บ่น Shut Up! Flower Boy Band
ละครเกาหลีเรื่องนี้ว่าจะดูตั้งแต่ปีที่แล้วหลังจากดู Answer Me 1997 จบ เพราะรู้ซึ้งแล้วว่าละครเคเบิ้ลช่อง TVN มีดีกว่าละครช่องฟรีทีวีทั่วไปเสียอีก

คะแนนที่ javabean กับ girlfriday ให้กับเรื่องนี้ก็สูงมากด้วย จริง ๆ คือเท่ากับที่ให้ Answer Me 1997 เลย เนี่ย ถ้าไม่รู้จะเลือกละครเกาหลีเรื่องไหนดูดี ไม่ต้องไปเที่ยวตั้งกระทู้ถามชาวบ้านให้เสียเวลา ไปดูที่นี่ //www.dramabeans.com/about/ratings/ เลยดีกว่า สองคนนี้ดูละครเยอะมาก แยกแยะออกระหว่างละครดีกับไม่ดี recap สนุกด้วย จขบ.กะว่าถึงจะดู Shut Up!ฯ จบแล้ว ถ้าว่าง ๆ ก็อยากไปนั่งอ่านที่เขา recap

เสียดายไม่มีเวบแบบนี้สำหรับละครญี่ปุ่นมั่ง :(

สำหรับคนที่ยังไม่ได้ดูและยังคิดไม่ออกว่าจะดูดีไหม ลองถามตัวเองดูว่า
1.ชอบละครแนววัยรุ่นสู้เพื่อฝันหรือเปล่า
2.ทนอายแทนชื่อเรื่องมันได้มั้ย?!!! 555555 ทำไมต้องตั้งชื่อเรื่องให้มันเป็นแบบไม่กล้าป่าวประกาศให้โลกรู้ว่าช้านดูละครเรื่องนี้ด้วยยยย??? 555

จขบ.แม้จะไม่สามารถจะเรียกได้ว่าผ่านเงื่อนไขข้อ 2. แต่ก็ดูจนจบไปแล้ว ถือว่าเป็นละครดีเรื่องหนึ่งเลย แม้ว่าจะมีข้อเสียมากมายให้ได้มา blog บ่นก็ตาม

พูดจริง ๆ ว่าโดยรวมจขบ.ประทับใจ Answer Me 1997 มากกว่า ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะความคาดหวังของจขบ.ผิดไป ตอนแรกนึกว่า Shut Upฯ เป็นละครดนตรี (คือนึกว่าเนื้อเรื่องจะเป็นประมาณการ์ตูนเรื่อง BECK) แต่จริง ๆ แล้วพอดู ๆ ไปมันเป็นละครรักวัยรุ่น-มิตรภาพวัยรุ่นที่เผอิญตัวละครหลักในเรื่องเล่นดนตรี

***ถ้าคิดจะดูแล้วกลัวเสียอรรถรสจัด ให้ไปดูก่อนแล้วค่อยมาอ่านต่อ ไม่งั้นอย่ามาบ่นทีหลังว่าโดนสปอยล์นะ***


พูดถึงพระเอกของเรื่องหน่อย จขบ.ไม่เคยเห็นนักแสดงคนนี้มาก่อน (โกหก จริง ๆ เคยเห็นตอนเล่นเป็นตัวประกอบ แต่จำไม่ได้ ค้นวิกิแล้วเพิ่งรู้) เล่นเป็นหัวหน้าวง Eye Candy (ชื่อวงก็ตั้งได้น่าอายได้อีก!) หน้าง่วง ๆ ตัวโย่ง ๆ จะเรียกว่าหล่อคงไม่ได้ ให้เปรียบกับฝั่งญี่ปุ่นน่าจะเป็น โองุริ ชุน ภาษาญี่ปุ่นเรียกผู้ชายประมาณนี้ว่า funiki ikemen แปลไทยว่า "หล่อบรรยากาศ" คือหน้าตาไม่ได้หล่อเป๊ะ แต่รวม ๆ กับอารมณ์รอบ ๆ ตัวแล้วดูหล่อดูเท่

ส่วนนางเอก หน้าตาน่ารักมาก! ชื่อโบอา(กรี๊ด ชื่อเหมือนศาสดาของจขบ.เลย) ตอนแรกนึกว่า sulli ณ f(x) เหมือนมาก!! คนเกาหลีไม่รู้ทำได้ไง ผลิตคนหน้าตาเหมือนนางเอกการ์ตูนได้ขนาด! 555

คนต่อไปที่จะพูดถึงคือคนที่หล่อสุดในเรื่อง ฮยอนซู มือกีตาร์ของวง Eye Candy คาแรกเตอร์เหมือนหลุดออกมาจากการ์ตูนสุด ๆ! หล่อเย็นชา ปากร้าย ทำตัวนิสัยไม่ดีให้คนอื่นเกลียดได้โดยไม่สะทกสะท้าน แต่จริง ๆ แล้วเป็นคนดี แสดงโดย L ณ Infinite (ดูละครเกาหลีแล้วเก็บไอดอลเข้าสังกัดได้เรื่องละคน คราวก่อนก็เก็บ jonghyun ณ cnblue จาก gentleman dignity ไปได้หนึ่งคนและ)

จริง ๆ ละครเรื่องนี้ ตัวละครเยอะมาก แต่ขี้เกียจร่าย เพราะฉะนั้น พูดถึงอีกแค่คนเดียวละกัน คนสุดท้ายที่จะพูดถึงคือ บยองฮี อดีตหัวหน้าวง Eye Candy เป็นตัวละครที่มีเสน่ห์มาก ๆ บ้า ๆ มีพรสวรรค์ อิสระเสรี อยู่ ๆ เห็นนางเอกก็ชี้หน้าประกาศว่าคนนี้แหละเป็น muse(เทพธิดาที่เป็นแรงบันดาลใจของศิลปิน)ของฉัน แล้วก็เที่ยวตามก่อกวน(?)ให้เขาวุ่นวาย แต่นางเอกก็ไม่รำคาญ เพราะบยองฮีดูบริสุทธิ์ ดูเป็นเด็ก คือ Lee Minki ที่แสดงเป็นบยองฮีเล่นดีมากอ่ะ ถ้าเล่นไม่ดีหรือเยอะไป ตัวละครตัวนี้จะดูน่ารำคาญไปเลย เสียดายที่เล่นแค่สองตอนเอง :( จขบ.เคยเห็น Lee Minki แสดงมาก่อนในเรื่อง dalja spring ตอนนั้นชอบมากอ่ะ น่ารักมากเลย มาเห็นอีกทีก็เรื่องนี้แล้วรู้สึกสงสาร ไม่รู้ป่วยเป็นโรคอะไรหรือเปล่า ทำไมผอมซูบขนาดนี้ หรือลดน้ำหนักเพื่อบทก็ไม่รู้

เอาล่ะ ต่อไปนี้คือ highlight ของบล็อก การบ่นของข้าพเจ้านั่นเอง 555
1. ข้อแรกเลยคือสิ่งที่เป็นจุดอ่อนของละครเกาหลี(รึเปล่านะ? ว่าไปแล้วเดี๋ยวนี้ก็ดูน้อยแล้ว อาจจะตีขลุมไปหรือเปล่า?) คือ จะใส่ romance มามากมายทำไมวะคะ? คือรักสามเส้าหลักของเรื่องเนี่ยมันกินเวลาเกินครึ่งของเรื่องอีก!! ซึ่งความรักของพระเอกนางเอกเนี่ยมันก็น่ารักดี แต่มันไม่ได้มีอะไรพิเศษหรือเด่นไปกว่าเรื่องอื่น ๆ เลย ถ้าจขบ.เขียนบทเอง จะเขียนตัดอีเส้าที่สาม (ซึงฮุน) ทิ้งไปเลย เสียเวลามาก ๆ เอาเวลาไปเล่าเรื่องมิตรภาพของเพื่อนดีกว่าอีก

2.บทระหว่างซึงฮุนกับซูอา(นางเอก)เนี่ย โคตรจะไม่ realistic สุด ๆ การ์ตูนตาหวานชวนฝันโคตร ๆ เพื่อนตั้งแต่เด็กประเภทไหนสนิทตัวติดกันขนาดนั้นแต่สุภาพต่อกันสุด ๆ!! นางเอกเรียกซึงฮุนว่า prince!! โอเอ็มจี!(เห็นแล้วอยากเลิกดู แต่ติดที่มีตัวละครหล่อ ๆ เลยต้องดูต่อ) ซึงฮุนมาจากอเมริกา เก่ง มั่น อีโก้สูง แต่แอบรักเขามาตลอดโดยไม่คิดจะทำอะไร? บ้าเปล่า...

3.วง Eye Candy สนิทกันมาก รักกันปานจะกลืน แต่ไม่รู้ว่าโดอิล(มือกลอง)เป็นใครมาจากไหนและไม่คิดจะถาม ทุกคนสนิทกันมากและรู้ว่าน้องฮยอนซูไม่แข็งแรง แต่ตอนที่ฮยอนซูต้องกลับบ้านบ่อย ๆ ไม่มีใครเดาออกว่าเกิดอะไรขึ้น และไม่เข้าใจว่าทำไมฮยอนซูต้องปิดเป็นความลับขนาดนั้น ตลอดเวลาที่โตด้วยกันมานี่เวลามีปัญหาอะไรไม่เคยเล่าให้เพื่อนฟังเลยรึ?

4.ผิดหวังที่เพลงที่บยองฮีแต่ง (jaywalking)ไม่ได้สุดยอดอะไร ธรรมด๊าธรรมดา คือตามบท เพลงมันต้องเยี่ยมมากไม่ใช่รึ?

5.ละครเกี่ยวกับวงดนตรีขนาดนี้ อยากให้เล่นเพลงสด ร้องสด มาแห้ง ๆ แบบนี้ดูแล้วเสียอรรถรสมาก

6.โดอิล(มือกลอง)หน้าฝรั่ง พูดเกาหลีไม่ชัด แต่พ่อแม่เป็นคนเกาหลีโดยไม่มีการอธิบาย เคยคิดว่าละครเกาหลีจะเนี้ยบกว่านี้ ไม่ใช่ละครไทยนะที่จะมีลูกครึ่งเต็มเรื่องเป็นปกติ (แถมเดี๋ยวนี้ละครไทยเริ่มพัฒนาโดยการคาสต์พ่อแม่ให้เป็นลูกครึ่ง/ฝรั่งแล้วด้วยซ้ำ) สงสัยจะหาคนเกาหลีหน้าตาดี ๆ เล่นกลองไม่ค่อยได้หรือไงไม่รู้

7.บางอย่างไม่ realistic แต่ยัดเข้ามาเพื่อขับเคลื่อนพล็อตก็ทำให้เสียอรรถรส เช่น ปกติจะเล่นดนตรีต้อง set และ tune อย่างน้อยก็ครึ่งชั่วโมง แต่ละครทำเป็นจะให้ Eye Candy เล่นสดออกอากาศสดโดยไม่ต้องเซ็ตก่อนเลย แบบเดินขึ้นเวทีปุ๊ปเล่นได้เลย หรืออย่างตอนอัดซิงเกิ้ลแรก ปกติต้องอัดเครื่องดนตรีแยก ๆ แล้วมา mix ทีหลัง นี่ก็ให้อัดรวม ๆ กันไปเลย ซึ่งก็พอเข้าใจได้ว่าเพราะ kim rock เดินมาบอกว่าให้อัดรวม (ซิงเกิ้ลแรกของ rookie แต่ทำเป็น live version เลย โอ้) แต่ตอนอัดซิงเกิ้ลที่ 2 ที่ซึงฮุนบังคับว่าต้องอัดแยก ไม่เห็นมีใครเถียงว่าตอนซิงเกิ้ลแรกยังอัดรวมเลย คือ ลืมกันแล้วเหรอ? งง

8.บ่นเรื่องบทต่อ คือเหมือนตอนแรกทุกคนทำเพื่อบยองฮี แต่พอได้ debut แล้วไม่เห็นมีใครให้เครดิตเลย น่าจะมีฉากให้สัมภาษณ์แล้วสมาชิกในวงพยายามโพล่งเรื่องบยองฮีออกมา หรือตอนแสดงออกทีวีน่าจะคนเอารูปบยองฮีมาขึ้นเวทีด้วย หรือใส่หน้ากากบยองฮี หรืออะไรสักอย่างที่สื่อว่าพวกนี้รักบยองฮีสักหน่อย

9.บนเวทีประกวด Eye Candy เล่นเพลง jaywalking ด้วยกีตาร์เปื้อนเลือด เป็นแค่เวทีประกวดธรรมดา ๆ แต่วีดีโอที่อัพโหลดขึ้น youtube นี่ตัดมาจากกล้องหลายตัว ซูมโน่นนี่นั่น แพนตาม ฯลฯ ซะราวกับเป็นคอนเสิร์ตเตรียมทำ DVD ขาย

10.ตอนส่งเดโมเข้าประกวด โดนติเรื่องกีตาร์มา ก็แสดงว่าฮยอนซูฝีมือไม่ค่อยดี แต่เจ๊กลับเลือกจับฮยอนซูกับพระเอกมาเซ็นสัญญา งง! และในช่วงที่ชาวบ้านกำลังอินกับดราม่ากีตาร์เปื้อนเลือด และบริษัทต้องการจะทำเงิน ไม่ว่ายังไงมันก็ต้องเซ็นสัญญาทั้งวงมาอยู่ดีถึงจะขายได้ทันท่วงที คนจะได้อิน ไม่ใช่มาแยกแค่สองคนออกมา แล้วมา audition ตำแหน่งที่เหลือ แล้วตั้งวงใหม่ เพื่อ?!!

11.ตามเนื้อเรื่อง Eye Candy เล่มตามคลับมาก่อนนานแล้ว แสดงว่าก็ต้องมีเพลงที่บยองฮีแต่งไว้พอสมควร และถึงแม้จะเถียงได้ว่าคงเล่นแค่ cover เพลงอื่น แต่เรื่องทำเหมือนว่าบยองฮีเคยเขียนเพลงมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ขาด muse เลยแต่งไม่ค่อยออก คือไม่ว่ายังไงมันควรมีเพลงของวงเพลงอื่นด้วย แต่หลังจากซิงเกิ้ล jaywalking ไปแล้ว กลายเป็นว่าวงเกิดปัญหาไม่มีเพลงจะออกซิงเกิ้ลที่สอง ต้องมาแต่งใหม่ โดยที่!!! เพื่อความเป็นดราม่าซาบซึ้ง!! เลยให้ทุกคนในวงช่วยกันแต่ง!! จขบ.ไม่เชื่อในการร่วมกันแต่งเพลงว่าจะเป็นอะไรที่เวิร์คนะคะ ^^;;

12.ตามในละคร มนุษย์เราสามารถร้องไกด์ได้เลยโดยไม่ต้องซ้อมมาก่อน

13.เรื่อง duet ระหว่างฮยอนซูกับฮเยริมเนี่ย ทำจขบ.ตะหงิด ๆ นานมาก คือมันถูกพูดถึงในเรื่องนานมากตั้งแต่ไก่โห่ เรื่อย ๆ แล้วก็หายไปจนจขบ.คิดว่าคนเขียนบทใส่เข้ามาแล้วลืมไปแล้วหรือไม่เอาแล้ว คิดว่า pacing ตรงนี้ไม่ค่อยดี foreshadow มากเกินความจำเป็น

14.ถ้าเลือกได้ จขบ.จะตัดเรื่องย้ายโรงเรียน เรื่องซึงฮุนทิ้ง แล้วเอาเวลามาเพิ่มเล่าอดีตการฟอร์มวง และเพิ่มพล็อตที่แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในวงแบบหนึ่งต่อหนึ่ง (งงมั้ย คือไม่ได้แค่บอกว่าพวกนี้สนิทกันอย่างเลื่อนลอย แต่มีเรื่องราวมารองรับว่าแต่ละคนสำคัญกับแต่ละคนยังไง)

15.หรือถ้าไม่งั้นก็ขอเปลี่ยนเลยแล้วกัน คือ ให้สมาชิกคนอื่นที่ไม่ค่อยเด่นตาย แล้วเก็บบยองฮีเอาไว้ ถ้าอยากมีรักสามเส้านัก ก็ขอเป็นรักสามเส้าระหว่างพระเอกกับนางเอกและบยองฮีแล้วกัน ถ้าบยองฮีอยู่น่าจะมีเรื่องสนุก ๆ ได้เยอะ :) พูดจริง ๆ มือเบสกับมือคีย์บอร์ดไม่ค่อยมีประโยชน์ต่อเรื่องเลย น่าสงสาร

16.ช่วงกลาง ๆ เรื่องจขบ.ดูไปหงุดหงิดไป รู้สึกว่า Eye Candy จะได้ debut และดังจริง ๆ โดยไม่มีบยองฮีเหรอ รู้สึกเหมือนไม่ใช่อ่ะ พวกนี้ของปลอมอ่ะ ไม่ได้จริงจัง ทำวงเล่น ๆ กันแท้ ๆ แล้วจะมาใช้ประโยชน์จากเพลงของบยองฮีเอาไปหากิน รับไม่ได้ เลยดูแล้วไม่ค่อยสนุกเท่าไร แถมอีพระเอกก็โง่ คนในวงก็ดีแต่ทำอะไรผิดพลาด อีพระเอกเป็นหัวหน้าวงแต่ก็เหมือนเป็นแต่ในนาม ไม่เห็นจะทำอะไรได้เลย ดี ๆ เจ๊ง ๆ ไปเลย (แอบแช่ง 555) แต่พอดูไปแล้วเออ มันจบสวยว่ะ :) แล้วก็มีคำพูดหนึ่งจากตัวละครในเรื่องบอกว่า "พวกนี้จริง ๆ แล้วก็เป็นแค่เด็กอายุสิบแปดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น" ก็จริง มันก็ต้องเป็นแบบนี้แหละ เลยเพิ่มคะแนนให้เรื่องนี้เลย 55555



Create Date : 13 มีนาคม 2556
Last Update : 13 มีนาคม 2556 20:14:03 น.
Counter : 6440 Pageviews.

2 comment
ไม่รู้จะบ่นทำไมกับ Hotaru The Movie: It's Only A Little Light In My Life
จริงๆ เป็นหนังแต่ใส่ไว้ใน category drama เพราะหนังทำต่อเนื่องจากละคร :)

ปีนี้ จขบ.ดูหนังญี่ปุ่นที่ทำต่อจากละครไป 3 เรื่อง คือ
- SPEC Ten (ที่อย่างผิดหวัง)
- Liar Game Reborn (ที่ความปลื้มเทียบไม่ได้เลยกับ series&Movie ภาคแรก อยู่ ๆ คุณมาเอาตัวละครที่คนดูรักออกไป แล้วยัดคนใหม่เข้ามา มันยากมากนะที่จะทำให้สู้ภาคก่อน ๆ ได้)
- แล้วก็ Hotaru the Movie นี่แหละค่ะ

จขบ.ชอบ Hotaru no Hikari season แรกมากเลยนะ มันน่ารัก ตลก และอบอุ่นมากอ่ะ จขบ.ปกติแต่งตัวอยู่บ้้านเหมือนโฮตารุอยู่แล้ว แต่มีไปซื้อจินเบมาใส่ให้เหมือนบุโจ้วด้วย XD

พอมาถึง season 2 ก็แน่นอนว่ามันสู้ season แรกไม่ได้ เพราะเรื่องมันก็จบไปหมดแล้ว ต้องเขียน conflict เพิ่มขึ้นมา ฝืนบ้าง ไม่ฝืนบ้าง

มาถึงภาคหนังนี่ยิ่งชัดเจนเข้าไปใหญ่ว่าทำขึ้นเพื่อให้แฟน ๆ ahomiya&buchou ดูให้น่ารัก ๆ ขำ ๆ หายคิดถึง และหนังก็ทำตามโจทย์นั้นเป๊ะ ๆ ไม่มากและไม่น้อยไปกว่านั้น

ถึงได้บอกว่าไม่รู้จะบ่นไปทำไม เพราะเขาทำให้แฟน ๆ ดูแก้คิดถึง ไม่ได้จะทำหวังกล่องหวังคำสรรเสริญอะไร ^^;

เดี๋ยวเวลาผ่านไปสักพัก แฟน ๆ เกิดเริ่มคิดถึงขึ้นมา เขาก็ทำออกมาให้ดูอีกได้ แอบหยอดไว้ในภาคนี้แล้วด้วย :)

(ขอโทษคนที่หลงคลิกเข้ามาอ่านด้วยนะคะ ที่พล่ามอะไรก็ไม่รู้ ไม่ได้มีเนื้อหาสาระอะไร แหะๆ)



Create Date : 26 ธันวาคม 2555
Last Update : 26 ธันวาคม 2555 23:14:06 น.
Counter : 1952 Pageviews.

2 comment
ดูไปโคตรจะบ่นไปกับ PRICELESS
ละครที่ได้เรตติ้งสูงสุดของช่องฟูจิทีวีใน season นี้ จขบ.ขอฟันธงว่าเกิน 90% ดูเพราะเป็นแฟนคิมุระ ทาคุยะ พระเอกของเรื่อง

จขบ.ดูละครทาคุยะเล่นหลายเรื่องมาก เกือบจะครบแล้ว ส่วนใหญ่ดูแล้วก็สนุกดี เป็นละครดีถึงดีมากแทบทั้งนั้น อย่างเลวก็คือขั้นใช้ได้ถือว่าสอบผ่าน จะมีก็แค่ Tsuki no Koibito เรื่องเดียวเท่านั้นที่จขบ.จัดให้อยู่ในขั้น "แย่" เพราะละครเป๋ไปเป๋มา เหมือนทีมงานยังคิดธีม, สารที่จะสื่อและแม้กระทั่งคิดพล็อตก็็ยังไม่เสร็จ แต่ดันเริ่มลงมือเขียนบทไปถ่ายทำไปออกอากาศไปยังไงไม่รู้

PRICELESS ดีกว่านั้น อย่างน้อยคอนเซปต์ก็ชัดเจนคือเป็นละครเฮียทาคุยะแบบถอดแบบโขกโป๊กมาจากเรื่องก่อน ๆ ที่เฮียแกเคยเล่น เช่น CHANGE, HERO ไรพวกเนี้ยเปี๊ยบ ตอนแรกก็โดนดูถูก ๆ ไว้ก่อนแต่แล้วด้วยความเป็นคนดีก็ชนะใจคนโน้นนี้นั้น จนทุกอย่างจบอย่างสวยงาม HAPPY ENDING

ละครแบบนี้คนดูดูแล้วก็สบายใจ วางใจได้หายห่วง ไม่ต้องลุ้น เดี๋ยวใกล้ ๆ อวสานแล้วทุกอย่างการันตีว่าจะดีเอง

การมีทาคุยะมาเล่นด้วยก็การันตีได้ระดับหนึ่งว่าละครจะไม่เละเทะแน่นอน เพราะยังไงเรตติ้งก็ต้องดี ก็ควรมีเงินมาลงทุนจ้างผู้กำกับ คนเขียนบท เก่ง ๆ Production ยังไงก็คงดูไม่น่าเกลียดแน่นอน

แต่การณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น

คือจริง ๆ ละครนี้จะ perfect มากถ้าลงใน slot ตอนเย็นหรือกลางวันเสาร์อาทิตย์ คือถ้า target group เป็นเด็ก ๆ นี่จะไม่บ่นเลย

แต่นี่ละครฉายวันจันทร์สามทุ่ม ให้ผู้ใหญ่ดูชัด ๆ แต่บทขาดความสมจริงไปเยอะมากจนขี้เกียจลิสต์ เอาเป็นว่ามันแย่มากจนจขบ.ขอ cancel ที่เคยบ่น Rich Man Poor Woman ไปก่อนหน้านี้ เพราะเทียบกันแล้ว RMPW กลายเป็นละครสมจริงมาก ๆ ไปเลย :')

คิดว่าบรรดานักแสดงทั้งหลายในเรื่องนี้ก็คงคิดไม่ต่างจากจขบ. แสดงไปคงคิดไปด้วยว่า "เฮ้ย เอางี้จริงง่ะ?"

XD

แถมตอนสุดท้ายยังมีโฆษณาว่าจะมีส่วนหนึ่งถ่ายทอดสดด้วยนะ แต่จะสดไปทำไมไม่รู้ สดให้คนดูมาด่าทีหลังว่าแกรจะสดไปทำไมไม่ทราบ ไม่ได้มี point อะไรเลย XD

กรำ



Create Date : 26 ธันวาคม 2555
Last Update : 26 ธันวาคม 2555 11:19:46 น.
Counter : 4397 Pageviews.

2 comment
บ่นเล็กบ่นน้อยกับ Rich Man Poor Woman
พอดีมีเพื่อนดูเรื่องนี้แล้วชอบมากเลยแนะนำให้ดู แต่คาดว่าตอนนี้เพื่อนคงยังดูไม่จบ แต่จขบ.ดูจบจนมาบ่นได้แล้ว 55555

Rich man ในชื่อละครญี่ปุ่นที่เพิ่งฉายจบไปไม่นานเรื่องนี้อธิบายได้ง่าย ๆ คือเอา Steve Jobs + Mark Zuckerberg มาผสมกันแล้วปั่นๆๆ ออกมาเป็นหนุ่มญี่ปุ่นเท่อย่าง Oguri Shun

ส่วน Poor Woman เป็นนักศึกษาโทได(มหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งในญี่ปุ่น)ปีสี่ที่หางานมาแปดเดือนแล้วยังไม่ได้สักที (ถ้าเป็นสมัยก่อนที่เศรษฐกิจยังดีก็คงจะได้งานไปนานแล้ว) นางเอกของเราก็เลยสูญเสียความมั่นใจ คิดว่าตัวเองเป็นคนไร้ความสามารถ ไม่มีใครต้องการ ฯลฯ

ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าในที่สุดนางเอกได้มาทำงานในบริษัทพระเอก และรัก ๆ กันอะไรเทือกนั้น ตั้งชื่อละครซะยังกับกลัวคนไม่รู้ว่าเป็นละครโรแมนติกขนาดนั้น

แต่ที่กินเวลามากกว่าเรื่องรักโรแมนติกระหว่างพระเอกนางเอกหลายเท่า กลับกลายเป็นเรื่องการทำงานและการต่อสู้ในและนอกบริษัทซะงั้น (เอ๊ะ นี่มันเรียกว่าหลอกหลวงรึเปล่า??)

ใครที่ชอบเรื่องราวการก่อตั้ง facebook รวมถึงการทรยศหักหลังมาจาก The Social Network ก็ลองมาดูเวอร์ชันญี่ปุ่นดูบ้างน่าจะบันเทิงไม่น้อย

ส่วนคนที่ชอบนางเอกต๊อง ๆ หลงรักแบบเพ้อ ๆ กับพระเอกรวย ๆ เจ้าของบริษัท (พล็อตหลักละครเกาหลี) ก็มาหาอะไรคล้าย ๆ กันนี้จากเรื่องนี้ได้เหมือนกัน!

Rich Man Poor Woman เป็นละครที่ดูสนุก เพราะฉะนั้นถ้าไม่ชอบโดนสปอย์ล ก็ขอให้ไปดูก่อนจะอ่านที่ จขบ. จะบ่นถัดไป เดี๋ยวอ่านแล้วไม่อยากดูนะ :P

บ่นเป็นข้อ ๆ ละกัน ไม่ได้เรียงลำดับความหงุดหงิดแต่อย่างใด

1. ตอนจบที่ต้อนรับอาซาฮินะเข้าบริษัทเนี่ย เกินไปไหม? จะโลกสวยแค่ไหนก็ควรมีขอบเขตหน่อย ยังกะกลับมาแล้วพนักงานทั้งบริษัทจะทำใจทำงานด้วยได้เหมือนเดิม คนในวงการจะติดต่อธุรกิจด้วยได้อย่างสนิทใจเหมือนเดิม

2. ไม่ค่อยรู้สึกว่าอาซาฮินะชอบนางเอกเลย เหมือนอยู่ ๆ คนเขียนบทก็ใส่เข้ามาไงไม่รู้ ถ้าที่ทำไปทั้งหมดเป็นเพราะอยากแย่งนางเอกให้ออกมาไกล ๆ พระเอกล่ะก็ อยากให้บทมันแสดงให้เห็นชัดเจนกว่านี้นิดนึง ตอนที่อาซาฮินะบอกว่าตั้งแต่มีนางเอก พระเอกไม่เคยฟังอาซาฮินะเลย แอบเถียงในใจว่าพระเอกไม่เคยฟังอาซาฮินะแต่ไหนแต่ไรแล้ว

3. รู้สึกว่าอาซาฮินะไม่ใช่คนโง่ถึงขนาดจะอยากแย่งบริษัทมาบริหารเอง จขบ.ว่าจริง ๆ แล้วอาซาฮินะเป็นคนฉลาดมาก และก็หลอกใช้พระเอกมาตลอด พระเอกเป็นอัจฉริยะ อาซาฮินะเป็นคนธรรมดาที่โชคดีไปเจออัจฉริยะ แล้วก็เกาะไม่ปล่อยจนร่ำรวยมาด้วยกันในฐานะคู่หู มีหุ้นแทบจะพอ ๆ กัน ยังจะมามีหน้าไม่พอใจอะไรได้อี๊ก? (ขอด่าหน่อย) แล้วอาซาฮีนะก็ต้องฉลาดพอที่จะรู้ว่าที่บริษัทเติบโตมาได้ขนาดนี้เพราะพระเอก พอพระเอกไม่อยู่บริษัทก็มีแต่ต้องหดลงเรื่อย ๆ แล้วจะทำเพื่ออะไรไม่ทราบ? เพียงเพราะโดนน้องสาวดูถูก และเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่ได้รัก(หมายถึงนางเอก คือจขบ.คิดว่าอาซาฮินะไม่ได้รักนางเอก)ชื่นชมพระเอกเหมือนที่ชาวโลกอีกหลายล้านคนชื่นชมมาหลายปีแล้วอ่ะนะ? หรือถ้าจะบอกว่าเพราะโกรธที่โดนพระเอกด่า ก็ฟังไม่ขึ้นอยู่ดี ถ้าโดนด่าแล้วอารมณ์ขึ้นเผลอลงมือฆ่าตายก็ไปอย่าง นี่โดนด่าแล้วมาวางแผนแก้แค้นใช้เวลายาวนาน มันต้องมีสติคิดได้มั่งแหละว่ามันคือการวางแผนฝังตัวเองในระยะยาว

4. ไม่ชอบคาแรกเตอร์นางเอกเพ้อรักแบบนี้ นางเอกเพ้อ ๆ ซุ่มซ่าม แต่จิตใจดีงาม ยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อพระเอกแบบนี้ เดี๋ยวนี้แม้แต่ในละครไทยก็ไม่ค่อยเห็นแล้วนะ ไม่น่าเชื่อจะมาเจอในละครญี่ปุ่น

5. ในสมัยที่แค่พิมพ์ชื่อเข้าไปใน google ก็คุ้ยประวัติคนได้หมดเกลี้ยงแล้ว พระเอกยังคิดแผนให้นางเอกไปหลอกข้าราชการสาวได้อีก!! เกือบเลิกดูตั้งแต่ตอนแรกแล้ว ดีนะที่อาซาฮินะมีถามนางเอกตอนจบตอนว่าเธอเป็นใคร ทำไมใช้ชื่อนี้มาหลอกพระเอก เลยทำให้ว้าว...น่าสนใจแฮะ ยัยนี่ไม่ใช่แค่เป็นนางเอกซุ่มซ่ามตามแบบฉบับการ์ตูนตาหวาน

6. ไม่ชอบที่ตอนหลัง ๆ คนเขียนบทไม่รู้จะสร้าง conflict ให้คู่พระเอก-นางเอกยังไง (แบบตามสูตรละครโรแมนติก เรื่องธุรกิจหรือปัญหาอื่น ๆ ต้อง solve ได้ก่อน เรื่องรัก ๆ ของพระเอกนางเอกต้อง solve ได้ตอนจบเรื่อง เพราะมันเป็นอะไรที่สำคัญที่สุดไง) เลยต้องเขียนโปะเข้ามาให้อยู่ ๆ นางเอกดราม่าหนีไปดื้อ ๆ และแม้พระเอกจะตามเจอก็ต้องไม่เคลียร์กันเพราะมันเพิ่งแค่ตอนสิบ มันต้อง drag ไปให้ solve ได้ตอนสุดท้ายซึ่งก็คือตอนสิบเอ็ดไง -_-; แถมกลัวพีคไม่พอเลยต้องเติม cliche ของสุดยอด cliche คือนางเอกต้องไปตปท. 555555555555555

7. คนฉลาดอย่างพระเอกไม่น่าออกแบบ interface ใช้ยากโคตรนั่นขึ้นมาก่อนแล้วค่อยให้นางเอกมาใช้ไม่เป็นให้ดู แล้วพระเอกค่อยคิดได้ว่า เออ interface ที่ดีมันต้องใช้ง่ายเนอะ!! <- ถามจริง เขียนซอฟต์แวร์มากี่ปีแล้ว กรี๊ด

8. งานระดับประเทศอย่าง personal profile น่าจะต้องให้หลายบริษัทมา bid แข่งกันก่อน ใครชนะค่อยไป implement แต่นี่ในละครทำเหมือนบริษัทพระเอกจะทำ product ออกมาขายในตลาดยังไงยังงั้น มาถึงก็ลุยทำเองเลย(โดยที่ยังไม่ได้รับการว่าจ้าง) พระเอกขายหุ้นไปซื้อ server ที่อินเดียเตรียมไว้เลยด้วย พระเจ้า!

9. พระเอกอยากเจอแม่แต่ตามหาแม่ด้วยวิธีตามยถากรรมมาก รวยจะตายทำไมไม่ว่าจ้างนักสืบ(วะ) แถมตอนที่รู้เรื่องแม่จากนางเอกแล้วก็เฉยมาก คือจะไม่ไปหาทันทีหรือจะอะไรก็ช่วยอธิบายให้คนดูรู้เรื่องหน่อย คงใช้เวลาไม่ถึงนาทีหรอก แหม

10. ตอนสุดท้ายน่าจะกลับมาเก็บเรื่องตอนพระเอกเจอนางเอกครั้งแรก ให้พระเอกจำได้สักหน่อยไรงี้ จะได้โรแมนติกขึ้นมาอีก :)

พอแค่นี้ดีกว่า เดี๋ยวจะหาว่าละครเรื่องนี้ไม่มีดีอะไรเลย ^^; เรื่องที่ชอบก็มีนะ อย่างเช่น ชอบที่ละครเรื่องนี้โชว์ว่าพวกทำงาน IT พวกโปรแกรมเมอร์ก็ stylish มีคนหล่อ ๆ สวย ๆ แต่งตัวดี ๆ กับชอบคาแรกเตอร์น้องสาวของอาซาฮินะ จขบ.ว่าเขาเท่ดีนะ ไม่ได้ perfect มีทั้งส่วนดีและไม่ดี เชฟผู้ชายก็ชอบ :D

ชอบอาซาฮินะด้วย

สรุป Rich Man Poor Woman ดูไปบ่นไปแต่ก็สนุกแหละ ลองดูกันนะ (หวังว่าคนที่ยังไม่ได้ดูจะไม่ได้อ่านสปอยล์ไปแล้ว)^^



Create Date : 10 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2555 17:26:47 น.
Counter : 8965 Pageviews.

3 comment
Big < Gentleman's Dignity < Answer Me 1997
ละครเกาหลีปี 2012 จขบ.ดูไป 3 เรื่อง สามารถ rank ได้ตามหัวข้อข้างบน

Big นี่ดูเพราะกงยูล้วน ๆ กงยูน่ารักไม่ทำให้ผิดหวัง แต่ส่วนอื่นของละครผิดหวังหมด ถ้าให้ rank เทียบกับ Marry Me,Mary นี่ถึงกับต้องคิดหนักเลยทีเดียว

ส่วน Gentleman's Dignity นี่ดูเพราะ BoA ติดและเรตติ้งก็ดีมาก เรียกว่าดังเลยแหละ ดูแล้วก็ไม่ผิดหวัง สนุก+ตลก แม้ว่าคาแรกเตอร์นางเอก(และพระเอกบางที)จะน่ารำคาญไปบ้าง ช่วงหลัง ๆ ยืดตามใบสั่งเพิ่มตอนจนคนดูเกาหัวแกรก ๆ ว่าปัญหาในเรื่องนี่มันใหญ่โตตามที่ตัวละครเห็นว่ามันเป็นเลยเหรอ? แต่ที่สุดยอดเลยคือ prologue ของแต่ละตอน! gentleman(?) ในเรื่องนี้มี 4 คนเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยมัธยม ปัจจุบันอายุสี่สิบกันแล้วและใน 5 นาทีแรกของแต่ละตอนเราจะได้ย้อนไปดูอดีตของ 4 คนนี้ซึ่งมีทั้งแบบฮาโคตรและแบบเศร้าน้ำตาซึม

คิดว่าคนเขียนบทตั้งใจเขียน prologue มากกว่าเรื่องหลักในละครอีก ฮ่าๆๆๆๆๆๆ

ใน Answer Me 1997 ก็มีเพื่อนผู้ชายสมัยมัธยม 4 คนเหมือนกัน เริ่มเรื่องทุกคนอายุ 30 ต้น ๆ แล้วก็เล่าย้อนกลับไปปี 1997 สมัยม.ปลายเหมือนกัน แต่ต่างกันที่ใน Answer Me 1997 เรื่องราวเน้นอดีตมากกว่าปัจจุบันมาก ปัจจุบันนี่มีไว้ยั่วคนดูเฉย ๆ (ยั่วเกินขอบเขตจนอยากเดินไปทำร้ายร่างกายอีคนเขียนบท) และใน Answer Me 1997 ยังมีเพื่อนผู้หญิงอีก 2 คน รวมกันเป็น 6 คน

Genre ของ Answer Me 1997 หลากหลายมาก : coming-of-age, comedy, romance, drama, family, suspense(?)



เป็นเรื่องราวของ H.O.T fangirl คนหนึ่งที่ชื่อซอง ชีวอน กับความรักในรูปแบบต่าง ๆ ระหว่างเธอ, ครอบครัว, เพื่อน และคนรัก

(สำหรับคนที่ไม่รู้ว่า H.O.T คืออะไร -> H.O.T คือ 1st generation K-POP idol เป็นบอยแบนด์จาก SME ที่ debut ปี 1997 และดังโคตร ๆ จน idol group ผุดตามมาเป็นดอกเห็ดจนล้นตลาดเช่นทุกวันนี้)

Answer Me 1997 เป็นละครช่องเคเบิ้ลที่เรตติ้งกระฉูด(สำหรับเคเบิ้ล)มากกว่าละครช่องธรรมดาหลาย ๆ เรื่อง ปกติเวลาจขบ.จะเลือกดูละครสักเรื่อง มักจะไปดูเรตติ้งก่อน ไม่ได้ดูว่า average สูงไหม แต่ดู trend ว่าเพิ่มขึ้น ลดลง หรือคงที่ ถ้าลดลงเรื่อย ๆ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาดู ถ้าเพิ่มขึ้นนี่สิ น่าสน แสดงว่ามีการบอกปากต่อปาก มีกระแสว่าดีจริงสนุกจริง เรื่องนี้ตอนแรก เรตติ้งเริ่มที่ 1.2% ตอนสุดท้ายไปจบที่ 7.55% สร้างสถิติใหม่ของวงการละครเคเบิ้ล

โดยส่วนตัวจขบ.ชอบละครเรื่องนี้มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จนถึงกับมาเขียนบล็อกโปรโมทอยู่นี่ไง แต่จะให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าคุณควรดูละครเรื่องนี้ไหม ดังนี้

1. ควร ถ้าคุณบ้า K-POP เพื่อรำลึกอดีต ได้ฟังเพลงเก่า ๆ สำหรับแฟนรุ่นป้า และเพื่อศึกษาประวัติศาสตร์ K-POP สำหรับแฟนวัยกระเตาะ

2. ควร ถ้าคุณมีคนบ้า K-POP หรือคลั่งอะไรอย่างอื่นแบบเว่อร์ ๆ ดูเรื่องนี้ซะจะได้เปรียบเทียบว่าไอ้ที่คุณคิดว่าบ้า ๆ เนี่ยมันเบ ๆ แค่ไหนเมื่อเทียบกับยัยนางเอกในเรื่องนี้
อ๊ะ และอย่าคิดว่าคนเขียนบทมันเว่อร์นะ พฤติกรรมบ้าเว่อร์พวกนี้อิงจากเรื่องจริงทั้งนั้น ทั้งการที่แฟน ๆ มาตั้งแคมป์หน้าบ้านศิลปิน, จดหมายเลือด, ตบตีกับแฟนศิลปินคู่แข่ง

3. ควร ถ้าคุณเกิดทันสมัยนั้น จะได้อารมณ์ถวิลหาอดีตมาก ทั้งเพจเจอร์ โทรศัพท์มือถือขนาดกระบอกน้ำ ทามาก๊อตจิ หมุนโมเด็มต่อเน็ตแชท ม้วนเทปวีดีโอ ฯลฯ และถึงเกิดไม่ทันก็ควรดูเพื่อศึกษาประวัติศาสตร์

4. ควร ถ้าคุณลืมไปแล้วว่าการเป็นวัยรุ่นมันเป็นยังไง ความรู้สึกบริสุทธิ์ คบหาผู้คนโดยไม่ต้องคิดคำนวณ ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ hang out กับเพื่อนได้ทุกวันไม่มีเบื่อ พ่อแม่น่ารำคาญ ฯลฯ

5. ควร ถ้าคุณมีพี่น้อง มีพ่อแม่ บทเรื่องนี้อบอุ่นมากค่ะ

นับได้ 5 ข้อแล้วสรุปมนุษย์ทุกคนควรดู เพราะทุกคนต้องมีพ่อแม่ 5555 ไม่ค่อยอวยเลย

เดี๋ยวจะหาว่าจขบ.ลำเอียง(เพราะเป็นแฟน H.O.T) ขอเขียนจุดไม่ดีหน่อย จริง ๆ แล้วก็ไม่ได้คิดว่าเรื่องนี้ perfect หรอกนะ ช่วงหลัง ๆ มีอืดตามประสาละครดังโดนใบสั่งยืด(คิดว่านะ เพราะตอนแรก ๆ จะ episode ละแค่ 30 นาทีแต่ยิ่งฉายยิ่งยาว ตอนหลัง ๆ นี่ episode ละชั่วโมง) และบทก็ยั่วคนดูย้ำ ๆ อยู่ได้ทั้ง ๆ ที่มันเลยจุดจุดนั้นมานานมากแล้ว 555 ตอนจบค่อนข้าง anticlimax นะ แต่เผอิญว่าแรก ๆ เขาทำมาดีมากไง เลยโดยรวมยังประทับใจอยู่ดี

ด้วยความที่จขบ.ทัน K-POP ในตอนนั้นก็จะสนุกสนานกับรายละเอียดต่าง ๆ ในละครมาก อย่างชื่อ magazine, ทรงผม Bada, Jo Sung Mo หล่อไม่หล่อ? ฯลฯ แต่ในขณะเดียวกันก็จะมี reference อีกจำนวนมากที่ จขบ. ไม่เก็ต (พวกการเมือง, เบสบอล) แต่ก็ยังดูสนุกอยู่ดี ในเมื่อธีมละครมันมีความเป็นสากล ไม่ว่าจะเป็นคนสมัยไหนหรือชาติเชื้ออะไร ก็น่าจะดูสนุกได้ไม่ยาก ลองไปหาดูกันนะคะ ^^



Create Date : 10 ตุลาคม 2555
Last Update : 10 ตุลาคม 2555 16:36:13 น.
Counter : 2659 Pageviews.

4 comment
1  2  3  4  5  6  7  

lulla
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



Group Blog
All Blog