เทวทูตที่รัก บทที่ 13 ปีกแห่งแสง (2)
 

น้ำทิพย์เม้มปากนิ่งคิด คิ้วสวยขมวดเข้าหากันจนหน้ายุ่ง เธอไม่อยากกลับไปสถานที่น่ากลัวแบบนั้น ไม่อยากเจอพวกปิศาจหรือผู้คนที่กลายเป็นตัวอะไรไปแล้วก็ไม่รู้ เวลานี้หญิงสาวอยากจะหนีไปให้ไกลๆ แต่ก็อย่างที่ราฟาเอลพูด ต่อให้หนีไปที่ไหนก็ไม่มีทางพ้นเงื้อมมือของลูซิเฟอร์ และที่สำคัญหากทั้งเธอกับราฟาเอลยังซ่อนตัว ประเทศนี้ ไม่สิ โลกทั้งใบอาจโดนอำนาจมืดของจอมปิศาจครอบครอง

 

“ขอฉันเก็บของก่อน” น้ำทิพย์พูดไม่ดังนักและเตรียมจะเดินเข้าห้องแต่ราฟาเอลรั้งแขนเธอเอาไว้และกล่าวให้กำลังใจ

 

“ผมจะอยู่ข้างคุณตลอดเวลา”

 

“ฉันรู้” น้ำทิพย์พูดพลางถอนใจ “แต่ตอนนี้คุณอ่อนแอ ถึงจะปกป้องฉันได้แต่คงไม่มากพอจะคุ้มครองคนทั้งเมือง”

 

“ผมจะช่วยพวกเขาให้ได้ ต่อให้ต้องใช้พลังทั้งหมดก็ตาม” เขามองหน้าหญิงสาวด้วยดวงตาที่ฉายแววอาทร ความรู้สึกที่พยายามกลบฝังเมื่อคืนนี้ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง มือเลื่อนไปเชยคางเธอโดยไม่รู้ตัว “ผมยินดีทำทุกอย่างเพื่อคุณเพียงคนเดียว”

 

สายตาที่มองมาอย่างมีความหมายทำให้น้ำทิพย์ร้อนวูบไปทั้งร่าง เธอเกือบจะหลับตาลงรอการประทับจุมพิตของอีกฝ่ายแต่ความกังวลใจในเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นเกลื่อนความรู้สึกหวามนั้นไปจนหมด หญิงสาวระบายลมหายใจออกมาเบาๆ

 

“ลูซิเฟอร์ถือไพ่เหนือกว่า ฉันคิดว่าเราคงไม่มีทางชนะ”  

 

“เทวดากับปิศาจต่อสู้กันมาอย่างยาวนาน บางครั้งเราอาจจะเพลี่ยงพล้ำไปบ้าง แต่แสงสว่างก็ไม่เคยหายไปจากโลกมนุษย์”

 

“หมายความว่าคุณมีสิทธิ์แพ้” น้ำทิพย์พูดอย่างหมดหวัง ราฟาเอลสั่นศีรษะ

 

“ถ้าผมถูกทำลาย กองทัพสวรรค์จะลงมาจัดการพวกปิศาจ”

 

“แต่คุณบอกเองว่ามิคาเอลจะทำลายทุกอย่าง” หญิงสาวแย้ง “มันก็ไม่ได้ต่างไปจากฝีมือของลูซิเฟอร์”

 

เทวดาหนุ่มไม่ตอบ เขาก้มหน้าลงหอมแก้มน้ำทิพย์เบาๆและกระซิบแผ่ว

 

“ผมไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น เมืองนี้และคุณจะต้องดำรงอยู่ต่อไป” เขายืดตัวขึ้นพร้อมกับคลายมือจากหญิงสาว “เราต้องเดินทางกันอีกไกล ไปเก็บของเถอะ”

 

พูดจบราฟาเอลก็หมุนตัวเดินหายเข้าไปในห้อง น้ำทิพย์มองแผ่นหลังที่ห่างออกไปของเขาด้วยหัวใจเต้นระทึก ถึงจะถูกเทวดาหนุ่มจูบหลายครั้งแต่ก็เป็นเพียงการปลอบขวัญหรือถ่ายทอดพลังป้องกันและเป็นการประทับบนหน้าผาก ซึ่งเธอก็เข้าใจว่ามันเป็นการเรื่องปรกติธรรมดาสำหรับคตินิยมทางฝั่งตะวันตก แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่แตกต่างไปจากทุกคราว นับเป็นครั้งแรกที่ราฟาเอลหอมแก้มเธอเพื่อให้กำลังใจ พอผนวกกับประโยคที่ว่า ‘ยินดีทำทุกอย่างเพื่อเธอเพียงคนเดียวแล้ว’ หัวใจของน้ำทิพย์ยิ่งเต้นจนแทบจะหลุดออกจากอก ความร้อนวิ่งพล่านทั่วร่างกายโดยเฉพาะใบหน้าซึ่งตอนนี้แดงจัดยิ่งกว่าซอสมะเขือเทศ หญิงสาวพยายามตั้งคำถามกับตัวเองว่าเหตุใดเขาจึงทำเช่นนั้น

 

รัก

 

น้ำทิพย์สะบัดหน้าอย่างแรงเพื่อไล่ความคิดนั้นออกไป เป็นไปไม่ได้ที่อัครเทวดาจะมาหลงรักมนุษย์โดยเฉพาะกับคนที่มีความเชื่อแตกต่างจากพวกเขาอย่างสิ้นเชิง การกระทำเมื่อครู่คงป็นการปลอบขวัญหรือสร้างกำลังใจเหมือนทุกครั้ง บางทีเขาอาจไม่ได้คิดอะไรกับเธอเลยก็ได้

 

ความผิดหวังสะท้อนวูบเข้ามาในหัวใจ น้ำทิพย์แตะแก้มข้างที่ถูกจูบเมื่อครู่และถอนหายใจออกมาเบาๆ ตัวเธอเองก็ยังไม่แน่ใจว่าคิดยังไงกับเขาแต่กลับมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่า

 

ราฟาเอลไม่ได้คิดอะไรกับเธอ

 

            ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นเพียงความเมตตาของเหล่าเทวดาที่มีต่อมนุษย์เท่านั้น มิได้มีความหมายอื่นใด    

 

น้ำทิพย์ลดมือลงอย่างหงอยเหงาก่อนเดินไปปิดโทรทัศน์และกลับเข้าห้อง ใช้เวลาไม่นานเธอก็เก็บข้าวของเสร็จ พอออกมาก็พบว่าราฟาเอลกำลังยืนรออยู่ที่ระเบียง ความที่ไม่อยากจะให้อีกฝ่ายผิดสังเกตเธอจึงรีบส่งยิ้มให้พร้อมกับพูดเชิงเย้า

 

“เก็บเสร็จเร็วจัง”

 

เทวดาหนุ่มจึงยกถุงกระดาษขึ้นเป็นเชิงบอกว่าของส่วนตัวเขามีอยู่แค่นี้เท่านั้นต่างจากข้าวของเครื่องใช้ของน้ำทิพย์ที่แม้จะซื้อมาพร้อมกัน แต่เธอมีครบทุกอย่างตั้งแต่ผ้าเช็ดตัว ครีมบำรุงผิว ยาสระผม ชุดลำลอง เสื้อนอนยันชุดชั้นใน หญิงสาวจึงหัวเราะแก้เก้อ

 

“ทานมื้อเช้าก่อนแล้วค่อยไปนะ”

 

เธอกล่าวชวน ทั้งคู่นำของไปเก็บไว้ในรถก่อนจึงเดินไปรับประทานมื้อเช้าในห้องอาหาร เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยรวมทั้งค่าที่พัก ทั้งสองจึงออกเดินทาง

 

ระหว่างขับรถ น้ำทิพย์นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับเพื่อนในมหาวิทยาลัยรวมทั้งความเปลี่ยนแปลงของชุมชนโดยรอบ บรรยากาศที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกสีเทาจนดูขมุกขมัวน่าขนลุก แต่นั่นยังไม่สยดสยองเท่ากิริยาท่าทางของกลุ่มคนที่ตกอยู่ภายใต้อำนาจสะกดของลูซิเฟอร์ แม้ร่างกายของคนพวกนั้นจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่ใบหน้าที่น่ากลัวกับดวงตากระหายเลือดของพวกเขาขณะมุ่งตรงเข้ามาทำร้ายเป็นภาพติดตราตรึงใจชนิดที่ไม่มีวันลืม มันทำให้เธอหวาดกลัวจนอยากจะหมุนพวงมาลัยหันรถกลับไปยังบ้านพักชายทะเลหลายครั้ง แต่ดูเหมือนราฟาเอลจะเข้าใจความรู้สึกของหญิงสาว เพราะเขามักจะกุมมือหรือแตะไหล่เป็นเชิงปลอบทุกครั้งที่เธอลังเล

 

การเดินทางเป็นไปอย่างล่าช้าต่างจากการมาในตอนแรก อย่างหนึ่งก็คือน้ำทิพย์ยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับฝ่ายปิศาจไม่ว่าจะเป็นกฤตชัยหรือลูซิเฟอร์ อีกประการหนึ่งก็คือสมาธิส่วนหนึ่งของเธอมุ่งคิดถึงวิธีการฟื้นฟูพลังของราฟาเอล หญิงสาวพยายามนึกทบทวนถึงสิ่งที่เรียนมาไปจนถึงภาพยนต์ต่างประเทศเกี่ยวกับอภินิหารหรือตำนานมหัศจรรย์ทางศาสนา มีหลายเรื่องที่ฝ่ายเทวดาเพลี่ยงพล้ำจนเกือบจะพ่ายแพ้ แต่ด้วยพลังแห่งความศรัทธาตลอดไปจนถึงการรวมแรงใจให้เป็นหนึ่ง สุดท้ายธรรมะก็เป็นผู้มีชัย

 

น้ำทิพย์ถอนหายใจออกมาค่อนข้างแรง ภาพยนต์เป็นสิ่งที่คนสร้างขึ้นดังนั้นจะทำให้ตอนจบเป็นอย่างไรก็ได้ แต่ตอนนี้เธอมีเทวดาตัวจริงในสภาพอ่อนแอนั่งอยู่ด้านข้าง และเขากำลังเดินทางไปต่อสู้กับลูซิเฟอร์ ซึ่งหญิงสาวแน่ใจว่าบทสรุปของมันต้องไม่สวยงามแบบในหนัง ดังนั้นเธอจะต้องหาทางช่วยให้ได้

 

แต่จะด้วยวิธีไหนล่ะ

 

มือข้างหนึ่งยกขึ้นกุมขมับ หญิงสาวพยายามเค้นสมองรวบรวมเรื่องราวที่เคยศึกษามาทั้งหมดแต่ก็ไม่เป็นผล เมื่อนึกอะไรไม่ออกเธอจึงตบพวงมาลัยรถด้วยความหงุดหงิด ราฟาเอลรีบปลอบ

 

“ใจเย็นๆ ถ้ากลัวก็จอดรถก่อน สบายใจแล้วค่อยไปต่อ”

 

“ฉันไม่เป็นไร” น้ำทิพย์พูดขณะตามองป้ายบอกทาง แต่แล้วจู่ๆความคิดหนึ่งก็พุ่งวาบเข้ามาในหัว หญิงสาวหมุนพวงมาลัยหักรถเลี้ยวไปตามป้ายทันที โชคดีที่ฝ่ายเทวดาไม่รู้จักเส้นทาง เขาจึงไม่สงสัยว่าเหตุใดเธอจึงเปลี่ยนมาวิ่งบนถนนอีกสายที่ต้องอ้อมกว่ามาก กว่าจะรู้ว่าไม่ใช่ทางเดิมก็เมื่อเห็นว่าถนนแคบลงและสองข้างทางรกครึ้มไปด้วยต้นไม้

 

“นี่ไม่ใช่ทางที่เรามา” เขาเปรยเบาๆเป็นเชิงถาม น้ำทิพย์ซึ่งกำลังสอดส่ายสายตาเหมือนมองหาอะไรบางอย่างจึงตอบ

 

“แค่อ้อมมานิดหน่อย ฉันกลัวพวกปิศาจจะดักเล่นงานเราถ้าใช้ทางเดิม”

 

ราฟาเอลพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะหันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง ภาพสีเขียวของต้นไม้กับการดำเนินชีวิตของชาวสวนดูจะสร้างความสดชื่นให้เขาพอสมควร เพราะใบหน้าที่เคร่งขรึมอยู่เป็นนิจดูผ่อนคลายลง หลายครั้งที่เขามีท่าทางสนใจสินค้าพื้นถิ่นที่ตั้งเพิงขายอยู่ข้างทาง

 

“นั่นอะไร” เขาถามเมื่อเห็นหม้อนึ่งโลหะควันโขมง น้ำทิพย์ชำเลืองตามองอย่างไม่ใส่ใจนักก่อนตอบ

 

“ขนมใส่ไส้น่ะ”

 

“ขนม หมายถึงของกินน่ะเหรอ” เทวดาซึ่งดูเหมือนจะกลายร่างเป็นเด็กน้อยขี้สงสัยขึ้นมาอย่างปุบปับซักด้วยความอยากรู้ ถ้าไม่ติดว่าต้องรีบไปให้ถึงที่หมายก่อนค่ำหญิงสาวคงจอดรถแล้วพาเขาไปดูให้เห็นกับตา แต่กระนั้นเธอก็ยังตอบคำถามเพื่อให้อีกฝ่ายหายข้องใจ

 

“ใช่ มันเป็นขนมท้องถิ่นแถวนี้ ทำจากมะพร้าว น้ำตาล แป้งห่อด้วยใบมะพร้าวหรือใบตองแล้วเอาไปนึ่งจนสุก รสชาติหวานมันอร่อย จะว่าไปมันทานกับน้ำชาได้ด้วยนะ”

 

เธอตบท้ายเหมือนนึกขึ้นมาได้และตั้งใจว่าถ้าเรื่องราวบ้าๆเหล่านี้จบลงจะพาราฟาเอลมาพักเกสต์เฮ้าส์ที่นี่สักคืนสองคืนและตระเวนหาของกินให้พุงกาง

 

แต่แล้วฝันหวานของน้ำทิพย์ก็ต้องชะงักค้างเมื่อคิดได้ว่าทันทีที่การต่อสู้สิ้นสุดลง เขาก็คงกลับสวรรค์ เพราะเทวดาไม่ควรเกี่ยวข้องกับมนุษย์ แม้เรื่องที่เกิดขึ้นจะเป็นเหตุสุดวิสัยแต่การที่เขาอยู่ช่วยเหลือเธอก็นับเป็นบุญเหลือหลายแล้ว

 

ความจริงอันแสนเจ็บปวดแทบจะทำให้น้ำทิพย์ล้มเลิกความตั้งใจที่จะช่วยราฟาเอล เพราะถ้ายังรักษาอาการบาดเจ็บไม่ได้ เขาก็ยังคงอยู่กับเธอต่อไป หญิงสาวชะลอความเร็วของรถลงอย่างลังเล แต่ก่อนที่เธอจะตัดสินใจเลี้ยวรถกลับ จิตสำนึกด้านดีก็ร้องเตือน

 

แล้วมนุษย์ล่ะ จะเป็นยังไง

 

น้ำทิพย์เม้มปากแน่น ความเห็นแก่ตัวของเธอไม่เพียงทำลายราฟาเอลแต่รวมถึงหายนะของคนทั้งโลก เพราะหากเขายังอ่อนแออยู่แบบนี้ต่อให้หนีไปจนสุดหล้า ก็ไม่มีวันหนีจอมปิศาจพ้น ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือสำนึกของความเป็นเทวดาจะเป็นตัวกระตุ้นให้ราฟาเอลทำทุกอย่างเพื่อปกป้องมนุษย์ มันจะเป็นตัวดึงให้เขาวิ่งเข้าสู่ความตาย

 

หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าไปจนเต็มปอดก่อนจะเพิ่มน้ำหนักเท้าบนคันเร่ง และนึกตำหนิตัวเองในใจที่คิดอะไรสั้นๆ การหน่วงเราฟาเอลเอาไว้บนโลกนับเป็นความคิดที่โง่เขลาอย่างที่สุดหากเป็นห่วงเขาจริงเธอก็ควรไปให้ถึงที่หมายตามที่ได้ตั้งใจ แม้จะไม่แน่ใจว่ามันจะได้ผลแต่อย่างน้อยมันก็น่าจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะสถานที่แห่งนั้นเป็นดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ อำนาจแห่งความศรัทธาอาจช่วยฟื้นฟูพลังของเทวดาให้กลับคืน และนั่นคือข้อพิสูจน์ความรู้สึกของเธอที่มีต่อเขา

 

แม้ความรู้สึกนั้นจะไม่มีวันสมหวังเลยก็ตาม

 

น้ำตาเอ่อคลอหน่วย น้ำทิพย์ปาดมันออกอย่างเร็วและเหลือบมองราฟาเอลด้วยความกังวล พอเห็นเขากำลังมองออกไปนอกหน้าต่างหญิงสาวก็ถอนใจออกมาด้วยความโล่งอก เธอยอมรับกับตัวเองว่ามีใจให้กับเทวดาผู้นี้แต่จะไม่มีวันยอมให้เขารู้อย่างเด็ดขาด

 

ป้ายแสดงบอกระยะทางของสถานที่ต่างๆรวมทั้งจุดหมายผ่านวูบไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะถึงทางแยก รถของทั้งคู่ก็ชะลอความเร็วลงและเลี้ยวเข้าประตูบานใหญ่เข้าไปยังด้านใน ราฟาเอล

 

มองด้วยความฉงนและขยับเตรียมจะถามแต่ต้องยั้งเอาไว้เมื่อเห็นภาพอาคารสีขาวทรงตะวันตกในยุคโบราณปรากฏขึ้นในสายตา

 

“ที่นี่...” เขาหลุดคำพูดออกมาเมื่อรถหยุดห่างจากอาคารหลังนั้นพอสมควรและหันไปมองน้ำทิพย์ที่กำลังคว้ากระเป๋าถือมาสะพายอย่างคาดไม่ถึง

 

“มันเป็นสถานที่ที่น่าจะเกี่ยวข้องกับคุณมากที่สุด” เธอพูดพร้อมกับเปิดประตูก้าวลงจากรถ และอธิบายต่อเมื่อเห็นเทวดาหนุ่มเดินมาหยุดยืนใกล้ๆ “โบสถ์แห่งนี้สร้างมาร้อยกว่าปี มีคนเข้ามาสวดมนต์และทำพิธีอะไรกันมากมาย ถ้าโบสถ์ในศาสนาของฉันคือแหล่งรวมจิตใจ โบสถ์ของคุณก็น่าจะเหมือนกัน คำภาวนาอธิษฐาน และความศรัทธาที่อัดแน่นอยู่เต็มเปี่ยมภายในที่แห่งนี้อาจจะช่วยอะไรคุณได้บ้าง”

 

“แต่” ราฟาเอลทำท่าจะแย้งแต่กลับเปลี่ยนใจเป็นหยุดยืนนิ่ง ดวงตาจ้องมองสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ประดับอยู่บนยอดโดมซึ่งกำลังเปล่งประกายเจิดจรัสจากแสงสะท้อนของดวงอาทิตย์ที่ต่ำคล้อยเรี่ยยอดไม้ ในความรู้สึกของเทวดาหนุ่ม แสงสีทองสุกปลั่งงดงามเปรียบประดุจรัศมีอันทรงฤทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้า มันช่วยขับไล่ความเหนื่อยล้าออกจากกายในขณะเดียวกันก็ช่วยเติมเต็มความปีติ นำพาความอิ่มเอิบให้ไหลพรั่งพรูเข้าสู่หัวใจ

 

ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาจากปาก เขาเดินมุ่งหน้าตรงไปยังโบสถ์อันศักดิ์สิทธิ์ทันที น้ำทิพย์จึงรีบก้าวตามไปด้วยความเป็นห่วง จะเป็นเพราะโอกาสอำนวยหรือพระประสงค์ของเบื้องบน ผู้คนที่เคยมาชมความงามของสถานที่แห่งนี้กันอย่างคับคั่งกลับห่างหายไปจนหมด บริเวณโดยรอบจึงเงียบเชียบไม่มีแม้เสียงนกหรือแมลง

 

น้ำทิพย์เคยเห็นภาพถ่ายโบสถ์และวิหารต่างๆของทางฝั่งตะวันตกมามากมาย ทั้งยังมีโอกาสไปเที่ยวชมอยู่หลายแห่งแต่ไม่เคยเข้าไปข้างในจริงๆเลยสักครั้ง นับเป็นครั้งแรกที่เธอได้ก้าวล่วงเข้ามาในดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ของต่างศาสนา ความเย็นยะเยือกซึมซับแผ่ซ่านไปทั่วทุกขุมขน มันไม่ใช่ความหนาวเย็นของอุณหภูมิหากแต่เป็นความสงบของบรรยากาศที่ถูกอัดแน่นไปด้วยพลังแห่งความศรัทธา

 

ราฟาเอลเดินผ่านภาพวาดนักบุญต่างๆไปตามทางเดินระหว่างเก้าอี้สำหรับสวดมนต์ เมื่อถึงแท่นประกอบพิธีเขาจึงหยุดและคุกเข่าลงโดยไม่สนใจบาทหลวงรูปหนึ่งที่กำลังจัดเตรียมของอยู่บริเวณนั้น เทวดาหนุ่มค้อมศีรษะลงพร้อมกับวางมือจรดบนอกเพื่อทำความเคารพต่อรูปปั้นศักดิ์สิทธิ์เหนือแท่นพิธี บาทหลวงผู้นั้นจึงขยับเพื่อจะถามถึงเจตนาแต่ต้องหยุดชะงักอ้าปากค้างเมื่อพบว่ารอบตัวของผู้ที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าเริ่มมีบางอย่างที่แปลกไป

 

ท่ามกลางสายตาของคนทั้งสอง แสงไฟจากโคมระย้าด้านบนที่เคยส่องแสงสีนวลเพิ่มความสว่างขึ้นทีละน้อย ตอนแรกน้ำทิพย์คิดว่ามันอาจจะเกิดจากความผิดปรกติของหลอดไฟแต่พอพิจารณาให้ดีแล้วเธอต้องขนลุกเมื่อพบว่าที่มาของแสงมิได้มาจากโคมไฟราคาแพง หากแต่มาจากท้องฟ้าเบื้องบนทะลุผ่านหลังคาโบสถ์ลงมากระทบร่างของราฟาเอล

 

เหมือนเวลาทั้งหมดจะหยุดนิ่ง ภาพที่ปรากฏตรงหน้าดำเนินไปอย่างเชื่องช้าเหมือนฉากสำคัญในภาพยนต์ ประกายสีทองกะพริบพราวรอบเทวดาหนุ่ม มันทอแสงระยิบระยับดุจดวงดาวบนท้องฟ้าก่อนจะซึมหายไปในกาย แม้จะรู้ดีว่าคนตรงหน้าเป็นใครแต่ปาฏิหารย์ที่ปรากฏขึ้นอย่างเหนือความคาดหมายทำให้น้ำทิพย์ถึงกับตกตะลึง ส่วนบาทหลวงนั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะเขารีบประสานมือพร้อมกับพร่ำบ่นคำสวดปากคอสั่น ขณะที่พยายามรวบรวมสติเพื่อพูด เขาก็ต้องอ้าปากค้างอีกครั้งเมื่อเห็นภาพอันน่าอัศจรรย์ที่ไม่เคยคิดว่าชั่วชีวิตนี้จะได้เห็น

 

ปีกสีขาวสะอาดขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนแผ่นหลังของราฟาเอล มันเหยียดกางออกและโบกไปมาอย่างเชื่องช้าแต่เปี่ยมไปด้วยพลัง ระหว่างเงยหน้าขึ้นมองรูปเคารพ เสื้อผ้าของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป เมื่อเทวดาหนุ่มลุกยืนขึ้นน้ำทิพย์จึงพบว่าเขาอยู่ในเครื่องแต่งกายสีขาวยาวกรอมเท้าอันเป็นชุดของอัครเทวดา

 

“ราฟาเอล”

 

น้ำทิพย์หลุดหากเรียกชื่อเขาอย่างลืมตัว เทวดาหนุ่มซึ่งตอนนี้มีรัศมีเรืองรองไปทั้งร่างเหลือบสายตาไปทางบาทหลวงแวบหนึ่งก่อนจะหมุนตัวหันกลับมาหาเธอ

 

“ทิพย์” เสียงเรียกเต็มไปด้วยความนุ่มนวลและอบอุ่น เขาก้าวมาข้างหน้าพร้อมกับยื่นมือไปสัมผัสหญิงสาวอย่างแผ่วเบา “คุณคิดถูก พลังของผมกลับคืนมาแล้ว”

 

น้ำทิพย์มองร่างที่บัดนี้สุกสกาวไปด้วยแสงแห่งสวรรค์ ความรู้สึกสองด้านท่วมท้นขึ้นมาพร้อมกัน ใจหนึ่งยินดีที่เห็นเทวดาหนุ่มได้พลังกลับคืนมาและมีความงามสง่าสมอัครเทวทูต แต่อีกใจกลับเต็มไปด้วยความเศร้า เมื่อนึกได้ว่า เขาคือสิ่งที่อยู่ไกลเกินเอื้อม

 

ความเสียใจนั้นน้อยนักหากเทียบกับความปีติ น้ำทิพย์มองราฟาเอลด้วยความยินดีอย่างที่สุด ความรู้สึกที่พยายามปฏิเสธอยู่ตลอดเวลาถูกปัดเป่าจนมลายหายไปสิ้น ในที่สุดหญิงสาวก็ยอมรับกับตัวเองว่ารักเทวดาหนุ่มผู้นี้อย่างสุดหัวใจ เธอเอียงหน้าซบลงบนฝ่ามือของเขาและหลับตาลงอย่างมีความสุข ความเต็มตื้นกับสิ่งที่เพิ่งประจักษ์ทำให้หญิงสาวสุดจะยั้งอารมณ์เอาไว้ได้ หยาดน้ำใสบริสุทธิ์เอ่อท่วมท้นขอบตาและไหลพรากออกมาเป็นทาง

 

“คุณร้องไห้” ราฟาเอลอุทานด้วยความตระหนกและขยับเข้าไปใกล้ “เป็นอะไร บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

 

น้ำทิพย์รีบสั่นศีรษะและส่งยิ้มให้กับเขาพร้อมกับตอบ

 

“ฉันดีใจน่ะ” เธอมองเทวดาหนุ่มด้วยดวงตาที่สื่อถึงความหมายได้ดีกว่าคำพูด

 

ราฟาเอลจึงดึงเธอเข้ามากอดและก้มหน้าลงกระซิบข้างหู

 

            “ขอบคุณ”

 

            เขาคลายอ้อมแขนออกและหันกลับไปทำความเคารพต่อรูปสลักศักดิ์สิทธิ์อย่างนอบน้อมก่อนจะหมุนตัวมายังน้ำทิพย์อีกครั้ง

 

            “ไปกันเถอะ”

 

            เทวดาหนุ่มก้าวนำออกไปด้วยท่วงท่าผึ่งผายสง่างาม เมื่อพ้นจากแสงของโคมไฟ ชุดของเขาก็กลับกลายเป็นเสื้อผ้าปรกติดังเดิม เดินไปได้เพียงสองก้าวราฟาเอลก็หยุดเอี้ยวตัวหันกลับไปทางน้ำทิพย์ที่ยังคงยืนนิ่ง เขาส่งยิ้มให้กับเธอพร้อมกับหงายมือและยื่นออกไป

 

            “เราต้องเดินไปพร้อมกัน”

 

            คำพูดแสนธรรมดาแต่กลับสร้างความแช่มชื่นให้กับหัวใจได้อย่างประหลาด หญิงสาวส่งมือให้จับเทวดาหนุ่มจึงกระชับมันแน่น สัมผัสที่เปี่ยมไปด้วยความความอบอุ่นและแข็งแกร่งก่อให้เกิดความอิ่มสุขขึ้นมาอย่างท่วมท้น เธอเดินไปหยุดเคียงข้างกับเขาพร้อมกับพูด

 

            “สัญญานะว่าคุณจะอยู่กับฉันตลอดไป”

 

            ราฟาเอลไม่ตอบในทันที เขายกมือของน้ำทิพย์ขึ้นมาจุมพิตอย่างแผ่วเบา ดวงตาเหลือบไปยังรูปเคารพเหมือนต้องการย้ำคำที่กำลังจะหลุดออกจากปากก่อนจะเลื่อนกลับมายังหญิงสาวตรงหน้าและกล่าวอย่างหนักแน่น

 

“ผมให้สัญญา”

 

หากตอนนี้ไม่ได้ยืนอยู่ภายในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ น้ำทิพย์คงโผเข้ากอดและซบหน้าลงร่ำไห้บนอกเทวดาหนุ่มด้วยความสุขใจ หญิงสาวพยายามระงับความปีติที่กำลังวิ่งพล่านไปทั่วร่างและยิ้มรับคำมั่นพร้อมกับผงกศีรษะด้วยอาการสงบ

 

“ฉันเชื่อคุณ” ดวงตาจ้องใบหน้าหล่อเหลานิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเลื่อนไปที่ประตู “ไปจัดการลูซิเฟอร์กันเถอะ”

 

 ทั้งคู่ก้าวเดินไปพร้อมกัน ผ่านประตูบานใหญ่สู่ภายนอกเพื่อเผชิญหน้ากับจอมปิศาจอันแสนชั่วร้ายด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหาญกล้า ปราศจากความหวาดกลัว

 

 

*/*/*/*/*

 




Create Date : 16 สิงหาคม 2556
Last Update : 16 สิงหาคม 2556 8:58:41 น.
Counter : 654 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กิสึเนะ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



moony ค่ะ เป็นคนชอบสร้างจินตนาการมาตั้งแต่เด็ก เคยวาดการ์ตูนไว้เป็นเล่ม แต่เก็บไว้อ่านเอง นิยายเรื่องแรกที่เขียนเป็นแนวจีนกำลังภายใน ตอนหลังรู้จักเน็ตจึงเริ่มสร้างสรรเรื่องอื่นบ้างแต่ส่วนใหญ่เป็นแนวแฟนตาซี
All Blog