เซ็นซู ภาค จอมอสูรจากหิมาลัย บทที่ 4 จดหมายจากเมืองอิวะ
บทที่ 4

จดหมายจากอิวะ

สายลมของฤดูใบไม้ผลิพัดผ่านต้นซากุระอย่างอ่อนโยนนำพากลีบดอกสีชมพูอ่อนที่บานสะพรั่งเต็มต้นให้ร่วงหล่นและปลิดปลิวไปตามกระแส มิสึกิซึ่งกำลังยืนอยู่บนระเบียงมองภาพกลีบซากุระที่กำลังหมุนคว้างไปตามแรงลมด้วยสายตาเศร้า เพราะแม้วันนี้จะได้เดินทางไปชมความงามของดอกไม้ริมทะเลสาบบิวะแต่ความกังวลที่จะไม่มีวันได้พบกับฮารุคาเสะทำให้จิตใจของนางปราศจากความตื่นเต้นดั่งที่ควรเป็น

“ท่านหญิงเจ้าคะ”

สึมิเระเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความนอบน้อม มิสึกิซึ่งกำลังยืนมือไปรับกลีบซากุระที่ปลิวเข้ามาหากล่าวถามอย่างเลื่อนลอย

“มีอะไรหรือสึมิเระ”

“ท่านยาสึฮิระกำลังรออยู่เจ้าค่ะ”

ข้ารับใช้ที่เปรียบเสมือนพี่เลี้ยงของนางตอบเมื่อเห็นมิสึกิยืนมองกลีบดอกไม้ในมือนิ่งไม่ยอมขยับจึงถาม

“เป็นอะไรไปหรือเจ้าคะ”

“ข้ากลัวว่าท่านพ่อจะเปลี่ยนใจไม่ยอมให้ข้าเรียนการรำพัด”

มิสึกิกล่าวอย่างเศร้าสร้อย สึมิเระยิ้มขณะก้าวเข้าไปใกล้

“ท่านยาสึฮิระอนุญาตแล้วมิใช่หรือเจ้าคะ”

“ท่านพ่อบอกแค่ว่ากลับมาค่อยพูดกันอีกที”หญิงสาวพูดด้วยสีหน้ากังวลพลางทอดถอนใจออกมา”ข้ากลัวเหลือเกินว่าท่านจะเปลี่ยนใจเพราะดูจากท่าทางของท่านเหมือนไม่ชอบฮารุคาเสะ”

“เป็นวิสัยของบิดาที่ต้องห่วงบุตรสาวยามต้องใกล้ชิดกับชายหนุ่ม แม้คุณชายฮารุคาเสะจะมาในฐานะอาจารย์และท่านทั้งสองจะไม่ได้อยู่กันตามลำพังก็ตาม”

สึมิเระอธิบายและยิ้มเมื่อเห็นท่านหญิงยังคงยืนนิ่ง

“แต่ข้าแน่ใจว่าท่านยาสึฮิระต้องยอมให้ท่านหญิงเรียนการร่ายรำอย่างแน่นอน”

มิสึกิหันไปมองพี่เลี้ยงด้วยสายตาแปลกใจ

“ทำไมเจ้าจึงคิดเช่นนั้น”

“เพราะท่านยอมวางเรื่องราวของบ้านเมืองและสั่งให้โคดาจินำจดหมายไปให้บ้านฟูจิวาระระหว่างที่เดินทางไปชมดอกไม้ริมทะเลสาบบิวะกับท่าน”

คำตอบของสึมิเระทำให้มึสิกิต้องยืนนิ่งตะลึงงันอย่างคาดไม่ถึง เมื่อตั้งสติได้นางจึงถามด้วยความตื่นเต้น

“เป็นความจริงหรือสึมิเระ”

“ข้าได้ยินมาเช่นนั้น” พี่เลี้ยงตอบและยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าของท่านหญิงมีสีแดงระเรื่อขึ้น “หากสบายใจแล้วก็ขอเชิญท่านหญิงไปขึ้นเกี้ยวเถิดเจ้าค่ะ”

มิสึกิพยักหน้าอย่างยินดี นางก้มหน้าลงมองกลีบซากุระในมือด้วยความรู้สึกอิ่มเอิบใจก่อนจะปล่อยให้มันปลิวไปกับสายลมอีกครั้งและก้าวออกจากห้องตรงไปยังลานหน้าปราสาทเพื่อเดินทางไปยังทะเลสาบบิวะพร้อมบิดา

ยาสึฮิระซึ่งกำลังยืนรออยู่ข้างเกี้ยวเผยอยิ้มเมื่อเห็นบุตรีเดินตรงมาหาและผงกศีรษะรับการแสดงการคารวะของนางพร้อมกับเอ่ยถาม

“พร้อมจะเดินทางแล้วหรือยัง”

“ข้าพร้อมแล้ว”

หญิงสาวตอบและก้าวขึ้นไปนั่งบนเกี้ยว เมื่อเห็นบุตรีเข้าประจำที่เรียบร้อยแล้วเขาจึงเดินไปยังเกี้ยวของตนและเตรียมจะขึ้นไปนั่งแต่ต้องหยุดชะงักเมื่อเป็นโอริเอะก้าวตรงเข้ามาหาด้วยสีหน้าแสดงความร้อนใจ

“ท่านยาสึฮิระ”

แม่ทัพหนุ่มเอ่ยเรียกผู้เป็นนายพร้อมกับค้อมตัวลงเพื่อแสดงความเคารพ อีกฝ่ายขมวดคิ้ว

“มีอะไร”

“คนของข้าจับชายแปลกหน้าคนหนึ่งได้แถวด้านใต้ของปราสาทตอนนี้กำลังนำไปสอบสวนขอรับ”

โอริเอะรายงานและดึงจดหมายฉบับหนึ่งออกจากอกเสื้อยื่นส่งให้ยาสึฮิระพร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เบาลงกว่าเดิม

“ทูตจากเมืองอิวะกำลังรอพบท่านที่จวน”

สีหน้าของยาสึฮิระเคร่งขรียดขึ้นมาในทันที เขาหันไปมองมิสึกิซึ่งกำลังมองผ่านม่านผ้าไหมด้วยความสงสัย ด้วยความเป็นห่วงว่าบุตรีจะเกิดความกังวลเขาจึงหันกลับไปทางโอริเอะอีกครั้งพร้อมกับกล่าวเสียงเรียบ

“ไปบอกเขาว่าเดี๋ยวข้าจะไปพบ”

เจ้าเมืองโคะโตโระเดินไปยังเกี้ยวของมิสึกิ นางรีบเปิดม่านพร้อมกับถาม

“เกิดเรื่องอะไรหรือท่านพ่อ”

“แค่ปัญหาเล็กน้อยเรื่องการจัดหาช่างฝีมือเท่านั้น ข้าคงต้องอยู่จัดการให้เรียบร้อย เจ้าเดินทางล่วงหน้าไปก่อนเสร็จเรื่องแล้วพ่อจะรีบตามไป”

มิสึกิขยับทำท่าจะแย้งแต่เมื่อเห็นรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยเมตตาของบิดาแล้วจึงเปลี่ยนใจเป็นผงกศีรษะรับ เมื่อเห็นบุตรสาวยินยอมทำตามแล้วยาสึฮิระจึงกำชับกับสึมิเระว่าให้ดูแลนายหญิงให้ดีจากนั้นจึงหันหน้าไปสั่งนายกองซึ่งยืนรอรับคำสั่งอยู่ทางด้านหลัง

“คุ้มครองบุตรสาวของข้าให้ดีด้วยโรคุเซ”

โรคุเซโค้งคำนับพร้อมกับกล่าวรับคำอย่างหนักแน่น เมื่อนาสึฮิระผงกศรษะเป็นเชิงอนุญาตให้ออกเดินทางเขาจึงยกมือขึ้นพร้อมกับร้องสั่งทหารให้แบ่งกำลังออกเป็นสองส่วนเพื่อคุ้มกันเกี้ยวของมิสึกิทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วขบวนของท่านหญิงมิสึกิจึงเคลื่อนออกจากปราสาทมุ่งหน้าสู่ตำหนักริมทะเลสาบบิวะซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่งของภูเขาโฮะระนะฮาจิ

เมื่อขบวนเคลื่อนพ้นไปจากปราสาท ยาสึฮิระจึงเดินกลับเข้าไปในจวนโดยมีโอริเอะติดตามไปไม่ห่าง แต่แทนที่เขาจะเข้าไปพบกับทูตจากเมืองอิวะซึ่งนั่งรออยู่ภายใน ยาสึฮิระกลับยืนนิ่งอยู่บริเวณประตูและจ้องผู้มาเยือนด้วยดวงตาลุกวาว ในตอนนั้นเองที่โอริเอะรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัวเพราะสัมผัสได้ถึงพลังบางอย่างที่แผ่ออกจากตัวของผู้เป็นนาย มันเป็นพลังที่เย็นเยือกและเต็มเปี่ยมไปด้วยความอำมหิตชนิดเดียวกับปิศาจที่เขาเคยพบเมื่อครั้งโอนิชิไคบุกเข้ามาในงานพิธีชมหิมะจะต่างกันตรงที่มันมีความน่ากลัวกว่ามากเป็นร้อยเท่าพันทวี แต่เพราะผู้ที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเป็นนาย แม่ทัพหนุ่มจึงหลับตาลงพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าจนลึกเพื่อขับไล่ความรู้สึกหวาดระแวงให้ออกไปจากความคิด เมื่อจิตใจที่สั่นไหวสงบลงเขาจึงลืมตาขึ้นและมองยาสึฮิระด้วยสายตาภักดี

ส่วนยาสึฮิระหลังจากยืนมองทูตอิวะนิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงกระตุกยิ้มบนมุมปากคล้ายกับหยั่งรู้ถึงเจตนาของผู้มาพบ เจ้าเมืองโคะโตโระก้าวเข้าไปในห้องและนั่งลงบนเบาะด้านตรงข้ามกับทูตของอิวะ อีกฝ่ายค้อมตัวลงคารวะด้วยกิริยาแข็งกระด้างพร้อมกับกล่าวรายงานตัว

“ข้ามีนามว่ามัทสึมุชิ กาชิระ เป็นตัวแทนจากท่านซาวาระ ชินโน ขออภัยที่เดินทางมาพบท่านตั้งแต่เช้าโดยมิได้มีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า”

“ไม่เป็นไร” ยาสึฮิระกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ไม่ทราบว่าท่านซาวาระมีเหตุเร่งร้อนอันใดจึงให้ท่านเดินทางมาอย่างกะทันหันเช่นนี้”

มัทสึมุชิไม่ตอบแต่กลับดึงจดหมายออกมาวางไว้ตรงหน้าพร้อมกับก้มศีรษะลง

“นายของข้าสั่งให้มอบจดหมายนี้แก่ท่าน และย้ำว่าขอให้มอบคำตอบกลับไปภายในเร็ววัน ไม่เช่นนั้นแล้วโคะโตโระจะตกอยู่ในอันตราย”

คำพูดเชิงข่มขวัญของผู้ที่ทำหน้าที่ทูตบันดาลโทสะของโอริเอะให้พลุ่งขึ้นมาในทันที เขาขยับไปข้างหน้าเล็กน้อยพร้อมกับตวาดเสียงดัง

“บังอาจ ถือดียังไงถึงกล้าใช้วาจาข่มขู่ท่านยาสึฮิระ”

“สงบใจไว้ก่อนโอริเอะ” เจ้าเมืองโคะโตโระรองห้ามพร้อมกับหยิบจดหมายมาเปิดอ่าน แม้จะดูสงบนิ่งแต่ดวงตาของยาสึฮิระกลับทอประกายกร้าว หลังจากอ่านจบเขาจึงวางจดหมายฉบับนั้นลงและกล่าวเสียงเรียบ

“นายของเจ้าแน่ใจแล้วหรือว่าจะทำสัญญาสงบศึกด้วยวิธีนี้”

“ข้าไม่รู้เนื้อความในจดหมายแต่ท่านซาวาระกล่าวว่าจะกระทำตามที่เขียนไว้ในนั้นทุกคำ”

มัทสึมุชิตอบอย่างมั่นคง ยาสึฮิระยืดตัวขึ้นและจ้องอีกฝ่ายด้วยดวงตาวาว

“หากข้าปฏิเสธ”

“โคโตโระก็จะถูกอิวะบดขยี้จนกลายเป็นเถ้าธุลีในข้ามคืน”

ผู้นำสาส์นจากอิวะตอบทันควัน ยาสึฮิระยกมือห้ามโอริเอะที่ขยับดาบหมายจะบั่นคอทูตปากกล้า ดวงตาที่ดูเหมือนจะมีสีแดงเข้มการะจายอยู่ภายในจับจ้องอีกฝ่ายเขม็งพร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยียบยิ่งกว่าน้ำแข็งกลางฤดูหนาว

“คำตอบของข้าคือไม่ หากซาวาระยังขืนดึงดันอิวะต่างหากที่จะถูกถล่มราบในพริบตา”

จดหมายถูกขยำเป็นก้อนและถูกโยนไปตกตรงหน้ามัทสึมุชิ เขาก้มหน้าลงมองพร้อมกับขบกรามแน่น

“แล้วท่านจะสียใจ”

ทูตแห่งอิวะกล่าวเสียงกร้าวและค้อมตัวลงเพื่อแสดงความเคารพด้วยกิริยากระด้างจากนั้นจึงลุกขึ้นและก้าวออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วโดยมีสายตาของโอริเอะมองตามด้วยความชิงชัง เมื่อมัทสึมุชิพ้นไปจากสายตาแล้วแม่ทัพหนุ่มจึงหันกลับมาถามด้วยความสงสัย

“ซาวาระยื่นข้อเสนออะไรมาหรือขอรับ”

“มันบอกว่าจะยกเลิกข้อตกลงกับคาสึรางิหากข้ายอมยกมิสึกิให้กับมัน”

“เจ้าคนชั่วช้าบังอาจมากที่กล้ายื่นข้อต่อรองเช่นนี้”

โอริเอะคำรามด้วยความโกรธ มือที่กุมด้ามดาบกำแน่นเพราะแค้นที่เจ้าเมืองอิวะอาจหาญขอท่านหญิงมิสึกิไปเป็นภรรยาซึ่งในสถานการณ์เช่นนี้ถือว่าเป็นทั้งการข่มขวัญและดูถูกกันจนสุดที่จะให้อภัย แม่ทัพหนุ่มมองยาสึฮิระที่ยังคงนั่งสงบนิ่งแม้ในใจปรารถนาที่จะขอนำกำลังออกไปบดขยี้อิวะให้พินาศแต่เพราะรู้ดีว่าเจ้านายของตนไม่ยินยอมให้กระทำเช่นนั้นแน่ โอริเอะจึงจำต้องนั่งข่มใจให้สงบ ฝ่ายยาสึฮิระเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายระงับโทสะลงได้แล้วจึงกล่าวเสียงเรียบ

“รู้หรือยังว่านักโทษที่จับได้เป็นคนของใคร”

“ข้ายังไม่ทราบแต่จะรีบลงไปสอบสวนมันเดี๋ยวนี้”

โอริเอะกล่าวพลางค้อมตัวลงและเตรียมขยับตัวจะออกจากห้องแต่ยาสึฮิระกลับลุกยืนขึ้นพร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยียบจนน่าขนลุก

“ข้าจะเป็นผู้สอบสวนมันเอง”

กล่าวจบเจ้าเมืองโคะโตโระจึงเดินตรงไปยังห้องคุมขังซึ่งอยู่ใต้ดินโดยสั่งให้โอริเอะรออยู่ด้านนอก ส่วนตัวเขาเข้าไปสอบสวนนักโทษเพียงลำพังซึ่งเมื่อเข้าไปภายในห้องขังแล้วยาสึฮิระจึงมองผู้ที่ถูกล่ามไว้กลางห้องด้วยดวงตาลุกวาว หลังจากเดินวนรอบตัวหนึ่งรอบคล้ายเป็นการหยั่งเชิง เมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนตัวสั่นเขาจึงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงต่ำน่าสะพรึง

“เจ้ามาที่นี่ทำไม”

“ได้ยินว่าทางโคะโตโระต้องการช่างฝีมือ ข้าจึงมาหางานทำ”

นักโทษตอบด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกถึงการสะกดกลั้นความหวาดกลัวเอาไว้อย่างเต็มที่ ผู้นำโคะโตโระเดินวนรอบตัวเขาอย่างเชื่องช้าราวต้องการข่มขวัญ

“หากมาหางานทำแล้วเหตุใดทหารจึงไปพบเจ้าที่ด้านใต้ของปราสาท”

ยาสึฮิระถามเสียงเย็น อีกฝ่ายแสร้งตีสีหน้าเศร้า

“ข้าหลงทาง”

“หลงทางอย่างนั้นหรือ” เจ้าเมืองโคะโตโระทวนคำด้วยน้ำเสียงเกือบจะเป็นคำรามพร้อมกับยื่นมือไปขยุ้มผมของอีกฝ่ายและกระชากจนหน้าหงาย “จะไปที่นั่นได้ต้องผ่านทหารเป็นจำนวนมาก ข้ออ้างของเจ้ามันฟังไม่ขึ้น จะบอกมาแต่โดยดีหรือไม่ว่าไปที่นั่นทำไมและใครเป็นผู้ใช้ให้เจ้ามา”
“ได้โปรดเถิดข้าแค่มาหางานทำเท่านั้นจริงๆ” นักโทษผู้นั้นตะโกนตอบเสียงสั่น ยาสึฮิระจึงขยับเข้าไปใกล้และกระซิบ

“โกหก”

แรงดึงถูกเพิ่มมากขึ้นจนทำให้นักโทษรู้สึกเหมือนหนังศีรษะกำลังปริแยกออกจากกัน หัวใจของเขาเต้นระรัวด้วยความหวาดกลัว ยิ่งเมื่อได้กลิ่นเลือดที่โชยออกมาจากบาดแผลด้วยแล้วดวงตาของชายผู้นั้นถึงกับเหลือกลาน ยาสึฮิระมองท่าทางของนักโทษด้วยสีหน้าเย็นชา

“ข้าไม่ปรานีเหมือนพวกทหารที่อยู่ข้างนอกนั่น หากไม่พูดก็บอกลาหนังหัวของเจ้าได้เลย”

กรงเล็บยืดยาวออกมาฝังลงบนผิวหนังและค่อยๆจมลึกลงไปทีละน้อย น้ำตาของชายผู้นั้นไหลพรากด้วยความหวาดกลัว แต่ที่สร้างความตระหนกที่สุดกลับเป็นอาการเจ็บแปลบบริเวณแผ่นหลังเมื่อเขารู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังทิ่มแทงเข้าไปในเนื้อและเคลื่อนไหวอยู่ภายในร่างกาย ความเจ็บปวดอันเกิดจากอวัยวะภายในถูกดึงทึ้งทำให้ร่างของนักโทษถึงกับสั่นระริก จนเมื่อความอดทนถึงจุดสูงสุดเขาก็โพล่งออกมา

“ข้ายอมพูดแล้ว” ชายผู้นั้นระร่ำระลักบอกและหอบหายใจเมื่ออีกฝ่ายผ่อนแรงลง เมื่อรวบรวมสติได้แล้วคำสารภาพก็พรั่งพรูออกมาราวสายน้ำ

“ข้ามีชื่อว่าเฮย์อิจิ เป็นหนึ่งในนักรบทั้งเจ็ดแห่งคาสึรางิ ที่มานี่ก็เพราะได้รับคำสั่งจากท่านอาซามิว่าให้ลอบทำลายคลังอาวุธและสร้างความวุ่นวายในโคะโตโระเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของท่านจนลืมการป้องกันการบุกของพวกเรา”

“เป็นแผนการที่สิ้นคิดยิ่งนัก” ยาสึฮิระคำราม “พวกเจ้ามากันกี่คน”

เฮย์อิจินิ่งเงียบไม่ยอมตอบแต่เมื่อหนังศีรษะถูกกระชากอีกครั้งเขาก็ร้องลั่นพร้อมกับหลุดคำพูด

“ส...สี่คน”

“ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน” เจ้าเมืองโคะโตโระถามและกระตุกมือเบาๆอีกฝ่ายรีบตอบแทบจะทันที

“ด้านเหนือของเมืองสองคน อีกคนแฝงตัวอยู่ในกลุ่มคนรับใช้อยู่ภายในจวนของท่าน”

“ชื่อ”

ยาสึฮิระพูดเสียงห้วน เฮย์อิจิรีบบอกชื่อเพื่อนทั้งสามด้วยหวังว่าจะรอดชีวิตแต่เมื่อชื่อสุดท้ายหลุดออกจากปากหนังหัวของเขาก็ถูกฉีกออกจากร่างพร้อมกระโหลกอีกครึ่งหนึ่ง ดวงตาที่เบิกโพลงของเฮย์จ้องผู้ที่กำลังยืนแสยะยิ้มอยู่ตรงหน้าด้วยความหวาดกลัวอย่างที่สุด

“ป...ปิศาจ”

คำพูดสุดท้ายหลุดออกจากปาก ยาสึฮิระเหวี่ยงหนังศีรษะในมือทิ้งอย่างไม่แยแสและเดินไปเปิดประตูด้วยกิริยาสงบนิ่ง ทันทีที่ก้าวออกจากห้องโอริเอะรีบค้อมตัวลงพร้อมกับถาม

“เป็นอย่างไรบ้างขอรับ”

“มันเป็นสายของคาสึรางิ” ยาสึฮิระตอบพลางรับผ้าจากทหารมาเช็ดคราบเลือดบนมือ “นอกจากมันแล้วยังมีพวกอีกสามคนหนึ่งในนั้นยังหลบอยู่ในจวน”

เจ้าเมืองโคะโตโระกล่าวพลางส่งผ้าคืนให้กับนายทหารผู้นั้นก่อนจะสั่งเสียงเรียบ

“จัดการพวกมันให้หมด”

โอริเอะค้อมตัวลงรับคำและทำท่าจะวิ่งออกไปแต่ยาสึฮิระกลับร้องห้าม

“เดี๋ยวก่อนโอริเอะ”

แม่ทัพหนุ่มหันกลับมาและก้มศีรษะลงเล็กน้อย

“มีอะไรหรือขอรับ”

“ปล่อยการกำจัดให้เป็นหน้าที่ของจูอิจิโร่ ส่วนเจ้ารีบเดินทางไปคุ้มครองมิสึกิ” ยาสึฮิระสั่งขณะเงยหน้าขึ้นมองขอบฟ้าซึ่งปรากฏแสงสีแดงเรื่อเรือง “ข้าสังหรณ์ใจว่าจะมีอันตรายเกิดขึ้นกับนาง”

ดวงตาลดต่ำลงมายังโอริเอะอีกครั้ง

“พาบุตรีของข้ากลับมาโดยเร็ว”

แม่ทัพหนุ่มรับคำและค้อมตัวลงคำนับจากนั้นจึงเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ส่วนยาสึฮิระหลังจากออกคำสั่งเสร็จแล้วจึงเดินกลับไปที่จวน ขณะที่กำลังใช้ความคิดอยู่นั้นก็มีคลื่นพลังบางอย่างพุ่งมากระทบร่าง แม้จะมีอำนาจปิศาจป้องกันแต่ความแรงของพลังลึกลับทำให้ยาสึฮิระถึงกับเซถอยหลังไปสองก้าว เขารีบกวาดตามองหาที่มาทันทีที่ตั้งตัวได้และก็พบว่ามันอยู่บริเวณต้นซากุระภายในสวนนั่นเอง

“ปรากฏตัวออกมาเดี๋ยวนี้”

เสียงทรงอำนาจร้องสั่ง คิ้วหนาเลิกขึ้นด้วยความแปลกใจเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะสดใสดังตอบกลับมา

“ดุดันน่าเกรงขามสมเป็นผู้นำแห่งโคะโตโระ”

ร่างงดงามในอาภรณ์สีขาวสะอาดปรากฏขึ้นบนกิ่งซากุระ ยาสึฮิระหรี่ตาลงเล็กน้อยเมื่อเห็นหางสีขาวสลับดำเก้าเส้นกำลังเคลื่อนไหวไปมาอยู่ด้านหลัง

“มารเสือขาวเบียคโกะ”

“ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าจะรู้จักข้า”

“ข้ารู้สึกถึงพลังของเจ้าตั้งแต่กันโซยังมีชิวิตเพียงแต่ไม่แน่ใจเท่านั้น” เจ้าเมืองโคะโตโระกล่าวพร้อมกับขยับไปข้างหน้า “ต้องการอะไร”

“ข้าเป็นเทพไม่ต้องการอะไรจากมนุษย์” ดวงตาสีอำพันหรี่ลงเล็กน้อย “จริงสิเจ้าไม่ใช่มนุษย์แล้วนี่นา”

กระแสลมรุนแรงพัดกรรโชกจากกายของยาสึฮิระกระทบกับเบียคโกะจนเรือนผมสีเงินพลิ้วกระจาย นางเพียงเหยียดยิ้มพร้อมกับยกมือปัดออกอย่างเบื่อหน่าย

“ถึงจะเป็นจอมปิศาจแต่พลังของเจ้ายังด้อยกว่าข้านัก”

คำพูดเชิงดูแคลนของมารเสือขาวมิได้สร้างโทสะต่อยาสึฮิระแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามเขากลับอมยิ้มมุมอย่างใจเย็นและเอ่ยปากกล่าวราวกับรู้เท่าทัน

“เดาว่าท่านกำลังหาความสำราญ”

เบียคโกะแสร้งตีหน้าหน้าเหมือนประหลาดใจพลางเอนกายพิงกิ่งซากุระและกวัดแกว่งหางอย่างสบายอารมณ์

“แม้แต่เซย์ริวยังไม่เคยรู้ใจข้า” นางมองยาสึฮิระด้วยดวงตาพราว “ถูกต้องข้ากำลังหาความสำราญแต่ไม่ใช่กับเจ้า”

“หวังว่าคงไม่ใช่โคะโตโระเช่นเดียวกัน”

อีกฝ่ายพูดอย่างเคร่งขรึม มารเสือขาวไล่ปลายนิ้วไปตามดอกซากุระในขณะที่หางเส้นหนึ่งพันรอบกิ่งที่มีดอกบานสะพรั่งเอาไว้

“นั่นก็ขึ้นอยู่กับสติปัญญากับความแข็งแกร่งของเจ้า” นางมองยาสึฮิระด้วยหางตา “กับชัยชนะเหนือคาสึรางิกับอิวะ”

สีหน้าของผู้ครองเมืองโคะโตโระแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อยในขณะที่รอยยิ้มสาสมใจประทับบนเรียวปากงาม เบียคโกะรู้ดีกว่าความภาคภูมิใจในสายเลือดของยาสึฮิระและจิตใจที่ยังคงเป็นมนุษย์ทำให้เขายังคงรีรอที่จะใช้อำนาจปิศาจทำลายคู่ต่อสู้ แต่หากเขายังคงนิ่งเฉยเช่นนี้ต่อไปเมืองที่เขารักก็จะถูกทั้งคาสึรางิและอิวะบุกทำลายจนย่อยยับไม่เหลือแม้เถ้าธุลี ซึ่งผู้ที่มีความผูกพันอย่างเหนียวแน่นต่อแผ่นดินเกิดเช่นยาสึฮิระคงไม่มีวันปล่อยให้เป็นเช่นนั้น เขาคงเลือกที่จะกลายเป็นปิศาจและสังหารศัตรูทุกคนให้พินาศไม่เว้นแม้อิสตรีและทารก เมื่อนึกถึงภาพเจ้าเมืองโคะโตโระในร่างปิศาจกำลังยืนผงาดท่ามกลางกองอสุภและคราบเลือดรอยยิ้มเหี้ยมก็ผุดขึ้นบนเรียวปาก แต่ความคิดอย่างลำพองของมารเสือขาวก็ต้องหยุดชะงักลงเมื่อยาสึฮิระพูดขึ้น

“ข้าไม่มีวันเดินไปตามแผนของเจ้า”

เบียคโกะนิ่งไปเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจ นางยืดตัวขึ้นนั่งตรงและมองอีกฝ่ายพร้อมรอยยิ้มในดวงตา

“ดูถูกเจ้าไม่ได้สินะ” มารเสือขาวกล่าวเสียงเรียบ กิ่งซากุระที่ถูกหางพันรอบไว้ถูกฉีกกระชากและลอยละลิ่วมาตกตรงหน้ายาสึฮิระ “โคะโตโระจะงดงามเหมือนดอกซากุระบนต้นหรือเฉาตายอยู่กับพื้นก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้า คิดให้ดีว่าจะเอาชนะคาสึรางิกับอิวะด้วยวิธีใด”

“ไม่ว่าจะเป็นวิธีไหนก็อยู่กับการตัดสินใจของข้า แต่รับรองได้ว่ามันจะไม่สร้างความสำราญให้กับเจ้าอย่างแน่นอน” ยาสึฮิระกล่าวพร้อมกับก้าวไปข้างหน้าด้วยท่าทางคุกคาม
เบียคโกะเหยียดยิ้มพร้อมกับใช้หางรูดดอกซากุระบนกิ่งรอบตัวแต่ไม่ตอบอะไร เมื่อสายลมพัดผ่านต้นซากุระอีกครั้งร่างงามก็เลือยหายไปพร้อมกับกลีบดอกไม้ที่ร่วงพรู เจ้าเมืองโคะโตโระมองต้นไม้ที่บัดนี้ปราศจากมารเสือขาวด้วยความแค้นใจ

“เจ้าไม่มีวันพบกับความสนุกแน่เบียคโกะ”

ยาสึฮิระคำรามก่อนจะหมุนกายเดินกลับเข้าห้องพร้อมการตัดสินใจบางอย่างที่เขาไม่เคยคิดที่จะทำ

อะไรบางอย่างที่ร้ายกาจเกินกว่ามนุษย์ผู้หนึ่งจะสามารถลงมือ

*/*/*/*/*/*




Create Date : 31 ธันวาคม 2554
Last Update : 31 ธันวาคม 2554 17:41:38 น.
Counter : 334 Pageviews.

1 comments
  


มีความสุขมากๆ ขอให้สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง มีตังค์ใช้ตลอดปีตลอดไปนะคะ
โดย: deeplove วันที่: 31 ธันวาคม 2554 เวลา:19:58:02 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กิสึเนะ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



moony ค่ะ เป็นคนชอบสร้างจินตนาการมาตั้งแต่เด็ก เคยวาดการ์ตูนไว้เป็นเล่ม แต่เก็บไว้อ่านเอง นิยายเรื่องแรกที่เขียนเป็นแนวจีนกำลังภายใน ตอนหลังรู้จักเน็ตจึงเริ่มสร้างสรรเรื่องอื่นบ้างแต่ส่วนใหญ่เป็นแนวแฟนตาซี
All Blog