เทวทูตที่รัก บทที่ 11 หมอกมรณะ 2

เสียงเพลงจากโทรศัพท์มือถือปลุกน้ำทิพย์ให้ตื่นจากนิทราอันแสนสุข หญิงสาวบ่นพึมพำออกมาสองสามคำก่อนจะลุกขึ้นมานั่งแต่ความง่วงงุนทำให้เธอทิ้งตัวกลับลงไปนอนอีกครั้งแต่ต้องสะดุ้งเบิกตาโพลงและลุกพรวดขึ้นเมื่อนึกได้ว่าวันนี้มีชั่วโมงเรียนตั้งแต่เช้า

 

“กี่โมงแล้วเนี่ย”

 

หญิงสาวถามกับตัวเองพลางหันไปมองนาฬิกาและกระเด้งออกจากเตียงแทบจะทันทีเมื่อพบว่ามันเป็นเวลาเจ็ดโมงครึ่ง ความกลัวว่าจะเข้าเรียนสายเธอจึงอาบน้ำแต่งตัวอย่างเร่งรีบ หลังจากแต่งแต้มเรียวปากให้เป็นสีชมพูหวานแล้วน้ำทิพย์จึงคว้ากระเป๋าถือก้าวออกจากห้อง แต่เมื่อลงมายังชั้นล่างหญิงสาวต้องแปลกใจเมื่อเห็นราฟาเอลกำลังยืนจ้องท้องฟ้าผ่านหน้าต่างที่ถูกม่านปิดเอาไว้ครึ่งหนึ่ง สีหน้าที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวลกับท่าทางระแวดระวังมากกว่าทุกครั้งทำให้เธอบังเกิดความสงสัยจนต้องเข้าไปถาม

 

“มีอะไรเหรอ”

 

เทวดาหนุ่มหันมามองหน้าเธอแต่ไม่พูดอะไรก่อนจะตวัดสายตามองกลับไปยังด้านนอกอีกครั้งแทนคำตอบ เมื่อน้ำทิพย์มองตามก็ต้องอุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อพบว่าท้องฟ้ายามเช้าที่ควรแจ่มใสกลับมืดครึ้มไปด้วยเมฆหมอกสีเทา ที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือเธอเห็นเงาเลือนลางของปิศาจกำลังบินฉวัดเฉวียนไปมา

 

“เขาลงมือแล้ว” ราฟาเอลพูดเสียงเครียด ไม่ต้องบอกหญิงสาวก็รู้ว่า ‘เขา’ ที่เทวดาหนุ่มพูดถึงก็คือลูซิเฟอร์

 

“เราควรทำยังไงกันดี” น้ำทิพย์ถามด้วยความหวาดหวั่นเพราะจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน แม้จะเป็นอำนาจเพียงน้อยนิดแต่ก็สามารถทำให้นักศึกษาแทบทุกคนตกอยู่ในมนตร์สะกดอันน่ากลัว ราฟาเอลมองกลุ่มหมอกที่กำลังม้วนตัวหมุนเป็นวงราวกับมีชีวิตด้วยสีหน้าหนักใจ

 

“พลังของผมในตอนนี้ปกป้องคุณได้เพียงคนเดียวเท่านั้น” เขาหันกลับมายังน้ำทิพย์ “เพื่อความปลอดภัยวันนี้คุณไม่ควรออกจากบ้าน”

 

น้ำทิพย์ผงกศีรษะรับอย่างว่าง่ายแต่พอนึกขึ้นได้ว่าเพื่อนๆที่ไม่รู้เรื่องจะตกอยู่ในอันตรายเธอจึงรีบหยิบโทรศัพท์มือถือติดต่อคนทั้งสาม แต่เหมือนพลังมืดของลูซิเฟอร์จะบดบังสัญญาณได้ทุกอย่างไม่เว้นแม้การสื่อสารสมัยใหม่ ไม่ว่าจะกดเรียกกี่ครั้งก็ไม่มีใครรับสาย หลังจากเพียรพยายามอยู่พักใหญ่ในที่สุดหญิงสาวจึงตัดสินใจเก็บมือถือและมองหน้าราฟาเอล

 

“ฉันต้องไปมหาวิทยาลัย”

 

“ไม่ได้” เทวดาหนุ่มห้ามและลดน้ำเสียงลงเมื่อเห็นสีหน้าของน้ำทิพย์ “มันอันตรายเกินไป อย่าลืมสิว่าคุณคือเป้าหมายของลูซิเฟอร์”

 

“ฉันรู้ แต่ฉันเป็นห่วงเพื่อน” น้ำทิพย์พูดพลางจับแขนของราฟาเอลเอาไว้พร้อมกับมองเขาด้วยสายตาอ้อนวอน “ถ้าเป็นห่วงคุณจะให้ขนนกหรือพลังป้องกันอย่างเมื่อวานก็ได้”

 

เธอบีบแขนของอีกฝ่ายแน่นขึ้น

 

“ให้ฉันไปเถอะนะราฟาเอล”    

 

ความเป็นห่วงทำให้เขาอยากจะปฏิเสธแต่พอเห็นสีหน้าเป็นทุกข์ของเธอแล้วเทวดาหนุ่มต้องถอนใจค่อนข้างยาวก่อนจะพูด

 

“ก็ได้ แต่ต้องให้ผมไปด้วย”

 

น้ำทิพย์มีสีหน้างงงัน เพราะเท่าที่ผ่านมาไม่ว่าเธอจะพยายามชักชวนยังไงเขาก็ไม่ยอมออกจากบ้าน แม้แต่วันที่ไปเดินห้างก็ต้องหว่านล้อมสารพัดกว่าจะลากเขาออกไปได้ การที่เขาขอตามไปด้วยแสดงว่าสถานการณ์ภายในมหาวิทยาลัยร้ายแรงจนไม่น่าไว้ใจ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็อดถามไม่ได้

 

            “แล้วจะไม่เป็นไรเหรอ”

 

            “วันก่อนคุณชวนผมออกไปข้างนอก ยังไม่กังวลถึงขนาดนี้”

 

            “ตอนนั้นมันยังไม่มีเรื่องอะไรนี่นา” น้ำทิพย์เถียงอ่อยๆ ราฟาเอลยิ้มอย่างอ่อนโยนพลางแตะพวงแก้มนวลของหญิงสาว

 

            “ไม่ต้องกลัว ถึงพลังในตอนนี้ของผมยังไม่แข็งแกร่ง แต่ก็ไม่อ่อนแอจนสู้ใครไม่ได้”

 

            คำปลอบของเทวดาหนุ่มทำให้หญิงสาวใจชื้นขึ้นมาเป็นกอง กระนั้นเธอก็ยังถามเหมือนต้องการความมั่นใจ

 

            “คุณจะปกป้องฉันใช่ไหม”

 

            “ด้วยชีวิตของผม”

 

            คำตอบของราฟาเอลทำให้หัวใจของหญิงสาวพองโตคับอก ความเต็มตื้นทำให้เธออยากจะโผเข้าไปกอดแต่ความละอายยับยั้งเอาไว้ได้ทัน น้ำทิพย์จึงทำเพียงเอนตัวเข้าไปหาและซบหน้าผากกับแผ่นอกอีกฝ่ายพร้อมกับพูดเบาๆ

 

            “ขอบคุณมากราฟาเอล”

 

            อีกครั้งที่เทวดาหนุ่มใจเต้นเมื่อหญิงสาวเข้ามาใกล้ มือข้างที่สัมผัสใบหน้าเมื่อครู่ตอนนี้กลับเงอะงะจนทำอะไรไม่ถูก หลังจากขยับเหมือนไม่รู้จะทำยังไงอยู่สองสามครั้งสุดท้ายเขาจึงตัดสินใจวางมันบนไหล่ของเธอ ทั้งสองยืนอิงแอบกันในท่านี้ชั่วอึดใจน้ำทิพย์จึงผละถอยออกห่างพร้อมกับพูด

 

            “สายมากแล้ว เรารีบไปกันเถอะ”

 

            เธอสำรวจประตูหน้าต่างทุกบานรวมทั้งสวิทช์ไฟในบ้านทั้งหมดว่าปิดเรียบร้อยดีแล้วจึงคว้ากระเป๋าเดินไปที่รถ เมื่อขึ้นนั่งประจำที่เรียบร้อยแล้วทั้งคู่จึงมุ่งหน้าไปตรงไปยังมหาวิทยาลัย

 

             การเดินทางในวันนี้แตกต่างไปจากทุกครั้ง ถนนที่เคยคับคั่งไปด้วยยวดยานกลับว่างเปล่าไร้ผู้คนสัญจร ไม่มีแม้กระทั่งรถจักรยานสวนมาสักคัน เหมือนผู้คนในแถบนี้หายสาบสูญไปหมด ห้างสรรพสินค้าที่มักจะมีผู้คนมายืนออก่อนเปิดทำการก็เงียบเหงาจนถึงขั้นวังเวง น้ำทิพย์มองสองข้างทางที่ปราศจากเงาของสิ่งมีชีวิตอย่างหวาดกลัว

 

            “ทำไมมันเงียบแบบนี้ ผู้คนหายไปไหนกันหมด”

 

            “อำนาจของลูซิเฟอร์ตรึงพวกเขาให้อยู่ในบ้าน”

 

            “งั้นที่มหาวิทยาลัยก็ไม่น่าจะมีใคร” น้ำทิพย์พูดด้วย้นำเสียงเชิงโล่งอกแต่ต้องตกอยู่ในความกังวลอีกครั้งเมื่อเทวดาหนุ่มตอบ

 

            “ผมกลัวว่าเขาจะดึงพวกนักศึกษาไว้ที่นั่นตั้งแต่เมื่อวาน ถ้าเป็นแผน เขาคงจะปล่อยให้เพื่อนคุณเดินทางไปที่มหาวิทยาลัย”

 

            “เขาจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร สามคนนั่นไม่รู้จักลูซิเฟอร์สักหน่อย” หญิงสาวถามพลางชะลอความเร็วของรถเพราะเริ่มเข้าเขตสถาบันการศึกษา ราฟาเอลส่ายหน้าน้อยๆ

 

            “แต่พวกเขารู้จักคุณ อีกอย่างอำนาจมืดในตอนนี้เกิดจากจิตใจชั่วร้ายของมนุษย์ เขาอยากครอบครองตัวคุณจึงใช้เพื่อนของคุณเป็นตัวล่อ”

 

            “กฤตชัย” น้ำทิพย์พึมพำและหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดหมายเลขของเพื่อนรักทั้งสามคนอีกครั้ง ซึ่งก็เหมือนกับตอนแรกคือไม่มีสัญญาณตอบรับจากใครเลยสักคน

 

            “ติดต่อไม่ได้” หญิงสาวบ่นอย่างหงุดหงิดพร้อมกับโยนมือถือไปเบาะหลัง ราฟาเอลมองประตูมหาวิทยาลัยที่เคลื่อนใกล้เข้ามานิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงพูด

 

            “ใจเย็นๆ พวกเขาอยู่ไม่ไกลจากคุณเท่าไหร่”

 

            “คุณรู้ได้ยังไง” น้ำทิพย์ถามและหยุดพูดแทบจะทันทีเมื่อนึกได้ว่าเขาเป็นเทวดาสามารถมองหาคนที่ต้องการได้ไม่ยากนัก ซึ่งก็เป็นไปตามที่ราฟาเอลพูด รถของเธอวิ่งเข้าไปจนถึงคณะ ก็พบกับรถของจันทรนิภาจอดรออยู่ก่อนแล้ว ความเป็นห่วงทำให้น้ำทิพย์รีบบังคับรถไปเทียบข้างและเข้าไปสำรวจรถของเพื่อนทันที

 

            “กุ้ง เสือ” เธอร้องเรียกและยิ้มกว้างด้วยความดีใจเมื่อเห็นเพื่อนทั้งสองออกจากรถหน้าตาตื่น

 

            “ทิพย์” เสือเรียกเพื่อนเสียงสั่น “เกิดอะไรขึ้น ทำไมที่นี่ถึงน่ากลัวอย่างนี้”

 

            พูดพลางหันมองไปรอบตัว ทั่วทั้งมหาวิทยาลัยในเวลานี้ถูกปกคลุมด้วยหมอกสีเทา สัมผัสหดหู่ระคนกลิ่นเหม็นสาบสางตลบอบอวลชวนคลื่นเหียนจนคนทั้งสามต้องสำลักไอ

 

            “หมอกพิษน่ะ” น้ำทิพย์พูดพลางหันไปมองราฟาเอลซึ่งออกมายืนนอกรถและกวาดตามองไปโดยรอบอย่างหวาดระแวง

 

            “พวกเขากำลังมา” เทวดาหนุ่มพูดพลางหันไปมองน้ำทิพย์กับเพื่อนทั้งสองคน ยังไม่ทันได้ถามจันทรนิภาซึ่งมีอาการตระหนกมากกว่าเพื่อนจึงระล่ำระลักบอก

 

            “เมื่อกี้พวกเราเจอนายเต่า แต่เขาไม่เหมือนเดิม” เธอเช็ดน้ำตาที่ไหลพรากใบหน้า น้ำทิพย์ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

 

            “เขาไม่เหมือนเดิมยังไง”

 

            จันทรนิภาส่ายหน้า แรงสะอื้นทำให้เธอพูดอะไรไม่ออก พิณพรจึงเป็นฝ่ายตอบแทน

 

            “เขาเดินตาลอยตัวแข็งทื่อ พูดจาไม่รู้เรื่องเหมือนพวกนักศึกษาเมื่อวาน” เธอถอนใจออกมาหนักๆ “เพื่อนของเรากลายเป็นซอมบี้เต่าไปแล้ว”

 

            น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเศร้าจนน้ำทิพย์ใจหาย เธอหันไปทางราฟาเอลอีกครั้ง เขาส่ายหน้าช้าๆ

 

            “เขาโดนอำนาจของลูซิเฟอร์ครอบงำ”

 

            คำพูดของเขาทำให้สองสาวหูผึ่ง พิณพรถามเสียงรัว

 

            “เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะ”

 

            “ลูซิเฟอร์” น้ำทิพย์เป็นคนตอบพลางมองไปรอบตัว “หมอกที่เห็นอยู่นี่เกิดจากอำนาจของเขากับยาเสพติดของกฤตชัย”

 

            “เธอกำลังพูดเรื่องอะไรกันน้ำทิพย์ ลูซิเฟอร์มีจริงที่ไหน” จันทรนิภาถาม แต่เพื่อนของเธอกลับสั่นศีรษะ

 

            “ลูซิเฟอร์มีจริง ฉันเห็นมาแล้วกับตา”

 

            “เหลวไหล”

 

            “งั้นบอกหน่อยว่าอะไรทำให้เต่ามีอาการแบบนั้น” น้ำทิพย์พยายามใจเย็นย้อนถาม จันทรนิภายืนอึ้งอย่างจนปัญญา พิณพรซึ่งใช้ความคิดระหว่างฟังจึงพูดขึ้นมาบ้าง

 

            “ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจและไม่เชื่อเท่าไหร่ แต่ขอถามหน่อยว่าถ้าทุกอย่างเกิดจากอำนาจของลูซิเฟอร์ ทำไมเราสองคนถึงไม่เป็นอะไร”

 

            คราวนี้น้ำทิพย์เป็นฝ่ายเงียบเพราะเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เมื่อหาคำตอบไม่ได้หญิงสาวจึงหันไปทางราฟาเอล เขาทำหน้าหนักใจเล็กน้อยแต่ก็ยอมอธิบายแต่โดยดี

 

            “เพราะคุณสองคนเคยสัมผัสตัวผม จึงได้รับพลังคุ้มครองมาโดยบังเอิญ”

 

            พิณพรขมวดคิ้วนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงนึกขึ้นได้ว่าตอนที่เธอและจันทรนิภาพบราฟาเอลครั้งแรกในห้างสรรพสินค้า พวกเธอแย่งกันจับมือเขาแถมยังพยายามแต๊ะอั๋งระหว่างรับประทานอาหาร มีเพียงจิรายุสเท่านั้นที่ไม่ถูกเนื้อต้องตัวเขาเลยแม้แต่นิดเดียว

 

            “แต่ทำไมพอโดนตัวคุณแล้วเราถึงไม่เป็นอะไร” เธอตั้งคำถามและจ้องหน้าเทวดาหนุ่มอย่างรอคำตอบ ราฟาเอลขมวดคิ้วเหมือนไม่อยากบอกแต่พอเห็นสีหน้าเชิงอ้อนวอนของน้ำทิพย์แล้วเขาจึงระบายลมหายใจออกมาเบาๆก่อนพูด

 

            “เพราะผมเป็นเทวดา”

 

            “อะไรนะ ทั้งพิณพรและจันทรนิภาหลุดปากร้องออกมาพร้อมกัน “นี่ไม่ใช่เวลามาพูดเล่นนะ ราฟาเอล”

 

            “ไม่ได้พูดเล่น มันเป็นความจริง”

 

            น้ำทิพย์เสริมด้วยใบหน้าจริงจังแต่เพื่อนทั้งสองกลับสั่นศีรษะ

 

            “อย่าเพ้อเจ้อน่ะทิพย์ เราก็รู้ว่าเทวดา นางฟ้าเป็นสิ่งที่คนเราสร้างขึ้น มันไม่มีทางเป็นความจริงไปได้”

 

            น้ำทิพย์ขยับเตรียมอธิบายแต่ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงครางฮือดังขึ้นรอบตัว

 

            “พวกเขามากันแล้ว” ราฟาเอลพูดขณะมองตรงไปยังอาคารเรียน เงาตะคุ่มของคนกลุ่มใหญ่กำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้ น้ำทิพย์และเพื่อนทั้งสองเบียดกันจนเป็นก้อนกลมขณะมองนักศึกษาผีดิบที่ก้าวเขามาหาด้วยความหวาดกลัว เทวดาหนุ่มหันมาทางหญิงสาวทั้งสาม

 

            “มาอยู่หลังผมเดี๋ยวนี้ ทิพย์”

 

            หญิงสาวลากเพื่อนทั้งสองไปหาเขาทันที เมื่อแน่ใจว่าทุกคนอยู่ในอาณาเขตคุ้มครองแล้วราฟาเอลจึงกางแขนทั้งสองข้างออก ทั้งพิณพรและจันทรนิภามองอย่างงุนงงก่อนจะเปลี่ยนยืนตกตะลึงอ้าปากค้าง เพราะสิ่งที่เห็นเป็นความมหัศจรรย์ที่พวกเธอไม่เคยนึกมาก่อนว่าชีวิตนี้จะได้เจอ

 

ปีกสีขาวขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นด้านหลังของราฟาเอล มันโบกสะบัดสองสามครั้งก่อนจะแผ่กางออกปล่อยแสงสีขาวสว่างเจิดจ้าบาดตา มันไม่มีผลเลยสักนิดกับหญิงสาวทั้งสามคนแต่กับพวกนักศึกษาผีดิบแล้วตรงกันข้าม ทันทีที่เห็นรัศมีเทวดา ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นป้องหน้าพร้อมกับส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนและล้มลงดิ้นทุรนทุราย เมื่อเห็นผู้รุกรานล้มระเนระนาดแล้วราฟาเอลจึงหันไปทางน้ำทิพย์

 

“รีบออกจากที่นี่ เร็ว

 

หญิงสาวพยักหน้าและรีบทำตาม แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นเพื่อนทั้งสองยังยืนตัวสั่นงันงก ความเป็นห่วงเธอจึงร้องเตือน

 

“อย่ามัวแต่ตกใจ รีบหนีเร็ว กุ้ง เสือ”

 

“ต...แต่ถ้าพวกนั้นตามเรามาล่ะ” จันทรนิภาถามเสียงสั่น ราฟาเอลวางมือลงบนไหล่ของเธอและบีบเบาๆ

 

“คุณสองคนได้รับพลังป้องกันของผมไปแล้ว คนพวกนั้นรวมถึงปิศาจจะไม่กล้าเข้าใกล้ รีบออกจากที่นี่แล้วหาที่ซ่อนตัวซะ จะเป็นที่บ้านหรือที่ไหนก็ได้ที่พวกคุณคิดว่าปลอดภัย”

 

คำพูดของราฟาเอลสร้างกำลังใจได้อย่างน่าประหลาด ความตระหนก หวาดกลัวถูกปัดเป่าจนเลือนหายไปหมด จันทรนิภารู้สึกเหมือนมีคลื่นพลังอันอบอุ่นไหลออกจากมือของคนที่เพิ่งบอกว่าตัวเองเป็นเทวดา มันซึมซับผ่านไหล่เข้าไปในร่างและวิ่งพล่านทั่วกาย

 

“ไปได้แล้ว” เทวดาหนุ่มพูดเมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายดีขึ้น จันทรนิภาผงกศีรษะและมุดเข้าไปนั่งในรถอย่างว่าง่าย พิณพรเห็นดังนั้นจึงทำตาม จากนั้นรถของทั้งคู่ก็พุ่งทะยานออกจากมหาวิทยาลัย

 

เมื่อแน่ใจว่าเพื่อนทั้งสองรอดพ้นจากอันตรายแล้วน้ำทิพย์จึงประจำที่คนขับ ราฟาเอลใช้

 

พลังขับไล่ฝูงนักศึกษาผีดิบอีกครั้งก่อนจะเข้าไปนั่งเบาะด้านข้าง รถยนต์ของหญิงสาวจึงแล่นออกจากที่นั่น ด้วยความเร็วที่มากกว่าทุกครั้งน้ำทิพย์จึงมั่นใจว่าเธอคงถึงบ้านในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะถนนที่เคยโล่งตอนขามาเวลานี้กลับหนาแน่นไปด้วยยวดยาน น้ำทิพย์หมุนพวงมาลัยบังคับรถให้หลบสิบล้อที่วิ่งข้ามเลนเข้ามาหาและหักหลบจักรยานยนต์พ่วงข้างที่วิ่งตรงดิ่งเข้ามาหารถของเธอ

 

            “เกิดอะไรขึ้น ทำไมทุกคนทำเหมือนอยากจะพุ่งเข้ามาชนรถของเรา”

 




Create Date : 07 มิถุนายน 2556
Last Update : 7 มิถุนายน 2556 13:34:13 น.
Counter : 298 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กิสึเนะ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



moony ค่ะ เป็นคนชอบสร้างจินตนาการมาตั้งแต่เด็ก เคยวาดการ์ตูนไว้เป็นเล่ม แต่เก็บไว้อ่านเอง นิยายเรื่องแรกที่เขียนเป็นแนวจีนกำลังภายใน ตอนหลังรู้จักเน็ตจึงเริ่มสร้างสรรเรื่องอื่นบ้างแต่ส่วนใหญ่เป็นแนวแฟนตาซี
All Blog