เซ็นซู ภาค จอมอสูรจากหิมาลัย บทที่ 6 ความช่วยเหลือของโมโรสุเกะ
บทที่ 6

ความช่วยเหลือจากโมโรสุเกะ

กลิ่นเลือดที่โชยมาปะทะจมูกทำให้มิสึกิรู้ได้ในทันทีว่ามีการสังหารเกิดขึ้นและผู้สิ้นชีวิตย่อมเป็นพวกโจร แม้ความคิดนั้นจะทำให้หญิงสาวรู้สึกโล่งใจแต่ก็ยังคงมีความกังวลเพราะคนพวกนี้เป็นเพียงสมุนกลุ่มหนึ่งที่ถูกส่งให้ติดตามนางมาเท่านั้น ยังมีโจรอีกเป็นจำนวนมากหลบซ่อนอยู่ในป่ารวมถึงพวกที่กำลังไล่ติดตามสึมิเระ เมื่อคิดถึงข้ารับใช้คนสนิท มิสึกิจึงรวบรวมความกล้าก้าวออกจากที่ซ่อนแต่ยังไม่ทันที่จะได้เดินออกไปจากบริเวณนั้นปิศาจที่หลุดจากผนึกก็ปรากฏขึ้นขวางหน้า เขามองหญิงสาวด้วยดวงตาลุกวาวและเอ่ยถามเสียงห้วน

“นั่นเจ้าจะไปไหน”

ท่าทางดุดันและรูปร่างสูงกำยำจนน่ากลัวทำให้มิสึกิถึงกับยืนตัวสั่น แต่ความเป็นห่วง
สึมิเระนั้นมีมากกว่านางจึงสูดลมหายใจเข้าก่อนตอบ

“ข้าจะออกไปตามเพื่อน”

“เพื่อน” ปิศาจทวนคำ “เพื่อนแบบไหนที่ปล่อยให้โจรไล่ติดตามเพื่อนเพียงลำพัง ป่านนี้เจ้านั่นคงหนีเอาตัวรอดไปไกลแล้ว”

“หยุดพูดจาว่าร้ายเพื่อนข้าเดี๋ยวนี้” มิสึกิสวนขึ้นมาอย่างลืมตัว “สึมิเระบอกให้ข้าหนีโดยยอมใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อ ข้าต่างหากที่เป็นฝ่ายหนีเอาตัวรอดด้วยการทอดทิ้งนาง”

คำพูดและสีหน้าของท่านหญิงทำให้อีกฝ่ายต้องยืนอึ้ง หลังจากนิ่งไปชั่วครู่เขาจึงถอนใจและพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูเหมือนจะอ่อนลงกว่าเดิม

“เจ้าคิดจะไปช่วยนาง”

มิสึกิพยักหน้ารับ ปิศาจตนนั้นยกมือขึ้นกอดอกพร้อมกับพูดเสียงห้วน

“งั้นก็ไป”

“เจ้าจะช่วยข้าหรือ”

หญิงสาวถามอย่างมีความหวังแต่ความรู้สึกนั้นต้องมลายสิ้นเมื่ออีกฝ่ายตอบด้วยท่าทางไม่สนใจ

“ไม่”

“ช่างเป็นปิศาจที่ไร้น้ำใจสิ้นดี” มิสึกิเผลอตัวต่อว่าด้วยเสียงค่อนข้างดัง อีกฝ่ายมองนางด้วยดวงตาลุกวาว

“ข้ากำจัดโจรชั่วนั่นให้เจ้า ยังเรียกว่าไร้น้ำใจอีกหรือ”

“ที่ทำไปก็แค่เป็นการตอบแทนที่ข้าช่วยปลดผนึกให้เจ้าต่างหาก หากมีน้ำใจจริงเจ้าก็ควรจะช่วยข้าออกตามหาสึมิเระ”

ปิศาจตนนั้นนิ่งไปเล็กน้อยคล้ายจนปัญญาที่จะเถียง เขาจึงทำเพียงกระแทกลมหายใจออกมาค่อนข้างแรงและพูดโต้หญิงสาวเสียงดัง

“ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องช่วยมนุษย์ และอีกอย่างข้าชื่อไพราเป็นจอมอสูร ไม่ใช่ปิศาจชั้นต่ำอย่างที่เจ้าเคยเจอ”

ท่าทางขึงขังของจอมอสูรนามไพราทำให้มิสึกิยืนตกตะลึงพูดอะไรไม่อยู่อยู่ชั่วครู่ เมื่อตั้งสติได้นางจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง

“หากเจ้าไม่ช่วย ข้าคงหาสึมิเระไม่เจอแน่”

“นั่นมันเรื่องของเจ้า”

ไพราพูดเสียงห้วนและยืนกอดอกนิ่งอย่างไม่สนใจ มิสึกิมองเขาด้วยสายตาอ้อนวอนแต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายแสร้งทำเป็นเมินหนีไปอีกด้านนางจึงก้มหน้าลงอย่างเศร้าสร้อยและหมุนตัวเดินจากมา เมื่อถึงบริเวณปากถ้ำหญิงสาวต้องขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจที่นอกจากรอยเลือดซึ่งสาดกระจายไปจนทั่วแล้วกลับไม่มีร่างโจรอยู่แถวนั้นเลย

“หรือว่าเขาเป็นปิศาจกินคน”

มึสิกิพึมพำพลางยกมือขึ้นกอดไหล่ตัวเองด้วยความหวาดกลัว นางชำเลืองสายตามองกลับไปทางด้านหลังอย่างระแวงก่อนตัดสินใจเดินออกจากถ้ำย้อนกลับไปในเส้นทางเดิมจนกระทั่งถึงจุดที่แยกจากสึมิเระจึงหยุดและกวาดตามองไปโดยรอบคล้ายต้องการหาเส้นทางที่พี่เลี้ยงคนสนิทใช้หลบหนีกระทั่งสะดุดกับป่าด้านหนึ่งที่กิ่งไม้หักราบไปเป็นทาง

“สึมิเระต้องหนีไปทางนั้นแน่”

มิสึกิพูดกับตัวเองเบาๆและรีบก้าวไปตามเส้นทางนั้น แม้จะเป็นการเดินทางอย่างเร่งรีบแต่ก็เต็มไปด้วยความระมัดระวังเพราะไม่รู้ว่าพวกโจรจะซุ่มซ่อนอยู่ที่ใด หลังจากเดินทางไปได้สักพักความเหน็ดเหนื่อยก็ทวีขึ้นในขณะที่ความรอบคอบเริ่มลดน้อยลง ดวงตาที่เคยกวาดมองรอบตัวเหลือเพียงแค่การสังเกตเส้นทาง ความเงียบสงบของป่าทำให้มิสึกิเข้าใจว่านั่นคือความปลอดภัย

ซึ่งเป็นความคิดที่ผิด

หญิงสาวไม่รู้ตัวเลยว่าถูกหัวหน้าโจรลอบติดตามมาตั้งแต่ต้น ที่ไม่เปิดเผยตัวก็เพราะรู้สึกสนุกกับการได้เฝ้ามองความหวาดกลัวและสิ้นหวังของเป้าหมายประดุจแมวหยอกเย้าเหยื่อ และเมื่อแน่ใจว่านางสิ้นเรี่ยวแรงหลบหนี เจ้าโจรร้ายจึงปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าอย่างฉับพลัน มันแสยะยิ้มด้วยความพอใจเมื่อเห็นมิสึกิยืนตัวแข็งค้างนิ่ง ใบหน้างามเผือดลงด้วยความหวาดกลัว

“หลงทางหรือสาวน้อย” มันถามด้วยน้ำเสียงไม่น่าฟังพลางขยับเข้าไปหาอย่างถือวิสาสะ หญิงสาวรีบถอยหลังและเตรียมจะวิ่งหนีแต่ต้องชะงักเมื่อพบว่าตนถูกสมุนโจรล้อมไว้ทุกด้าน พวกมันล้วนมองนางด้วยสายตาที่แสดงความกระหายอย่างไม่ปิดบัง

“นางผู้นี้สวยกว่าคนก่อนมาก” เสียงคนหนึ่งพูดขึ้นพร้อมกับยื่นมือหมายจะดึงมิสึกิเข้าไปกอดแต่ต้องหยุดเมื่อหัวหน้าโจรตวาดก้อง

“หยุด!”

มันกระชากหญิงสาวเข้าไปในอ้อมแขนและพูดด้วยประโยคที่ทำให้นางต้องเย็นวาบไปทั้งตัว

“นางต้องเป็นของข้าก่อน จากนั้นพวกเจ้าค่อยเอาไปจัดการ”

ใบหน้าอัปลักษณ์ก้มลงหมายจะสูดกลิ่นหอมจากพวงแก้มให้หนำใจแต่ยังไม่ทันที่ปลายจมูกจะได้สัมผัส หัวของหัวหน้าโจรก็ผงะหงายไปข้างหลังเหมือนถูกใครบางคนกระชาก เขาอุทานลั่นด้วยความตกใจขณะพยายามทรงตัวไม่ให้ล้มและหันไปตะคอกใส่ลูกน้องทันที

“ใครเป็นคนทำ!”

ทุกคนต่างมองหน้ากันและพร้อมใจกันส่ายศีรษะ หัวหน้าโจรพยายามใช้สายตาข่มขู่เพื่อให้ผู้ลงมือยอมรับสารภาพแต่ก็ไม่เป็นผล ในที่สุดเขาก็เลิกล้มความสนใจและหันกลับไปทางมิสึกิอีกครั้ง

“งั้นเรามาสนุกกันต่อดีกว่า”

มือยื่นไปหาหญิงสาวหมายจะดึงนางเข้ามากอดแต่มันกลับชะงักค้างนิ่งห่างจากตัวของมิสึกิเพียงแค่ปลายนิ้ว หัวหน้าโจรมองมือของตนด้วยความแปลกใจ มันเปลี่ยนไปเป็นความตระหนกเมื่อแขนข้างนั้นเริ่มพับงอไปทางด้านหลังและร้องลั่นเมื่อมันถูกบิดอย่างแรง

“ข้าเกลียดมนุษย์และชิงชังพวกที่ชอบข่มเหงผู้หญิง”

เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวอย่างฉับพลันของจอมปิศาจ สมุนโจรต่างพากันถอยหนีด้วยความตระหนกในขณะที่มิสึกิเอ่ยเรียกเขาอย่างแปลกใจ

“ไพรา”

อีกฝ่ายเพียงแค่มองนางด้วยหางตาและตวัดกลับไปมองพวกโจรแทบจะทันที

“มนุษย์ ไม่ว่าที่ไหนก็มีคนเลวอยู่ด้วยเสมอ” ไพราพูดพร้อมกับฉีกแขนของหัวหน้าโจรและเหวี่ยงมันเข้าใส่เหล่าบรรดาลูกสมุน ทุกคนต่างวิ่งหนีกระเจิดกระเจิงไปคนละทิศละทางแต่ดูเหมือนจะช้าเกินไปเพราะเพียงแค่จอมอสูรสะบัดมือ คลื่นอากาศที่คมกริบดุจใบมีดก็แผ่กระจายออกไปโดยรอบบั่นร่างของพวกโจรร้ายจนขาดเป็นสองท่อน พวกที่เหลือเมื่อเห็นภาพเช่นนั้นต่างพากันหวาดกลัวจนแทบเสียสติ บางคนวิ่งเตลิดหนีเข้าไปในป่าแต่ก็มีบางคนที่ทำเป็นใจกล้ากระชากดาบออกจากฝักและวิ่งเข้าใส่ไพราอย่างบ้าบิ่น แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรเจ้าโจรร้ายก็หยุดชะงักยืนอ้าปากค้างเมื่อถูกลูกธนูพุ่งเข้ามาเสียบอก เสียงโห่ร้องดังลั่นขึ้นพร้อมกับนักรบนับสิบคนที่วิ่งกรูกันเข้ามา

“ฆ่าพวกมันให้หมด”

หนึ่งในนั้นร้องสั่ง นักรบทั้งหมดจึงกระจายกำลังกันไล่ติดตามและสังหารโจรที่เหลือจนหมดสิ้น ผู้ออกคำสั่งกวาดตามองไปโดยรอบและหยุดลงตรงหญิงสาวที่กำลังยืนมองกลับมาด้วยสายตาตระหนก เขาเก็บดาบกลับเข้าฝักก่อนเดินเข้าไปหานางและก้มศีรษะลงเล็กน้อย

“ท่านหญิงมิสึกิ”

เสียงทุ้มน่าฟังเอ่ยทักเป็นเชิงถาม มิสึกิมองเขาอย่างแปลกใจเพราะจากเครื่องแต่งกายแล้วชายผู้นี้ไม่ใช่คนจากปราสาทยาสึฮิระอย่างแน่นอน

“ท่านเป็นใคร”

นางพยายามข่มกลั้นความหวาดกลัวย้อนถาม อีกฝ่ายยิ้มอย่างเป็นมิตรก่อนตอบ

“โปรดอย่าได้ระแวงในตัวของข้าเลย” เขาโค้งตัวลงเล็กน้อย “ข้ามีนามว่าซาวาระ โมโรสุเกะ ได้รับการไหว้วานจากสึมิเระว่าให้รีบมาช่วยเหลือท่าน”

“สึมิเระ” มิสึกิอุทานพลางวางมือลงบนแขนของโมโรสุเกะ “นางปลอดภัยใช่ไหม”

“นางพลัดตกลงไปในช่องเขาจนบาดเจ็บแต่ก็ปลอดภัย ตอนนี้กำลังนอนพักรักษาตัวอยู่ในค่ายของข้า”

ชายหนุ่มอธิบายพลางหันกลับไปกำชับนักรบว่าให้ตรวจจนแน่ใจว่าไม่มีโจรคนใดเหลือรอดจากนั้นเขาจึงหันกลับมาทางหญิงสาวอีกครั้ง

“ข้าพบทหารถูกฆ่าอยู่ริมทะเลสาบ พวกเขาเป็นคนของท่านใช่หรือไม่”

เมื่อเห็นว่ามิสึกิทำเพียงผงกศีรษะรับแต่ไม่ตอบอะไร อีกฝ่ายจึงกล่าวต่อ

“ถ้าอย่างนั้นคงไม่ดีแน่หากท่านยังขืนอยู่ที่นี่ ไปที่ค่ายของข้าก่อนและรอจนกระทั่งสึมิเระแข็งแรงดีแล้วจึงค่อยเดินทางกลับปราสาท”

ข้อเสนอของโมโรสุเกะทำให้หญิงสาวต้องยืนคิดอย่างหนักเพราะไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เขาพูดมาทั้งหมดนั้นเป็นความจริงหรือไม่ แต่ความเป็นห่วงในตัวของสึมิเระทำให้นางต้องตัดสินใจ ขณะที่เตรียมจะเอ่ยปากตอบคำของอีกฝ่ายเสียงทุ้มก็ดังขึ้นข้างหู

“แน่ใจหรือว่าจะไปกับเขา”

มิสึกิสะดุ้งเฮือกเมื่อนึกขึ้นได้ว่าอสูรตนนั้นยังอยู่กับนาง หญิงสาวเหลือบตามอง
โมโรสุเกะทันทีและลอบถอนใจออกมาด้วยความโล่งอกที่ดูเหมือนเขาจะมองไม่เห็นไพราที่กำลังยืนกอดอกอยู่ทางด้านหลัง

“เจ้าไปกับข้าได้หรือไม่” มิสึกิพึมพำพอให้อีกฝ่ายได้ยิน เขานิ่งไปเล็กน้อยและแสร้งเมินหน้าไปอีกด้าน

“สัญญาของข้าคือปกป้องเจ้าจนกว่าจะปลอดภัย”

คำพูดของไพราสร้างความอบอุ่นใจได้อย่างน่าประหลาด หญิงสาวส่งยิ้มให้กับเขาอย่างอ่อนหวานก่อนมอบคำตอบให้กับโมโรสุเกะ

“ข้าคงต้องขอรบกวนท่าน”

ชายหนุ่มยิ้มพลางก้มศีรษะลงเล็กน้อยจากนั้นจึงหันไปร้องเรียกนักรบให้มายืนรวมกัน เมื่อครบตามจำนวนแล้วเขาจึงโค้งให้กับมิสึกิพร้อมกับกล่าวอย่างสุภาพ

“กรุณาตามข้ามา”

นักรบหกคนเดินนำออกไปก่อนจากนั้นโมโรสุเกะจึงก้าวตามโดยมีมิสึกิเดินเคียงข้างปิดท้ายด้วยนักรบที่เหลือ ทั้งหมดเดินทางลัดเลาะไปตามทางขนาดเล็กที่ลาดลงไปตามเชิงเขาจนพ้นจากเขตของโฮะระนะฮาจิกระทั่งถึงป่าสนแห่งหนึ่งจึงเห็นทิวธงสะบัดพลิ้วไปตามแรงลม เมื่อเข้าไปใกล้จึงพบว่าที่นั่นเป็นค่ายพักของทหารซึ่งมิสึกิเองก็ไม่รู้ว่ามาจากเมืองใด จนเมื่อโมโรสุเกะพานางเข้าไปถึงที่พักชั้นในและได้เห็นชุดเกราะที่วางไว้ในกระโจมมิสึกิจึงรู้ได้ในทันทีว่าชายผู้นี้ไม่ใช่บุคคลสามัญ สังหรณ์บางอย่างกระตุ้นเตือนมิให้นางแสดงอาการสงสัย หญิงสาวจึงแสร้งทำเป็นสงบนิ่งไม่เอ่ยคำถามหรือกล่าวสิ่งใดออกมาแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะรู้ทันความคิดเขาจึงยิ้มพร้อมกับกล่าวอย่างสุภาพ

“คิดว่าท่านจะถามเรื่องเกราะที่อยู่ในกระโจม”

มิสึกิก้มศีรษะลงเล็กน้อยและกล่าวตอบอย่างสำรวม

“สตรีมิควรซักถามหรือก้าวก่ายเรื่องราวของบุรุษ”

“แม้เรื่องนั้นอาจจะหมายถึงชีวิตของนางอย่างนั้นหรือ” โมโรสุเกะถามและเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจเมื่อได้ยินเสียงกิ่งสนหักดังลั่น เขารีบหันหน้าไปมองแต่ก็ไม่พบสิ่งใดผิดปรกตินอกจากสนแห้งกิ่งหนึ่งร่วงลงจากต้น ต่างจากมิสึกิที่เห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมาจากการกระทำของปิศาจที่ติดตามนางมา ดวงตาสีเข้มของเขาจ้องนักรบหนุ่มอย่างไม่ไว้วางใจ

“วิสัยนักรบย่อมไม่ข่มเหงผู้ที่อ่อนแอกว่า” หญิงสาวพูดพร้อมกับหันไปส่งยิ้มให้กับโมโรสุเกะ “นี่เป็นประโยคที่ข้าได้ยินมาตั้งแต่เด็ก”

แม้คำพูดของมิสึกิจะสร้างความพอใจให้กับชายหนุ่มเป็นอย่างยิ่งแต่ใบหน้าของเขากลับเศร้าหมองลง ดวงตาเลื่อนไปจับจ้องท้องฟ้าที่เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงส้มของยามเย็น

“น่าเสียดายที่สงครามทำให้คุณค่าของประโยคนี้ด้อยลง นักรบจำนวนไม่น้อยที่เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์เพียงเพื่ออำนาจกับความยิ่งใหญ่เหนือผู้ใด”

เขาถอนใจออกมาอย่างหนักหน่วง

“แม้กระทั่งตัวข้าเอง”

“แต่ข้ากลับไม่คิดเช่นนั้น” มิสึกิแย้ง อีกฝ่ายมองนางพร้อมกับหัวเราะออกมาเบาๆ

“เจ้าคงไม่กล่าวแบบนั้นแน่หากรู้ว่าแท้จริงแล้วข้าคือใคร”

โมโรสุเกะกล่าวอย่างเคร่งขรึมและถอนใจอีกครั้งเมื่อหญิงสาวทำแค่มองเขานิ่งไม่เอ่ยคำถามใดออกมา

“ข้าคือซาวาระ โมโรสุเกะ บุตรชายของซาวาระ ชินโน เจ้าครองเมืองอิวะ ที่มาตั้งค่ายในป่าสนแห่งนี้ก็เพื่อสืบหาเส้นทางที่จะใช้รุกรานโคะโตโระ”

คำพูดของชายหนุ่มสร้างความตระหนกต่อมิสึกิเป็นอย่างมากแต่เมื่อสังเกตถึงท่าทางที่ดูตรงไปตรงมาของเขาประกอบกับการช่วยเหลือที่ผ่านมาทำให้นางบังเกิดความไว้วางใจในตัวคนผู้นี้ขึ้นอย่างประหลาด อีกทั้งด้วยนิสัยกล้าที่จะเผชิญหน้ากับทุกสิ่งอย่างปราศจากความเกรงกลัวซึ่งดูเหมือนจะเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของคนในตระกูลยาสึฮิระ นางจึงสามารถระงับความหวาดกลัวลงได้ หลังจากปรับสีหน้าและวางตัวให้ดูสงบนิ่งแล้วหญิงสาวจึงกล่าว

“แต่ท่านก็ยังยอมไปช่วยข้า”

“ที่ทำไปอาจจะเพื่อเป็นการจับตัวเจ้าไว้เป็นข้อต่อรอง”

“หากเป็นเช่นนั้นจริงท่านคงไม่รักษาสึมิเระและปล่อยให้ข้าเดินอย่างอิสระเช่นนี้แน่”

โมโรสุเกะถึงกับงันไปชั่วขณะเพราะคาดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำพูดตรงไปตรงมาแบบนี้ เขามองมิสึกิอย่างพิจารณาและหัวเราะออกมาอย่างถูกใจ

“คำร่ำลือที่ว่าท่านหญิงแห่งโคะโตโระทั้งงดงามและมีความฉลาดหลักแหลมนั้นไม่ได้เกินเลยแม้เพียงสักนิด เจ้ากล่าวได้ถูกต้อง ข้ามาเพื่อสืบความเคลื่อนไหวของท่านยาสึฮิระแต่ไม่มีเจตนาจะจับกุมผู้ใดเป็นตัวประกัน”

เขาพูดพลางเปิดม่านของกระโจมหลังหนึ่ง

“สึมิเระอยู่ที่นี่”

มิสึกิก้าวเข้าไปและยิ้มด้วยความยินดีเมื่อเห็นข้ารับใช้คนสนิทกำลังหลับอยู่บนที่นอน นางเดินเข้าไปแตะแขนที่มีผ้าพันไว้อย่างแน่นหนาเช่นเดียวกับศีรษะซึ่งถูกผ้าพันเอาไว้โดยรอบเช่นเดียวกัน โมโรสุเกะเมื่อเห็นกิริยาของอีกฝ่ายจึงรีบอธิบาย

“อาการบาดเจ็บของนางเกิดจากการตกจากที่สูงเท่านั้นและคนของข้าก็ทำการรักษาให้เป็นอย่างดีแล้ว ที่หลับไปน่าจะเกิดจากความอ่อนล้าอย่าได้กังวลไปเลย”

มิสึกิผงกศีรษะพลางกุมมือของสึมิเระเอาไว้

“ขอข้าอยู่ตามลำพังกับนางสักครู่ได้หรือไม่”

“แล้วแต่ความพอใจของท่าน” โมโรสุเกะพูดและหยุดนิ่งไปเล็กน้อย เขามองหญิงสาวที่อยู่ในสภาพอิดโรยด้วยความสงสาร“ท่านเองก็ควรจะพักผ่อนด้วยเช่นกัน ข้าจะให้ทหารจัดเตรียมอาหารและที่นอนมาให้อีกชุด”

“ขอบคุณท่านโมโรสุเกะมากที่กรุณาต่อพวกเรา” มิสึกิกล่าวพร้อมกับค้อมตัวลง ชายหนุ่มมองนางด้วยความรู้สึกประทับใจก่อนจะก้าวออกจากกระโจม เมื่ออีกฝ่ายพ้นไปแล้วท่านหญิงจึงหันกลับไปทางสึมิเระอีกครั้งและนั่งนิ่งอยู่เช่นนั้นจนกระทั่งเสียงไพราดังขึ้น

“เจ้าไม่ควรอยู่ที่นี่”

“ทำไม” หญิงสาวย้อนถาม จอมอสูรมองออกไปด้านนอกและจ้องทหารที่เดินผ่านไปมานิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงเลื่อนสายตากลับมายังนาง

“เจ้าน่าจะรู้เหตุผล”

มิสึกินั่งอึ้งไปเล็กน้อยคล้ายจำนนต่อสิ่งที่อีกฝ่ายพูดแต่หลังจากนั่งคิดทบทวนถึงเรื่องราวและการกระทำของโมโรสุเกะ นางจึงถอนใจ

“ถึงเมืองอิวะต้องการจะรุกรานโคะโตโระแต่ข้าแน่ใจว่าท่านโมโรสุเกะไม่ต้องการที่จะทำเช่นนั้น เพราะหากเขาคิดร้ายจริงคงไม่เสียเวลาพาทหารไปช่วยข้าให้รอดพ้นจากเงื้อมมือโจร”

“คิดหรือเปล่าว่าอาจจะเป็นแผนของเจ้าหมอนั่น” จอมอสูรแย้ง มิสึกิมองสึมิเระที่นอนหลับสนิทครู่หนึ่งจึงหันไปทางไพรา

“หากเป็นการกระทำเพื่อแผนการบางอย่าง เขาคงไม่เสียเวลาช่วยสึมิเระหรอก”

เหตุผลของหญิงสาวทำให้ไพราจนปัญญาที่จะหาคำมาโต้แย้ง เขามองนางด้วยความรู้สึกหนักใจแต่เมื่อเห็นความใสสะอาดที่ฉายออกมาจากดวงตาคู่งามแล้วจอมอสูรจึงระบายลมหายใจออกมาเบาๆ

“เจ้าไว้ใจคนอื่นมากเกินไป” ไพราพูดพลางเหลือบตามองขนสัตว์สีขาวที่พันรอบแขนของตน ความเศร้าปะทุวาบขึ้นและมลายหายไปในขณะที่เขาตวัดกลับไปยังมิสึกิ

“หวังว่าสิ่งที่เจ้าคิดจะเป็นเรื่องถูกต้องเพราะข้าไม่อยากสังหารมนุษย์โดยไม่จำเป็น”

คำพูดของเขาทำให้ภาพรอยเลือดที่กระจายไปทั่วถ้ำหวนกลับเข้ามาในความทรงจำของมิสึกิอีกครั้ง นางยกมือขึ้นวางบนทรวงและจ้องไพราด้วยดวงตาหวาดหวั่น

“เจ้ากินคนด้วยใช่ไหม”

“ทำไมถึงถามแบบนั้น”

จอมอสูรย้อนถาม หญิงสาวมีสีหน้าลังเลก่อนตอบไม่เต็มเสียง

“ก็ข้าไม่เห็นศพของพวกโจรตอนที่อยู่ในถ้ำ”

ไพราเลิกคิ้วเล็กน้อยคล้ายคาดไม่ถึงว่าสตรีที่ตกอยู่ในสถานการณ์อันน่าตระหนกยังมีเวลาสังเกตสิ่งรอบตัว ทีแรกเขาคิดจะตั้งใจสร้างเรื่องเพื่อข่มขวัญแต่เมื่อเห็นสีหน้าและน้ำเสียงแสดงความหวาดกลัวของหญิงสาวแล้วจึงเปลี่ยนใจ

“ข้าเป็นอสูรที่ไม่กินของอยู่สองสิ่ง” ไพราพูดเสียงเรียบและก้มหน้าลงไปหามิสึกิพร้อมกับกล่าวเน้นทีละคำ”นั่นก็คือจามรีกับมนุษย์”

คำตอบของจอมอสูรทำให้หญิงสาวถอนใจออกมาอย่างโล่งอกและนิ่วหน้าด้วยความสงสัย

“จามรีคือะไร”

“เป็นสัตว์พิเศษที่ท่องเดินอยู่ในเทือกเขาหิมาลัย” ไพราตอบพร้อมกับยืดตัวขึ้นและทอดสายตามองออกไปนอกกระโจม มันฉายแววแห่งความเศร้าออกมาจนมิสึกินึกเอะใจ

“ไพรา”

จอมอสูรไหวตัวคล้ายหลุดจากภวังค์ เขาหันมามองหญิงสาวและพูดอย่างเคร่งขรึม

“วันนี้เจ้าเหนื่อยมามากสมควรนอนพักผ่อนได้แล้ว”

“แต่ข้า...”

มิสึกิทำท่าจะแย้งแต่เมื่ออีกฝ่ายวางมือลงบนหน้าผากนางก็รู้สึกเหมือนได้กลิ่นดอกไม้ป่าหอมรวยรินมาแต่ไกล กลิ่นของมันสร้างความง่วงงุนขึ้นมาอย่างฉับพลันแม้หญิงสาวจะพยายามฝืนแต่ก็ไม่เป็นผล ในที่สุดมิสึกิก็หลับสนิทลงและคงหงายหลังกระแทกพื้นหากไพราไม่ยื่นมือเข้าไปประคอง เขามองดวงหน้างามในอ้อมแขนด้วยดวงตาที่อบอุ่นชนิดที่ไม่น่าจะได้เห็นจากผู้ที่เรียกตนเองว่าเป็นจอมอสูร

“ช่างอ่อนโยนและมีจิตใจที่งดงามยิ่งนัก” จอมอสูรพึมพำพลางวางร่างของหญิงสาวลงเคียงข้างกับสึมิเระและแตะพวงแก้มปลั่งอย่างเบามือ

“ข้าจะปกป้องเจ้าตามสัญญา”

ไพราพูดอย่างหนักแน่น เขามองใบหน้างดงามของมิสึกิแน่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงเดินไปหยุดที่หน้ากระโจมและยืนกอดอกนิ่งไม่ขยับไปไหนตลอดทั้งคืนดุจเป็นการเฝ้าระวัง

*/*/*/*/*




Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2555 9:13:21 น.
Counter : 335 Pageviews.

1 comments
  
แวะมาทักทายและให้กำลังใจค่ะ แปะไว้ก่อนเดี๋ยวค่อยมาเก็บทีหลังนะคะ
โดย: Setakan วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:10:16:58 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กิสึเนะ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



moony ค่ะ เป็นคนชอบสร้างจินตนาการมาตั้งแต่เด็ก เคยวาดการ์ตูนไว้เป็นเล่ม แต่เก็บไว้อ่านเอง นิยายเรื่องแรกที่เขียนเป็นแนวจีนกำลังภายใน ตอนหลังรู้จักเน็ตจึงเริ่มสร้างสรรเรื่องอื่นบ้างแต่ส่วนใหญ่เป็นแนวแฟนตาซี
All Blog