|
การพยาบาลผู้ป่วยโรคมะเร็งปอด
ที่มา : โรงพยาบาลบ้านหลวง อ.บ้านหลวง จ.น่าน//www.banluanghospital.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=135923
การพยาบาลผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดนับได้ว่าเป็นการพยาบาลที่ยุ่งยากและสลับซับซ้อน เนื่องจากลักษณะของโรคที่กระทบต่อผู้ป่วยและครอบครัว พยาบาลที่ดูแลผู้ป่วยเหล่านี้ จึงควรพัฒนาความเชี่ยวชาญเฉพาะ อย่างไรก็ตามพยาบาลโดยทั่วไปมักจะได้ดูแลผู้ป่วยเหล่านี้ในทุกระยะของโรค ดังนั้นพยาบาลจึงต้องมีความรู้ความเข้าใจในกระบวนของโรคและผลของโรคต่อผู้ป่วยและครอบครัวทั้งด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และเศรษฐกิจ ชนิดของโรค การรักษาตลอดจนผลข้างเคียงจากการรักษาเพื่อสามารถช่วยผู้ป่วยให้มีส่วนร่วมในการรักษาและดูแลตนเองอย่างจริงจัง ช่วยป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยเกิดความรู้สึกสิ้นหวัง โดยการตอบสนองความต้องการของผู้ป่วย ช่วยบรรเทาความทุกข์ ให้กำลังใจเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถอดทน แก้ไข และเผชิญกับปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
ปัจจุบันสถิติของอัตราการตายจากโรคมะเร็งปอดเพิ่มขึ้นอย่างมากมายในประเทศต่างๆ ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่พบได้ทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศอุตสาหกรรม ในระยะ 50 ปีที่ผ่านมาอุบัติการณ์ของโรคเพิ่มขึ้นอย่างมากและมักจะไม่ปรากฎอาการในระยะเริ่มแรกของโรค มะเร็งปอดมักกระจายไปยังอวัยวะอื่นๆ
ดังนั้นจึงมีผู้ป่วยเพียงร้อยละ 20 เท่านั้นที่สามารถรักษาโดยการผ่าตัดในระยะเริ่มแรกได้ การใช้เคมีบำบัด หรือรังสีรักษาก็เพียงแต่ยืดเวลาของการมีชีวิตอยู่ ซึ่งก็เป็นเวลาที่น้อยมาก คือต่ำกว่า 2 ปี จึงเห็นได้ว่าการป้องกันเป็นสิ่งสำคัญที่ควรกระทำเพื่อควบคุมโรคนี้ (Harris,1983: 2-3) ส่วนในประเทศไทยก็มีสถิติของการเกิดโรคมะเร็งปอดเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน และเป็นโรคที่ทำให้อัตราตายสูงที่สุดในโรคมะเร็งต่างๆ ของเพศชาย
การพยาบาล ขั้นตอนแรก คือการประเมินสภาพผู้ป่วยซึ่งประเมินได้จาก
1. การซักประวัติอาการต่างๆ ซึ่งอาการแสดงทางคลีนิกอาจแบ่งเป็นอาการที่เกิดจากภายในทรวงอก อาการจากภายนอกทรวงอก และอาการทั่วๆ ไป
1.1 อาการที่เกิดจากภายในทรวงอก ขึ้นอยู่กับตำแหน่ง ขนาดของก้อนมะเร็ง และการลุกลามภายในทรวงอก อาการที่พบได้แก่
-อาการไอเรื้อรัง ระยะแรกไอแห้งๆ ต่อมาอาจมีเสมหะออกมาบ้างเกิดจากมะเร็งภายในหลอดลมหรืออวัยวะใกล้เคียง เป็นอาการที่พบได้บ่อยที่สุด อาการมักจะเกิดขึ้นอย่างช้าๆ
-อาการไอเป็นเลือด เกิดขึ้นเมื่อมะเร็งลุกลามเส้นเลือด ซึ่งพบได้ในทุกระยะของโรค อาจมีปริมาณเพียงเล็กน้อยโดยออกมาติดกับเสมหะ และอาจจะมีmassive hemoptysis ได้เป็นครั้งคราว มักเป็นอาการที่นำผู้ป่วยมารับการตรวจหาสาเหตุ -อาการเจ็บหน้าอก ที่พบมี 3 แบบคือ 1. อาการปวดแบบแน่นบริเวณกลางอก บอกตำแหน่งได้ไม่แน่นอน อาจเกิดจากมีการแผ่ขยายของมะเร็งสู่เมดิแอสตินัม (mediasinum) 2. อาการเจ็บแบบเยื่อหุ้มปอดอักเสบ เกิดจากมีการลุกลามของมะเร็งสู่เนื้อเยื่อหุ้มปอด หรือมีการติดเชื้อจากการตีบแคบของหลอดลม 3. อาการปวดกระดูกจากการแพร่กระจายของมะเร็ง อาการปวดจะมีตลอดเวลาและมีอาการกดเจ็บ
-อาการหายใจลำบาก ส่วนใหญ่เกิดจากมีการอุดตันของหลอดลม ปอดบวมและมีน้ำในช่องเยื่อหุ้มปอด (pleural effusion) อัมพาตของกระบังลม และการแพร่กระจายระบบน้ำเหลืองของเนื้อปอดเป็นต้น และเนื่องจากผู้ป่วยมักมีโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังร่วมด้วย จึงยากที่จะบอกว่าเป็นผลมาจากมะเร็งปอด หรือโรคร่วม
1.2 อาการที่เกิดจากนอกทรวงอก ผู้ป่วยมะเร็งปอดจำนวนมากมีอาการที่เกิดจากอวัยวะนอกทรวงอกจากการตรวจครั้งแรก อวัยวะที่พบบ่อยที่สุด คือ ตับ รองลงมาคือ กระดูก ต่อมหมวกไต สมอง ไต ม้าม เยื่อบุช่องท้อง (peritoneum) และผิวหนัง
-ในกรณีที่มีการแพร่กระจายสู่ตับ จะทำให้มีความผิดปกติในการทำงานของตับ จะตรวจพบอาการตาเหลือง ตัวเหลือง มีน้ำในช่องท้อง (ascites)
-ถ้ามีการแพร่กระจายสู่กระดูก จะทำให้มีอาการปวดและกระดูกหักง่าย
-ถ้ามีการแพร่กระจายสู่สมอง จะทำให้มีความผิดปกติของระบบประสาทจะมีอาการซึม สับสน พฤติกรรมเปลี่ยนแปลง ชัก ฯลฯ
1.3 กลุ่มอาการทั่วๆไป (systemic syndrome) อาการทั่วๆ ไปที่พบ มักจะสัมพันธ์กับการสร้างฮอร์โมน หรือสารที่คล้ายฮอร์โมน อาการที่พบบ่อยคือ น้ำหนักลดและอ่อนเพลีย เสียงแหบ นอกจากนี้อาจพบความผิดปกติอื่นๆ ได้แก่
-ความผิดปกติของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ (nueromuscular disorder) ประมาณร้อยละ 5-10 ของผู้ป่วยมะเร็งปอดจะมีความผิดปกติของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ โดยไม่มีการลุกลามหรือแพร่กระจายของมะเร็ง พบบ่อยร่วมกับ small-cell anaplastic cacinoma ความผิดปกติที่พบบ่อยที่สุดคือ neuromyopathy รองลงมาคือ sensorimotro peripheral neuropathy ฯลฯ
-มีการสร้างฮอร์โมนจากเซลล์มะเร็งเพิ่มขึ้น (ectopic hormone production) พบได้ประมาณร้อยละ 10 ฮอร์โมนที่สร้างได้แก่ adrenocorticotropin hormone (ACTH), parathormone melanocyte stimulating hormone (MSH) และ chorionic gonadotropin ทำให้มีอาการของกลุ่มคุชชิ่ง (Cushings syndrome) ต่อมน้ำนมโตขึ้นทั้ง 2 ข้างในเพศชาย (gynaecomastia) เป็นต้น ส่วนใหญ่เกิด Oat-cell carcinoma -อาการความไม่สมดุลย์ของฮอร์โมนแอนตี้ไดยูเรติก (syndrome of inappropriate antidiuretic hormone or SIADH) มีการสร้าง ADH เพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่เกิดจาก Oat-cell carcinoma ทำให้มีภาวะโซเดียมในเลือดต่ำ(hyponatremia) ออสโมลาริตีของ (serum osmolarity) ต่ำในขณะที่ออสโมลาริตีของปัสสาวะ (urine osmolarity) สูงในผู้ป่วยจะมีอาการเบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน อาการทางระบบประสาท และกล้ามเนื้ออ่อนแรง
-ภาวะแคลเซียมในเลือดสูง (hypercalcemia) ซึ่งอาจสูงมากเนื่องจาก 1.มีการแพร่กระจายของมะเร็งสู่กระดูก 2.มีการสร้าง ectopic parathormone 3.เกิดจากมะเร็งหลั่ง osteolytic phytosteryl ester ป่วยจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องผูก หิวน้ำบ่อย ปัสสาวะบ่อย สับสน เซื่องซึม จนกระทั่งไม่รู้สึกตัว
-นิ้วปุ้ม (digital clubbing) เกิดจากมีการเจริญและอักเสบของเนื้อเยื่อบริเวณปลายนิ้ว และการไหลเวียนของเลือดเพิ่มขึ้น
-secondary hepertrophic osteoarthropathy จะมีอาการบวมกดเจ็บบริเวณแขนขา และการเคลื่อนไหวจำกัด รังสีกระดูก พบมี periosteal reaction และการสร้างกระดูกใหม่ พบบ่อยที่ส่วนปลายของกระดูกที่มีรูปร่างยาว เช่น tibia และ fitula
-อาการอื่นๆ ที่อาจพบ ได้แก่ จะมีอาการหายใจเบาตื้น ไอ หน้าบวม แขนบวม และปวดศีรษะซึ่งพบบ่อย Pancosatss syndrome (อาการบวมแขนซึ่งเกิดจากมะเร็งที่กระจายจากปอดไปยัง brachial plexux และ Horners syndrome (เกิดจากมะเร็งกระจายไปที่ sympathetic ganglia หรือ thoracic sympathetic fibres)
นอกจากนี้ควรซักประวัติเกี่ยวกับการสูบบุหรี่ และการสัมผัสกับสภาวะอากาศที่เป็นพิษ เช่น ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม และประวัติครอบครัวที่เกี่ยวกับการเป็นมะเร็ง
2. การตรวจร่างกาย อาจตรวจพบการเปลี่ยนแปลงที่ผิวหนังมี acanthosis nigricans คือ ผิวหนังหนาและมีสีเข้มขึ้นบริเวณรักแร้ เยื่อบุช่องปาก ฝ่ามือและเท้า ถ้าพบในคนที่มีอายุมากกว่า 50 ปีจึงจะมีความสำคัญ
อาจมีจุดเลือดออกตามร่างกายจากมีการเปลี่ยนแปลงการแข็งตัวของเลือด อาจคลำพบต่อมน้ำเหลืองโตบริเวณเหนือกระดูกไหปลาร้า ในรายที่มีการแพร่กระจายของมะเร็งปอด
อาจตรวจพบนิ้วปุ้ม และหน้าบวม แขนบวมในรายที่มี superior vena caval obstruction
ส่วนการตรวจทรวงอก ในระยะแรกอาจตรวจไม่พบสิ่งผิดปกติ รายที่มีการตรวจพบสิ่งผิดปกติ มักเป็นรายที่มีภาวะแทรกซ้อนแล้ว สิ่งที่ตรวจพบได้บ่อยคือ ลักษณะของปอดแฟบทำให้เสียงหายใจลดลง อาจตรวจพบ pneumonia, pleural effusion และอาจตรวจพบเสียง (wheeze) เฉพาะที่ ซึ่งเกิดจากหลอดลมตีบแคบจากก้อนมะเร็ง
3. การตรวจทางห้องปฏิบัติการและการตรวจพิเศษอื่นๆ 3.1 การตรวจเลือด มักพบภาวะซีด (anemia) อาจพบภาวะ โซเดียมต่ำจากภาวะ inappropriate ADH มีแคลเซียมในเลือดสูง จากการกระจายของมะเร็งไปกระดูก (parathyriod like hormone) หรือมีการหลั่ง prostaglandin)และภาวะด่างจากโปตัสเซียมต่ำ (hypokalemic alkalosis ) จากการหลั่งของ ACTH เพิ่มขึ้น
3.2 การตรวจทางรังสีวิทยา เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการวินิจฉัยโรคมะเร็งปอดระยะเริ่มแรกโดยอาจตรวจพบเงาผิดปกติขนาดเล็ก (ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 ซม.) ได้ประมาณร้อยละ 90 เป็นเวลาหลายเดือนก่อนที่ผู้ป่วยจะมีอาการ ในรายที่มีการแพร่กระจายของมะเร็งแล้วอาจพบ diffuse of localized infiltrates, hilar of mediastinal lymph node โต มีน้ำในช่องเยื่อหุ้มปอด (pleural effusion) และปอดอักเสบจากการอุดกั้น (post obstructive pneunia)
3.3 การตรวจสมรรถภาพของปอด(pulmonary function test) ไม่มีลักษณะเฉพาะ ความผิดปกติที่ตรวจพบจะเพียงแสดงว่ามีโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังอยู่เท่านั้น
3.4 การส่องตรวจหลอดลม (bronchoscopy) เป็นวิธีการที่สำคัญในการวินิจฉัยโรค ประมาณร้อยละ 50 ของมะเร็งปอด สามารถตรวจพบจากการส่องตรวจหลอดลม
3.5 การตัดตรวจชิ้นเนื้อ (lung biopsy)
3.6 การตรวจหาเซลล์มะเร็งในเสมหะ (exfoliative cytology) ให้ผลประมาณร้อยละ 70-90 ผลการตรวจขึ้นอยู่กับปริมาณ จำนวนของเสมหะ และตำแหน่งของมะเร็ง
3.7 การใช้สารกัมมันตภาพรังสี (lung scanning) เพื่อตรวจหาการแพร่กระจายของมะเร็ง
นอกจากนี้อาจตรวจโดยวิธีอื่นๆ เช่น mediastinoscopy และ explor thoracotomy, tomogragraphy และ bronchography เป็นต้น
เมื่อรวบรวมข้อมูลจากการประเมินดังกล่าวแล้ว พยาบาลควรจะประเมินข้อมูลอื่นๆเพิ่มเติมเพื่อให้ครอบคลุมเกี่ยวกับปัญหาของผู้ป่วยทุกๆด้าน ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคม แล้วนำมาวิเคราะห์และให้การวินิจฉัยทางการพยาบาล ซึ่งปัญหาที่พบส่วนใหญ่มีดังนี้คือ
1.การขาดออกซิเจน และการคั่งของคาร์บอนไดออกไซด์ ผู้ป่วยมะเร็งปอดในระยะเริ่มแรกมักจะไม่พบปัญหานี้ แต่จะพบในระยะท้ายที่มีการกระจายของมะเร็งไปเนื้อปอดเพิ่มขึ้นแล้ว หรือในรายที่มีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้น เช่น มี diffuse infilltration มีน้ำในช่องเยื่อหุ้มปอด หรือปอดอักเสบ ทำให้เกิดการขาดออกซิเจน และการคั่งของคาร์บอนไดออกไซด์ เนื่องจากพื้นที่ในการระบายอากาศ และการแลกเปลี่ยนก๊าซลดลงเนื่องจากการกระจายของก้อนเนื้องอก ซึ่งการให้การพยาบาลในปัญหานี้เหมือนกับการพยาบาลผู้ป่วยที่มีปัญหาของระบบทางเดินหายใจจากโรคอื่นๆ
2. ไม่ได้รับความสุขสบายจากอาการหายใจลำบากและเจ็บปวด อาการเหล่านี้มักพบในผู้ป่วยมะเร็งระยะสุท้าย การพยาบาลในระยะนี้ก็ควรจะช่วยจัดท่า และสภาวะแวดล้อมให้ผู้ป่วยได้พักผ่อนอย่างเพียงพอและได้รับความสุขสบาย ดูแลการได้รับยาแก้ปวดให้เหมาะสมอย่างเพียงพอ ในระยะที่ปวดมากอาจต้องให้กลุ่ม Narcotic analgesics
3. ไม่ได้รับความสุขสบายจากอาการไอ ไอเป็นเลือด ผู้ป่วยมะเร็งปอดมักมีอาการไอเรื้อรัง หรือไอเป็นเลือด เมื่อมีการลุกลามของมะเร็งไปยังหลอดเลือดดังกล่าวข้างต้น ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยได้รับความไม่สุขสบาย การพยาบาลก็ให้การพยาบาลตามอาการ และอาการแสดงที่เกิดขึ้น
4. มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการรักษาด้วยวิธีการต่างๆ การรักษามะเร็งด้วยการผ่าตัดเป็นเพียงวิธีเดียวที่มีโอกาสหายจากโรค ยกเว้น small cell anaplastic cacinoma แต่มีผู้ป่วยเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่สามารถให้การรักษาด้วยการผ่าตัดได้ ทั้งนี้เพราะผู้ป่วยส่วนใหญ่มักปรากฎอาการเมื่อมีการกระจายของมะเร็งไปยังอวัยวะอื่นจึงทำให้ระยะของโรคและสภาพของผู้ป่วยไม่เหมาะสมที่จะทำการผ่าตัด โดยทั่วไปร้อยละ 20-25 ของผู้ป่วยมีสภาพเหมาะสมสำหรับการผ่าตัด การผ่าตัด lobectomy จะได้ผลดีกว่าทำ pneumonectomy เพราะมีอัตราการเสียชีวิตจากการผ่าตัดต่ำกว่า นอกจากนี้ยังมีส่วนของปอดที่เหลือมากกว่า ซึ่งมีความสำคัญต่อผู้ป่วยที่มีอายุมากกว่า 50 ปี ผลการผ่าตัดส่วนใหญ่มีอัตราการรอดชีวิตในเวลา 5 ปี ร้อยละ 20-23 เสียชีวิตจากการผ่าตัดร้อยละ 6-16 สำหรับผู้ป่วยมะเร็งปอดที่มีขนาดใหญ่ หรือลุกลามไปยังอวัยวะอื่นๆ แล้ว มักให้การรักษาดังนี้
1.การรักษาด้วยรังสี (radiotherapy) ซึ่งมีวิธีการ 2 แบบ คือ palliative therapy เป็นการใช้รังสีขนาดต่ำ ระยะเวลาสั้นและพื้นที่จำกัด และ curative therapy เป็นการใช้รังสีขนาดสูง และระยะเวลานาน
2.การรักษาด้วยเคมีบำบัด (chemotherapy) การเลือดชนิดของยา หรือการเลือกใช้ยาร่วมกันขึ้นกับชนิดของเซลล์มะเร็ง แพทย์มักเลือกใช้ยาร่วมกัน ซึ่งจะได้ผลดีกว่าใช้ยาตัวเดียว small-cell cacinoma เป็นชนิดที่รักษาได้ผลดีที่สุดด้วยเคมีบำบัด ยาที่ใช้รักษามะเร็งปอดโดยทั่วไป ได้แก่ Cis-platinum, VP-16, cyclophosphamide, bleomycin, methotrexate,vincristine,adrimycin และ procarbazine เป็นต้น
3.การรักษาด้วยการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน (immunotherapy) เช่นการใช้สารที่สกัดจากวัคซีน บี.ซี.จี (extracts derived from bacillus Calmett-Gurein), Corynebacterium parvum วัคซีนจากมะเร็ง ฯลฯ เพื่อกระตุ้น cellular immunity ให้ช่วยกำจัดเซลล์มะเร็ง
ซึ่งการรักษาด้วยรังสีรักษา และเคมีบำบัดเป็นวิธีการที่นิยมมากในปัจจุบัน ดังนั้นพยาบาลจึงมีบทบาทสำคัญในการให้การพยาบาล เพื่อไม่ให้ผู้ป่วยเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการได้รับการรักษาด้วยวิธีดังกล่าวซึ่งได้แก่
1.การเตรียมผู้ป่วยให้พร้อมก่อนรับการรักษา จะต้องประเมินเกี่ยวกับ 1.1 ภาวะด้านโภชนาการ โดยการชั่งน้ำหนักตัว ประเมินความตึงตัวของกล้ามเนื้อและผิวหนัง เพื่อเป็นส่วนช่วยในการตัดสินว่า ผู้ป่วยทนต่อการรักษาด้วยรังสีหรือยาหรือไม่ และช่วยในการทำนายประสิทธิภาพของยาในการทำลายเซลล์มะเร็ง
1.2 สภาพของผิวหนัง ควรตรวจดูว่ามีแผลพุพองเรื้อรังหรือไม่ เพราะผู้ป่วยเหล่านี้มักมีความต้านทานต่ำ จึงเกิดการติดเชื้อได้ง่าย
1.3 สภาพของปาก ควรตรวจดูการอักเสบของเยื่อบุภายในช่องปาก เลือดออกตามไรฟันและเหงือก และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการทำความสะอาด โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีสุขภาพปากและฟันไม่ดี
1.4 สภาพทั่วๆ ไปของร่างกาย ต้องประเมินดูว่ามีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง ไข้ ต่อมน้ำเหลืองโต อ่อนเพลีย และกล้ามเนื้ออ่อนแรงเป็นต้น
1.5 ผลการตรวจทางห้องทดลอง โดยเฉพาะการตรวจนับเม็ดเลือดและเกล็ดเลือด
1.6 ความคาดหวังของผู้ป่วยที่มีต่อผลการรักษา พยาบาลควรจะประเมินความคาดหวังของผู้ป่วย และสิ่งที่ผู้ป่วยต้องการทราบ เพื่อที่จะนำไปสู่การรักษาพยาบาลที่มีประสิทธิภาพ และช่วยให้ผู้ป่วยสามารถปรับตัวในการเผชิญกับการดำเนินของโรค และผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นขณะรับการรักษาได้อย่างเหมาะสม
2.การให้คำแนะนำแก่ผู้ป่วยและญาติ เกี่ยวกับสิ่งที่ผู้ป่วยและญาติควรจะเข้าใจ ได้แก่แผนการให้รังสีรักษาหรือให้ยา อาการแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการได้รับการรักษาตลอดจนค่าใช้จ่ายในการรักษา เพื่อให้ผู้ป่วยและญาติมีส่วนร่วมในการตัดสินใจรักษา และให้ความช่วยเหลือติดต่อสังคมสงเคราะห์ในรายที่จำเป็น
3.การดูแลผู้ป่วยขณะได้รับการรักษา 3.1 การดูแลขณะได้รับการฉายรังสี 3.1.1 ผิวหนังควรแนะนำผู้ป่วยไม่ให้บริเวณที่ฉายแสงถูกน้ำ เพราะสีที่ขีดไว้จะหายไป ทำให้ลำบากในการวางแผนการรักษาใหม่ ห้ามใช้ยาอะไรที่ทางรังสีแพทย์ไม่ได้ให้ ยาที่ให้โดยมากมักเป็นพวก steroid-cream และพยายามไม่ให้บริเวณที่ฉายถูกแสงแดด เนื่องจากผิวหนังบริเวณนี้จะไวต่อแสงมากกว่าปกติ
3.1.2 อาหาร เนื่องจากการฉายรังแสงบริเวณทรวงอกนั้นใกล้เคียงกับบริเวณหลอดอาหารและกระเพาะอาหาร ดังนั้นอาจจะทำให้ผู้ป่วยมีอาการเจ็บคอ กลืนลำบาก เบื่ออาหาร และอ่อนเพลีย จึงควรแนะนำอาหารที่มีประโยชน์ให้แคลอรี่และโปรตีนสูง ควรเป็นอาหารรสไม่จัด และควรเป็นอาหารอ่อนหรือเหลวในผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บคอ และกลืนลำบาก
3.2 การดูแลขณะได้รับการรักษาด้วยเคมีบำบัด 3.2.1 การเลือกหลอดเลือด ควรเลือกให้เหมาะสม และควรให้ผู้มีทักษะในการฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำเป็นผู้ให้ยา หลอดเลือดที่ดีที่สุดคือ หลอดเลือดที่หน้าแขน (forearm) ได้แก่ basilic, cephalic และ mediak antebrachail vein ควรหลีกเลี่ยงการใช้หลอดเลือดบริเวณข้อต่างๆ เพราะจะทำให้เกิดข้อแข็งขึ้นได้เมื่อเกิดการอักเสบ หรือหลอดเลือดที่มีการอักเสบ รอยช้ำ หรือหลอดเลือดแข็ง ซึ่งจะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผนังหลอดเลือดมากขึ้น และเกิดหลอดเลือดทะลุได้ง่าย
3.2.2 ขณะฉีดยา หรือให้หยดทางหลอดเลือดดำ ต้องระวังยารั่วออกนอกหลอดเลือด เพราะยาส่วนใหญ่จะทำลายเนื้อเยื่อทำให้เกิดเนื้อตายหรือพังผืดได้
4. การประเมินภาวะแทรกซ้อนขณะได้รับการรักษา เช่น การติดเชื้อ ภาวะซีด และเลือดออกง่าย อาการเบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน อาการเจ็บปาก(stomatitis)กระเพาะปัสสาวะอักเสบจาก endoxan ภาวะกรดยูริกในเลือดสูง อาการท้องเดินหรือท้องผูก อาการอ่อนเพลียไม่มีแรง อาการชาตามปลายมือปลายเท้า และเดินเซในกรณีที่ได้รับยาที่มีผลต่อระบบประสาท เช่น vincristinและ vinblastine ผมร่วง พยาบาลควรประเมินและป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆดังกล่าวหรือเกิดขึ้นรุนแรงขึ้น
5.การกระจายของโรคมะเร็งไปยังอวัยวะต่างๆ เช่นสมอง (พบร้อยละ 40-50) ตับ (พบร้อยละ 35) กระดูก(พบร้อยละ 17-40) และต่อมน้ำเหลืองที่คอ (พบร้อยละ 15-25) ควรติดตามประเมินอาการและอาการแสดงที่บ่งชี้ถึงการกระจายของเซลล์มะเร็งไปยังอวัยวะต่างๆ เหล่านี้เช่น อาการปวดศีรษะ ซึมลง ตาพร่ามัว อาการของความดันโลหิตสูง ซึ่งแสดงถึงการกระจายของเซลล์มะเร็งไปที่สมอง อาการปวด ระดับแคลเซียมสูง ซึ่งแสดงถึงการกระจายของเซลล์มะเร็งไปที่กระดูกเป็นต้น
6.การเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เช่น pleural effusion, superior vena cava syndrome (SVC syndrome), infection, atelectasis ควรติดตามประเมินอาการหายใจลำบาก แน่นหน้าอก การมีไข้ แขนบวม หน้าแดง เส้นเลือดที่คอโป่งพอง ฯลฯ ซึ่งแสดงถึงการมีภาวะแทรกซ้อนต่างๆเหล่านี้เกิดขึ้น
7.ความวิตกกังวล หมดหวัง ท้อแท้ ผู้ป่วยมะเร็งมักทราบว่าตนเองเป็นโรคร้ายแรงที่รักษาไม่ได้และอายุสั้น ดังนั้นจึงควรดูแลให้ผู้ป่วยได้รับความสุขสบาย สนับสนุน ประคับประคองและให้กำลังใจเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถปรับตัว และเผชิญกับโรคที่เป็นอยู่ได้อย่างเหมาะสม
8.การได้รับสารอาหารและน้ำไม่เพียงพอ และเกิดความไม่สมดุลของอิเลคโตรไลท์ ผู้ป่วยมักมีอาการเบื่ออาหาร น้ำหนักลด ควรประเมินภาวะโภชนาการของผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมอ และดูแลให้ผู้ป่วยได้รับอาหารที่มีโปรตีน แคลอรี่ และสารอาหารอื่นๆอย่างครบถ้วน และให้อย่างเหมาะสมตามสภาพของผู้ป่วย
การดูแลแบบประคับประคอง (Supportive care) ในผู้ป่วยมะเร็งปอดบางคนที่การรักษาต่างๆ ไม่สามารถจะควบคุมการแพร่กระจายของโรคได้ หรือผู้ป่วยเองอาจจะตัดสินใจหยุดรับการรักษาเพื่อหยุดยั้งการยืดชีวิตที่ทุกข์ทรมาน ซึ่งเจ้าหน้าที่ในทีมสุขภาพหรือครอบครัวของผู้ป่วยมีความลำบากใจที่จะยอมรับได้ พยาบาลที่รู้จักผู้ป่วยดีและดูแลผู้ป่วยมาตลอด จึงควรทำหน้าที่เป็นปากเสียงให้ผู้ป่วยที่จะปกป้องสิทธิพื้นฐานในตัวของเขาเอง
การดูแลแบบประคับประคอง เป็นการดูแลเพื่อบรรเทาอาการต่างๆ ที่เกิดจากการแพร่กระจายลุกลามของโรคในระยะสุดท้าย เป็นการดูแลที่เปลี่ยนจากเน้นการหยุดยั้งการกระจายของโรคและการยืดชีวิตของผู้ป่วยมาเป็นการเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย ที่เหลืออยู่ให้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ โดยการกระตุ้นให้ผู้ป่วยเตรียมตัวและเผชิญกับความตายอย่างสงบและมีศักดิ์ศรีของความเป็นคน
กล่าวโดยสรุป พยาบาลมีบทบาทสำคัญในการดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดตั้งแต่การให้ความรู้แก่ประชาชนในการป้องกันการเกิดโรค การตรวจค้นพบโรคในระยะเริ่มต้น การช่วยเหลือในระยะของการวินิจฉัย การช่วยเหลือผู้ป่วยในการเผชิญกับโรคและการรักษา การร่วมมือกับแพทย์ในการรักษาโรค และป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ตลอดจนการดูแลผู้ป่วย เพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวด การฟื้นฟูสมรรถภาพ และการดูแลแบบประคับประคองในระยะสุดท้ายของชีวิต เนื่องจากลักษณะและผลกระทบของโรคต่อชีวิตผู้ป่วยและครอบครัวค่อนข้างสลับซับซ้อน พยาบาลที่ดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็งปอด จึงควรได้พัฒนาความสามารถทางการพยาบาลให้ทันกับความเจริญก้าวหน้า ทางด้านการแพทย์และเทคโนโลยีใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา รวมทั้งจะต้องมีความเข้าใจถึงจิตใจ อารมณ์ สังคม และ สิ่งแวดล้อม ของผู้ป่วยและครอบครัว จึงจะสามารถช่วยเหลือผู้ป่วยและครอบครัวให้อดทน แก้ไข และเผชิญกับภาวะวิกฤตในชีวิตเช่นนี้ได้อย่างมีความลำบากน้อยที่สุด ช่วยให้ผู้ป่วยและครอบครัวสามารถดูแลตนเองและพึ่งพาตนเองได้มากที่สุด และช่วยให้ผู้ป่วยตายอย่างสงบและมีศักดิ์ศรีเมื่อถึงเวลา
การฟื้นฟูสภาพของผู้ป่วยมะเร็ง การฟื้นฟูสภาพจึงมีบทบาทสำคัญและเป็นสิ่งจำเป็นในการดูแลผู้ป่วยมะเร็งปอดเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยสามารถดูแลตนเองได้ดีที่สุด สามารถปรับตัวทางด้านจิตสังคมต่อความเปลี่ยนแปลงของวิถีทางดำเนินชีวิตที่เป็นผลมาจาก การฟื้นฟูสภาพจะต้องคำนึงถึงความรุนแรงของความพิการหรือการสูญเสียอวัยวะ ภาวะทางด้านอารมณ์ การรักษาและการตอบสนองของผู้ป่วยต่อการรักษาตลอดจนแหล่งประโยชน์ของผู้ป่วยด้วย
Create Date : 20 มีนาคม 2551 | | |
Last Update : 28 สิงหาคม 2552 7:58:42 น. |
Counter : 25413 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
blog counterDiseño Web
Share on Facebook
ทาน ศีล ภาวนา ธรรมทั้ง 3 นี้
เป็นรากแก้วของความเป็นมนุษย์
และเป็นรากเหง้าของพระศาสนา
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
ถ้าเรารู้เรื่องธรรมดาของโลก และรู้จักความเป็นจริงของธรรมแล้ว
เราก็จะไม่ต้องมีความยุ่งยากในการเป็นอยู่
เรื่องภายนอกนั้น ถึงเราจะศึกษาให้มีความรู้สักเท่าไรๆ
ก็ไม่ทำให้เราพ้นจากทุกข์ได้
สู้การเรียนรู้จิตใจของตนอยู่ภายในวงแคบๆ นี้ไม่ได้
ท่านพ่อลี ธมฺมธโร
อย่าไปอยากรู้เรื่องของคนอื่นมันเป็นทุกข์
ให้สนใจเรื่องของตัวเอง
คือเรื่องของกายกับใจ
ดูให้มันชัด
หลวงปู่เพียร วิริโย
สิ่งใดมันล่วงไปแล้ว สิ่งนั้นมันก็ล่วงไปแล้ว หมดไปแล้ว
ไม่ควรเอามาคิด มาติดอยู่ในใจ ละทิ้งให้หมด
ส่วนว่าอารมณ์อันเป็นอนาคตกาล
ดีร้ายประการใด ทั้งทางโลก และทางธรรม
สิ่งนั้นก็ยังอยู่ข้างหน้า คือยังไม่มาถึง
เวลาปัจจุบัน คือ เป็นเวลาเรานั่งภาวนา ฟังธรรม
สงบกาย สงบวาจา สงบจิต สงบใจ อยู่นี้แหละ
เป็นธรรมะปัจจุบัน ให้ระลึกภาวนาทุกลมหายใจเข้าออก...
หลวงปู่สิม พุทธาจาโร
... ให้รักษาศีล
ให้รู้จักพิจารณา เกิด แก่ เจ็บ ตาย
รู้จักแก้ไขจิตของตน ...
หลวงปู่จาม มหาปุณฺโญ
หลวงพ่อชา สุภทฺโท : ปล่อยวาง 1
พระอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร : ธรรมสู่ใจ
หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ : ไม่ยอมละ
ดาวน์โหลดหนังสือธรรมะ (Download E-Book) :
ดาวน์โหลดหนังสือธรรมะ โครงการบูรพาจารย์ (Download E-Book) :
ดาวน์โหลดหนังสือวิธีปฏิบัติสมาธิ วิปัสสนากัมมัฏฐาน (Download E-Book) :
ดาวน์โหลดหนังสือธรรมะ สำหรับผู้ป่วย, ญาติ และผู้รักษา (Download E-Book) :
ดาวน์โหลดหนังสือพระไตรปิฎก :
ดาวน์โหลดหนังสือธรรมะทั่วไป (Download E-Book) :
ดาวน์โหลด (Download): วารสาร นิตยสาร และสถิติ ที่เกี่ยวข้องกับมะเร็ง:
ดาวน์โหลด (Download): เอกสาร, คู่มือมะเร็ง และที่เกี่ยวข้อง:
ลิงค์ (Link): เรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับมะเร็ง
ลิงค์ (Link): การแพทย์ทางเลือก, การแพทย์แผนไทย และธรรมชาติบำบัด
Link: ลิงค์ หน่วยงาน, สถาบัน, องค์กร และที่เกี่ยวข้องกับมะเร็ง
Link: ลิงค์ หน่วยงาน, สถาบัน, องค์กรด้านการสาธารณสุข และที่เกี่ยวข้อง
ดาวน์โหลด (Download): กฎหมาย, ประกาศ, ระเบียบ, ข้อบังคับ, คำสั่ง
ดาวน์โหลด (Download): เอกสารข้อมูลทางการแพทย์และสาธารณสุขที่สำคัญ
ลิงค์ (Link): การเดินทาง, แผนที่, ตารางเวลา และการส่งกลับทางอากาศ :
ลิงค์ (Link): หมายเลขโทรศัพท์, การติดต่อสื่อสาร และการขนส่ง
ลิงค์ (Link): ค้นหาแผนที่
สมาทานศีล 5
หลวงพ่อชา สมาทานศีล 5
พุทธมนต์, พุทธคุณ ๑๐๘ นำสวดโดย หลวงพ่อจรัญ ธิตธมฺโม
ทำวัตรเช้า นำสวดโดย หลวงพ่อจรัญ ธิตธมฺโม
ทำวัตรเย็น นำสวดโดย หลวงพ่อจรัญ ธิตธมฺโม
ทำวัตรเย็น นำสวดโดย หลวงพ่ออุทัย สิริธโร
พาหุงมหากา นำสวดโดย หลวงพ่อจรัญ ธิตธมฺโม
บทสวดพระคาถาชินบัญชร
บทสวดยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก
บทสวดโพชฌังคปริตร
พระคาถาสักกัตวา
หลวงพ่อชา สอนการทำสมาธิ
หลวงพ่อจรัญสอนกรรมฐาน ตอนที่ 3/9
หลวงพ่อจรัญสอนกรรมฐาน ตอนที่ 4/9
หลวงพ่อฤๅษี ลิงดำ สอนกรรมฐาน 40 ตอนที่ 1
หลวงพ่อฤๅษี ลิงดำ สอนกรรมฐาน 40 ตอนที่ 2
หลวงพ่อฤๅษี ลิงดำ สอนกรรมฐาน 40 ตอนที่ 3
หลวงพ่อฤๅษี ลิงดำ สอนกรรมฐาน 40 ตอนที่ 4
หลวงพ่อพุธ ฐานิโย สอนกรรมฐาน
ลิงค์ (Link): ข่าวสาร, ข้อมูล, บทความเกี่ยวกับน้ำท่วม
ดาวน์โหลด (Download): เอกสาร คู่มือเกี่ยวกับน้ำท่วม
หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ :
Ayutthaya Thai Flood 2011
น้ำท่วมกรุงเทพ ปี 2485 (Bangkok floods in 1942)
Nuidears Flood Control
mobile flood barrier
ถุงคลุมรถ
ข้อควรปฏิบัติขับรถช่วงน้ำท่วม
Thai PBS ฝ่าวิกฤตน้ำท่วม พบหมอรถ 1/5 (23 ต.ค.54
Thai PBS ฝ่าวิกฤตน้ำท่วม พบหมอรถ 2/5 (23 ต.ค.54
Thai PBS ฝ่าวิกฤตน้ำท่วม พบหมอรถ 3/5 (23 ต.ค.54)
Thai PBS ฝ่าวิกฤตน้ำท่วม พบหมอรถ 4/5 (23 ต.ค.54)
Thai PBS ฝ่าวิกฤตน้ำท่วม พบหมอรถ 5/5 (23 ต.ค.54)
Thai PBS ฝ่าวิกฤตน้ำท่วม - พบหมอบ้าน 1/6 (22 ต.ค.54)
เพลง ประสบทุกข์ ประสบภัย ฝ่าไปด้วยกัน (ขับร้องโดย พนักงานไทยพีบีเอส
เพลงน้ำใจไทย (ขับร้องโดย แอ๊ด คาราบาว)
|
|
|
|
|
|
|
|