รักละไม ไอทะเล บทที่ 2 มุกมณี
 

บทที่ 2 มุกมณี

 

 

            รถยนต์สีแดงเพลิงเร่งความเร็วเมื่อคนขับเห็นสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนจากเขียวมาเป็นเหลือง ท้ายรถผ่านพ้นสี่แยกเมื่อไฟเปลี่ยนสีพอดี ถึงจะไม่ใช่เป็นการฝ่าสัญญาณไฟแดงแต่การได้ทำอะไรอย่างเฉียดฉิวท้าทายแบบนี้สร้างความภาคภูมิใจต่อคนขับเป็นอย่างมาก

 

            เย็นตาโฟส่งเสียงร้องดังลั่นอย่างถูกใจที่สามารถหลุดรอดจากสี่แยกมหากาฬมาได้โดยไม่ติดไฟแดง รถคันงามเลี้ยวเข้าซอยขนาดเล็กซึ่งเป็นทางลัดสู่ถนนสายเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา จุดหมายของช่างแต่งหน้าหนุ่มผู้นี้คือโรงแรมห้าดาวอันเป็นสถานที่จัดงานแสดงแฟชั่นโชว์ของร้านเสื้อชื่อดัง แน่นอนว่ามุกมณีได้รับการติดต่อไปให้ร่วมงานในครั้งนี้ด้วย

 

            กำหนดงานคือเวลา 14.30 น. แต่เพราะคืนที่ผ่านมามุกมณีต้องไปถ่ายแบบโฆษณาให้กับเครื่องสำอางยี่ห้อหนึ่ง กว่าจะเรียบร้อยเวลาก็ผ่านไปจนถึงสองนาฬิกาของวันใหม่ เย็นตาโฟจึงแน่ใจว่าตอนนี้เธอคงยังไม่ตื่น

 

            สายตาชำเลืองดูนาฬิกาหน้ารถ เขาถอนใจออกมาเมื่อเห็นว่ามันเลยเวลาเที่ยงมาเล็กน้อย หากรอให้นางแบบสาวตื่นและเดินทางออกจากคอนโดเองคงไม่ทันเวลางาน ครั้นจะโทร.ไปปลุกก็กลัวมุกมณีโกรธ เขาจึงตัดสินใจปล่อยให้เธอนอนพักอย่างสบาย เมื่อได้เวลาจึงขับรถไปรับหญิงสาวด้วยตัวเอง

 

            เนื่องจากสถานที่จัดงานกับที่พักของหญิงสาวอยู่บนถนนสายเดียวกัน เย็นตาโฟจึงเลี้ยวรถเข้าซอยย่อยที่ตัดเข้าสู่คอนโดของมุกมณี ชายหนุ่มกดปุ่มลดระดับเสียงเพลงก่อนหยิบสมาร์ตโฟนมากดหมายเลขมือถือของนางแบบสาว รออยู่ชั่วอึดใจก็ได้ยินเสียงอู้อี้เหมือนคนเพิ่งตื่นนอนรับสาย

 

            “ยังไม่ตื่นอีกเหรอจ๊ะหนูมุก” เขาถามและหัวเราะชอบอกชอบใจเมื่อได้ยินอีกฝ่ายตอบเชิงประชด “พี่รู้ว่าเมื่อคืนมุกทำงานดึก แต่วันนี้เรามีงานแฟชั่นโชว์บ่ายสองจำได้หรือเปล่า”

 

            ชายหนุ่มนิ่งฟังปลายสายบ่นพึมพำราวกับหมีกินผึ้งและรีบพูดทันทีเมื่อหญิงสาวหยุด

 

            “ไม่ได้ แฟชั่นวันนี้เป็นงานของห้องเสื้อระดับโลก จะเหลือแต่ซากยังไงมุกก็ต้องลากสังขารไปให้ได้ ไม่ต้องห่วง พี่รู้ว่ามุกขี้เกียจขับรถ ลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวอีกสิบนาทีพี่เข้าไปรับ”

 

            เสียงมุกมณีรับคำก่อนวางสาย เย็นตาโฟจึงวางโทรศัพท์และหันไปให้ความสนใจกับการขับรถตามเดิม ช่วงเที่ยงของวันธรรมดาแบบนี้การจราจรไม่คล่องตัวนัก แม้จะอยู่ห่างจากคอนโดของมุกมณีไม่ถึงสองกิโล แต่กว่าจะฝ่าฟันรถยนต์ที่คับคั่งและหลุดจากไฟแดงไปได้ ก็กินเวลาไปไม่ใช่น้อย

 

            ระหว่างติดสัญญาณไฟ เย็นตาโฟนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ลงท้ายก็วกกลับมาที่เรื่องของเขากับมุกมณี จะเป็นเพราะโชคดีหรือเหตุบังเอิญก็สุดจะเดาที่เขาได้เป็นช่างแต่งหน้าประจำตัวของนางแบบสาวชื่อดังคนนี้

 

            ช่างแต่งหน้า

 

            เย็นตาโฟระบายลมหายใจยาวๆพลางย้อนนึกถึงอดีตครั้งเมื่อยังเป็นเด็ก ครอบครัวของเขาอยู่ต่างจังหวัด มีพี่สาวอยู่สี่คน ตัวเขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียวแต่คำพูดคำจากลับออกแนวกระตุ้งกระติ้งผิดวิสัยเด็กในวยเดียวกัน จะบอกว่ามันอาจจะเป็นเพราะที่บ้านมีแต่ผู้หญิงก็ไม่ถูกนัก เพราะทุกอย่างมาจากความรู้สึกของเขา ไม่ว่าจะเป็นความรักสวยรักงาม ชอบการแต่งตัว เรียกได้ว่ามันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เขาเริ่มจำความได้

 

อาการเริ่มแรกก็แค่แอบหยิบลิปสติกของแม่ทาปากเล่น ตอนนั้นทุกคนเห็นเป็นเรื่องขำขันแต่พอเย็นตาโฟหยิบเสื้อผ้าพี่สาวและแต่งหน้าเขียนคิ้ว ก็ถูกพ่อจับเฆี่ยนจนหลังลาย นับแต่นั้นเขาจึงไม่กล้าแสดงอะไรออกมาอีกเลยจนกระทั่งเข้าสู่ชั้นมัธยม ถึงจะมีรูปร่างค่อนไปทางท้วมแต่ความที่มีหน้าตาหล่อเหลา ทำให้สาวๆมาชอบมากพอดู แต่เย็นตาโฟไม่สนใจใครเลยสักนิด ไม่ชอบแม้กระทั่งนิตรสารปลุกใจเสือป่าที่เพื่อนผู้ชายชอบจับกลุ่มดูกันในห้องน้ำ ตรงกันข้ามเขาจะใจเต้น หน้าร้อนผ่าวเวลาเจอหัวหน้าทีมฟุตบอลสุดหล่อประจำโรงเรียน และพูดอะไรไม่ออกทันทีที่ได้อยู่ใกล้ ถึงอย่างนั้นเย็นตาโฟก็ยังไม่กล้าแสดงอะไรออกมาเพราะรู้ดีว่ามันเป็นเรื่องผิดปรกติ และเป็นสิ่งน่าอาย

 

เย็นตาโฟสับสนกับตัวเองอยู่นานจนเห็นการ์ตูนและนิยายแนวยาโออิหรือชายรักชายที่เพื่อนนักเรียนหญิงขอบอ่าน ตอนนั้นเองที่ชายหนุ่มเริ่มรู้จักกับคำว่าเพศที่สามและเส้นทางสายสีม่วง และแน่ใจว่าเขาไม่ใช่กระเทย เพราะถึงจะชอบเพศเดียวกัน รักความสะอาดและการแต่งตัว แต่ชายหนุ่มก็ไม่เคยนึกอยากจะเป็นผู้หญิง

 

ถึงจะรู้ว่าตัวเองเป็นอะไร เย็นตาโฟก็ยังไม่กล้าแสดงออกกระทั่งเรียนจบมหาวิทยาลัยและเริ่มหางานทำ แต่ก็อยู่ที่ไหนได้ไม่นานเพราะพอคนในบริษัทรู้ว่าเขาเป็นเกย์ก็จะตั้งข้อรังเกียจและหาเรื่องแกล้งจนเขาทนไม่ไหว ต้องลาออกในที่สุด เมื่อทำงานที่ไหนไม่ได้ เย็นตาโฟจึงหันไปเรียนด้านการแต่งหน้า และรับงานไปทั่วตั้งแต่นางรำวงงานวัดไปจนถึงประกวดเทพีประจำจังหวัด ระหว่างนั้นก็ไปสมัครเข้าทำงานกับบริษัทโมเดลลิ่งรวมไปถึงกองถ่ายทำภาพยนต์ แต่ก็พลาดทั้งหมดเพราะเขาไม่มีเส้นมีสายเหมือนคนอื่น     

 

การพลาดงานหลายครั้งไม่ได้ทำให้เย็นตาโฟท้อ ตรงกันข้ามเขากลับมีความมุมานะมากยิ่งขึ้น เริ่มแรกชายหนุ่มปรับปรุงบุคลิกของตัวเองให้เด่นและแรง เปลี่ยนชื่อใหม่จากพิภพ เป็นเย็นตาโฟ ด้วยเหตุผลว่ามันเป็นก๋วยเตี๋ยวที่มีสีจัดจ้านซ้ำเครื่องปรุงยังหลากหลายเหมือนสีสันของอายชาโดว์กับลิปสติก เสื้อผ้าเครื่องแต่งตัวทุกชิ้นถ้าไม่ขาวสะอาดทั้งชุด ก็จะเป็นสีสันสดใส โดดเด่นสะดุดตา จนบางครั้งมุกมณียังเหน็บเขาว่า เหมือนนกแก้วมาคอร์

 

ความพยายามของเขาทำให้มีงานเข้ามาบ้าง แต่ยังไม่มากพอจะเป็นอาชีพ กระทั่งเย็นตาโฟเข้าร่วมการประกวดนางแบบหน้าใหม่และได้จับคู่กับมุกมณี ฝีมือการแต่งหน้าที่เหนือชั้นกับคำแนะนำเรื่องเสื้อผ้าของเขา ทำให้หญิงสาวซึ่งหน้าตาสวยอยู่แล้วมีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้นประกอบกับท่วงท่าการเดินที่แสนสง่างามกับการไหวพริบที่ดีเลิศ ทำให้เธอชนะใจกรรมการทุกคน และก้าวเข้าสู่วงการนางแบบนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา

 

 แน่นอนว่ามุกมณีมอบหน้าที่ให้เย็นตาโฟเป็นช่างแต่งหน้า และเป็นเสมือนผู้จัดการส่วนตัวของเธอด้วยกลายๆ ทั้งสองสนิทสนมกันมาก ไปไหนมาไหนด้วยกันแทบจะเกือบทุกที่ มุกมณีให้ความไว้วางใจและเคารพรักเขาเหมือนพี่ชายในขณะเดียวกันเย็นตาโฟก็รักและยินดีทำทุกอย่างเพื่อปกป้องเธอ

 

ถึงบางครั้งจะโดนนางแบบสาวจิกใช้ราวนางทาสก็ตาม

 

เย็นตาโฟยิ้มให้กับความคิดสุดท้าย ถึงมุกมณีจะเป็นคนเอาแต่ใจ แต่ถ้ารู้นิสัยและเข้าใจเธอดีแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องยากในการพูดคุยหรือติดต่อเธอไปร่วมงาน

 

นางแบบสาวผู้นี้มีกฏเหล็กอยู่สามข้อคือ หนึ่ง ไม่สวมเสื้อผ้าหวือหวาล่อตาล่อใจโดยเฉพาะชุดว่ายน้ำ สองไม่รับงานโฆษณาสินค้าจำพวกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด และข้อสามซึ่งสำคัญที่สุด เธอยินดีเดินทางไปถ่ายแบบทุกสถานที่ ยกเว้นชายทะเลหรือแหล่งน้ำขนาดใหญ่อย่างทะเลสาปหรือแม่น้ำลำคลอง เพราะตอนเป็นเด็กเธอเคยถูกคลื่นพัดออกจากชายหาด โชคดีที่มีคนช่วยได้ทัน

 

นั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมเธอถึงอาละวาดพังราวแขวนเสื้อในงานแฟนชั่นโชว์ เพราะก่อนทำสัญญา ทั้งเขาและเธอย้ำแล้วย้ำอีกว่าต้องไม่มีชุดว่ายน้ำ แต่พอเอาเข้าจริงเจ้าของงานกลับแอบปนชุดที่ว่านี้เข้าไปด้วย เหมือนเป็นการบังคับกลายๆ ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดมหันต์ เพราะไม่เพียงโยนชุดทั้งหมดลงพื้นแล้ว มุกมณียังเดินเชิดออกจากงานกลางคัน ทิ้งให้นางแบบที่เหลือหัวปั่นกับการจัดลำดับคิวแฟชั่นใหม่ทั้งหมด และไม่สนด้วยว่าวันรุ่งขึ้นนักข่าวจะพาดหัวหน้าหนึ่งว่าอะไร

 

เกย์หนุ่มหัวเราะคิกคักอย่างสนุกสนานเมื่อนึกถึงหน้าของผู้จัดการงานที่ซีดจนเหลือไม่ถึงสองนิ้ว เพราะหัวใจของงานครั้งนั้นไม่ใช่ดารานักแสดงที่มากันอย่างคับคั่ง แต่เป็นมุกมณี นางแบบเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถดึงทุกสายตาผู้ร่วมงานทุกคน

 

รถยนต์สีร้อนแรงชะลอความเร็วลงเลี้ยวเข้าไปในลานจอดรถของคอนโดหรู เย็นตาโฟหยิบกระเป๋าอุปกรณ์แต่งหน้าและยัดสมาร์ตโฟนใส่กางเกงก่อนเดินตรงไปยังลิฟต์ ห้องพักของมุกมณีอยู่บนชั้นที่ 25 ซึ่งเป็นห้องสวิทราคาแพงที่สุด เมื่อไปถึงเขาเคาะประตูด้วยจังหวะที่เป็นรหัสซึ่งรู้กันเพียงสองคน พอเห็นหน้าหญิงสาว เย็นตาโฟถึงกับเอามือทาบอกและร้องอุทานด้วยความตกใจ

 

“ตายแล้วมุก ทำไมหน้าเธอถึงได้มันแผลบเหมือนไปจุ่มในหม้อน้ำมันหมูมาแบบนี้”

 

“มาถึงก็โวยวายเลยนะ” มุกมณีตอบพลางเดินไปหยิบกระดาษมาซับอย่างบรรจง “มุกพอกครีมน่ะ”

 

“ครีมอะไร ทำไมถึงเยิ้มขนาดนี้”

 

มุกมณีชี้ไปที่กระปุกซึ่งวางอยู่บนโต๊ะ เย็นตาโฟหยิบขึ้นมาดูและเบ้ปากเมื่อพบว่ามันเป็นครีมยี่ห้อดังราคาแพงจากต่างประเทศ

 

“ครีมดีมันต้องซึมเข้าผิวสิ” เขาบ่น หญิงสาวเลยเดินไปชี้ให้เขาอ่านรายละเอียด

 

“มันเป็นครีมอบไอน้ำค่ะพี่โฟ”

 

พูดจบเธอก็เดินหายเข้าห้องน้ำ ระหว่างนั้นเย็นตาโฟจึงเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อหาอะไรมารองท้องเพราะตั้งแต่เช้านอกจากกาแฟแล้วเขายังไม่ได้กินอะไรเลย แต่พอเห็นสิ่งที่อยู่ในตู้ ชายหนุ่มก็อุทานออกมาด้วยความแปลกใจ

 

“โอ้โห นี่มันตู้เย็นนางแบบหรือซุปเปอร์มาเก็ตห้าง ทำไมของกินมันถึงได้เยอะแยะแบบนี้”

 

เขามองชั้นเก็บของสดซึ่งมีทุกอย่างตั้งแต่หมู ไก่ ปลา กุ้ง โดยเฉพาะสองอย่างหลังมีมากที่สุด ส่วนช่องเก็บผักก็ถูกอัดแน่นไปด้วยผักเกือบทุกประเภท ตรงกลางก็เต็มไปด้วยเครื่องดื่มจำพวกน้ำผลไม้และนมสด ไม่นับรวมของหวานอย่างเช่นช็อคโกแลตรสต่างๆที่กินพื้นที่ไปหนึ่งชั้นเต็มๆ มุกมณีซึ่งเดินออกมาจากห้องน้ำเช็ดหน้าพลางตอบ

 

“เวลากลับมาตอนกลางคืนมุกหิวนี่นา บางวันไม่มีงาน ขี้เกียจออกไปไหนก็นั่งทำอะไรกินเล่น”

 

“เธอเป็นนางแบบ กินไม่บันยะบันยังแบบนี้มีหวังอ้วนตาย” เย็นตาโฟติง หญิงสาวยักไหล่

 

“ไม่มีทางหรอก มุกออกกำลังกายเป็นประจำ กินแค่ไหนก็ไม่อ้วน” เธอเดินไปหยิบขนมปังแถว แฮมกับชีสแผ่นมาวางเหมือนรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังหาอะไร “ทำเผื่อมุกด้วย”   

 

            สั่งเสร็จก็เดินเข้าห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า เย็นตาโฟจึงลงมือทำแซนวิชอย่างคล่องแคล่วโดยไม่ลืมต้มกาแฟด้วย เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย มุกมณีก็แต่งตัวเสร็จพอดี เธอมองแซนวิชที่ถูกหั่นไว้พอดีคำแล้วยิ้มอย่างถูกใจ

 

            “แบบนี้ต้องให้พี่โฟมารับบ่อยๆ”

 

            “ไม่ไหวหรอก บ้านมุกกับบ้านพี่อยู่ห่างกันจะตาย” เย็นตาโฟพูดพลางรินกาแฟส่งให้หญิงสาว “อย่ามัวแต่พูด รีบกินจะได้รีบไป งานนี้ห้ามสายเด็ดขาด ยายช่อแก้วยิ่งอยากแย่งตำแหน่งเทพีประจำงานอยู่ด้วย”

 

            ช่อแก้วที่เขาพูดถึงเป็นนางแบบในสังกัดเดียวกัน แต่มักหาเรื่องกลั่นแกล้งหรือแขวะเธอด้วยความอิจฉาอยู่ตลอดเวลา

 

            “เทพีหน้าหงิกละไม่ว่า” มุกมณีเหน็บอย่างไม่ใส่ใจนักพลางหยิบแซนวิชใส่ปากเคี้ยว เย็นตาโฟมองเธอแล้วส่ายหน้าอย่างเอือมระอา

 

            “อย่าประมาท ความสวยเป็นสิ่งไม่คงทน เผลอหน่อยเดียวผิวก็เหี่ยวเหนียงยานเป็นคอนกกระทุงกันหมด”

 

            มุกมณีหัวเราะลั่นด้วยความขบขัน

 

            “วันนี้พี่โฟมาแปลก อยู่ๆก็แสดงธรรมให้ฟัง จะไปบวชชีหรือไงกันคะ”

 

            เย็นตาโฟค้อนปะหลับปะเหลือก

 

            “เราอุตส่าห์เตือนด้วยความหวังดียังจะมาทำเป็นเล่นอีก ทีหลังไม่พูดอะไรให้ฟังแล้ว”

 

            นางแบบสาวนั่งอมยิ้มไม่ตอบอะไรเพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ได้โกรธจริงจังนัก เธอเอื้อมไปหยิบสมุดบันทึกตารางงานมาเปิดดูและย่นจมูกอย่างเบื่อหน่ายเมื่อพบว่าวันนี้เธอต้องไปเดินแบบถึงสองงาน และอีกงานก็เป็นการเดินการกุศลที่บรรดาคุณหญิงคุณนายจัดขึ้นเพื่อมูลนิธิอะไรบางอย่างที่เธอไม่สนใจจำ

 

            “ต้องเดินแบบชุดไทยด้วย” มุกมณีบ่นอุบ เย็นตาโฟซึ่งกำลังละเลียดแซนวิชอย่างเอร็ดอร่อยจึงอธิบาย

 

            “งานนี้เป็นชุดไทยประยุกต์ ได้ยินมาว่าคนออกแบบเป็นลูกคุณหญิงที่จบดีไซเนอร์มาจากเมืองนอก เครื่องทรงคงอลังการงานสร้างน่าดู”

 

            นางแบบสาวผงกศีรษะแต่ไม่พุดอะไร เธอดูงานล่วงหน้าอีกสองวันเพื่อจะได้เตรียมตัวถูกจากนั้นจึงวางสมุดและยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม

 

            “ไปกันหรือยังพี่โฟ”

 

            “แหม พออิ่มก็จะไปทันทีเลยนะ” เย็นตาโฟบ่นพร้อมกับคว้าแซนวิชชิ้นสุดท้ายเข้าปาก แต่พอจะหยิบถ้วยไปล้าง มุกมณีก็ห้าม

 

            “ทิ้งไว้อย่างนั้นแหละ เดี๋ยวมุกจัดการเอง”

 

            พูดจบก็เดินนำออกจากห้อง เย็นตาโฟจึงรีบคว้าประเป๋าเครื่องสำอางก้าวตาม จากนั้นทั้งคู่จึงออกเดินทางไปยังสถานที่จัดงานภายในโรงแรมระดับห้าดาวซึ่งอยู่ใจกลางเมือง

 

            จอดรถเรียบร้อยทั้งเย็นตาโฟและมุกมณีจึงเข้าไปในงานพร้อมกัน ทันทีที่ก้าวไปในส่วนของนางแบบ เสียงใครคนหนึ่งก็ร้องเรียก

 

            “มุก”

 

            หญิงสาวหันไปส่งยิ้มหวานให้กับคนทักพร้อมกับเอ่ยชื่อ

 

            “คุณฟ้า” เธอเดินเข้าไปหาเพื่อนนางแบบด้วยกัน ซึ่งตอนนี้แต่งหน้าทำผมจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว “มาถึงนานแล้วเหรอคะ”

 

            “ก็พักใหญ่แล้วละจ้ะ ว่าแต่มุกเถอะทำไมมาเอาป่านนี้ งานใกล้จะเริ่มแล้วเดี๋ยวแต่งตัวไม่ทันหรอก”

 

            ระหว่างสนทนา นางแบบอีกหลายคนรวมทั้งเจ้าของงานต่างเดินเข้ามาทักและแนะนำให้เธอรีบแต่งตัว หญิงสาวรับคำพลางมองหาราวแขวนเสื้อส่วนของเธอ แต่ในระหว่างที่กำลังอ่านป้ายชื่ออยู่นั้นเองเสียงใครบางคนก็ดังขึ้น

 

“เป็นคนดังนี่ดีจังเลยนะ มาสายยังไงก็ไม่โดนว่า” ช่อแก้ว นางแบบสาวในชุดลำลองสีฟ้าสดเปรยโดยตั้งใจให้อีกฝ่ายได้ยิน เย็นตาโฟหันขวับเพื่อจะโต้แต่คำพูดชะงักค้างอยู่ในปากเมื่อมุกมณียื่นมือมาสะกิด

 

“ช่วยไม่ได้” นางแบบสาวพูดขึ้นมาลอยๆ “จะทำบ้างก็ได้นะ แต่คงยากหน่อยเพราะยังไม่มีใครจำชื่อได้”

 

คำยอกย้อนอย่างเจ็บแสบทำให้ช่อแก้วเต้นเร่าๆ หล่อนชี้หน้าอีกฝ่ายพร้อมกับแผดเสียงลั่น

 

“มันจะมากไปแล้วนะนังมุกมณี”

 

เธอก้าวพรวดเข้าไปหาหมายปะทะคารมให้หนำใจ สงครามระหว่างมุกมณีกับช่อแก้วคงบานปลายมากกว่านั้นถ้าผู้จัดงานไม่เข้ามาห้ามเสียก่อน

 

“พอเถอะครับคุณช่อแก้ว เกิดนักข่าวเข้ามาเห็นจะไม่ดีต่อภาพพจน์ของคุณนะครับ”

 

เขาเตือนอย่างสุภาพเมื่อเห็นหญิงสาวยอมสงบลงและสะบัดหน้าเดินจากไปแล้วจึงหันไปกล่าวกับมุกมณีด้วยท่าทางสุภาพมากขึ้น

 

“ชุดของคุณมุกมณีอยู่ด้านนี้ครับ”

 

เขาเดินนำไปยังห้องพักของโรงแรมที่เปิดให้นางแบบสาวโดยเฉพาะ จากนั้นเย็นตาโฟตรวจเสื้อผ้าทุกชุดจนเข้าใจว่าควรใช้สีสันแบบไหนจึงจะเหมาะสมจากนั้นจึงเริ่มลงมือทำผมแต่งหน้า เสร็จเรียบร้อยแล้วมุกมณีจึงสวมชุดตามลำดังหมายเลขที่กำกับไว้

 

การเดินในสามชุดแรกเป็นเครื่องแต่งกายลำลอง เหมาะสำหรับสวมใส่หน้าร้อน คนแรกที่ก้าวขึ้นเวทีคือช่อแก้ว แม้จะได้รับเสียงปรบมือบ้างแต่ก็เป็นไปตามมารยาท ผู้ร่วมงานรวมถึงนักข่าวให้ความสนใจกับเสื้อผ้าที่เธอสวมใส่อยู่เท่านั้น เช่นเดียวกับนางแบบอีกสองคนที่ตามมารวมถึงรัศมีฟ้า

 

การเดินแบบดำเนินไปอย่างเรียบเรื่อยกระทั่งมุกมณีปรากฏตัวขึ้น ทันทีที่ก้าวขึ้นเวทีบรรดาผู้ชมต่างฮือฮากันอย่างตื่นเต้นปละพร้อมใจกันปรบมือกันสนั่นจนดังออกไปนอกห้อง แสงแฟลชจากกล้องของนักข่าวกะพริบวูบวาบไม่เว้นแม้ผู้ชมที่ยกสมาร์ตโฟนขึ้นบันทึกภาพของเธอกันเป็นระวิง การเยื้องย่างอย่างกระฉับกระเฉงของนางแบบสาวเพิ่มเสน่ห์ให้กับชุดที่สวมใส่จนแขกร่วมงานหลายคนเปรยเบาๆว่าคงต้องซื้อมาใส่บ้าง

 

เมื่อชุดลำลองโชว์ครบแล้ว เสื้อผ้าลำดับต่อไปคือชุดราตรี ซึ่งช่อแก้วปรากฏตัวเป็นคนแรกเช่นเดิม แต่ครั้งนี้เธอได้รับคำชมบ้างเล็กน้อยเพราะชุดเปิดไหล่สีเขียวปักเลื่อมที่เธอสวมใส่งดงามไม่มีที่ติ ในขณะที่ชุดของรัศมีฟ้าดูนุ่มนวล เน้นความเป็นสุภาพสตรี ส่วนชุดอื่นก็มีความสวยงามไม่น้อยหน้ากัน

 

พอถึงคิวของมุกมณี ผู้ร่วมงานทุกคนต่างอ้าปากค้างตกตะลึง เพราะชุดแรกที่เธอสวมใส่เป็นชุดราตรีเกาะอกรัดรูปผ้ากำมะหยี่สีดำสนิท เผยให้เห็นผิวขาวกระจ่างเนียนนุ่ม ไหล่ข้างหนึ่งคล้องด้วยเชือกเส้นเล็กที่ถูกออกแบบคล้ายเถาวัลย์กำลังรัดเกี่ยวดอกไม้ที่ทำจากผ้าชนิดเดียวกัน ส่วนไหล่อีกข้างเปิดเปลือยอวดความกลมกลึง

 

แต่ความน่าตะลึงไม่ได้จบเพียงแค่นั้นเมื่อเธอปรากฏตัวในชุดที่สอง หากครั้งแรกมุกมณีคือนางพญาผู้งดงามอย่างลึกลับ ชุดที่สองนี้กลับให้ความรู้สึกตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง เพราะสีแดงสดราวกลีบกุหลาบทำให้ดูเย้ายวนร้อนแรงดุจมายาไฟ แต่ละก้าวที่เยื้องย่างแทบทำให้เวทีลุกไหม้ด้วยเปลวเพลิง

 

ชุดสุดท้ายของเธอตัดอารมณ์สองครั้งแรกอย่างสิ้นเชิง เพราะชุดราตรีสีเขียวเหลือบทองที่ค่อนข้างรัดรูปเน้นเรือนร่างสะโอดสะองให้งามสง่าประหนึ่งราชินีผู้มาจากอดีตกาล แค่เดินก้าวแรก ผู้ชมต่างนั่งตัวแข็งไม่กล้าไหวติง จนเมื่อมุกมณีหมุนตัวตรงหน้าเวที บรรดานักข่าวจึงรู้สึกตัว แสงไฟวูบวาบจนตาพร่าขณะที่เสียงปรบมือดังกึกก้อง เมื่อเจ้าของงานออกมายืนท่ามกลางนางแบบ เขาก้มศีรษะพร้อมกับกล่าวคำขอบคุณต่อผู้ร่วมงานทุกคนก่อนจะผายมือไปที่มุกมณีเป็นคนแรกและนิ่งในท่านั้นอยู่นานจากนั้นจึงกางแขนทั้งสองข้างออกแทนการขอบคุณนางแบบทุกคน

 

เมื่อการเดินแบบเสร็จสิ้นลง มุกมณีจึงกลับห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ระหว่างนั้นบริการได้เข้ามาแจ้งว่าเจ้าของงานเชิญนางแบบทุกคนไปร่วมงานเลี้ยงขอบคุณในห้องจัดเลี้ยงที่เตรียมไว้เพื่อการนี้โดยเฉพาะ แน่นอนว่าเธอไม่เต็มใจจะไปเท่าใดนักแต่เพราะคำเตือนของเย็นตาโฟเรื่องการเข้าสังคม หญิงสาวจึงจำเป็นต้องร่วมงาน

 

ก้าวแรกที่เข้าไปในห้อง มุกมณีต้องพบกับความประหลาดใจเพราะทุกคนต่างหันมามองเธอเป็นตาเดียว ถึงจะไม่รู้ต้นสายปลายเหตุแต่หญิงสาวก็พอจะจับความหมายของการมองเหล่านั้น เพราะมันมีทั้งความชื่นชม ยินดีและริษยา ปะปนกัน

 

“มองอะไรกันนะแม่พวกนี้” เย็นตาโฟพึมพำอย่างหงุดหงิดพลางหวนนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าว่านางแบบสาวไปทำอะไรเอาไว้บ้าง บรรดาเพื่อนๆถึงพร้อมใจกันมองด้วยสายตาแบบนี้ แต่เท่าที่นึกออก นอกจากช่อแก้วแล้วหญิงสาวก็ไม่ได้มีเรื่องกับใครทั้งนั้น ว่ากันตามจริงแล้วมุกมณีแทบไม่ได้พูดกับใครสักคน แล้วพวกหล่อนไม่พอใจเรื่องอะไร        

 

ข้อสงสัยถูกไขกระจ่างเมื่อเจ้าของงานซึ่งเป็นชาวต่างชาติก้าวเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม เขาตรงมาจับมือมุกมณีพร้อมกับกล่าวคำขอบคุณที่มีส่วนช่วยให้งานประสบความสำเร็จ ชุดที่เธอแสดงได้รับการสั่งจองอย่างล้นหลาม และคลิปแฟชั่นของเธอที่ถูกนำไปเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต มีผู้เข้าชมมากกว่าแสนคนภายในเวลาไม่ถึงสิบนาที แต่สิ่งที่สร้างความแปลกใจต่อมุกมณีมากที่สุดคือ เธอได้รับเชิญให้ไปร่วมงานแฟชั่นระดับโลก ที่กรุงปารีส

 

คำชวนอย่างไม่คาดฝันอาจสร้างความตื่นเต้นต่อคนได้ยินเป็นอย่างมาก แต่ไม่ใช่มุกมณี เธอรักษากิริยาอย่างสำรวมพลางกล่าวคำขอบคุณอย่างสุภาพพร้อมกับกล่าวยินดีที่จะได้ร่วมงานกับเขาอีกครั้งแต่มีข้อแม้ว่าขอให้ช่างแต่งหน้าประจำตัวเธอตามไปด้วย ซึ่งอีกฝ่ายก็ยินยอม เมื่อตกลงกันได้เจ้าของห้องเสื้อจึงขอตัวไปรับรองแขกคนสำคัญคนอื่นต่อไป

 

เมื่อเจ้าของงานคล้อยหลัง เย็นตาโฟซึ่งพยายามเก็บอาการดีใจเอาไว้ก็หลุดปากโพล่งออกมาอย่างตื่นเต้น

 

“เราได้ไปฝรั่งเศส” เขาประสานมือพร้อมกับหลับตาลงด้วยความปลาบปลื้ม และถ้าเป็นไปได้ตัวเขาคงลอยขึ้นเหมือนลูกโป่งไปแล้ว แต่แล้วฝันหวานทั้งหมดก็มลายหายไปเมื่อมีเสียงกรี๊ดกร๊าดดังรอบตัว พอลืมตาขึ้นดูจึงพบว่าเพื่อนนางแบบที่รู้เรื่องต่างล้อมวงเข้ามาแสดงความยินดี รัศมีฟ้าส่งแก้วน้ำส้มคั้นให้มุกมณีพร้อมกับพูด

 

“ยินดีด้วยจ้ะมุก”

 

“ขอบคุณจ้ะฟ้า แต่มุกยังไม่รู้เลยว่าจะได้ไปหรือเปล่า ต้องตรวจดูตารางงานก่อนว่าช่วงนั้นมีงานอะไรบ้าง”

 

“เหลวไหล ไม่มีอะไรสำคัญกว่างานนี้อีกแล้วนะ” รัศมีฟ้าแย้ง “นี่เป็นโอกาสดีสำหรับนางแบบอย่างเรา ถ้าโชคดีได้งานเมืองนอกเธอก็จะสบายไปทั้งชาติ”

 

“กลัวว่าจะโดนพาไปหลอกขายมากกว่า” เสียงช่อแก้วดังขัด “เดินแฟชั่นสองสามครั้งเพื่ออัพราคาแล้วพาไปขายให้พวกเศรษฐีผรั่งลามก อย่างว่าแหละนะ นางแบบสวยๆเป็นสินค้าอันดับหนึ่งอยู่แล้ว”

 

“พูดออกมาได้ยังไงน่ะช่อแก้ว” รัศมีฟ้าเตือน แต่อีกฝ่ายกลับยักไหล่

 

“ก็พูดไปแล้วนี่” เธอหันมามองมองมุกมณีอย่างชิงชัง “ไม่ได้อิจฉาหรืออะไรหรอกนะ แต่ฉันขอเตือนในฐานะเพื่อน จะทำอะไรมันก็เรื่องของเธอแต่คิดให้มันรอบคอบก่อน ไม่งั้นน้ำตาจะเช็ดหัวเข่า”

 

เย็นตาโฟโกรธจนหน้าแดง เขาปราดเข้าไปหมายจะด่าข่อแก้วให้สะใจแต่มุกณีดึงเขาไว้และส่งยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างใจเย็น

 

“สินค้าอันดับหนึ่งดีกว่าของที่ขายไม่ออกนะคะ”

 




Create Date : 12 กันยายน 2556
Last Update : 12 กันยายน 2556 18:03:17 น.
Counter : 504 Pageviews.

2 comments
  
ลงชื่อก่อนค่ะ
เดี๋ยวไปตามอ่านที่กระทู้พรุ่งนี้นะคะ
อ่านไม่ทัน แหะๆ
เยอะมากเลย
โดย: lovereason วันที่: 13 กันยายน 2556 เวลา:0:20:21 น.
  
น่าสนใจมากเลย แต่ตัวหนังสือเล็กไปนิดนะคะ อยากอ่านแต่ปวดตาค่ะ .. แบบว่า แก่แร้ว สายตาสั้นอ่ะ ..แง.... จะพยายามอ่านต่อไปค่ะ
โดย: ริวค่ะ (ริญรภัสร์ ) วันที่: 13 กันยายน 2556 เวลา:3:26:48 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กิสึเนะ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



moony ค่ะ เป็นคนชอบสร้างจินตนาการมาตั้งแต่เด็ก เคยวาดการ์ตูนไว้เป็นเล่ม แต่เก็บไว้อ่านเอง นิยายเรื่องแรกที่เขียนเป็นแนวจีนกำลังภายใน ตอนหลังรู้จักเน็ตจึงเริ่มสร้างสรรเรื่องอื่นบ้างแต่ส่วนใหญ่เป็นแนวแฟนตาซี
All Blog