==== ก็แค่ผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่ง ที่อยากจะเป็นสามี และ เป็นพ่อให้ได้ดีกว่าที่เคยเป็นเมื่อวาน ====
Group Blog
 
All Blogs
 

มาม่ะ มาม่ะ ... เก็บของใส่กระเป๋า จะพาเที่ยวแท่นเจาะสำรวจนอกชายฝั่งอ่าวไทย

xxx
 




 

Create Date : 04 ตุลาคม 2551    
Last Update : 28 ตุลาคม 2562 9:33:59 น.
Counter : 7810 Pageviews.  

เสร็จแล้วก็เดินตามมา จะพาไปทัวร์ต่อ

=====================
ยินดีต้อนรับท่านที่อยากมาทัวร์ต่อ ... :)

ส่วนท่านที่เบื่อและอยากกลับบ้าน ...
เสียใจด้วยครับ วันนี้ไม่มีฮ.กลับครับ
=====================


มามา มาทัวร์กันต่อ ...

อ้าว เดินทัวร์กันยังไงเนี่ย เดินไปเดินมาถึงเย็นเลยเหรอ ... อิอิ ...




งั้นเรามาเดินออกกำลังกาย ชมตอนพระอาทิตย์ตกกัน ...




พระอาทิตย์ตกไปได้สักพักแล้ว


...

...

... เนอะๆ บรรยากาศน่าคิดถึงบ้าน

นี่ครับ อุปกรณ์แก้เหงา ... หรือจะทำให้เหงามากขึ้นก็ไม่รู้




ตั้งใจไว้แต่แรกว่าจะถ่ายรูปพระอาทิตย์กำลังตกเป็นช่วงๆ ... พอดีงานยุ่งไปหน่อย โผล่ออกมาก็ได้แค่นี้แหละ เอาไงมากเนอะกับทัวร์ป๊องฉี่ๆ ... เอ้า ... แต่ก็สวยไปอีกแบบนึงนะ



จะมืดแล้วนะ




มืดลงอีก




เฮ้อ .... เงียบจังเลย




คงมองไม่เห็นอะไรแล้วล่ะ .. เข้าไปข้างในกันดีกว่า


เอ๊ะ เดี๋ยวมีเรือมาเทียบนี้นา ไปดูซิว่ามีอะไรมาส่ง นี่ครับ เราเรียกว่า Supply boat ส่งกำลังบำรุง สารพัดล่ะครับ อาหารต่างๆก็ส่งมาในนี้ด้วย มีตู้คอนเทนเนอร์ที่เป็นตู้เย็นในตัวด้วย ที่เห็นเป็นท่อยาวๆนั่นเอาไว้ต่อลงไปในหลุมกันดินพังลงมากลบหลุม เรียกว่า casing



ข้างนอกคงมืดแล้วล่ะ ไม่เห็นอะไรเท่าไร เราจะเข้าไปในตัวที่พักกัน ไปดูห้องอินเตอร์เน็ท สำหรับพนักงานที่ไม่มีโน้ตบุ๊คมาด้วย



ห้องอินเตอร์เน็ทรวม ไว้สำหรับพนักงานทั่วๆไปที่ไม่มีโน้ตบุ้คไม่มีคอมฯใช้ จะได้มาส่งอีเมล์ chat คุยกับครอบครัว คุยกับกิ๊ก เต้นโชว์เว็บแคม สมัครงานใหม่ อัพเดท resume' (อิอิ) หรือ ส่งรายงานกลับบริษัทต้นสังกัดตัวเอง แม้กระทั่งจะดูซีดีก็มีให้ยืม คือยืมๆกันเองน่ะครับ ที่ฮิตสุดๆตอนนี้ก็ซิทคอม "เป็นต่อ" ผมล่ะติดงอมแงม ถ้าไม่ติดว่าต้องมาพาพวกคุณทัวร์ป่านนี้ผมเอาโน้ตบุ๊คหนีบจั๊กแร้ไปกลิ้งๆ นอนดู (น้องพอใจ ... น่าร้ากกกที่ซูดดดด) ในห้องผมแล้ว ส่วนถ้าใครจะโทรศัพท์ก็ต้องไปที่ห้องวิทยุ พนักงานบางส่วนบางระดับ ก็จะมี wifi กับ โทรศัพท์ให้ที่ห้องทำงาน



มาเดินไปดูห้องต่อไป



แล้วนี่ก็ห้องทำงาน จริงๆ ไม่ใช่ของผมหรอก ของหัวหน้าผม ผมเป็นแค่ผู้ช่วยตัวเล็กๆ(แต่พุงใหญ่ายยยย) มาขออาศัยนั่งทำงานด้วย พื้นที่บนนี้มันจำกัด ไม่มีใครมีห้องส่วนตัวกันหรอกครับ แบ่งๆกันไป



ห้องที่ผมทำงานตอนกลางคืน ห้องเดียวกันแหละ ถ่ายมาอีกมุมนึง



แล้วนี่ครับ เราก็มาถึงห้องสำคัญที่สุดห้องหนึ่งบนแท่น เราจะใช้เวลาที่ห้องนี้นานหน่อย สำหรับพี่ไทย(ที่องค์เอวอวบระยะสุดท้ายอย่างผม) เรื่องกินเรื่องใหญ่ครับ



ใช่แล้วครับ ห้องนี้ที่เราเรียกว่า Gally หรือ Canteen ก็ห้องกินข้าวนั่นแหละ เนื่องจากคนมาก เราจะต้องมีกฏกติกามารยาท มีเวลาเปิดปิดในแต่ละรอบ เรามีมื้อหลัก 4 มื้อ กับมื้อว่างอีก 4 ตะบี้ตะบันกินกันเข้าไป



เมนู ... โอ้วแม่เจ้าาาาาาา (อุทานลากหางเสียงยาวววว แบบโน้ต อุดมฯ จะได้ความรู้สึกมากขึ้น) .. เห็นดูเมนูบ้านๆ โลๆ อย่างนี้น่ะ ฝีมือพ่อครัว(เดี๋ยวนี้มีแม่ครัวด้วย)ที่นี่ระดับพระกาฬเลยนะ สุดยอดๆ ... คนบนนี้เป็นคนท้องที่เสียเยอะ จึงมักมีเมนูเอาใจคนใต้อยู่บ่อยๆ ทำให้ผมรู้จักอาหารใต้มากขึ้นหลายเมนู และเนื่องจากมีฝรั่งซึ่งไม่ถูกปากอาหารไทยและไทยที่ไม่คุ้นกับอาหารฝรั่ง จึงมีเมนนูสองชุด เบื่อไทยกินฝรั่ง เบื่อฝรั่งกินไทย วนๆอย่างนี้สัก 2 อาทิตย์ผมก็กลับไปกินลาวที่ฝั่งแย้ววววววว ....



เครื่องชงดื่มร้อนเย็น ของว่างพวกคุ๊กกี้ คอนเฟรก น้ำอัดลม เค้ก น้ำผลไม้ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 2-3 ยี่ห้อ ของพวกนี้จะมี 24 ชม. เดินเข้ามาโซ้ยได้ตามอัธยาศัย ฟรีครับ ไม่ต้องสงสัยที่ถ้าคุณผู้ชายกลับจากที่นี่ไปแล้วจะพ่วงพีพอๆกับเจ้าหมูน้อย อีกอย่างที่ทำให้เรากินกันอย่างลืมรอบเอวคือ พวกเราใส่ชุดหมีไงครับ มันไม่มีเข็มขัด ไม่มีขอบกุงเกง ที่จะจำกัดการขยายตัวของพุงกะทิ กินเข้าไปเท่าไรมันก็ไม่อึดอัด พุงมันเลยป่องเอาๆ จนบางทีกลับบ้านแม่อีหนูถามว่า ไปท้องกับใครมา รับมาซะดีๆ ว่าใครเป็นพ่อเด็กในท้อง (ฮ่า)

Follow me Please .........

ตามผมออกมาจากห้องอาหารก่อน เดินไปเรื่อยๆ ยังไม่รู้ว่าจะไปไหนเลย เดี๋ยวถึงตรงไหนก็จะฝอยตรงนั้นก็แล้วกัน



ผมว่าเราจบวันนี้ไว้แค่นี้ดีกว่า เหนื่อยแล้ว ... ใครจำเบอร์ห้องของเราได้มั่ง ที่เราเอาของไปเก็บตอนออกจากห้องบรรยายสรุปน่ะ

นี่ไงเจอแล้ว 212




ไม่อาบน้ำล่ะ นอนดีก่า




อืมมมม (บิดขี้เกียจ) ตื่นๆไปแปรงฟัน แล้วไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกัน รับประกันซ่อมฟรีว่าสวยมั๊กๆ ...

นี่ไงๆ


...
...



เอ๊ะ ได้ยินเสียงอะไรดัง... อ๋อ เขาประกาศว่าจะมี ฮ. มาลงอีกลำนึง ไปรับเพื่อนๆกันหน่อยดีกกว่าเนอะ

อ้าว มาเร็วไปหน่อยลานยังว่าง ...


ลานจอด ฮ. บนแท่น (เราเรียกว่า Heli-Deck) เป็นไงครับ อ้างว้างดีไหม มันจะดูน่าเกลียดน่าชังมาก ตอนเรามองลงมาจากฮ.ที่กำลังลงจอด (ในวันที่เรามาถึง) แต่ลานเดียวกันนี่แหละ มันจะดูน่ารักและสวยงามมาก (ในวันที่เราได้ "กลับบ้าน")



นั่นไงๆ มาแล้ว




ไปแวะรับกันหน่อย เฮ้ย เป็นไงมั่ง .. ฮาวดูยูดู ยูไม่ดูเดี๋ยวไอดูเอง ว่าแต่ยูมีอะไรให้ดู ... (ฝรั่งงง)



ดูรูปแล้วต้องฟังเสียงด้วย จะได้มีอารมรณ์ร่วม



เครื่องไปแล้ว ...

ตกเย็น หรือ ตอนเช้าๆ จะมีคนมาเดินออกกำลัง นั่งชมวิว (เก่าๆที่ดูไม่รู้เบื่อ) มันเป็นที่เดียวบนแท่นที่เราจะทอดสายตาออกไปได้ไกลๆ รอบๆทุกทิศทาง ผมไปมา 7 ทวีป 5 มหาสมุทร ผมรู้สึกว่าถ้าผมได้นั่งลงบนลานจอดฮ.นี่ ไม่ว่าที่แท่นไหน ในทะเลไหน ผมมองออกไปก็ภาพฟ้าผืนเดิมๆ ขอบฟ้าเส้นเดิมๆ แต่ผมก็ไม่เบื่อที่จะนั่งมองมัน และไม่เคยตั้งคำถามว่า เอ๊ะ มันจะเป็นขอบฟ้าเส้นที่ต่อจากเส้นที่ฉันเห็นที่บ้านฉันไหมน้าาาา

ระหว่างชมพระอาทิตย์ขึ้น เราแวะมานอกเรื่องเฉลย Murphy's Law ดีก่า ... มันมีหลายเวอร์ชั่นนะ แผลงๆความหมายไปในหลายๆสาขา แต่มันจะออกทำนองคนมองโลกในแง่ร้าย แนวๆที่ว่า "ถ้าอะไรมันมีโอกาสจะผิดพลาดได้ มันจะผิดพลาดเสมอ" ที่ฟังแล้วน่าจะเห็นภาพได้มากที่สุดคือ เวอร์ชั่นนักคณิตศาสตร์ที่ว่า "โอกาสที่ขนมปังทาเนยด้านเดียวจะตกลงเอาด้านที่ทาเนยเยิ้มๆแปะลงบนพรมขึ้นอยู่กับราคาของพรมผื้นนั้น" คือว่ายิ่งพรมราคาแพงโอกาสที่จะตกแปะเอาด้านที่ทาเนยลงยิ่งมาก (ดูแล้วไม่เกี่ยวกันเลยเนอะ)



หรือ อีกเวอร์ชั่นบอกว่า "ถ้ามีหลายๆลิ้นชัก คุณจะเจอของที่คุณหาในลิ้นชักสุดท้ายที่คุณเปิดหามัน" มีประโยคเด็ดนึงที่ผมแผลงจากกฏของเมอร์ฟี่ที่ผมเขียนไว้ใน "เมื่อวันหนึ่งที่พ่อต้องปล่อยให้หนูไป" ถ้าอ่านกันผ่านๆก็จะไม่รู้ว่าผมแผลงเอากฏข้อนี้มาเขียนให้โรแมนติกน่ารักๆ อ้าว ทายเอ่ยยยย ประโยคไหน ถายถูกมีรางวัล ใครยังไม่เคยอ่าน เอ้า นี่เอาไป มีสำเนาอยู่ที่นี่ ...เมื่อวันหนึ่งที่พ่อต้องปล่อยให้หนูไป ... (อิอิ มีแอบโฆษณาบล๊อกตัวเองเล็กๆอีกแย้วววว) ตามทัวร์แท่นฯของกระพ้มต่อไปนะครับ เดี๋ยวจะเฉลย ... แถมด้วยลากเรตติ้งอีกเล็กน้อย ... :) อะ อะ ใครอยากรู้ละเอียดเกี่ยวกับกฏนี้ก็ link นี่เลย อำนวยความสะดวกเต็มที่ Murphy's_law

ป่ะ ไปกันต่อ ...

นี่ๆ เวลาเดินไปเดินมานอกส่วนพักอาศัยน่ะ ต้องใส่ของสองสามอย่างที่พวกเราเรียกว่า PPE (Personal Protective Equipment) แปลว่าอะไรดีล่ะ กระแดะใช้ทับศัพท์มาตั้งนาน ไม่คิดว่าต้องแปล อืม ... อุปกรณ์ป้องกันส่วนตั๊วส่วนตัว เอ เข้าท่าไหม ใครเป็นนักแปลช่วยหน่อย คุ้นๆว่ามีแม่บ้านในห้องนี้เป็นนักแปลคนนึงเคยมาให้ความเห็นในกระทู้ผม ... สังเกตุๆแว่นดีๆนะครับ (safety glasses) ไม่ธรรมดานะครับ ทำด้วยพลาสติกอย่างดี ใหญ่หนา ใส่ครอบแว่นไปได้เลย มีปีกกันซึมเปื้อนด้านข้างด้วย ทำให้ไม่ไหลย้อนกลับ เอ๊ย ผมหมายถึงมีขอบยื่นออกมากันสะเก็ดวัสดุกระเด็นเข้าด้วย

รองเท้านั่นไม่ใช่หนังอย่างเดียวนะครับ หัวเสริมเหล็กกล้าเชียว เราเรียกว่า (safety shoes) ถึงบุญหล่นทับหัวแม่เท้าได้เป็นนายกฯก็ไม่เป็นไร กิ๊กๆ หมวกนั่นทำด้วยพลาสติก (Hard hat)แข็งพิเศษแต่เบามากๆ ผมแอบเอาไปใช้ที่บ้านเวลาทะเลาะกับแม่อีหนู อะไรลอยมาโดนก็ไม่เป็นอะไร และฟองน้ำอุดหู (Ear plug) มีอยู่ในชุดหมี๊หมี (Cover all)แล้ว (คือพอใส่แล้วมันดูเหมือนอ้วนพองๆเหมือนหมีมาก เลยต้องเป็นหมี๊หมี)



เรื่องชุดหมีๆสีต่างๆกันนี่ก็มีประวัตินะ ในสมัยก่อนแต่ล่ะบริษัทฯจะมีสีประจำตัวเอง เดี๋ยวนี้ก็ยังติดมา แต่ก็ไม่ค่อยจะแพร่หลายหนักเพราะเหตุผลเรื่องความปลอดภัย ลองคิดดูซิ ถ้าใส่ชุดสีน้ำตาล สีม่วงล่ะ จะเป็นไงตอนกลางคืน แต่พวกที่สีสว่างๆก็โชคดีไป ได้สีเป็นโลโก้ได้เป็นอย่างดี

พูดถึงสีแล้วคุยให้ฟังต่อว่าหมวกนิรภัยที่ผมฝอยไว้น่ะ ถ้าเป็นเด็กใหม่ของทุกบริษัทส่วนมากพอออกมาบนนี้จะถูกเจ้าที่ คือบริษัทเจ้าของแท่นฯนี่แหละ ให้ใส่สีเขียว เด็กใหม่เราเรียกว่า Trainee ไม่ใช่เอาไว้ประกาศให้รู้ว่ามือใหม่หัดขับและจะแตะก้นหรือจับตูดเล่นได้ หรือแบ่งชนชั้นศักดินาข้าทาสแต่อย่างใด เป็นเหตุผลเรื่องความปลอดภัยอีกแหละ เพราะจะได้ช่วยดูแลกัน เพราะบนนี้มันมีของอันตรายอยู่เยอะมากๆ พวกมือใหม่หัดทำงานมักจะเอาชิ้นส่วนของร่างกาย(บางที่ก็ทั้งตัวเลยก็มี)ไปอยู่ผิดที่ผิดเวลา ทำให้บาดเจ็บได้ง่ายๆ พูดง่ายๆว่าวอนหาเรื่องนั่นแหละ บางทีก็เข้าขั้นสาหัส ส่วนพวกปกติจะใช้สีแดงหรือสีขาวแล้วแต่จะชอบ เหตุผลก็ง่ายๆอีกแหละ จะได้เอาค้อนขว้างกระบาลได้ชัดๆ เอ๊ย จะได้เห็นได้ง่ายๆตอนกลางคืน

มีคำถามขั้นรายการทัวร์ ... เห็นพ่อหนุ่มรูปหล่อนี้ไหม .. ถือถ้วยมาทำอะไรหว่า ... อยากรู้ไหม ... ติดตามต่อไปนะครับ (ยั่วกันจางงงงง)



"ในชุดหมีมีอะไร"


มีคนชอบถามผมอย่างนี้นะครับ แหม ไอ้จะตอบว่ามี "ไอ้นั่น" ก็กลัวจะโดนถามต่อว่าไอ้นั่นมันอะไรอีก เฉลยซะเลยดีก่า ในชุดหมีมันจะมีหมู หมา กาไก่ หรือไง ในชุดหมีมันก็ต้องมี "หมี" ซิว่ะ ฮ่วย ...

อะอะ ตามรูปข้างล่างน่ะ... ที่พื้นๆไม่ต้องบอกก็รู้ก็พวก ปากกา สมุดโน้ต มีอะไรอีก .. ไฟฉายอันเล็กๆ อุปกรณ์ช่างเอนกประสงค์ หรือ ที่บางคนเรียกรวมๆว่า swiss army knife จริงๆแล้วอันนี้ไม่ใช่ แต่ก็ใกล้เคียง แล้วที่สีส้มๆก็เป็นฟองน้ำใช้อุดหูเวลาต้องเข้าไปทำงานที่ดังๆ ผมเผลอเอาไปใช้ที่บ้านบ่อยๆ เวลาขี้เกียจฟังทั้งยัยตัวใหญ่และยัยตัวเล็ก (ฮ่าๆ) ปรากฏว่าหูปลอดภัยดี แต่หัวโดนไม้กวาดเผ่นกะบาลโทษฐานเพิกเฉย ไม่รับฟัง ฮ่วย ! แท่งขาวๆเล็กๆก็ไม่ใช่ยางลบนะครับ memory stick ดีๆนี่เอง ติดตัวไว้เวลาแลกคลิปโป๊ กับเพื่อนๆบนแท่น เอ๊ยไม่ใช่ เอาไว้เวลาส่งรับรายงาน มีถุงมือเอนกประสงค์ (Safety gloves)เพราะบนนี้อะไรๆมันก็เปื้อนไปหมดถ้าออกไปนอกส่วนพักอาศัย

ที่แฟนนานุแฟนชอบถามกันมาคือ ม ึ ง จาพก "หวี" ปายทามมาย แฮ่ๆ ก็ผมมันบางนี่นา พูดง่ายๆว่าหัวล้านนั่นแหละ พอเหงือออกผมเปียกๆ ไอ้ที่มันบางอยู่แล้วก็ยิ่งเกาะตัวกันเป็นแฉกๆ คราวนี้ล่ะชัดเลย เลยต้องมีหวีเอาไว้เกลี่ยๆไอ้ที่มันเกาะๆกันให้มันดูสม่ำเสมอ ฮ่าๆ ... แล้วก็กล้องขนาดเล็กติดตัวเอาไว้ถ่ายคลิป เอ๊ย เอาอีกแล้ว เอาไว้ชงกาแฟต่างหาก อ้าว ไปโน้นเลย เอาไว้ถ่ายรูปอุปกรณ์ต่างๆทำรายงาน



Tally book


จะสังเกตุเห็นว่าสมุดโน้ตเราจะแบนๆยาวๆ เพราะเหมาะกับเอาไว้จดอะไรที่เป็นแถวนอนตรงๆลงมา กับเสียบไว้ที่กระเป๋าหลังที่ก้นชุดหมีได้สะดวก เราเรียกกันว่า tally book คนบนนี้แทบทุกคนมีติดก้น เอ๊ย เหน็บก้นเกือบทุกคน มันสารพัดประโยชน์ จดโน้นจดนี่กันลืม บ้างก็จดโพยหวย กับรายชื่อเจ้าหนี้โต๊ะบอล จดรายการเปียแชร์ อยากรู้ไหมว่าผมจดอะไรมั่ง นี่ไงเอามาเปิดให้ดูกันจะจะจ๋าจ๊ะๆกันไปเลย นี่ไง (ถ้าไม่ชัด คลิ๊กที่รูป มันจะขึ้นมาอีกหน้าต่างนึง เลื่อนเม้าส์ไปที่รูป จะเห็นรูปสี่เหลี่ยมมีลูกศรชี้ออกทุกทาง คลิ๊กที่รูปสี่เหลี่ยมที่ว่านั่น คราวนี้จะเห็นชัดเลยว่าผมจดอะไรไว้บ้าง กุ๊กๆ)



โอ้ย ... หลักฐานมัดตัว สู้กันสี่ศาล (แถมศาลพระภูมิ) ก็ดิ้นไม่หลุด



อุ๊บบบบ ... ไม่ใช่ซิ .. ผิดเล่มๆ เกือบไปแล้วไหมล่ะ ... อย่าเอาไปฟ้องแม่น้องเฟิร์นล่ะ รู้แล้วเหยียบไว้นะ ห้ามเอาเบอร์ไปโทรด้วย (ดูดีๆ มีเบอร์เด็กฝึกงานการบินไทยด้วยนะ น่ารักมาก ขอบอกๆ) นี่ต้องเล่มนี้ .... งานนี้นอกจากใช้จดเรื่องงานแล้ว สำหรับทริปนี้ดูดีๆ ยังใช้จดมุกกันลืมด้วยว่าจะเขียนเรื่องอะไรรับใช้พวกเรา





เดินไปเดินมาบนนี้จะสังเกตุเห็นว่า มีป้ายมากมาย .... นี่ครับ แค่ตัวอย่างสารพัดป้ายบางส่วนบนนี้ ผมว่าน่าจะเรียกว่าเมืองแห่งป้าย เตือนโน้นเตือนนี่ไปหมด ถ้าหยุดอ่านหมดทุกป้ายคงเดินไปไม่ถึงไหน



เอ๊ะ ตะกี้เพื่อนบอกว่าจะมีเรือเข้าเทียบ ออกไปดูกันหน่อยดีไหม ... มาตามมาครับ นั่งไง อ้าวแล้วนี่มันอะไร เหมือนไซดักปลา เขาเรียกว่า transfer basket ใครเป็นนักแปลช่วยหน่อย ผมก็ว่าแบบผมๆแหละว่า มันคือตะกร้าขนส่งคน เอาปั่นจั่น (เครนนั่นแหละ Crane) ขนคนจากเรือขึ้นมาบนนี้ ใครที่เคยดูกบนอกกะลาคงจะจำได้ ...



ฮั่นแน่ ... ยังนึกไม่ออกใช้ไหมว่ามันใช้งานยังไง คนที่เคยดูกบนอกกะลาหนที่แล้วคงจำได้ แต่ถ้าคนไม่เคยดูก็จะเอามาให้ดู ของกบฯนั่นเขามืออาชีพ นี่มือสมัครเล่น มาตามมาดูกันให้ชัดๆกันเลยดีกว่า ...

นี่ไงเรือ .... น้ำนิ่งมากเลย มันมีปัจจัยความปลอดภัยอยู่นะ ไม่ใช่ว่าจะตะบี้ตะบันก็จะจับยัดใส่ตระกร้ากันลูกเดียว



เขาต้องดูด้วยว่า คลื่นสูงไม่เกินเท่าไร พัดไปทางไหน ลมเป็นไง พัดเข้าหรือพักออก คนขับปั่นจั่น (เครนนั่นแหละ) เรื่องเมาคงไม่เมา แต่ถ้าแกมีเรื่องอยู่กับพ่อคุณคนที่ต้องห้อยต่องแต่งอยู่นั่นล่ะก็ ... ยิ่งกว่าละครเรื่อง อุ้งมือมารอีก ...

เห็นเสียวๆอย่างนี้ ได้ขอได้ลองสักที จะไม่ลืมพระคุณ เอ๊ย ไม่ใช่ ได้ขอได้ลองสักทีจะติดใจ ลมมันโกรกดีจัง



นึกภาพออกหรือยัง ... ถ้ายังนั่งตะแคงนอนตะแคงดูก็ยังคิดไม่ออกก็ดูวีดีโอนี่ดีก่า




หุๆ ไม่ต้องกลัวๆ เรามีไอ้นี่เอาไว้โยนให้ ถ้าร่วงจ๋อมลงไป ... อิอิ ... เราเรียกมันว่า Life ring (ห่วงชูชีพ)



ไหนๆก็ออกมาข้างนอกแล้ว มาดูเรือชูชีพกัน อยู่ไหนหว่า ... นี่ไงๆ

นี่ครับที่เราเรียกว่า เรือชูชีพ (Life boat) ไม่อนาถาเหมือนที่เห็นในไททานิคนะครับ กันน้ำเข้า จะตะแคงหรือพลิกคว่ำพลิกหงาย ก็ไม่เป็นไร (เรือนะครับเรือ ที่พลิกคว่ำพลิกหงาย ... คิดอะไรอยู่) ในนั้นมีอุปกรณ์ยังชีพ อยู่ได้สบายๆเป็นเดือนๆ รอบนอกเรือมีหัวฉีดละอองน้ำรอบลำเรือกรณีต้องฝ่าเปลวไฟลุยถั่วออกจากแท่นที่กำลังจะจม มีถังอัดอากาศกรณีที่ต้องแล่นฝ่ากลุ่มควันออกมา คนข้างในจะได้ไม่กลายเป็นหมูรมควัน ระบบติดเครื่องก็มีถึงสามระบบ เผื่อไว้ไงครับ คือยังไงๆ(ตู)ก็ติดเครื่องเผ่นได้ว่างั้นเหอะ แต่ไม่อยากบอกเลยว่าในเรือมีใบพายสำรองอยู่ด้วย (อิอิ แหม เขาเอาไว้เผื่อลอยตุ๊บป่องๆนานๆยังไม่มีคนมาช่วยแล้วน้ำมันหมดต่างหาก) แล้วก็มีวิทยุสื่อสารฉุกเฉิน เอาไว้ตะโกน เมย์เดย์ๆแบบในหนังไง และที่ขาดไม่ได้คือ แชมเปนชั้นดี ไวน์รสเลิศ บริการ 24 ชม พร้อมบริการเกาสะดือฟรี (ไอ้ 2-3 อันหลังจะมีใครเชื่อไหมเนี่ย คิกๆ)



อันนี้ก็แผนสอง หรือที่ฝรั่งชอบเรียกว่า Plan B ครับ มันคือ แพชูชีพ (Life raft)(ดูๆเหมือนถังสีโดนถีบให้นอนตะแคงเนอะ) ไอ้นี่แหละคือแผนสำรองของเรา ถ้าเราถีบมันตกทะเล หรือ แท่นจมลง มันจะรู้งาน คือมันจะลอยโดยอัตโนมัติ พองลมแล้วก็กางออก เราก็ตะกายพงาบๆกระเสือกกระสนยัดตัวเองเข้าไปในแพ แล้วเครื่องมือในแพ Radio Beacon (ออกเสียงคล้ายๆหมูเบคอนนั่นแหละ) จะส่งสัญญาณวิทยุคลื่นความถี่ฉุกเฉินไปถึงดาวเทียวดวงที่ใกล้ที่สุด ทำให้หน่วยกู้ชีพชายฝั่ง (Coast guard) รู้ตำแหน่งของพวกเรา ก่อนที่พี่ปอฯ กับพี่ร่วมฯ จะมาทึ้ง อ้าว ... ว่าไปนั่น งานนี้พี่ 2 พี่นั่นไม่เกี่ยว ดังนั้นรับรองว่าพวกคุณไม่มีเสียว พวกคุณจะได้พวกเรากลับไปบำเพ็ญกุศล และเป็นหลักฐานยื่นเคลมเงินประกันชีวิตแน่นอน เฮ้ย ไม่ใช่ ได้พวกเรากลับไปให้ใช้ซักผ้าถุงต่อแน่นอน (จากที่หนีมาแล้วยังซักไม่เสร็จก่อนมาที่นี่หนที่แล้ว เอิ๊กๆ)



รูปนี้ไม่ได้อยู่ในทัวร์เที่ยวนี้แต่เอามาแถม ... คืนที่ถ่ายรูปนี้ เรากำลังโดนลาก (อีกแล้ว - โดนลาก หรือ ลากกันไป เราเรียกว่า Tow) จากที่หนึงไปอีกที่หนึ่ง จุดๆสองจุดในทะเลนั่นก็เรือลากของเรา กระดืบๆไปอย่างช้าๆ ราวๆ 3 น๊อต น๊อตนึงมันเท่าไรหว่า ... อืมๆ ... ราวๆ 1.852 กิโลเมตรน่ะ



พอโดนลาก เราก็ต้องยกขาขั้นใช่ไหม นี่ไง ขาเรายาวววววไหม เทียบกับรูปก่อนๆซิครับ จะเห็นว่า(ขา)ของเรายาวมากกกกก



พอมาถึงที่ใหม่ ก็ต้องปรับจานดาวเทียวซะหน่อย เดี๋ยวไม่มีเน็ทให้ทำงานทำการกัน (และโพสต์กระทู้กะเล่นchat) โลเทคดี โยกกันแบตั้งเสาอากาศโทรทัศน์เลยเนอะ ที่เห็นน่ะ ไม่ใช่ผมหรอกนะ ผมน่าอ้วนนนนก่าน้านนน



อ้าวนี้ก็มีอีกจาน ที่นี่มีหลายใบ เผื่อเหลือเผือขาด เผื่อล้างไม่ทัน (ตกลงมันจานอะไรของมันฟ่ะ) .... ที่เห็นเป็นจุดๆ นั่นก็เป็นเรือที่ใช้ลากเรามา



ปรับจานเสร็จก็โก้งโค้งโก่งตูดชะโงกไปดูกราบแท่นหน่อย ว่าเรือมันยังลากเราอยู่ดีหรือ เหวอๆ .. เสียวโว้ย ...



มาต่อ ... แวะมาดูตรงนี้ก่อน ผ่านมาพอดี ดูคลิปเพลินๆไปก่อน นี่เรียกว่า cementing unit เอาไว้ปัมปั๊มซีเมนต์ลงหลุม เอาลงไปทำไมนะเหรอ อย่าไปรู้เลย ขี้เกียจอธิบาย ส่วนคนที่ทำหน้าที่ปั่มปั๊ม ก็เรียกว่า cementer เห็นหมวกเขียวๆไหม นั่นแหละ มือใหม่หัดปั่มปั๊มปู๊ดๆ





ตรงนี้ก็เป็นมุมออกกำลังกายคลายเหงาของพวกเรา เครื่องมือพวกนี้ก็ใช้ได้บ้างไม่ได้บ้าง ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรทำเลย มาม่ะ มายืดแข้งยืดขากันหน่อย เอ้า ... หนึ่ง สอง สั่ม ... โอ้ยยยย หมดแรงแย้ววววว



ออกกำลังกายแล้วไงต่อล่ะครับ ... ก็กินนะซิ ... อิอิ

ตู้เย็น 24 ชม. กินได้กินดี ... บอกซิเออเธอจะเอาเท่าไร เอาเท่าไร ไม่อ้วนเอาเท่าไร .......... แสลงหูจัง ไปแก้แสลงด้วยเค้กสักสองชิ้นดีก่าาาา อิอิ พ่อครัวที่นี่ทำชีสเค้กอร่อย แต่ล่ะแท่นก็จะมีเมนูเด็ดต่างๆกันให้พวกเราได้ร่ำลือ พ่อครัวที่นี่ใช่กระจอก แค่แบบทำตามสั่งข้างทางบ้านเรานะ ดีกรีเชฟกันทุกคน เพราะบริษัทเจ้าของสัญญาเป็นฝรั่ง ต้องมาทำให้ฝรั่ง แขก จีน สารพัดลิ้น ส่วนมากก็มาจากผู้ช่วยพ่อครัวมือหนึ่งตามโรงแรมต่างๆ



พักทัวร์ มาเฉลย กฏของเมอร์ฟี่ (Murphy's Law) ใน บทความของผม "เมื่อวันหนึ่งที่พ่อต้องปล่อยให้หนูไป" -----> "หนูสอนให้พ่อรู้ว่า ... ราคาของผ้าอ้อมสำเร็จรูปไม่มีความสัมพันธ์ต่อจำนวนครั้งที่หนูจะตื่นมากลางดึก ... " จริงๆผมตั้งใจจะเขียนว่า "ราคาของผ้าอ้อมสำเร็จรูปมีความสัมพันธ์ต่อจำนวนครั้งที่หนูจะตื่นมากลางดึก ... " คือจะบอกว่า ยิ่งผ้าอ้อมสำเร็จรูปราคาแพงเท่าไร ยัยนี่จะฉี่ให้(พ่อมัน)เปลืองตังค์เท่านั้น ถ้าใช้ผ้าอ้อมธรรมดาๆกลัดเข็มกลัดเอาแบบที่ย่ามันเลี้ยงพ่อมันมา ยัยนี่จะไม่ฉี่ ... ฮ่าๆๆๆ (คิดได้ไงเนี่ยยยยย)



กลับมาเที่ยวกันต่อ .... "ระวังโดนหนีบ" สติกเกอร์แบบนี้มีให้เห็นทั่วทั้งแท่นฯ ก็ช่วยได้นะ พิสูจน์ได้จากจำนวนนิ้วที่โดนหนีบลดลงจนไม่มีเลย จากที่วันหนึ่งๆ มีหลายๆกรณีต้องไปให้หมอเย็บ อย่างนี้เรียกว่า Cost effective solution คือลงทุนน้อย ได้ผลมาก



... เฉลยพ่อรูปหล่อถือถ้วย .... นี่ก็เป็นกาแฟบริการ 24 ชม. ฮ่าๆ จ้วงเอาเลย ... ไม่ใช่ครับมันเป็นน้ำโคลนที่ใช้ในการขุดหลุม เห็นสีแบบนี้ หน้าตาแบบนี้ hi tech นะย่ะ ร่ำเรียนกันจะได้ด๊อกเตอร์ไปหลายคนแล้ว คนที่ทำงานเกี่ยวกับน้ำโคลนบนนี้ เราเรียกเขาว่า Mud Engineer ถูกแล้วครับ แปลเป็นไทยว่า วิศวกรน้ำโคลน .... อย่าหัวเราะไป งานควบคุณคุณภาพน้ำโคลนบนแท่นเจาะนี่ยากมากนะครับ พวกนี้รายได้ดีจะตาย



เดินมาเมื่อยหรือยัง ออกมาพัก เกาะราวข้างๆแท่นชมวิวกันก่อน ...โน้นไง ... เส้นขอบฟ้า ผมคิดอยู่นานว่าจะตั้งชื่อหรือคิดมุกบรรยายใต้ภาพนี้ว่าอะไร ยากนะครับ กับภาพที่ไม่มีอะไรเลย แค่น้ำขุ่นๆกับฟ้ามอๆ ไม่มีนก ไม่มีปลา ไม่มีเดือน ไม่ตะวัน เป็นแค่ภาพชืดๆเฉยๆแบบนี้

... ดูใต้ภาพซิครับว่าผมจะบอกอะไรคุณ



ถึง "เธอ" จะไม่สวยมาก แต่ "เธอ" ก็สวยพอ นั่นก็พอแล้วที่ "ฉันจะรักเธอ"


แล้วก็มานั่งชมวิวเหงาๆกันอีกรอบ



พักกันพอแล้วปีนขึ้นไปดูบนแท่นหน่อยซิว่าเขาทำอะไรกันมั่ง ... นี่ไงครับ กำลังขุดกันอยู่ ฝรั่งใส่เอี้ยมหันหลังให้เรา เขาเรียกว่า Driller (คนบังคับก้านขุด) คุยไปคุยมา พ่อนี่ได้เมียไทย บ้านอยู่ระยอง ส่วนพ่อฝรั่งรูปงามหัวแดง เอ๊ย หมวกแดงที่หันหลังให้เรียกว่า Directional Driller (คนความคุมทิศทางการขุด) นี่ก็พอกัน พูดไทยได้ 30% แต่ให้ตายซิโรบิ้น (เกี่ยวอะไรด้วยว่ะ) อู้กำเมืองชัดกว่าภาษากลาง บ้านอยู่หางดง เจียงใหม่เจ้าาาา ส่วนสามรูปล่างนั่นก็ Roughneck (คนต่อก้าน) พวกนี้ส่วนมากเป็นคนพื้นที่ครับ ใช้แรงงานเป็นหลัง แต่โทษที่ครับ ค่าแรงพวกนี้ จบป.ตรี ทำงานที่ฝั่งยังได้น้อยกว่าเลยครับ ดูดีๆ เห็นหมวกเขียวอีกแล้ว (ถ้าไม่เข้าใจเรื่องหมวกเขียว แสดงว่าคุณอ่านข้ามไปข้ามมา ...)



ในคลิปนี่ เขากำลังต่อท่อ (casing) ลงไป คือว่าพอเจาะหลุมลงไปแล้วก็ต้องต่อท่อเหล็กลงไปเพื่อกันดินถล่ม อธิบายกันง่ายๆสั้นๆอย่างงั้นเถอะ จะสังเกตุเห็นว่า ของแต่ล่ะชิ้น งานแต่ล่ะงาน ใช้เครื่องมือหนักหนักๆทั้งนั้น ยังดีที่สมัยนี้เครื่องจักรทุ่นแรงต่างๆมีเยอะกว่าสมัยผมทำงานใหม่ๆมาก คนต่อก้าน (Roughneck) สมัยนี้จึงไม่ต้องขนาดอลังการมากนัก ใส่เสื้อเบอร์ M ก็ทำงานนี้ได้แล้ว สมัยผมทำใหม่ๆนะ ต้องใส่เบอร์ XXL ไซด์อเมริกัน เป็นอย่างต่ำ ดังนั้นอันตรายจากการใช้เครื่องมือเหล่านี้ย่อมมีมากตามไปด้วย การทำงานเป็นทีมก็สำคัญไม่แพ้กัน ดูดีๆ ถ้าส่งถ้ารับกันไม่ทันหรือพลาดก็เละเป็นโจ๊กล่ะครับพี่น้อง



คลิ๊กค้างไว้ดูเพลินๆ



แล้วนี่ก็ท่อ (tubing) ครับ ... อะฮ่าๆ ไม่ใช่หลอดดูดโอเลี้ยงนะ เราใช้มันดูดจ๊วบๆเอาน้ำมันหรือก๊าซขึ้นมา นี่ก็ hi tech อีก ไม่ใช่สักแต่ว่าท่อ ... ได้ด๊อกเตอร์ไปหลายคนเหมือนกันแล้วกับไอ้ท่อๆเกลียวๆนี่



ใครรู้จักส่วนหนึ่งของเครื่องยนต์รถที่เรียกว่า "นมหนู" บ้าง คุณเคยสงสัยไหมว่า ทำไมถึงเรียกว่านมหนู มันคงคล้ายนมหนูมัง แล้วกระจกมองหลังที่เรียกว่า "หูช้าง"อีกล่ะ มันก็คงเหมือนหูช้างใช่ไหม บนแท่นขุดนี้ก็มีศัพท์แสงอะไรพรรณนี้เหมือนกัน แต่ให้ตายซิผมว่าดูยังๆก็ไม่เหมือน แต่บางอย่างก็คล้าย มา ตามไปดูกัน

Cat Head (หัวแมว) ... เป็นไง อึ้งกิ้มกี่ไปเลย แค่อย่างแรกนะเนี่ย มันคือแกนของกว้านที่ใช้ยกก้านเจาะ



Mouse Hole (รูหนู) ... เห็นกระบอกแท่งยาวๆสองแท่งนั่นไหมครับ นั่นล่ะ เอาไว้ให้หนูๆ หรือ กิ๊กอยู่ก็ช่างเหอะ ขี้เกียจอธิบาย ไม่รู้จะบอกอย่างไง เรื่องมานยาววววว



Dog House (บ้านหมา) เอาไว้สารพัด ตั้งแต่ส้วม ห้องทำงาน ห้องปฏิบัติการ ห้องซ่อนกิ๊ก ห้องดูหนังโป๊ ไปยันห้องนอน แต่ที่เห็นเป็นห้องทำงาน



Poor Boy (เด็กชายผู้น่าสงสาร) เอาไว้แยกก๊าซที่ออกมาจากน้ำโคลนที่ขึ้นมาจากหลุมในขณะขุดเจาะ



Shoe (รองเท้า) เห็นสีแดงๆแหลมๆนั่นไหมครับ นั่นล่ะ เป็นส่วนที่ครอบปลายของท่อสุดท้ายของหลุม ส่วนมากมันจะทู่ๆ แต่รุ่นนี้แหลมแฮะ แต่โทษที ไม่มีรุ่นส้นสูง ฮ่าๆ สงสัยยังไม่มีคนออกแบบเป็นผู้หญิง



BOP (Blow Out Preventer) อ่านว่า บี โอ พี นะครับ เอาไว้ปิดปากหลุมกันก๊าซหรือน้ำมัน พุ่งขึ้นมาในกรณีฉุกเฉิน จะได้เผ่นหนีทัน จะเรียกว่าปราการณ์ด่านสุดท้ายก็ไม่ผิดนัก ตอนผมเข้าทำงานใหม่ๆสมัย 20 ปีก่อน ไปอ่านว่า บ๊อบ อย่างมั่นใจในภาษาอังกฤษ กะว่าเชิดหน้าชูตาสยามประเทศว่าตูก็อ่านออกนะเฟ้ย ... เพล้งงงง หน้าแตกละเอียด ... Bolw out Preventer นะครับ ไม่ใช้ Blow Job Preventer ถ้า BJP ต้องไปดูที่อื่น

พอดีของที่แท่นมันอยู่ในมุมอับ ถ่ายรูปมาไม่สะดวก เลยเอารูปของที่ลานกระบือมาให้ดู เหมือนกันเดี๊ยะเลย



Texas deck (แท่นเท็กซัส) เหอะๆ อธิบายไม่ถูกว่ามันคืออะไร แต่สงสัยคนออกแบบคิดค้นเป็นคนจากรัฐนี้ เสียดายผมเกิดทีหลัง ไม่งั้นไอ้ชิ้นนี้อาจจะชื่อว่า Thai deck, Saim deck หรือไม่ก็ Ubon deck ฮ่าๆ ที่เห็นเป็นรูๆอยู่ตรงกลางน่ะ ไม่ได้เอาไว้ตั้งวางโถส้วมหรือเอาไว้ให้แอ่นพุงยืนฉี่นะ จริงๆแล้ว เอาไว้เป็นที่ให้คนลงไปติดตั้งประกอบขุดหัวบ่อน้ำมัน (Well Head) พอดีว่ารูปชุดหัวบ่อ มันไม่มีอะไรน่าตื่นตาตื่นใจ ก็เลยไม่ได้เอามาให้ดูกัน



Cat Walk (ทางแมวเดิน) ไหนๆ นางแบบท่านไหนอยากมาเดินบ้าง ... ฮ่าๆ



Ramp (ทางลาดขึ้น) อันนี้ไม่ยาก ลาดๆชั้นๆขึ้นไปนี่แหละ เอาไว้ลากของขึ้นไปทำงานบนแท่น



V door (แปลไงล่ะ ประตูตัววี) เห็นป่ะ ใหญ่เบ้อเร่อเลย ตอนแรกผมก็หาไม่เจอ เพราะมันใหญ่ พอมีคนชี้ให้ดู ร้อง อ้อ ... ถ้าเป็นงูก็โดนกัดตายไปนานแล้ว



โอ๊ย 40,000 ตัวอักษรอีกแล้ว คือ Blog เขาให้แค่ Blog ล่ะ 40,000 ตัวอักษร งั้นต้องต่ออีก Blog แล้วล่ะ ...

ไปกันต่อนะ <==== คลิ๊กตรงนี้เลย

อย่าเพิ่งทิ้งกันนะ ...




 

Create Date : 04 ตุลาคม 2551    
Last Update : 3 เมษายน 2555 20:22:51 น.
Counter : 7853 Pageviews.  

เอาล่ะครับ ได้ฤกษ์เขียนต่อเสียที (หลังจากโดนไมค์กระทุ้งทางข้างหลังซะตั้งหลายที)

ข้อดีของการทำงานแบบเป็นกะนอกชายฝั่งทะเล เอ้า ! ... แฟนใครทำงานแบบนี้รีบมาอ่านนะ (ภาค 3)

เอาล่ะครับ ได้ฤกษ์เขียนต่อเสียทีหลังจากโดนไมค์กระทุ้งทางข้างหลัง เอ๊ย โดนกระทุ้งจากทางข้างหลังไมค์ (เรียงคำผิดนิดเดียว ... เสียวววจัง) หลังจากที่แนะนำ บริษัทน้ำมัน (Oil company หรือ E&P company) ไปแล้ว ต่อมาก็เป็นบริษัทอีกกลุ่มนึงที่น่าสนอกสนใจไม่แพ้กัน ถ้าเปรียบ บริษัทน้ำมัน (Oil company หรือ E&P company) เป็นเจ้าของบ้าน บริษัทกลุ่มนี้ก็คือผู้รับเหมาสร้างบ้านล่ะครับ เราจะเรียกบริษัทพวกนี้ว่า บริษัทแท่นเจาะ (Rig Company)



บริษัทรับเหมา หรือ บริษัทแท่นเจาะ (Rig company)

บริษัทพวกนี้จะเป็นเจ้าของแท่นเจาะ ซึ่งตัวแท่นเจาะก็จะมีหลายๆประเภทแตกต่างกันไปตามการนำไปใช้งาน ทั้งบนบกและในทะเล ก็จะยังไม่กล่าวถึงตอนนี้ก็แล้วกัน เดี๋ยวจะงงกันไปใหญ่ (ใครใจร้อนก็ตามลิงค์นี่ไปได้เลยครับ //www.dmf.go.th/kid/chap04_001.htm#seismic) เอาเป็นว่าก็เหมือนกับผู้รับเหมาสร้างบ้านนั่นแหละ เอาของมา เอาคนมา เราก็ยื่นแปลนบ้านให้ เขาก็มะรุมมะตุ้มสร้างบ้านให้เรา พวกนี้เขาก็จะมีแท่นเจาะ มีคน มีอุปกรณ์หลักๆทุกอย่างที่จำเป็น เขาก็เอาแปลนหลุมที่เราจะขุดเนี่ยมากางออกดูแล้วก็ทำการขุดๆๆๆแล้วก็ขุด จะให้ลึกแค่ไหน ใหญ่แค่ไหน ทิศทางไปทางไหน เอียงต่ำคว่ำหงายหกคะแมนตีลังกา ท่าพิศดารยังไง (กำลังขุดหลุมน้ำมันนะครับ อย่าคิดลึก) ให้ได้ตามที่ บริษัทน้ำมัน ออกแบบไว้



บริษัทพวกนี้แหละที่จะมีชื่อตำแหน่งงานแปลกๆที่คนนอกวงการฟังแล้วงงไปแปดตลบ ซึ่งก็ยังจะไม่พูดถึงตอนนี้ (อีกแล้ว เล่นตัวจริ๊ง) แต่จะไปพูดถึงธรรมชาติของการจ้างงานของบริษัทพวกนี้ก่อน เพราะมันน่าสนใจกว่า คือเขาจะมีวิศวกรประจำแท่น และวิศวกรบริหารแท่น(อยู่ฝั่ง) เป็นพนักงานประจำ ส่วนมากก็เป็นสัญชาติเดียวกับสัญชาติบริษัท ก็ฝรั่งนั่นแหละ หรือเรียกรวมๆไปว่าพวก expat (คือไม่ใช้คนท้องถิ่นนั่นแหละ แปลถูกแล้ว ต่อไปขอใช้คำนี้นะครับ) พอบริษัทฯได้เซ็นต์สัญญากับบริษัทน้ำมัน ก็จะเฮโลขนแท่นเจาะมากันเลย ถ้าเป็นแท่นบนบกก็ถอดเป็นชิ้นๆเหมือนเลโก้เด็กเล่นนั่นแหละ แพ็คลงเรือแล้วขึ้นท้ายรถเทรเลอร์มา ถ้าเป็นแท่นในทะเลก็เอาเรือลากมาหรือติดเครื่องวิ่งมาเอง แล้วแต่ชนิดแท่นเจาะ



พวกตั้งสำนักงานก็มาท่อมๆมองๆตั้งสำนักงานในเมือง หาตึกสวยๆราคาดีๆ แล้วก็เช่า เช่า เช่า แล้วก็เช่า คือไม่มีทรัพย์สินเลย (asset) หรือพยายามให้มีเท่าที่จำเป็น เช่ากันตั้งแต่บ้านผู้บริหาร/ วิศวกร(ฝรั่ง) รถ ตึก ไปยันเครื่องถ่ายเอกสาร แฟกซ์ คอมพิวเตอร์ ก็เพื่อความคล่องตัวตอนหมดสัญญาจะได้ไปง่ายๆ ไงครับ มีบางบริษัทเด็ดกว่า คือไม่มาตั้งบริษัทฯเลย ก็เอางี้ซิ ไทย มาเลย์ฯ เวียดนาม อินโดฯ โอ้ย ใกล้ๆกัน บินไปกินข้าวเที่ยงที่นึง บ่ายกลับมาตีกอล์ฟอีกที่นึง แล้วบินกลับมานอนอีกที่นึง วันนึง 3 ประเทศยังได้เลย ยั่งงี้ตั้งมันออฟฟิตเดียวดีก่า ประหยัดดีพอ จิ้มเลือกเอาสักประเทศ อะไรแบบนี้ แล้วก็ใช้วิธีส่งคนไปอยู่ประเทศที่ได้งาน เช่น บริษัทตั้งอยู่ที่กรุงเทพฯ แต่ส่งคนไปประจำที่มาเลเซีย 1 คน เช่าบ้านให้ มีรถให้ โน้ตบุ๊คตัวนึง ไปประชุมกับลูกค้า(บริษัทน้ำมัน) ทุกเช้า เพราะส่วนการทำงานจริงๆคือพนักงานบนแท่นซึ่งจะกล่าวถึงต่อไป จะไม่พูดถึงพวกสำนักงานนี้ละเอียดเท่าไร เพราะตำแหน่งงานมันน้อยแล้วส่วนมากเป็นผู้บริหารเสียเป็นส่วนมาก อีกทั้งยังเป็น expat อีกต่างหาก หนุ่มน้อยหน้ามนอย่างเราๆท่านๆตะกายฝาไปอีกนาน



รู้จักพวกบนฝั่งแล้ว โดดลงทะเลหรือเข้าป่าไปบนแท่นกันเลย นึกถึงการก่อสร้างหน้างานได้ไหมครับ พวกสร้างถนนสร้างสะพาน สร้างตึก ประมาณนั้นแหละครับ มีคนงานหลายระดับ ตั้งแต่วิศวกรหญ่ายยยย คุมงานทั้งงาน แล้วก็วิศวกรแยกส่วนย่อย หัวหน้างาน หรือ ที่เราเราเรียกซุปฯหรือโฟร์แมน นั่นแหละ ลงไปถึงช่างเทคนิคที่มีทักษะ หรือกึ่งทักษะ และ ไปสุดที่กรรมกรที่ไร้ทักษะ บนแท่นๆหนึ่งจะมีคนทั้งหมดราวๆ 100-150 คน ขึ้นกับขนาดและความสามารถของแท่น ทำงานกันเป็นกะ กะล่ะ 12 ชม. รายได้จะดีกว่าคนที่ทำงานแบบเดียวกันบนบกถึง 150-200%



แล้วเขาเอาคนมาจากไหน ... นี่ไงครับ ใน 100-150 คนนั้นนะมีคน 2 ส่วน ส่วนหนึ่งติดมาจากบริษัทแม่ คือติดมากับแท่น แท่นไปประเทศไหน (ตู)ไปด้วย พวกนี้มักจะเป็นระดับวิศวกร และ ช่างเทคนิคที่มีฝีมือ อีกส่วนหนึ่งคือพนักงานตั้งแต่ช่างเทคนิคมีฝีมือหรือกึ่งมีฝีมือลงไป พวกนี้จะจ้างจากประเทศนั้นๆที่ไปขุดอยู่ เช่น อยู่อ่าวไทยก็คนไทย อยู่ที่อินโดฯก็คนอินโดฯ บริษัทฯก็จะไปจดทะเบียนบริษัทฯนั้นๆในประเทศที่ไปขุด สังเกตุง่ายๆว่าจะลงท้ายชื่อบริษัทด้วยวงเล็บชื่อประเทศ เช่น บริษัท พ่อน้องเฟิร์นและน้องภัทรขุดมหาวินาศ (Thailand) จำกัด เป็นต้น แล้วก็เอาชื่อบริษัทนี้แหละ จ้างคนพวกที่สอง พอหมดงานก็ปิดบริษัทไป จ่ายค่าตอบแทนการเลิกจ้างตามกฏหมายของประเทศนั้นๆ หรือ โอนคนงานต่อให้กับบริษัทขุดเจาะที่ได้สัญญาขุดเจาะอื่นต่อไป บริษัทฯก็ใช้นโยบาย เช่า เช่า เช่า เหมือนเดิม คือพร้อมจะไปได้ทุกเมื่อว่างงั้นเถอะ ดังนั้น จะทำงานในกลุ่มนี้ต้องทำการบ้านหน่อยว่า บริษัทมันได้สัญญากับบริษัทน้ำมันกี่ปี ลูกเหลืออีก 3 ปีจบ จะพอส่งลูกเรียนจบไหม หรือ บ้านอีก 4 ปีจะผ่อนหมด ไม่ก็ ส่งกิ๊กเดือนล่ะหมื่น อีก 2 ปีกว่ากิ๊กจะจบปี 4 เห็นว่าปีสุดท้ายจะขอเพิ่มอีกเดือนล่ะ 5 พัน เป็นค่าประสบการณ์ อะไรแบบนี้ (แฮ่ๆ) ต้องกะประมาณกันให้พอดีกับรายจ่ายผูกพัน



พวกแรกที่ติดมากับแท่นมักจะทำ 4/4 (เอาว่าเข้าใจตรงกันนะครับว่า เขียนแบบนี้แปลว่า ทำ/พัก อย่าง 4/4 = ทำ 4 อาทิตย์ พัก 4 อาทิตย์) เพราะว่าพวกนี้ต้องเดินทางมาไกลจากทวีปจากประเทศตัวเอง บริษัทต้องออกค่าเดินทางให้ เรื่องอะไรจะให้เดินทางบ่อย แถมยังเพลียจากการเดินทางข้ามเส้นเวลาที่เรียกว่า jet lag อีก ขืนทำ 2/2 ก็ไม่ต้องทำงานกันพอดี มัวแต่สลึมสลือ เดินเป็นเป็ด เดี๋ยวก็ตกน้ำตกท่าไป ส่วนพวกหลังที่จ้างคนท้องถิ่นก็จะทำ 4/3 3/3 3/2 แล้วแต่ตำแหน่งงาน หรือ นโยบายบริษัท



คราวนี้ถ้าอยากมั่นคงคุณก็ต้องพยายามทำผลงานให้เข้าตากรรมกร พยายามเลื่อนจากไร้ฝีมือเป็นกึ่งไร้ฝีมือ ไปจนถึงมีฝีมือเฉพาะทาง อะไรแบบนี้ ถ้าคุณเริ่มต้นที่วิศวกรอยู่แล้วก็ต้องแสดงให้เห็นว่าชั้นมีฝีมือนะเฟ้ย คราวนี้พอแท่นจะย้ายเขาก็จะมาอี๋อ๋อ มาสู่ขอคุณเองว่า เนี่ยยูทำที่นี่มานาน รู้การรู้งานรู้ระบบแท่นนี้ดี จะหนีตามไปด้วยกันไหม ทำ 4/4 ออกตั๋วเครื่องบินให้ จะเอาเป็นเงินสกุลอะไร ยูจ่ายภาษีเองนะ อะไรก็ว่ากันไป คือพูดภาษาวิชาการก็คือ entry barrier สูง พูดภาษาร้านก๋วยเตี๋ยวข้างถนนก็คือ ตอนเข้าจะเข้ายาก งานมันมีลักษณะเฉพาะสูง แต่พอเข้าไปได้แล้วมันก็กันคู่แข่งที่จะเข้าไปเพิ่มเติมได้ดี แล้วถ้าคุณชำนาญด้านที่คุณทำจริงๆคุณก็สามารถต่อรอง ย้ายตัวเองไปบริษัทแท่นเจาะอื่นๆได้อย่างไม่ลำบากนัก ถ้าคุณได้ติดไปกับแท่นแล้วก็จะมีชีวิตอีกแบบนึง ทำ 4/4 แต่ได้เงินเดือนเต็ม ค่าเดินทางออกให้หมด ตอนช่วงพักคุณจะไป กรีดยาง เกี่ยวข้าว ขายประกัน เปิดอู่ซ่อมหัวใจ จะหาแฟน หรือ จะนอนเกาหลังเลี้ยงลูกเฉยๆ ก็ไม่มีใครว่า




อ่านมากก็ปวดตาพิมพ์มาก็เมื่อยนิ้ว จบมันดื้อๆอย่างนี้ดีกว่า รู้นะว่ายังมีอีกหลายประเด็นที่ยังไม่ได้พูดถึง แต่เอาเหอะ ขี้เกียจแล้ว (ประมาณวิศวกรอารมณ์ติส์ๆน่ะ) อยากรู้ประเด็นอื่นก็ไปเกาหลัง เอ๊ยไปหลังไมค์ก็แล้วกัน



ตกลงเราเหลืออีก 2 ประเภท (ใครไปตกลงกะมันฟ่ะ) คือ บริษัทให้บริการเฉพาะ (Services company) กะ บริษัทขายหรือให้บริการต่อเนื่อง (Good or services supplier) ติดค้างกันอยู่ใช่ไหมแปะโป้งไว้ก่อนนะ เมื่อไรอารมณ์ติส์มา จะมานั่งจิ้มแป้นให้อ่านกันใหม่



===================================

บทความเกี่ยวเนื่องครับ

มาต่อกันให้จบดีก่า ... เหลือบริษัทฯกลุ่มสุดท้ายแล้ว Low Profile - High Profit <= ผมเรียกว่าอันนี้ว่าภาค 5 ล่ะกัน (บริษัทขายหรือให้บริการขนาดเล็ก - Suppliers)

มารู้จักวงการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกันต่อกับ "บริษัทให้บริการเฉพาะทาง" <= ผมเรียกว่าอันนี้ว่าภาค 4 ล่ะกัน (บริษัทให้บริการเฉพาะทาง - Service company)

เอาล่ะครับ ได้ฤกษ์เขียนต่อเสียที (หลังจากโดนไมค์กระทุ้งทางข้างหลังซะตั้งหลายที) <= ผมเรียกว่าอันนี้ว่าภาค 3 ล่ะกัน (บริษัทแท่นเจาะ - Rig company)

ผลพวงจาก กระทู้ "ข้อดีของการทำงานแบบเป็นกะนอกชายฝั่งทะเล เอ้า ! ... แฟนใครทำงานแบบนี้รีบมาอ่านนะ " <= งั้นอันนี้ก็ต้องภาค 2 (บริษัทน้ำมัน - Oil company)

ข้อดีของการทำงานแบบเป็นกะนอกชายฝั่งทะเล เอ้า ! ... แฟนใครทำงานแบบนี้รีบมาอ่านนะ <= อันนี้ภาค 1

๕ คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับน้ำมัน และ เมืองไทย <= งั้นอันนี้ก็ภาค(พราก)ผู้เยาว์ เอ๊ย ภาคปฐมบท (ชอบเฉียดคุกอยู่เรื่อย-ไม่เอาข้าวผัดโอเลี้ยงนะ ขอเป็นพิซซ่าน้ำอัดลม)

อ่านจนจบแล้วยังมีข้อสงสัยอยู่ก็เชิญที่นี่ครับ เผื่อคนจะสงสัยเหมือนคนอื่นๆ

FAQ (Frequent Ask Question)

ถ้ายังไม่มีคำตอบก็ ฝากข้อสงสัยไว้ที่ nnookk@hotmail.com ก็ได้ครับ






 

Create Date : 18 กันยายน 2551    
Last Update : 9 ธันวาคม 2552 14:28:52 น.
Counter : 5017 Pageviews.  

ผลพวงจาก กระทู้ "ข้อดีของการทำงานแบบเป็นกะนอกชายฝั่งทะเล เอ้า ! ... แฟนใครทำงานแบบนี้รีบมาอ่านนะ "

สืบเนื่องจากกระทู้ "ข้อดีของการทำงานแบบเป็นกะนอกชายฝั่งทะเล" มีเพื่อนพี่น้องสนใจหลังไมค์มาถามไถ่กันเยอะ โดยมากจะเกี่ยวกับอาชีพการงานชื่อเฉพาะแปลกๆ(สำหรับคนนอกวงการ) บ้างก็มีความเข้าใจผิดบางประการเกี่ยวกับวงการอาชีพนี้ รวมไปถึงบริษัทต่างๆในวงการที่ตอนนี้ขาดคนอย่างหนัก ทำให้ขาดจรรยาบรรณในการรับคนโดยไปอ้างอิงว่าเป็นบริษัทโน้นบริษัทนี้ที่ใหญ่ๆ แต่ความจริงเป็นเพียงผู้รับเหมาหลัก ผู้รับเหมาช่วง หรือ แม้กระทั่งผู้ขายสินค้าต่อเนื่อง (Suppliers)

ผมจึงคิดว่า ว่างๆจะเขียนถึงเรื่องราวใน "อุตสาหกรรมสำรวจและผลิตปิโตรเลียม" โดยรวมทั้งแบบนอกชายฝั่งและบนฝั่ง ซึ่งต่อไปนี้ผมจะเรียกย่อๆว่า "วงการ" ก็แล้วกันครับ ผมจะพยายามเล่าอย่างภาษาบ้านๆแต่จะวงเล็บศัพท์เฉพาะเอาไว้ อาจจะละเลยประเด็นรายระเอียดบ้างที่อาจจะยังไม่เกี่ยวข้องกับหัวเรื่องที่กำลังคุยให้ฟัง ถ้าสงสัยอะไรเป็นการเฉพาะก็อีเมล์มาถามไถ่กันได้นะครับ คิดซะว่ามีเพื่อนฝูงตัวกลมๆมานั่งเล่าให้ฟัง ผมจะเขียนเป็นตอนๆรายว่างรายสะดวก และจะไม่ต่อในกระทู้เดียวกัน จะขึ้นกระทู้ใหม่ และจะเก็บสำเนาไว้ที่ blog ของผม //www.bloggang.com/mainblog.php?id=nong-fern-daddy ไม่ต้องเป็นสมาชิกก็คลิ๊กได้นะครับ มีเรื่องราวอื่นๆที่น่ารู้เยอะเลย เช่น อีกกี่ปีน้ำมันจะหมดโลก ประเทศไทยมีน้ำมันไหม เป็นต้น อีกทั้งมีหนังสือดีๆแจกฟรีด้วย

ก่อนจะลงไปคุยถึงตัวงานและอาชีพชื่อแปลกๆ คงต้องวาดภาพกว้างๆให้เห็นก่อนว่า ส่วนประกอบของวงการนี้มันมีอะไรบ้าง ตำราหรือผู้รู้หลายท่านอาจจะแบ่งประเภทไม่เหมือนผมนะครับ เอาว่าผมจะแบ่งอย่างผู้ไม่รู้ แบ่งแบบบ้านๆ ก็แล้วกันว่ามันมีสัก 4 กลุ่มใหญ่เห็นจะได้

1. บริษัทน้ำมัน (Oil company หรือ E&P company)
2. บริษัทรับเหมาหลัก (Rig company)
3. บริษัทให้บริการเฉพาะ (Services company)
4. บริษัทขาย หรือ ให้บริการต่อเนื่อง (Good or services supplier)

เรามาไล่กันไปทีล่ะส่วนเลยนะ ผมจะพยายามเปรียบเทียบกับธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง เพราะมันใกล้ตัวดี ทุกคนรู้จักคุ้นเคย


1. บริษัทน้ำมัน (Oil company หรือ E&P company)

กลุ่มนี้พูดง่ายๆก็คือบริษัทเจ้าของบ่อน้ำมันนั่นแหละครับ หรือเปรียบเหมือนเจ้าของบ้านที่กำลังจะสร้างบ้าน บริษัทฯจะไปเข้าร่วมประมูลพื้นที่สัมปทานมาจากเจ้าของสัมปทานซึ่งโดยมากก็คือประเทศต่างๆ โดยจ่ายผผลตอบแทนให้ตามสัญญาสัมประทานซึ่งมีหลายแบบแตกต่างกันไป ผมจะไม่ลงรายละเอียดในที่นี้ บริษัทฯ อาจจะเข้าไปประมูลเดี่ยวๆแบบข้ามาคนดียว หรือ จับมือกันหุ้นกับบริษัทร่วมทุนอื่นๆ ที่อาจจะเป็นบริษัทน้ำมันด้วยกัน หรือ ไม่ใช่บริษัทน้ำมันก็ได้ เช่นพวกบริษัทนายทุนต่างๆที่ต้องการกระจายการลงทุน ค่าใช้จ่ายก็หารกันตามสัดส่วนหุ้น ขายน้ำมันได้เท่าไรก็แบ่งกันตามสัดส่วนหุ้นเช่นกัน ได้ข้อมูลทางธรณีมาก็แบ่งกัน ดังนั้น เป็นไปได้ว่าบริษัทฯ ก็อาจจะเป็นทั้งผู้ร่วมทุน และเป็นคู่แข่งประมูลในสัมประทานแปลงอื่นๆก็ได้ วงการนี้ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร

เอาล่ะ พอประมูลกันมาได้แล้ว โดยปกติบริษัทลงขันมากที่สุดก็จะเป็นคนรับผิดชอบการขุดหรือที่เรียกอีกอย่างว่า Operator ส่วนบริษัทหุ้นส่วนที่เหลือเราก็เรียกว่า partner ตรงนี้ระวังให้ดีๆ ตลาดกำลังร้อน ชอบอ้างกันนักว่าเป็น operator จริงแค่เป็น partner ต้องดูดีๆเวลาไปสมัครงาน แต่ว่าบริษัทหนึ่งๆอาจจะเป็น operator หรือ partner ในขณะเดียวกันได้ ขึ้นอยู่กับ แปลงสัมประทาน มีน้อยกรณีที่ผู้ร่วมทุนสัดส่วนรองลงมาเป็น operator ทั้งนี้ขึ้นกับฉันทามติของผู้ถือหุ้น เช่นในกรณีที่ผู้ถือหุ้นรองมีประสบการณ์ตรงในพื้นที่ใกล้เคียงแปลงสัมประทานมาก่อน แต่ไม่ยอมลงทุนเป็นตัวเงินเยอะ ประมาณว่า ฉันจะลงทุนประสบการณ์(ทำก๋วยเตี๋ยวอร่อย)นะย่ะ ถ้าเธอเชื่อมือฉันเธอเอาเงินมาลง(เปิดร้านให้ฉัน) ฉันจะลงหุ้นลมหรือลงขันนิดเดียว ถ้าเจ๊งขึ้นมา ฉันเสียชื่อ แต่เธอเสียเงิน ฮ่าๆ

บริษัทเหล่านี้โดยมากจะมีทรัพยากรบุคคลหลักเป็นของตัวเอง เช่น นักธรณี (ขุดตรงไหนน่าจะเจอฟ่ะ) นักธรณีฟิสิกส์ (ขุดไปแล้ว มีปิโตรเลียมหรือเปล่าน่ะ) วิศวกรแหล่งปิโตรเลียม (มีแล้วจะผลิตอย่างไรดีหว่า) เป็นต้น เสมือน บริษัทสายการบินอย่างน้อยก็ต้องมีกัปตัน แอร์ และ ช่างเครื่องเป็นของตัวเอง ส่วนอื่นอาจจะมีเป็นของตนเองหรือ จ้างผู้รับเหมาช่วงก็ได้ บางบริษัทก็ใหญ่มาก มีครบวงจรเลย มีทั้งวิศวกรขุดเจาะ วิศวกรผลิต กัปตันเรือ ลากยาวไปยันมี แผนก หรือ บริษัทลูกประเภทโลจิสติก หรือเดินเรือน้ำมัน เป็นของตนเอง คือตั้งมารับงานบริษัทแม่โดยเฉพาะ ข้อดีของบริษัทกลุ่มนี้คือ มีระบบระเบียบชัดเจน มีการพัฒนาบุคลากรเป็นเรื่องเป็นราว มีขั้นบันไดชัดเจนแน่นอนในองค์กรให้ไต่เต้า

คราวนี้ตรงข้ามสุดโต่งกับแบบแรกที่มีครบเครื่องไปหมด ก็จะมีบริษัทประเภท ตูมีตังค์หิ้วกระเป๋ามาใบเดียว แต่เห็นว่าแปลงสัมปทานนี้มีน้ำมันแน่ๆ ก็อยากจะมาสำรวจและผลิต ก็เอาเงินมาจ้างๆแล้วก็จ้าง ซื้อตัวพนักงาน ผู้เชี่ยวชาญกันอุตลุด ตั้งเป็นบริษัท แล้วก็ทำการสำรวจและผลิต ดังนั้นน้องๆที่จะหางานทำในบริษัทกลุ่มนี้พึงสำรวจที่มาที่ไปให้ดีนะครับ

ตัวอย่างที่เห็นชัดไม่นานเกินลืมในบ้านเราก็เจ้าพ่อห้างดังที่ลอนดอนไงครับ วันดีคืนดีอยากลงทุนในธุรกิจนี้เลยตั้งบริษัทขึ้นมา ชื่อเหมือนห้างตัวเองเลย ผมได้ยินตอนแรกนึกว่าจะมาลอยเรือขายตุ๊กตาหมีในอ่าวไทย อิอิ อ้อ ตอนนี้ปิด(ขายต่อ)ไปเรียบโร้ย น้องๆในเรือน้องหมีนั้นแตกกันฮือเหมือนผึ้งแตกรัง

แต่ข้อดีของบริษัทแบบนี้สำหรับคนที่มีฝีมือคือ เขาจะจ่ายไม่อั้น สองเท่าของที่เดิมเป็นอย่างน้อย ไม่มีระบบฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรอะไรทั้งนั้น plug and play ครับ น้องๆบางคนได้รับข้อเสนอกัน สามถึงสี่เท่า ก็เคยได้ยินมา และ เชื่อซิครับ เด็กๆอายุไม่ถึง 35 ดี รายได้เดือนล่ะ 3 แสน ไม่ใช่เรื่องที่ต้องอู้ฮู้ แต่ประการใด บริษัทพวกนี้มีมาเรื่อยๆ มีมาแล้วก็ไป ....

บริษัทฯกลุ่มนี้แบ่งออกได้เป็นสองพวกใหญ่ๆ เวลาหางานก็ดูให้ดีๆนะครับ ข้อดีข้อด้อยก็แตกต่างกันอย่างที่ทราบๆดีอยู่แล้ว ยังไงก็หลังไมค์ หรือ อีเมล์ก็แล้วกันถ้าอยากรู้ ขืนเอามาแฉที่นี่ก็ได้ไปรับบริจาคโอเลี้ยง ข้าวผัด จากเพื่อนพี่น้องกันพอดี

1. บริษัทเอกชน อะนะ ชื่อก็บอกอยู่แล้ว ตั้งมาเพื่อแสวงหากำไรสูงสุดให้กับผู้ถือหุ้น อาจจะมหาชน หรือ ไม่ก็ได้ เช่น เชฟรอน บีพี เอสโซ่ เชลล์ เฮส รวมถึงบริษัทขนาดเล็กอีกมากมาย ไปดูในเว็บไซด์ของกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ (กูเกิลเลยครับ) ได้ว่าใครเป็นใครทำอะไรอยู่ที่ไหนในประเทศเรา

2. บริษัทน้ำมันแห่งชาติ (National Oil Company) ชื่อก็บอกอีกว่าชาติใครชาติมัน ตั้งขึ้นมาเพื่อลงทุนหากำไรเข้ารัฐและผู้ถือหุ้นถ้าเป็นบริษัทมหาชนด้วย และ ในขณะเดียวกันก็ปกป้องดูแลผลประโยชน์ของประเทศ นี่ว่ากันแบบอุดมคตินะ แต่ความจริง ปกป้องดูแลผลประโยชน์ใครหว่า (ฮิฮิ เฉียดคุกอีกแล้ว) โดยมีรัฐบาลประเทศนั้นๆให้การสนับสนุน ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เช่น ของเราก่อนเลยก็ ปตท.สผ. ปิโตรนาสของมาเลเซีย MOGE (Myanmar Oil and Gas Enterprise) ของพม่า ONGC (Oil and Natural Gas Commission) ของอินเดีย เป็นต้น เกือบทุกประเทศมีบริษัทน้ำมันแห่งชาติเป็นของตัวเอง ยกเว้นที่ผมไม่ทราบว่ามีคืออเมริกา หรือว่ามี ท่านผู้รู้ช่วยชี้แนะด้วยครับ

โอเค ... วันนี้จบตอนแค่นี้ก่อนนะครับ ว่างวันหลังจะมาโพสต์ใหม่ เกี่ยวกับบริษัทกลุ่มผู้รับเหมาหลัก หรือ Rig company มีอะไรที่น่าสนใจและน่าพิจารณาไปทำงานด้วยอยู่ไม่น้อยเหมือนกันนะครับ เช่นโอกาสได้ไปทำงานต่างประเทศจะสูง เพราะอะไรนะหรือครับ โปรดติดตามตอนต่อไป (อิอิ ยั่วให้อยากแล้วฝากไว้ก่อน)

ถ้ากระทู้โดนลบเพราะเก่าไป ก็ไปตามอ่านสำเนาได้นะครับที่

===================================

บทความเกี่ยวเนื่องครับ

มาต่อกันให้จบดีก่า ... เหลือบริษัทฯกลุ่มสุดท้ายแล้ว Low Profile - High Profit <= ผมเรียกว่าอันนี้ว่าภาค 5 ล่ะกัน (บริษัทขายหรือให้บริการขนาดเล็ก - Suppliers)

มารู้จักวงการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกันต่อกับ "บริษัทให้บริการเฉพาะทาง" <= ผมเรียกว่าอันนี้ว่าภาค 4 ล่ะกัน (บริษัทให้บริการเฉพาะทาง - Service company)

เอาล่ะครับ ได้ฤกษ์เขียนต่อเสียที (หลังจากโดนไมค์กระทุ้งทางข้างหลังซะตั้งหลายที) <= ผมเรียกว่าอันนี้ว่าภาค 3 ล่ะกัน (บริษัทแท่นเจาะ - Rig company)

ผลพวงจาก กระทู้ "ข้อดีของการทำงานแบบเป็นกะนอกชายฝั่งทะเล เอ้า ! ... แฟนใครทำงานแบบนี้รีบมาอ่านนะ " <= งั้นอันนี้ก็ต้องภาค 2 (บริษัทน้ำมัน - Oil company)

ข้อดีของการทำงานแบบเป็นกะนอกชายฝั่งทะเล เอ้า ! ... แฟนใครทำงานแบบนี้รีบมาอ่านนะ <= อันนี้ภาค 1

๕ คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับน้ำมัน และ เมืองไทย <= งั้นอันนี้ก็ภาค(พราก)ผู้เยาว์ เอ๊ย ภาคปฐมบท (ชอบเฉียดคุกอยู่เรื่อย-ไม่เอาข้าวผัดโอเลี้ยงนะ ขอเป็นพิซซ่าน้ำอัดลม)

อ่านจนจบแล้วยังมีข้อสงสัยอยู่ก็เชิญที่นี่ครับ เผื่อคนจะสงสัยเหมือนคนอื่นๆ

FAQ (Frequent Ask Question)

ถ้ายังไม่มีคำตอบก็ ฝากข้อสงสัยไว้ที่ nnookk@hotmail.com ก็ได้ครับ

บ๊ายบาย




 

Create Date : 26 กรกฎาคม 2551    
Last Update : 9 ธันวาคม 2552 14:31:01 น.
Counter : 13187 Pageviews.  

ข้อดีของการทำงานแบบเป็นกะนอกชายฝั่งทะเล เอ้า ! ... แฟนใครทำงานแบบนี้รีบมาอ่านนะ

xxx




 

Create Date : 17 กรกฎาคม 2551    
Last Update : 25 ตุลาคม 2562 5:27:51 น.
Counter : 60355 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  

Nong Fern Daddy
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 782 คน [?]




... Blog นี้ ...
แด่ ... แม่น้องเฟิร์นและน้องภัทร
เธอ..ผู้เปลี่ยนห้องที่มืดมิดให้สว่างไสวได้ด้วยรอยยิ้ม
เธอ..ผู้อยู่เบื้องหลังความเข้มแข็งและความสำเร็จทั้งมวล
... และ ...
เธอ ... ผู้เป็น "บ้าน" เพียงแห่งเดียวของผม

---------------------------------------------

หรือเพียง "ฝัน" ที่หาญท้าชะตาฟ้า ?

หรือจะเพียง "ศรัทธา" (ที่)ไร้ความหมาย ?

แม้จะเป็นแค่เพียง "ฝัน" จนวันตาย

แต่ผู้ชายคนนี้จะอยู่ข้างเธอ ... ตลอดไป ...

แด่ ... ลูกที่กล้าฝันของพ่อ

Friends' blogs
[Add Nong Fern Daddy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.