ห้องแฟนตาซีของmoony
|
|||
บทที่ 16 ครอบครัวมาร์ติน บทที่ 16 ครอบครัวมาร์ติน เสียงร้องตะโกนเอะอะที่ดังมาจากพนักงานดับเพลิงซึ่งวิ่งวุ่นดับไฟที่กำลังโหมไหม้ตึกร้างอย่างรุนแรง ฝูงชนแถวนั้นต่างพากันออกมายืนมองด้วยสีหน้าหวาดหวั่น บางคนหันหน้าคุยกัน บางคนรีบกลับบ้านด้วยความกลัวขณะที่หลายคนยังคงยืนปักหลักคอยฟังการสนทนาของเจ้าหน้าที่ที่กำลังปฏิบัติงานด้วยความอยากรู้อยากเห็นจนบางครั้งเผลอตัวขยับเข้าไปใกล้ จนเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งทำหน้าที่ในบริเวณนั้นต้องคอยเตือน เมื่อควบคุมเพลิงจนสงบ นักสืบเครนยืนรอพนักงานดับเพลิงที่กำลังเก็บอุปกรณ์ด้วยความหงุดหงิดจนกระทั่งหัวหน้าของพวกเขาเดินเข้ามาหา นักสืบร่างใหญ่จึงถามเสียงดัง ผมเข้าไปในนั้นได้หรือยัง ยัง หัวหน้าหน่วยดับเพลิงตอบ เราต้องดูให้แน่ใจก่อนว่าจะไม่มีการปะทุของเชื้อไฟจึงจะปล่อยให้คนของคุณเข้าไปทำงานได้ ซึ่งก็น่าจะอีกสามชั่วโมงหลังจากนี้ สามชั่วโมง เครนอุทาน นานขนาดนั้นหลักฐานไม่เหลือแน่ ถ้าเรื่องต้นเพลิงคนของผมทราบแล้วว่ามาจากจุดไหน หัวหน้าหน่วยดับเพลิงพูดและชี้มือไปที่ตึกหลังนั้น เราพบเชื้อปะทุและตัวเร่งบริวเณผนังใกล้กับจุดที่พวกคุณพบศพเมื่อวันก่อน อาจเป็นการเผาเพื่ออำพรางคดี เครนพึมพำ อีกฝ่ายสั่นหน้า เรื่องนั้นไม่ใช่หน้าที่ผม เขาตบบ่าเครน แล้วจะส่งรายงานไปให้ หัวหน้าหน่วยดับเพลิงหันไปสั่งงานลูกน้องก่อนจะเดินจากไป นักสืบเครนเงยหน้าขึ้นมองควันสีเทาทึบที่ลอยเป็นกลุ่มก้อนขึ้นไปในอากาศด้วยสายตาครุ่นคิด เสียงฝีเท้าดังมาจากทางด้านหลังทำให้นักสืบร่างใหญ่ไหวตัวเล็กน้อย เขาลดสายตาลงพร้อมกับหันไปมองผู้ที่กำลังยืนอยู่ข้างตัว เอฟบีไอนี่จมูกไวไม่ใช่เล่น เสียงรถดับเพลิงดังลั่นเมืองแบบนี้ไม่ได้ยินก็แปลกไป คาร์เพนเตอร์พูด เขาเลื่อนสายตามองไปยังซากอาคาร ได้ยินมาว่าเป็นการวางเพลิง คิดว่าเป็นฝีมือของใคร ผมยังไม่ทราบ และคงระบุอะไรแน่นอนไม่ได้จนกว่าจะเข้าไปตรวจดูข้างในก่อน ไม่จำเป็น เจ้าหน้าที่จากเอฟบีไอพูด เครนหันไปมองหน้าเขาทันที ทำไม เอฟบีไอจะรับคดีนี้ไปจัดการเอง คุณไม่มีสิทธิ์ นักสืบเครนพูดเสียงดัง อีกฝ่ายมองและยิ้มอย่างใจเย็น คุณต่างหากที่ไม่มีสิทธิ์ ผมบอกแล้วไงว่าทุกคดีที่เกิดขึ้นในเขตของคุณตอนนี้อยู่ในความรับผิดชอบของเอฟบีไอ แต่นี่เป็นเหตุเพลิงไหม้ นักสืบเครนแย้งอย่างระงับอารมณ์เต็มที่ คาร์เพนเตอร์ส่ายหน้า มันอาจเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่เอฟบีไอกำลังตามอยู่ในขณะนี้ คุณยังไม่มีหลักฐานอะไรมาเชื่อมโยง อีกฝ่ายแย้งเสียงแข็ง เอฟบีไอหนุ่มมองเขานิ่งและตอบด้วยเสียงเรียบ คุณเองก็ไม่มีเหมือนกัน เขาเว้นระยะ หรือถ้าจะพูดให้ถูก พวกตำรวจไม่มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับคนร้ายรายนี้เลยสักนิด ผมว่าคุณอย่าเข้ามาขัดขวางการสืบสวนของเราดีกว่า หากเกิดความผิดพลาดอะไรขึ้นมาจะหาว่าผมไม่เตือน คาร์เพนเตอร์จ้องหน้านักสืบเครนนิ่ง อีกฝ่ายกำหมัดแน่นด้วยความแค้นก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปที่รถ เขาเข้าไปนั่งประจำที่คนขับและปิดประตูอย่างแรง ฉันไม่ยอมให้พวกเอฟบีไอมาทำอวดเบ่งในเมืองนี้ คอยดูให้ดีก็แล้วกันคาร์เพนเตอร์ว่าใครจะคลี่คลายคดีนี้ได้ก่อน */*/*/*/* เจอร์ราดและดาร์เรลลุกขึ้นและเดินออกจากห้องเมื่อเสียงกริ่งสัญญาณบอกเวลาเลิกเรียนหยุดลง ทั้งสองเดินไปตามถนนเพื่อไปยังสนามบาสฯเหมือนทุกวันที่ผ่านมา หลังจากเดินไปด้วยกันสักนิดเจอร์ราดจึงหันไปถามเพื่อน เมื่อวานเป็นไงบ้าง ก็ดี ดาร์เรลตอบพลางกระโดดตีใบไม้ที่อยู่เหนือหัวเล่น เจอร์ราดขมวดคิ้ว ตอนกลับบ้านไม่เห็นอะไรแปลกๆบ้างเลยหรือ ไม่เห็นมีอะไร ดาร์เรลตอบ เขาหันไปมองเพื่อนและถามด้วยความสงสัย นายถามเรื่องนี้ทำไม เปล่าไม่มีอะไร เจอร์ราดรีบปฏิเสธและแกล้งทำเป็นหมุนลูกบาสเก็ตบอลเล่นเพื่อกลบเกลื่อน ดาร์เรลมองท่าทางของเขาและทำท่าจะถามแต่ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงเรียกของเพื่อนดังมาจากทางด้านหลัง ทั้งคู่หยุดและหันไปมองพร้อมกัน เจอร์ราดยิ้มกว้างเมื่อเห็นแซมมวลก้าวเข้ามาหา จะรีบไปไหนเพื่อน แซมมวลถาม ไม่น่าถาม เจอร์ราดตอบ ก็ต้องสนามบาสเก็ตบอลที่ประจำของพวกเรา นายไม่ได้ยินข่าวหรือไง แซมมวลพูด ดาร์เรลและเจอร์ราดมองหน้าเพื่อน ข่าวอะไร เมื่อคืนนี้ไฟไหม้ตึกร้างข้างสนามบาสฯ ตอนนี้ที่นั่นมีตำรวจเต็มไปหมด สนามของพวกเราก็พลอยโดนไปด้วย บ้าน่า ที่นั่นไม่ได้โดนไหม้สักหน่อย ตำรวมีสิทธิอะไรมาห้ามพวกเรา ดาร์เรลพูดอย่างโมโหแต่เจอร์ราดกลับนิ่งจนแซมมวลมองหน้า เป็นอะไรไป เปล่า เจอร์ราดตอบ พอดีฉันนึกขึ้นได้ว่ามีธุระ ขอตัวก่อนนะเพื่อน เขาวิ่งออกไปทันที ดาร์เรลมองตามด้วยความแปลกใจ หมอนั่นเป็นอะไรไป ตอนเลิกเรียนยังชวนฉันไปเล่นบาสฯอยู่เลย เขาบ่นเสียงไม่ดังนัก แซมมวลยักไหล่ นิสัยเขาก็เป็นแบบนี้อย่าไปสนเลย จริงสิไหนๆวันนี้เราก็ไปสนามบาสฯไม่ได้แล้วไปเล่นเกมส์ที่บ้านฉันกันไหม แซมมวลชวนเพื่อน ดาร์เรลทำท่าคิดเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า ตกลง เขากอดคอเพื่อน ไปกันเถอะ ทันทีที่แยกตัวจากเพื่อน เจอร์ราดรีบวิ่งตรงไปยังสนามบาสเก็ตบอลด้วยความกังวล เด็กหนุ่มเฝ้าคิดวนเวียนถึงเรื่องหัวของคนตายที่พบและตัวประหลาดที่โจมตีเขากับวูล์ฟเมื่อเย็นวานอยู่ตลอดเวลา เจอร์ราดนิ่วหน้าและพึมพำ มันคงไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้แน่ เด็กหนุ่มหยุดยืนหอบหายใจ เขาหันหน้าไปมองตึกร้างซึ่งบัดนี้กลายเป็นซากอิฐสีดำ เจอร์ราดกวาดตามองรอบตัวอย่างระวังขณะเดินเข้าไปใกล้แถบสีเหลืองที่ตำรวจคาดไว้รอบบริเวณและคงจะลอดตัวเข้าไปในตึกหากไม่ได้ยินเสียงร้องห้าม อย่าเข้าไปเจอร์ราด เด็กหนุ่มชะงักและหันหน้าไปมอง เขาเบิกตากว้างด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นวูล์ฟกำลังเดินเข้ามา วูล์ฟ นายมาที่นี่ทำไม เหมือนนาย หนุ่มหมาป่าตอบ เพียงแต่ฉันเข้าไปดูในนั้นมาแล้ว ฉันเองก็อยากเข้าไปดูบ้าง เจอร์ราดพูดและเลื่อนมือไปแตะแถบสีเหลือง วูล์ฟคว้าไหล่ของเขาพร้อมกับอธิบาย ในนั้นไม่มีอะไรแล้ว พวกเอฟบีไอมาขนทุกอย่างออกไปจนหมด เอฟบีไอ เจอร์ราดทวนคำ พวกนั้นมาทำอะไรที่ตึกไฟไหม้ ฉันคิดว่าพวกเขาจะทำแต่คดียากๆเท่านั้น ฉันก็คิดแบบนาย หนุ่มหมาป่าตอบและหันมองรอบตัว เราไปจากที่นี่กันก่อนดีกว่า เดี๋ยวจะถูกสงสัยว่าเป็นคนวางเพลิง ทั้งสองคนเดินออกไปจากที่นั่นและมุ่งตรงไปยังสวนสาธารณะ เจอร์ราดเหลือบตามองวูล์ฟก่อนจะตัดสินใจเอ่ยปากถาม เพื่อนนายคนนั้นไม่ได้มาด้วยหรือ ไปทำธุระเดี๋ยวคงตามมา หนุ่มหมาป่าตอบ เจอร์ราดนิ่งไปอีกครั้ง เขาทำหน้าลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงถามเสียงไม่ดังนัก นายสองคนไม่ใช่นักบวชฝึกหัดใช่ไหม เด็กหนุ่มเว้นระยะ คนพวกนั้นก็เหมือนกัน เขาไม่ได้เป็นผู้ปกครองธรรมดาอย่างที่นายพูด เจอร์ราดหันไปมองวูล์ฟ ความจริงแล้วพวกนายเป็นใครกันแน่ หนุ่มหมาป่าหยุดเดินทันที เขานิ่วหน้าด้วยความลำบากใจก่อนจะตอบ นายเข้าใจได้ถูกต้องแล้วเจอร์ราด พวกฉันไม่ได้เป็นนักบวชฝึกหัดหรืออะไรก็ตามที่เคยพูดไว้ วูล์ฟถอนใจ แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอโทษที่ยังบอกนายตอนนี้ไม่ได้ เพราะอะไร เพราะสิ่งที่ฉันและวลาร์ดกำลังทำอยู่มันอันตรายมาก หนุ่มหมาป่ามองหน้าเขาและที่สำคัญนายคือเพื่อน และฉันก็ไม่อยากให้เพื่อนต้องมาพลอยได้รับอันตรายไปกับการกระทำของพวกเรา หวังว่านายคงเข้าใจ น้ำเสียงและสีหน้าจริงจังของวูล์ฟทำให้เจอร์ราดนิ่งอึ้ง เขาขบกรามตนเองเล็กน้อยก่อนพยักหน้าและพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ฉันเข้าใจ เด็กหนุ่มยื่นมือออกไปข้างหน้า แต่นายต้องสัญญาก่อนว่าจะบอกทุกอย่างให้ฉันรู้เมื่อถึงเวลา ตกลง หนุ่มหมาป่าตอบพร้อมกับจับมือเจอร์ราดและกระชับแน่น ฉันสัญญา เยี่ยม ทีนี้มีอีกเรื่องที่นายยังติดค้างฉันไว้ เรื่องอะไร วูล์ฟถามด้วยความแปลกใจ อีกฝ่ายยิ้ม ไปเที่ยวบ้านฉันและกินมื้อค่ำด้วยกัน เขามองหน้า ว่าไง แล้วครอบครัวนายจะไม่ว่าอะไรเหรอ หนุ่มหมาป่าพูดด้วยสีหน้ากังวล เจอร์ราดใช้กำปั้นชกแขนเขาเบาๆ สบายมาก และที่สำคัญวันนี้มีมันบดกับเนื้อย่างด้วย ของโปรดฉันทั้งนั้น วูล์ฟพูดพร้อมกับยิ้ม นำไปได้เลยเพื่อน เจอร์ราดหัวเราะและโยนลูกบาสฯส่งให้อีกฝ่าย หนุ่มหมาป่ารับมาโยนเล่นสองสามครั้งก่อนจะส่งกลับไปให้เพื่อน ทั้งสองต่างเดินสลับวิ่งและส่งลูกบอลให้กันไปมาจนกระทั่งถึงหน้าบ้านของเจอร์ราด เด็กหนุ่มรีบตรงไปที่ประตูและร้องบอกคนในบ้านเสียงดัง กลับมาแล้วครับ เขาเปิดประตูและหันมาทางวูล์ฟ เข้ามาสิ หนุ่มหมาป่าเดินตามเพื่อนเข้าไปด้านในและหยุดอยู่ที่ห้องรับแขก เจอร์ราดยกนิ้วขึ้นแตะปากทำนองห้ามเขาส่งเสียงก่อนจะย่องเข้าไปในครัว เขามองมารดาที่กำลังก้มหน้าก้มตาปอกเปลือกมันฝรั่งอย่างขะมักเขม้นและแกล้งส่งเสียงดังเพื่อให้เธอตกใจ ทำอะไรน่ะแม่ นางมาร์ตินสะดุ้งสุดตัวพร้อมกับร้องอุทานออกมา เธอหันไปตีแขนลูกชายไม่แรงนัก เล่นอะไรกันแบบนี้เจอร์ราด นางมาร์ตินแกล้งทำเป็นดุและหยิบมันฝรั่งขึ้นมาปอกเปลือกต่อ ทำไมวันนี้กลับเร็วนัก ไม่ได้ไปที่สนามบาสฯเหมือนทุกวันหรือ ที่นั่นมีปัญหานิดหน่อย ตำรวจเลยกั้นไม่ให้พวกเราเข้าไป เจอร์ราดตอบพลางหยิบแก้วมาวางสองใบ นางมาร์ตินพูด คงกลัวจะเป็นอันตรายจากตึกร้างที่ถูกไฟไหม้ เธอเงยหน้าขึ้นและมองลูกชายวัยรุ่นที่กำลังรินน้ำใส่แก้ว ทำไมมีแก้วสองใบ ดาร์เรลมาบ้านด้วยหรือ ดาร์เรลกลับบ้านไปก่อน วันนี้ผมพาเพื่อนใหม่มาเที่ยว เด็กหนุ่มตอบพร้อมกับชะโงกหน้าไปเรียกหนุ่มหมาป่า มารู้จักแม่ฉันก่อนสิวูล์ฟ นางมาร์ตินวางมือจากมันฝรั่งและหันไปมองเด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่กำลังเดินเข้ามา วูล์ฟยิ้มอย่างสุภาพร้อมกับกล่าวทักทาย สวัสดีครับ ผมวูล์ฟเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองนี้ ยินดีที่ได้รู้จัก นางมาร์ตินพูดพร้อมกับยื่นมือออกไปให้เขา ได้ยินเจอร์ราดพูดถึงเธอหลายครั้ง เล่นบาสเก็ตบอลเหมือนกันหรือ ครับ เป็นกีฬาโปรดของผมเลยก็ว่าได้ หนุ่มหมาป่าตอบ นางมาร์ตินยิ้ม เหมือนเจอร์ราด รายนั้นทำท่าเหมือนคนใกล้ตายถ้าวันไหนไม่ได้ออกไปเล่น ผมไม่เป็นถึงขนาดนั้นสักหน่อย เจอร์ราดบ่นพร้อมกับส่งแก้วน้ำให้เพื่อน วูล์ฟรับมาดื่มรวดเดียวหมดแก้วและมองนางมาร์ตินที่กำลังลงมือปอกเปลือกมันฝรั่งต่ออีกครั้ง ให้ผมช่วยไหมครับ อย่าเลยเดี๋ยวมือเธอจะเปื้อนเปล่าๆ ไปนั่งคุยกับเจอร์ราดที่ห้องรับแขกดีกว่า นาง มาร์ตินตอบแต่หนุ่มหมาป่าส่ายหน้า ผมรู้วิธีทำมันบด เขาขยับเข้าไปยืนใกล้นางมาร์ติน ผมจัดการตรงนี้เอง คุณไปเตรียมน้ำเกรวี่เถอะครับ แน่ใจนะว่าทำได้ ครับ วูล์ฟตอบ นางมาร์ตินเลื่อนถาดมันฝรั่งส่งให้และยิ้มอย่างถูกใจเมื่อเห็นเขาปอกและหั่นมันได้อย่างคล่องแคล่ว เก่งนี่ เธอเอ่ยชมก่อนจะหันไปลงมือปรุงน้ำเกรวี่ เจอร์ราดเดินไปยืนข้างเพื่อนและกระซิบ ไม่ยักรู้ว่านายเข้าครัวเป็น ตอนเด็กๆฉันชอบเข้าไปเล่นในโรงอาหาร หนุ่มหมาป่าตอบพลางเทมันฝรั่งที่หั่นเสร็จเรียบร้อยแล้วลงหม้อต้ม เจอร์ราดมองด้วยความสนใจและหันไปทางหน้าบ้านเมื่อได้ยินเสียงปิดประตู เมอร์ซี่ก้าวเข้ามาในครัวพร้อมกับถุงใบใหญ่ วันนี้ร้านคุณลองได้ผลไม้เข้ามาใหม่ หนูเลยได้ส้มกลับมาสามสี่ลูก อ้อคุณเบลล์ฝากของมาให้ด้วย ดูเหมือนจะเป็นยาบำรุงที่แม่อยากได้ เด็กสาวพูดไปเรื่อยและชะงักค้างเมื่อเห็นวูล์ฟยืนยิ้มอยู่ในครัว ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อขึ้นมาทันทีในขณะที่เจอร์ราดรีบแนะนำ นั่นเมอร์ซี่พี่สาวฉัน ส่วนนี่วูล์ฟอัจฉริยะบาสเก็ตบอลที่เล่าให้ฟังไง สวัสดีครับ หนุ่มหมาป่าเอ่ยทักด้วยท่าทางสุภาพ เมอร์ซี่รีบวางถุงลงบนโต๊ะพร้อมกับส่งมือให้ ยินดีที่ได้รู้จัก เด็กสาวพูดด้วยท่าทางเขินอายจนเจอร์ราดหัวเราะ อะไรกัน เจอคนหน้าตาดีหน่อยทำตัวไม่ถูกเลยหรือไง อย่ามาพูดแบบนี้นะ เมอร์ซี่หันไปทำตาวาวกับน้องชายก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้วูล์ฟ สองสามวันมานี่เจอร์ราดพูดเรื่องของคุณให้ฟังไม่หยุด โดยเฉพาะเรื่องบาสเก็ตบอล ฉันแค่เล่าว่านายเก่งมากเท่านั้น เจอร์ราดโต้เสียงอ่อย พี่สาวของเขาทำเป็นไม่สนใจ เธอหันไปหยิบของออกจากถุง คุณคงอยู่ทานมื้อค่ำด้วยกันกับเรานะ ครับ วูล์ฟรับคำ เจอร์ราดคว้าส้มไปโยนเล่น เขามองกิริยาเก้อเขินของพี่สาวแล้วยิ้มพร้อมกับพูดเสียงดัง นี่ยังดีนะที่มาแค่วูล์ฟ ถ้าเจอเพื่อนเขาอีกคนมีหวังเมอร์ซี่คงทำอะไรไม่ถูกแน่ หมายความว่าไง เด็กสาวหันมาถามเสียงห้วน เด็กหนุ่มหัวเราะดังลั่น เปล่า เขาปฏิเสธและอุทานออกมาเมื่อถูกเมอร์ซี่ตีเข้าที่แขน วูล์ฟยิ้มขณะเทมันที่ต้มจนสุกแล้วใส่ชามใบใหญ่และเริ่มลงมือบดมันให้ละเอียด เด็กสาวมองด้วยความทึ่ง นายน่าจะหัดทำแบบนี้บ้างนะเจอร์ราด เธอหันไปพูดกับน้องชาย อีกฝ่ายเบ้หน้าพร้อมกับตอบ ยุ่งน่า หลังช่วยกันปรุงอาหารจนเสร็จเรียบร้อย ทุกอย่างก็ถูกจัดวางบนโต๊ะ สมาชิกครอบครัวมาร์ตินรวมทั้งวูล์ฟก็เริ่มลงมือรับประทานอาหาร พวกเขาสนทนากันอย่างเป็นกันเอง เจอร์ราดคุยเรื่องบาสเก็ตบอลที่เขาชอบเสียงดังลั่นและแลกเปลี่ยนความคิดกับหนุ่มหมาป่าอย่างกระตือรือล้นในขณะที่นางมาร์ตินและเมอร์ซี่ฟังเรื่องต่างๆที่วูล์ฟเล่าอย่างสนใจ มื้อค่ำที่แสนสนุกจบลง ทุกคนช่วยกันเก็บโต๊ะและทำความสะอาดครัวจนเสร็จเรียบร้อยและย้ายไปสนทนากันต่อที่ห้องรับแขก ขณะที่เจอร์ราดกำลังเล่าถึงการแข่งขันระหว่างโรงเรียนมัธยมที่กำลังจะมีขึ้นอยู่นั้นอยู่ๆวูล์ฟก็ยกมือห้าม เขาถามเพื่อนด้วยน้ำเสียงจริงจัง นายได้กลิ่นอะไรไหม เจอร์ราดสูดลมหายใจพร้อมกับส่ายหน้า ไม่ เขามองหนุ่มหมาป่าด้วยความแปลกใจ นายได้กลิ่นอะไรหรือวูล์ฟ ฉันไม่แน่ใจ กลิ่นมันจางมาก อาจจะเป็นเพราะเราอยู่ในบ้านหรือตำแหน่งเหนือลม วูล์ฟตอบพร้อมกับสูดลมหายใจค่อนข้างแรง เขาลุกพรวดขึ้นและหันหน้ามองไปยังบ้านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามทันที มันมาจากบ้านหลังนั้น บ้านของครอบครัวเบลล์ทำไมเหรอ เมอร์ซี่ถาม เธอมองกิริยาของหนุ่มหมาป่าด้วยความตระหนกในขณะที่เจอร์ราดนึกย้อนถึงท่าทางของวูล์ฟเมื่อตอนที่เจอพวกการ์กอยล์ เขาถามเสียงไม่ดังนัก นายได้กลิ่นอะไร เลือด หนุ่มหมาป่าตอบพร้อมกับเบิกตากว้าง กับกลิ่นเสือ หรือว่าเจ้านั่น... เขาก้าวพรวดไปที่ประตูและเปิดออก เจอร์ราดรีบวิ่งตามไปแต่ต้องชะงักเมื่ออีกฝ่ายหันมาห้าม อย่าออกมา วูล์ฟวิ่งข้ามถนนไปยังบ้านฝั่งตรงข้าม เจอร์ราดยืนลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงตัดสินใจวิ่งตามไปดู เป็นจังหวะเดียวกับที่หนุ่มหมาป่ากำลังเปิดประตูหน้า ทั้งคู่ต่างผงะเมื่อกลิ่นคาวจัดของเลือดพุ่งทะลักออกมา เด็กหนุ่มสอดสายตามองเข้าไปด้านในและอ้าปากค้างเมื่อเห็นสภาพภายใน นี่มันอะไรกัน! */*/*/*/*/* |
กิสึเนะ
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?] moony ค่ะ เป็นคนชอบสร้างจินตนาการมาตั้งแต่เด็ก เคยวาดการ์ตูนไว้เป็นเล่ม แต่เก็บไว้อ่านเอง นิยายเรื่องแรกที่เขียนเป็นแนวจีนกำลังภายใน ตอนหลังรู้จักเน็ตจึงเริ่มสร้างสรรเรื่องอื่นบ้างแต่ส่วนใหญ่เป็นแนวแฟนตาซี Group Blog
All Blog
Friends Blog Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |