Group Blog
All Blog
|
เมื่อมารธิดามาผจญพระศาสดา ในคราว ที่พระพุทธองค์ตรัสรู้นั้นเองเกิดเหตุการณ์มารผจญขึ้น 2 ครั้ง คือพระยามารวัสวดี พาเสนามารจำนวนมากมาห้อมล้อมพระพุทธองค์ไว้ กล่าวทวงวัชรอาสน์พระพุทธองค์ทรงชนะมารด้วยทศบารมี (กล่าวโดยย่อๆคือพระธรณีขึ้นมาบีบมวยผม)และอีกครั้งหนึ่ง คือ คราวมารธิดามาผจญ แต่ก่อนผมเองก็มักจะสับสนทั้ง 2 เหตุการณ์ แต่จริงๆแล้ว เหตุการณ์ธิดามารมาผจญนั้นเกิดขึ้นภายหลังมารผู้พ่อ โดยเมื่อพระยาวัสวดีพ่ายแพ้ไปแล้ว ธิดาทั้งสามคือนางตัณหา ราคา อรดี ได้เข้ามาอาสาบิดาเพื่อนำพระพุทธองค์กลับเข้าสู่บ่วงมารอีกครั้ง (ชื่อเหล่านี้แตกต่างกันออกไปตามแต่ละคัมภีร์แต่ในพระไตรปิฎกขุททกนิกาย มหานิทเทส ในมาคันทิยสูตร ของเถรวาทกล่าวชื่อธิดามารทั้ง3 ไว้เช่นนี้ ในที่นี้จึงขออ้างอิงตามขุททกนิกายนะครับ) มาคันทิยสูตรกล่าวว่า ครั้งนั้นแล มารธิดาทั้ง๓ คือ นางตัณหา นางอรดีนางราคา จึงพากันเข้าไปหาพระยามารถึงที่อยู่ครั้นแล้วจึงถามพระยามารด้วยคาถาว่า ข้าแต่คุณพ่อคุณพ่อมีความเสียใจด้วยเหตุอะไร หรือ เศร้าโศกถึงผู้ชายคนไหนหม่อมฉันจักผูกผู้ชายคนนั้นด้วยบ่วงคือราคะ นำมาถวาย เหมือนบุคคลผูกช้างมาจากป่า ฉะนั้น ชายนั้นจักตกอยู่ในอำนาจของคุณพ่อฯ พระยามารกล่าวตอบว่า ชายนั้นเป็นพระอรหันต์ผู้ดำเนินไปดีแล้วในโลกไม่เป็นผู้ อันใครๆพึงนำมาด้วยราคะได้ง่ายๆ ก้าวล่วงบ่วงมาร ไปแล้ว เพราะฉะนั้นเราจึงเศร้าโศกมาก ฯ ตัดฉากไปธิดามารทั้งสามเข้ามายังสำนักพระศาสดา แปลงกายเป็นกุมาริการูปโฉมงดงามอย่างละร้อย เข้าไปเสนอตัวบำเรอบาทพระพุทธองค์ แต่ไม่ทรงสนพระทัย ธิดาทั้งสามเมื่อไม่สมใจนึกจึงปรึกษากันว่า ธรรมดาบุรุษย่อมมีความปรารถนาหลายอย่างแตกต่างกัน เราแปลงเป็นหญิงแรกรุ่นที่ยังไม่เคยคลอดบุตร พระศาสดาก็ไม่ทรงใส่พระทัยอีกมารจำแลงเป็นหญิงคลอดบุตรแล้ว 1 คราว ก็ไม่สามารถยั่วยวนพระองค์ได้ จึงจำแลงเป็นหญิงคลอดบุตรแล้ว2 คราว ก็ไม่ประสบผลสำเร็จต่อมาก็จำแลงเป็นหญิงกลางคน พระพุทธองค์ไม่ทรงใส่พระทัยสุดท้ายทั้งสามนางจำแลงตัวเป็นหญิงผู้ใหญ่ หลังจากแปลงร่างยั่วยวนพระศาสดาจนเหนื่อยอ่อนแล้วมารธิดาทั้งสามก็เข้าไปทูลถาม ท่านถูกความโศกทับถมหรือจึงได้มาซบเซาอยู่ในป่าอย่างนี้ ท่านเสื่อมจากทรัพย์เครื่องปลื้มใจแล้วหรือหรือว่ากำลัง ปรารถนาอยู่ท่านได้ทำความชั่วอะไรๆ ไว้ในบ้านหรือ เพราะเหตุไรท่านจึงไม่ทำมิตรภาพกับชนทั้งปวงเล่า หรือว่า ท่านทำมิตรภาพกับใครๆไม่สำเร็จ ฯ "เราชนะเสนาคือปิยรูปและสาตรูป(รูปที่รักและรูปที่พอใจ) เป็นผู้ๆ เดียวเพ่งอยู่ได้รู้ความบรรลุประโยชน์ และความ สงบแห่งหทัยว่าเป็นความสุข ฯ เพราะฉะนั้นเราจึงไม่ทำความเป็นมิตรกับชนทั้งปวง และ ความเป็นมิตรกับใครๆย่อมไม่อำนวยประโยชน์ให้แก่เรา ฯ" สุดท้ายธิดามารเข้าใจแล้วว่าไม่อาจเปลี่ยนพระทัยพระศาสดาได้ได้กล่าวเป็นคาถาออกมาว่า "พระศาสดาผู้เป็นหัวหน้าดูแลคณะสงฆ์ได้ตัดตัณหาขาดแล้ว และชนผู้มีศรัทธาเป็นอันมากจักประพฤติตามได้แน่แท้ พระศาสดานี้เป็นผู้ไม่มีความอาลัยได้ตัดขาดจากมือมัจจุราช แล้วจักนำหมู่ชนเป็นอันมาก ไปสู่ฝั่งพระนิพพาน ฯ" แล้วก็กลับไปหาพระวัสวดีมาราธิราชผู้บิดาพระยามารเห็นธิดาทั้งสามมาแต่ไกล ก็ตัดพ้อว่า พวกคนโง่พากันทำลายภูเขาด้วยก้านบัวขุดภูเขาด้วยเล็บ เคี้ยวเหล็กด้วยฟันทั้งหลายท่านทั้งหลายจะทำพระโคดมให้ เบื่อเข้าต้องหลีกไปเป็นประดุจบุคคลวางหินไว้บนศีรษะแล้ว แทรกลงไปในบาดาลหรือดุจบุคคลเอาอกกระแทกตอ ฉะนั้น ฯ
ภาพธิดามารนี้มาจากตู้พระธรรมวัดศรีสุดาราม ฝั่งธนบุรีครับ |
ปลาทองสยองเมือง
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 23 คน [?]
Friends Blog
Link |