เทวทูตที่รัก บทที่ 11 หมอกมรณะ 3

หญิงสาวถามและร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆชายชราคนหนึ่งกระโดดลงมาบนถนน ถึงจะหักหลบได้อย่างเฉียดฉิวแต่เธอก็ต้องเบรกตัวโก่งเมื่อคนจำนวนไม่ต่ำกว่าสิบกำลังเดินดาหน้ามาขวาง

 

หญิงสาวรีบเข้าเกียร์ถอยหลังแต่ไปได้ไม่ไกลเพราะสองข้างทางเริ่มมีฝูงชนมุงออกันเข้ามา พวกเขาต่างตะกุยตะกายทุบตีรถอย่างบ้าคลั่งเหมือนต้องการลากคนทั้งสองออกมา

 

            “ทำไมถึงเป็นแบบนี้” น้ำทิพย์พูดเสียงสั่นและหันไปคว้าแขนเทวดาหนุ่มเอาไว้ “ทำอะไรสักอย่างสิราฟาเอล”

 

            แสงสว่างพุ่งวาบออกจากตัวรถ คนที่กำลังอาละวาดอย่างบ้าคลั่งผงะหงายหลังด้วยความหวาดกลัว แต่ก็เพียงเดี๋ยวเดียวเท่านั้นเพราะเมื่อแสงนั้นหายไป พวกเขาก็เข้ามาทุบรถใหม่อีกครั้ง ซ้ำยังรุนแรงมากกว่าเดิม

 

            “ทำไมคนพวกนี้ถึงไม่สลบเหมือนพวกนักศึกษา”

 

             น้ำทิพย์ถามด้วยความสงสัยและร้องลั่นเมื่อใบหน้าของใครคนหนึ่งกดแนบมาบนกระจก ดวงตาที่เบิกกว้างจนแทบจะถลนออกมานอกเบ้ากับปากที่แสยะอ้าปล่อยน้ำลายยืดย้อยลงมาเป็นทางสร้างความสยองเกล้าจนสุดจะทน หญิงสาวหลับตาแน่นและโผเข้ากอดราฟาเอลด้วยความหวาดกลัว

 

            “ไม่ใช่ลูซิเฟอร์” เทวดาหนุ่มพูดเสียงไม่ดังนัก ดวงตาจ้องตรงไปยังด้านหน้า น้ำทิพย์ลืมตาขึ้นและมองตามด้วยความสงสัย

 

            “หมายความว่ายังไง” เธอถามหลังจากพยายามสอดส่ายสายตาหาตัวต้นเหตุแต่กลับไม่พบอะไร ราฟาเอลจึงเปล่งรัศมีเทวดาอีกครั้ง คราวนี้ดูจะรุนแรงมากกว่าคราวก่อนเพราะคนที่กำลังเต้นแร้งเต้นกาล้มระเนระนาดและไม่ลุกขึ้นมาอีกเลย มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยืนหันรีหันขวางด้วยความตระหนกอยู่กลางถนน น้ำทิพย์มองด้วยความเป็นห่วงเพราะเธอคนนั้นเป็นเพียงเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ

 

            “ทำไมเด็กถึงไปอยู่ตรงนั้น” เธอพูดพร้อมกับทำท่าจะเปิดประตู ราฟาเอลดึงมือเอาไว้พร้อมกับถาม

 

            “จะไปไหนทิพย์”

 

            หญิงสาวชี้มือแทนคำตอบแต่ราฟาเอลสั่นศีรษะ

 

            “ไม่ได้” เทวดาหนุ่มห้าม

 

“ทำไม” น้ำทิพย์ถามและนิ่วหน้าอย่างขัดใจเมื่ออีกฝ่ายไม่ให้เหตุผล    “อย่าทำเป็นคนใจดำไปหน่อยเลย”

 

พูดพลางมองใบหน้าไร้เดียงสาที่เริ่มเหยเกเหมือนกำลังจะร้องไห้ เทวดาหนุ่มกระชับมือเธอแน่นขึ้นแต่ความสงสารทำให้น้ำทิพย์สะบัดออกอย่างแรง

 

            “ปล่อย”

 

            “ไม่” ราฟาเอลพูดเสียงเข้มพร้อมกับออกแรงบังคับหญิงสาวให้นั่งอยู่กับที่ มืออีกข้างชี้ตรงไปข้างหน้า “ดูให้ดีก่อนว่าหมอนั่นเป็นใคร”

 

เหมือนรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ยอมหลงกล เด็กหญิงตัวน้อยจึงแสยะปากยิ้มจนใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเก ดวงตาใสบริสุทธิ์เมื่อครู่มีเลือดสดๆไหลมารวมกันจนแดงก่ำ ร่างเล็กๆก้าวตรงมาข้างหน้าด้วยท่าทางคุกคาม ลักษณะที่เปลี่ยนไปของคนที่อยู่ตรงหน้าแทบทำให้หัวใจของน้ำทิพย์หยุดเต้นด้วยความหวาดกลัว เธอกำแขนของราฟาเอลแน่นปากระล่ำระลักถาม

 

“เกิดอะไรขึ้น ทำไมเด็กถึงกลายเป็นแบบนั้น”

 

“เขาไม่ใช่เด็ก” เทวดาหนุ่มตอบสั้นๆแต่ก็ทำให้หญิงสาวชาวาบไปทั้งร่างเมื่อนึกถึงบุคคลที่น่าหวาดกลัว

 

“ลูซิเฟอร์”

 

ราฟาเอลหรี่ตาลงเล็กน้อยและจ้องคนตรงหน้าเขม็งเหมือนมองทะลุเข้าไปถึงเนื้อใน พอรู้ว่าปิศาจร้ายเป็นใครแล้วเขาจึงค่อยๆแกะมือของน้ำทิพย์ออกพร้อมกับพูด

 

“นั่นไม่ใช่ลูซิเฟอร์” เทวดาหนุ่มชำเลืองมองใบหน้าเผือดของหญิงสาว “ขับรถไหวไหม”

 

ถึงไม่ค่อยจะเข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงถามแบบนั้นแต่หญิงสาวก็ยังพยักหน้ารับ

 

“ไหว”

 

“พอผมให้สัญญาณ คุณรีบไปเลยนะ”

 

พูดจบราฟาเอลก็เปิดประตูก้าวลงจากรถ น้ำทิพย์มองด้วยความตระหนกและถามเสียงดัง

 

“จะทำอะไรน่ะ กลับขึ้นมาเดี๋ยวนี้ราฟาเอล”

 

เขาไม่ตอบแต่กลับเดินเข้าไปหาเด็กจากอเวจีด้วยท่าทางองอาจ ชั่วพริบตานั้นเองปีกทั้งสองข้างของเขาก็สะบัดกางออกปล่อยแสงสว่างเจิดจ้าออกมา เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังลั่น ร่างของเด็กคนนั้นแตกสลายหายไปในทันที

 

“ไป

 

ราฟาเอลหันไปบอกน้ำทิพย์ เธอจึงบังคับรถให้แล่นไปข้างหน้าและชะลอความเร็วลงเพื่อรับเทวดาหนุ่มจากนั้นจึงกระแทกเท้าเหยียบคันเร่งอย่างแรง รถคันงามจึงพุ่งฉิวไปข้างหน้า ความกลัวว่าอีกฝ่ายจะไล่ตามน้ำทิพย์จึงเลื่อนตาขึ้นจ้องกระจกมองหลัง เมื่อเห็นท้องถนนว่างเปล่าเธอจึงถอนใจออกมาด้วยความโล่งอกและหันไปถามคนที่นั่งด้านข้าง

 

“คุณจัดการปิศาจตัวนั้นไปแล้วใช่ไหม”

 

เทวดาหนุ่มสั่นศีรษะ

 

“ผมแค่ไล่เขาไปเท่านั้น”

 

“ไล่ หญิงสาวพูดทวนด้วยน้ำเสียงเหมือนตระหนก “ทำไมถึงทำแค่ไล่ไปเท่านั้น พลังของคุณในตอนนี้สามารถกำจัดพวกปิศาจได้แล้วไม่ใช่หรือ”    

 

“ถ้าพวกปลายแถวน่ะใช่ แต่ไม่สำหรับปิศาจอย่างเลวิอาธาน”

 

คำตอบของเขาทำให้น้ำทิพย์อึ้งไปเล็กน้อย

 

“เลวิ...อะไรนะ”

 

“เลวิอาธาน หนึ่งในเจ็ดจอมปิศาจจากอเวจี” เขาเหลือบตาขึ้นมองท้องฟ้าและนิ่วหน้าด้วยความกังวล “ดูเหมือนผมจะไล่เขาไม่สำเร็จ”

 

“หมายความว่ายังไง”

 

หญิงสาวถามและร้องอุทานเสียงดังลั่นเมื่อรถทั้งคันสั่นอย่างรุนแรงเหมือนใครกำลังขย่มอยู่บนหลังคา ความตกใจทำให้เธอแทบหักพวงมาลัยลงข้างทางดีที่ราฟาเอลคว้าเอาไว้ทัน

 

“ตั้งสติให้ดี บังคับรถไปเรื่อยๆ อย่าหยุด อย่าเลี้ยวไปทางไหนทั้งนั้น”

 

“แล้วถ้าเจ้านั่นมันมุดเข้ามาในรถล่ะ” น้ำทิพย์ถามเสียงสั่น ราฟาเอลยกมือขึ้นแตะเพดาน ประกายแสงเหมือนไฟพะเนียงปะทุวาบออกมา ตามด้วยเสียงร้องคำรามลั่นด้วยความโกรธจัด ตอนนั้นเองที่น้ำทิพย์เห็นเงาทะมึนของอสูรร้ายทาบบนถนน แม้จะมีรูปร่างไม่ชัดนักแต่ขนาดใหญ่โตของมันทำให้ใจของเธอฝ่อจนเหลือนิดเดียว

 

“ราฟาเอล”

 

น้ำทิพย์เรียกเทวดาหนุ่มน้ำตาคลอ มือสองข้างสั่นจนแทบจะบังคับรถเอาไว้ไม่ไหว ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วต่ำที่เหมือนสะท้อนก้องอยู่ภายในรถด้วยแล้วเธอแทบอยากจะหยุดรถและวิ่งหนีไปให้พ้น

 

“เขาแค่ขู่ให้เรากลัวเท่านั้น” เสียงราฟาเอลดึงสติแตกกระเจิงกลับคืนมา รถที่ส่ายเป็นงูเลื้อยจึงวิ่งเป็นเส้นตรงดังเดิม น้ำทิพย์มองเงาปิศาจซึ่งลอยห่างออกไปเล็กน้อยอย่างนึกหวาดหวั่น   “แต่ฉันว่าเขาเอาจริง” เธอแย้งเสียงแห้งเพราะยังตกใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ไม่หาย

 

“ถ้าเอาจริงป่านนี้รถของเราถูกเป่าจนคว่ำไปแล้ว” เทวดาหนุ่มพูดเนิบๆแต่ดวงตาจ้องตรงไปข้างหน้าแน่วนิ่งเหมือนรอจังหวะให้ปิศาจปรากฏตัว น้ำทิพย์ชะเง้อมองตาม

 

“ทำยังไงถึงจะหนีเขาพ้น”

 

“แทบไม่มีทาง” ราฟาเอลตอบ “เลวิอาธานเป็นปิศาจจอมอาฆาต มันจะไม่หยุดการไล่ล่าจนกว่าเหยื่อจะตาย”

 

เสียงผ้าสะบัดดังพรึ่บเมื่อจู่ๆปิศาจร้ายลอยตัวมาแถวหน้ารถ หญิงสาวเกือบจะเหยียบเบรกด้วยความตกใจแต่คำของราฟาเอลที่เตือนเอาไว้ล่วงหน้าทำให้เธอตั้งสติได้ทัน รถจึงแค่ชะลอความเร็วลงเล็กน้อยและยังวิ่งต่อไป    

 

“เหมือนมันอยากให้ฉันสติแตก” น้ำทิพย์บ่นอย่างหัวเสียพลางเหยียบคันเร่งและหมุนพวงมาลับเพื่อหนีให้พ้น เสียงหัวเราะของเลวิอาธานดังขึ้นอีกครั้ง แถมคราวนี้มันยังจ้องตรงเป๋งมาที่เทวดา

 

“เจ้าหนีไม่พ้นหรอกราฟาเอล”

 

“ก็ลองดู” เทวดาหนุ่มพูดและเขม้นมองอีกฝ่ายด้วยสายตาวาววับ เลวิอาธานเข้าใจว่าราฟาเอลทำได้เพียงวางท่าขู่จึงไม่รู้ว่ามีเพลิงกลุ่มใหญ่ลุกพรึ่บขึ้นทางด้านหลัง กว่าจะรู้ก็สายเกินจะหนีทัน เจ้าปิศาจร้ายส่งเสียงร้องโหยหวนและดิ้นทุรนทุรายอย่างเจ็บปวดเมื่อถูกไฟสวรรค์แผดเผาจนเกรียมไปครึ่งตัว

 

“ราฟาเอล มันตะโกนก้องด้วยความแค้นและชูมือข้างหนึ่งขึ้นหมายระเบิดรถทั้งคันให้แหลกเป็นผง แต่การกระทำต้องหยุดลงเมื่อมีหมอกสีดำกลุ่มใหญ่เคลื่อนมาขวาง ใบหน้าของเลวิอาธานเผือดลงด้วยความตระหนกเพราะรู้ดีว่ากลุ่มควันสีดำนี้คือสัญลักษณ์การปรากฏตัวของลูซิเฟอร์ ปิศาจร้ายยุติการโจมตีราฟาเอลและจ้องหมอกที่กำลังม้วนตัวด้วยดวงตาเหลือกลาน เพราะมันแสดงถึงอารมณ์อันขุ่นมัวของจอมมาร สิ่งที่สร้างความสะพรึงต่อเขามากที่สุดคือเสียงคำรามดังกึกก้องราวฟ้าผ่า มันทำให้เลวิอาธานต้องระย่อด้วยความหวาดกลัว  

 

“เลวิอาธาน” เสียงทรงอำนาจก้องกังวานไปทั่วท้องฟ้า “บอกหน่อยสิว่าเจ้ากำลังทำอะไร”

 

บริวารตัวเอ้รีบค้อมตัวลงต่ำพร้อมกับลนลานอธิบาย

 

“ข้ากำลังกำจัดศัตรูตัวร้ายของท่าน”

 

เสียงฮึ่มดังกลับมาด้วยความโกรธ

 

“ลืมคำสั่งของข้าไปแล้วหรือ”

 

เลวิอาธานกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก ก่อนจะตอบเสียงเบาจนแทบจะกลายเป็นกระซิบ

 

“ท่านสั่งห้ามพวกเราแตะต้องราฟาเอล”

 

สายอสนีบาตฟาดเปรี้ยงลงไปบนร่างภายใต้ผ้าคลุม เลวิอาธานร่วงหล่นลงจากฟ้าลงไปกระแทกกับพื้นห่างจากรถของน้ำทิพย์ไปเล็กน้อย ความตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้หญิงสาวตัดสินใจหักหลบและชะลอความเร็วลงจนหยุด เธอมองซากดำไหม้เกรียมของปิศาจร้ายด้วยความฉงนและหันไปมองเทวดาหนุ่มเพื่อจะถามแต่ต้องหยุดชะงักเมื่อสายตาของเขากำลังจ้องตรงไปข้างหน้าเขม็ง ความสงสัยทำให้เธอเลื่อนสายตามองตามและนั่งตกตะลึงตัวแข็งเมื่อเห็นจ้าวแห่งความมืดกำลังยืนอย่างสง่าอยู่หน้ารถของเธอ

 

“ลูซิเฟอร์

 

จอมปิศาจหันมาส่งรอยยิ้มน่าขนลุกให้น้ำทิพย์ ก่อนจะเบนหน้าไปยังเทวดาหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างเธอ

 

“สวัสดีราฟาเอล ดีใจที่ได้พบกับเจ้าอีกครั้ง” เขาไล่สายตาสำรวจความเสียหายบนรถและก้มศีรษะลงน้อยๆ “โปรดอภัยกับความไร้มารยาทของเลวิอาธาน ข้าจะนำเขาไปอบรมใหม่ในนรก”

 

จอมปิศาจสะบัดมือ เชือกพุ่งออกไปมัดร่างดำเป็นตอตะโกของเลวิอาธานลากเขาจมหายลงไปในธรณี เมื่อกำจัดลูกน้องแล้วลูซิเฟอร์จึงหันกลับมาที่คนทั้งสองอีกครั้งพร้อมวาดมือไปข้างหน้า รอยบุบสลายบนตัวรถค่อยๆกลับคืนสภาพสมบูรณ์ดังเดิม ราฟาเอลมองการกระทำของอีกฝ่ายอย่างไม่ไว้ใจ

 

“เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่ลูซิเฟอร์”

 

จอมปิศาจส่ายหน้าพร้อมกับจุ๊ปากเบาๆ

 

“น่าน้อยใจจังที่เจ้าพูดแบบนี้ อุตส่าห์หวังดีซ่อมรถให้” คำพูดที่หลุดจากปากเต็มไปด้วยความนุ่มนวลขัดกับดวงตาสีเขียวปีกแมลงทับที่กำลังทอประกายวาว

 

“ความหวังดีของเจ้าเหมือนดาบอาบยาพิษ” ราฟาเอลพูดเสียงกระด้าง อีกฝ่ายยิ้มมุมปากน้อยๆ

 

“ในยุคนี้ไม่มีใครเขาใช้ดาบกันแล้วราฟาเอล” รอยยิ้มเลือนหายไป “ส่วนการวางยายังคงเป็นสิ่งที่ใช้ได้ผล ยิ่งได้ผสมกับไอมรณะจากนรกด้วยแล้วยิ่งเพิ่มอานุภาพในการทำลายมากเป็นทวีคูณ”

 

จอมปิศาจจ้องเทวดาเขม็ง

 

“ข้ารู้ว่าพลังของเจ้ากลับคืนมาแล้ว ลองใช้อำนาจของเทวดาช่วยมนุษย์พวกนี้ดู” เขากลอกตาขึ้นมองท้องฟ้า “ถ้าเรื่องนี้ล่วงรู้ถึงเบื้องบน คงรู้ดีใช่ไหมว่าพวกผู้ยิ่งใหญ่จะจัดการกับเมืองบาปยังไง”

 

จบประโยค ร่างของลูซิเฟอร์จางหายไปอย่างรวดเร็วทิ้งให้ราฟาเอลนั่งกำหมัดแน่นด้วยความคับแค้นใจ น้ำทิพย์ซึ่งยังสงสัยในคำพูดประโยคสุดท้ายจึงหันไปถาม

 

“ผู้ยิ่งใหญ่ที่เขาพูดหมายถึงพวกเทวดาใช่ไหม แล้วที่ว่าจัดการกับเมืองคนบาปคืออะไร” เธอมองหน้าเทวดาหนุ่มอย่างรอคำตอบ เมื่อเห็นเขายังคงนิ่งหญิงสาวจึงถามย้ำอีกครั้ง “ได้ยินที่ฉันถามไหมราฟาเอล”

 

“ได้ยิน” ราฟาเอลอรับคำสั้นๆแต่ยังคงไม่ให้คำตอบ น้ำทิพย์จึงดับเครื่องยนต์และจ้องหน้าเขาเขม็ง

 

“คุณกำลังปิดบังอะไรอยู่ใช่ไหม”

 

“ผมไม่ได้”

 

“อย่ามาโกหก” หญิงสาวพูดเสียงเข้มและใช้กุญแจรถชี้หน้าอีกฝ่าย “คุณเป็นเทวดา และเทวดาจะต้องพูดแต่ความจริง เพราะฉะนั้นบอกมา

 

น้ำเสียงเข้มเชิงบังคับ เทวดาหนุ่มนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะเบือนสายตามองออกไปนอกรถและอยู่ในท่านั้นอยู่อึดใจจึงหันกลับมาที่น้ำทิพย์อีกครั้ง

 

“ถ้ามิคาเอลจับได้ว่าที่นี่ถูกปกคลุมด้วยพลังความมืดของลูซิเฟอร์ เขาจะนำกองทัพลงมาทำลายทันที”

 

 

*/*/*/*/*/*

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 




Create Date : 07 มิถุนายน 2556
Last Update : 7 มิถุนายน 2556 13:39:53 น.
Counter : 265 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กิสึเนะ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



moony ค่ะ เป็นคนชอบสร้างจินตนาการมาตั้งแต่เด็ก เคยวาดการ์ตูนไว้เป็นเล่ม แต่เก็บไว้อ่านเอง นิยายเรื่องแรกที่เขียนเป็นแนวจีนกำลังภายใน ตอนหลังรู้จักเน็ตจึงเริ่มสร้างสรรเรื่องอื่นบ้างแต่ส่วนใหญ่เป็นแนวแฟนตาซี
All Blog