Group Blog
 
All Blogs
 
ทบทวนสามก๊ก (๑๐)

ทบทวนสามก๊ก (๑๐)

เรามาเริ่มทบทวนสามก๊กกันต่อนะครับ หลังจากที่ได้หยุดมานาน
คราวนี้ขอความกรุณาท่านผู้สนใจ หาข้อความตอนไหนก็ได้ ในสามก๊ก
ฉบับท่านเจ้าพระยาพระคลัง(หน) เอามาวาง แล้วผมจะเอาเรื่องสามก๊ก
ที่ผมเรียบเรียง มาเฉลย ว่าเรื่องนั้นคือตอนไหน มีความว่าอย่างไรครับ

ถ้าไม่ต้องพลิกหาให้ยุ่งยาก ลองเปิดหน้าใดหน้าหนึ่ง แล้วบอกมาว่าเล่มที่เท่าไหร่ ๑-๒-๓
หน้าอะไร ผมจะไปหาเองก็ได้ครับ.

ขอเชิญร่วมสนุกครับ.

ทดลองหาเองก่อนครับ

เล่ม ๒





Create Date : 17 เมษายน 2559
Last Update : 17 เมษายน 2559 10:16:51 น. 2 comments
Counter : 422 Pageviews.

 
อยู่ในขุดโจโฉแตกทัพเรือ คอน จิวยี่รู้ว่ากองทัพของตนอยู่ใต้ลม ก๋เสียใจจนอาเจียนเป็นโลหิต

ต้องไปหาว่าสามก๊กฉบับลิ่วล้อ เขียนไว้ที่ไหนครับ


โดย: เจียวต้าย วันที่: 17 เมษายน 2559 เวลา:10:19:48 น.  

 
พบแล้วครับ


สามก๊กฉบับลิ่วล้อ

พันธมิตรร้อยเล่ห์

"เล่าเซี่ยงชุน"

เมื่อมหาอุปราช โจโฉ เตรียมกองทัพใหญ่มหึมาของตน ให้พร้อมสรรพ ที่จะทำการยุทธขั้นแตกหัก กับกองทัพเรืออันกระจ้อยร่อยของ จิวยี่ แม่ทัพผู้รับหน้าที่ป้องกันรักษาเมืองกังตั๋ง ตามคำแนะนำของอาจารย์ บังทอง จนเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้นเวลาก็ย่างเข้าเดือนอ้าย พ.ศ.๗๕๑ วันขึ้นสิบห้าค่ำ เดือนหงายกระจ่างแจ่มใสคลื่นลมในท้องทะเลราบเรียบเงียบสงบ

โจโฉมีความเบิกบานใจมาก จึงจัดเลี้ยงโต๊ะเอาใจนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ร่วมสามร้อยคน ท่านกลางขบวนเรือที่ผูกโยงต่อกันแน่นหนาเหมือนแผ่นดิน แถมมีพนักงานเล่นมโหรีขับกล่อมครื้นเครง พอได้ที่ก็ลุกขึ้นกล่าวคำปราศรัย ปลุกใจเหล่านักรบทั้งปวงของตนว่า

".....แต่แรกเราก็คิดว่าจะทำนุบำรุงบ้านเมืองให้เป็นสุข เราก็ได้ทำการปราบปรามศัตรูมาก็หลายตำบลแล้ว บัดนี้ยังแต่เมืองกังตั๋งกล้าแข็งอยู่เมืองเดียวให้ท่านทั้งปวงจงประนอมกัน ตั้งใจช่วยเราคิดอ่านกำจัด ซุนกวน กับจิวยี่เสียได้แล้วบ้านเมืองก็จะอยู่เย็นเป็นสุข เรากับท่านทั้งปวงก็จะมีความสบาย....."

ที่ปรึกษาและทหารเอกทั้งหลายก็ชวนกันคำนับ เป็นการให้คำมั่นสัญญา โจโฉเสพสุราต่อไปจนถึงสองยาม ชักจะเมามากขึ้นก็ขยายความในใจออกมาว่า

".....เล่าปี่ กับ ขงเบ้ง นั้นมิได้คะเนในกำลังของตัวเองว่าเหมือนมดและปลวก องอาจคิดจะทำลายภูเขาอันใหญ่นั้น ยังจะสมความคิดแล้วหรือ อันอายุของเรานี้ก็ได้ห้าสิบปีแล้ว แม้ได้เมืองกังตั๋งก็จะมีความยินดีอยู่หน่อยหนึ่ง ด้วยแต่ก่อนนั้นเราได้รู้จักกับ นางเกียวก๊กโล่ และนางเกียวก๊กโล่มีบุตรหญิงสองคนรูปร่างงามกว่าหญิงทั้งปวงเราคิดพอใจอยู่ แต่ว่าเผอิญให้พลัดไปเป็นภรรยา ซุนเซ็ก คนหนึ่ง เป็นภรรยาจิวยี่คนหนึ่ง เมื่อเราไปรบได้เมืองกิจิ๋วนั้น เราให้สร้างเมืองใหม่ ทำปราสาทไว้ริมแม่น้ำเจียงโห ครั้งนี้ถ้าเราได้เมืองกังตั๋ง เราจะพาหญิงสองคนนี้ไปอยู่ ณ ปราสาทเมืองกิจิ๋ว จะได้ปรนนิบัติเราให้เป็นที่ชอบใจกว่าจะสิ้นชีวิตในที่นั้น....."

แล้วก็คว้าทวนคู่มือออกไปยืนอยู่หัวเรือ ร้องประกาศแก่ทหารทั้งปวงว่า

".....ทวนเล่มนี้เราถือสำหรับมือมาแต่แรกเป็นทหาร จนตั้งตัวได้ ได้ปราบโจรโพกผ้าเหลือง ทั้ง ลิโป้ อ้วนสุด อ้วนเสี้ยว และได้ปราบปรามหัวเมืองทั้งปวง ก็ไม่เสียทีเกิดมาเป็นชายชาติทหาร....."

แล้วก็ร้องเพลงไปตามประสาคนเมา ในขณะนั้นได้มีกาฝูงหนึ่งบินร้องผ่านไปทางทิศใต้ เพลงนั้นก็มีเนื้อความว่า

"...ธรรมดาเกิดมาแล้วก็จะตาย ให้เร่งเล่นให้สนุกสนาน แต่ประหลาดด้วยฝูงกานั้น เพราะว่าหารังและกิ่งไม้จะจับอาศัยมิได้ จึงบินร้องมาผิดเวลาดังนี้....."

เล่าฮก ที่ปรึกษาเก่าแก่คนหนึ่งก็ท้วงว่า เรากำลังจะทำสงคราม เหตุใดจึงมาร้องเพลงให้เป็นลางร้ายของความปราชัย โจโฉถูกขัดคอในเวลาที่กำลังสำราญใจก็ เลยพุ่งทวนแทงเล่าฮก ล้มลงขาดใจตายไป นายทหารทั้งปวงก็ตกใจรีบพาโจโฉกลับไปยังค่ายบนบก พอรุ่งเช้าสร่างเมาแล้ว โจโฉจึงได้สติต้องขอโทษขอโพย เล่าฮี บุตรชาย
ของเล่าฮก ที่ได้หุนหันพลันแล่นฆ่าบิดาตายไป แล้วก็ให้เล่าฮีนำศพเล่าฮกไปทำพิธีฝังที่เมืองฮูโต๋ และให้เกียรติอยู่ในระดับลูกหลวง

จากนั้นก็ให้ อิกิ๋ม มอกาย คุมกองทัพเรือออกแล่นฝึกซ้อมรบ ทั้งรุกและถอยให้เกิดความชำนาญ ทหารทั้งหลายก็ประจำตามหน้าที่อย่างเข้มแข็ง ไม่มีผู้ใดเมาคลื่นเลย จนเป็นที่พอใจแล้วก็สั่งลดใบเรือ ถอยกลับมาจอดทอดสมออยู่ที่เดิม เทียหยกที่เป็นนายทหารเอกก็เตือนว่าการทั้งปวงดีอยู่แล้ว แต่ต้องคอยระวังข้าศึก จะเอาเพลิงมาจุด จะเป็นอันตรายเพราะเรือผูกติดกันแน่นหนาแก้ไม่ออก โจโฉก็หัวเราะว่าขณะนี้เป็นหน้าแล้ง กองทัพเราตั้งอยู่ต้นลมฝ่ายจิวยี่ตั้งอยู่ปลายลม ข้าศึกไม่สามารถจุดเพลิงได้แน่ เพราะลมจะพัดไปไหม้กองทัพจิวยี่เอง

ขณะนั้น เจียวเหีย กับ เจียวหลำ ซึ่งเป็นทหารเก่าของอ้วนเสี้ยว ขออาสานำเรือรบยี่สิบลำพร้อมทหาร ยกไปตีกองทัพจิวยี่เอาฤกษ์ชัยไว้ก่อน โจโฉก็ทัดทานว่าเป็นชาวดอนชำนาญแต่แม่น้ำลำคลอง จะเสียทีแก่ทหารเมืองกังตั๋ง ซึ่งสันทัดการทะเล
ทั้งสองก็ยืนยันว่าจะทำให้สำเร็จ

โจโฉจึงให้เรือเร็วไปยี่สิบลำ กับให้ บุนเพ่ง เป็นกองหนุนไปอีกสามสิบลำ และกำชับว่าอย่าหักหาญเกินไป รบพอให้เห็นฝีมือเท่านั้น

จิวยี่รู้ข่าวก็ให้ ฮันต๋ง กับ จิวท่าย คุมทหารลงเรือเร็วห้าลำออกมารบได้ไม่ทันไร ฮันต๋งก็เอาทวนแทงเจียวเหียตาย จิวท่ายก็โดดขึ้นไปบนเรือของเจียวหลำเอากระบี่ฟันเจียวหลำและทหารทั้งลำเรือตายสิ้น ทหารที่เหลือก็แจวเรือถอยหนี บุนเพ่ง หนุนมาทันก็เข้ารบป้องกันไว้ด้วยกำลังที่มากกว่า จิวยี่ยืนดูอยู่บนเนินเขาหน้าค่าย ก็ตีฆ้องกลองส่งสัญญาณเรียกทหารเมืองกังตั๋งถอยกลับ

แล้วจิวยี่ก็ปรึกษากับทหารทั้งหลายว่า เรือรบของโจโฉนั้นมีมากมายนับไม่ถ้วน ทำอย่างไรจึงจะเอาชนะได้ ยังไม่ทันที่ผู้ใดจะตอบ ก็เกิดลมพายุแรง พัดเอาธงชัยสีเหลืองที่ค่ายของโจโฉหักสบั้น ทุกคนก็ดีใจว่าเป็นลางร้ายของโจโฉ แต่ทันใดนั้นลมก็พัดหนักเลยมาถูกธงชัยของจิวยี่หลุดจากคันธง ปลิวขึ้นมาตกบนเนินเขาตรงหน้า

จิวยี่สะดุ้งใจรู้ว่ากระแสลมได้พัดจากค่ายโจโฉมาทางค่ายของตน แผนการที่คิดไว้ทั้งหมดคงจะไม่สำเร็จ เกิดความทุกข์หนักถึงกับอาเจียนเป็นโลหิต แล้วล้มสลบลงกับที่ ทหารต้องพากันหามแม่ทัพเข้าไปในค่าย แล้วจิวยี่ก็เลยนอนป่วยอยู่ตั้งแต่บัดนั้น

ขงเบ้งได้ทราบว่าจิวยี่แม่ทัพของพันธมิตรป่วย ก็ให้ โลซก ที่ปรึกษาพาไปเยี่ยมถึงค่าย ไต่ถามอาการพอเป็นพิธีแล้วก็รับจะรักษาให้ โดยให้ผู้คนออกไปนอกห้องให้หมดรวมทั้งโลซกด้วย แล้วก็เขียนหนังสือใส่กระดาษส่งให้จิวยี่ แล้วว่า

"....อันโรคซึ่งป่วยอยู่นี้ อุปมาเหมือนธาตุทั้งสี่ในกายท่าน อันธาตุดินธาตุน้ำปกติอยู่แต่ธาตุลมกับเพลิงนั้นหย่อน ถ้าลมพัดมาต้องเพลิงกำเริบกล้าแล้ว โรคท่านจะหาย....."

จิวยี่ก็ตกใจว่า ขงเบ้งเดาใจได้ถูกต้องตรงเผง จึงบอกเนื้อความทั้งปวงที่ได้วางแผนกระทำไว้ตั้งแต่ต้น และหารือว่าทำอย่างไร จึงจะเกิดลมสลาตันพัดจากฝ่ายเราไปหาข้าศึกได้ ขงเบ้งก็ออกอุบายว่าจะทำพิธีเรียกลม โดยให้ตั้งโรงพิธีสามชั้น สูงชั้นละสามศอก บนเขาลำปิสาน และให้มีทหารร้อยยี่สิบคนถือธงต่าง ๆ นั่งล้อมโรงพิธี
ไว้อย่าให้ใครผ่านเข้าออก ตนเองจะนั่งอ่านมนต์คาถาเรียกลม สักสามวันสามคืน จิวยี่ก็ขอให้เร็วกว่านั้นได้ไหม เพราะกลัวทางฝ่ายโจโฉรู้เรื่อง แล้วจะเคลื่อนทัพมาเสียก่อน

ขงเบ้งก็ต่อรองเวลา ให้ถึงแรมห้าค่ำ เวลายามเศษ จะเรียกลมสลาตันให้พัดไปจนถึง
แรมเจ็ดค่ำ คงจะไม่ช้าเกินไป

จิวยี่ก็สั่งทหารให้จัดการตามที่ขงเบ้งขอร้องทุกประการ ใช้เวลาสามวันจึงเสร็จ เพราะสร้างวิจิตรพิศดารมาก ชั้นต้นยาวด้านละยี่สิบวา เอาดินปั้นให้เป็นรูปมังกรรูปเทวดารูปเสือรูปนกยูง วางไว้ประจำสี่ทิศ และปักธงเขียวธงดำธงขาวธงแดง
อย่างละเจ็ดคัน ชั้นกลางให้คนถือธงเหลืองประจำทั้งแปดทิศ ๆ ละแปดคน ชั้นบนมีคนสี่คนถือโคมระย้า ถือไม้ผูกขนไก่ถือกระบี่ และถือกระถางธูป ประจำทิศตะวันออกทิศเหนือ ทิศตะวันตกและทิศใต้ แล้วก็ขอกระบี่อาญาสิทธิ์จากจิวยี่บังคับทหารทั้งปวงให้อยู่ตามหน้าที่อย่างสงบ ไม่มีการพูดจากันหรือเดินไปมา ใครขัดขืนจะตัดศีรษะเสีย

พอถึงแรมสามค่ำเดือนอ้าย ขงเบ้งก็อาบน้ำชำระกายแต่งตัวเรียบร้อยสยายผม ขึ้นไปนั่งร้านชั้นบน จุดธูปเทียนบูชาเทวดา แล้วก็นั่งอ่านมนต์เรียกลมอยู่ พอได้ เวลาก็พาทหารลงมาอาบน้ำกินอาหาร แล้วก็กลับขึ้นไปใหม่ ไม่มีใครล่วงรู้ว่าขงเบ้งเปิดตำราดูรู้ล่วงหน้าแล้วว่า จะเกิดลมสลาตันในวันแรมห้าค่ำอยู่แล้ว แต่แกล้งทำให้เป็นพิธีใหญ่โต เพื่อข่มจิวยี่ให้เกรงฝีมือเท่านั้น

ฝ่ายจิวยี่ก็เชื่อถือขงเบ้งพอสมควร จึงสั่งทหารให้จัดกองทัพไว้ให้พร้อม
ถ้ามีลมสลาตันพัดมา ก็จะยกไปทำการรบทันที และแจ้ง ซุนกวน ในเมืองกังตั๋งให้จัดกองหนุนเตรียมยกมาช่วยรบด้วย ฝ่าย อุยกายก็จัดเรือยี่สิบลำ เอาหญ้าและฟางแห้งบรรทุกลงเต็มลำ แล้วเอาน้ำมันราดให้ชุ่ม เอาดินประสิวกับสุพรรณถันโรยไว้ข้างบน และปักธงตะขาบเขียวไว้ที่หัวเรือเป็นสำคัญ เตรียมพร้อมที่จะเคลื่อนไปตามคำสั่งจิวยี่

เวลาผ่านไปวันกับคืนหนึ่ง ก็ยังไม่เกิดอะไรขึ้น จนถึงวันที่สองถึงเวลาสองยามเศษก็ได้ยินเสียงอื้ออึงขึ้น มีลมสลาตันพัดหนักมาทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ จิวยี่ก็
สั่งให้เคลื่อนกำลังพลทั้งหมดเข้าทำการรบ โดยตามหลังเรือเสบียงปลอมของอุยกายไปตามแผน

กำเหลงก็เอาตัว ชัวต๋ง ไส้ศึกของโจโฉ มาตัดศีรษะเซ่นธงชัยทัพหน้า จิวยี่ก็สั่งให้ประหาร ชัวโฮ เซ่นธงชัยทัพหลวงเช่นกัน เมื่อถึงเวลาได้ฤกษ์ก็เคลื่อนทัพพร้อมกันทุกหน่วย

ส่วนขงเบ้งนั้น เมื่อเห็นลมสลาตันเริ่มพัดมา ก็ออกจากโรงพิธีรีบไปยังท่าเรือซึ่งนัดให้เรือมาคอยรับอยู่ เตงฮอง ที่รับคำสั่งจิวยี่ให้มาฆ่าขงเบ้ง ก็เจอแต่โรงที่ว่างเปล่า จึงติดตามมาเจอกันเข้ากับ ชีเซ่ง ที่รับคำสั่งจิวยี่ให้นำเรือมาดักทางทะเล ต่างก็ไม่พบขงเบ้ง ทหารที่รักษาการณ์อยู่ก็บอกว่า อาจารย์ขงเบ้งลงเรือเล็กแล่นไปทางทิศเหนือตั้งแต่เวลาสองยามเศษแล้ว เตงฮองกับชีเซ่งจึงลงเรือชักใบแยกกันตามไปทางที่ทหารบอก

ชีเซ่งคุมเรือมาทันเรือขงเบ้ง ก็เรียกให้หยุดก่อนมีข่าวที่จิวยี่สั่งมาเป็นความลับ ขงเบ้งก็บอกว่าขอบใจ เรารู้อยู่แล้วว่าจิวยี่สั่งว่าอย่างไร ตอนนี้ขอลาไปก่อน
วันอื่นจะกลับมาเยี่ยมจิวยี่อีก ชีเซ่งเห็นเรือของขงเบ้งมิได้กางใบก็ให้ทหารแจวเรือเข้า
ไปใกล้ ทหารเอกที่คุมเรือมารับขงเบ้งก็ยืนขึ้นที่ท้ายเรือ ร้องว่า

"....ตัวเราชื่อ จูล่ง ได้รับคำขงเบ้งไว้จึงมารับ และขงเบ้งได้ว่ากล่าวห้ามตัวก็มิได้ฟัง ขืนจะตามมาทำร้ายแก่ขงเบ้ง ครั้นเราจะเอาเกาทัณฑ์ยิงให้ตายเสียบัดนี้ เล่าปี่ นายเรากับซุนกวน ก็จะผิดใจกันเสีย เราจะยิงแต่พอให้รู้จักฝีมือไว้.."

ว่าแล้วก็ขึ้นเกาทัณฑ์ยิงไปถูกสายลดใบเรือชีเซ่งขาดตกลง เรือก็ขวางลำ จูล่งก็ให้ทหารชักใบเรือแล่นกลับไปทางทิศเดิม

จิวยี่ผู้มากไปด้วยเล่ห์กล จึงต้องเสียเชิงให้แก่ที่ปรึกษา ผู้มีนามเดิมว่า จูกัดเหลียง แห่งเขาโงลังกั๋ง พันธมิตรที่มีสติปัญญาและเล่ห์เหลี่ยมเหนือชั้นกว่า ด้วยเหตุฉะนี้

ส่วนผลสุดท้ายของการสงครามครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของสามก๊ก
นี้ ท่านผู้อ่านทั้งหลายก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่า เมื่อ โจโฉ แตกทัพไปเจอ กวนอู ยอดขุนพล
น้องชายร่วมสาบานของ เล่าปี่ เป็นด่านสุดท้ายนั้น เหลือทหารอยู่เพียงสามสิบคนเท่านั้น

ถ้ากวนอูไม่มีความกตัญญูกตเวที ยอมปล่อยให้ผ่านไปได้ โจโฉก็คงจะสิ้นชื่อไปเสียในครั้งนั้นแล้ว และความใฝ่ฝันที่จะได้นางสองเกี้ยว ไปไว้ที่ปราสาทริมแม่น้ำเจียงโห ก็เป็นอันสูญสลายไปโดยสิ้นเชิง

##########


โดย: เจียวต้าย วันที่: 17 เมษายน 2559 เวลา:10:47:04 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.