==== ก็แค่ผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่ง ที่อยากจะเป็นสามี และ เป็นพ่อให้ได้ดีกว่าที่เคยเป็นเมื่อวาน ====
Group Blog
 
All Blogs
 

DeepLift - นวัตกรรม - วิศวกรไทย - ได้รับสิทธิบัตรจากประเทศสหรัฐอเมริกาเรียบร้อยแล้ว

DeepLift - นวัตกรรม - วิศวกรไทย - ได้รับสิทธิบัตรจากประเทศสหรัฐอเมริกาเรียบร้อยแล้ว - "เอ๊ะ มันคืออะไร" - มาหาคำตอบกัน

สืบเนื่องมาจากมีเพื่อนๆไปถามไว้ที่บล๊อกว่า DeepLift มันคืออะไร แถมก๊อปคำให้สัมภาษณ์ของคุณ CEO บ.เจ้าของนวัตกรรมจากเว็บบ.นั้นมายืนยันที่มาที่ไปของคำถาม

... ผมด้อยปัญญาจึงจำต้องหาข้อมูลมาตอบให้หายคันเหาคันฮ่องกงฟุต จริงๆผมก็ได้ยินข่าวคราวมาเป็นระยะๆถึงการพัฒนาเจ้าตัวนี้ตั้งแต่แนวคิดสู่งานต้นแบบ แต่เนื่องจากไม่ได้อยู่ในส่วนนั้นโดยตรงข้อมูลจึงขาดๆหายๆมารู้อีกทีก็ตอนโดนถามมาในบล๊อกนี่แหละ

หลังจากกริ่งกร้าง สอบถามพรรคพวกที่พอจะรู้เรื่องราวแล้วก็พอจะจำ(แล้วเอามา)อวดได้ตามนี้

ตามเคยครับ ขอออกฝรั่งออกแขกและออกตัวกันก่อนว่า งานนี้ไม่ได้อยู่ในสายงานผมโดยตรง เพราะผมเป็นลูกEช่างขุด คือขุดอย่างเดียว ขุดเสร็จก็เอาท่อกรุเสียบไว้กันชั้นดินชั้นหินถล่มแล้วก็ไปขุดที่อื่นต่อ จะมีเพื่อนพ้องอีกแผนกหนึ่งมาทำสิ่งที่เราเรียกว่า Completion คือเอาโน้นเอานี่มาใส่ให้หลุมมันผลิตได้ คราวนี้เจ้า DeepLift นี่มันอยู่ในส่วนงาน Completion แต่ตามประสางานต่อเนื่องเราก็ต้อง(เจือก)ไปรู้บ้างว่าที่สุดแล้วหลุมที่เราขุดไว้ตอนต้นนั้น ตอนจบหน้าตามันจะหล่อจะสวยเซ็กซี่ด้วยเทคโนโลยีการผลิตแบบไหน ดังนั้นถ้าอธิบายผิดพลาดพลั้งไปตรงไหน ก็ตักเตือนกันมาได้นะครับ ไม่ถือสาแต่อย่างใด

ประมาณว่าไม่รู้จริงเท่าไรแต่มีใจอยากแบ่งปันเกินร้อย อิอิ ... เกริ่นมาพอแล้วเข้าเรื่องๆ

ก่อนจะรู้ว่า DeepLift มันคืออะไร เรามาดูเทคโนโลยีตัวแม่(ที่มา)ของมันก่อน เทคโนโลยีตัวแม่มันของมันคือ gas lift ครับ ตัวแม่เนี่ยมีใช้กันมาเป็นสิบๆปีแล้วครับ ไม่ได้เป็นความลับอะไร มีหลายเทคนิคหลายลูกเล่นหลายท่า (มีทั้งท่าเบสิกและท่าพิศดาร) กระทู้นี้จะเอาแบบ gas lift เวอร์ชั่นประถม ก.กา เอาท่าเบสิกไปก่อนให้เข้าใจหลักการของมันก็พอนะครับ เสร็จแล้วถึงจะตบตูด เอ๊ยตบท้ายด้วย DeepLift (ต้องเข้าใจตัวแม่ก่อนถึงจะเข้าใจตัวลูกน่ะครับ - อย่าใจร้อน)



เรามาปูปาเก้เอ๊ยปูพื้นกันก่อน เพื่อนๆที่ขั้นเทพกันแล้วใจเย็นๆนะครับ รอๆหน่อยนะครับ รอไปด้วยกันหลายๆคนอุ่นใจดี

ของเหลวอยู่ในท่อตั้งตรงๆแบบนี้ มันจะมีความดันเนื่องจากของเหลวที่ก้นท่อหรือก้นภาชนะ ซึ่งคำนวนได้จาก

ความหนาแน่นของของเหลวนั้น x ความลึกจากผิวของเหลวถึงก้นภาชนะ x ค่าแรงโน้นถ่วงจำเพาะของนิวตัน (ก็ค่า g นั่นแหละครับ)
ที่มาที่ไปอย่าไปรู้มันเลยครับ ยุ่งขิงทิงนองนอยพิลึก ถ้าอยากรู้จริงๆต้องนิมนต์(ขุด)ปู่ปาสคาลมาถาม

วิศวกรผมด้อยปัญญาคว้าเอาสูตรสำเร็จเช็ดเม็ดมาใช้เลยได้ความว่า

ความดันที่ก้นภาชนะหน่วยเป็น psi (ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) = ความถ่วงจำเพาะของของเหลวหน่วยเป็น SG x ความสูงเป็นเมตรจากก้นท่อ h x เลขมหัศจรรย์ 1.42



คราวนี้ถ้ามีของเหลว 2 ชนิดซ้อนกันอยู่ล่ะครับ เอาว่าของเหลวข้างบนเป็นน้ำมันปาล์มฝาชมพูของกระทรวงท่าเตียนและของเหลวข้างล่างเป็นน้ำตาประชาชนตาดำๆของสารขัณฑ์ประเทศ อ้ า ว เฉียดลาดยาวรีสอร์ทแล้วไหมล่ะตู ....ก็แยกกันคำนวนง่ายๆแบบรูปข้างล่างนี้แหละครับ



ดังนั้นไม่ว่าระบบท่อจะอ้วนเป็นธิดาช้างจะผอมเป็นเอวน้องศรีริต้า หรือ ขดในข้องอในกระดูกแบบนักเลือกตั้งของบางประเทศ แบบรูปข้างล่างนี้ก็คำนวนได้ แค่รู้ว่ารอยต่อของของเหลวอยู่สูงกว่าจุดที่ต้องการรู้ความดันเท่าไรก็เรียบร้อยโรงเรียนสารขัณฑ์

(จบกระทู้แล้วรบกวนซื้อข้าวผัด โอเลี้ยง ไปเยี่ยมผมที่บางขวางคอนโดเทลด้วยนะครับ)



นี่ครับหลุมที่เสร็จพร้อมผลิต(1 ในหลายๆแบบ) หน้าตาจะเป็นแบบนี้ครับ อย่าไปคิดมากเรื่องสีที่ไม่สมจริงนะครับ ผมเอาสีสวยและแยกกันเห็นชัดๆเข้าว่า

Pf0 คือความดันเริ่มต้นของแหล่งน้ำมันดิบที่จะดันน้ำมันดิบเข้ามาในหลุม

ที่ใส่ "0" ไว้ เพราะสื่อว่ายังซิงๆ เป็นค่าตั้งต้นตามภาษาวิศวกร ส่วน f มาจากคำว่า formation แปลว่าชั้นหินครับ

Ph1 ก็คือความดันที่จุดก้นบ่อหน้าชั้นหินที่ผลิตน้ำมัน เป็นความดันเนื่องจากน้ำหนักของน้ำมันดิบในท่อผลิต

ที่ใส่ h จะให้แปลว่า hight หรือ head คือความดันที่เกิดจากความสูงและน้ำหนักของน้ำมันดิบในท่อผลิต

ใครเกลียดคำนวนผ่านตรงนี้ไปได้นะครับ

กรณีนี้ Ph1 = 1.42 x 0.8 x 2500 = 2840 psi

สมมติว่า Pf0 = 3500 psi ดังนั้นความดันที่ดันน้ำมันขึ้นมาที่ปากบ่อก็จะเหลือราวๆ 3500-2840 = 660 psi

(คร่าวๆนะครับ มันมีการสูญเสียความดันจากการไหล และ ฯลฯ นี่เอาแบบง่ายๆให้เห็นภาพ)

ในรูป Pf0 > Ph1 น้ำมันก็ไหลได้อย่างสะดวกโยธิน

ผลิตๆไปสักวันหนึ่ง (จะกี่วันก็ช่าง เป็นหน้าที่ของวิศวกรแหล่งฯกับวิศวกรผลิตจะตุ้ยท้องน้อยกันเขย่าออกมาเป็นตัวเลข) ความดันชั้นหินมันก็สาละวันเตี้ยลงๆเหลือ Pf1 ซึ่งเท่ากับ Ph1 น้ำมันก็จะหยุดไหล
ในที่นี่ Ph1 = 2840 psi น้ำมันที่ปากบ่อก็หยุดไหล



วิศวกรอย่างเราๆก็นั่งปวดหมองเป็นอิกคิวซังว่าตูจะทำไงดี กินเงินเดือนเจ้าของบ่ออยู่นี่หว่า ต้องหาทางผลิตต่อ งั้นเอางี้

เจาะรูที่ท่อผลิตมันซะเลยดีไหม (จริงๆไม่ได้เจาะ เพียงแต่ท่อผลิตนั่นเราทำให้มีประตูวาว์ลเล็กๆไว้ล่วงหน้าก่อนแล้วตอนติดตั้งท่อผลิต คือคิดคำนวนล่วงหน้ามาแล้วว่างั้นเถอะ) แล้วก็ปั้มปั๊มก๊าซ(ก๊าซอะไรก็ช่างมันเถอะ)ลงไปในช่องว่างระหว่างท่อกรุกับท่อผลิต ก๊าซมันก็ไปดันน้ำเกลือที่มีอยู่ระหว่างท่อกรุกับท่อผลิตแต่แรกเข้าไปในรูท่อผลิต

งงอิ๊บอ๊าย ดูรูปล่ะกัน

เหนือรูก็จะเป็นน้ำเกลือปนน้ำมัน ตอนนี้ความดัน Ph1 จะประกอบไปด้วย 2 ส่วน อย่างที่ผมปูพื้นไว้ ช่วงล่างเป็นน้ำมัน 0.8 SG ช่วงบนเป็น น้ำมัน 0.8 SG ผสมน้ำเกลือ 1.04 SG ซึ่ง น้ำหนักของส่วนผสมนี้ยังไงๆก็ยังมากกว่าน้ำมันล้วนๆจริงไหม เพราะมันไปผสมกับของที่หนักกว่าคือน้ำเกลือไง ดังนั้น Ph1 ของส่วนผสมทั้งหมดก็ต้องมากกว่า Ph1 ของเดิมที่เป็นท่อน้ำมันล้วนๆ

(ใครเกลียดเลขข้ามข้างล่างนี้ไปเลยครับ)

ไม่เชื่อเหรอ มามะๆ เอาเครื่องคิดเลขมา h3 = 2000, h2 = 500 น้ำเกลือหนัก 1.04 SG น้ำมันหนัก 0.8 SG น้ำเกลือผสมน้ำมันต้องอยู่ระหว่าง 1.04 กับ 0.8 SG เอาว่าหนักกลางๆ 1.01 SG ก็แล้วกัน

Ph1 = (1.42 x 2000 x 0.8) + (1.42 x 500 x 1.01) = 2272 + 717.1 = 2989.10 psi

จำได้ปะว่าแรงดันแหล่งน้ำมันตอนนี้เหลือ Pf1 แล้ว ซึ่ง = 2840 psi แทนที่น้ำมันจะไหลขึ้นคราวนี้ถ้าปล่อยไปน้ำมันจะไหลลง เพราะความดันจากในท่อมันมากกว่าแหล่งผลิต แต่ปรากฏการณ์นี้เกิดไม่นานครับ เพราะเรารีบปั๊มให้ก๊าซเข้ามาในท่อผลิตอย่างไว ... ดูรูปเลยครับ



นี่ไงครับที่เราอยากให้มันเป็น เราต้องการให้ของเหลวเหนือรูท่อผลิตเป็นน้ำมันผสมก๊าซตะหาก เพราะน้ำหนักของของเหลวที่เป็นน้ำมันผสมก๊าซจะเบากว่าน้ำมันล้วนๆ ก็แหง๋ครับ สมมุตินะว่าก๊าซเบามาก เอาง่ายๆหนัก 0 SG ส่วนผสมก็จะหนักอยู่ระหว่าง 0 ถึง 0.8 SG จริงไหมล่ะครับ

ถ้าส่วนผสมหนักน้อยเช่นหนัก 0.3

Ph1 = (1.42 x 2000 x 0.8) + (1.42 x 500 x 0.3) = 2272 + 213 = 2485 psi
แรงดันแหล่งน้ำมันตอนนี้เหลือ Pf1 แล้ว ซึ่ง = 2840 psi ต่างกัน 2840 - 2485 = 355 psi ดังนั้นน้ำมันก็ไหลแรงดี

ถ้าส่วนผสมหนักมากหน่อยเช่นหนัก 0.7

Ph1 = (1.42 x 2000 x 0.8) + (1.42 x 500 x 0.7) = 2272 + 497 = 2769 psi
แรงดันแหล่งน้ำมันตอนนี้เหลือ Pf1 แล้ว ซึ่ง = 2840 psi ต่างกัน 2840 - 2769 = 71 psi
ดังนั้นน้ำมันก็ไหลเอื่อยๆแบบสส.(ประเทศอะไรก็ไม่รู้)ที่เอื่อยๆขาดประชุมสภาเพราะใกล้เลือกตั้ง (จะรอดบางขวางไหมเนี่ยตู)



อะฮ่าๆ ... แสดงว่าถ้าท่าน CEO อยากให้ไหลแรงๆเป็นน้ำตกไนแองการ่าให้ผลประกอบการดีหุ้นขึ้นก่อนปิดไตรมาส ท่านก็บีบไข่วิศวกรเอ๊ยบีบแตรปู๊นๆส่งสัญญาณให้วิศวกรปั๊มก๊าซเข้าไปเยอะๆ น้ำมันก็ไหลแรงดี แต่ก็มีก๊าซออกมาด้วย แต่ไม่เป็นไร ไปแยกเอาก๊าซออกได้ง่ายๆขบวนการแยกไม่แพง มูลค่าหุ้นที่ได้จากน้ำมันที่มากขึ้นเยอะกว่าค่าแยกก๊าซเยอะ

แต่อย่าลืมว่าธรรมชาติของแหล่งน้ำมันคือไหลแรงไหลไม่นาน ไหลช้าไหลได้นาน ทางวิชากามเอ๊ยวิชาการจะต้องเอาปริมาณน้ำมันที่ผลิตได้ทั้งหมดเป็นหลัก ไม่ใช่เอาแรงเอาเร็วแล้วแหล่งฯอายุสั้น มันจึงมีอัตราการไหลที่ดีที่สุดอยู่ค่าๆหนึ่งเสมอ เป็นอัตราการไหลที่ทำให้ได้ผลผลิตสูงสุดอย่างยั่งยืน แต่แน่นอนว่าไม่ทันใจใครบางคนเสมอๆ (อ้าว ... เดี๋ยวก็ได้ไปกินข้าวผัด โอเลี้ยง อีกตู)

เอาล่ะ มาเข้าหลืบ เอ๊ย เข้าเรื่องของเราต่อ ....

คราวนี้ผลิตๆไปจนความดันแหล่งหล่นปุ๊จาก Pf1 2840 psi มาเป็น Pf2 ซึ่งเท่ากับ Ph1 = ความดันในท่อผลิตที่เกิดจากน้ำมันที่สูงแค่ h3 (2000 เมตร) สมมุติว่าก๊าซหนักเท่ากับ 0 SG (ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง)

ดังนั้น ความดัน Ph1 = (1.42 x 2000 x 0.8) + (1.42 x 500 x 0) = 2272 + 0 = 2272 psi

อ้าวแล้ว Pf2 ดันเหลือ 2272 psi พอดี น้ำมันก็หยุดไหลซิพระเดชพระคุณท่าน .... แป๋ว ....

ดูรูปข้างล่างประกอบนะครับ



หุๆ เพื่อนวิศวกรพุงโลก้นแฟบของเราไม่เคยย่อท้อ

ก็เจาะมันอีกรู(จริงๆติดตั้งไว้ล่วงหน้าที่ท่อผลิตแล้ว แค่ไปเปิดมัน) ให้ลึกลงไปอีกหน่อย แต่ต้องปิดรูเก่าก่อนนะ

คราวนี้ผมของกระโดดอ๊อบๆไปอย่างเร็วแล้วนะครับ เพราะมันก็เหมือนเดิมๆแต่ลึกลงมา ...

ใครอยากกดเครื่องคิดเลขก็กดไปคนเดียวก็แล้วกัน ผมขี้เกียจแย้ววววววว

รูปนี้ยังมีน้ำเกลือผสมน้ำมันอยู่ในท่อผลิต ซึ่งหนักกว่าน้ำมัน ดังนั้น Ph1 (เท่าไรไม่รู้ กดเครื่องคิดเลขเอาเอง) > Pf2 (2272 psi) แน่ๆ น้ำมันก็ไม่ไหล



รูปนี้ ก๊าซเข้ามาในท่อผลิตแล้ว

ความดันจากน้ำหนักของเหลว(น้ำมันปนก๊าซ)ส่วนบน (1000 เมตร) + ความดันจากน้ำหนักของน้ำมันส่วนล่าง (1500 เมตร) < Pf2 (2272 psi) แน่ๆ อย่างนี้น้ำมันก็ไหล

ใครอยากรู้ก็สมมติน้ำหนักน้ำมันปนก๊าซเอา (แต่ต้องสมมติให้น้อยกว่า 0.8 SG นะ ก็มันปนก๊าซที่หนัก = 0 SG นี่เนอะ) แล้วไปกดเครื่องคิดเลขเอาเอง ผมขี้เกียจแล้ว อิอิ



แล้วหมู่เฮาก็ดันทุรังผลิตมันต่อไปตามบัญชาจากคนที่คุณก็รู้ว่าใคร

(แต่สาเหตุหลักจริงๆคือยังไม่อยากตกงานเพราะห่วงค่าเล่าเรียน ค่าคอนโด และ ค่า Iphone 4 ของน้องนักศึกษาตาละห้อยๆ อิอิ)

แล้วหมู่เฮาก็ผลิตกันต่อจนความดันในชั้นหินกักเก็บลดจาก Pf2 (2272 psi) เหลือ Pf3

(ก็เท่ากับ Ph1 ของน้ำมันที่สูง 1500 เมตร ที่เหลือข้างบนเป็นก๊าซไม่นับ)

Pf3 = Ph1 = 1.42 x 1500 x 0.8 = 1704 psi น้ำมันก็ไม่ไหล ...



วิศวกรแก่ๆอย่างผมก็เริ่มหมดมุกแล้ว ก็ทำไปเดิมๆอีก คือไปเปิดรูที่เตรียมไว้ข้างล่างลงไปอีกเรื่อยๆ

แล้วจะไปเปิดรูเตี้ยลงๆไปถึงไหน มันก็ไปถึงต่ำสุดก็แค่เหนือ packer seal ที่อึ่งแปลว่ายางกั้น (โทษทีหาคำแปลที่สื่อกว่านี้ไม่เจอ) ใช่ป่ะ

ต่ำกว่านั้นเทคนิคตัวแม่ gas lift มันก็ทำไม่ได้แล้ว เอวังจนแต้มแค่นี้

... และแล้ว วิศวกรไทยก็คิดค้น DeepLift ขึ้นมา ...



อุอุ ... เดี๋ยวๆ มันจดสิทธิ์บัตรไว้แล้วนี่หว่า ขืนเอามาแฉกันโต้งๆบอกกันจะๆอย่างนี้มีสิทธิ์ไปกินโอเลี้ยง(ไม่ฟรี)ที่ลาดยาว น้องๆนักศึกษาจะพาลไม่มีค่าเล่าเรียนเทอมหน้าแล้วจะไม่จบ(พ่อเจ้าประคูณณณณ ใจบุญจริงๆ จำเริญๆเถอะพ่อคูณณณณณ)

เลี่ยงบาลี ยังไงดี เอาว่าดูรูปดีๆนะ ...

สังเกตุว่าหลักการตัวแม่ gas lift เนี่ย มันปั๊มก๊าซเข้าท่อผลิตโดยเข้าทางหนึ่ง และ ตามธรรมชาติของการไหล มันต้องมีทางให้ออกทางหนึ่งเสมอใช่ป่ะ เหมือนกินข้าวทางปากมันก็ต้องอึออกมาทางก้นนั่นแหละครับ

เอานะดูรูปดีๆ (ผมจะติดคุกหรือเปล่าก็Eตรงนี้แหละ)

โจยท์ง่ายๆคือ

1. ต้องไล่น้ำมันที่หนัก 0.8 SG สีแดงในรูปแล้วแทนที่มันด้วยสีขาว (ก๊าซ) มันก็เอาก๊าซไล่ได้ 2 ทางใช่ป่ะ

1.1 ถ้าไม่หาทางให้ก๊าซย้อนไปไล่ดันตูดมันขึ้นไปโผล่ข้างบน

1.2 ก็เอาก๊าซไล่กดหัวมันลงมาไปออกข้างล่างแล้วหาทางให้มันไปโผล่ข้างบน

2. ดูจากรูป (เปล่าชี้โพรงนะครับ) มันก็เลยมีทางทำได้ 2 ทางคือปั๊มลง A ออกจาก B หรือ ปั๊มลง C ออกทาง D

ผมคง "จุ๊ๆ" ได้แค่นี้ ที่เหลือ "กระรอก" ก็วิ่งหาโพรงเองก็แล้วกัน

จุ๊ๆให้อีกนิดว่าที่ไหนหรือตรงไหนมันติดก็เจาะรูมันเอาก็แล้วกัน วิศวกรไทยเก่งอยู่แล้วเรื่อง ปั๊มๆเจาะๆไชๆเนี่ย เอิ๊กๆ

... ไม่ต้องถามมาหลังไมค์นะครับ เฉลยไม่ได้จริงๆ ขืนเฉลยงานนี้คุกแน่ๆ ไม่ใจอ่อนเด็ดๆ



เรื่องของเรื่องคือความดันธรรมชาติที่ดันให้น้ำมันไหลนั่นมันหมดไปตามกาลเวลา (ตามกฏอนิจจังขององค์พระสัมมาฯ)

จนมันลดลงไปเท่ากับความดันเนื่องจากน้ำหนักของของเหลวในท่อผลิต แนวคิด gas lift คือเอาก๊าซเข้าไปแทรกในท่อผลิตเป็นช่วงๆให้ความดันในท่อมันลดลงก็เท่านั้นเองครับ (แฮๆ ดูง่ายแล้วเลยไม่ขลังเลยซิ)

คราวนี้ gas lift แบบดั่งเดิมมันทำได้แค่ไปสุดที่เหนือลูกยางกั้น (packer seal) วิศวกรพี่ไทยหัวเสธฯ หาวิธีที่จะเอา gas ลงไปได้ถึงใต้ packer seal ก็เลยเป็นที่มาของ DeepLift

อย่างเคยครับ ... ผิดพลาดตรงไหนขอรับไว้เป็นความเขลาเบาปัญญาและเป็นบทเรียนของผมแต่เพียงผู้เดียว

ถ้ากระทู้พอมีประโยชน์อะไรอยู่บ้างก็ขอใส่พานบูชาครูทุกท่านที่เคี่ยวกรำเคี่ยวเข็ญ(และเข็น)ผมจนได้มีวันนี้ (วันที่มีวิชาติดตัวใช้ทำมาหากิน)

บ๊าย บาย ....
Da Mihi Animas, Cetera Tolle




 

Create Date : 02 พฤษภาคม 2554    
Last Update : 2 พฤษภาคม 2554 21:06:07 น.
Counter : 3621 Pageviews.  

สำเนาเรื่องแท่นขุดน้ำมันระเบิดในอิหร่าน

เป็นกระทู้ที่ลงไว้ในโต๊ะหว้ากอ พันทิพ นะครับ เอาสำเนามาเก็บไว้ที่นี่อีกที่หนึ่ง

บรรณาการแก้ตัวจากกระทู้ก่อนที่โดนยำเละ - พวกเราคุยอะไรกันเมื่อแท่นขุดฯโดนไฟไหม้ ... (กระทู้นี้จะมาบอกว่ามันไหม้ได้ไง)

ในกระทู้ข้างบนพาดพิงถึงกระทู้ก่อนหน้าที่ผมโดนยำเละ ไปครับ ไปดูกระทู้ก่อนหน้ากันว่าทำไมถึงโดนยำซะเละ

เวลาแท่นขุดฯไฟไหม้ เราคุยอะไรกัน ... เรื่องเศร้านะครับ อย่าหัวเราะกันนะ :)

อ่านต่อเลือกคลิ๊กกันเลยครับ
FAQ #1 FAQ #2 FAQ #3 FAQ #4 FAQ #5 FAQ #6 FAQ #7 FAQ #8 FAQ #9 FAQ #10 FAQ #11 FAQ #12 FAQ #13 FAQ #14 FAQ #15 FAQ #16 FAQ #17 FAQ #18 FAQ #19


ห้องสมุดเล็กๆของผม <=== คลิ๊ก
รวบรวมตำราการขุดเจาะ คลิ๊ปการทำงานในบางตำแหน่ง แบบประเมินความเหมาะสมกับงานในสนามเบื้องต้น วิธีเขียน resume ที่ไม่โดนโยนทิ้งตะกร้า รายชื่อบริษัทฯในวงการ และ อื่นๆอีกมากมาย


==========================

มีคลิปการทำงานของบางตำแหน่งให้ดูเป็นน้ำจิ้ม มีตำราวิศวกรการขุดเจาะให้ดาว์โหลดเป็นบทๆ มีความหวังดีและเอื้ออาทรเสมอ ถ้ารู้สึกขอบคุณ ไม่ต้องตอบแทนอะไรผม แค่คุณจะแบ่งปันสิ่งที่คุณมีให้คนอื่นต่อไป ผมก็รู้สึกว่าคุณได้ตอบแทนผมแล้ว




 

Create Date : 19 มีนาคม 2554    
Last Update : 19 มีนาคม 2554 16:02:28 น.
Counter : 1401 Pageviews.  

พื้นที่เปิด ละเลงกันเต็มที่ครับ ประสบการณ์มันส์ๆ (หรือไม่มันส์ก็ได้) โหดมันฮา ประกาศสมัครงาน

ตรงนี้ผมให้เป็น พื้นที่เปิด ละเลงกันเต็มที่ครับ ประสบการณ์มันส์ๆ (หรือไม่มันส์ก็ได้) โหดมันฮา ประกาศสมัครงาน ออก offshore กลับมาแฟนทิ้ง (ฮ่า) เหงา เศร้า ระบายอารมณ์ เจ้านายด่า ลูกน้องหักหลัง โดน company man ด่ามา ก็มาระบายที่นี่ได้ครับ สรุปว่า ทุกโหมด ทุกอารมณ์ tool stuck แล้ว fish ไม่ขึ้น เดี้ยงคาหลุม ซีเมนต์แข็งคาท่อ อยากบ่นอยากด่าใคร เต็มที่ จะมาแนวหวาน แต่งกลอนประชด engineer ก็ไม่เลว หรือประสบการณ์ภาษาอังกฤษแบบหน้าแตกๆ ก็ได้ .. ลุยเลยครับ




 

Create Date : 25 ธันวาคม 2553    
Last Update : 25 ธันวาคม 2553 16:07:29 น.
Counter : 1922 Pageviews.  

ตลกร้าย wireline field engineer

มี wireline field engineer ยุคปัจจุบันคนหนึ่ง ส่งมาให้ wireline ยุคไดโนเสาร์อย่างผม ถ้าคนนอกวงการอ่าน อาจจะไม่ขำด้วย หรือขำแต่พอทำเนา แต่ถ้าคนในวงการ (โดยเฉพาะ wireline eng) อ่านแล้ว ขำกลิ้งแน่ๆ เป็นอารมณ์ประชดที่ถ้าเกินจริงไปนิดแต่ก็คงไม่มาก หรือบางที่ประชดต่ำกว่าความเป็นจริงด้วยซ้ำ ...

อ่านแล้วนึกถึงวันในวัยหนุ่มกระทง ท่ามกลางทะเลทราย ทะเล ภูเขา ความโดดเดี่ยว ความคึกคะนอง งานสนาม เหล้า ความบ้าบอ ความเหงา หยาดเหงื่อ แรงกาย และอุบัติเหตุ บางครั้งหรือหลายครั้ง ความหวัง อารมณ์ขันและการมองโลกในแง่ดี เป็นอย่างเดียวที่ทำให้พวกเราผ่านพ้นมันมาได้

ชีวิตมันก็อย่างนี้แหละครับ ...

You might be a (wireline) logging engineer if…

1. You glance at the caller ID before answering the telephone, regardless of whether you are on-call or days off.

2. During a job you have run the 12-volt power supply on your logging truck by jumpering it to the battery on your pickup.

3. You have departed the shop 30 minutes before a job is up and arrive on location just in time after a 65 mile drive.

4. You have been told by the blood bank that you cannot donate because your caffeine intake is too high.

5. More than half of the words you use during the day cannot be found in any dictionary.

6. The first items on your pre-job checklist before leaving the shop are coffee, filter and cups.

7. The biggest deer that you have ever killed was with the front bumper of the logging truck.

8. You can go through a can of Copenhagen during a job without once having to spit in the trashcan.

9. You arrive back at the shop after a job dragging a quarter-mile of barbed wire and sixteen fence posts behind your pickup.

10. You wake up at home in a cold sweat in the middle of the night because you can no longer hear the hum of the rig.

11. The term "over-logged" means that you yourself get to drive the logging truck back to the shop.

12. You reach for your beeper when the French fry timer alarm sounds while you are standing in line at McDonalds.

13. The only Christmas bonus you're seen is a $20 gift certificate to WalMart.

14. You find a calculator as an acceptable substitute for the API standard mud press kit.

15. The curvature of your spine conforms perfectly to the front seat of your pickup.

16. The clerks at the Town & Country nearest your ship file a missing person report with the police after not seeing you for a week.

17. Your idea of a holiday is something that the wife and kids do without you.

18. You believe that you might be passing a feedlot until you remember that you have not taken a shower in three days.

19. Your manager's outlook on your career future varies with the price of oil.

20. You have openly questioned with the customer the validity of a competitor's offset log while wondering to yourself if your own tools are actually working.

21. You know every highway and back road in your district, but can't recall the numbers or names of any of them.

22. Booting a computer involves a ten-and-a-half D-width Redwing.

23. You can name every 24-hour convenience store within a 16 county area.

24. You have absolutely no reservation about waking someone with a phone call at 3 a.m...

25. No matter what time of day or night, you can still recognize the rear end of your logging truck from 3 miles away.

26. You can sober up between the time the rig crew gets to collars and the time they break the bit.

27. When leaving location you realize that you can't remember how you got there.

28. Your pickup won't clear a cattle guard because of the amount of spare parts you carry.

29. The word "hot-shot" has no bearing on one' intelligence or ability.

30. You can write five pages of directions on the back of a business card.

31. Pulling a 30-foot trailer that outweighs your pickup by 2000 pounds down a four percent grade in the middle of a blinding rainstorm and narrowly missing a loaded school bus stopped at the bottom of the hill no longer elevates your heart rate.

32. You are the only person you know that does not enjoy the idea
of fishing on days off.

33. After driving 650 miles to catch a 10000 foot job, the salesman arrives on location to say, "Oh, by the way…this one's a freebie."

34. You have ripped the right rear quarter-panel off of your pickup at least once with a bump gate.

35. You are not embarrassed to walk into Steak & Ale wearing steel-toes and coveralls.

36. You can drive through five towns on the way to a job without remembering a single one of them.

37. You have helped the rig crew trip out before a job so you can guarantee your days off.

38. After informing the dispatcher that you cannot make the next job, you smile and find comfort in the fact that you are stranded in a ditch, out of gas, with no food and 300 miles from your bed.

39. You have a difficult time going to sleep because you realize you just went back on-call after days off.

40. The thought "blind rams" comes to mind when told over the phone that you will not be send relief.

41. After 23 hours of lost time on a 1500 foot well and countless ass-chewing from the company man, you still have the audacity if asking him to complete your customer satisfaction survey.

42. The sound of an idling Power Stroke turbo-diesel can put you to sleep faster than anything known to man.

43. You have ever conned one of your equipment operators into catching a mud sample on an air-drilled well.

44. You swear that someone will be killed the next time a sack-ripper opens the doors of your logging truck to ask how to count borehole tics.

45. You know that you can convince any rig crew to rig-up 50 feet of high-pressure lubricator for nothing more than a hardhat sticker.

46. You can make Thanksgiving dinner out of two Town & Country burritos and a bag of Funyuns

47. After having the ticket signed you realize that you haven't gone to the bathroom in 72 hours.

48. While standing in the fall-line if 12000 feet of drill pipe in close proximity to your radioactive transport containers and close enough to feel your hair being singed by a 10000 cubic feet per minute gas flare, you have the nerve to conduct a safety meeting.

49. Your idea of entertainment is calculating your hourly wage.

50. You can bring a 6-feet 8-inch 300-pound drilling foreman to his knees with two words…"We're stuck."

ฮ่าๆๆๆๆๆๆ

อยากมาเป็น wireline field engineer ไหมล่ะครับ




 

Create Date : 21 พฤศจิกายน 2553    
Last Update : 10 ธันวาคม 2553 9:55:34 น.
Counter : 2547 Pageviews.  

Deepwater horizon - คืบหน้า/ สอบสวน/ กล่าวหา/ โต้แย้ง/ ใครผิด/ ฯลฯ (เรื่องหนักๆเอาใจฮาร์คคอร์)

ถ้าอึ่งน้อยเป็นพ่อครัวหัวป่าก์ แรกๆก็ไปจ่ายตลาดเอามาเข้าครัวโขกสับผัดทอดเอง หลังๆชักหมดมุกเป็นว่าไปหิ้วใส่ถุงจากปากซอย เทใส่จานใส่ไข่ใส่น้ำปลาบีบมะนาวเพิ่มเอา มาถึงกระทู้นี้ยิ่งไปกันใหญ่ครับพี่น้อง อึ่งน้อยจะสวมบท ตูดหมึก เอ๊ย หมึกแดง หรือ น้าถนัดศอ "ชิม" แล้ว "ติ" คือ ไปเอาของเขามาทั้งดุ้นแล้วอม เอ๊ย แล้วออกความเห็นอย่างเดียวเลย

ออกตัวก่อนว่าอึ่งน้อยก็เป็นปุถุชนคนธรรมด้าธรรมดา กินK ี้P ี้นอน กิเลสตัญหาหนาเป็นนิ้ว นิภาณไม่ต้องพูดถึง ไม่แม้จะเฉียด (ดูซิ แค่สะกดมันยังสะกดผิด) อีกทั้งอีโก้ (และอีไม่โก้) ความห็นต้องเอียงกระเท่เร่เป็นธรรมดา ส่วนจะเอียงไปทางไหน หรือเอียงไปเอียงมา ข้างโน้นสองทีข้างนี้สามที ก็แล้วแต่พี่น้องจะกรุณาให้ความเข้าใจ

รูปแบบกระทู้ก็จะเป็นว่าจะตัดเอาบางส่วนบางตอนของที่เป็นข่าววงนอกของวงใน(เอ๊า งงล่ะซิ) มานำเสนอ แล้วจะขอเนื้อที่เล็กๆขยายความและออกความเห็นเป็นจุดๆ บอกก่อนนะครับว่า รูปอาจจะน้อยไปหน่อย มีแต่คลิป ลิงค์ และ ตัวหนังสือ อีกประการนึงก็คืออึ่งน้อยไม่ใช่สื่อมวลชน ดังนั้นไม่จำเป็นต้องมีหน้าที่ที่จะให้ข้อมูลรอบด้าน เพราะอึ่งน้อยก็มีข้อมูลอยู่แค่จำนวนหนึ่ง สับโขกกันได้ตามสบายครับ เพราะข้อมูลจะเอียงชัวร์

ส่วนพี่น้องที่ไม่ใช่ฮาร์ทคอร์ ก็คลิ๊กๆผ่านๆดูรูปดูอะไรแก้เหงานิ้วชี้ไปก็ไม่ว่ากัน (ไม่งั้นเดี๋ยวนิ้วชี้จะเหงา แล้วไปชี้เอาคนที่ชอบถามว่า "รู้ไหมว่าพ่อK ูเป็นใคร" - ฮ่า)

สำหรับฮาร์ทคอร์ แนะนำอย่างแฮงว่า ตรงที่เป็นลิงค์ เป็นคลิป สมควรโหลดมาอ่านอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเพื่อนๆที่เป็นผู้บริหารงานด้านวิศวกรรม หรือ ทำงานด้านความปลอดภัยงานวิศวกรรม ถึงไม่เข้าใจเรื่องราวศัพท์แสงทางเทคนิคแต่จะได้แนวคิดในการรับมือ การตอบคำถาม การวิเคราะห์ปัญหา ศัพท์แสงหรูๆในการ "แถ" อย่างมีศิลป์ จาก "มือโปร" ที่อึ่งน้อยนำตัวอย่างมาแบ่งปันกัน ถ้าจะไม่ได้อะไรจริงๆอย่างน้อยก็ได้สำนวนภาษาอังกฤษลีลาสตอบอรี่ระดับนักการทูตนักการบริหารชั้นเซียน

เอาล่ะ ยั่วให้อยากพอแล้ว มาดูกันเลยว่าวันนี้อึ่งน้อยมีอะไรมาโชว์กันบ้างวันนี้

-----------------------------------------

เริ่มด้วยคำให้การของ น้าสตีฟ นิวแมน ซีอีโอของ ทรานโอเชี่ยน เจ้าของแท่น แหม มาถึงตรงนี้อยากเล่าคร่าวๆว่า ใครเป็นใครทำอะไรอีท่าไหนกับใคร ไม่งั้นจะอ่านคำให้การของน้าตีฟไม่รู้เรื่อง คืองี้ ...

ในวงการฯเนี้ย มีมนุษย์อยู่ 4 พวก ว่าไปก็คล้ายๆกับงานสร้างบ้านนะครับ ก็จะมี ...

(1) เจ้าของบ้านเจ้าของที่ ซึ่งก็คือบ.น้ำมันที่เป็นเจ้าของสัมปะทานเจ้าของหลุมและน้ำมันในหลุม(ถ้ามี) เช่น BP Chevron Petronas และที่ขาดไม่ได้ สารขัณฑ์ประเทศส่งเข้าประกวดคือ ปตท.สผ.

(2) ผู้รับเหมาหลักซึ่งก็คือบ.เจ้าของแท่น งานหลักคือให้เช่าแท่น เช่น Seadrill Transocean และ Diamond offshore เป็นต้น

(3) ผู้รับเหมาย่อย (service company) เอาไว้ทำอะไรที่พิเศษ ต้องใช้ความชำนาญเฉพาะที่ผู้รับเหมาหลักทำไม่ได้หรือได้แต่ไม่ถนัด เจ้าของบ้านมักจัดหามาทำเองต่างหากเช่น ตกแต่งสวน ติดตั้งระบบปรับอากาศ ติดตั้งลิฟท์ กลุ่มนี้จะถนัดขายบริการมากกว่าสินค้า ฝั่งพวกเราก็จะเป็นพวก สำรวจหลุม ทำซีเมนต์ ให้บริการน้ำโคลน ฮ.รับส่ง ฯลฯ บ.ตัวอย่างก็เช่น Schlumberger Baker Weatherford Halliburton เป็นต้น

(4) คือกลุ่มที่ขายสินค้าอย่างเดียว ส่งของเสร็จเก็บตังค์จบกัน มีบริการรับประกันหรือให้บริการหลังการขายนิดหน่อย เช่นขายสุขภัณฑ์ กระเบื้อง สี ประตูอัตโนมัติ ฝั่งพวกเราก็เช่น ท่อกรุ ท่อขุด หัวขุด ไปยัน อาหารการกินบนแท่น ตัวอย่างบ.ก็เช่น Reedhycalog NOV Grantprideco และ อีกเพียบ

ถ้าพี่น้องอยากทราบรายละเอียดเพิ่มเกี่ยวกับกลุ่มบ.ต่างๆที่ว่ามา เช่น รับคนแบบไหน มีใครบ้าง ข้อดีข้อเสีย ค่าแรง ความมั่นคง อนาคต ฯลฯ ตามไปอ่านต่อในลิงค์เลยครับ

//www.bloggang.com/mainblog.php?id=nong-fern-daddy&month=26-07-2008&group=6&gblog=41

ที่ต้องปาดเรื่องนี้ก่อนน้าตีฟ เพราะมันมีประเด็นว่า อะไรเป็นของใคร ใครรับผิดตรงไหน เช่นถ้าปั้นจั่นตอกโครมๆ โถคอห่านบ้านข้างๆร้าว ใครจ่าย รถบ.ที่จ้างมาตกแต่งสวน ทำน้ำมันหกบนถนน แมงกะไซด์ซิ่งเหยียบลื่นลงไปแผ่ 2 สลึง ขาหัก ใครจ่ายค่าทำเฝือกทำขวัญ ฯลฯ



ฉบับเต็มอยู่ที่นี่ครับ

//nongferndaddy.net63.net/Transocean.pdf
6 หน้า 0.9 MB

ข้างล่างนี้ผมตัดมาเฉพาะเป็นลีลาพริ้วของน้าตีฟแก แบบที่สำนวนปะกิดเรียกว่า "politically correct" ผมแปลแบบไม่ไว้หน้าเลยนะครับ น้าแกบอกว่า อ้าว ... "ก็ทั้งหมดเจ้าของบ้าน(บ.น้ำมัน)เป็นคนขออนุญาติและได้รับอนุมัติจากเจ้าหน้าที่รัฐฯ และสั่งทำภายใต้ความดูแลของเจ้าของและผู้ตรวจสอบภาครัฐฯ ทั้งหมดนี่นา บ.ป้มแค่ทำตามคำสั่งแล้วรับค่าเช่าแท่น ... (แต่แท่นผมกลับกลายเป็นปะการังเทียม ฮือๆ)"



แล้วน้าแกก็วิเคราะห์ต่ออย่างเนียน สรุปว่า "ป้มเปล่านะ ป้มไม่ได้ทำ ... แบะๆ ..." ท่อกรุกับซีเมนต์มันเฮงซวย อ้าวแล้วใครเป็นคนทำเจ้า 2 อย่างนั้นล่ะ ก็ บ.service (3) ทำซีเมนต์ ซื้อท่อกรุมาจากบ.ขาย (4) แล้วก็ทำตามโปรแกรมที่บ.น้ำมัน(1) เขียนเอาไว้ แล้วก็จนท.รัฐ*เป็นคนตรวจอนุมัติ เห็นป่ะ บ.แท่นของป้ม(3)ไม่เกี่ยวจริงๆ

จนท.รัฐฯที่ว่าในประเทศน้าตีฟก็คือ MMS (Minerals Management Service) เทียบๆเคียงๆแล้วประมาณที่ประเทศสารขัณฑ์เรียกว่า DMF(Department of mineral fuel - กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ)



มาถึงตรงนี้ต้องขอแทรกว่า casing (ท่อกรุ) กับซีเมนต์ที่น้าตีฟแกพูดถึงคืออะไร สังเกตุนะครับว่าระดับซีเมนต์ขึ้นมาเลย(overloap)ปลายท่อกรุตัวนอก(ตัวใหญ่) สรุป น้าแกบอกว่าถ้าซีเมนต์มันดี ท่อไม่รั่ว ก๊าซก็ไม่ไหลพุ่งปรี๊ดๆหรอก



แล้วน้าตีฟก็ลุยถั่วของแกต่อว่า BOP (Blow Job เอ๊ย Blow Out Preventor) ไม่น่าต้องรับผิดชอบนะจ๊ะ แล้ว BOP มันคืออะไร คิดง่ายๆว่ามันคือวาว์ลตัวบักเอ้บ 4 -5 ตัวเรียงกันเป็นขนมชั้นปิดปากบ่อนั่นแหละครับ แกบอกว่ากำลังจะย้ายแท่นถอด BOP ออกไปแล้วหลุมมันควรจะอยู่ได้ด้วยตัวมันเอง ตรงนี้มันมีประเด็นครับ อึ่งน้อยขอชูจั๊กกะแร้แสดงความเห็น

เหมือนเราจะถอดเฝือก หรือ ถอดไม้แบบ(ที่ใช้ก่อเสาก่อคาน) เราก็ทำตามหลักวิชาการ เราก็คาดว่ากระดูกมันจะเข้าที่ คาดว่าปูนแข็งตามสเป็ก ถึงกำหนดถอด กระดูกดันหัก หรือ ปูนไม่แข็งตัว แล้วประจวบกับเฝือกชำรุดหรือไม้แบบหัก แล้วจะโทษใคร บ.เฝือกหรือไม้แบบก็บอกว่าก็จะถอดอยู่แล้ว กระดูกหรือปูนมันควรจะอยู่ได้ด้วยตัวมันเอง ป้มเป็นแค่ตัวสำรองเอง

ตามความเห็นของอึ่งน้อย BOP เป็นจำเลยครับ แต่เป็นจำเลยที่สอง



น้าแกก็จ้วงขอแกต่อไป แปลง่ายๆว่า "เอ๊าก็ทำมาด้วยกันก็ช่วยๆกันทำต่อไปก็แล้วกัน" (ฮ่า)



แล้วน้าตีฟก็เอารูปต่อไปนี้ให้คณะกรรมการพลังงานและทรัพยากรธรรมชาติดู เพื่อให้ท่านๆคณะกรรมการเข้าใจธรรมชาติและความยากลำบากจริงๆที่หน้างาน

นี่เป็นรูปเปรียบเทียบให้ดูว่าน้ำในบริเวณที่ขุดลึกแค่ไหน



รูปนี้น้าแกคงตั้งใจให้เห็นระยะเปรียบเทียบว่า BOP สูงแค่ไหน แท่นสูงแค่ไหน และ น้ำลึกแค่ไหน นักประดาน้ำทำสถิติดำน้ำปุ๊งๆไว้ลึกแค่ไหน (อ้อ 5000 ฟุต ก็ราวๆ 1.5 กิโลเมตร ครับ) ออกๆแนวจะขอความเห็นใจนิดๆ



แต่ช้าก่อน ... ข้างล่างนี้อึ่งน้อยตัดมาจากอีกบนความนึง น้ำลึกที่สุดที่พวกเราเคยขุดกันอยู่ที่ 10000 ฟุต หรือ 3 กิโลกว่าๆ และหลุมที่เราขุดเคยลึกถึง 30000 ฟุต หรือ 9 กิโลเมตรกว่าๆ (วัดจากพื้นทะเล) แสดงว่าเรามีความสามารถที่จะขุดหลุมได้ลึกถึง 40000 ฟุต หรือ 12 กิโลเมตรกว่า วัดจากระดับน้ำทะเลถึงก้นหลุม ... ว้าวววววว ....

ยอดดอยอิทนนท์สูง 2.565 กิโลเมตร จากระดับน้ำทะเล (ข้อมูลจากกรมอุทยานแห่งชาติ)

ยอดเขาเอเวอเรสต์ 8.85 กิโลเมตร ร่องลึกก้นสมุทรมาเรียนา (Mariana Trench) 10.9 กิโลเมตร (ข้อมูลจากเฮียวิกกี้) ... ไงครับพระเดชพระคุณ มนุษยชาติเรานี่ช่างกระไรเลยเนอะๆ



มาว่ากันของน้าตีฟต่อ

ว่าแล้วน้าก็ฉายสไลด์ให้คณะกรรมการฯ(เข้าใจว่า) ดูซิๆ อะไรเป็นของใคร ของข้อยที่ตะก่อนอยู่บนสุด ตอนนี้ลงไปเอ้งแม้งเป็นปะการังเทียมอยู่ก้นทะเลแย้ว .... BOPของคาเมร่อน ท่อกรุของ Weatherford ซีเมนต์ของ Halliburton ... และทั้งหมดก็ทำงานภายใต้คำสั่งของเจ้าของหลุมคือ BP เหมือน BP เป็นวาทยากร แล้ว แต่ล่ะผู้รับเหมาก็เป็นเครื่องดนตรีแต่ล่ะชิ้น (เห็นป่ะ ต้นเหตุอยู่ข้างล่างแต่แท่นข้อยรับเละเต็มๆ)



แล้วน้าก็เลคเชอร์ fluid 101 ให้กับท่านคณะกรรมการฯ ว่าไอ้เส้นแดงๆนะมันเป็นน้ำโคลนไหลลงไปข้างในตามก้านขุด ไปโผล่ที่หัวเจาะแล้วไหลย้อนขึ้นกลับมาบนแท่นทางช่องว่างระหว่างท่อขุด(drill pipe) กับท่อกรุ(casing)

อึ่งน้อยพอนึกภาพออก ภาพท่านคณะกรรมการอายุรวมกัน 3 คน 200 ปี นั่งสัปปะงก อืมๆ เยสๆ ออไร้ท์ๆ ... พยักหน้าหงึกๆตามน้าตีฟแกไป ไม่มีใครถาม กลัวหน้าแตก อายเพื่อนๆว่า แค่นี้ไม่รู้เรื่องหรือไง (ฝรั่งก็เป็นครับ โดยเฉพาะฝรั่งแก่ๆในภาครัฐฯ กลัวเสียฟอร์มกันจะตาย)



ต่อมาน้าก็เพิ่มความงงให้กับคนแก่โดยการเอารูปหลุมให้ดูว่าหลุมมันหน้าตาเป็นไง อึ่งน้อยว่าถึงตอนนี้ท่านๆที่มึนๆฟังน้าตีฟคงหลับไปครึ่ง ที่เหลืออีกครึ่งตื่นอยู่(ซึ่งก็ครึ่งหลับครึ่งตื่น)ก็คงกำลังกดๆ BB นัดตีกอล์ฟตีกบกันแล้วล่ะครับ

อธิบายกันหน่อย ในรูปนะที่มันสีเหมือนหินมันก็เป็นหินนั่นแหละ สีดำๆก็เป็นท่อกรุ ไม่ก็เป็นเหล็ก เอาว่าไม่มีอะไรไหลผ่านเส้นสีดำได้ สีเทาๆนั่นเป็นซีเมนต์ ส่วนสีขาวนั่นคือน้ำโคลนที่ไม่ได้หนักอะไร

ดูตรงลูกศรแดงๆที่ผมทำไว้ ตรงนั้นแหละที่น้าตีฟบอกว่า จ๊ะเอ๋ m ึง อยู่นี่เอง ตัวทำแท่น K ู จม เพราะจะเห็นว่าถ้ามีปิโตรฯความดันสูงไหลผ่านช่องสีขาว มันจะพรวดเดียวขึ้นไปจ่อจู้ฮุกกรู๊อยู่ปากหลุมทันที

มีสองจุดที่ BP โดนหนักคือ

1. ทำไมขอบซีเมนต์ไม่เข้าไปถึง(overlap)ท่อกรุตัวบน(อย่างรูปที่อึ่งน้อยทำให้ดูตอนต้น) เพราะมันจะได้ไปอุดปิดช่องสีขาวซะ ปิโตรฯมันก็ไหลขึ้นไปไม่ได้ ภาษาเราเรียกว่ามี barrier (ตัวกั้น) เพิ่มขึ้นอีก 1 จุด

2. สังเกตุดูว่าท่อกรุตัวล่างจะแขวนอยู่กับท่อกรุตัวถัดขึ้นไปข้างบน ยกเว้นไอ้ตัวสุดท้าย มันดันไม่แขวนไว้กับใคร มันวิ่งรวดเดียวถึงปากบ่อเลย ทำให้เกิดช่องสีขาวยาวไปถึงปากบ่อ ถ้าจับมันแขวนไว้กับท่อกรุตัวถัดขึ้นไปเหมือนเพื่อนๆ มันจะมีกลไกที่อุดปิดช่องว่าง(สีขาว)ตรงจุดที่มันแขวนอยู่ ก็จะมี barrier (ตัวกั้น) เพิ่มขึ้นอีก 1 จุด

3. ไม่มีการตรวจสอบคุณภาพซีเมนต์ช่วงสุดท้าย (ในข้อ 1) คือขอบซีเมนต์ต่ำไม่ overlap แถมยังไม่ตรวจสอบคุณภาพอีก (โดนเนื้อๆเน้นๆ)

โดนหนักเชียวว่า ตัวกั้น 2 จุดนี้มันหายไปไหน บกพร่องโดยสุจริตหรือเจตนา แล้วข้อสามก็โดนอีก อ่วมอรทัย



อึ่งน้อยขอพื้นที่ตรงนี้ ไม่ใช่จะแก้ตัวแทนใคร แต่ในฐานะที่ออกแบบหลุมอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน (แต่ยังไม่ถึงคราวออกแบบหลุม(ฝัง)ตัวเอง ฮา) ในการออกแบบทางวิศวกรรมนั้น มันมีจุดแข็งและจุดอ่อน มีวัตถุประสงค์ของมันเอง ในการออบแบบหลุมข้างบนนั้น มันมีข้อดีของมันอยู่(ที่ไม่เกี่ยวกับประหยัดเงิน) เพียงแต่ต้องเพิ่มมาตราการอะไรบางอย่างลงไปให้แน่นหนารอบคอบกว่านี้ กลไกที่ว่านั้น มันไม่ได้ถูกนำมาปฏิบัติ นำมาใช้ (ซึ่งซับซ้อนไม่ได้อยู่ในบริบทของกระทู้ จึงขอล่ะไว้)

ส่วนข้อ 3 ที่ไม่ตรวสอบคุณภาพซีเมนต์ ไม่มีข้อแก้ตัว BP โดนเต็มๆ ...

ว่าแล้วน้าสตีฟก็ปิดการฝอย(ขอความเห็นใจ)ด้วยรูปของแท่นแกสมัยที่มันควรจะอยู่ในที่ที่ควรอยู่ คืออยู่เหนือผิวน้ำ - ฮ่า ตอนนี้ได้กลายเป็นบ้านหลังใหม่ของนีโม่และผองเพื่อนไปแย้ว



ยังครับ กระทู้นี้ยังไม่จบ ... มาว่ากันต่อถึง จม.ที่คณะกรรมการพลังงานและการค้าของวุฒิสภาสหรัฐ (แปลผิดขออภัย ไม่ได้จบรัฐศาสตร์มะกัน)เชิญนายโทนี่ เฮวาร์ดมาช๊อตไข่ เอ๊ยจับเข่า ไถขนหน้าแข้ง ซักฟอก พร้อมทั้งยัดข้อหา ให้การบ้านไปตอบ (มาซะดีๆ)

ฉบับเต็ม ดาว์โหลดได้ครับที่นี่ ===> //nongferndaddy.net63.net/BP.pdf
(14 หน้า 3.7M)

อึ่งน้อยจะตัดเอามาส่วนที่ไม่หนักนัก และชี้ให้เห็นบางส่วนที่คิดว่าพวเราน่าจะทราบไว้

ส่วนที่ทาสีเหลืองไว้ จะบอกว่าจริงๆแล้วเป็นการสอบสวนของกลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่คณะกรรมการนี้เชิญ(จ้าง)มาอีกที อ้อ พี่น้อง ใครอยากเขียนจม.ไปถึงพี่โทนี่ เอาที่อยู่ไปเล้ย (ดูที่ข้างล่าง)



นี่ก็เป็นคนส่งเทียบเชิญ ที่เอามาให้ดูก็ไม่ได้มีอะไรหรอก ทำให้กระทู้ดูมีน้ำหนักน่าเชื่อถือ แฮ่ๆ ... อ้อ ผมได้ทราบข้อมูลเบื้องต้นมาว่าพี่โทนี่จบ PhD ด้านธรณีฯ ตั้งแต่อายุ 16 (ไม่ผิดครับ สิบหก ครับ) และเป็นนักธรณีภาคสนามบนแท่น (wellsite geologist) มาก่อน



นี่ครับ พี่โทนี่โดนไป 5 ดอก จริงเท็จแค่ไหนเป็นเรื่องทางเทคนิค ไปแก้ผ้า เอ๊ยแก้ต่างเอาทีหลัง ตอนนี้รับไปเต็มๆก่อนนะพี่โทนี่

รายละเอียดมีมากครับ ในไฟล์ที่ให้ดาว์โหลดจะบอกเป็นฉากๆว่าแต่ล่ะข้อนั้นมันแจ่มแจ้งแดงแจ๋อะไรยังไงขนาดไหน ถ้าคนนอกอ่านแล้วอาจจะเคลิ้มเออออห่อหมกตกร่องปล่องชิ้นปลิ้นสะดือไปด้วย แต่ถ้าคนที่พอรู้เรื่องการออกแบบการขุดหลุมฯอยู่บ้างอ่านแล้วคงหัวเราะกิ๊กๆในบางข้อ คืออึ่งน้อยพยายามจะบอกว่า บางข้อมันก็มีเหตุผล แต่บางข้อมันฟังแล้วเหมือนคนกล่าวหาไม่รู้เรื่องการออกแบบหรือการขุดหลุมฯ

อึ่งน้อยพยายามไปหามาว่าคณะผู้เชี่ยวชาญที่ปรึกษาคณะกรรมการฯเป็นใครที่ไหน อืม เห็นชื่อและประสบการณ์ของแต่ท่าน ระดับปรมาจารย์เหยียบหิมะไร้ร่องรอยกันทั้งนั้น ไม่น่าจะสรุปข้อกล่าวหาอย่างนี้ แต่พอคิดอีกที อ้าว ... ท่านไม่ได้เขียนเองนี่นา ท่านคงแค่ชง คณะกรรมการฯต่างหากที่สรุปแบบนั้น จึงได้ถึงบางอ้อ ... คงเหมือนกันคณะกรรมการในบางประเทศ(ประเทศไหนก็ไม่รู้) มีคณะที่ปรึกษาวิชาชีพที่น่าเชื่อถือเพียบ แต่พอแถลงผลการสืบสวนหรือผลการศึกษาออกมาสู่สาธารณะแล้วงงกันไปทั้งบาง

งั้นงานนี้พี่โทนี่รับไปก่อนนะจ๊ะ ...



คือเนื้อหามันก็ค่อนข้างละเอียดแล้วก็เต็มไปด้วยเทคนิคที่อึ่งน้อยคิดว่าให้เพื่อนๆที่ฮาร์คอร์จริงๆดาว์โหลดไปอ่านดีกว่า แต่ที่อยากจะแบ่งปันในวงกว้างเกี่ยวกับหนังสือเชิญพี่โทนี่มาให้กระชับพื้นที่นี่คือประเด็นการหาหลักฐานมาประกอบคำกล่าวหาครับ

ไม่ต้องไปสนใจเนื้อหานะครับ ดูที่สีเหลืองๆไว้เป็นพอ มันคืออีเมล์ครับ ที่พวกเราใช้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวันนั่นแหละ คณะกรรมการฯเขามีวิธี คงไม่ได้เฮ็ก แค่คงมีทางที่ถูกต้องแหละที่จะเข้าไปที่ server แล้วเอาออกมา พวกไฟล์ออฟฟิตทั้งหลายที่พวกเราทำๆไว้แหละ excel word powerpoint ฯลฯ



รายงานการประชุม และ ฯลฯ เอามาได้หมดเลย เป็นอุทาหรณ์ว่า การเขียนอีเมล์โต้ตอบทักทาย ล้อเล่นกัน ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ดีไป แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้น เดือนร้อนหม้อข้าวเงินดาวเงินเดือนกันครับพี่น้อง อึ่งน้อยอ่านคร่าวๆจากโทนของอีเมล์ที่เขียนโต้ตอบกันที่คณะกรรมการเอาว่าเป็นหลักฐานหนับหนุนข้ออ้างข้อกล่าวหานั้น บางอีเมล์ก็เป็นสิ่งที่คนเขียนต้องการสื่อแบบนั้นจริงๆ



แต่บางอีเมล์ก็ออกแนวล้อเล่นหรือประชด ไม่ก็ใช้คำคุณศัพท์ คำวิเศษณ์ เฝือไปนิด หรือใช้รูปแบบประโยคเกินจริงไปเพื่ออรรถรสในการแสดงอารมณ์หรือสีสรรมากกว่า แต่ท่านคณะกรรมการฯเอาตรงสีสรรนั่นมาเป็นประเด็นให้น้ำหนัก คล้ายๆภาษาสื่อที่จะไม่ค่อยบอกว่า ยิงปืน แต่จะบอกว่าสาดกระสุน หรือ ระดมยิง ทั้งๆที่ยิง 4 นัด ห่างๆกัน

จริงๆมีอีเมล์ที่ถูกอ้างอิงมากกว่านี้ ต้องไปดูในฉบับเต็มที่ให้ดาว์โหลดกันน่ะครับ

ยังไงก็ดูๆไว้เป็นอุทาหรณ์ก็แล้วกันครับพี่น้อง



มาดูไม้เด็ด ตอนสรุป นะจังงังไปเลยไหมพี่โทนี่



เสร็จแล้วมาดูอีกรายงานนึงที่อึ่งน้อยสอยมาจากโลกไซเบอร์(เร่อเท่อ) เป็นของลุง aeberman โพสต์ไว้ในหัวเรื่อง "What caused the Deepwater Horizon disaster?" ทำไมผมให้ความน่าเชื่อถือลุงถึงกับเอามาแบ่งปันกัน เพราะผมอ่านแล้ว รู้ทันทีว่าเป็นคนที่รู้เรื่องและวิเคราะห์ด้วยท่าทีที่ค่อนข้างเป็นกลางๆ และว่าด้วยหลักฐานล้วนๆ ไม่ได้เอาคำให้การ หรือ อีเมล์ใครมาอ้าง ...

น่าสนใจครับ เชิญดาวโหลดได้เลยครับ
==> //nongferndaddy.net63.net/Disaster.pdf
8หน้า 1M (เป็นรูปซะ 2-3 หน้า)

เหมาะกับฮาร์ทคอร์ และ ซอฟท์คอร์ที่อยากรู้อยากเห็น หรืออยากดูรูปเล่นๆก็ได้ครับ

-------------------------

อันนี้ภาคภาษาไทยครับ ไม่ค่อยมีอะไรมาก แต่ดีในแง่ที่รวบรวมเหตุการณ์จากสื่อไล่ตามเวลาว่าเกิดอะไรเมื่อไร แต่ไม่ค่อยมีเรื่องที่ว่า "ทำไม"

//nongferndaddy.net63.net/time%20line%20Thai%20version.pdf

(5 หน้า 1.7M)

-----------------------------------------
ทีเด็ดอยู่ตรงนี้ครับ ตรงนี้เอาใจฮาร์คอร์โดยเฉพาะ เป็นรายงานของ BP เองที่เขาวิเคราะห์เหตุการณ์ในสายตาของเขาเองว่าเกิดอะไรขึ้น ปลิวว่อนในวงการฯของเรามาเดือนนิดๆ จนผมคิดว่าไม่น่าจะ "ลับ" อีกต่อไปแล้ว ดูเหมือนหลายหน้า แต่เป็นรูปทั้งนั้นครับ

//nongferndaddy.net63.net/BP%20Interim%20May%202010%20p1of2.pdf
24 หน้า 3.4M

//nongferndaddy.net63.net/BP%20Interim%20May%202010%20p1of2.pdf
24 หน้า 2.8M

ถามว่าผมเห็นด้วยไหมกับมุมมองที่ BP เขามองตัวเองแบบนั้น ผมไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไร เพราะเขาเหมารวมตะกร้าเดียวกัน ไม่แบ่งลำดับชั้นความรับผิดชอบ และที่สำมะคัญไม่ได้ตอบคำถามที่ว่า ทำไมไม่มีการประเมินคุณภาพซีเมนต์ เพราะมันเป็นภาคบังคับของความเชื่อถือเชิงกลของหลุม (well integity) ในด้านลำดับความสำคัญก็ควรแบ่งว่าใครจำเลยที่หนึ่ง ใครจำเลยที่สอง

แถมมีพ่วงอีกจำเลยไปด้วย (เป็นจำเลยที่สามในมุมมองอึ่งน้อย) เรื่องก๊าซที่พลุ่งขึ้นมาดันทะลึ่งติดไฟ คือบอกกลายๆว่าถ้าก๊าซไม่ติดไฟก็ไม่หายนะอย่างที่เห็น ... แหม .. ก็จริงของเขา แต่มันทื่อๆไปหน่อยไหมพี่โทนี่ เหมือนทำน้ำหกแล้วไปโบ้ยว่าถ้าพื้นมันไม่เปียกและไม่มีคนเดินมาเหยียบ คนคงไม่ลื่นก้นจ้ำเบ้า หรือ ถ้าก๊าซในครัวรั่วแล้วไอ้ปื้ดไม่ไปสูดเข้าก็คงไม่ตาย หรือถ้าสูดเข้าไปแล้วถ้าพี่ปอฯมาช่วยทันไอ้ปื้ดนั่นก็ไม่น่าตาย (อย่างนี้ต้องโทษพี่ปอฯพี่ร่วมฯที่มาช่วยไอ้ปื้ดไม่ทัน หรือโทษไอ้ปื้ดที่เจือกเข้าไปในครัว - ฮ่วย)

-----------------------------------------

ในการวิเคราะห์ของลุงaeberman ตะแกพาดพิงไปถึงรายการ 60 นาที ของพี่มะกัน ผมก็เลยถือโอกาสเอาคลิปรายการที่ว่ามาแปะไว้เพื่อความสมบูรณ์ของกระทู้ ให้เปรียบเทียบระหว่างแง่มุมการนำเสนอของสื่อเป็นอย่างไร เมื่อเทียบกับเอกสารการวิเคราะห์ของนักการเมือง นักธุรกิจ นักวิชาการ แต่อึ่งน้อยก็พอเข้าใจได้ว่าแง่มุมของสื่อนั้นมีข้อจำกัดหลายอย่าง โดยเฉพาะความซับซ้อนทางเทคนิค และการที่ต้องทำให้ดูน่าสนใจ (ทำนอง "ข่าวร้ายลงฟรีข่าวดีเสียเงิน" อะไรแบบนั้น)



ตอนที่ 1



-----------------------------------------

ตอนที่ 2



-----------------------------------------

ตอนที่ 3



-----------------------------------------


ปิดท้ายด้วย clip ราวๆ 10 นาที คาดว่าจัดทำโดยแผนก PR ของ BP อธิบายว่าจะขุดอีกหลุมนึงไปชนก้นหลุมเจ้าปัญหาที่ลึกลงไป 4 กิโลเมตรใต้พื้นทะเลที่ระดับน้ำลึก 1.5 กิโลเมตร (พูดง่ายๆคือ 5.5 กิโลเมตรจากระดับน้ำทะเล) ได้อย่างไร ใช้เเทคโนโลยีอะไร ใช้เวลาแค่ไหน ไม่ใช่ฮาร์ทคอร์ก็ดูได้ เพราะ BP พยายามทำให้คนทั่วๆไปดูพอรู้เรื่องอยู่ครับ

//bp.concerts.com/gom/kwellsreliefwells062710.htm

------------------------------------------

ส่วนนี่ ... ไม่เกี่ยวกับ Deepwater Horizon แต่เป็นที่ทำงานในฝันของอึ่งน้อยเองกั๊บ ... //smile (ฮั่นแน่ อยากไปทำล่ะซิ ... เค้ารู้ทันนะตัว)



เอาล่ะ ถ้างานนี้อึ่งน้อยโดนพี่โทนี่(BP)ตั้งทนายฟ้องหมดตูด(ด่างๆแห้งๆ) แล้วล่ะก็ ตามไปอุดหนุนค่าเทอมยัยเฟิร์นได้ที่ลิงค์ข้างล่างนี้นะครับ (ฮ่า)

//www.bloggang.com/mainblog.php?id=nong-fern-daddy&month=30-05-2010&group=5&gblog=58
จะเกิดอะไรขึ้น .... เมื่อจู่ๆเธอเกิดอยากเป็นแม่ค้าขึ้นมา (ADHD 7)




 

Create Date : 04 กรกฎาคม 2553    
Last Update : 8 กรกฎาคม 2553 20:30:00 น.
Counter : 3244 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  

Nong Fern Daddy
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 782 คน [?]




... Blog นี้ ...
แด่ ... แม่น้องเฟิร์นและน้องภัทร
เธอ..ผู้เปลี่ยนห้องที่มืดมิดให้สว่างไสวได้ด้วยรอยยิ้ม
เธอ..ผู้อยู่เบื้องหลังความเข้มแข็งและความสำเร็จทั้งมวล
... และ ...
เธอ ... ผู้เป็น "บ้าน" เพียงแห่งเดียวของผม

---------------------------------------------

หรือเพียง "ฝัน" ที่หาญท้าชะตาฟ้า ?

หรือจะเพียง "ศรัทธา" (ที่)ไร้ความหมาย ?

แม้จะเป็นแค่เพียง "ฝัน" จนวันตาย

แต่ผู้ชายคนนี้จะอยู่ข้างเธอ ... ตลอดไป ...

แด่ ... ลูกที่กล้าฝันของพ่อ

Friends' blogs
[Add Nong Fern Daddy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.