รักละไม ไอทะเล บทที่ 7 การเดทแบบสายฟ้าแลบ 1
 

บทที่ 7 การเดทแบบสายฟ้าแลบ

 

 

แสงไฟจากแผงสปอร์ตไลท์นับสิบดวงสาดส่องลงมายังเวที กระทบนางแบบสาวสวยที่กำลังเดินนวยนาดอวดความงามบนเวทีริมสระน้ำของโรงแรมหรูระดับห้าดาว เนื่งจากวันนี้เป็นการเดินแฟชั่นโชว์ของห้องเสื้อชื่อดังชั้นแนวหน้า ผู้ร่วมงานส่วนใหญ่จึงเป็นบุคคลชั้นสูงในวงสังคม รูปแบบของงานจึงเป็นไปในแบบโอ่อ่า หรูหราตระการตา

 

แฟชั่นช่วงแรกเป็นเสื้อผ้าลำลองสำหรับหน้าร้อน เน้นความบางเบาโปร่งสบายแต่สวยเก๋ปราดเปรียว นางแบบที่ได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้ากลุ่มโชว์เสื้อผ้าชุดนี้คือช่อแก้ว ผู้มีบุคลิกคล่องแคล่ว กระฉับกระเฉง ชุดต่อไปเป็นเสื้อผ้ากึ่งชุดทำงานซึ่งเหมาะกับรัศมีฟ้า ที่มีลักษณะเป็นผู้ใหญ่ ส่วนมุกมณีเดินแบบในกลุ่มสุดท้ายที่เป็นชุดออกงานตอนกลางคืน แม้จะเรียบง่ายแต่กลับงามสง่า ที่สำคัญคือถึงจะเดินร่วมกับนางแบบอีกหลายคน แต่กลับมีแค่เธอเท่านั้นที่ดูงดงาม โดดเด่นสะดุดตา

 

เมื่อแฟชั่นลำลองชุดสุดท้ายจบลง นางแบบกลุ่มต่อไปจึงก้าวขึ้นเวทีในชุดว่ายน้ำ เสียงเพลงคลาสสิคอันไพเราะของการเดินในชุดก่อนถูกเปลี่ยนให้เป็นจังหวะร้อนแรงเร้าอารมณ์ รับกับท่วงท่าของนางแบบสาวหุ่นเซ็กซี่ที่กำลังเดินโยกย้ายส่ายสะโพกอวดเรือนร่างอวบอิ่มภายใต้ชุดว่ายน้ำตัวเล็กจิ๋ว ทำเอาสุภาพบุรุษทั้งหนุ่มและแก่ยืนน้ำลายหกไปตามกัน หลายคนเปรยด้วยความเสียดายที่ไม่ได้เห็นมุกมณีในชุดวาบหวาม แต่พอเห็นนางแบบสาวซึ่งเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเรียบร้อยแล้วเดินเข้ามาในงาน พวกเขาก็รีบหุบปากยืนนิ่งเพราะรู้ดีว่าหากเธอได้ยินสิ่งที่พูดไปเมื่อครู่เป็นได้เกิดเรื่องใหญ่แน่

 

ความจริงแล้วมุกมณีได้ยินคำวิจารณ์เกี่ยวกับตัวเธอตั้งแต่อยู่ในห้องแต่งตัว ซึ่งก็มาจากกลุ่มคนในวงการด้วยกัน เพราะนางแบบส่วนใหญ่มักไม่เกี่ยงเรื่องเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ขอเพียงมีงานและไม่ละเมิดต่อศีลธรรมอันดีงามมากเกินไปนัก ต่อให้ต้องนุ่งผ้าแพรผืนเดียวออกมาเดิน พวกเธอก็ยินดี

 

ที่น่าแปลกก็คือครั้งนี้รัศมีฟ้ากับช่อแก้วปฏิเสธการเดินแบบชุดว่ายน้ำด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งมุกมณีก็ไม่ได้สนใจซักถามถึงเหตุผล เธอไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเสื้อผ้าที่ใส่ในวันนี้มียี่ห้อว่าอะไร นางแบบสาวแค่ขับรถมาทำงานและคงกลับทันทีเหมือนทุกครั้งแต่เจ้าของห้องเสื้อขอร้องให้เธออยู่ร่วมงานต่ออีกสักนิด เพื่อพูดคุยกับแขกผู้มีเกียรติ แม้ไม่ชอบแต่มุกมณีก็ไม่ปฏิเสธเพราะรู้ดีว่ามันการโปรโมทสินค้าไปในตัว

 

อีกอย่างหนึ่งก็คือ เธอไม่อยากได้ยินเสียงเย็นตาโฟบ่นเรื่องการวางตัวในสังคมให้ฟัง

 

เดินวนรอบงานได้สักพักเจ้าของห้องเสื้อก็เข้ามากล่าวคำทักทายพร้อมกับขอบคุณที่เธออยู่ร่วมงานและแยกตัวไปทักทายแขกท่านอื่นหลังจากนั้น มุกมณีจึงคิดว่าเธอควรกลับบ้านเสียที ตอนที่กำลังวางแก้วลงบนโต๊ะเตรียมจะออกจากงาน รัศมีฟ้าซึ่งยืนคุยกับผู้ชายคนหนึ่งเกิดหันมาเห็นเข้าพอดี    

 

“มุก” เธอร้องเรียบพร้อมกับเดินตรงเข้ามาหา และเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นมุกมณีทำท่าเหมือนจะเดินออกจากงานเลี้ยง “จะกลับแล้วเหรอ”

 

“ค่ะ” มุกมณีตอบสั้นๆ รัศมีฟ้าทำหน้าสงสัย

 

“จะรีบกลับทำไม งานยังไม่เลิกเลยนะ”

 

“แต่งานของมุกเสร็จแล้วค่ะ” นางแบบสาวตอบ อีกฝ่ายจึงจุ๊ปากเบาๆ

 

“ไม่เคยเปลี่ยนนิสัยเลยนะ เสร็จงานปุ๊บก็กลับปั๊บ ฟ้ารู้ว่ามุกเป็นคนจริงจังกับงาน แต่ถ้ามีงานเลี้ยงแบบนี้ก็ควรอยู่ต่ออีกหน่อย พูดคุยทักทายคนอื่นบ้างเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท”

 

“มุกไม่รู้จักใครสักคน” มุกมณีตอบอย่างไม่แยแสนักจึงโดนรัศมีฟ้าตีแขนเบาๆ

 

“ข้ออ้างเด็กๆ เอ้า ถ้าไม่รู้จักใครฟ้าก็จะแนะนำให้สักคน” พูดพลางคว้าข้อมือเธอลากไปหาชายที่เธอคุยด้วยเมื่อครู่ “เขาเป็นเจ้าของโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าส่งนอกเชียวนะ”

 

ประโยคสุดท้ายจบพอดีเมื่อทั้งสองหยุดยืนตรงหน้าคนที่พูดถึง รัศมีฟ้าผายมือไปที่ชายผู้นั้นพร้อมกับกล่าวแนะนำ

 

“คุณเกริกเกียรติ ลิ้มเจริญภูษาไพศาล เจ้าของบริษัทลิ้มเจริญกาเม้นท์” เธอหันไปทางฝ่ายชาย “มุกมณี วงศ์นาคา เพื่อนของฟ้าเองค่ะ”

 

เขาส่งยิ้มกว้างจนตาหยีพร้อมกับยื่นมือออกมาข้างหน้า

 

“สวัสดีครับคุณมุกมณี ได้ยินชื่อของคุณมานาน ตัวจริงสวยกว่าที่คิดมาก”

 

มุกมณีชำเลืองตามองอีกฝ่ายอย่างไม่ชอบใจนัก เพราะคุณเกริกเกียรติที่รัศมีฟ้าแนะนำเป็นชายร่างท้วมวัยประมาณ 45-55 ปี ใบหน้าค่อนข้างกลม ดวงตาพราวระยับอย่างไม่น่าไว้ใจ โดยเฉพาะรอยยิ้ม เห็นแล้วก็รู้ได้ในทันทีเลยว่าหมอนี่เป็นนักธุรกิจจำพวกเฒ่าหัวงู

 

“สวัสดีค่ะ” นางแบบสาวพนมมือไหว้ เกริกเกียรติจึงดึงมือกลับพร้อมกับส่งยิ้มแห้งแก้เก้อ

 

“แหม ทักทายแบบไทยซะด้วย กุลสตรีร้อยเปอร์เซ็นต์เลยนะครับ”

 

เขาพูดติดตลก รัศมีฟ้ายิ้มพร้อมกับรีบกล่าวเสริม

 

“มุกเขาถือว่าพบผู้หลักผู้ใหญ่ ให้ยกมือไหว้ค่ะ”

 

“ดีครับมือไม้อ่อนแบบนี้ผมชอบ” นายเกริกเกียรติพูดพร้อมกับยิ้มกว้างกว่าเดิมจนแทบจะเห็นฟันทั้ง 32 ซี่ มุกมณียังคงวางสีหน้าเฉยขณะตอบ

 

“ก็ไม่ได้อ่อนอะไรหรอกค่ะคุณเกริกเกียรติ แค่คิดว่าไม่ควรจับมือกับใครโดยไม่สมควรเท่านั้น”

 

รอยยิ้มหดลงมาเล็กน้อย ความกลัวว่าบรรยากาศจะมืดทะมึนมากไปกว่านี้ รัศมีฟ้าจึงต้องรีบแก้ 

 

“มุกเขาหมายถึงขนบธรรมเนียมเก่าแก่ที่ผู้ชายกับผู้หญิงไม่ควรแตะเนื้อต้องตัวกันค่ะ”

 

“อ๋อ งั้นเหรอครับ แหมหัวโบราณกว่าที่คิดอีกนะเนี่ย”

 

เกริกเกียรติพูดด้วยท่าทางและน้ำเสียงเหมือนผู้ใหญ่เอ็นดูเด็ก มุกมณีเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยก่อนตอบอย่างไว้ตัว

 

“ไม่ใช่แค่โบราณ ฉันมาจากครอบครัวที่เก่าแก่เกินกว่าที่ทุกคนคิดอีกค่ะ คุณเกริกเกียรติ”

 

เห็นได้ชัดว่าเกริกเกียรติไม่ได้สนใจสิ่งที่มุกมณีบอกเลยสักนิด เพราะพอเธอพูดจบเขาก็สวนทันควัน

 

“เรียกผมว่าเสี่ยลิ้มก็ได้”

 

พูดจบก็ฉีกยิ้มกว้างจนใบหน้าอวบอูมเบ่งบานจนแก้มแทบปริ มุกมณีส่งยิ้มตอบแบบแกนๆพลางมองหาทางเลี่ยงแต่รัศมีฟ้าชิงพูดขึ้นเสียก่อน

 

“คุณเกริกเกียรติกำลังมองหานางแบบสำหรับโฆษณาสินค้าในแบรนด์ของตัวเอง พอเห็นมุกเลยสนใจอยากติดต่อขอไปร่วมงาน”

 

“ใช่ครับ รูปร่างของคุณมุกมณีเหมาะกับเสื้อผ้าของบริษัทเรามาก” เกริกเกียรติรีบพูด “ผมขอพูดตรงๆว่าอยากได้คุณมาเป็นนางแบบ มาร่วมงานกับผมเถอะนะครับ”

 

“ความจริงฉันเองก็ไม่อยากให้คุณผิดหวังหรอกนะคะ แต่ระยะนี้คิวงานฉันเต็มตลอด”

 

มุกมณีตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยเหมือนไม่สนใจ แต่เกริกเกียรติกลับเข้าใจไปอีกทาง

 

“ถ้าเป็นเรื่องค่าตัวไม่มีปัญหา ผมยินดีจ่ายไม่อั้น”

 

นางแบบสาวมองเขาด้วยหางตาก่อนตอบเสียงเย็น

 

“ฉันบอกแล้วไงคะว่า ไม่ว่าง”

 

สีหน้าและน้ำเสียงบ่งบอกว่าเธอกำลังไม่สบอารมณ์ ทำให้รัศมีฟ้าใจหายวาบเพราะกลัวมุกมณีจะอาละวาดตะเพิดเสี่ยคนนี้ออกจากงาน แต่ฝ่ายชายกลับยิ้มกว้างเหมือนไม่ถือสาท่าทางของนางแบบสาวเลยสักนิด

 

“ถ้าช่วงกลางวันไม่ว่าง นัดทำงานกันตอนกลางคืนก็ได้ ผมจะหาช่างภาพมือดีมารอ และยินดีเพิ่มค่าใช้จ่ายให้เป็นพิเศษ”

 

ท่าทางกะลิ้มกะเหลี่ยอย่างออกหน้าออกตาทำให้คิ้วสวยของนางแบบสาวขมวดเข้าหากัน เธอจึงตั้งใจตัดบทด้วยการขอตัวกลับแต่ยังไม่ทันพูด ก็ถูกใครบางคนกระแทกจนเซ ซ้ำตัวยังเย็นวาบเหมือนโดนน้ำเย็นจัดราด มุกมณีมองคราบสีเหลืองที่กระจายบนเสื้อของตัวเองก่อนเบนสายตาไปจ้องต้นเหตุที่กำลังยืนทำตาโต

 

“ต๊าย ขอโทษด้วย ฉันสะดุดพรมน่ะ”

 

ช่อแก้วลอยหน้าลอยตาพูด รัศมีฟ้าจึงโพล่งถามอย่างเหลืออด

 

“สะดุดหรือตั้งใจกันแน่”

 

“ตั้งใจอะไร” ช่อแก้วย้อนเสียงห้วน รัศมีฟ้าพยายามนับให้ถึงสิบก่อนตอบ

 

“คุณตั้งในสาดน้ำใส่มุก”

 

ช่อแก้วทำเป็นยกมือขึ้นปิดปากและมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าตระหนก

 

“ตายแล้ว ทำไมฉันต้องทำแบบนั้นด้วย”

 

“ก็คุณ...”

 

“ช่างเถอะค่ะคุณฟ้า” มุกมณีกล่าวตัดบท พลางชำเลืองมองช่อแก้วด้วยดวงตาคมกริบวาววับ ก่อนตวัดกลับไปยังรัศมีฟ้าอีกครั้งและพูดเสียงราบเรียบ

 

“มุกกลับก่อนนะคะ”

 

เธอเดินออกไปทันทีโดยไม่สนใจสายตาคนที่ยืนอยู่รอบตัว รัศมีฟ้ามองตามด้วยความเห็นใจก่อนจะหันกลับไปต่อว่าช่อแก้ว ปรากฏว่าคู่กรณีตัวแสบได้หายไปแล้วเช่นเดียวกัน หญิงสาวเม้มปากแน่นด้วยความแค้นใจ

 

“นังบ้า”

 

เธอพึมพำออกมาเบาๆด้วยความโกรธก่อนปรับอารมณ์ให้เป็นปรกติและหันไปส่งยิ้มหวานกับนายเกริกเกียรติพร้อมกับหาเรื่องพูดคุยเพื่อกลบเกลื่อนสิ่งที่เกิดขึ้น

 

 

*/*/*/*/*

 

เมื่อออกจากห้องจัดงาน มุกมณีเลี้ยวเข้าห้องน้ำเพื่อทำความสะอาดรอยเปื้อนบนเสื้อ เสร็จจากนั้นจึงกดลิฟต์ลงไปยังชั้นจอดรถ ซึ่งเมื่อไปถึง นางแบบสาวต้องยืนลังเลอยู่ชั่วอึดใจเพราะลานจอดรถของสถานที่แห่งนี้ทั้งมืดและวังเวงจนน่ากลัว ตอนแรกเธอคิดจะย้อนกลับขึ้นไปยังล็อบบี้และโทร.ให้เย็นตาโฟมารับ แต่พอนึกขึ้นได้ว่าวันนี้ช่างคนเก่งไปช่วยงานแต่งงานของเพื่อน เธอจึงเปลี่ยนใจ หลังจากยืนรีรออีกครู่ใหญ่หญิงสาวจึงเดินตรงไปที่รถของเธอ

 

เสียงกอกแกกของรองเท้าส้นสูงทำให้เธออุ่นใจขึ้นมาบ้าง เพราะอย่างน้อยมันก็ช่วยทำลายความเงียบอันน่ากลัวนี้ลงไปได้ เดินไปได้สักพักมุกมณีก็เริ่มรู้สึกอึดอัด หายใจไม่ออก เหมือนจู่ๆอากาศรอบตัวหนักอึ้งขึ้นมาอย่างฉับพลัน แรงกดดันอันมหาศาลบดอัดลงมาพร้อมกันทุกด้านจนเธอรู้สึกเหมือนร่างกำลังถูกบดขยี้ให้บี้แบน

 

หัวใจเต้นเร็วขึ้นจนแทบไม่เป็นจังหวะด้วยความหวาดกลัว หญิงสาวพยายามข่มความรู้สึกดังกล่าวและกวาดตามองหาต้นเหตุ จากประสบการณ์ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่งในงานอีเว้นท์ทำให้เธอรู้ว่าสิ่งที่เป็นอยู่ในขณะนี้ไม่ใช่ความผิดปรกติของร่างกาย หากเกิดจากคุณไสยหรืออาคมบางอย่างของใครบางคน ซึ่งเธอไม่รู้เหมือนกันว่าเขาทำเช่นนี้ทำไม  

 

ถึงจะไล่สายตามองรอบตัวไปมาหลายครั้งแต่เธอกลับไม่พบสิ่งของหรือใครสักคน ที่น่าแปลกก็คือ อาการทั้งหมดหายไปอย่างฉับพลัน นางแบบสาวสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอดพร้อมกับกวาดตาไปโดยรอบอีกครั้ง เมื่อไม่พบใครเธอจึงเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น แต่พอใกล้ถึงรถ มุกมณีต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเห็นเงาของใครคนหนึ่งเคลื่อนไหวอยู่ในความมืด อันที่จริงมันควรจะเป็นเรื่องธรรมดาเพราะที่นี่เป็นลานจอดรถ คนที่มาก็น่าจะมีจุดประสงค์แบบเดียวกัน ที่ไม่ปรกติก็คือ เจ้าของเงาที่ว่ากำลังตรงดิ่งมาหาเธอ 

 

มือกระชับกระเป๋าแน่นโดยตั้งใจว่าจะประเคนลงบนหัวอย่างไม่นับ ถ้าเจ้าคนนั้นมีเจตนาไม่บริสุทธิ์ แต่พอเจ้าของเงาเดินเข้ามาใกล้ แผนการที่วางไว้ก็หายวับไป เพราะชุดที่บุรุษผู้นั้นสวมใส่เป็นเครื่องแบบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และที่มากกว่านั้นก็คือ เขาเป็นว่าที่คู่หมั้นของช่อแก้ว เพื่อนนางแบบที่เพิ่งมีเรื่องกับเธอเมื่อกี้

 

“อ้าว คุณมุกมณี” เสียงทุ้มนุ่มหูเอ่ยทักพร้อมรอยยิ้ม “มาทำอะไรแถวนี้คนเดียวครับเนี่ย”

 

“มุกจะไปที่รถค่ะ” เธอตอบพลางบอกเป้าหมายที่พูดด้วยสายตา ร้อยตำรวจเอกสันติมองตามแล้วผงกศีรษะ

 

“เดินคนเดียวมันอันตราย ถ้าไม่รังเกียจ ให้ผมไปเป็นเพื่อนนะครับ” พูดจบก็เดินนำหน้าออกไป มุกมณียืนลังเลเล็กน้อยก่อนเดินตาม

 

“คุณสันติมาทำอะไรแถวนี้คะ” เธอถาม อีกฝ่ายยิ้มอย่างอารมณ์ดี

 

“ผมมารับแก้วครับ” เขาชำเลืองมองหญิงสาวแล้วขมวดคิ้ว เพราะปรกติแล้วเธอมักจะไปไหนมาไหนโดยมีช่างแต่งหน้าหนุ่มเป็นเงาตามตัว แต่วันนี้กลับเห็นหญิงสาวเดินอยู่ตามลำพัง

 

“แล้ววันนี้คุณเย็นตาโฟไม่มาด้วยเหรอครับ” เขาถาม มุกมณีสั่นศีรษะ

 

“พี่โฟติดธุระที่อื่นค่ะ”

 

“ช่างประจำตัวไม่อยู่แบบนี้คุณมุกไม่ลำบากแย่หรือครับ” นายตำรวจหนุ่มถาม

 

“ไม่หรอกค่ะ ในงานก็ยังมีช่างแต่งหน้าหลายคน ถึงฝีมือจะสู้พี่โฟไม่ได้แต่ไม่ถึงกับแย่จนเกินไป”

 

นางแบบสาวตอบอย่างไว้ตัว สันติยิ้มในหน้าเพราะขำกับท่าทางเชิงยโสของเธอ ทั้งที่เมื่อครู่เขาเห็นชัดเต็มตาว่ามุกมณียืนหน้าซีดตัวสั่นเพราะกลัวความมืดจนเขาต้องรีบเข้ามาคุยเป็นเพื่อน

 

ทั้งสองเดินไปด้วยกันโดยไม่คุยอะไรต่อจากนั้นจนถึงรถ มุกมณีส่งยิ้มให้สันติพร้อมกับกล่าว

 

“ขอบคุณมากค่ะที่อุตส่าห์เดินมาเป็นเพื่อน”

 

“ด้วยความยินดีครับ” นายตำรวจหนุ่มตอบ หญิงสาวจึงเปิดประตูและหย่อนตัวนั่งประจำที่คนขับแต่พอเห็นอีกฝ่ายยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเธอจึงเตือน

 

“มุกไม่เป็นไรแล้วค่ะ คุณกลับเข้าไปข้างในเถอะ ป่านนี้ช่อแก้วคงรอคุณแล้วละค่ะ”

 

“เรานัดเวลากันไว้แล้วครับ” สันติตอบ “อีกอย่างผมอยากรอจนแน่ใจว่าคุณออกจากที่นี่อย่างปลอดภัย”

 

พอเห็นอีกฝ่ายทำหน้าฉงนนายตำรวจหนุ่มจึงรีบอธิบาย

 

“มันเป็นนิสัยของตำรวจน่ะครับ”

 

พูดพลางส่งยิ้มให้ มันเต็มไปด้วยความจริงใจ ปราศจากความกรุ้มกริ่มอย่างที่นางแบบสาวเคยเจออยู่เป็นประจำ มุกมณีจึงส่งรอยยิ้มแบบเดียวกันให้กับเขา

 

“งั้นมุกกลับก่อนนะคะ ขอบคุณคุณสันติอีกครั้งค่ะ”

 

สันติยกมือข้างหนึ่งขึ้นแทนการตอบรับและยืนรอจนกระทั่งรถของนางแบบสาวพ้นไปจากที่นั่นจึงหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในโรงแรม

 

 

รุ่งอรุณของวันใหม่มุกมณีถูกปลุกด้วยเสียงเพลงจากโทรศัพท์มือถือ ตอนแรกเธอไม่คิดจะรับแต่พอเหลือบดูหมายเลขคนโทร.แล้วต้องเปลี่ยนใจ ยิ่งนึกได้ว่าวันนี้เธอมีนัดถ่ายแบบตอนเช้า หญิงสาวจึงรีบลุกขึ้นมานั่งพร้อมกับคว้ามือถือมากดปุ่มรับ

 

“ไงจ๊ะคนสวยโทษทีที่โทร.มากวนแต่เช้า” เสียงเย็นตาโฟอู้อี้เหมือนคนเพิ่งตื่นนอน มุกมณีสลัดผ้าห่มออกจากตัวก่อนก้าวลงจากเตียง

 

“ไม่กวนหรอกค่ะ” พูดพลางเปิดตู้เย็นหยิบน้ำมารินใส่แก้ว “ว่าแต่วันนี้พี่โฟมารับได้หรือเปล่า มุกขี้เกียจขับรถ”

 

“วันนี้มุกจะไปไหนเหรอ” เย็นตาโฟถาม นางแบบสาวทำตาโตเพราะนึกไม่ถึงว่าคนความจำแม่นอย่างเขาจะลืมนัดสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานของเธอ

 

“เรามีถ่ายแบบตอนสิบโมงไม่ใช่เหรอ”

 

“ก็ใช่ ที่พี่โทร.มาก็เพราะเรื่องนี้แหละ” เย็นตาโฟตอบเสียงยานคางเหมือนเบื่อหน่ายที่สุด “ทางนั้นเขาโทร.มาเลื่อน บอกว่าเจ้านายไม่อยู่หรืออะไรสักอย่างพี่ขี้เกียจจำ เขาจะขอนัดเวลาใหม่แต่พี่หมั่นไส้เลยบอกไปว่าเดือนนี้ทั้งเดือนมุกไม่ว่าง เอาไว้เดือนหน้าค่อยว่ากันอีกที”

 

“อะไรกัน มุกอุตส่าห์เคลียร์งานให้เขาทั้งวันเลยนะ” มุกมณีพูดอย่างนึกฉุน ซึ่งอีกฝ่ายคงมีความรู้สึกแบบเดียวกัน เพราะมีเสียงลมหายใจดังฮึดฮัดก่อนเจ้าตัวจะกระแทกกระทั้นเสียงพูด

 

“ก็เพราะอย่างนี้ไงพี่ถึงเลื่อนเขาไปเดือนหน้า ถ้าไม่พอใจก็ไปจ้างคนอื่น แต่อย่านึกนะว่ามันจะออกมาดีเหมือนมุก”

 

นางแบบสาวกลอกตาขึ้นมองเพดานด้วยความเซ็งสุดขีด

 

“งั้นมุกก็ต้องว่างงานทั้งวัน”

 

“ก็ดีแล้วไง วันหยุดทั้งทีมุกจะได้พักผ่อนเหมือนคนอื่น ของมีเต็มตู้ก็นั่งทำอะไรกินไป ไม่แน่ตอนเย็นๆถ้าพี่โฟว่าง จะแวะไปกินด้วย”

 

“ไม่เอาหรอก พี่โฟกินจุจะตาย เดี๋ยวของในตู้เย็นก็หมดกันพอดี”

 

มุกมณีทำเสียงกระเง้ากระงอดจนเย็นตาโฟต้องปล่อยเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น

 

“พี่พูดเล่นน่ะ มุกนอนพักเถอะ พรุ่งนี้เที่ยงค่อยเจอกัน อ้อจะให้พี่แวะเข้าไปรับหรือเปล่า”

 

เขาปิดประโยคสุดท้ายด้วยคำถาม นางแบบสาวหยิบตารางงานมาเปิดดู พอเห็นสถานที่จัดงานเป็นศูนย์การค้าย่านชานเมืองเธอจึงปฏิเสธ

 

“ไม่ต้องหรอกพี่ มุกขับรถไปเองสะดวกกว่า”

 

“ตามใจ งั้นแค่นี้ก่อนนะ พักผ่อนให้มากๆ หน้าตาได้สดใสเบิกบานไม่บิดเบี้ยวแห้งเหี่ยวเหมือนยัยช่อแก้ว”

 

“ปากร้ายจังนะพี่” มุกมณีพูดกลั้วหัวเราะและกล่าวคำล่ำลาอีกครั้งจากนั้นจึงกดวางสายและวางมือถือไว้บนโต๊ะ ตอนแรกเธอเองก็คิดจะไปนอนต่อ แต่ต้องเปลี่ยนใจเพราะลองได้ตื่นเต็มที่แบบนี้ต่อให้ข่มตายังไงก็คงไม่มีทางหลับ ครั้นจะทำอาหารอย่างที่เย็นตาโฟแนะนำ ก็เกิดอาการขี้เกียจขึ้นมาอย่างกะทันหัน เมื่อไม่รู้จะทำอะไรหญิงสาวจึงเดินวนไปมาในห้องอยู่พักหนึ่ง พอสายตาเหลือบไปทางปฏิทิน เธอจึงนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เป็นวันอาทิตย์ซึ่งคนส่วนใหญ่จะหยุดงาน

 

รวมถึงตาแว่นคนนั้นด้วย

 

มุกมณียิ้มให้กับตัวเองก่อนคว้าเสื้อคลุมเดินเข้าห้องน้ำ ชำระล้างร่างกายจนสะอาดสดชื่นก็รีบแต่งตัว ในใจภาวนาขอให้คนที่อยากพบไม่หนีไปไหนเสียก่อน เมื่อแต่งองค์ทรงเครื่องเสร็จหญิงสาวก็ออกจากที่พัก เดินทางตรงไปยังจุดหมายที่ตั้งใจไว้ อ

 




Create Date : 23 พฤศจิกายน 2556
Last Update : 23 พฤศจิกายน 2556 18:31:55 น.
Counter : 240 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กิสึเนะ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



moony ค่ะ เป็นคนชอบสร้างจินตนาการมาตั้งแต่เด็ก เคยวาดการ์ตูนไว้เป็นเล่ม แต่เก็บไว้อ่านเอง นิยายเรื่องแรกที่เขียนเป็นแนวจีนกำลังภายใน ตอนหลังรู้จักเน็ตจึงเริ่มสร้างสรรเรื่องอื่นบ้างแต่ส่วนใหญ่เป็นแนวแฟนตาซี
All Blog