บทที่ 3 สิ่งที่ไม่คาดฝัน
บทที่ 3

สิ่งที่ไม่คาดฝัน

เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้นายอันเดอร์ฮิลล์เงยหน้าจากรายงานและเอื้อมมือไปรับ เขารีบวางเอกสารทั้งหมดลงเมื่อได้ยินเสียงของผู้ติดต่อมา สีหน้าของชายชราเคร่งเครียดขึ้นหลังจากฟังรายละเอียดไปได้สักพัก จนเมื่ออีกฝ่ายพูดจบลง อันเดอร์ฮิลล์จึงรับคำด้วยน้ำเสียงไม่ดังนัก

“ผมจะรีบดำเนินการตามที่ท่านสั่งทันทีครับ”

ชายชราวางโทรศัพท์และเอนตัวพิงเก้าอี้พร้อมกับนิ่วหน้า สมิธซึ่งกำลังหยิบแฟ้มข้อมูลออกมาจากชั้นหันหน้ามามองและถามด้วยความสงสัย

“มีเรื่องด่วนหรือครับ”

“ใช่” นายอันเดอร์ฮิลล์ตอบพลางหยิบรายงานการปฏิบัติภารกิจครั้งล่าสุดของวลาร์ดกับวูล์ฟขึ้นมาอ่านอีกครั้งด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหนักใจ

“ตอนนี้สองคนนั่นทำอะไรอยู่”

หัวหน้าหน่วยนักล่าถาม สมิธทำท่านึกก่อนจะตอบ

“วูล์ฟไปพักที่ห้อง ส่วนวลาร์ดอยู่ในห้องเก็บข้อมูลครับ”

“ห้องเก็บข้อมูล” นายอันเดอร์ฮิลล์พูดทวนและวางเอกสารในมือลง “เขาไปที่นั่นทำไม”

“ผมไม่ทราบ” เขาชำเลืองตามองรายงานบนโต๊ะของชายชรา “ผมคิดว่าวลาร์ดคงอยากจะหาข้อมูลเพิ่มเติม ในรายงานไม่ได้บอกอะไรไว้หรือครับ”

“มันบอกแค่ว่าทั้งสองคนถูกชายลึกลับจู่โจมระหว่างการเดินทางกลับ” อันเดอร์ฮิลล์พูดพลางเคาะนิ้วลงบนกองเอกสาร “กับเรื่องที่ปะทะกับตำรวจ”

“บางทีวลาร์ดอาจกำลังสงสัยชายลึกลับคนนั้น ดูเหมือนเขาจะเก็บหลักฐานบางอย่างกลับมาด้วย”

“เป็นเศษผ้า” นายอันเดอร์ฮิลล์พูดเสียงเรียบ “ผมกำลังรอฟังผลอยู่เหมือนกัน”

“คิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้จะเกี่ยวข้องกับอิลูมิเนติคไหมครับ” สมิธถาม ชายชรานั่งนิ่งก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

“อาจจะ” เขามองข้อมูลที่เขียนบนรายงานก่อนจะลุกขึ้น

“จะไปไหนครับ” สมิธถาม อันเดอร์ฮิลล์เดินไปที่ประตูและหันหน้ากลับมาตอบ

“ห้องชันสูตร และจะไปค้นอะไรเพิ่มเติมอีกนิดหน่อยที่ห้องข้อมูล” เขามองอีกฝ่ายที่กำลังทำท่าจะก้าวตามมา “คุณนั่งศึกษางานไปคนเดียวก่อน อีกสักพักผมจะกลับ”

“ครับ” สมิธรับคำอย่างสุภาพ นายอันเดอร์ฮิลล์มองเขานิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงเดินออกจากห้อง สิมธหันหน้ากลับไปยังชั้นเก็บเอกสารอีกครั้งและเริ่มต้นหยิบแฟ้มออกมาเปิดอ่านอีกครั้งอย่างตั้งใจ

วลาร์ดนั่งจ้องข้อมูลที่ปรากฏอยู่บนจอคอมพิวเตอร์และใช้ความคิดอย่างหนักโดยไม่สนใจสิ่งรอบตัว จนเมื่อนายอันเดอร์ฮิลล์ก้าวไปหยุดยืนด้านหลังและเอ่ยถามเสียงเรียบ

“พบอะไรบ้าง”

“ผมยังไม่แน่ใจ” ลูกครึ่งแวมไพร์ตอบพลางเลื่อนข้อมูลอีกชุดขึ้นมาบนหน้าจอ ชายชรามองอย่างสนใจ

“แมลงวันโฟริด” เขาพูดและหันไปทางเด็กหนุ่ม “ทำไมถึงสนใจเรื่องนี้”

“ผมติดใจกับคำพูดของฆาตกร เขาพร่ำพูดแต่คำว่าโฟริด” วลาร์ดตอบทั้งที่สายตายังคงจ้องรูปแมลงที่ปรากฏบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ อันเดอร์ฮิลล์ขมวดคิ้ว

“เขาอาจจะหมายถึงอย่างอื่นอย่างเช่นสารจำพวกกรด”

“ตอนแรกผมก็คิดแบบนั้นแต่ประโยคที่หมอนั่นพูดว่า โชคดีที่พวกมันไม่ชอบผีดิบ ทำให้ผมเอะใจและคิดว่าน่าจะหมายถึงสิ่งมีชีวิตมากกว่า”

วลาร์ดนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองอันเดอร์ฮิลล์

“พอมีทางที่จะนำร่างผู้เสียชีวิตมาทำการชันสูตรที่นี่ได้ไหมครับ”

“ทำไม” ชายชราถาม ลูกครึ่งแวมไพร์นิ่วหน้า

“ผมตรวจคดีย้อนหลังไปสามเดือน พบว่ามีการฆาตกรรมแบบเดียวกันมาแล้วถึงสิบคดี มีเหยื่อทั้งหมดสิบห้าราย ทุกรายถูกแทงด้วยของมีคมเข้าที่บริเวณหน้าท้องจนทะลุไปถึงกระดูกสันหลังเหมือนกันทั้งหมด”

“ได้ยินมาว่ามันเป็นคดีของฆาตกรต่อเนื่อง พฤติกรรมซ้ำซากแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร” นายอันเดอร์ฮิลล์แย้งแต่วลาร์ดกลับสั่นหน้า

“แต่เจ้าหมอนี่เร็วมาก” สีหน้าของลูกครึ่งแวมไพร์เคร่งเครียดขึ้น”ที่สำคัญไม่มีมนุษย์คนไหนสู้กับแวมไพร์ได้”

“เธอเลยคิดว่าเขาอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกอิลูมิเนติค” อันเดอร์ฮิลล์ถามด้วยเสียงขรึม วลาร์ดนิ่งไปเล็กน้อยก่อนตอบ

“ผมยังไม่อยากสรุปอะไรลงไป” เขาเลื่อนสายตากลับไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์อีกครั้ง “จนกว่าจะได้ตรวจร่างเหยื่ออย่างละเอียด”

ชายชรายืนนิ่งและถอนใจ เขามองหน้าบุตรบุญธรรมนิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงพูดเสียงไม่ดังนัก

“ถึงองค์กรของเราจะมีอำนาจมากแค่ไหน แต่การนำศพของเหยื่อที่เกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมต่อเนื่องมาทำการผ่าพิสูจน์เองแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันได้ง่ายๆ”

“เราขอให้ส่วนกลางดำเนินการให้ก็ได้นี่ครับ” ลูกครึ่งแวมไพร์แย้ง นายอันเดอร์ฮิลล์มองเขาและกล่าวเสียงดุ

“วลาร์ด”

สีหน้าและน้ำเสียงที่จริงจังของชายชราทำให้วลาร์ดต้องนิ่ง เขาหันหน้ากลับไปทางหน้าจอคอมพิวเตอร์อีกครั้งและถอนใจออกมา

“ผมไม่อยากรอจนเกิดผู้เคราะห์ร้ายรายต่อไป”

“ฉันเข้าใจ” นายอันเดอร์ฮิลล์พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง “แต่ทุกอย่างต้องมีระบบและขั้นตอน ถึงเธออยากจะเร่งสืบหาความจริงมากแค่ไหน จะทำอะไรก็ต้องเป็นไปตามกฎ จำเอาไว้ให้ดีว่ามนุษย์ไม่ชอบการกระทำที่เรียกว่า ข้ามหน้าข้ามตา อยากจะให้เธอขอให้เข้าใจตรงนี้ด้วย”

“ผมจะพยายาม” ลูกครึ่งแวมไพร์ตอบด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนัก ชายชรายืนมองเขาครู่หนึ่งจึงถาม

“นอกจากเรื่องนี้แล้วผู้ชายคนนั้นยังมีอะไรพอเป็นที่น่าสังเกตอีกบ้าง”

“อาวุธ” วลาร์ดตอบเสียงเรียบ เขาชำเลืองตาไปยังประตูและขมวดคิ้วเมื่อเห็นวูล์ฟกำลังเดินหน้ายุ่งเข้ามาหา

“ตื่นแล้วหรือวูล์ฟ” บิดาบุญธรรมหันไปทัก หนุ่มหมาป่าอ้าปากหาวและยิ้มแก้เก้อ

“ครับ” เขามองลูกครึ่งแวมไพร์ที่กำลังคีย์ข้อมูล “กำลังทำอะไรกันอยู่เหรอครับ”

“ทำงาน” วลาร์ดตอบอย่างเคร่งขรึม วูล์ฟเลิกคิ้วและมองภาพมีดขนาดใหญ่ที่ปรากฏขึ้นบนจอ

“นี่มัน ดาบไม่ใช่หรือ”

“มีดต่างหาก” ลูกครึ่งแวมไพร์พูดเสียงกระด้าง หนุ่มหมาป่าชะโงกเข้าไปมองจนหน้าแทบจะติดจอคอมพิวเตอร์

“มีด” เขาทวนคำและจ้องภาพบนหน้าจอเขม็ง “ทำไมมันใหญ่นักล่ะ แถมใบมีดยังมีลายแปลกๆด้วย ใช่มีดของจริงแน่หรือวลาร์ด”

“มันเป็นมีดจริงและคมชนิดสามารถผ่ากะโหลกนายให้แยกเป็นสองซีกได้ในครั้งเดียว” วลาร์ดพูดอย่างเหลืออด นายอันเดอร์ฮิลล์โบกมือห้ามพร้อมกับถามเสียงขรึม

“มันเป็นมีดของคนร้ายอย่างนั้นหรือ”

“ครับ” ลูกครึ่งแวมไพร์ตอบ วูล์ฟยืนกอดอก

“นายแน่ใจได้ยังไงในเมื่อตอนนั้นมันมืดแถมทุกอย่างก็วุ่นวายไปหมด”

“ลืมไปแล้วหรือว่าฉันเป็นอะไร” วลาร์ดพูดเสียงห้วน “และอีกอย่างตอนสู้กันฉันเห็นมีดของคนร้ายมีลักษณะที่พิเศษ”

“อะไร” หนุ่มหมาป่าถาม ลูกครึ่งแวมไพร์ชี้ไปที่ใบมีดซึ่งมีลวดลายแปลกตา
“เห็นลายพวกนั้นไหม ริ้วในเนื้อโลหะแบบนั้นน่ะเป็นลักษณะเฉพาะตัวของมีดที่เรียกว่าดามัสกัส เบลด”

นายอันเดอร์ฮิลล์ถึงกับยืนอึ้ง เขามองภาพมีดบนจอและนิ่วหน้า

“ลักษณะแบบนี้เป็นมีดของหน่วยนาวิกโยธินไม่ใช่หรือวลาร์ด ฉันไม่เคยได้ยินว่าพวกเขาใช้เนื้อโลหะที่เธออธิบายให้ฟังเมื่อครู่”

“ผมถึงหาข้อมูลจากร้านที่รับสั่งทำมีดแบบพิเศษ ยิ่งลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวแบบนี้ทำให้ช่วยจำกัดการค้นหาให้แคบลง” เขาเลื่อนข้อมูลขึ้นมาแทน “ทำให้รู้ว่ามีเพียงสองร้านในเมืองเท่านั้นที่ทำมีดชนิดนี้ขึ้นมา”

“เยี่ยม นายรีบส่งข้อมูลนี่ไปให้ตำรวจเลย พวกเขาจะได้จับเจ้าฆาตกรโหดนี่เสียที” วูล์ฟรีบพูดแต่วลาร์ดกลับสั่นหน้า

“ฉันอยากจัดการเจ้านี่เอง”

หนุ่มหมาป่าทำหน้าแปลกใจและเตรียมจะแย้งเพื่อนแต่เสียงฝีเท้าที่เดินอย่างร้อนรนทำให้เขาชะงัก ทั้งหมดหันไปมองดิกสันซึ่งกำลังยืนอยู่ที่ประตู อันเดอร์ฮิลล์มองสีหน้าแสดงความยุ่งยากใจของเขา

“มีอะไร”

“ครับ” ดิกสันตอบและนิ่วหน้า “เชิญพวกคุณมาดูเองดีกว่า”

ทั้งหมดก้าวออกจากห้องและเดินตามดิกสันไปจนถึงห้องโถงกลางซึ่งมีเครื่องรับโทรทัศน์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ เจ้าหนาที่หลายคนกำลังยืนจับกลุ่มสนทนากันและเงียบเสียงลงทันทีเมื่อเห็นอันเดอร์ฮิลล์

“ดูนั่นสิครับ” ดิกสันชี้ไปที่โทรทัศน์ ชายชราจึงหันไปมองและขมวดคิ้วเมื่อเห็นผู้ประกาศข่าวกำลังรายงานคดีฆาตกรรม

“เมื่อคืนนี้ฆาตกรต่อเนื่องได้ออกเล่นงานคนบริสุทธิ์อีกแล้ว ครั้งนี้มีผู้เคราะห์ร้ายถึงสามคนซึ่งทั้งหมดถูกฆ่าตายอย่างทารุณเพราะคนร้ายใช้อาวุธซึ่งทางตำรวจคาดว่าเป็นของมีคมขนาดยาวประมาณ 12 นิ้วแทงบริเวณหน้าท้องทะลุถึงกระดูกสันหลัง ทั้งหมดเสียชีวิตทันที ทางตำรวจได้ไล่ตามผู้ต้องสงสัยรายหนึ่งไปจนถึงนอกเมืองแต่คนร้ายอาศัยความมืดหลบหนีไปได้....ขออภัยนะคะ”

ผู้ประกาศข่าวสาวหยุดอ่านและหันไปรับกระดาษจากเจ้าหน้าที่ของสถานี สีหน้าของเธอฉายแววตระหนกออกมาครู่หนึ่งก่อนที่เจ้าตัวจะรีบปรับให้เป็นปรกติ

“มีรายงานด่วนแจ้งเข้ามาว่าคนร้ายได้ทำการฆาตกรรมชายคนหนึ่งถึงในโรงพยาบาล ตอนนี้ตำรวจกำลังออกทำการติดตามฆาตกรรายนี้ไปทั่วเมือง เราได้รูปพรรณของคนร้ายซึ่งสายตรวจคนหนึ่งพบเมื่อคืนนี้ เป็นเด็กหนุ่มอายุราว 16-20 ปี สูงประมาณ 180 ซ.ม. ผมสีดำ แต่งกายคล้ายนักบวชแต่เสื้อผ้าเป็นสีดำสนิททั้งชุด มีดาบเป็นอาวุธ ใครพบเบาะแสผู้ต้องสงสัยกรุณาติดต่อที่หมายเลข.....”

“เป็นเรื่องแล้วไง” วูล์ฟพูดแทรกขึ้น เจ้าหน้าที่ทั้งหมดหันไปมองวลาร์ดเป็นตาเดียว เด็กหนุ่มนิ่วหน้าทันที

“ยังดีที่ไม่ถูกเห็นหน้า ไม่อย่างนั้นคงเป็นเรื่องใหญ่มากกว่านี้” สตีฟรีบพูด หนุ่มหมาป่าหันไปมองเพื่อน

“ที่แย่ก็คือป่านนี้ตำรวจคงออกตรวจตราอย่างเข้มงวดมากกว่าเดิม” ดิกสันพูดอย่างเคร่งเครียด “สองคนนี่คงทำงานกันลำบาก”

“ก็ไม่เชิง” นายอันเดอร์ฮิลล์พูดขึ้น เขาหันไปทางวลาร์ดและพูดเสียงเครียด “เธอสองคนตามฉันไปที่ห้อง”

ชายชรากวาดตามองเจ้าหน้าที่ซึ่งยืนจับกลุ่มอยู่รายรอบ

“ทุกคนกลับไปทำงานตามหน้าที่”

นายอันเดอร์ฮิลล์เดินออกจากห้องโถงทันทีที่สั่งจบ วูล์ฟหันไปมองวลาร์ดซึ่งยังคงยืนนิ่ง

“ก็แค่การเข้าใจผิด คงไม่มีอะไรหรอก”

“แต่ฉันไม่คิดแบบนั้น”

ลูกครึ่งแวมไพร์พูดเสียงเรียบและเดินตามนายอันเดอร์ฮิลล์ หนุ่มหมาป่ามองเพื่อนด้วยความเป็นห่วงก่อนจะรีบก้าวตาม

“ฉันไม่เข้าใจ ตอนนั้นตำรวจน่าจะเห็นเราทั้งสองคนแต่ทำไมข่าวถึงรายงานว่าเจอนายคนเดียว”

“มันเป็นการปกปิดข้อมูล” วลาร์ดอธิบาย “อีกอย่างจากคำให้การของพยานที่ยืนยันว่าคนร้ายมีเพียงคนเดียวทำให้พวกตำรวจไม่มั่นใจว่าฉันเป็นฆาตกรตัวจริง”

“แต่พวกเขาก็ปล่อยข่าวออกมาแบบนั้นแถมยังตามหานาย” วูล์ฟพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนัก ลูกครึ่งแวมไพร์เหลือบตามองเขา

“ไม่แปลก เพราะตอนนี้ฉันคือเบาะแสสำคัญที่สุดสำหรับพวกเขา”

“บ้าบอสิ้นดี” หนุ่มหมาป่าบ่น พร้อมกับฟาดกำปั้นไปที่ผนัง จากนั้นทั้งคู่จึงเดินไปด้วยกันโดยไม่มีการพูดคุยอะไรอีกจนกระทั่งถึงห้องที่มีป้ายเขียนไว้ว่า “ห้องทำงานของหัวหน้าหน่วย” วูล์ฟเคาะประตูสองสามครั้งก่อนจะเปิดออกเมื่อได้ยินเสียงผู้ที่อยู่ภายในกล่าวอนุญาต ทั้งสองก้าวเข้าไปในห้อง วลาร์ดชำเลืองตามองสมิธซึ่งยืนอยู่หลังเก้าอี้ของนายอันเดอร์ฮิลล์ในขณะที่หนุ่มหมาป่าเอ่ยทัก

“สวัสดีครับคุณสมิธ”

“สวัสดีวูล์ฟ” เขาเลื่อนสายตาไปที่ลูกครึ่งแวมไพร์ “ไงวลาร์ด”

เด็กหนุ่มไม่ได้เอ่ยปากตอบคำทักทาย เขามองชายชราที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้และถามเสียงไม่ดังนัก

“มีอะไรหรือครับ”

“นั่งลงก่อนสิ”

เสียงนายอันเดอร์ฮิลล์พูดอย่างเคร่งขรึม สองนักล่าจึงนั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามกับเขา ชายชรามองบุตรบุญธรรมทั้งสองนิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงพูดขึ้น

“ทางองค์กรรู้เรื่องทั้งหมดตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว พวกเขารู้ด้วยว่าตำรวจกำลังเพ่งเล็งมาที่วลาร์ด” สายตาจ้องลูกครึ่งแวมไพร์เขม็ง วูล์ฟรีบแย้ง

“แต่เขาไม่ได้เป็นคนทำ”

“ฉันรู้ และทางองค์กรก็ด้วย แต่ตอนนี้หลักฐานของตำรวจชี้ตรงมาที่วลาร์ด ทางเราจึงจำต้องหาทางป้องกัน”

“แค่การเข้าใจผิดเท่านั้น และตำรวจก็ไม่เห็นหน้าเขาด้วยผมว่ามันน่าจะมีการอธิบายกันได้”

หนุ่มหมาป่าเถียงอย่างไม่ลดละ สมิธซึ่งยืนอยู่ด้านหลังพูดขึ้น

“คงลำบากนะวูล์ฟ เพราะตอนนี้เราได้ข่าวมาว่ามีนายตำรวจและเจ้าหน้าที่เอฟบีไอระดับสูงบางคนตั้งหน่วยพิเศษขึ้นเพื่อไล่ล่าผู้ต้องสงสัยตามรูปพรรณโดยเฉพาะ”

“หมายความว่ายังไง”

“หมายความว่าตอนนี้พวกอิลูมิเนติคเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง และเป้าหมายของพวกมันก็คือทำลายวลาร์ด”

นายอันเดอร์ฮิลล์ตอบด้วยน้ำเสียงที่จริงจังมากกว่าทุกครั้ง เขาเลื่อนสายตาไปยังลูกครึ่งแวมไพร์ที่ยังคงนั่งนิ่ง

“เพราะเหตุนี้ส่วนกลางจึงส่งเจ้าหน้าที่พิเศษมาช่วยงานเรา และสั่งห้ามวลาร์ดออกปฏิบัติหน้าที่จนกว่าเรื่องทุกอย่างจะจบลง”

“อะไรกัน” วูล์ฟอุทาน “แบบนี้เหมือนการลงโทษมากกว่า”

“คำสั่งที่ว่าจะมีผลเมื่อไหร่หรือครับ” วลาร์ดถามเสียงเรียบ นายอันเดอร์ฮิลล์ขมวดคิ้ว

“ทันทีที่เอกสารและเจ้าหน้าที่พิเศษมาถึง”

“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ผมก็ยังทำงานได้” ลูกครึ่งแวมไพร์ลุกขึ้น ชายชรามองเขานิ่งในขณะที่ สมิธรีบถาม

“คุณจะไปไหน”

“หาข้อมูล” เด็กหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ผมต้องรู้ให้ได้ว่าเจ้าฆาตกรคนนี้เป็นใคร และเกี่ยวข้องอะไรกับพวกอิลูมิเนติค”

วลาร์ดเปิดประตูและก้าวออกจากห้องทันทีที่พูดจบ วูล์ฟหันไปกล่าวขอโทษบิดาบุญธรรมก่อนจะรีบเดินตามเพื่อนออกไป นายอันเดอร์ฮิลล์เปิดแฟ้มที่วางอยู่บนโต๊ะและดึงเอกสารแผ่นหนึ่งขึ้นมาอ่าน เขาเอนตัวพิงเก้าอี้พลางถอนใจ

“เอกสารนั่น” สมิธพูดขณะมองตราประทับบนหัวกระดาษ ชายชรากวาดตาอ่านข้อความทั้งหมดอีกครั้งด้วยสีหน้าหนักใจก่อนจะตอบ

“คำสั่งแจ้งระงับการปฏิบัติงานของวลาร์ด มันถูกส่งมาให้ฉันตั้งแต่เมื่อคืน”
“ตั้งแต่เมื่อคืน แล้วทำไมท่านถึงยัง...”

“ฉันรู้ดีว่าวลาร์ดไม่มีทางทำตามคำสั่ง เขาจะต้องหาทางจับตัวคนร้ายรายนี้ให้ได้ด้วยตัวเอง” นายอันเดอร์ฮิลล์วางเอกสารกลับลงไปในแฟ้ม “สมิธ”

“ครับ”

“มันอาจจะเสี่ยงต่อหน้าที่ แต่ฉันอยากให้เธอคอยช่วยเหลือวลาร์ด” เขามองหน้าอีกฝ่าย “ไปสืบประวัติของเหยื่อทุกรายและตรวจดูว่าพวกเขามีความเกี่ยวข้องกันยังไง”

“ครับ” สมิธรับคำและก้าวออกจากห้องไปในทันที อันเดอร์ฮิลล์มองบานประตูที่ปิดลง ฉับพลันชายชราก็สะดุ้งขึ้นสุดตัว เขายกมือขึ้นกุมหน้าอกและหอบหายใจอย่างหนักมือข้างหนึ่งควานลงไปในลิ้นชักและดึงขวดยาออกมา หลังจากกินยาเข้าไปสองสามเม็ดสีหน้าของอันเดอร์ฮิลล์คลายความเจ็บปวดลง เขาถอนใจ

“ต้องรีบคลี่คลายคดีนี้ให้เร็วที่สุด” ชายขราพึมพำพลางเอนตัวพิงเก้าอี้และหลับตาลง “ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป”

*/*/*/*/*









Create Date : 31 สิงหาคม 2552
Last Update : 21 ตุลาคม 2552 2:41:18 น.
Counter : 298 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กิสึเนะ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



moony ค่ะ เป็นคนชอบสร้างจินตนาการมาตั้งแต่เด็ก เคยวาดการ์ตูนไว้เป็นเล่ม แต่เก็บไว้อ่านเอง นิยายเรื่องแรกที่เขียนเป็นแนวจีนกำลังภายใน ตอนหลังรู้จักเน็ตจึงเริ่มสร้างสรรเรื่องอื่นบ้างแต่ส่วนใหญ่เป็นแนวแฟนตาซี