บทที่ 8 เพื่อนใหม่
บทที่ 8

เพื่อนใหม่

วลาร์ดเดินตามเทเลอร์และบรุคส์เข้าไปในสถานที่เก็บรักษาศพประจำเมืองอย่างเร่งรีบ หลังจากแสดงบัตรประจำตัวต่อพนักงานด้านหน้าและรอจนแน่ใจแล้วว่าเจ้าหน้าที่ทุกคนภายในตึกขึ้นไปยังห้องประชุมที่ชั้นสามทั้งหมดจึงมุ่งตรงไปยังห้องเก็บศพ เทเลอร์เตือนให้ทุกคนรีบสวมหมวกและถุงมือระหว่างที่เดินไปตามทาง วลาร์ดชำเลืองตามองกล้องวงจรปิดที่ถูกติดตั้งไว้เป็นระยะด้วยสายตากังวล เขาเอ่ยถามเสียงไม่ดังนักระหว่างคาดผ้าปิดปาก
“ไม่จัดการมันก่อนหรือครับ”
“อะไร” บรุคส์หันหน้ากลับมาถามเมื่อเห็นสีหน้าของเด็กหนุ่มขณะมองกล้องบนกำแพงแล้วเขาจึงยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ผมจัดการของพวกนั้นไปตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว”
“เมื่อคืนนี้” ลูกครึ่งแวมไพร์ทวนคำ เขามองไฟสีแดงบนกล้องซึ่งแสดงสถานะว่ากำลังทำงานด้วยสายตาไม่เข้าใจ บรุคส์จึงอธิบายขณะเลี้ยวไปตามทาง
“ผมติดลูกเล่นนิดหน่อยไว้กับกล้องทุกตัว” เขายกมือเป็นสัญญาณให้หยุด “พวกมันยังคงทำงานตามปรกติเพียงแต่ไม่สามารถส่งภาพกลับไปที่ห้องควบคุมได้ ยกเว้นที่นี่ที่เดียวเท่านั้น”
บรุคส์หันหน้าไปมองเทเลอร์และวลาร์ด
“ขอเวลาหนึ่งนาที”
เขาเปิดประตูพร้อมกับก้าวเข้าไปอย่างเงียบกริบและกลับออกมาอีกครั้งภายในเวลาเพียงแค่อึดใจ
“เชิญ”
บรุคส์พูดพร้อมกับหมุนตัวเดินนำไปยังช่องเก็บร่างผู้เสียชีวิตซึ่งอยู่ด้านในสุดและเปิดฝาช่องที่อยู่ตรงกลางดึงถาดขนาดใหญ่ออกมา
“เหยื่อรายที่ห้า ไรลีย์ วัตสัน อายุสี่สิบสองปี” เขาพูดด้วยท่าทางคล่องแคล่ว “ผลการชันสูตร เสียชีวิตเพราะถูกของมีคมแทงที่บริเวณท้องและศีรษะ”
บรุคส์เหลือบตามองวลาร์ดที่กำลังก้มหน้าก้มตาตรวจร่างเย็นชืดอย่างตั้งอกตั้งใจ
“น่าเสียดายที่ส่วนสมองถูกเจ้าหน้าที่ห้องชันสูตรดึงออกไปจนหมดแล้ว รวมถึงอวัยวะภายในบางส่วน ความจริงแล้วเราคงไม่ได้อะไรจากเหยื่อรายนี้มากนัก”
“ก็ไม่เชิง” ลูกครึ่งแวมไพร์ตอบพลางไล่มือไปตามรอยเย็บที่แพทย์ชันสูตรทำไว้ เขาเงยหน้าขึ้น “พอมีเวลาไหม”
“สามสิบนาที” เทเลอร์ตอบพร้อมกับเลื่อนถาดวางอุปกรณ์ผ่าตัดมาไว้ข้างศพ บรุคส์หยิบมีดเล่มหนึ่งขึ้นมา เขามองวลาร์ดที่กำลังหยิบกรรไกร
“ลงมือกันเลย”

*/*/*/*/*

วูล์ฟนั่งตีหน้ายุ่งขณะเปิดรายงานไปทีละหน้า หลังจากอ่านไปได้สักพักเขาก็โยนแฟ้มทั้งหมดไปเบาะหลังและถอนใจออกมา วอลเตอร์เหลือบมองหนุ่มหมาป่าที่กำลังทำสีหน้าเบื่อหน่ายขณะเอนตัวพิงเบาะด้วยสายตาขบขันและถามเสียงไม่ดังนัก
“สมิธบอกว่าคุณไม่ชอบอ่านรายงาน”
“ครับ” วูล์ฟตอบพร้อมกับยื่นมือไปเปิดวิทยุและกดปุ่มเปลี่ยนสถานีเพื่อหาเพลงถูกใจ
วอลเตอร์ยิ้ม
“ทำไม”
“มันน่าเบื่อ” หนุ่มหมาป่าตอบขณะโยกตัวไปตามจังหวะเพลง “อีกอย่างยังไงวลาร์ดก็ต้องอ่านอยู่แล้ว รอฟังจากหมอนั่นก็ได้”
“ได้ยินมาว่าเขาไม่ใช่คนช่างพูด”
“เจ้านั่นพูดเท่าที่จำเป็นต่างหาก” วูล์ฟแก้และเริ่มร้องเพลงออกมาเบาๆ วอลเตอร์เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ
“คุณสองคนทำงานด้วยกันมานานแล้วหรือ”
“เราโตมาด้วยกัน” หนุ่มหมาป่าตอบ เขาหันไปมองหน้าวอลเตอร์ “อย่าบอกนะว่าคุณไม่รู้เรื่องนี้”
“พวกเรารู้เฉพาะงานในหน้าที่ ยกเว้นคุณเทเลอร์” อีกฝ่ายตอบพร้อมกับหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าไปในถนนเส้นหนึ่ง วูล์ฟมองบ้านที่ปลูกเรียงรายอยู่อย่างเป็นระเบียบทั้งสองด้านและถามด้วยความสงสัย
“คุณเทเลอร์เป็นหัวหน้าของพวกคุณหรือครับ”
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้” วอลเตอร์ตอบ “อย่างที่สมิธบอกให้พวกคุณฟังเมื่อคืน เราเป็นเจ้าหน้าที่พิเศษที่ขึ้นตรงต่อคุณแอชเชอร์เพียงคนเดียวเท่านั้น คำสั่งของท่านคือสิ่งที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด และคุณเทเลอร์เท่านั้นที่สามารถเข้าพบคุณแอชเชอร์ได้”
“เหมือนคุณอันเดอร์ฮิลล์” หนุ่มหมาป่าพึมพำ เขามองทิวทัศน์ที่เคลื่อนผ่านไป
“เราจะไปไหนกันครับ”
“บ้านของเหยื่อรายแรก” วอลเตอร์ตอบขณะหยุดรถที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง วูล์ฟมองไปที่ประตูและนิ่วหน้าเมื่อพบว่ามันถูกคล้องด้วยโซ่เส้นโตและมีแถบสีเหลืองสดคาดทับไว้อีกชั้น
“ที่นี่ไม่มีคนอยู่นี่ครับ”
“ใช่” วอลเตอร์ตอบพร้อมกับก้าวลงจากรถ หนุ่มหมาป่ารีบเปิดประตูและถาม
“แล้วเราจะไปถามใคร”
“เพื่อนบ้าน” อีกฝ่ายตอบพลางไล่นิ้วไปยังบ้านที่อยู่รายรอบ “อย่าทำตัวเป็นตำรวจเพราะคุณจะไม่ได้อะไรจากคนพวกนั้น พยายามทำตัวให้เป็นธรรมชาติมากที่สุดเข้าใจไหม”
“ครับ” วูล์ฟรับคำด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย วอลเตอร์มองเขาแล้วส่ายหน้าก่อนจะพูดเสียงเรียบ
“คุณสอบถามเพื่อนบ้านฝั่งนี้ ส่วนผมจะไปสอบถามอีกด้าน อีกสามชั่วโมงมาเจอกันที่รถ”เขามองหนุ่มหมาป่าที่กำลังจะเดินจากไป “อย่าทำอะไรให้เป็นพิรุธล่ะวูล์ฟ”
ตลอดทั้งวัน วูล์ฟและวอลเตอร์ได้ออกตระเวณสอบถามรายละเอียดของผู้เคราะห์ร้ายไปได้กว่าครึ่ง แม้บางครั้งเพื่อนบ้านบางคนจะมองทั้งสองอย่างหวาดระแวงแต่ด้วยคำพูดและท่าทางเป็นมิตรของหนุ่มหมาป่าทำให้คนเหล่านั้นยอมเปิดเผยเรื่องราวบางอย่างที่แม้แต่ตำรวจยังไม่เคยรู้
หลังจากที่ทั้งคู่ออกจากที่พักของเหยื่อรายที่เจ็ดซึ่งเป็นอพาตเม้นท์ระดับกลาง วอลเตอร์พาวูล์ฟแวะร้านแฮมเบอเกอร์ซึ่งหนุ่มหมาป่ากินเข้าไปถึงสามชิ้นในขณะที่อีกฝ่ายดื่มกาแฟเพียงถ้วยเดียว เมื่อออกจากร้านทั้งสองจึงเดินไปตามถนนเพื่อกลับไปที่รถซึ่งจอดทิ้งไว้อีกด้านหนึ่ง ขณะที่กำลังเดินคุยกันอยู่นั้นก็มีเสียงหัวเราะเฮฮาดังมาจากช่องว่างระหว่างอาคาร เสียงบอลกระทบพื้นทำให้วูล์ฟชะงักและหันไปมองทันที
“มีอะไรหรือวูล์ฟ” วอลเตอร์ถามพลางมองตาม หนุ่มหมาป่ายิ้ม
“เด็กพวกนั้นกำลังเล่นบาสเก็ตบอล” เขาก้าวตรงไปหากลุ่มวัยรุ่นผิวสีที่กำลังเล่นบาสฯกันอย่างสนุกสนาน วอลเตอร์รีบเดินตาม
“จะไปไหน”
“ไม่น่าถาม” วูล์ฟตอบ “ผมจะไปเล่นกับพวกเขา”
“ไม่ได้” อีกฝ่ายร้องห้ามและคว้าแขนเขาไว้ หนุ่มหมาป่าหันไปจ้องหน้าวอลเตอร์
“ทำไม หรือว่าพวกคุณมีกฏห้ามเล่นบาสเก็ตบอล”
“ผมไม่ได้ห้ามแต่คุณไม่มีทางเล่นกับพวกเขาได้” วอลเตอร์อธิบาย วูล์ฟขมวดคิ้ว
“ทำไม”
“เพราะ” อีกฝ่ายเว้นระยะคล้ายพยายามหาคำพูด “คุณต่างจากพวกเขา”
“ผมไม่เข้าใจ คุณกำลังจะบอกว่าคนพวกนั้นรู้ตัวจริงของผม”
“ไม่ใช่อย่างนั้น” วอลเตอร์พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ เขาเลื่อนสายตาไปที่กลุ่มวัยรุ่นซึ่งกำลังสนุกกับการเล่นบาสเก็ตบอลก่อนจะหันกลับมาที่หนุ่มหมาป่าอีกครั้ง “มันเป็นเรื่องของความแตกต่างระหว่างเชื้อชาติ”
“ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือมันเป็นความแตกต่างระหว่างสายพันธุ์” เสียงเรียบเย็นของวลาร์ดพูดขึ้น เขาเดินนำเทเลอร์และบรุคส์ตรงเข้าไปหาหนุ่มหมาป่าและมองหน้าเขม็ง “ระหว่างคอเคเซียนกับอัฟฟริกัน-อเมริกัน”
“พูดเรื่องอะไร” วูล์ฟหันไปมองหน้าเพื่อนแล้วขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ “แล้วทำไมนายถึงได้มาอยู่ที่นี่”
“ไว้บอกตอนถึงที่พัก” อีกฝ่ายตอบพลางเลื่อนสายตาไปทางกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่กำลังเล่นบาสเก็ตบอลกันอย่างสนุกสนาน “คนพวกนั้นไม่มีทางยอมรับนาย”
“ทั้งที่ยังไม่รู้จักกันเลยเนี่ยนะ” หนุ่มหมาป่าพูดเสียงดัง เขาหมุนตัวและเดินตรงไปที่กลุ่มวัยรุ่นอีกครั้งโดยไม่สนใจเสียงร้องห้ามของวอลเตอร์ วลาร์ดมองเพื่อนด้วยสีหน้าระอาก่อนจะเดินตาม บรุคส์ทำท่าจะเรียกเขาแต่เทเลอร์กลับยกมือห้ามพร้อมกับพูดเสียงเรียบ
“รอก่อนบรุคส์ ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าเจ้าหมาป่าน้อยจะเข้ากับคนพวกนั้นได้ไหม”
“แต่มันอันตรายนะครับ” วอลเตอร์หันไปแย้ง อีกฝ่ายสั่นศีรษะ
“ไม่เป็นไร” เขามองนักล่าทั้งสองที่กำลังหยุดยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มวัยรุ่นผิวสี “พนันได้เลยว่าเจ้าหนุ่มนั่นได้เล่นบาสฯกับคนพวกนั้นแน่”

*/*/*/*/*

เสียงฝีเท้าที่ดังมาจากประตูหลังบ้านทำให้นางมาร์ตินเงยหน้าขึ้นจากอาหารที่เธอกำลังปรุง เด็กสาวซึ่งกำลังยืนปอกมันฝรั่งเหลือบตามองเงาเด็กหนุ่มที่กำลังวิ่งออกจากบ้านพร้อมลูกบาสเก็ตบอลในมือ
“เจอร์ราดใช่ไหม” นางมาร์ตินถาม ลูกสาวของเธอพยักหน้า
“ใช่”
“กลับมาแล้วไม่เห็นเข้ามาทักทายกันซักคำ” มารดาของเธอบ่นก่อนจะหันไปหั่นเนื้อต่อและหยิบเครื่องเทศออกมาวาง “ไม่รู้จะรีบร้อนไปไหน”
“คงไปสนามบาสฯชุมชน แม่ก็รู้ไม่ใช่หรือว่าเจอร์ราดคลั่งบาสเก็ตบอลมากแค่ไหน”
“แม่รู้” นางมาร์ตินตอบ “และหวังว่าคงไม่เล่นเพลินจนเสียการเรียน”
เมอร์ซี่ยิ้มให้กับคำพูดของมารดา เธอวางมันผรั่งหัวสุดท้ายลงในชามและถาม
“มีอะไรให้หนูช่วยอีกไหม”
“ไม่มี” อีกฝ่ายตอบ เด็กสาวหันหน้าไปมองนาฬิกาบนผนัง
“ถ้าอย่างนั้นหนูขอออกไปข้างนอกสักชั่วโมงได้ไหม” เธอพูดเป็นเชิงขอร้อง นางมาร์ตินชะงักเล็กน้อยก่อนจะตอบเสียงเรียบ
“กลับมาให้ทันมื้อค่ำก็แล้วกัน อ้ออย่าลืมพาน้องกลับมาด้วยล่ะ”
*/*/*/*/*

เจอร์ราดวิ่งเต็มฝีเท้าด้วยความร้อนใจ เขาเลี้ยวเข้าไปในตรอกซึ่งทะลุไปยังถนนอีกสายและวิ่งข้ามไปฝั่งตรงกันข้าม เสียงเจ้าของร้านขายผลไม้ซึ่งกำลังเข็นลังใบใหญ่ร้องทัก
“จะรีบไปไหนเจอร์ราด”
“สนามบาสฯครับ ผมมีนัดแข่งวันนี้” เด็กหนุ่มตอบ และเร่งฝีเท้าไปโดยไม่รอฟังคำพูดของอีกฝ่าย เด็กหนุ่มเลี้ยวซ้ายและข้ามถนนอีกครั้ง เขาวิ่งเข้าไปในสนามชุมชนและขมวดคิ้วดัวยความแปลกใจเมื่อเห็นเพื่อนกำลังยืนรุมล้อมใครบางคนโดยมีผู้ใหญ่สามคนยืนดูอยู่ไม่ห่างนัก เจอร์ราดมองชายทั้งสามด้วยสายตาระแวงรีบก้าวเข้าไปหาเพื่อนทันที
“เกิดอะไรขึ้น” เขาร้องถามเสียงดัง เด็กคนหนึ่งชี้มือไปที่วูล์ฟพร้อมกับตอบ
“หมอนี่มาขอเล่นบาสฯ”
เจอร์ราดหันไปมองหนุ่มหมาป่าทันที เขานิ่วหน้าเมื่ออีกฝ่ายกำลังยืนยิ้ม
“นายไม่ใช่คนแถวนี้” เขาพูดขณะเลื่อนสายตาไปที่วลาร์ด สีหน้าเรียบนิ่งกับแววตาของลูกครึ่งแวมไพร์ทำให้เขารู้สึกไหวเยือกขึ้นมา เด็กหนุ่มจึงหันกลับไปมองวูล์ฟอีกครั้ง “พวกเราไม่ต้อนรับคนแปลกหน้า”
“มีคนบอกฉันแบบนั้นเหมือนกัน” หนุ่มหมาป่าพูดพลางพยักหน้าไปยังลูกบอลที่เจอร์ราดถืออยู่ “แต่ไม่คิดว่าจะกีดกันถึงเรื่องนี้ด้วย”
“เราไม่ได้กีดกัน แต่คนอย่างนายคงไม่เหมาะกับสนามชุมชนแบบนี้” เพื่อนของเจอร์ราดพูดด้วยน้ำเสียงดูถูก วูล์ฟเลิกคิ้ว
“อะไรคือเหมาะ สำหรับฉันแล้วบาสเก็ตบอลก็คือบาสเก็ตบอล จะเล่นที่ไหนมันก็สนุกเหมือนกัน”
“พูดแบบนี้คิดว่าตัวเองเก่งนักหรือไง” อีกคนหนึ่งพูดพร้อมกับเดินมายืนมองด้วยสายตาหาเรื่อง เจอร์ราดมองหนุ่มหมาป่าที่ยังคงยืนยิ้มอย่างใจเย็น
“ก็ไม่ถึงกับเก่ง แค่โยนลูกเข้าห่วงได้”
“กระจอก” เด็กคนเดิมพูดอย่างดูแคลนก่อนจะหันกลับไปมองเจอร์ราดและเพื่อนที่ยืนล้อมรอบ “ไปแข่งกันเถอะอย่าสนใจเจ้าบ้านี่เลย”
“สิบลูก” วูล์ฟพูดขึ้น เจอร์ราดชะงักและหันไปมองหน้าเขา
“นายว่าอะไรนะ”
“ถ้าฉันโยนลูกเข้าห่วงสิบลูกก่อนพวกนายทำแต้มได้จะยอมรับไหม” หนุ่มหมาป่าถาม
เจอร์ราดหันไปประจันหน้าพร้อมกับตอบ
“ได้ แต่นายต้องเล่นกับพวกเขาทั้งหมด”
“ตกลง” วูล์ฟตอบพร้อมกับถอดเสื้อแจ็คเก็ตส่งให้วลาร์ด “ฝากหน่อย”
“หมายความว่าอะไร” ลูกครึ่งแวมไพร์ถามด้วยความสงสัย หนุ่มหมาป่ามองหน้าเขาแล้วยิ้ม
“หนึ่งต่อสิบ ฉันคนเดียวแข่งกับเจ้าพวกนั้นทั้งหมด”
“ไร้สาระ” วลาร์ดพูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายก่อนจะถอยไปยืนชิดรั้ว “นายทำให้ฉันเสียเวลาไปเปล่าๆ”
“ไม่ต้องห่วง” วูล์ฟพูดพร้อมกับขยับคอไปมา “แค่ห้านาทีก็จบแล้ว”
เขาหันกลับไปที่กลุ่มเด็กวัยรุ่นที่กำลังยืนประจำตำแหน่งอยู่บนสนาม เจอร์ราดถือลูกบอลไปยืนที่เส้นแบ่งเขต
“ฉันไม่รับประกันถ้ามีการเล่นพลาดจนนายเจ็บตัว”
“เลิกพูดได้แล้ว” หนุ่มหมาป่าตัดบทพร้อมกับฉีกยิ้ม “มาเริ่มกันเลย”

*/*/*/*/*

















Create Date : 20 ตุลาคม 2552
Last Update : 20 ตุลาคม 2552 14:04:05 น.
Counter : 309 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กิสึเนะ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



moony ค่ะ เป็นคนชอบสร้างจินตนาการมาตั้งแต่เด็ก เคยวาดการ์ตูนไว้เป็นเล่ม แต่เก็บไว้อ่านเอง นิยายเรื่องแรกที่เขียนเป็นแนวจีนกำลังภายใน ตอนหลังรู้จักเน็ตจึงเริ่มสร้างสรรเรื่องอื่นบ้างแต่ส่วนใหญ่เป็นแนวแฟนตาซี