเซลล์ เพื่อกำจัดสิ่งแปลกปลอมหรือจุลชีพแบ่งเป็น 1) เซลล์ CD4 หรือ helper T (Th) cells เป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวที่มีแอนติเจนชนิด CD4 บนผนังเซลล์ ทำหน้าที่ส่งเสริมเรียกเซลล์เม็ดเลือดขาวอื่น เช่น B cell ในการสร้างแอนติบอดีจำเพาะ และ T cells เพื่อการเปลี่ยนเป็น cytotoxic T cells (CTL) ดังนั้น CD4+ T cells จึงมีความสำคัญมาก เพราะมีส่วนร่วมในการทำให้มีภูมิคุ้มกันทั้งแบบเซลล์และสารน้ำ 2) เซลล์ CD8 หรือ killer cells หรือ suppressor cells เป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวที่มีแอนติเจนชนิด CD8 บนผนังเซลล์ ทำหน้าที่ทำลายเซลล์ที่ผิดปกติหรือที่ติดเชื้อจุลชีพ เซลล์เม็ดเลือดขาวพวกนี้จะรู้ได้ว่าเซลล์ชนิดใดเป็นสิ่งแปลกปลอม จากที่เซลล์ชนิดนั้นไม่มีโมเลกุลที่ผิวเซลล์ HLA class I ชนิดเดียวกับเซลล์เม็ดเลือดขาวนั้น ส่วนสิ่งแปลกปลอมที่กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน เรียกว่า แอนติเจน (antigen) และตำแหน่งบนแอนติเจนที่จำเพาะในการกระตุ้นเรียกว่า epitope แบ่งเป็น B-cell epitope กระตุ้น B-cell เพื่อสร้างแอนติบอดีจำเพาะ และ T-cell epitope กระตุ้น T-cell แอนติบอดี แอนติบอดี หรือ อิมมูโนโกลบูลิน (immunoglobulin) เป็นโปรตีนที่มีรูปร่างคล้ายตัว Y เปรียบเหมือนรถยนต์ ที่จะเปลี่ยนสีและรูปร่าง ตามลักษณะของเชื้อโรคที่จำเพาะนั้นๆ โดยที่ส่วนยอดของตัว Y จะมีความหลากหลายมากไม่เหมือนกันในแอนติบอดีจำเพาะต่อแอนติเจนแต่ละชนิด เรียกว่า variable region เป็นตำแหน่งที่จับกับแอนติเจน ส่วนที่โคนตัว Y ของโมเลกุลแอนติบอดีจะบ่งบอกถึงชนิดของแอนติบอดีว่าเป็น class ไหน เช่น IgG, IgA, IgM, IgD, IgE เรียกว่า constant region แอนติบอดีกระจายอยู่ตามท่อน้ำเหลือง และเส้นเลือด แอนติบอดีจะจับกับสิ่งแปลกปลอม หรือจุลชีพที่เข้ามาในร่างกาย เพื่อการทำลายจุลชีพนั้นๆ แอนติบอดีชนิด secretory IgA จะอยู่ตามช่องเยื่อบุต่างๆ ในน้ำตา น้ำลาย สารหลั่งในช่องทางเดินอาหาร ทางเดินหายใจ ท่อปัสสาวะ ช่องคลอด เป็นต้น เพื่อยับยั้งไม่ให้จุลชีพ หรือสิ่งแปลกปลอมผ่านเข้าร่างกายทางเยื่อบุ Cytokines เป็นโปรตีนที่สร้างจากเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกัน เพื่อสื่อสารกันระหว่างเซลล์ cytokines ที่สร้างจาก T- และ B- cells ที่เรียกว่า lymphokines ได้แก่ interleukin (IL)และ interferon ส่วนที่สร้างจาก monocytes และ macrophage เรียกว่า monokines โดย cytokines ที่หลั่งออกมาอาจทำหน้าที่เรียกเซลล์เม็ดเลือดขาวให้มารวมกันที่ตำแหน่งที่มีสิ่งแปลกปลอม กระตุ้นการเพิ่มจำนวนเซลล์ ทำให้เซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันมีการเปลี่ยนแปลง และ ทำลายเซลล์ ระบบ Complement เป็นระบบที่ประกอบด้วยการทำงานอย่างต่อเนื่องของโปรตีนหลายชนิด เพื่อช่วยแอนติบอดีในการทำลายแบคทีเรีย โดยที่โปรตีนเหล่านี้อยู่ในกระแสเลือดในรูปของ inactive form ปฏิกิริยา complement เริ่มจาก โปรตีน C1 ถูกกระตุ้นด้วยแอนติบอดีที่จับกับแอนติเจนเป็น antigen-antibody complex แล้วจึงมีการกระตุ้นโปรตีนในระบบอย่างต่อเนื่อง จนทำให้เซลล์เสียสมดุลของภายในเซลล์ ด้วยการเกิดรูที่ผิวเซลล์ เซลล์จึงถูกทำลายMajor histocompatibility complex (MHC) Peter Gorer เป็นผู้กล่าวถึง MHC ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1936 เกี่ยวกับแอนติเจนที่ผิวเซลล์เม็ดเลือดแดงของหนู ต่อมามีการศึกษาต่อว่าแอนติเจนในกลุ่มนี้เกี่ยวข้องกับกลุ่มแอนติเจนที่สำคัญกับการรับหรือ ต่อต้านการเปลี่ยนอวัยวะ ที่เรียกว่า histocompatibility antigens และเรียกชื่อว่า histocompatibility-2 (H-2) จนกระทั่งในช่วงปลายทศวรรษ 1960 จึงพบความเกี่ยวข้องแอนติเจนนี้กับการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน และแบ่งเป็นสองชนิดตามตำแหน่งบนยีน เป็น class I และ class II ในมนุษย์มีการพบว่า human leukocyte antigen (HLA) system นั้นเป็นกลุ่มของยีนที่สร้างแอนติเจนเหมือน MHC genes ในหนู โดยที่ class I คือ HLA-A, -B, -C และ class II คือ HLA-DP, DQ และDR แอนติเจนทั้งสอง classes ถูกสร้างอยู่ที่ผิวเซลล์ เกี่ยวข้องกับแอนติเจนที่แสดงว่าเซลล์นั้นเป็นเซลล์ของตัวเอง ปกติแอนติเจน MHC class I จะพบเพียง 1% ของโปรตีนที่อยู่ที่ผิวเซลล์ทั่วไป แต่จะเพิ่มปริมาณมากขึ้นเมื่อถูกกระตุ้นด้วย cytokines บางชนิด เช่น interferon gamma สำหรับ Class II MHC อยู่ที่ผิวเซลล์เฉพาะ เช่น dendritic cells, macrophage, B cells, activated T-cellsNatural killer หรือ NK cells อินเตอร์เฟอรอน (Interferon) ที่ถูกสร้างขึ้นจากเซลล์ที่ติดเชื้อไวรัส กระตุ้นให้เซลล์ NK เพิ่มจำนวน ซึ่งจะไปทำลายเซลล์ติดเชื้อไวรัสแบบไม่จำเพาะ โดยไวรัสทำให้โมเลกุล MHC1 ที่ผิวเซลล์ลดลง เซลล์ NK จะทำลายเซลล์นั้นแต่ไม่ทำลายเซลล์ที่มีโมเลกุล MHC1 เป็นปกติ นอกจากนี้เซลล์ติดเชื้อไวรัสที่มีแอนติบอดีมาจับที่ผิวเซลล์ตรงที่มีส่วน epitopes ของไวรัสปรากฎอยู่ จะทำให้เซลล์ NK และ CTL มาทำลายเซลล์นั้นได้ เรียกว่า Antibody dependent cellular cytotoxicity (ADCC)การตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันต่อจุลชีพ จุลชีพที่จะผ่านเข้าสู่ร่างกาย อาจผ่านเข้าทางผิวหนัง หรือเยื่อบุต่างๆ ซึ่งเป็นที่ๆมีการป้องกันด้วยคุณสมบัติทางกายภาพของผิวหนังและเยื่อบุเอง โดยเป็นด่านแรกของระบบการป้องกันการเข้าสู่ร่างกายจากจุลชีพ ซึ่งจะเป็นแบบ innate immunity ซึ่งเป็นภูมิคุ้มกันแบบไม่จำเพาะ ประกอบด้วยเซลล์ชนิด phagocytes เช่น เซลล์ macrophage dendritic และ granulocytes เป็นต้น ทำหน้าที่กินและทำลายสิ่งแปลกปลอม แอนติบอดีชนิด IgA และสารหลั่งที่เคลือบตามเยื่อบุ มี lysozyme, lactoferin, หรือภาวะเป็นกรด หรือการเคลื่อนไหวที่บริเวณของผิวเยื่อบุ เช่น การทำงานของ cilia ที่เยื่อบุ การไอ การปัสสาวะจะพัดพาจุลชีพออกมา โดยปกติตามเยื่อบุและผิวหนังก็มีจุลชีพอยู่แต่ไม่ผ่านเข้าสู่ร่างกายเพราะ innate immunity นี้ จุลชีพที่สามารถผ่านเข้าร่างกายทางชั้นผิวหนังหรือเยื่อบุต้องมีคุณสมบัติพิเศษที่จะผ่านการทำลายด้วย non-specific defenses หรือเป็นภาวะที่ผิวหนังและเยื่อบุขาดคุณสมบัติที่จะป้องกัน เช่น เป็นแผล การเกิดภาวะอักเสบ (inflammation response) เป็นการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันชนิดไม่จำเพาะที่สำคัญ เกิดจากกลุ่มเซลล์ที่ถูกทำลายโดยจุลชีพ เซลล์ phagocytes ที่จับกินจุลชีพ หรือสิ่งแปลกปลอม และเซลล์ mast ที่ถูกกระตุ้นจากระบบ complement โดยที่เซลล์ต่างๆเหล่านี้จะหลั่งสารเคมีต่างๆ ที่ทำให้เกิดการอักเสบ ได้แก่ เซลล์ mast หลั่ง histamine ทำให้เส้นเลือดขยายตัว (vasodilate) และผนังเส้นเลือดเปิดให้เซลล์เม็ดเลือดขาวที่ถูกกระตุ้นออกมาจากเส้นเลือดเข้าสู่ตำแหน่งที่มีจุลชีพมากขึ้น prostaglandins ทำให้เส้นเลือดขยายตัว เกิดไข้และเจ็บปวด และ leukotrienes มีคุณสมบัติเป็น chemotaxis ดึงดูดเซลล์เม็ดเลือดขาวให้มายังบริเวณที่มีสารนี้อยู่ ทั้ง prostaglandins และ leukotrienes สร้างจากเซลล์เม็ดเลือดขาว และเซลล์ทั่วไปที่ถูกกระตุ้นโดยจุลชีพ นอกจากนี้เซลล์เม็ดเลือดขาว โดยเฉพาะ lymphocytes และ macrophage ที่มายังบริเวณที่ติดเชื้อจะหลั่ง cytokines ที่สำคัญในการตอบสนองแบบไม่จำเพาะ ได้แก่ interleukin 1 (IL-1) และ tumor necrosis factor (TNF) ที่ทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ไข้ และที่สำคัญ คือ กระตุ้นให้มีเซลล์เม็ดเลือดขาวมามากขึ้น เพื่อการเกิดการตอบสนองระบบภูมิคุ้มกันแบบจำเพาะต่อไป หรือถ้าจุลชีพสามารถถูกทำลายหมดจะกระตุ้นให้เกิดการซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่ถูกทำลายไปAntigen Receptors ทั้ง B- และ T- cells มีโมเลกุล receptors ที่ผิวเซลล์เพื่อจับกับแอนติเจน สำหรับ B-cell เป็นโมเลกุลของอิมมูโนโกลบูลินที่เกาะที่ผิวเซลล์ ส่วนของ T-cell คือ T-cell receptor, TRC หรือ CD3 เป็นโมเลกุลที่ซับซ้อนกว่า ที่จะจำและจับกับแอนติเจนที่หลากหลายถูกนำเสนอโดย antigen-presenting cell เท่านั้น การกระตุ้น B Cells ให้สร้างแอนติบอดี B-cell จะจับกับแอนติเจนที่จำเพาะด้วย antibody receptor ที่ผิวเซลล์ และนำส่วนแอนติเจนเข้ามาในเซลล์ เปลี่ยนแปลงและนำเสนอที่ผิวเซลล์ร่วมกับโมเลกุล HLA class II ซึ่งทำให้ T helper-cell มาจับและถูกกระตุ้นด้วยแอนติเจนที่ถูกเสนอจาก B-cells T-cell หลั่งสาร lymphokines ที่ไปสั่งให้ B-cell เปลี่ยนแปลงรูปร่างเป็น plasma cell เพื่อสร้างแอนติบอดีต่อไป เมื่อเริ่มได้รับจุลชีพครั้งแรกแอนติบอดีจะถูกสร้างขึ้นมากจนถูกตรวจพบได้ภายใน 7-10 วันหลังจากที่ได้รับจุลชีพปริมาณของแอนติบอดีจะค่อยๆเพิ่มขึ้น และลดลงจนใกล้ระดับเมื่อเริ่ม เรียกการตอบสนองแบบนี้ว่า primary response เมื่อได้รับจุลชีพนั้นอีกครั้งระดับแอนติบอดีนี้จะสูงจนตรวจพบได้ภายใน 24 ชั่วโมง เรียกการตอบสนองแบบนี้ว่า secondary response แอนติบอดียับยั้งการติดเชื้อ ด้วยการ neutralize กับจุลชีพนั้น โดยใช้ส่วนปลายโมเลกุลอิมมูโนโกลบุลินรูปตัว Y จับกับจุลชีพ ถ้าเป็นไวรัส จะทำให้ไวรัสนั้นไม่เข้าสู่เซลล์เป้าหมาย และกระตุ้นระบบ complement ทำลายจุลชีพ หรือกระตุ้นระบบ ADCCการกระตุ้น T cells: Helper และ Cytotoxic เมื่อ antigen-presenting cells (เช่น macrophage, dendritic cells) กินจุลชีพหรือสิ่งแปลกปลอม แอนติเจนจะถูกเปลี่ยนแปลงและนำเสนอที่ผิวเซลล์ร่วมกับโมเลกุล HLA class II ที่ไปจับกับ Th-cell ทำให้มีการหลั่ง lymphokines ซึ่งจะไปทำให้ T cells ชนิดต่างๆ มีการเปลี่ยนแปลง เช่น Th cells เพิ่มจำนวนและเปลี่ยนแปลงเป็น memory cells CD8+ T cells เป็น cytotoxic T lymphocyte (CTL) ซึ่งจะไปทำลายเซลล์ติดเชื้อที่มีแอนติเจนของจุลชีพนั้นเสนอที่ผิวเซลล์ร่วมกับโมเลกุล HLA class I จุลชีพบางชนิดเป็น intracellular เช่น ไวรัส และ mycobacteria เมื่อถูกกินด้วย macrophage จะไม่ถูกทำลายแต่จะอยู่ในเซลล์และเพิ่มจำนวนได้ แอนติบอดีจะไม่สามารถจัดการทำลายจุลชีพที่อยู่ภายในเซลล์ได้ จำเป็นต้องใช้เซลล์ CTLs มาทำลายเซลล์ที่ติดเชื้อไวรัสนี้ และหลั่งสาร cytokines ที่ทำให้ macrophage ทำลายจุลชีพ Mycobacteria ได้ perforin ซึ่งเป็นโปรตีนที่ถูกสร้างจากเซลล์ CTL ซึ่งถูกพบใน granules ภายในเซลล์ มีส่วนในการทำลายเซลล์ที่ติดเชื้อ ทั้งแบบ apoptosis และ จากสาร cytokines ที่ถูกหลั่งจากเซลล์ CTL ด้วยเช่นกัน เช่น interferon-g (IFN- g) ที่ยับยั้งการเพิ่มจำนวนของไวรัสในเซลล์ ด้วยการกระตุ้นเอนไซม์ 2 ชนิด คือ 2', 5' oligo-A synthetase ซึ่งไปทำให้เอนไซม์ Rnase L เปลี่ยนจาก inactive เป็น active form ย่อยยีโนมอาร์เอ็นเอ และ mRNAs ของไวรัส กับ เอนไซม์ p68 kinase ซึ่งไปทำให้ eIF-2a เปลี่ยนจาก active เป็น inactive form ยับยั้งการเริ่มสร้างโปรตีนของไวรัส tumor-necrosis factor (TNF) กระตุ้นการเพิ่มจำนวนของเชื้อเอชไอวีโดยจับที่บริเวณ 5' long terminal repeat (LTR), chemokines ได้แก่ MIP-1a, MIP-b, RANTES ซึ่งไปยับยั้งการเพิ่มจำนวนไวรัส ด้วยการแย่งจับกับ CCR5 เซลล์ CTL ยังสร้างสารยับยั้งไวรัส เรียกว่า CD8+ T-cell antiviral factor (CAF) ซึ่งไปยับยั้งการสร้าง mRNAs จากส่วน LTR ที่เป็น promoter ของเชื้อเอชไอวี เมื่อ B- และ T- cells ถูกกระตุ้นจะมีการเปลี่ยนแปลงเป็น memory cells เมื่อเวลาผ่านไป เมื่อมีการนำเสนอแอนติเจนชนิดเดิมอีกครั้ง ระบบภูมิคุ้มกันที่มี memory B-, T- cells จะเข้ามาทำลายแอนติเจนนั้นอย่างรวดเร็ว การเกิดภาวะ Long-term immunity นี้อาจเกิดจากการติดเชื้อตามธรรมชาติ หรือจากการได้รับวัคซีน ในระยะแรกของการติดเชื้อ ปริมาณเซลล์ CTL จะเพิ่มขึ้นตามปริมาณไวรัสที่เพิ่มขึ้น จนถึงจุดสูงสุดซึ่งทำให้ปริมาณไวรัสในเลือดลดลง และความสัมพันธ์ของปริมาณ CTLs กับปริมาณไวรัสจะแปรผกผันกันตลอดระยะเวลาการติดเชื้อเอชไอวีจนกระทั่งเข้าสู่ระยะเอดส์ การหลบหลีกจากระบบภูมิคุ้มกันของเชื้อเอชไอวี ไวรัสมีวิธีหลบหลีกภูมิคุ้มกันของร่างกายต่างๆกัน จากทั้งปัจจัยของไวรัสและเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกัน ในส่วนปัจจัยของระบบภูมิคุ้มกัน ได้แก่ การลดปริมาณโมเลกุล MHC1 ที่ผิวเซลล์ที่ติดเชื้อ การเพิ่มจำนวนภายในเซลล์ระบบภูมิคุ้มกัน เช่น เชื้อเอชไอวี การเพิ่มจำนวนในที่ซึ่งเซลล์ระบบภูมิคุ้มกันเข้าไปไม่ถึง เช่น herpes simplex virus แอบแฝงที่ปมประสาท เป็นต้น ส่วนทางด้านปัจจัยไวรัส ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงลักษณะของแอนติเจน ทำให้ epitopes เปลี่ยนไป จึงไม่ถูกกำจัดโดยระบบภูมิคุ้มกันเดิม การแพร่กระจายจากเซลล์ถึงเซลล์โดยไม่ออกมาข้างนอก เช่น respiratory syncytial virus ปัญหาความล้มเหลวของระบบภูมิคุ้มกันในการทำลายเชื้อเอชไอวี ทำให้ผู้ติดเชื้อเอชไอวีมีการดำเนินโรคแบบค่อยเป็นค่อยไปจนเกิดภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือ โรคเอดส์ในระยะสุดท้ายนั้น อาจกล่าวได้ว่าตั้งแต่เมื่อแรกเริ่มได้รับเชื้อเอชไอวี ไวรัสไปเพิ่มจำนวนใน CD4+ T cells โดยเฉพาะเริ่มตั้งแต่ในต่อมน้ำเหลือง ซึ่งเป็นที่อยู่ของเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันทั้ง B- และ T- cells ซึ่งก็จะทำหน้าที่สร้างภูมิคุ้มกันจำเพาะต่อเชื้อเอชไอวี เริ่มจาก T helper-cell ที่สร้าง cytokines ต่างๆ และกระตุ้น CD8+ T cell ให้เปลี่ยนเป็นเซลล์ CD8+ CTL และ B-cell ให้เปลี่ยนเป็น plasma cell เพื่อสร้างแอนติบอดีจำเพาะ โดยที่เซลล์ CTL ทำหน้าที่หลักในการกำจัดเซลล์ที่ติดเชื้อไวรัส ส่วนแอนติบอดีเป็น neutralizing antibody ที่ช่วยจับอนุภาคไวรัสอิสระที่หลุดออกมาจากเซลล์ไม่ให้เข้าไปในเซลล์ใหม่ โดยทั่วไปในการติดเชื้อไวรัสอื่นๆ ทั้งแอนติบอดีและเซลล์ CTL จะมีความสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อครั้งต่อไป แต่ในการติดเชื้อเอชไอวี ถึงแม้จะมีภูมิคุ้มกันเกิดขึ้นทั้งแบบเซลล์และสารน้ำแล้ว ไวรัสก็ยังคงไม่ถูกกำจัดออกไปจากร่างกาย และยังเพิ่มปริมาณมากขึ้นเป็นลำดับ โดยไวรัสจะเพิ่มจำนวนวันละประมาณ 10(11) อนุภาคต่อวัน ทำให้ระดับไวรัสเพิ่มขึ้น 0.1 log/ml และระดับเซลล์ CD4 ลดลงประมาณ 50-100 เซลล์/ม.ม. ต่อปี จึงมีผลทำให้เซลล์ที่ติดเชื้อ ซึ่งก็คือ เซลล์ในระบบภูมิคุ้มกัน ทั้ง T-cells และ macrophage ลดปริมาณลงเป็นลำดับ จนไม่สามารถทำงานเป็นปกติในการป้องกันการติดเชื้อจุลชีพอื่นๆ จึงเกิดภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง นอกจากนี้ยังพบว่ามีการลดลงของเซลล์ CD4 ชนิด quiescent naive (CD45RA+CD62L+) แต่มีการเพิ่มของเซลล์ CD4 ชนิด activated/memory effector (CD45RO+) และมีการลดลงของ T-cell receptor และการทำงานก็เสียด้วย การทำลายเซลล์ CD4+ ที่ติดเชื้อมีสาเหตุจากการเกิด apoptosis ซึ่งเป็นผลของโปรตีนไวรัสสองชนิด คือ โปรตีน Env และ Vpr การสูญเสียหน้าที่ของเซลล์เมมเบรนจากการเกิด syncytial formation และจากการสะสมของโพรไวรัลดีเอ็นเอที่อยู่ในไซโตพลาสม รวมถึงการทำลายจากระบบภูมิคุ้มกัน ส่วนการทำลายของเซลล์ CD4+ ที่ไม่ติดเชื้อเอชไอวี มีสาเหตุจาก โปรตีน Env (gp120) ที่ลอยอยู่ในกระแสเลือดไปจับกับ โมเลกุล CD4+ ของเซลล์ที่ไม่ติดเชื้อ ทำให้ถูกทำลายโดย apoptosis จากเซลล์ CTL หรือการเกิด syncytia กับเซลล์ที่ติดเชื้อ เชื้อเอชไอวีมีการกลายพันธุ์สูง เนื่องจากการทำงานของเอนไซม์ reverse transcriptase ของไวรัสที่เปลี่ยนยีโนมของไวรัสจากอาร์เอ็นเอ เป็น ดีเอ็นเอ ไม่มีการตรวจสอบ nucleotide base ที่ใส่เข้าไป ทำให้มีการผิดพลาดไป 1 เบส ต่อการ replication 1 ครั้ง ผลก็คือแอนติเจนของไวรัสที่นำเสนอต่อเซลล์ระบบภูมิคุ้มกันเปลี่ยนไปตลอดเวลา จนเซลล์ CTL ไม่สามารถทำลายเซลล์ติดเชื้อได้ทัน และที่สำคัญ คือ แอนติเจนตรงที่เป็น T-cell epitopes อาจเปลี่ยนไปจนไม่สามารถถูกนำเสนอร่วมกับโมเลกุล HLA หรือถูกเสนอร่วมกับ HLA แต่มีรูปร่างที่ผิดไป ทำให้ killer cells หรือเซลล์ CTL จดจำไม่ได้และไม่ทำลายเซลล์ที่ติดเชื้อนั้น หรือแอนติเจนที่เปลี่ยนไปจนไม่เหมาะที่จะจับกับโมเลกุล receptor บนผิว T-cells ด้วยสาเหตุนี้จึงทำให้เซลล์ CTL ไม่สามารถควบคุมกำจัดเชื้อเอชไอวีได้ ซึ่งเหมือนกับไวรัสที่ก่อให้เกิดการติดเชื้อแบบ persisting ชนิดอื่น แต่กลไกต่างกัน เช่น Epstein Barr virus ใช้กลยุทธ์ไม่สร้างโปรตีนของไวรัสในเซลล์ที่ติดเชื้อ แอบแฝงอยู่ อย่างไรก็ตามการทำงานของเซลล์ CTL จะต้องถูกส่งเสริมด้วย Th-cells ซึ่งก็ถูกทำลายเป็นลำดับในระหว่างการติดเชื้อเอชไอวี จึงทำให้ การทำงานของเซลล์ CTL ก็ลดลงเป็นลำดับภายหลังการดำเนินการของโรคผ่านไป ในผู้ติดเชื้อบางราย โมเลกุล HLA อาจสามารถนำเสนอแอนติเจนในส่วนที่ไม่กลายพันธุ์ได้ (conserved region) ทำให้เชื้อเอชไอวีถูกควบคุมด้วย CTL ได้ดี จึงมีการดำเนินโรคแบบ non-progressor หรือ ไวรัสเองอาจเป็นชนิดที่กลายพันธุ์ไปไม่ได้มาก ก็จะทำให้ถูกกำจัดได้ง่าย ในภาวะที่ไม่มี killer cells ผู้ติดเชื้อเอชไอวีก็จะมีการดำเนินโรคเข้าสู่ระยะสุดท้ายเป็นเอดส์อย่างรวดเร็ว ภูมิคุ้มกันที่สำคัญในการควบคุมกำจัดการติดเชื้อไวรัส คือ killer T cells ร่วมกับแอนติบอดีจำเพาะ การทำงานที่ล้มเหลวของ killer T cell ทำให้เกิดภาวะการติดเชื้อเอชไอวีแบบ persistent ดังนั้นการผลิตวัคซีนเอดส์ต้องมุ่งเน้นเรื่องการกระตุ้นภูมิคุ้มกันทั้งแบบเซลล์และสารน้ำ (CMI และ HI) แอนติบอดีจำเพาะต่อเชื้อเอชไอวีอาจทำให้เชื้อเอชไอวีเข้าสู่เซลล์แมโครฟาจได้ง่ายด้วยวิธี opsonization ส่วนเซลล์ CTL ทำลายเซลล์ที่ติดเชื้อเอชไอวี ดังนั้นหลังจากที่ได้รับเชื้อภูมิคุ้มกันจะควบคุมปริมาณของเชื้อเอชไอวีได้ชั่วคราว เซลล์ที่ติดเชื้อจะถูกทำลายด้วยเซลล์ CTL และแอนติบอดีป้องกันเซลล์ใหม่ไม่ให้ติดเชื้อ แต่ก็มีเซลล์ใหม่ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นเป็นลำดับเอกสารประกอบการเรียบเรียง 1. Paul WE. Fundamental Immunology. Lippincott-Raven, 1999:1-19. 2. Abbas AK, Litchtman AH, Pober JS. Cellular and molecular immunology. W.B. Saunder Co., 1997:1-20. 3. McCune JM. The dynamic of CD4+ T cell depletion in HIV disease. Nature 2001;410:974-9.
Create Date : 28 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 28 พฤศจิกายน 2550 15:13:13 น.
Counter : 854 Pageviews.
blog counter Diseño Web
Share on Facebook
ทาน ศีล ภาวนา ธรรมทั้ง 3 นี้
เป็นรากแก้วของความเป็นมนุษย์
และเป็นรากเหง้าของพระศาสนา
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
ถ้าเรารู้เรื่องธรรมดาของโลก และรู้จักความเป็นจริงของธรรมแล้ว
เราก็จะไม่ต้องมีความยุ่งยากในการเป็นอยู่
เรื่องภายนอกนั้น ถึงเราจะศึกษาให้มีความรู้สักเท่าไรๆ
ก็ไม่ทำให้เราพ้นจากทุกข์ได้
สู้การเรียนรู้จิตใจของตนอยู่ภายในวงแคบๆ นี้ไม่ได้
ท่านพ่อลี ธมฺมธโร
อย่าไปอยากรู้เรื่องของคนอื่นมันเป็นทุกข์
ให้สนใจเรื่องของตัวเอง
คือเรื่องของกายกับใจ
ดูให้มันชัด
หลวงปู่เพียร วิริโย
สิ่งใดมันล่วงไปแล้ว สิ่งนั้นมันก็ล่วงไปแล้ว หมดไปแล้ว
ไม่ควรเอามาคิด มาติดอยู่ในใจ ละทิ้งให้หมด
ส่วนว่าอารมณ์อันเป็นอนาคตกาล
ดีร้ายประการใด ทั้งทางโลก และทางธรรม
สิ่งนั้นก็ยังอยู่ข้างหน้า คือยังไม่มาถึง
เวลาปัจจุบัน คือ เป็นเวลาเรานั่งภาวนา ฟังธรรม
สงบกาย สงบวาจา สงบจิต สงบใจ อยู่นี้แหละ
เป็นธรรมะปัจจุบัน ให้ระลึกภาวนาทุกลมหายใจเข้าออก...
หลวงปู่สิม พุทธาจาโร
... ให้รักษาศีล
ให้รู้จักพิจารณา เกิด แก่ เจ็บ ตาย
รู้จักแก้ไขจิตของตน ...
หลวงปู่จาม มหาปุณฺโญ
VIDEO
หลวงพ่อชา สุภทฺโท : ปล่อยวาง 1
VIDEO
พระอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร : ธรรมสู่ใจ
VIDEO
หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ : ไม่ยอมละ
ดาวน์โหลดหนังสือธรรมะ (Download E-Book) :
ดาวน์โหลดหนังสือธรรมะ โครงการบูรพาจารย์ (Download E-Book) :
ดาวน์โหลดหนังสือวิธีปฏิบัติสมาธิ วิปัสสนากัมมัฏฐาน (Download E-Book) :
ดาวน์โหลดหนังสือธรรมะ สำหรับผู้ป่วย, ญาติ และผู้รักษา (Download E-Book) :
ดาวน์โหลดหนังสือพระไตรปิฎก :
ดาวน์โหลดหนังสือธรรมะทั่วไป (Download E-Book) :
ดาวน์โหลด (Download): หนังสือธรรมะ >ทำสมาธิแบบหลวงปู่มั่น (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน) (PDF)
ธรรมธาตุ (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน) (PDF)
ธรรม...ย้ำเตือน (หลวงปู่เพียร วิริโย) (PDF)
หนังสือหนีนรก (หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ) (PDF)
ภูมิธรรมชาวพุทธ (พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)) (PDF)
รักษาใจยามป่วยไข้ (พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)) (PDF)
กายหายไข้ ใจหายทุกข์ (พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)) (PDF)
โพชฌงค์ พุทธวิธีเสริมสุขภาพ (พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)) (PDF)
ทำอย่างไรจะหายโกรธ (พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)) (PDF)
ธรรมะสำหรับผู้ป่วย (พระไพศาล วิสาโล) (PDF)
นึกถึงความตายสบายนัก (พระไพศาล วิสาโล) (PDF)
เปิดใจรับความสุข (พระไพศาล วิสาโล) (PDF)
ดาวน์โหลด (Download): หนังสือธรรมะหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน >
พ่อแม่ครูอาจารย์ (PDF)
ชาติสุดท้าย (PDF)
กายคตาสติ (PDF)
วิธีเดินจงกรมภาวนา-นั่งสมาธิภาวนา (PDF)
ดาวน์โหลด (Download): หนังสือธรรมะโครงการหนังสือบูรพาจารย์ > หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต_ประวัติ ข้อวัตร และปฏิปทา (เล่ม 1) (PDF)
หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม_พระอรหันต์ผู้มีฤทธิในยุคปัจจุบัน (เล่ม 2) (PDF)
หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ (เล่ม 3) (PDF)
ดาวน์โหลด (Download): หนังสือ, จิตวิทยา, เสริมสร้างสุขภาพกาย-ใจ คู่มือสติบำบัด (กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข) (PDF)
กำลังใจ (ดร.สนอง วรอุไร) (PDF)
คู่มือการบริหารกาย-จิตแบบชี่กง (นพ.เทอดศักด์ เดชคง) (PDF)
แหล่งดาวน์โหลดหนังสือ (Download E-Book) ดาวน์โหลด E-Book : สถาบันวิมุตตยาลัย (ว.วชิรเมธี)
ดาวน์โหลด E-Book : วัดญาณเวศกวัน ดาวน์โหลด E-Book : www.visalo.org
ดาวน์โหลด E-Book : คลังหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ประเทศไทย ในมือคุณ
ดาวน์โหลด E-Book : ห้องสมุดเครือข่ายจิตอาสา
ดาวน์โหลด E-Book : กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข
ดาวน์โหลด E-Book : สำนักกิจการอวกาศแห่งชาติ
สถานปฏิบัติธรรม หมายเลขโทรศัพท์สถานปฏิบัติธรรมทั่วประเทศ
สถานปฏิบัติธรรมทั่วประเทศ
วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี
ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมป์ จ.กรุงเทพมหานคร
วัดสวนโมกขพลาราม จ.สุราษฎร์ธานี
วัดสุนันทวนาราม จ.กาญจนบุรี
ห้องสมุดออนไลน์ (E-Library) หอสมุดแห่งชาติ (National Library of Thailand)
ห้องสมุดมหาวิทยาลัยในประเทศไทย
ห้องสมุดจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ห้องสมุดมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (CMU Library)
ห้องสมุดมหาวิทยาลัยเกษตร
Chulabhorn Research Institute (CRI) Library
หอสมุดคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (Chulamed Library)
ห้องสมุดมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์
ห้องสมุดคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ACM Digital Library
Wilson Web
Education Research Complete
พจนานุกรม และ พจนานุกรมทางการแพทย์ออนไลน์ (Dictionary Online) รวมลิงค์พจนานุกรมออนไลน์ (Link Dictionary Online)
LongDo Dict (อังกฤษ-ไทย)
พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542
Thai-language.com
Oxford Dictionary
Cambridge Dictionary Online
Medline Plus (Medical Dictionary : พจนานุกรมทางการแพทย์)
MedTerms (Medical Dictionary : พจนานุกรมทางการแพทย์)
Medical Dictionary Online (พจนานุกรมทางการแพทย์)
Merriam-Webster Online (พจนานุกรมทางการแพทย์)
MediLexicon (Medical Dictionary : พจนานุกรมทางการแพทย์)
WebMD (Medical Dictionary : พจนานุกรมทางการแพทย์)
The Free Dictionary (Medical Dictionary : พจนานุกรมทางการแพทย์)
Kings Medical Library Engine (Medical Dictionary : พจนานุกรมทางการแพทย์)
Medic8 (Medical Dictionary : พจนานุกรมทางการแพทย์)
ดาวน์โหลด (Download): วารสาร นิตยสาร และสถิติ ที่เกี่ยวข้องกับมะเร็ง:
ดาวน์โหลด (Download): เอกสาร, คู่มือมะเร็ง และที่เกี่ยวข้อง:
ดาวน์โหลด (Download) : หนังสือ, เอกสาร และคู่มือเกี่ยวกับมะเร็ง
คู่มือการดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็ง (ศูนย์มะเร็ง ลพบุรี) (PDF)
รังสีรักษา (โรงพยาบาลจุฬาภรณ์) (PDF)
คู่มือดูแลตนเองของผู้ป่วยที่ได้รับรังสีรักษา (ศูนย์มะเร็ง ลพบุรี) (PDF)
คู่มือการดูแลช่องปากผู้ป่วยรับรังสีรักษาบริเวณศีรษะและคอ (ศูนย์มะเร็ง ลพบุรี) (PDF)
อาการปวดจากโรคมะเร็ง (โรงพยาบาลจุฬาภรณ์) (PDF)
คู่มือการควบคุมอาการปวด สำหรับผู้ป่วยมะเร็งและครอบครัว (ศูนย์มะเร็ง ลพบุรี) (PDF)
คู่มือการดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็งระยะสุดท้ายที่บ้าน (ศูนย์มะเร็ง ลพบุรี) (PDF)
คู่มือเพศสัมพันธ์ในผู้ป่วยโรคมะเร็ง (ศูนย์มะเร็ง ลพบุรี) (PDF)
มะเร็งปอด (สถาบันมะเร็งแห่งชาติ) (PDF)
คู่มือมะเร็งปอด (ศูนย์มะเร็ง ลพบุรี) (PDF)
มะเร็งปากมดลูก (สถาบันมะเร็งแห่งชาติ) (PDF)
คู่มือมะเร็งปากมดลูก (ศูนย์มะเร็ง ลพบุรี) (PDF)
มะเร็งปากมดลูก (โรงพยาบาลจุฬาภรณ์) (PDF)
มะเร็งตับ (สถาบันมะเร็งแห่งชาติ) (PDF)
มะเร็งตับ (โรงพยาบาลจุฬาภรณ์) (PDF)
คู่มือมะเร็งเต้านม (ศูนย์มะเร็ง ลพบุรี) (PDF)
คู่มือมะเร็งในช่องปาก (ศูนย์มะเร็ง ลพบุรี) (PDF)
คู่มือมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก (ศูนย์มะเร็ง ลพบุรี) (PDF)
มะเร็งลำไส้ใหญ่ (โรงพยาบาลจุฬาภรณ์) (PDF)
คู่มือโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก (ศูนย์มะเร็ง ลพบุรี) (PDF)
มะเร็งต่อมลูกหมาก (โรงพยาบาลจุฬาภรณ์) (PDF)
มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรัง (โรงพยาบาลจุฬาภรณ์) (PDF)
มะเร็งต่อมน้ำเหลือง (โรงพยาบาลจุฬาภรณ์) (PDF)
มะเร็งโพรงหลังจมูก (โรงพยาบาลจุฬาภรณ์) (PDF)
มะเร็งหลอดอาหาร (โรงพยาบาลจุฬาภรณ์) (PDF)
มะเร็งกระเพาะอาหาร (โรงพยาบาลจุฬาภรณ์) (PDF)
มะเร็งต่อมลูกหมาก (โรงพยาบาลจุฬาภรณ์) (PDF)
การส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ (โรงพยาบาลจุฬาภรณ์) (PDF)
ดาวน์โหลด (Download) : หนังสือ, เอกสาร และคู่มือเกี่ยวกับมะเร็งปอด
รวมดาวน์โหลด (Download) : หนังสือ, เอกสาร และคู่มือเกี่ยวกับมะเร็งปอด (PDF)
ลิงค์ (Link): เรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับมะเร็ง
มะเร็งปอด (Lung Cancer) มะเร็งปอด (สาขารังสีรักษาและมะเร็งวิทยา คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย)
อุบาสิกาสุ่ม ทองยิ่ง : มะเร็งปอดระยะสุดท้าย (อยู่ได้ 15 ปี)
นายแพทย์สำราญ อาบสุวรรณ : ผู้หายจากมะเร็งปอดระยะสุดท้าย
lungcancer.org/
Lung Cancer : Wikipedia
Lung Cancer : MedlinePlus
มะเร็งเต้านม (Breast Cancer) มะเร็งเต้านม (สถาบันมะเร็งแห่งชาติ)
มะเร็งเต้านม (วิกิพีเดีย)
อาการของมะเร็งเต้านม
มูลนิธิถันยรักษ์ ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
ศูนย์สิริกิติ์บรมราชินีนาถเพื่อโรคมะเร็งเต้านม
Nationalbreastcancer.org (แปล)
Breast Cancer (Wikipedia)
The Susan G. Komen for the Cure
Pink Ribbon International
Partners Breast Cancer
Partners for Breast Cancer Care
Breast Cancer Partner
Borage for Breasts
Breast Cancer Action
Breakthrough Breast Cancer
The Breast Cancer Site.com
Breastcancer.org
Nationalbreastcancer.org
Ibreastcheck.com
มะเร็งตับ (Liver cancer) มูลนิธิโรคตับ (Liver Foundation) : Thailand
Liver Cancer (Wikipedia)
American Liver Foundation
The Liver Cancer Web Page at Johns Hopkins University
Liver cancer at Mayo Clinic
Blue Faery: The Adrienne Wilson Liver Cancer Association
UK liver cancer statistics from Cancer Research UK
Liver Cancer from National Cancer Institute
An Overview of Liver Cancer from California Pacific Medical Center
ลิงค์ (Link): การแพทย์ทางเลือก, การแพทย์แผนไทย และธรรมชาติบำบัด
Link: ลิงค์ หน่วยงาน, สถาบัน, องค์กร และที่เกี่ยวข้องกับมะเร็ง
องค์การมะเร็งนานาชาติ และที่เกี่ยวข้อง Oncolink
National Cancer Institute
The International Agency for Research on Cancer (IARC)
Surveillance, Epidemiology and End Results (SEER)
Pubmed
FDA U.S. Food and Drug Administration
Environmental Cancer Risk, Nutrition and Individual Susceptibility
World Cancer Research Fund International
Asian Pacific Organization for Cancer Prevention
The European Association for Cancer Research
Cogent Medicine
The Lancent Oncology
MD Anderson Cancer Center
The Max Foundation
American Cancer Society
NCCN Guideline
Chemotherapy Protocols
Cancer Management Guidelines
Texas Cancer Registry
National Cancer Institute: A to Z List of Cancers
Wiley Onlinelibrary: CA: A Cancer Journal for Clinicians
National Guideline Clearinghouse
European Society for Radiotherapy & Oncology
ศูนย์มะเร็งของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ฯ โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรี
โรงพยาบาลมะเร็งลำปาง
โรงพยาบาลมะเร็งอุบลราชธานี
โรงพยาบาลมะเร็งอุดรธานี
โรงพยาบาลมะเร็งชลบุรี
โรงพยาบาลมะเร็งสุราษฎร์ธานี
โรงพยาบาลมหาวชิราลงกรณ ธัญบุรี
ศูนย์มะเร็ง และหน่วยงานมะเร็งที่สำคัญ สาขารังสีรักษาและมะเร็งวิทยา คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สถานวิทยามะเร็งศิริราช
โครงการโรคมะเร็ง คณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี
โรงพยาบาลจุฬาภรณ์
ศูนย์มะเร็ง โรงพยาบาลสงขลานครินทร์
ศูนย์มะเร็ง โรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี
ศูนย์มะเร็งนรีเวช โรงพยาบาลลานนา
ศูนย์มะเร็งฮอไรซัน โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
โรงพยาบาลวัฒโนสถ (โรงพยาบาลกรุงเทพ)
คลินิกโรคมะเร็ง โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา
ศูนย์ทะเบียนมะเร็ง เชียงใหม่
สมาคมมะเร็งนรีเวชไทย
มูลนิธิที่เกี่ยวกับมะเร็ง มูลนิธิทันตนวัตกรรม ในพระบรมราชูปถัมภ์
มูลนิธิถันยรักษ์ ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี : (มะเร็งเต้านม)
มูลนิธิอภิญญาณอโรคยศาล (รักษามะเร็ง)
มูลนิธิเทพประทานครูดิน เพื่อประชาชน
(รักษาเอดส์, โรคมะเร็ง และโรคอื่น ๆ)
มูลนิธิสายธารแห่งความหวัง (Wishing well foundation) : (มะเร็งในเด็ก)
มูลนิธิโรคตับ (Liver Foundation) : Thailand
American Liver Foundation
Prostate Cancer Foundation
The Lance Armstrong Foundation unites
Link: ลิงค์ หน่วยงาน, สถาบัน, องค์กรด้านการสาธารณสุข และที่เกี่ยวข้อง
หน่วยงานในกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
กรมการแพทย์
กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
กรมสุขภาพจิต
กรมควบคุมโรค
กรมอนามัย
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
สำนักงานอาหารและยา
สภาทางการแพทย์และพยาบาล
แพทยสภา
ทันตแพทยสภา
สภาเทคนิคการแพทย์
สภากายภาพบำบัด
สภาเภสัชกรรม
สภาการพยาบาล
สมาคมการแพทย์และการสาธารณสุขไทย
แพทยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
สมาคมรังสีเทคนิคแห่งประเทศไทย
สมาคมกายภาพบำบัดแห่งประเทศไทย
สมาคมนักกิจกรรมบำบัด/อาชีวบำบัดแห่งประเทศไทย
สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย
สมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย
สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย
สมาคมปลูกถ่ายอวัยวะแห่งประเทศไทย
สมาคมโรคหัวใจแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
สมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย
สมาคมรูมาติสซั่มแห่งประเทศไทย
สมาคมเวชบำบัดวิกฤตแห่งประเทศไทย
สมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย
สมาคมต่อมไร้ท่อแห่งประเทศไทย
สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ
สมาคมเวชสารสนเทศไทย
สมาคมแพทย์สตรีแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
สมาคมแพทย์คลินิกไทย
สมาคมโรคตับแห่งประเทศไทย
ชมรมการแพทย์ไทย
ชมรมจิตแพทย์เด็ก และวัยรุ่นแห่งประเทศไทย
ชมรมโรคระบบหายใจและเวชบำบัดวิกฤตในเด็กแห่งประเทศไทย
ชมรมผู้ป่วยโรคหืด
ราชวิทยาลัยแพทย์
ราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย
ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย
ราชวิทยาลัยจิตแพทย์แห่งประเทศไทย
ราชวิทยาลัยแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูแห่งประเทศไทย
ราชวิทยาลัยแพทย์ออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย
ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย
ราชวิทยาลัยรังสีแพทย์แห่งประเทศไทย
ราชวิทยาลัยโสต ศอ นาสิกแห่งประเทศไทย
ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย
ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย
ราชวิทยาลัยวิสัญญีแพทย์แห่งประเทศไทย
ราชวิทยาลัยแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวแห่งประเทศไทย
ราชวิทยาลัยพยาธิแพทย์
ราชวิทยาลัยทันตแพทย์แห่งประเทศไทย
ศูนย์การศึกษาต่อเนื่องทางการแพทย์และพยาบาล
ศูนย์การศึกษาต่อเนื่องของแพทย์
ศูนย์การศึกษาต่อเนื่องของทันตแพทย์
ศูนย์การศึกษาต่อเนื่องของเทคนิคการแพทย์
ศูนย์การศึกษาต่อเนื่องสภากายภาพบำบัด
ศูนย์การศึกษาต่อเนื่องทางเภสัชศาสตร์
ศูนย์การศึกษาต่อเนื่องสาขาพยาบาลศาสตร์
ศูนย์แพทยศาสตรศึกษา
ศูนย์แพทยศาสตรศึกษา โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา (จ.นครราชสีมา)
ศูนย์แพทยศาสตรศึกษาชั้นคลินิก
Mec: โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ (จ.นครสวรรค์)
Mec: โรงพยาบาลราชบุรี (จ.ราชบุรี)
Mec: โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช (จ.นครศรีธรรมราช)
Mec: โรงพยาบาลชลบุรี (จ.ชลบุรี)
Mec: โรงพยาบาลพระปกเกล้า (จ.จันทบุรี)/option>
กองแพทยศาสตรศึกษา โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช (กรุงเทพมหานคร)
โรงพยาบาลจันทรุเบกษา (กรมแพทย์ทหารอากาศ , อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม)
Mec: โรงพยาบาลขอนแก่น (จ.ขอนแก่น)
Mec: โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ (จ.อุบลราชธานี)
Mec: โรงพยาบาลมหาสารคาม (จ.มหาสารคาม)
Mec: โรงพยาบาลอุดรธานี (จ.อุดรธานี)
Mec: โรงพยาบาลลำปาง (จ.ลำปาง)
Mec: โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ (จ.เชียงราย)
Mec: โรงพยาบาลสระบุรี (จ.สระบุรี)
Mec: โรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ (จ.ชุมพร)
Mec: โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี (จ.สุราษฎร์ธานี
Mec: โรงพยาบาลเมืองฉะเชิงเทรา (จ.ฉะเชิงเทรา)
Mec: โรงพยาบาลพุทธชินราช (จ.พิษณุโลก)
Mec: โรงพยาบาลอุตรดิตถ์ (จ.อุตรดิตถ์)
Mec: โรงพยาบาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช (จ.ตาก)
Mec: โรงพยาบาลพิจิตร (จ.พิจิตร)
Mec: โรงพยาบาลแพร่ (จ.แพร่)
Mec: โรงพยาบาลหาดใหญ่ (จ.สงขลา)
Mec: โรงพยาบาลยะลา (จ.ยะลา)
Mec: โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ (จ.นราธิวาส)
Mec: โรงพยาบาลปัตตานี (จ.ปัตตานี)
Mec: โรงพยาบาลสงขลา (จ.สงขลา)
Mec: โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต (จ.ภูเก็ต)
Mec: โรงพยาบาลศูนย์ตรัง (จ.ตรัง)
Mec: โรงพยาบาลสุรินทร์ (จ.สุรินทร์)
Mec: โรงพยาบาลบุรีรัมย์ (จ.บุรีรัมย์)
Mec: โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ (จ.กาฬสินธุ์)
Mec: โรงพยาบาลร้อยเอ็ด (จ.ร้อยเอ็ด)
Mec: โรงพยาบาลศรีสะเกษ (จ.ศรีสะเกษ)
Mec: โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร (จ.ปราจีนบุรี)
Mec: โรงพยาบาลระยอง (จ.ระยอง)
กองแพทยศาสตรศึกษา โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ (จ.ชลบุรี)
โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา (จ.ชลบุรี)
โรงเรียนแพทย์ในประเทศไทย คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล
คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยกรุงเทพมหานคร
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
สำนักวิชาแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
วิทยาลัยแพทยศาสตร์และการสาธารณสุข มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา
สำนักวิชาแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา
วิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต
หน่วยงาน, สถาบัน และองค์การด้านรังสีรักษา สถาบันรังสีรักษาในประเทศไทย
สมาคมรังสีรักษาและมะเร็งวิทยาแห่งประเทศไทย
กลุ่มงานรังสีรักษา สถาบันมะเร็งแห่งชาติ
กลุ่มงานรังสีรักษา ศูนย์มะเร็ง อุดร
กลุ่มงานรังสีรักษา ศูนย์มะเร็ง ชลบุรี
สาขารังสีรักษาและมะเร็งวิทยา
คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์
ภาควิชารังสีวิทยา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
หน่วยรังสีรักษา คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
หน่วยรังสีรักษา ภาควิชารังสีวิทยา คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
หน่วยรังสีรักษา ภาควิชารังสีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ศูนย์รังสีรักษา โรงพยาบาลธนบุรี
Society of Radiographers (UK)
European Society for Therapeutic Radiology and Oncology: ESTRO
American Society for Radiation Oncology: ASTRO
Radiation Therapy Oncology Group: RTOG
The Royal Australian and New Zealand College of Radiologists
หน่วยงาน, สถาบัน และองค์การด้านกายภาพบำบัด สภากายภาพบำบัด
สมาคมกายภาพบำบัดแห่งประเทศไทย
สมาคมนักกิจกรรมบำบัด/อาชีวบำบัดแห่งประเทศไทย
ศูนย์การศึกษาต่อเนื่องสภากายภาพบำบัด
สำนักวิชาสหเวชศาสตร์และสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
สำนักวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
คณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยคริสเตียน
ภาควิชากายภาพบำบัด คณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
คณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ภาควิชากายภาพบำบัด คณะสหเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
คณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
คณะกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
คณะกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยรังสิต
ภาควิชากายภาพบำบัด คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ภาควิชากายภาพบำบัด คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
คณะกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยมหิดล
ศูนย์กายภาพบำบัด คณะกายภาพบำบัด มหาวิทยาบัดมหิดล
ภาควิชาศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส์และกายภาพบำบัด คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
World Confederation for Physical Therapy
WCPT Membership - Member Organisations
World Confederation for Physical Therapy (WCPT) : Facebook
World Confederation for Physical Therapy (WCPT) : Twitter
American Physical Therapy Association (APTA)
Australian Physiotherapy Association
Australian Physiotherapy Association : Facebook
Canadian Physiotherapy Association
Hong Kong Physiotherapy Association Limited
Japanese Physical Therapy Association
Korean Physical Therapy Association
Malaysian Physiotherapy Association
The New Zealand Society of Physiotherapists
Philippine Physical Therapy Association
Singapore Physiotherapy Association
The Physical Therapy Association of the Republic of China (Taiwan)
หน่วยงาน, สถาบัน และองค์การด้านเภสัชศาสตร์
องค์การเภสัชกรรม
สภาเภสัชกรรม
สมาคมเภสัชกรรมโรงพยาบาล
สมาคมเภสัชกรรมชุมชน (ประเทศไทย)
มูลนิธิเพื่อการวิจัยและพัฒนาระบบยา (วพย.)
ศูนย์สารสนเทศและวิจัยระบบยา (ศสวย.)
ศูนย์การศึกษาต่อเนื่องทางเภสัชศาสตร์
International Pharmaceutical Federation (FIP)
American Pharmacists Association (APhA)
American Society of Health-System Pharmacists (ASHP)
Pharmaceutical Society of Australia (PSA)
Pharmaceutical Society of New Zealand (PSNZ)
Pharmacy Guild of Australia (PGA)
Royal Pharmaceutical Society of Great Britain (RPSGB)
Society of Hospital Pharmacists of Australia (SHPA)
National Association of Boards of Pharmacy
Pharmacy Board of New South Wales
Pharmacy Board of Victoria (Australia)
Soderlund Pharmacy Museum
องค์การด้านการสาธารณสุขของรัฐ
สำนักงานประกันสุขภาพ (สปสช.)
สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.)
สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.)
สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน)
องค์การเภสัชกรรม
องค์การมหาชน
โรงพยาบาลบ้านแพ้ว (องค์การมหาชน)
สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน)
มูลนิธิทางการแพทย์ของประเทศไทย
มูลนิธิรามาธิบดี ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพ ฯ
ศิริราชมูลนิธิ
มูลนิธิหัวใจแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
มูลนิธิโรคตับ
มูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราราชนนี
มูลนิธิทันตนวัตกรรม ในพระบรมราชูปถัมภ์
มูลนิธิโรคข้อ ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ
มูลนิธิถันยรักษ์ ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
ดาวน์โหลด (Download): แบบฟอร์ม และอื่น ๆ
แบบฟอร์มของกองทุนประกันสังคม
แบบฟอร์มขอรับประโยชน์ทดแทน
แบบฟอร์มของกองทุนเงินทดแทน
แบบฟอร์มที่ต้องใช้กรณีว่างงาน
โปรแกรมต่าง ๆ
ข้อมูลสถานพยาบาล
อื่น ๆ
ดาวน์โหลด (Download): กฎหมาย, ประกาศ, ระเบียบ, ข้อบังคับ, คำสั่ง
พระราชบัญญัติทางราชการที่สำคัญ
พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของทางราชการ พ.ศ.2540
พระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539
พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542
พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539
พระราชบัญญัติทางการสาธารณสุข พระราชบัญญัติคุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ พ.ศ.2535
พระราชบัญญัติกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ พ.ศ.2544
พระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545
พระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2550
พระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2553
พระราชบัญญัติสุขภาพจิต พ.ศ.2551
พระราชบัญญัติควบคุมสถานพยาบาล พ.ศ.2484
พระราชบัญญัติควบคุมสถานพยาบาล (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2485
พระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2504
พระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541
พระราชบัญญัติสถานพยาบาล (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2547
พระราชบัญญัติความรับผิดต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสินค้าที่ไม่ปลอดภัย พ.ศ.2551
พระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518
พระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2528
พระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2535
พระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2543
พระราชบัญญัติทางการแพทย์
พระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2511
พระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525
พระราชบัญญัติการแพทย์ฉุกเฉิน พ.ศ.2551
พระราชบัญญัติควบคุมการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ.2479
พระราชบัญญัติควบคุมการประกอบโรคศิลปะ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2480
พระราชบัญญัติควบคุมการประกอบโรคศิลปะ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2483
พระราชบัญญัติควบคุมการประกอบโรคศิลปะ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2490
พระราชบัญญัติควบคุมการประกอบโรคศิลปะ (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2490
พระราชบัญญัติควบคุมการประกอบโรคศิลปะ (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2504
พระราชบัญญัติควบคุมการประกอบโรคศิลปะ (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2509
พระราชบัญญัติควบคุมการประกอบโรคศิลปะ (ฉบับที่ 8) พ.ศ.2511
พระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ.2542
พระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2547
พระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2550
พระราชบัญญัติ เครื่องมือแพทย์ พ.ศ.2551
พระราชบัญญัติทางทันตกรรม
พระราชบัญญัติวิชาชีพทันตกรรม
พระราชบัญญัติทางเทคนิคการแพทย์
พระราชบัญญัติวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ พ.ศ.2547
พระราชบัญญัติทางกายภาพบำบัด
พระราชบัญญัติวิชาชีพกายภาพบำบัด พ.ศ.2547
พระราชบัญญัติทางเภสัชกรรม
พระราชบัญญัติองค์การเภสัชกรรม พ.ศ.2509
พระราชบัญญัติวิชาชีพเภสัชกรรม พ.ศ.2537
พระราชบัญญัติทางการพยาบาลและผดุงครรภ์
พระราชบัญญัติวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ พ.ศ.2528
พระราชบัญญัติวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2540
ดาวน์โหลด (Download): เอกสารข้อมูลทางการแพทย์และสาธารณสุขที่สำคัญ
ลิงค์ (Link): การเดินทาง, แผนที่, ตารางเวลา และการส่งกลับทางอากาศ :
การเดินทาง : เครื่องบิน, รถไฟ, รถไฟฟ้า, เรือด่วน, บ.ข.ส., รถเช่า, Taxi การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย
การบินไทย (Thai Airways)
บางกอกแอร์เวย์ (Bangkok Airways)
นกแอร์ (Nok Air)
แอร์เอเชีย (Air Aisa)
โอเรียนท์ไทย (Orient Thai)
Thai Airways Facebook
Nok Air Facebook
Bangkok Airways Facebook
สายการบิน Phuket Air (Medical Evacuation)
สายการบินต่าง ๆ
การรถไฟแห่งประเทศไทย
การรถไฟแห่งประเทศไทย Facebook
รถไฟฟ้า BTS
เส้นทางการให้บริการรถไฟ BTS
รถไฟใต้ดิน MRT
รถไฟใต้ดิน MRT Facebook
เส้นทางการให้บริการรถไฟใต้ดิน MRT
แอร์พอร์ตเรลลิงค์ (Airport Rail Link)
การท่าเรือแห่งประเทศไทย : (วิกิพีเดีย)
เรือด่วนเจ้าพระยา
เรือด่วนเจ้าพระยา : (วิกิพีเดีย)
องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ฯ (ขสมก. : BMTA)
เส้นทางการเดินรถของสายรถเมล์ ขสมก. (BMTA)
เวลาให้บริการรถเมล์และรถร่วมบริการ
สถานีขนส่งหมอชิต Facebook
แผนที่สถานีขนส่งสายเหนือ และตะวันออกเฉียงเหนือ
สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ ฯ (บรมราชชนนี) : สายใต้ใหม่ : (วิกิพีเดีย)
แผนที่สถานีขนส่งสายใต้ใหม่
สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ ฯ (เอกมัย) : (วิกิพีเดีย)
บริษัทขนส่ง จำกัด (บ.ข.ส.) : (วิกิพีเดีย)
เรียก Taxi
สนามบินในประเทศไทย
การเดินทาง : รถทัวร์
รถทัวร์ไทย.คอม
ไทยรูท ดอทคอม
บริษัท ขนส่ง จำกัด
บริษัท นครชัยแอร์ จำกัด
บริษัท เชิดชัยทัวร์ จำกัด
บริษัท สมบัติทัวร์ จำกัด
การเดินทาง : รถเช่า
สมาคมรถเช่าไทย (TCRA)
รถเช่า : Budjet
รถเช่า : AVIS
รถเช่า : Hertz
รถเช่า : Master Car
รถเช่า : Bizcar
รถเช่า : บมจ.กรุงไทยคาร์เร้นท์ แอนด์ลิส
รถเช่า : เจแปนเร้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) : JAPANRENT
การเดินทาง : เครื่องบินเช่าเหมาลำ
Air Charter (Wikipedia)
เครื่องบินเช่าเหมาลำ (Air Asia)
เครื่องบินเช่าเหมาลำ (โอเรียนท์ไทย (Orient Thai))
เครื่องบินเช่าเหมาลำ (Siam Land Flying Co., Ltd.)
เครื่องบินเช่าเหมาลำ (Royal Skyways)
ลิงค์ (Link): หมายเลขโทรศัพท์, การติดต่อสื่อสาร และการขนส่ง
หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ หมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉิน (YellowPages)
หมายเลขโทรศัพท์เรียก Taxi
หมายเลขโทรศัพท์โรงแรมเขตนครหลวง (YellowPages)
หมายเลขโทรศัพท์สถานีตำรวจ
หมายเลขโทรศัพท์โรงพยาบาล (YellowPages)
หมายเลขโทรศัพท์ร้านขายยาแผนโบราณ (บางร้าน)
ลิงค์ (Link): ค้นหาแผนที่
แผนที่เดินทาง : สถานพยาบาลและรักษามะเร็ง Google Map
แผนที่สถานพยาบาลและรักษามะเร็ง
ศิริราชพยาบาล (Google Map)
แผนที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
แผนที่โรงพยาบาลรามาธิบดี
VIDEO
สมาทานศีล 5
VIDEO
หลวงพ่อชา สมาทานศีล 5
VIDEO
พุทธมนต์, พุทธคุณ ๑๐๘ นำสวดโดย หลวงพ่อจรัญ ธิตธมฺโม
VIDEO
ทำวัตรเช้า นำสวดโดย หลวงพ่อจรัญ ธิตธมฺโม
VIDEO
ทำวัตรเย็น นำสวดโดย หลวงพ่อจรัญ ธิตธมฺโม
VIDEO
ทำวัตรเย็น นำสวดโดย หลวงพ่ออุทัย สิริธโร
VIDEO
พาหุงมหากา นำสวดโดย หลวงพ่อจรัญ ธิตธมฺโม
VIDEO
บทสวดพระคาถาชินบัญชร
VIDEO
บทสวดยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก
VIDEO
บทสวดโพชฌังคปริตร
VIDEO
พระคาถาสักกัตวา
VIDEO
หลวงพ่อชา สอนการทำสมาธิ
VIDEO
หลวงพ่อจรัญสอนกรรมฐาน ตอนที่ 3/9
VIDEO
หลวงพ่อจรัญสอนกรรมฐาน ตอนที่ 4/9
VIDEO
หลวงพ่อฤๅษี ลิงดำ สอนกรรมฐาน 40 ตอนที่ 1
VIDEO
หลวงพ่อฤๅษี ลิงดำ สอนกรรมฐาน 40 ตอนที่ 2
VIDEO
หลวงพ่อฤๅษี ลิงดำ สอนกรรมฐาน 40 ตอนที่ 3
VIDEO
หลวงพ่อฤๅษี ลิงดำ สอนกรรมฐาน 40 ตอนที่ 4
VIDEO
หลวงพ่อพุธ ฐานิโย สอนกรรมฐาน
ลิงค์ (Link): ข่าวสาร, ข้อมูล, บทความเกี่ยวกับน้ำท่วม
ดาวน์โหลด (Download): เอกสาร คู่มือเกี่ยวกับน้ำท่วม
หน่วยงาน องค์การ ที่เกี่ยวข้องกับน้ำท่วม
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย
กรมชลประทาน
รายงานสถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน
ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ
กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข
Thailand Flood Monitoring System
www.floodsmart.com
www.ready.gov
Federal Emergency Management Agency (FEMA)
American Water Resources Association (AWRA)
Office of Program Planning and Integration (NOAA)
Emergency Management BC. (EMBC)
Paris Under Water
บทความและข้อมูลเกี่ยวกับน้ำท่วมที่น่าสนใจ
การเตรียมการก่อนน้ำท่วม
การรับมือระหว่างน้ำท่วม
การเตรียมรับสถานการณ์น้ำท่วม
วิธีเอาตัวรอดท่ามกลางน้ำท่วม
ทำอย่างไร เมื่อต้องขับรถฝ่าน้ำท่วม
คู่มือการเลือกเสื้อชูชีพ และอุปกรณ์ช่วยในการลอยตัว
วิธีกันน้ำไหลเข้าบ้าน
วิธีป้องกันน้ำเข้าบ้านทางห้องน้ำ
วิธีอุดปิดช่องน้ำที่อ่างล้างจาน ห้องน้ำ ห้องซักล้าง และโถส้วม
คู่มือการใช้กระสอบทราย
ไอเดียทำเรือแบบง่าย ๆ
เมื่อต้องขับรถลุยน้ำ น้ำท่วม!!! และเมื่อรถตกน้ำควรปฏิบัติอย่างไร
ตะคริว กับการเรียนรู้สู้ภัยน้ำท่วม
การปฏิบัติการช่วยฟื้นชีวิตขั้นพื้นฐาน ( Basic Cardio Life Support : BCLS ) (กรมแพทย์ทหารเรือ)
ทำ CPR ช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน (สำนักงานสาธารณสุข อ.สบปราบ)
ปฏิบัติการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน
จะช่วยคนจมน้ำได้อย่างไร (ศ.พญ.วันดี วราวิทย์)
แนะวิธีรับมือไฟดูด ช่วงน้ำท่วม (พญ.พิมพ์ภัค ประชาศิลป์ชัย)
ตรวจสอบเส้นทางน้ำ และข้อมูลดาวเทียมแสดงอุทกภัยประเทศไทย (GISTDA)
วิกฤตการณ์น้ำท่วมประเทศไทย 2554 (Crisis Map)
Flood Safety Tips
Flood survival tips
How Can I Prepare for a Flood Disaster?
Before a Flood
What To Do During a Flood
After a Flood
Sandbagging for Flood Protection
How to Escape from a Sinking Car
ดาว์นโหลด (Download): เอกสารคู่มือเกี่ยวกับน้ำท่วม
Download: British Columbia Flood Plan (BC Flood Plan) (PDF)
Download: Flood Risk Management Guide (PDF)
Download: Flood Emergency Preparedness Guide (PDF)
Download: Flood Fighting Methods (PDF)
Download: Fact Sheet Floods (FEMA) (PDF)
Download: Sandbagging for Flood Protection (PDF)
Download: Sandbagging Techniques (PDF)
Download: คู่มือรับสถานการณ์น้ำท่วม (จัดทำโดย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่) (PDF)
Download: รับมือน้ำท่วมไม่ยาก (PDF)
Download: โรคที่มากับน้ำท่วม รู้ไว้ ป้องกันได้ (PDF)
Download: แนวทางกันนํ้าท่วมเข้าบ้าน (รศ.ดร.อมร พิมานมาศ) (PDF)
Download: การใช้ถุงทรายเพื่อป้องกันนํ้าท่วม (รศ.ดร.อมร พิมานมาศ) (PDF)
Download: คู่มือการใช้กระสอบทราย (PDF)
Download: อีกทางเลือกหนึ่งของชูชีพอย่างง่าย (สามารถทำเองได้) (PDF)
Download: รวมวิธีการป้องกันรถแสนรักของคุณจากภัยน้ำท่วม (PDF)
Download: รวมวิธีการป้องกันรถแสนรักของคุณจากภัยน้ำท่วม (PDF)
Download: เมื่อต้องขับรถลุยน้ำท่วม และรถตกน้ำควรปฏิบัติอย่างไร (HONDA) (PDF)
Download: จะทำอย่างไรดี กรณีขับรถแล้วเจอนำท่วม ต้องขับรถลุยนำท่วม? (PDF)
Download: การปฐมพยาบาลเหตุฉุกเฉินทางน้ำ (สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตสุโขทัย) (PDF)
หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ :
VIDEO
Ayutthaya Thai Flood 2011
VIDEO
น้ำท่วมกรุงเทพ ปี 2485 (Bangkok floods in 1942)
VIDEO
Nuidears Flood Control
VIDEO
mobile flood barrier
VIDEO
ถุงคลุมรถ
VIDEO
ข้อควรปฏิบัติขับรถช่วงน้ำท่วม
VIDEO
Thai PBS ฝ่าวิกฤตน้ำท่วม พบหมอรถ 1/5 (23 ต.ค.54
VIDEO
Thai PBS ฝ่าวิกฤตน้ำท่วม พบหมอรถ 2/5 (23 ต.ค.54
VIDEO
Thai PBS ฝ่าวิกฤตน้ำท่วม พบหมอรถ 3/5 (23 ต.ค.54)
VIDEO
Thai PBS ฝ่าวิกฤตน้ำท่วม พบหมอรถ 4/5 (23 ต.ค.54)
VIDEO
Thai PBS ฝ่าวิกฤตน้ำท่วม พบหมอรถ 5/5 (23 ต.ค.54)
VIDEO
Thai PBS ฝ่าวิกฤตน้ำท่วม - พบหมอบ้าน 1/6 (22 ต.ค.54)
VIDEO
เพลง ประสบทุกข์ ประสบภัย ฝ่าไปด้วยกัน (ขับร้องโดย พนักงานไทยพีบีเอส
VIDEO
เพลงน้ำใจไทย (ขับร้องโดย แอ๊ด คาราบาว)