บทที่ 19 ผลการชันสูตร
บทที่ 19

ผลการชันสูตร

หลังการประชุม อันเดอร์ฮิลล์พาวลาร์ดและวูล์ฟไปพักที่ห้องของเจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่ภายในอาคารด้านในสุดขององค์กร จากนั้นชายชราจึงรีบตรงไปยังห้องชันสูตรเพื่อตรวจร่างผู้เคราะห์ร้ายร่วมกับแอชเชอร์และเทเลอร์ซึ่งไปรออยู่ที่นั่นแล้ว
เมื่ออันเดอร์อิลล์พ้นไปจากสายตาแล้ววูล์ฟจึงหันไปมองวลาร์ดที่ยืนนิ่งเป็นรูปปั้นอยู่ริมหน้าต่าง เขานิ่วหน้าอย่างนึกขัดใจ
“นายจะอยู่แบบนั้นไปจนถึงเมื่อไหร่”
“เรื่องของฉัน” ลูกครึ่งแวมไพร์ตอบ หนุ่มหมาป่าเดินเข้าไปใกล้และชี้ไปที่เด็กหญิงตัวน้อยซึ่งยังเกาะชายเสื้อของวลาร์ดแน่น
“ฉันไม่สนว่านายกำลังคิดอะไรแต่ก็น่าจะสนใจเด็กคนนี้หน่อย”
ลูกครึ่งแวมไพร์เหลือบตามองเด็กแล้วเบือนหน้าหนี เขาพูดด้วยน้ำเสียงรำคาญ
“ฉันไม่มีเวลา”
“ตอนนี้ยังไม่ได้ทำอะไรไม่ใช่หรือ” วูล์ฟพูดและขมวดคิ้วอย่างขัดใจ เขาเรียกเพื่อนเสียงดังด้วยความโมโห “วลาร์ด!”
“น่าเบื่อจริง ถ้าเป็นห่วงนักทำไมนายไม่ดูแลเธอเอง”
“ถ้าเด็กคนนี้ยอมให้เข้าใกล้ฉันก็คงไม่ปล่อยให้เธอมายุ่งกับผีดิบเลือดเย็นอย่างนายแน่” หนุ่มหมาป่าพูดเสียงดัง “ให้ตายสิเขาเพิ่งเห็นครอบครัวถูกฆ่าไปต่อหน้านะ นายน่าจะให้ความสนใจเธอบ้าง”
“ฉันไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง” วลาร์ดพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง วูล์ฟเลิกคิ้ว
“ถามชื่อ” เขาแนะนำ “ด้วยภาษามนุษย์ธรรมดา”
ลูกครึ่งแวมไพร์เหลือบตามองเพื่อนและถอนใจออกมา เขาก้มหน้าลงมองเด็กหญิงผมทองที่ยังคงเกาะชายเสื้อแน่นพร้อมกับถามเสียงไม่ดังนัก
“เธอชื่ออะไร”
“อยู่ๆก็ถามแบบนั้นใครจะไปตอบกันเล่าเจ้าผีดิบ” หนุ่มหมาป่าพึมพำ วลาร์ดหันไปถลึงตาใส่เขาและพูดเสียงห้วน
“งั้นนายถามเอง”
“ได้” วูล์ฟตอบพร้อมกับย่อตัวลงนั่ง เขาส่งยิ้มที่อ่อนโยนให้กับเด็กหญิงและถามอย่างสุภาพ
“หนูชื่ออะไร”
เด็กน้อยส่ายหน้า เธอขยับตัวหลบไปยืนด้านหลังวลาร์ดและกอดตุ๊กตาที่อุ้มไว้แน่น หนุ่มหมาป่านิ่วหน้า
“ตุ๊กตาตัวนี้น่ารักดี มันชื่ออะไรเหรอ”
เขาทำหน้าเจื่อนเมื่ออีกฝ่ายรีบเอาตุ๊กตาซ่อนไว้ทางด้านหลัง ลูกครึ่งแวมไพร์ยิ้ม
“ว่าไง”
“อะไร” วูล์ฟตอบเสียงห้วนพร้อมกับลุกยืน วลาร์ดเลิกคิ้ว
“ชื่อของเด็ก”
“เธอไม่ยอมบอก” หนุ่มหมาป่าตอบพลางยกมือขึ้นเกาศีรษะ “ฉันดูไม่น่าไว้ใจขนาดนั้นเลยหรือไง”
“นายดูน่ากลัวมากกว่า” ลูกครึ่งแวมไพร์พูด อีกฝ่ายแยกเขี้ยว
“ก็ได้ นายจัดการต่อเองก็แล้วกัน ฉันไปหาอะไรกินดีกว่า” เขาพูดเสียงดังและโน้มตัวลงไปพูดกับเด็กน้อย “อยากกินอะไรไหมฉันจะเอามาฝาก ขืนอยู่กับเจ้าผีดิบนี่มีหวังหนูได้อดตายแน่”
เด็กหญิงสั่นศีรษะและเงยหน้าขึ้นมองวลาร์ด วูล์ฟยืดตัวขึ้นและส่งยิ้มให้เพื่อน
“โชคดี”
เขาเดินผิวปากออกจากห้อง ลูกครึ่งแวมไพร์นิ่วหน้าและก้มลงมองเด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังแหงนหน้าขึ้นจ้องเขาด้วยดวงตากลมโตสีฟ้าใส เด็กหนุ่มถอนใจก่อนจะย่อตัวลงนั่งและถามเสียงเรียบ
“เธอชื่ออะไร” เขานิ่งไปเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายยังไม่ยอมตอบ “ฉันรู้ว่าเธอกำลังตกใจที่เห็นพ่อแม่ถูกฆ่า แต่พวกเราคงจับตัวคนที่ทำแบบนั้นกับครอบครัวของเธอไม่ได้ถ้าเธอไม่ยอมพูดอะไรออกมาบ้าง”
เด็กน้อยยังคงยืนนิ่งจนวลาร์ดต้องถอนใจ
“ฉันคงใช้ภาษามนุษย์ธรรมดาได้ไม่ดีอย่างที่เจ้านั่นพูด”
“แอลลิสัน” เสียงเล็กน่ารักพูดขึ้นไม่ดังนัก ลูกครึ่งแวมไพร์มองเด็กหญิงด้วยความแปลกใจ
“เธอว่าอะไรนะ”
“หนูชื่อแอลลิสัน” เด็กน้อยตอบ “แอลลิสัน เบลล์”
“เป็นชื่อที่ดี” วลาร์ดชมขณะที่นึกถึงวิธีการที่วูล์ฟใช้เมื่อครู่ เด็กหนุ่มมองตุ๊กตากระต่ายสีชมพูที่แอลลิสันอุ้ม “แล้วเจ้านั่นชื่ออะไร”
“ไม่ใช่เจ้านั่น ซิลค์ต่างหาก” เด็กหญิงพูดพร้อมกับยื่นตุ๊กตามาข้างหน้า “แม่บอกว่าตัวเธอนุ่มเหมือนผ้าไหมหนูเลยเรียกว่าซิลค์”
“เข้าใจคิด” ลูกครึ่งแวมไพร์พึมพำ อีกฝ่ายจ้องเขานิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงถาม
“คุณเป็นผีดิบหรือคะ”
“ทำไมถามแบบนั้น” วลาร์ดย้อนด้วยความแปลกใจ แอลลิสันยืนลังเลเล็กน้อยก่อนตอบ
“หนูได้ยินคนตัวใหญ่เรียกคุณแบบนั้น”
“ฉันเป็นพวกเลือดผสมและชื่อวลาร์ด แปลว่าการขัดเกลา” เขาอธิบายและหยุดเมื่อนึกได้ว่าสิ่งที่พูดเมื่อครู่อาจจะฟังยากเกินไปสำหรับเด็กแต่แอลลิสันกลับยิ้ม
“หนูรู้ พ่อเคยสอนคำพวกนี้มาแล้ว” เธอเอียงคอเล็กน้อย “ตกลงคุณไม่ได้เป็นผีดิบใช่ไหมคะ”
“ก็ไม่เชิง” วลาร์ดตอบเสียงเรียบทั้งที่ในใจนึกอยากจะหักคอเพื่อนปากมาก เขาสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงแอลลิสันขณะยื่นหน้าเข้ามาจนเกือบชิด
“คุณมีฟันแหลม” เธอเอียงคอ “แปลกดี”
“งั้นหรือ” ลูกครึ่งแวมไพร์พูดพร้อมกับเบือนหน้าหลบ “ก็แค่ลักษณะพิเศษทางพันธุกรรม เอ้อ....ฉันหมายถึงเป็นจุดเด่นเฉพาะตัว”
เด็กหนุ่มเว้นระยะคำพูดเล็กน้อยก่อนถาม
“อยากกินอะไรไหม”
“ค่ะ” แอลลิสันตอบ “หนูขอนมร้อน แซนวิชทูน่ากับชีส”

ห้องอาหารขององค์กรแม้จะกว้างขวางกว่าที่หน่วยนักล่าแต่ก็มีรูปแบบการจัดวางหมวดหมู่ของอาหารคล้ายกัน เจ้าหน้าที่ประจำองค์กรหลายคนมองวลาร์ดที่กำลังยืนอ่านรายการอาหารด้วยความแปลกใจ บางคนอมยิ้มเมื่อเห็นเด็กหญิงผมทองหน้าตาน่ารักยืนเกาะชายเสื้อเขาแน่นและเดินตามทุกฝีก้าว เสียงสอบถามกันอย่างสงสัยทำให้วูล์ฟซึ่งกำลังเพลินกับการกินต้องเงยหน้าขึ้นมอง เขายิ้มกว้างด้วยความดีใจเมื่อเห็นเพื่อนและทำท่าจะร้องเรียกแต่ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงพูดคุยดังมาจากกลุ่มคนที่นั่งอยู่โต๊ะด้านหลัง
“เด็กคนนั้นมาจากไหน” เสียงชายคนหนึ่งถาม เพื่อนที่นั่งด้วยกันหันไปมอง
“คงเป็นพวกนักล่า” เขาหันกลับมาสนใจอาหารตรงหน้าอีกครั้ง “พวกเขามาทำธุระกันที่นี่ เห็นว่ามาถึงตั้งแต่เช้าแล้ว”
“ยังเด็กอยู่เลย” ผู้หญิงอีกคนกระซิบ “แต่แน่ใจหรือว่าใช่ ฉันรู้มาว่าเครื่องแบบของพวก
นักล่าคล้ายนักบวชแต่เป็นสีดำทั้งชุด ดูจากเสื้อของเด็กคนนี้แล้วไม่เห็นเหมือนเลยสักนิด”
“เขาคงใส่เฉพาะเวลาทำงาน” หญิงสาวอีกคนพูด “ขืนแต่งตัวแบบนั้นเข้ามามีหวังได้แตกตื่นกันทั้งโรงอาหาร” เธอลดเสียงลง
“ฉันได้ยินมาว่านักล่าคนหนึ่งเป็นแวมไพร์”

“จริงหรือ แล้วจะเป็นอันตรายไหม เขาจะไม่ไล่จับพวกเราดูดเลือดหรือไงถ้าเกิดหิวขึ้นมา”
“ไม่หรอกครับเพราะเขาเป็นแวมไพร์แค่ครึ่งเดียวและไม่กินเลือดคน” วูล์ฟซึ่งนั่งฟังอยู่นานพูดขึ้น ทั้งสี่สะดุ้งสุดตัวและหันไปมองพร้อมกัน หนุ่มหมาป่ายิ้มแยกเขี้ยว “ส่วนนักล่าอีกคนก็เป็นมนุษย์หมาป่าซึ่งก็แค่ครึ่งเดียวเหมือนกันและไม่กลายร่างในคืนพระจันทร์เต็มดวงด้วย”
เจ้าหน้าที่ทั้งสี่จ้องเด็กหนุ่มร่างใหญ่ด้วยความตกใจ ทุกคนพร้อมใจกันส่งยิ้มฝืดฝืนให้กับเขาก่อนจะรีบลุกขึ้นและเดินออกไปจากที่นั่น วูล์ฟมองตามด้วยความขบขันก่อนจะหันหน้าไปโบกมือให้เพื่อนพร้อมกับตะโกนเรียก
“วลาร์ด!”
ทั้งโรงอาหารต่างหันมามองเด็กหนุ่มเป็นตาเดียว วลาร์ดนิ่วหน้าและบ่นพึมพำ
“จะต้องตะโกนทำไมกันนะเจ้าบ้าวูล์ฟ”
หนุ่มหมาป่าลุกขึ้นและเดินไปลากเพื่อนมานั่ง เขาแกล้งเลื่อนจานเสต็กส่งให้พร้อมกับเอ่ยปากชวน
“กินไหม เนื้อที่นี่อร่อยมากนะ”
“อย่ายั่วฉัน” ลูกครึ่งแวมไพร์พูดเสียงห้วนก่อนจะเบือนหน้าหนี วูล์ฟหัวเราะลั่นอย่างชอบอกชอบใจ เขาหันไปทางแอลลิสัน
“สาวน้อยนี่คงหิว ไม่อย่างนั้นนายคงไม่มานี่แน่ เธออยากกินอะไรล่ะเอ้อ...”
“แอลลิสัน” วลาร์ดรีบบอก หนุ่มหมาป่าทำตาโต
“ชื่อเพราะดีนี่ ฉันชื่อวูล์ฟยินดีที่ได้รู้จัก” เขายื่นมือไปข้างหน้า แอลลิสันชำเลืองตามองลูกครึ่งแวมไพร์ก่อนจะยื่นมือไปให้เขาด้วยท่าทางครึ่งกล้าครึ่งกลัว
“คุณเป็นมนุษย์หมาป่าเหรอคะ”
“ใช่” วูล์ฟตอบอย่างร่าเริง “แต่ฉันไม่แปลงร่างในวันพระจันทร์เต็มดวงหรอกนะและไม่โก่งคอหอนเหมือนหมาป่าทั่วไปด้วย”
“งั้นคุณทำอะไรได้บ้าง” เด็กน้อยถาม วูล์ฟยิ้มกว้าง
“เยอะแยะอย่างวิ่งไล่จับคนร้าย กระโดดขึ้นตึกสองชั้น แต่ที่ถนัดที่สุดคือบาสเก็ตบอล”
“มีแต่เรื่องบ้าพลังทั้งนั้น” เสียงเรียบเย็นขัดขึ้น หนุ่มหมาป่าหันไปมองหน้า
“ก็ยังดีกว่าพวกผีดิบไร้อารมณ์ ฉันแปลกใจจังที่สาวน้อยคนนี้เข้าใจสิ่งที่นายพูด”
วลาร์ดนิ่วหน้าและทำท่าจะเถียงแต่ต้องหยุดเมื่อแอลลิสันพูดแทรกขึ้นมา
“หนูหิว”
“เธออยากได้นมร้อน แซนวิชทูน่ากับชีส นายพอจะหาให้ได้ไหม” ลูกครึ่งแวมไพร์ถาม วูล์ฟยิ้มกว้าง
“สบายมาก” เขาตอบเพื่อนก่อนจะหันไปค้อมตัวให้กับแอลลิสัน “กรุณารอสักครู่นะครับคุณผู้หญิง” หนุ่มหมาป่าพูดอย่างหยอกล้อก่อนจะเดินออกไป
*/*/*/*/*
“นี่มันอะไรกัน”
อันเดอร์ฮิลล์พูดขณะใช้ปากคีบหยิบก้อนเนื้อสีขาวขุ่นรูปทรงกระบอกออกมาจากกระเพาะอาหารของเหยื่อรายหนึ่ง แอชเชอร์รีบหันไปมองและขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ
“เหมือนตัวอ่อนของอะไรบางอย่าง แต่ทำไมถึงมีขนาดใหญ่แบบนี้” เขารับเครื่องมือวัดขนาดมาจากเทเลอร์ “ 2.5 มิลลิเมตร นี่คงไม่ใช่ปรสิตธรรมดาแน่ คุณพบมันที่ตำแหน่งไหน”
“กระเพาะอาหาร” เขาพลิกก้อนเนื้อไปมาก่อนจะวางบนชามรูปไต ผมจะไปตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง”
“เดี๋ยวก่อน” เทเลอร์ห้ามขณะแหวกกล้ามเนื้อบริเวณช่องท้องของเหยื่ออีกรายลึกลงไปจนถึงแนวกระดูกสันหลัง “ตรงนี้มีก้อนเนื้อแบบนั้นอีกชิ้น” เขาพูดพลางใช้ปากคีบหยิบขึ้นมา
“เป็นปรสิตชนิดเดียวกัน มีขนาดเท่ากัน” เทเลอร์นิ่วหน้า “แต่ดูเหมือนมันจะถูกของมีคมเฉือนบางส่วนจนขาดหายไป”
“ในตัวของเหยื่อรายนี้ก็มีก้อนเนื้อแปลกปลอมแบบเดียวกันครับ” เจ้าหน้าที่ชันสูตรพูดขึ้น เขาคีบชิ้นเนื้อสีขาววางลงในชามรูปไตและส่งให้แอชเชอร์
“บางส่วนถูกตัดขาดเหมือนสองชิ้นแรก” ผู้นำองค์กรพูด “คงเกิดจากมีดของฆาตกร เขาจงใจแทงเหยื่อเพื่อทำลายปรสิตพวกนี้”
แอชเชอร์นิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะหันไปทางอันเดอร์ฮิลล์พร้อมกับสั่ง
“คุณรีบนำก้อนเนื้อพวกนี้ไปตรวจ สรุปผลให้เร็วที่สุด ส่วนคุณ” เขาเลื่อนสายตาไปที่
เทเลอร์ “ตรวจศพทั้งสามให้ละเอียดพยายามหาร่องรอยให้พบว่าคนเหล่านี้รับปรสิตนี่เข้าไปได้ยังไง”
สีหน้าของผู้นำองค์กรเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดขณะจ้องก้อนสีขาวขุ่นที่วางนิ่งอยู่ในชามรูปไต
“บางทีนี่อาจจะเป็นตัวอ่อนของการ์กอยล์”

*/*/*/*/*/*

เนื่องจาก นักล่าแห่งรัตติกาล ภาค โรงงานมรณะ ได้รับการตีพิมพ์และจะทำการวางจำหน่ายกลางเดือนธันวาคมนี้

ผู้เขียนจึงขอภัยผู้อ่านทุกท่านที่จำต้องลงบทความให้อ่านได้เพียงแค่บทที่ 19 เท่านั้นค่ะ

สำหรับปก คงได้รับประมาณอาทิตย์หน้า แล้วจะนำมาให้ชมกัน

ขอฝากผลงานเรื่อง นักล่าแห่งรัตติกาลทั้งภาคกำเนิดนักล่า และภาค โรงงานมรณะ ไว้กับผู้อ่านทุกท่านด้วยนะคะ

ขอบพระคุณมากค่ะ






Create Date : 30 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 30 พฤศจิกายน 2552 12:32:29 น.
Counter : 472 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กิสึเนะ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



moony ค่ะ เป็นคนชอบสร้างจินตนาการมาตั้งแต่เด็ก เคยวาดการ์ตูนไว้เป็นเล่ม แต่เก็บไว้อ่านเอง นิยายเรื่องแรกที่เขียนเป็นแนวจีนกำลังภายใน ตอนหลังรู้จักเน็ตจึงเริ่มสร้างสรรเรื่องอื่นบ้างแต่ส่วนใหญ่เป็นแนวแฟนตาซี