รักละไม ไอทะเล บทที่ 3 การพบกันอีกครั้ง

บทที่ 3 พบกันอีกครั้ง

เสียงกอกแกกของนิ้วที่กำลังพิมพ์แป้นคีย์บอร์ดดังออกมาจากห้องตัดต่อของบริษัท พีเจแอดเวอร์ไทซิ่ง แม้ตอนนี้จะเลยเวลาเที่ยงคืนไปมาก แต่จิรายุสยังคงนั่งทำงานอย่างต่อเนื่องไม่ยอมหยุด

อันที่จริงเขาเพิ่มภาพอนิเมชั่นของสัตว์หิมพานต์ลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงการเรียงลำดับภาพที่ต้องทำให้ต่อเนื่อง ไร้รอยตำหนิ แต่ยังมีบางจุดที่สะดุด จิรายุสจึงต้องเพิ่มรายละเอียดบางอย่างลงไป


หลังจากทำงานอย่างหนักชนิดแทบไม่ได้กินไม่ได้นอนติดต่อกันตลอดสี่วัน ในที่สุดการตัดแต่งภาพโฆษณาชุดอัญมณีหิมพานต์ก็สำเร็จลุล่วง สิ่งกวนใจของชายหนุ่มในตอนนี้ก็คือ แสงเรืองรองที่เปล่งออกมาจากตัวมุกมณี เขาพยายามปรับทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นความเข้ม เพิ่มมิติภาพก็ไม่อาจลบแสงดังกล่าวออกไปได้ ยิ่งเมื่อเพิ่มภาพอนิเมชั่นสัตว์หิมพานต์ลงไปด้วยแล้ว แสงที่ว่ายิ่งเจิสจรัสจนแทบจะกลายเป็นรัศมีของเธอไปเลยทีเดียว


“เหมือนแสงของราฟาเอลเลยแฮะ”


จิรายุสพึมพำพลางย้อนนึกถึงตอนที่เขาเห็นรัศมีของเทวดาเป็นครั้งแรก สำหรับเขา เหตุการณ์ในตอนนั้นนับเป็นสิ่งมหัศจรรย์ และไม่มีทางที่เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง ชายหนุ่มคิดขณะขยับเม้าส์ปากกาเพื่อปรับภาพให้สมดุลย์ เมื่อไม่สามารถลดทอนความเจิดจ้าของแสงนั้นลงไปได้ เขาจึงตัดสินใจใช้มันเป็นตัวช่วยเพิ่มความระยิบระยับของอัญมณี ซึ่งเป็นความคิดที่ถูกต้อง หลังจากปรับแก้อยู่พักใหญ่และเปิดดูอีกครั้ง จิรายุสต้องนั่งตกตะลึงอ้าปากค้างเพราะภาพที่ปรากฏบนหน้าจอ ไม่ว่าจะเป็นนางแบบหรือเครื่องเพชรที่ประดับอยู่บนลำคอล้วนโดดเด่นและงดงาม ดึงดูดสายตาได้อย่างเหลือเชื่อ

ชายหนุ่มยิ้มอย่างพอใจ แต่งานของเขายังไม่จบเพราะต้องไปเสนอให้ทีมงานรวมถึงคุณพีระตรวจดูก่อน ถ้าไม่มีอะไรต้องแก้ไขและส่งมอบให้กับผู้ว่าจ้างแล้วจึงจะถือว่าเสร็จสมบูรณ์จิรายุสจึงจัดเก็บไฟล์งานทั้งหมดเพื่อส่งมอบให้หัวหน้าแผนกต่อไป

การอดนอนมาสามวันทำให้จิรายุสแทบสลบเหมือดอยู่ตรงนั้นแต่ยังไม่กล้าเพราะกลัวจะเผลอทับคอมพิวเตอร์พัง หลังจากปิดเครื่องและเก็บข้าวของเครื่องใช้กลับเข้าที่จนเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มจึงคลานไปยังที่นอนชั่วคราวในลักษณะที่เกือบจะเป็นเลื้อยและหลับแทบจะทันทีเมื่อหัวถึงหมอน
ยังไม่ทันได้หลับให้เต็มอิ่มชายหนุ่มก็ต้องลืมตาตื่นเมื่อได้ยินเสียงเพลงจากสมาร์ตโฟนที่ตั้งเวลาแทนนาฬิกาปลุก จิรายุสลุกขึ้นนั่งและอ้าปากหาวอย่างงัวเงีย หลังจากนั่งสะลึมสะลืออยู่พักใหญ่เขาจึงลากกระเป๋าสะพายมาควานหาแปรงสีฟันกับผ้าเช็ดตัวผืนเล็กจากนั้นจึงเดินเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา

เมื่อได้ความสดชื่นกลับคืนมา ชายหนุ่มจึงเดินไปยังมุมพักผ่อนของแผนกเพื่อชงกาแฟดื่ม จากนั้นจึงกลับเข้าห้องตัดต่อและเปิดโฆษณาที่เขาทำเมื่อคืนดูอีกครั้ง เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยเขาจึงเตรียมบันทึกลงบนแผ่นเก็บข้อมูล เป็นจังหวะเดียวกับที่นายประพจน์เปิดประตูเข้ามาพอดี

“เป็นไงบ้างเต่า”

“โอเคแล้วครับ ผมรอให้พี่ตรวจดูก่อนค่อยเสนอเจ้านาย” จิรายุสตอบพร้อมกับเปิดภาพยนต์โฆษณาที่เขาเพิ่งทำเสร็จให้หัวหน้าดู ความนุ่มนวลจนเกือบเสมือนจริงของสัตว์หิมพานต์กับความงดงามของมุกมณีที่ปรากฏบนหน้าจอ ทำให้นายประพจน์ถึงกับยืนอึ้งพูดอะไรไม่ออก กระทั่งทุกอย่างจบลงเขาจึงหลุดปากออกมาอย่างลืมตัว

“สวยจริงๆ”

“ผมก็ว่าอย่างนั้น” จิรายุสพูดพลางวางแผ่นดีวีดีเพื่อบันทึกข้อมูล เสร็จแล้วจึงจัดเก็บใส่กล่องใส่กล่องยื่นให้นายประพจน์ แต่พอเห็นอีกฝ่ายยังคงยืนตาลอยเขาจึงสะกิดเบาๆพร้อมกับเรียก

“กลับมาหรือยังครับ”

หัวหน้าแผนกสะดุ้งและหันมาถาม

“ว่าอะไรนะ”

“ผมนึกว่าพี่พจน์กำลังทำสมาธิถอดจิต เลยถามว่ากลับมาหรือยัง”

ถ้าอยู่ในรุ่นราวคราวเดียวกัน นายประพจน์คงเตะจิรายุสสักป้าบ ถึงกระนั้นเขาก็ยังอดเงื้อมะเหงกเขกกะโหลกลูกน้องจอมทะลึ่งไม่ได้ 

“ผมกำลังเครียด ยังจะมาทำเป็นพูดเล่นอยู่ได้”

จิรายุสหัวเราะแหะ ๆเป็นการแก้เก้อก่อนถาม

“ตกลงเป็นยังไงครับ ใช้ได้หรือเปล่า”

“ยอดเยี่ยม” นายประพจน์ตอบพลางพลิกกล่องที่รับมาจากจิรายุส “ผมคิดว่าคุณพีระจะต้องชอบ แต่ก็ต้องดูอีกทีว่าคนจ้างจะว่ายังไง”

เขาหยุดพูดและมองจิรายุสตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า

“ไม่ได้กลับบ้านมากี่วันแล้วเนี่ย”

ชายหนุ่มทำท่านึก

“น่าจะสองหรือสามวัน ทำไมหรือครับ” ประโยคสุดท้ายเขาย้อนถามด้วยความสงสัยพร้อมกับยกแขนขึ้นและก้มหน้าลงไปสูดกลิ่นแล้วพูดพึมพำเบาๆ “ก็ไม่เหม็นเท่าไหร่นี่นา”

นายประพจน์ถอนใจออกมาเบาๆด้วยความระอากับความทะเล้นของลูกน้อง ก่อนอธิบาย

“ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น แต่วันนี้คุณต้องเข้าร่วมประชุมด้วย ดังนั้นรีบกลับบ้าน อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ผมให้เวลาสองชั่วโมง”

สั่งเสร็จนายประพจน์ส่งกล่องดีวีดีคืนให้และเดินออกจากห้องไป ส่วนจิรายุสพอรู้ว่าจะต้องเข้าร่วมการประชุมจึงรีบรวบรวมเอกสารทุกชิ้นเกี่ยวกับงานไม่ว่าจะเป็นไฟล์ภาพยนต์โฆษณา หรือภาพที่เตรียมไว้สำหรับการทำโปสเตอร์ เมื่อตรวจทานจนแน่ใจว่าทุกอย่างครบถ้วนแล้วเขาจึงคว้ากระเป๋าเดินออกจากบริษัท ขึ้นรถไฟฟ้ากลับไปที่คอนโด ใช้เวลาในการอาบน้ำ แต่งตัวไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเขาก็กลับมาที่บริษัทอีกครั้งและตรวจงานที่จะนำเสนออีกรอบก่อนเข้าห้องประชุม

ตอนแรกจิรายุสคิดผู้เข้าร่วมประชุมคงมีแต่คุณพีระ ผู้บริหารระดับสูงกับพนักงานที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องเท่านั้น แต่พอเห็นชาวต่างชาติที่ได้รับการแนะนำว่าเป็นตัวแทนบริษัทจิวเวอรี่ก้าวเข้ามาในห้อง เขาก็เกิดอาการหายใจไม่ทั่วท้องขึ้นมาอย่างปุบปับ เพราะทุกครั้ง เขาทำเพียงเสนองานให้เจ้านายและผู้บริหารระดับสูงไม่กี่คนเท่านั้น นับเป็นครั้งแรกที่มีผู้ว่าจ้างร่วมประชุมอยู่ด้วย

โฆษณาชุด อัญมณีแห่งหิมพานต์ คือหัวข้อแรกของการประชุม นายพีระได้กล่าวถึงรายละเอียดเบื้องต้นก่อนเชิญให้จิรายุสเปิดภาพยนต์ที่เพิ่งทำเสร็จให้ทุกคนได้ชม ตอนแรกตัวแทนบริษัทจิวเวอรี่มีสีหน้าเฉยเมยเหมือนไม่เชื่อถือฝีมือของคนทำที่เป็นเพียงคนหนุ่มอายุน้อยหน้าตาใสซื่อบริสุทธิ์เท่าใดนัก แต่พอภาพของมุกมณีปรากฏขึ้นบนจอ ทุกคนต่างพากันนั่งเงียบกริบ ดวงตาทุกคู่จับจ้องความงดงามของภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึง แม้จะจบไปนานแล้วทั้งหมดก็ยังคงนั่งอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้น กระทั่งตัวแทนบริษัทจิวเวอรี่ซึ่งได้สติเป็นคนแรกปรบมือพร้อมกับเอ่ยปากชม

“ยอดเยี่ยม เป็นโฆษณาที่วิเศษที่สุด” เขาหันไปทางนายพีระ “ภาพสวย เพลงประกอบก็ลงตัวผมพอใจกับงานชิ้นนี้มาก”

เขากล่าวคำชมอีกยาวยืดก่อนรับไฟล์งานเพื่อนำไปให้บริษัทแม่ดูอีกครั้ง หลังจากเจรจาเรื่องข้อตกลงพร้อมกับวางแผนงานโฆษณาชิ้นใหม่ให้นายพีระแล้ว ตัวแทนบริษัทผู้นั้นจึงขอตัวกลับ จากนั้นทั้งหมดจึงนำเสนองานชิ้นต่อไปซึ่งมีทั้งการถ่ายภาพยนต์โฆษณาและการจัดอีเวนท์ติดต่อกันถึงห้างาน สำหรับการประชุมในครั้งนี้ค่อนข้างเคร่งเครียดเพราะแต่ละงานจัดอย่างกระชั้นกันมากจนต้องมีการนำเจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานออกไปช่วย และแน่นอนว่าจิรายุสก็เป็นหนึ่งในนั้น

เลยเวลาเที่ยงไปเกือบครึ่งชั่วโมงการประชุมจึงจบลง เพื่อฉลองความสำเร็จและเป็นการขอบคุณ นายพีระสั่งอาหารญี่ปุ่นจากร้านดังย่านสุขุมวิทมาเลี้ยงพนักงานทุกคน เมื่ออิ่มหนำสำราญกันถ้วนหน้าแล้วทั้งหมดจึงเริ่มลงมือทำงานต่อ ยกเว้นจิรายุสซึ่งได้รับอนุญาตให้กลับบ้านพักผ่อนอย่างเต็มที่หนึ่งวัน ซึ่งชายหนุ่มยอมปฏิบัติตามด้วยความยินดี ทันทีที่ถึงคอนโด สิ่งแรกที่จิรายุสทำก็คือทิ้งตัวลงบนเตียงและหลับไปทั้งชุดทำงาน

การพักผ่อนอย่างเต็มอิ่มทำให้เช้าวันต่อมา จิรายุสลืมตาตื่นด้วยความแจ่มใส หลังจากประกอบกิจวัตรประจำวันตามปรกติและรับประทานมื้อเช้าเสร็จเรียบร้อยเขาจึงเดินทางไปทำงาน เมื่อไปถึงชายหนุ่มต้องขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจที่เห็นนายประพจน์กำลังเดินวนไปมาเหมือนหนูติดจั่น พอเห็นจิรายุสเท่านั้นเขาก็ยิ้มกว้างพร้อมกับปรี่เข้ามาหา

“มาแล้วเหรอเต่า”

“ครับ”จิรายุสรับคำด้วยความงุนงง เพราะสีหน้าท่าทางของหัวหน้าแผนกในวันนี้ดูหลุกหลิกผิดไปจากทุกวัน ความสงสัยทำให้เขาหลุดปากถามออกไปโดยไม่รู้ตัว “มีอะไรหรือเปล่าครับพี่พจน์”

“ก็มีนะสิ” นายประพจน์ตอบพร้อมกับถอนใจออกมาอย่างแรงก่อนเดินย้อนกลับไปหยิบแฟ้มที่วางอยู่บนโต๊ะ “จำงานชิ้นนี้ได้หรือเปล่า”

ถามพลางยื่นแฟ้มส่งให้จิรายุส เขาเปิดดูรายละเอียดภายในแล้วขมวดคิ้ว

“โฆษณาครีมกันแดด แต่ผมไม่ได้เป็นคนดูแลงานชิ้นนี้”

เขามองหัวหน้าและชะงักคำพูดเมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังเคาะโต๊ะอย่างกระวนกระวายใจ “ทำไมหรือครับ”

“นางแบบคือคุณมุกมณี” นายประพจน์ตอบพร้อมกับระบายลมหายใจออกมาอีกเฮือกใหญ่ จิรายุสปิดแฟ้มก่อนส่งคืนให้หัวหน้า

“เธอมีปัญหาอะไรหรือครับ”

นายประพจน์สั่นศีรษะ

“เปล่า ปัญหาอยู่ที่ช่างภาพของเราต่างหาก” เขาพูดพลางขมวดคิ้วจนหน้าผากย่น “ผมเพิ่งได้ข่าวว่าสัญชัยเข้าโรงพยาบาล”

“พี่สัญเป็นอะไรหรือครับ”

จิรายุสถามด้วยความตระหนก เพราะนับตั้งแต่ทำงานกับบริษัทนี้ นอกจากอาการเมาค้างแล้ว ช่างภาพที่ชื่อสัญชัยไม่เคยป่วยจนเข้าโรงพยาบาลเลยสักครั้ง นายประพจน์ถอนใจออกมาอีกครั้งก่อนตอบ

“ผมเองก็ยังไม่รู้รายละเอียดอะไรมากนัก แต่เท่าที่ได้ยิน ดูเหมือนเขาจะติดเชื้ออะไรบางอย่างทำให้เกิดแผลพุพองทั้งตัว”

“แบบนี้ก็แย่สิครับ” จิรายุสพึมพำ เพราะนอกบริษัทนี้มีแค่สัญชัยเท่านั้น ที่ทำหน้าที่เป็นช่างถ่ายภาพ นายประพจน์พยักหน้ารับ

“ใช่ แย่ แต่ยังดีที่เรามีช่างภาพสำรองอยู่อีกคน” ไม่พูดเปล่า หัวหน้าคนเก่งยังชำเลืองตามาทางจิรายุส การมองอย่างมีเลศนัยทำให้เขานึกสังหรณ์ใจบางอย่างขึ้นมาในทันที

“อย่าบอกนะครับว่า...”

“ถูกต้องแล้วเต่า นับแต่นี้เป็นต้นไปคุณต้องรับหน้าที่เป็นช่างภาพไปจนกว่าสัญชัยจะกลับมาทำงานได้”

ถึงจะชอบการถ่ายรูปมากแค่ไหน แต่จิรายุสก็ไม่เคยคิดที่จะทำหน้าที่เป็นช่างภาพ เพราะเขาคิดว่าตัวเองยังไม่เก่งจนถึงขั้นนั้น ที่สำคัญเขามีความสุขกับงานที่ทำในตอนนี้มากกว่า การได้รับมอบหมายอย่างกะทันหันทำให้ชายหนุ่มรีบปฏิเสธ

"แต่ผม”

“อย่าปฏิเสธ” นายประพจน์ดักคออย่างรู้ทัน “จากที่พวกเราเห็น ฝีมือคุณดีไม่แพ้สัญชัย บางทีอาจจะดีกว่าด้วยซ้ำ อัญมณีแห่งหิมพานต์เป็นข้อพิสูจน์ได้อย่างดี ดังนั้น”

เขาเว้นระยะคำพูดเล็กน้อยก่อนยื่นแฟ้มส่งให้จิรายุส

“เรานัดคุณมุกมณีไว้วันนี้ บ่ายโมงตรง”

“แต่ผมยังมีงานที่ต้องทำ” จิรายุสแย้งไม่เต็มเสียง นายประพจน์จึงตบไหล่เขาสองสามครั้ง

“ผมจะให้คนอื่นทำแทน ตอนนี้คุณเอาแผนงานไปนั่งอ่านและเตรียมตัวให้พร้อม อย่าให้คุณมุกมณีต้องอารมณ์เสียอย่างเด็ดขาด เข้าใจไหม”

เมื่อไม่มีทางปฏิเสธจิรายุสจึงจำต้องผงกศีรษะพร้อมกับกล่าวรับคำ

“ครับ”

นายประพจน์ส่งยิ้มให้เขาพร้อมกับตบบ่าอีกครั้งเหมือนเป็นการให้กำลังใจก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้าห้องทำงาน

จิรายุสยืนนิ่งเป็นหุ่นอยู่ชั่วอึดใจก่อนไปนั่งที่โต๊ะ จากนั้นจึงเริ่มอ่านแผนงานทั้งหมดอย่างละเอียด เมื่อเข้าใจดีแล้วเขาจึงเริ่มร่างแบบคร่าวๆที่จะต้องใช้ลงสมุดกระทั่งถึงเวลาเที่ยงวัน หลังจากรับประทานแล้ว ชายหนุ่มจึงตรงดิ่งไปยังห้องสตูดิโอเพื่อตรวจเช็คอุปกรณ์ทั้งหมด เพื่อให้พร้อมสำหรับนางแบบสาว มุกมณี

*/*/*/*/*/*




Create Date : 15 กันยายน 2556
Last Update : 15 กันยายน 2556 9:09:47 น.
Counter : 486 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กิสึเนะ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



moony ค่ะ เป็นคนชอบสร้างจินตนาการมาตั้งแต่เด็ก เคยวาดการ์ตูนไว้เป็นเล่ม แต่เก็บไว้อ่านเอง นิยายเรื่องแรกที่เขียนเป็นแนวจีนกำลังภายใน ตอนหลังรู้จักเน็ตจึงเริ่มสร้างสรรเรื่องอื่นบ้างแต่ส่วนใหญ่เป็นแนวแฟนตาซี
All Blog