ห้องแฟนตาซีของmoony
|
|||
เซ็นซู ภาคจอมอสูรจากหิมาลัย บทที่ 9 จอมอสูรกับจ้าวปิศาจ บทที่ 9 จอมอสูรกับจ้าวปิศาจ โคดาจิเดินนำฮารุคาเสะเข้าไปในจวนของยาสึฮิระ ระหว่างอยู่บนระเบียงชายหนุ่มลอบสังเกตผู้คนและสรรพสิ่งโดยรอบไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ ตัวอาคารหรือแม้แต่ปลาโค่ยหลากสีที่กำลังแหวกว่ายอยู่ในสระ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันด้วยความแปลกใจเมื่อพบว่านอกจากทหารรักษาการณ์บางคนที่ถูกเรียกให้ฟื้นมาจากความตายแล้วส่วนอื่นกลับไม่ปรากฏความผิดปรกติเลยแม้แต่น้อย มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่แตกต่างไปจากทุกอย่างนั่นก็คือพลังกดดันมหาศาลที่ปกคลุมไปทั่วปราสาทยาสึอิระ และศูนย์กลางของพลังดังกล่าวมาจากใจกลางจวนอันเป็นที่พำนักของเจ้าเมือง เมื่อถึงห้องอันเป็นที่พักผ่อนของยาสึฮิระ หัวหน้าราชองครักษ์ซึ่งบัดนี้มีเพียงร่างอันปราศจากไร้ลมหายใจจึงหยุดและหันมาทางฮารุคาเสะ กรุณารอตรงนี้ก่อน เขาหันไปทางประตูและค้อมตัวลงอย่างนอบน้อมพร้อมกับพูดเสียงกังวาน ฟูจิวาระ ฮารุคาเสะมาถึงแล้วขอรับ ให้เขาเข้ามา เสียงทรงอำนาจดังตอบมาจากด้านใน โคดาจิจึงผงกศีรษะให้กับข้ารับใช้ที่นั่งรออยู่ เขาค้อมคำนับรับคำสั่งพร้อมกับเลื่อนบานประตูออก หัวหน้าองครักษ์จึงหันไปก้มศีรษะให้กับนักนาฏกรรมหนุ่ม เชิญ ฮารุคาเสะก้าวเข้าไปในห้องและนั่งลงตรงหน้าเจ้าของปราสาทพร้อมกับค้อมตัวลงแสดงความคารวะอย่างนอบน้อม ฟูจิวาระ ฮารุคาเสะ จากตระกูลนาฏกรรม ไม่ต้องพิธีการนักก็ได้ ยาสึฮิระกล่าวอย่างอารมณ์ดีพลางโบกมือเป็นเชิงให้ทั้งโคดาจิและข้ารับใช้ออกไปด้านนอก เมื่ออยู่ตามลำพังกับฮารุคาเสะแล้วเขาจึงถาม การเดินทางเป็นอย่างไรบ้าง ราบรื่นดี เจ้าเมืองโคโตโระเลิกคิ้ว ข้าได้ยินมาว่าพวกเจ้าถูกปิศาจทำร้าย นั่นหรือคือการเดินทางอย่างราบรื่นของพวกนาฏกรรม พวกเราถูกรบกวนบ้างแต่เพราะความช่วยเหลือของทหารที่ท่านกรุณาส่งไปคุ้มครองทำให้ไม่มีผู้ใดได้รับอันตราย ฮารุคาเสะตอบพลางเลื่อนสายตาขึ้นมองอีกฝ่ายฝีมือของพวกเขาไม่ธรรมดาเลย น้ำเสียงของนาฏกรรมหนุ่มทำให้ยาสึฮิระอมยิ้ม แม้จะเป็นรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาแต่ดวงตากลับทอแสงกร้าวจนน่ากลัว ย่อมไม่ธรรมดาแน่เพราะข้าเป็นผู้คัดเลือกทุกคนกับมือ เขาโน้มตัวมาข้างหน้าเล็กน้อย พวกเขาเก่งจนเจ้านึกไม่ถึงเลยทีเดียว แรงกดดันมหาศาลแผ่จากร่างยาสึฮิระโอบล้อมฮารุคาเสะ แม้ชายหนุ่มจะใช้พลังแห่งสายลมเข้าปกป้องแต่อำนาจปิศาจของอีกฝ่ายกลับทวีความรุนแรงราวจะบดขยี้เขาให้แหลกเป็นจุณ เจ้าเมืองโคะโตโระมองใบหน้าของนักนาฏกรรมหนุ่มที่เริ่มเผือดลงและเผยอยิ้มออกมา เจ้าไม่อาจทานพลังของข้าได้หรอก ฮารุคาเสะ แรงกดดันหายไปอย่างฉับพลัน ยาสึฮิระกลับไปนั่งตัวตรงตามเดิมและกล่าวอย่างเคร่งขรึม ที่ให้เจ้ากลับมายังปราสาทนี่อีกครั้งเพราะคำขอของมิสึกิ บุตรสาวข้ายืนยันจะเรียนการร่ายรำจากเจ้าเท่านั้น จงทำตัวเป็นผู้สอนที่ดีและอย่าได้คิดอะไรที่มันเกินเลยไปกว่านี้เป็นอันขาด เขาหยิบถ้วยชาขึ้นมาและบดมันจนแหลกเป็นผงด้วยมือ ไม่เช่นนั้นแล้วอย่าหาว่าข้าไม่เตือน ดวงตาของฮารุคาเสะจ้องประสานกับเจ้าเมืองโคะโตโระอย่างไม่กลัวเกรง หากท่านกลายเป็นปิศาจร้ายไปเมื่อใด ข้าเองก็ไม่ขอเกรงใจเช่นกัน ยาสึฮิระไม่ตอบอะไรนอกจากส่งรอยยิ้มเย็นเยือกให้กับชายหนุ่ม เขาปรบมือสองครั้งเพื่อเรียกข้ารับใช้และออกคำสั่ง พาคุณชายฟูจิวาระไปที่ห้อง เขามองนักนาฏกรรมหนุ่มและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น ท่านเดินทางมาไกลคงเหน็ดเหนื่อยมาก พักให้สบายสักคืนก่อนพรุ่งนี้ค่อยลงมือสอนบุตรีของข้า แม้กิริยาท่าทางรวมถึงคำพูดจะเป็นการกระทำที่เสแสร้งแต่ฮารุคาเสะก็รู้ดีว่าเขาไม่อาจลงมือทำสิ่งใดได้ ชายหนุ่มจึงจำใจต้องกล่าวคำขอบคุณและค้อมตัวลงก่อนจะถดตัวถอยออกจากห้องจากนั้นจึงเดินตามข้ารับใช้ไป เมื่อนักนาฏกรรมหนุ่มพ้นไปจากสายตาแล้วสีหน้าอ่อนโยนของยาสึฮิระก็แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมดุดัน เขาลุกขึ้นเดินออกไปยืนที่สวนและจ้องท้องฟ้าด้วยสายตาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงตัดสินใจไปเยี่ยมเยือนมิสึกิที่จวน */*/*/*/* ข้ารับใช้หญิงวางถาดชามข้าวต้มลงข้างตัวของมิสึกิและน้อมตัวลงทำความเคารพ นางยิ้มรับพร้อมกับกล่าวคำขอบคุณ เมื่อสาวใช้ผู้นั้นออกจากห้องไปแล้วหญิงสาวจึงหันไปทางสึมิเระ ลุกขึ้นมากินข้าวต้มนี่สักหน่อยเถอะ จะได้มีแรง พี่เลี้ยงขยับตัวลุกขึ้นอย่างลำบาก เมื่อนั่งได้แล้วมิสึกิจึงหยิบชามข้าวต้มขึ้นมาและทำท่าจะป้อนแต่อีกฝ่ายรีบปฏิเสธ ข้ากินเองได้เจ้าค่ะ นางดึงชามมาจากมือท่านหญิงและตักกินทีละคำจนหมด หลังจากดื่มยากับน้ำเป็นที่เรียบร้อยแล้วสึมิเระจึงน้อมศีรษะลง ขอบคุณท่านหญิงมากเจ้าค่ะที่กรุณาสละเวลามาดูแลข้า เมื่อเทียบกับความเสียสละของเจ้าแล้ว สิ่งที่ข้าทำยังมีค่าน้อยนัก มันยังไม่พอสำหรับคำขอบคุณเลยด้วยซ้ำ มิสึกิกล่าวอย่างอ่อนโยน สึมิเระส่ายหน้า แต่ข้าก็แทบไม่ได้ช่วยอะไรท่านหญิงเลย ตรงกันข้าม เพราะเจ้าทำให้ข้าได้รับความช่วยเหลือจากท่านโมโรสุเกะ และทำให้ท่าน นางแตะมือของข้ารับใช้อย่างแผ่วเบา ข้าดีใจมากที่เจ้าไม่เป็นอะไร ท่านหญิง สึมิเระเอ่ยเรียกผู้เป็นนายเสียงสั่นพร้อมกับกุมมือมิสึกิเอาไว้และบีบเบาๆความตื้นตันที่เอ่อล้นทะลักขึ้นมาทำให้นางหลุดคำพูดเพียง ดีใจจริงที่ท่านปลอดภัย น้ำตาหยดลงบนมือของมิสึกิ หญิงสาวมองรับใช้ด้วยดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความซาบซึ้งในน้ำใจ มืออีกข้างเลื่อนไปแตะไหล่ข้ารับใช้พร้อมกับกล่าว เจ้าควรพักผ่อนให้มาก รีบหายโดยไวเพราะข้าเบื่อที่จะต้องไปไหนมาไหนเพียงลำพัง สึมิเระพยักหน้ารับและเอนตัวลงนอนอย่างว่าง่าย หลังจากรอจนแน่ใจว่าอีกฝ่ายหลับสนิทไปแล้วมิสึกิจึงเดินก้าวออกจากเรือนข้ารับใช้เพื่อกลับไปยังห้อง เมื่อไปถึงนางกลับยืนมองกลีบซากุระที่กำลังปลิวไปตามสายลมอยู่หน้าห้องแทนที่จะเข้าไปนั่งเขียนโคลงกลอนตามที่ตั้งใจ เป็นดอกไม้ที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก เสียงทุ้มต่ำดังมาจากในห้อง มิสึกิหันไปมองไพราที่กำลังยืนกอดอกมองต้นซากุระด้วยสายตาที่ฉายความหมายเดียวกับคำพูด ท่านกล่าวเหมือนไม่เคยเห็นต้นซากุระมาก่อน ดินแดนที่ข้าจากมามีแต่หิมะกับน้ำแข็ง ดอกไม้ก็มีแต่ทุ่งหญ้าที่จะงอกเฉพาะฤดูใบไม้ผลิเท่านั้น ต้นไม้ขนาดใหญ่แบบนี้ส่วนมากขึ้นอยู่ในถิ่นของพวกมนุษย์ซึ่งข้าไม่พิสมัยที่จะลงไปดูเท่าไหร่นัก จอมอสูรตอบด้วยท่าทางเคร่งขรึมตามนิสัย หญิงสาวทำตาโตราวกับทึ่งในสิ่งที่ได้ยิน ฟังเหมือนท่านไม่ใช่คนบนแผ่นดินนี้ นางขยับเข้าไปหาไพรา บอกได้หรือเปล่าว่าท่านมาจากที่ใด บนยอดเขาสูงไกลจากที่นี่มาก ไพราตอบพร้อมกับเดินออกไปยืนที่ระเบียงและทอดสายตามองท้องฟ้าทางด้านทิศตะวันตก มือเลื่อนขึ้นแตะแผ่นหนังสีขาวที่พันรอบท่อนแขนและกำแน่นดุจคำนึงถึงแผ่นดินที่อยู่ไกลแสนไกล ความหมองเศร้าที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมเข้มสง่างามสร้างความสงสัยต่อมิสึกิจนนางเผลอหลุดปากถาม แล้วเหตุใดท่านจึงถูกกักอยู่ที่นี่ ความเศร้าเมื่อครู่กลับกลายเป็นความแค้นอย่างฉับพลัน ดวงตาของจอมอสูรหนุ่มทอประกายกร้าวอย่างน่ากลัว ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจำเป็นต้องรู้ ไพราตอบเสียงห้วนและหันกลับไปมองท่านหญิงด้วยท่าทางดุดัน แต่เมื่อเห็นใบหน้างามซีดเผือดด้วยความตระหนกเขาจึงผ่อนลมหายใจพร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงกว่าเดิม ข้าไม่อยากพูดถึงเรื่องในอดีต จอมอสูรหยุดไปเล็กน้อยคล้ายสำเหนียกถึงใครบางคนที่กำลังใกล้เข้ามาดูเหมือนวันนี้บิดาของเจ้าจะมีข่าวดี ร่างสูงใหญ่ถอยไปยืนอยู่ที่พุ่มสึบากิเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ยาสึฮิระก้าวมาหยุดยืนอยู่หน้าห้อง คิ้วเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นบุตรีกำลังยืนนิ่งอยู่กลางห้องและจ้องเขาอย่างตกใจ ท่านพ่อ เป็นอะไรไปหรือ ยาสึฮิระถามและเตรียมจะเดินเข้าไปหาแต่มิสึกิรีบส่งยิ้มกลับมาพร้อมกับก้าวมายืนที่ระเบียง ข้าตกใจแมลงที่บินเข้ามาในห้องเท่านั้น นางหันไปมองต้นไม้ใหญ่กลางสวนปีนี้ดอกซากุระงามเหลือเกิน ซากุระจะงามเมื่อแผ่นดินสงบสุข ยาสึฮิระกล่าว บุตรสาวของเขาลดสายตาลงพร้อมกับถอนใจ ซากุระที่ทะเลสาบบิวะก็งดงามเช่นเดียวกัน แม้แผ่นดินในบริเวณนั้นจะถูกย้อมด้วยเลือดก็ตาม นางหันกลับมาทางบิดา ข้ารู้ดีว่าเวลานี้โคะโตโระกำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบาก แผ่นดินของเรามิได้สงบสุขเหมือนแต่ก่อน ก็แค่ตอนนี้เท่านั้น อีกไม่นานสันติสุขก็จะกลับมาสู่เมืองของเราและจะคงเช่นนั้นตลอดไป อะไรทำให้ท่านพ่อแน่ใจเช่นนั้น มิสึกิถามด้วยความสงสัย ยาสึฮิระยิ้ม ข้ามีวิธี พูดไปเจ้าก็ไม่เข้าใจหรอก เขามองบุตรสาวด้วยดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา สึมิเระเป็นอย่างไรบ้าง นางได้สติแล้วแต่ยังต้องนอนพักอีกหลายวัน ได้ยินแบบนี้แล้วข้าก็เบาใจ ยาสึฮิระกล่าวเบาๆและมองมิสึกิที่กำลังทำสีหน้าเหมือนประสงค์ที่จะพูดอะไรบางอย่างแต่ลังเลที่จะกล่าวออกมา เขาแตะแขนบุตรีอย่างแผ่วเบาพร้อมกับถามมีอะไรหรือ มีเรื่องหนึ่งที่ข้ายังไม่ได้เล่าให้ท่านฟัง ท่านหญิงนิ่งไปเล็กน้อย ระหว่างหนีพวกโจรข้าหลงเข้าไปในถ้ำและพบกับอสูรตนหนึ่ง เขารับปากว่าจะช่วยจัดการกับพวกโจรให้แต่ข้าต้องทำลายผนึกที่กักขังเขาเป็นการตอบแทน สีหน้าอ่อนโยนแปรเปลี่ยนเป็นดุดันขึ้นมาในทันใดแต่มันก็ถูกปรับให้กลายเป็นปรกติอย่างรวดเร็ว แล้วเจ้าทำอย่างไร ข้าปล่อยเขา มิสึกิมองไปยังต้นโมมิจิที่กำลังสะบัดใบสีเขียวจัดล้อสายลม แต่อสูรตนนั้นก็ทำตามสัญญา นอกจากจะช่วยจัดการกับพวกโจรแล้วเขายังตามข้าไปจนถึงค่ายของพวกอิวะตามสัญญาที่ว่าจะปกป้องข้าจนกว่าจะปลอดภัย แล้วเวลานี้อสูรตนนั้นอยู่ที่ไหน ยาสึฮิระถามโดยสายตาตวัดผ่านบุตรีไปยังด้านหลังและจ้องนิ่งอยู่ที่พุ่มสึบากิครู่หนึ่งจึงเลื่อนกลับมาที่มิสึกิตามเดิม นางสั่นศีรษะพร้อมกับตอบ ข้าไม่ทราบ อาจเป็นเพราะเจ้าเดินทางกลับถึงปราสาทอย่างปลอดภัย อสูรตนนั้นจึงคิดว่าหน้าที่ของเขาสิ้นสุดลงแล้ว อีกอย่างหนึ่งก็คือเขาอาจจะรู้ตัวดีว่าไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับมนุษย์ บิดาของนางกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ดีแล้วที่เขาจากไปแต่ก็น่าเสียดายที่ข้าไม่มีโอกาสพบจะได้กล่าวคำขอบคุณสำหรับน้ำใจที่มีให้เจ้า เขาชื่อไพรา มิสึกิกล่าว ยาสึฮิระขมวดคิ้วอย่างสนเท่ห์ใจ เป็นชื่อที่แปลกมาก ข้าเองก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน หนำซ้ำไพรายังบอกด้วยว่าเขากินทุกอย่างยกเว้นจามรีกับมนุษย์ จามรีงั้นหรือ บิดาของนางถามย้ำ มิสึกิทำสีหน้าแปลกใจ ท่านพ่อรู้จักด้วยหรือ ได้ยินว่ามันเป็นสัตว์หายากอาศัยอยู่บนภูเขาสูงในดินแดนห่างไกล ยาสึฮิระตอบอย่างเคร่งขรึมและพึมพำเบาๆแสดงว่าเจ้านั่นไม่ใช่อสูรบนแผ่นดินนี้ แล้วเขามาที่นี่ทำไม เขายืนนิ่งคิดอย่างใคร่ครวญ อาจจะเป็นไปได้ว่าอสูรที่ชื่อไพรานี้อาจมีจุดมุ่งหมายเดียวกับโอนิชิไค แต่การช่วยเหลือมิสึกิกับประโยคที่ว่าไม่กินเนื้อมนุษย์ทำให้ยาสึฮิระคิดว่าอสูรตนนี้น่าจะมีเป้าหมายอื่น ซึ่งในเวลานี้ก็มีเพียงเรื่องการช่วยเหลือพวกอิวะกับคาสึรางิแต่เขาเองก็ไม่อาจคาดเดาได้ว่าเป็นฝ่ายใด เจ้าเมืองโคะโตโระยืนนิ่งอยู่เช่นนั้นกระทั่งมิสึกิเอ่ยถาม มีอะไรหรือท่านพ่อ เขาไหวตัวเล็กน้อยและหันไปส่งยิ้มให้กับบุตรี แค่คิดอะไรนิดหน่อยเท่านั้นเจ้าอย่าได้สนใจเลย ที่ข้ามานี่ก็เพื่อจะบอกข่าวดีกับเจ้า เขาแสร้งทำเป็นเว้นระยะคำพูดและมองดวงตาที่ฉายความอยากรู้ของบุตรีอย่างขบขัน อาจารย์สอนนาฏกรรมของเจ้าเดินทางมาถึงแล้ว ใบหน้าของมิสึกิมีสีชมพูระเรื่อขึ้นมาในทันที แต่นางก็ยังคงรักษากิริยาให้ดูสงบเสงี่ยมขณะที่เอ่ยถาม ท่านพ่อหมายถึง ฟูจิวาระ ฮารุคาเสะ ยาสึฮิระตอบพลางหรี่ตาลงเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้ายินดีของมิสึกิ เขาเดินทางมาไกลข้าเลยสั่งให้ไปพักที่ห้อง พรุ่งนี้ค่อยเริ่มการสอน เจ้ารอได้ใช่ไหม ประโยคสุดท้ายถามบุตรีอย่างจงใจ มิสึกิรีบก้มหน้าลงหลบสายตาพร้อมกับกล่าวเบาๆ หากท่านพ่ออนุญาตข้าก็พร้อมจะเรียน ยาสึฮิระหัวเราะพลางลูบศีรษะบุตรสาวอย่างเอ็นดู ถึงไม่อนุญาตเจ้าก็รั้นที่จะเรียนกับเขาอยู่ดี บิดาของนางกล่าวด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ แต่สัญญาก่อนได้ไหมว่าเมื่อเรียนแล้วเจ้าจะร่ายรำให้ข้าดูก่อนใคร มันเป็นความตั้งใจของข้าอยู่แล้ว มิสึกิกล่าวอย่างแข็งขันจนบิดาต้องอมยิ้ม ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะรอ เขามองบุตรีนิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าว ป่านนี้พวกที่ปรึกษากับบรรดาแม่ทัพนายกองคงพร้อมกันอยู่ที่ห้องประชุมแล้ว ข้าคงต้องรีบไป มิสึกิกล่าวคำขอบคุณและค้อมคำนับบิดาอย่างนอบน้อม ยาสึฮิระยิ้มพร้อมกับผงกศีรษะรับจากนั้นจึงเดินจากมา แต่แทนที่จะตรงไปยังห้องประชุมตามที่กล่าวกับบุตรีเขากลับก้าวกลับไปที่จวนจนกระทั่งถึงห้อง ทันทีที่บานประตูเลื่อนปิดลงยาสึฮิระจึงพูดขึ้น มาที่นี่ทำไม ร่างสูงใหญ่ปรากฏขึ้นกลางห้องพร้อมกับรอยยิ้มที่น่ากลัว คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะเห็นข้า ไพรากล่าวด้วยน้ำเสียงต่ำทุ้มก้องกังวาน ยาสึฮิระหันไปจ้องหน้าเขาและพูดด้วยเสียงทรงอำนาจไม่แพ้กัน ข้าสัมผัสถึงพลังของเจ้าตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาในปราสาท ดวงตาทอประกายกร้าวดุดัน บอกจุดประสงค์ของเจ้ามาแล้วข้าจะดับลมหายใจให้อย่างไม่ทรมาน ดับลมหายใจของข้า ไพราพูดพลางแค่นเสียงหัวเราะออกมาคำหนึ่ง ด้วยพลังระดับเจ้าคงไม่มีทางทำได้ดังที่พูด คิ้วของยาสึฮิระขมวดเข้าหาด้วยความแปลกใจ รู้ด้วยหรือว่าข้าเป็นใคร ตั้งแต่ก่อนที่ข้าจะก้าวเข้ามาในปราสาทด้วยซ้ำจอมอสูรตอบพร้อมกับยกมือขึ้นกอดอก ข้าเคยเห็นพวกที่ยอมตกเป็นทาสหรือทำสัญญากับปิศาจ แต่ไม่นึกเลยว่าจะได้เจอมนุษย์ใจกล้าจนถึงขนาดยอมเปลี่ยนวิญญาณตัวเอง เขาจ้องเจ้าครองโคะโตโระเขม็ง เจ้าต้องการอำนาจมากขนาดนี้เลยหรือ ใช่ ยาสึฮิระตอบเสียงห้วน ไพรามองเขาด้วยสายตาสมเพช น่าอนาถนัก อยากยิ่งใหญ่จนถึงกับยอมทิ้งศักดิ์ศรีความเป็นมุนษย์ ช่างแตกต่างจากบุตรสาวของเจ้าโดยแท้ ประโยคสุดท้ายทำให้ดวงตาของยาสึฮิระทอแสงลุกโชน เขาขยับไปข้างหน้าหนึ่งก้าวพร้อมกับยืดตัวขึ้นและกล่าวอย่างทระนง ความยิ่งใหญ่จะมีค่าอะไรถ้าไร้คนให้ปกป้อง ที่ข้ายอมเป็นปิศาจก็เพื่อคุ้มครองโคะโตโระและมิสึกิให้รอดพ้นจากความกระหายของศัตรู มันเป็นสิ่งที่อสูรอย่างเจ้าไม่มีวันเข้าใจ จอมอสูรถึงกับยืนอึ้งด้วยความคาดไม่ถึงเมื่อได้ฟังเหตุผลของเจ้าเมืองโคะโตโระ เขาเลื่อนมือไปสัมผัสขนจามรีสีขาวบนท่อนแขนอย่างลืมตัว เพื่อปกป้องอย่างนั้นหรือ รอยยิ้มผุดบนริมฝีปาก เป็นข้ออ้างที่น่ายกย่องแต่เจ้าเพียงคนเดียวไม่มีทางสู้กับคนและปิศาจนับร้อยได้ ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น แค่บั่นหัวผู้นำพวกที่เหลือก็หมดกำลังใจที่จะสู้แล้ว ยาสึฮิระพูดด้วยน้ำเสียงคำราม ดวงตาเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เขาสองอันผุดขึ้นบนศีรษะและเริ่มยืดยาวออกมา เช่นเดียวกับพวกปิศาจ ตัวใดกล้าย่างกรายเข้ามาในปราสาทข้าก็จะสังหารให้หมด กรงเล็บตวัดไปข้างหน้า แรงกระแทกทรงพลังพุ่งเข้าใส่ไพราแต่เขากลับตีสีหน้าเบื่อหน่ายขณะใช้มือปัดมันออกอย่างง่ายดายคล้ายไล่แมลงตัวหนึ่งเท่านั้น คิดจะใช้พลังแค่นี้กำจัดข้า มันไม่เป็นการดูถูกกันไปหน่อยหรือ จอมอสูรกล่าวเสียงต่ำพลางเรียกพลังเพลิงขึ้นมาบนฝ่ามือและสะบัดใส่ยาสึฮิระทันที เขายกมือขึ้นรับและบีบมันจนแตกสลายไปในพริบตา ข้าไม่ใช่ปิศาจชั้นต่ำอย่างที่เจ้าเคยพบ เจ้าเมืองโคะโตโระในร่างปิศาจพูดพร้อมกับวาดมือทั้งสองไปด้านข้าง มวลอากาศรอบตัวเต้นไหวกลายเป็นคลื่นหมุนวน เขามองไพราด้วยดวงตาทอแสงลุกโชน เพราะมีบุญคุณที่ช่วยเหลือมิสึกิข้าจึงคิดที่จะไล่ออกไปให้พ้นเท่านั้น แต่เมื่อเจ้ากล้าวางท่าอวดดีเช่นนี้ ก็คงไม่จำเป็นต้องออมมือกันอีกต่อไป ข้าก็แค่อยากมาทักทายเท่านั้น แต่ถ้าเจ้าต้องการจะสู้ก็ลงมือได้เลย จอมอสูรยืดอกพร้อมกับกางแขนทั้งสองข้างออก เปลวเพลิงระเบิดขึ้นในใจกลางฝ่ามือและลุกโชติช่วงไปทั่วร่าง ยาสึฮิระเปลี่ยนมวลอากาศรอบตัวเขาให้กลายเป็นหอกและเตรียมจะซัดเข้าใส่แต่เสียงฝีเท้าที่วิ่งเข้ามาอย่างร้อนรนทำให้ต้องชะงัก กายปิศาจกลับกลายเป็นมนุษย์เช่นดังเดิมเป็นจังหวะเดียวกันกับที่บานประตูเลื่อนเปิดออก โอริเอะก้าวพรวดเข้ามาและรีบค้อมตัวลงพร้อมกับรายงาน ค่ายด้านเหนือแจ้งมาว่ากำลังถูกทัพของคาสึรางิโจมตีอย่างหนักขอรับ ว่าไงนะ เจ้าเมืองโคะโตโระอุทาน เป็นไปได้ยังไง ทำไมเราจึงไม่รู้การเคลื่อนไหวของพวกนั้นเลย ข้าต้องขออภัยที่เลินเล่อปล่อยให้ทัพข้าศึกรุกมาประชิดชายแดนได้ โอริเอะค้อมศีรษะลงจนต่ำ แม้เพลิงพิโรธจะปะทุขึ้นแต่ยาสึฮิระกลับไม่กล่าวตำหนิแม่ทัพใหญ่เลยสักคำ เขาเลื่อนสายตามองออกไปด้านนอกและจ้องท้องฟ้าด้านเหนือนิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงเบนกลับมายังโอริเอะอีกครั้งพร้อมกับพูดอย่างเคร่งขรึม เจ้าไม่ได้เลินเล่อ แต่ถูกพวกปิศาจอำพรางสายตาต่างหาก นอกจากจะทำให้เราไม่เห็นการเคลื่อนไหวของข้าศึกแล้วพวกมันยังทำลายกับดักที่เจ้าวางเอาไว้ด้วย เขานิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะออกคำสั่ง จงรีบไปจัดการแบ่งทหารออกเป็นสองกอง ต้วข้าจะนำทหารส่วนหนึ่งไปสมทบที่ค่ายทางทิศเหนือส่วนเจ้าจงนำกำลังที่เหลือไปรอที่ค่ายทิศตะวันออก เพราะอะไรหรือขอรับ แม่ทัพหนุ่มถามด้วยความสงสัย ยาสึฮิระหันไปหยิบดาบมากำกระชับแน่น เพราะทัพของคาสึรางิกำลังจะเข้าโจมตีที่นั่นด้วยเหมือนกัน ที่สำคัญคือนอกจากพวกมันแล้วยังมีทัพจากเมืองอิวะตามมาสมทบ เจ้าอาซามิคงคิดจะยกกำลังถล่มโคะโตโระจากทางด้านนั้นจึงทุ่มกำลังส่วนใหญ่ไปทางตะวันออก ข้าคิดว่าถ้าเราสามารถจัดการทัพใดทัพหนึ่งไปก่อนพวกที่เหลือคงจำต้องล่าถอยออกไป เขาหันไปทางโอริเอะซึ่งกำลังยืนมองกลับมาด้วยสายตาแปลกใจ มัวตกตะลึงอะไรกันอยู่ รีบไปจัดการตามข้าที่สั่งโดยเร็ว แม้จะสงสัยในสิ่งที่ผู้เป็นนายพูดแต่ความภักดีที่วิ่งอยู่ในสายเลือดทำให้โอริเอะไม่คิดที่จะเอ่ยปากถาม เขาโค้งคำนับพร้อมกับกล่าวรับคำและรีบเดินไปจัดการตามคำสั่ง เมื่อแม่ทัพพ้นไปไกลแล้วเจ้าเมืองโคะโตโระจึงหันไปมองไพราซึ่งกอดอกยืนมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยสีหน้านิ่งเฉยพร้อมกับกล่าว คงต้องพักเรื่องของเจ้าเอาไว้ก่อน ข้ารอได้เสมอ พูดจบร่างของจอมอสูรก็เลือนหายไป ยาสึฮิระจึงจัดแจงสวมเกราะและเดินไปยังกองทหารที่โอริเอะจัดเตรียมไว้แต่ผู้นำแห่งโคะโตโระได้แบ่งกำลังพลของเขาให้ไปกับกลุ่มของ */*/*/*/* |
กิสึเนะ
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?] moony ค่ะ เป็นคนชอบสร้างจินตนาการมาตั้งแต่เด็ก เคยวาดการ์ตูนไว้เป็นเล่ม แต่เก็บไว้อ่านเอง นิยายเรื่องแรกที่เขียนเป็นแนวจีนกำลังภายใน ตอนหลังรู้จักเน็ตจึงเริ่มสร้างสรรเรื่องอื่นบ้างแต่ส่วนใหญ่เป็นแนวแฟนตาซี Group Blog
All Blog
Friends Blog Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |