The power of an authentic movement lies in the fact that
it originates in naming and claiming one's identity and integrity
-- rather than accusing one's "enemies" of lacking the same.
- Parker J. Palmer, The Courage to Teach
Group Blog
 
All blogs
 
ขึ้นบล็อคใหม่

ของเก่าชักยาวเกิน

แต่เนื่องจากอยู่ในโหมดด๋อยครองโลก จึงไม่รู้จะเขียนอะไรดี

ปะรูปแล้วกันนะ



ซัลวาดอร์ ดาลีก็ยังคง...ทำไปได้...เหมือนเดิม

ตามไปดูรูปตาลุงดาลีอื่น ๆ >>
//www.bloggang.com/viewblog.php?id=lawit&date=21-04-2005&group=5&


Create Date : 09 มกราคม 2549
Last Update : 9 มกราคม 2549 2:05:45 น. 11 comments
Counter : 1667 Pageviews.

 
แวะมาทักทาย ค่ะ


โดย: jaa_aey วันที่: 9 มกราคม 2549 เวลา:10:12:49 น.  

 
สวัสดีค่ะ

เราเพิ่งทราบมาจากบล็อกเพื่อนว่า ลวิตร์คือคนๆ เดียวกับ พัณณิดา ภูมิวัฒน์ค่ะ เชยจริงเรา


อ่านเซรีญาจบ ๓ เล่มแล้วค่ะ กำลังจะไปหาเล่มอื่นมาอ่าน


คุณเป็นนักเขียนที่น่าสนใจนะคะ ยินดีที่ได้รู้จัก


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 9 มกราคม 2549 เวลา:16:26:47 น.  

 


โดย: i_tua_yung วันที่: 9 มกราคม 2549 เวลา:20:46:35 น.  

 
รบกวนถามอีกที ว่าทำไมป๋าโยถึงโม้เป็นตุเป็นตะ (ในจดหมายรักถึงนักบุญ) หรือแค่อยากจะให้เราอิน
ส่วนทำไมเอโก้โม้ เราจะลองไปค้นดูก่อน
อ้อ - ขอถามอีกข้อ
อะไรคือ "ด๋อย"


โดย: คุณม้าม วันที่: 10 มกราคม 2549 เวลา:1:34:05 น.  

 
ทำไมป๋าโยถึงโม้ ต้องสารภาพจริง ๆ ว่าเราเองก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ คือมันอาจจะเป็นไปได้ทั้ง

๑. โม้ไปอย่างนั้นเอง
๒. โม้เพื่อที่จะเลียนแบบเทกซ์โบราณให้เหมือนที่สุด ( ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเหมือนแค่ไหน เพราะเราไม่ได้ศึกษาแนวนี้ )
๓. โม้เพราะแกอยากจะด่ากระทบ ว่าเทกซ์โบราณที่ผู้ชายเขียนนั้นมีคนเจอเยอะแล้ว และเป็นที่แพร่หลาย แต่เทกซ์โบราณของผู้หญิงไม่ค่อยมีคนเจอ

หรืออาจจะมีแนวคิดอื่น ๆ อีก แต่ส่วนตัวเราคิดว่าแกอาจจะเลียนแบบขนบมากกว่าอย่างอื่น เหมือนกับเรื่องกามนิตที่คนเขียนเป็นฝรั่ง แต่บอกว่าเรื่องกามนิตเป็นพระสูตรบทหนึ่งในพระไตรปิฏก

ส่วน "ด๋อย" เราติดมันมาตั้งแต่ช่วงที่รายการบิ๊กบราเธอร์ยังเล่นอยู่ ( ไม่ได้ดูเอง แต่ชอบอ่านบอร์ดเรียลลิตี้ของพันทิพ - -'' ) เราคิดว่าถ้าให้แปลคร่าว ๆ มันน่าจะแปลว่า "ควรจะเป็นอย่างนั้น แต่ไม่ได้เป็น จึงรู้สึกเซ็ง"

...ทำนองนั้นแหละค่ะ ^^''

ป.ล. อันนี้เป็นโน้ตที่ทำไว้สมัยอ่านสมัญญาแห่งดอกกุหลาบครั้งที่สอง มันอาจจะงง ๆ หน่อยนะคะ

สิ่งที่คิดได้ตอนนี้

- ทำไมถึงชื่อสมัญญาแห่งดอกกุหลาบ

สมมุติฐานน่าสนใจที่สุดคือมาจากคำของเชคสเปียร์ที่บอกว่า "กุหลาบแม้เรียกด้วยชื่อใดก็ยังคงหอมเหมือนกัน" หมายความว่าชื่อไม่ใช่สิ่งสำคัญ สิ่งสำคัญคือตัวดอกกุหลาบ

๑. อ. ภาวรรณบอกว่าหมายถึงพระเจ้า เพราะคนในเรื่องนี้จะตีความพระเจ้าแตกต่างกันมาก เช่น จอร์เกจะคิดว่าพระเจ้าต้องไม่หัวเราะ มนุษย์ควรมีชีวิตอยู่โดยสำนึกบาป และควรมุ่งมองแต่สรวงสวรรค์ ( คติยุคกลางเป๊ะ ) แต่วิลเลียมจะให้ความสำคัญกับวิชาการและตรรกศาสตร์ สำหรับพวกที่ตายไป ( อเดลโม เวนันเชียส เบนโน ) ความรู้คือพระเจ้า และสำหรับเจ้าอาวาสอาโบ ทรัพย์สิน ตำแหน่ง ตลอดจนเกียรติยศของอารามคือพระเจ้า

๒. เราคิดเอง เพราะเอโกคนเขียนเป็นอ.ที่โดดเด่นมากในเรื่องสัญญวิทยา ( semiotics ) นอกจากนั้นในตัวบทยังชี้อีกหลายครั้ง

สิ่งที่เราคิดคือ เชคสเปียร์บอกว่าชื่อไม่ใช่สิ่งสำคัญเพราะมีของอยู่ แต่สมมุติว่าถ้าไม่มีของชิ้นนั้น ไม่มีดอกกุหลาบเหลืออยู่บนโลก สิ่งที่จะบ่งบอกถึงกุหลาบก็มีแค่ "ชื่อ" เท่านั้นเอง เหมือนกับอารามในเรื่องที่ในที่สุดก็ไหม้ไปหมด เหลือแค่บันทึกของแอดโซเล่มเดียว

นอกจากนั้นวิลเลียมกับแอดโซยังพูดถึงเรื่องชื่ออีกหลายครั้ง เช่นวิลเลียมบอกว่าบางที่ยูนิคอร์นอาจจะเป็นเพียง "สิ่งที่เหลืออยู่" ของบันทึกเรื่องแรด ( ในเรื่องไม่มีใครรู้จักแรด ) เขาบอกว่ามีบันทึกว่าเคยมีคนไปเห็นสัตว์ดำน่าเกลียดมีเขาที่หน้า ผ่านไปหลายศตวรรษ สัตว์นั้นถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นสัตว์สวยงามเหมือนยูนิคอร์น แอดโซถามว่าถ้าอย่างนั้นความจริงอยู่ที่ไหน วิลเลียมว่าบางทีการศึกษาย้อนกลับไปอาจจะพบความจริงคือสัตว์ดำน่าเกลียด แต่ถึงอย่างนั้นยูนิคอร์นก็มีความหมายเอกเทศในตัวมันเองด้วย

...ในเรื่องมีคำว่า "พลานุภาพของชื่อเฉพาะ" เราจึงคิดว่าเอโกย้อนคำของเชคสเปียร์มากกว่าตามคำ "สมัญญาของดอกกุหลาบ" น่าจะเป็นชื่อนอกตัวบทมากกว่าดึงจากตัวบท แต่จะมีคนตีความว่ากุหลาบเป็นโน่นเป็นนี่อีกหลายสำนัก

- เรื่องของหนังสือ

ตอนอ่านครั้งแรกไม่เข้าใจ เพราะยังไม่ได้เรียนวรรณคดีเปรียบเทียบ แต่อ่านครั้งนี้เข้าใจแล้ว สิ่งที่จอร์เกพยายามจะซุกซ่อนไว้คือตำราว่าด้วยสุขนาฏกรรมของอริสโตเติล

อริสโตเติลมีตำรา poetics ซึ่งโดยเนื้อหาแล้วเน้นที่โศกนาฏกรรม ถือเป็นคัมภีร์ทางวรรณคดีที่สำคัญมาก ทุกคนที่เริ่มเรียนฟิคชั่นต้องย้อนกลับไปที่อริสโตเติล แต่สิ่งที่อริสโตเติลเขียนให้น้ำหนักกับโศกนาฏกรรมมากเสียจนมีคนคิดว่า บางทีอริสโตเติลอาจจะเขียนโพเอติคส์เล่มที่สองเพื่อวิเคราะห์สุขนาฏกรรมโดยเฉพาะ

จอร์เกเก็บหนังสือนี้ไว้เพราะกลัวว่าความรู้ของอริสโตเติลจะทำลายการตีความทางศาสนาเดิม จอร์เกบอกว่าความรู้ของกรีกทำให้มนุษย์สนใจในทางโลกมากกว่าจะดูสรวงสวรรค์ ก้มอยู่แต่ในโลกซึ่งไม่ใช่สถานที่มนุษย์ควรจะอยู่ ทำสิ่งที่ไม่ควรทำ จอร์เกไม่ต้องการให้คนมีความสุขเมื่ออยู่ในโลก แต่ให้สำนึกบาป

แต่วิลเลียมสามารถบอกเนื้อหาของโพเอติดส์เล่มสองได้โดยไม่ได้อ่าน เพราะวิลเลียมสังเคราะห์จากหนังสือประเภทเดียวกันชั้นหลัง ๆ วิลเลียมถามว่าทำไมจอร์เกต้องกลัวเฉพาะโพเอติคส์เล่มนี้ ทั้งที่คนอื่น ๆ ก็เขียนตำราสุขนาฏกรรม จอร์เกกลัวเพราะคนเขียนคืออริสโตเติล ชื่อของอริสโตเติลถือเป็น "ชื่อที่เอามาอ้างได้" ไม่เหมือนชื่อนักปราชญ์ชั้นหลัง ๆ ซึ่งมีฐานะด้อยกว่า

การที่วิลเลียมสังเคราะห์เนื้อหาได้ รับกับที่เขาบอกว่าความจริงคงซ่อนอยู่ในสิ่งที่ตกทอดกันมา มีวิญญาณของสุขนาฏกรรมอยู่ในหนังสืออื่น ๆ มาเรื่อย ๆ ดังนั้นบางทีอาจจะต้องถามว่าเราค้นหาโพเอติคส์เล่มสองเพื่อความรู้ หรือเพื่อสิทธิ์ในการใช้ชื่ออริสโตเติล

โพเอติคส์เป็นตำราสุดยอด เป็น "ท่านบรรพบุรุษ" ของวิชาวรรณคดี การค้นพบโพเอติคส์เล่มสอง ต่อให้ในสมัยนี้ ก็จะต้องเป็นสิ่งที่สั่นสะเทือนวงการ แต่น่าเสียดายว่าถ้าคนอ่านสมัญญาดอกกุหลาบไม่รู้เรื่องนี้ จะไม่เข้าใจน้ำหนักของตอนจบ ดังนั้นเรื่องสมัญญาจึงต้องถือว่าเป็นงานเฉพาะด้วย ( ยิ่งน่าเสียดายคือคนแปลไม่ใช่นักเรียนวรรณคดีอย่างเห็นได้ชัด และไปเน้นประเด็นมาร์กซิสม์ซึ่งเป็นเพียงส่วนเดียวของตัวบท )

เรื่องนี้ประกอบด้วยประเด็นปัญหาสังคมของยุคกลางต่อเรเนสซองส์ กับเรื่องที่ใช้ทฤษฏีทางวรรณคดีช่วยจับ ถ้าอ่านเฉย ๆ ก็อ่านได้ แต่ถ้าอ่านแบบใช้ทฤษฏีจะเห็นว่าเอโกเที่ยวได้ใส่ตัวอย่างไว้ทั่วไปหมด อย่างเช่นในประโยคแรกซึ่งยกมาจากพระคัมภีร์ เอโกแสดงให้เห็นว่าประโยคนี้เมื่อเปลี่ยนบริบทแล้ว จะสามารถแสดงนัยเฉพาะสำหรับนิยายเรื่องนี้ได้ เพราะเรื่องสมัญญามีโครงขนานกับเจ็ดวันแห่งการทำลายโลก ประโยคแรกของพระคัมภีร์คือการเริ่มสร้าง เมื่อตอนจบอารามไหม้หมด ก็จบสิ้นพอดี

สัญญวิทยาเชื่อว่าถ้อยคำจะมีชีวิตใหม่เมื่อเปลี่ยนบริบท ทั้งความหมายก็จะเปลี่ยนไป เรื่องนี้อาจจะใช้สหบทมากเพื่อยืนยันข้อนี้ด้วย ( สหบทที่แน่ใจว่าใช้ : เชอร์ลอค โฮล์มส์ , ซาดิก )

- บาปของมนุษย์

เปิดเว็บไปมาก็เจอเว็บหนึ่งเขียนว่า "แก่นเรื่องนี้คือการแสวงหาความรู้เป็นสิ่งที่ไม่ดี"

กำลังคิดว่าถ้าอ่านแบบหนึ่ง ก็คงได้แก่นนั้น เพราะในที่สุดตัวห้องสมุดยักษ์ก็ถูกเผาและถล่มลงมาในลักษณการเดียวกับหอคอยบาเบลทุกประการ มีอะไรหลายอย่างในตอนนั้นที่เป็น allusion ถึงบาเบลชัดมาก เช่นแอดโซที่ตกใจจนพูดภาษาลาตินไม่ออก และอึกอักเป็นภาษาเยอรมันพยายามจะให้คนอื่นเข้าใจ เหมือนตอนที่พระเจ้าสาปให้ประชาชาติทั้งปวงพูดคนละภาษาเพื่อจะได้สร้างหอต่อไปไม่ได้

ภาพเหล่านั้นทำให้เว็บดังกล่าววิเคราะห์ว่าหอสมุดเป็นหอบาเบล ซึ่งมนุษย์พยายามสั่งสมความรู้ไว้เพื่อจะปีนไปถึงพระเจ้า ดังนั้นจึงต้องถูกลงโทษจริง

แต่เราคิดว่าต้องดูองค์ประกอบอื่น ๆ ในเรื่องด้วย อย่างเช่น หอสมุดนั้นเป็นภูมิรู้ที่ถูกปิดตาย คนทั่วไปเกือบเข้าถึงไม่ได้ เพราะคนที่แวดล้อมหอสมุดล้วนแต่เป็นคนมีปัญหา มีความลับต้องปกปิด เมื่อเข้าถึงไม่ได้ และไม่มีใครในเรื่องสักคนแสดงให้เห็นว่ากำลังใช้ศาสตร์อะไรเพื่อลบหลู่พระเจ้า ไม่เหมือนอย่างเรื่องแฟรงเคนสไตน์ที่ความรู้ในเรื่อง "ลบหลู่พระเจ้าแน่นอน" นอกจากนั้นน้ำเสียงของคนเขียนเองก็เอนเอียงไปทางโรเจอร์ เบคอนและวิลเลียม แสดงว่าคนเขียนไม่ได้คิดจะบอกว่าความรู้เป็นหอบาเบล

เราว่าสิ่งที่เป็นหอบาเบล และเป็นบาปของมนุษย์ทุกคนในเรื่องนี้คือการให้ความสำคัญกับ "ความรู้" หรือ "ผลประโยชน์" มากกว่ามนุษย์คนอื่น ๆ ต่างหาก จุดประสงค์เหล่านี้ทำให้ปัญญาถูกปิดกั้น และทำให้ทำร้ายมนุษย์ด้วยกันโดยปราศจากความรู้สึกเสียใจ จอร์เกฆ่าคนคนแล้วคนเล่า เพียงเพื่อจะเก็บโพเอติคส์เล่มสองไว้ เบอร์นาด กุยใส่ร้ายป้ายสีลงโทษผู้บริสุทธิ์ไปสามคน เพราะจะทำลายพระฟรานซิสกันและยกย่องพระสันตปาปา

ที่สำคัญ เรานึกถึงภาพตอนที่วิลเลียมกับแอดโซวิ่งไล่ตามจอร์เกในห้องสมุด แอดโซนั้นจะว่าอย่างไรก็ตามที แต่ตัววิลเลียมเองเห็นได้ชัดว่าห่วงตำราโพเอติคส์มาก ในชั่วขณะนั้น ตำรามีค่าต่อวิลเลียมยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดทั้งปวง และบังตาไม่ให้เขาเห็นจอร์เกตกอยู่ในสภาพน่าสงสาร คนเขียนบรรยายว่าคนทั้งสามเหมือนสัตว์ ไล่ล่าอยู่ในความมืดเหมือนสัตว์ประหลาดหิวโหยและสุนัข ชั่วขณะหนึ่ง ความเป็นมนุษย์ไม่ได้มีค่าอะไร และตำราของนักปราชญ์ที่ตายไปแล้วกลายเป็นของสำคัญอันดับหนึ่ง ทั้งที่จะว่าตามจริง วิลเลียมก็รู้เนื้อหาของตำราเล่มนั้นอยู่แล้วด้วยการอนุมาน

เนื้อหาของตำราไม่ได้สำคัญ สิ่งสำคัญคือมันเป็นตำราของอริสโตเติล และเพราะมันเป็นโพเอติคส์

เราไม่แน่ใจ บางทีเราอาจจะมองในมุมมนุษยนิยมมากเกินไป เหมือนที่คนแปลมองในมุมมาร์กซิสม์มากเกินไป แต่ที่จริง เราคิดว่าหอบาเบลหลังนี้พังลงเพราะมนุษย์แสวงหาสิ่งอื่นซึ่งไม่ใช่สาระที่แท้มากกว่า แสวงหาความรู้ เกียรติยศชื่อเสียง ศรัทธาโดยบอดใบ้ เหมือนกับที่ผู้สร้างหอบาเบลรุ่นแรกปรารถนาจะขึ้นสู่สรวงสวรรค์โดยไม่ถูกทาง ไม่ว่าสวรรค์หรืออะไรก็ตาม ไม่ใช่สาระสำคัญ ไม่ใช่รากฐานอันมั่นคง เมื่อสร้างขึ้นไปสูงแล้ว มันก็พังลงมา

ที่จริง มนุษย์ควรมองมนุษย์ด้วยกัน แสวงหาความรู้หรืออะไรก็ได้ไม่เป็นไร แต่ไม่ควรจะมองข้ามมนุษย์ด้วยกันไปสู่ความรู้นั้น ไม่ควรจะต้องไล่ล่ากันเหมือนสัตว์ หรือทำให้คนอื่นต้องตายเพื่อตำราเล่มหนึ่ง

บางทีมันอาจจะเหมือนกับเรื่องพวกที่ตามหาขุมทรัพย์ แล้วเริ่มฆ่ากันตายชิงของทันทีเพราะโลภ แต่พอถึงตอนนี้ เราก็ยังคิดว่าทรัพย์นั้นแย่งกันเพราะต้องแบ่ง หากมีตัวหารก็จะได้น้อยลง แต่ความรู้ไม่ใช่ของแบ่งได้ ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นจึงเป็นอย่างอื่น เป็นความชั่วร้ายอย่างอื่นที่พันอยู่รอบ ๆ ตำราโพเอติคส์

บางทีเราอาจจะต้องมองให้เห็นความชั่วนั้น และหัวเราะมันให้ได้ต่อหน้าอย่างที่วิลเลียมบอก

แต่บางทีเราก็สงสัยว่ามนุษย์ควรจะมองสวรรค์มากกว่าเหมือนอย่างที่จอร์เกบอกหรือเปล่า

- ประเด็นการหัวเราะได้กับการ naming ( จะมาเขียน ขอบันทึกไว้ก่อน )


เคียวจัง คืออ่านแล้วไม่เข้าใจเลยอ่ะ

เป็นงงมาก ตั้งแต่หัวข้อ - ทำไมถึงชื่อสมัญญาแห่งดอกกุหลาบ

ถ้าว่าง ช่วยอธิบายนิดนึงนะคะ

คืออยากรู้อ่ะค่ะ

ความเห็นที่ 1 ...โดย นักรบ (นักรบ) 28 พ.ย. 46 19:07:01 น.


ที่เขียนนี่มันเป็นโน้ตส่วนตัวของเราเองเกี่ยวกับหนังสือนิยายชื่อ The Name of the Rose ค่ะพี่นักรบ แปลไทยแล้วก็ชื่อว่า "สมัญญาแห่งดอกกุหลาบ" คนเขียนคืออุมแบร์โต เอโก เป็นอาจารย์ทางวรรณคดีเปรียบเทียบ ประวัติศาสตร์ยุคกลางและการแปล ( ยังเก่งเรื่องอื่นอีกเยอะ แกเป็นอัจฉริยะมากคนนี้ )

นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นเพื่อพิสูจน์ทฤษฎีสัญญวิทยา ( semiotics ) สายของเอโก ( สัญญวิทยาเป็นทฤษฎีทางมนุษยศาสตร์ มีแนวคิดย่อยหลายสาย ใช้ได้ทั้งในแง่รัฐศาสตร์ และการอ่านบริบทเกี่ยวกับสังคมอื่น ๆ รวมทั้งตีความนิยาย สัญญวิทยาเน้นความคิดที่ว่า "ทุกการกระทำของมนุษย์มีความหมายแฝงเร้นมากกว่าที่เห็น และบอกอะไรมากกว่าชั้นเดียว" เราจะค้นหาและพิสูจน์ความหมายของสิ่งเหล่านี้ด้วยวิธีการซัพพอร์ตจากข้อมูลต่าง ๆ แต่เรายังไม่ได้เรียนละเอียดเลยอธิบายให้กระจ่างกว่านี้ไม่ได้ ) นอกจากนั้นยังแฝงแนวคิดโพสต์โมเดิร์น ( อ่านโพสต์โมเดิร์นข้างบนของเราน่าจะพอเข้าใจได้ แต่คิดว่าคงต้องมีตัวอย่างเพิ่มอีกถึงจะเคลียร์ เพราะมันต้องมองต่อยอดไปอีกเยอะเหมือนกัน )

เรื่องสมัญญาแห่งดอกกุหลาบอ่านได้หลายชั้น แค่อ่านเฉย ๆ แบบไม่คิดมากก็สนุกแล้ว ( สนุกมากเลยนะเรื่องนี้ เป็นนิยายสืบสวนมีฉากในยุคกลางที่เจ๋งดีเรื่องนึงเลยละ ) แต่นอกจากชั้นอ่านเฉย ๆ แล้วก็จะยังคุ้ยต่อไปได้อีกหลายชั้นมาก ที่เราเขียนเป็นโน้ตนี้เป็นความคิดของเราหลังจากอ่านสมัญญาฯ เป็นครั้งที่สอง

แต่จากการค้นต่อไป ( ตอนนี้กำลังบ้าอยู่ ) ทำให้พบว่าเรายังอ่านไปไม่ถึง "ระบบสัญญะ" เท่าที่ควรเหมือนกัน มันยังขุดต่อไปได้ลึกมาก ๆ และมีประเด็นที่น่าสนใจอยู่อีกมาก เรื่องสมัญญาฯ นี่ออกมานานแล้ว มีคนอธิบายตีความไว้เยอะมากพอรวมเป็นห้องสมุดห้องนึงได้เลย

ที่จริงถ้าว่าง ๆ อยากให้ลองหามาอ่านดู สมัญญาฯสำนวนแปลไทยไม่ค่อยดี เพราะคนแปลใช้ภาษาสวิงสวายมาก และเน้นประเด็นมาร์กซิสม์มากเกินไป ละเลยความคิดด้านสัญญวิทยาและโพสต์โมเดิร์น ( คิดว่าคนเขียนคงไม่ได้ศึกษาทางนี้ ) แต่ถ้าทนสำนวนได้ก็ถือว่าเป็นนิยายที่สนุกเรื่องหนึ่ง ถ้าอ่านแล้วก็มาคุยกันนะคะ^^

ความเห็นที่ 2 ...โดย เคียว 28 พ.ย. 46 22:35:21 น. 161.200.255.161


ข้อมูลเพิ่มเติม

- คนเขียนเองบอกว่าชื่อเรื่องมาจากโคลงโบราณของออสเตรีย ( ถ้าจำไม่ผิด ) เป็นโคลงสรรเสริญพวกของเก่าที่ไม่มีแล้ว ( เหมือนเราบอกว่ายุคนี้ปราศจากคนดี ไม่เหมือนสมัยก่อนมีคนดีเต็มเมืองแหละนะ ) เพราะงั้น "กุหลาบ" ของแก ก็เลยหมายถึงสิ่งดี ๆ ในสมัยโบราณที่ไม่มีแล้ว

อันนั้นเป็นความหมายในโคลง แต่ทีนี้อีตาเอโกแกก็บอกว่าแกเอามาแต่ชื่อแหละนะ แต่กุหลาบจะเป็นอะไรก็เชิญคนอ่านคิดเอาเองละกัน เพราะคนเขียนต้องไม่ชี้นำคนอ่านเด้อ ( เว้นแต่คนอ่านมันจะ อ่านผิดอ่านพลาดไปจนเละเทะทนไม่ไหว อย่าลืมว่าสัญญะสายเอโกต้องมาจาก "ผู้ตีความที่เป็นไปได้" กับ "การตีความที่เป็นไปได้" ) ดังนั้นกุหลาบของเอโกจะหมายถึงอะไร คนอ่านก็ต้องไปคิดต่ออีกที ( อีกแล้ว )

- แต่เราว่ายังไงเรื่องนี้ก็ต้องมีประเด็นเนมมิ่งอยู่แน่ ๆ เพราะวิลเลียมทะเลาะกับจอร์เกตอนท้ายเลยว่าคนเราควรจะเนมหรือไม่เนม "ความกลัว" วิลเลียมบอกว่าคนเราไม่ควรต้องกลัว ควรจะมองให้เห็นถึงหน้าตาแท้จริงของความกลัว ชี้หน้ามันแล้วก็หัวเราะเยาะกันเลย อันนี้นี่มนุษยนิยมระดับซูเปอร์เลยนะเนี่ย

ถ้าเราสามารถเนมความกลัวได้แล้ว ความกลัวมันก็ลดลงแหละนะ แต่ถ้าเนมผิดล่ะ...

อืมม์ แต่ยังไงเราก็อยู่ฝ่ายวิลเลียมอยู่ดี

ความเห็นที่ 3 ...โดย เคียว 22 ธ.ค. 46 16:33:01 น. 202.57.131.189


โดย: เคียว IP: 61.91.98.30 วันที่: 10 มกราคม 2549 เวลา:8:20:24 น.  

 
ขอบคุณมากค่ะคุณเคียว อ่านแล้วมึนดีจัง เราคงไม่มีความเห็นอะไร เพราะแค่อ่านเฉยๆ แบบไม่คิดมากก็สนุกแล้ว ตอนนี้กำลังนั่งลังเลว่าฉันพร้อมหรือยังที่จะอ่านรอบสอง เพราะภาษามันช่างสวิงสวาย

คุณเคียวบอกว่าเล่มนี้ฉบับแปลไทยเอียงไปทางมาร์กซิสม์ เราก็เลยสงสัยว่าการแปลนี่มันสามารถเอียงได้ขนาดนั้นเลยหรือ แต่เราจะไม่รบกวนคุณเคียวอีกล่ะ

ถามนิดนึง โน้ตที่คุณเคียวเอามาแปะนี่ เดิมมันอยู่ที่ไหน จะได้ตามไป เผื่อจะเจออะไรอีก

ขอบคุณค่ะที่ให้ความรู้เข้าใจง่ายดี


โดย: คุณม้าม วันที่: 11 มกราคม 2549 เวลา:2:06:56 น.  

 
เรื่องว่าแปลแล้วเอียงเนี่ย ตอนอ่านไม่รู้หรอกค่ะ แต่ว่ามันมีบันทึกท้ายเล่มกับคำนำอยู่ และในทั้งสองที่ คนแปลเน้นประเด็นมาร์กซิสม์ โดยหยิบยกเอาฉากความฝันของแอดโซ่ ( เป็นที่พระเยอะแยะรุมรังแกผู้หญิงน่ะ ) ขึ้นมากล่าวถึง การที่คนแปลชี้ไปที่จุดใดจุดหนึ่งของนิยายอย่างชัดเจน มันจะพลอยเป็นการเน้นตรงนั้นไปด้วย

ความจริงก็คือ ฉบับแปลของไทยไม่มีส่วนสำคัญอีกส่วนหนึ่งของสมัญญาฯ คือส่วนที่ชื่อว่า postscipt ซึ่งเราเข้าใจว่าเอโกเขียนทีหลัง ( แต่ดูจากระยะเวลาการแปลแล้ว คิดว่าทางไทยน่าจะหาโพสต์สคริปมาปะได้ เพราะน่าจะแปลทีหลังตาเอโกเขียน )

โพสต์สคริปอันนี้เอโกเขียนถึงเรื่องชื่อเรื่อง การถกเถียงเกี่ยวกับเนื้อหาของสมัญญา และโพสต์โมเดิร์น เอโกพยายามจะไม่ "ชี้นำ" ถึงขนาดที่ว่าเดิมทีแทบไม่อยากตั้งชื่อนิยายด้วยซ้ำ แต่ทำนองว่าโดนบ.ก.บอกว่านิยายไม่มีชื่อเรื่องไม่ได้ แกเลยอุบอิบว่า "ก็หาใส่ ๆ ไป" ( เชื่อแกดีมั้ยเนี่ย )

โน้ตนั่นอยู่ในบอร์ดส่วนตัวที่ล่มไปนานแล้วค่ะ กู้มาได้แค่นั้นเอง^^''


โดย: เคียว IP: 61.91.96.157 วันที่: 12 มกราคม 2549 เวลา:2:34:08 น.  

 
โอย ขอบคุณคุณเคียวอีกแล้ว ที่เราไม่กล้าถามตรงๆ เพราะกลัวจะรบกวน

เพราะฉะนั้นขอรบกวนอีก เราตกลงใจล่ะว่าจะอ่านรอบสอง (ก่อนอื่นต้องไปทวงหนังสือที่เพื่อนมันยืมไปดองไว้เป็นชาติ) คือเราติดใจที่คุณเคียวพูดถึงสัญญวิทยากับโพสต์โมเดิร์น และดูเหมือนคุณเคียวก็ขุดเรื่องนี้อยู่

ต้องบอกก่อนว่าเราโง่สองเรื่องนี้มาก แต่ก็เมียงมองเรื่อยมา พอมาได้ยินเรื่องโพสต์สคริปของแกที่ว่าไม่อยากจะชี้นำ เออนะแกก็น่ารักดี แต่เราก็กลัวอยู่ดีว่าความโง่จะทำให้เรา "อ่านผิดอ่านพลาดไปจนเละเทะ"

เพราะงั้นถ้าคุณเคียวขุดเจออะไรอีก แล้วเอามาคิดดังๆ ก็จะเป็นพระคุณ เราจะได้อ่านรอบสองแบบเงียบๆ ต่อไปอย่างซาบซึ้งในพระคุณ (และไม่เละเทะ)


โดย: คุณม้าม วันที่: 12 มกราคม 2549 เวลา:5:03:57 น.  

 
คุณม้าม ไม่รบกวนเลยค่ะ เพราะเราสนุกมาก นาน ๆ จะมีคนยอมคุยเรื่องนี้ด้วยสักที แม้แต่เพื่อนที่เรียนด้วยกันก็มีน้อยคนมากที่ยอมอ่านสมัญญาเป็นเพื่อนเรา และมีน้อยลงไปอีกที่สนใจเรื่องยุคกลาง

แต่ว่าเราไม่ได้ขุดเรื่องสมัญญาต่อนานแล้ว เนื่องจากหายเห่อไปนาน ( ถ้าดูโน้ตจะเห็นว่าเป็นปีสี่หกโน่นแน่ะ ) ช่วงนี้กำลังเห่อมหาภารตะขึ้นมาแทน เพราะอย่างนั้นคงไม่ได้ขุดอะไรใหม่ ๆ อีกสักพัก แต่ว่าเอาไว้สักอาทิตย์หน้าเราจะอัพเรื่องสัญวิทยากับโพสต์โมเดิร์นไว้ที่บล็อค "วิชาการ" ถ้าว่างก็ลองไปดูนะคะ


โดย: เคียว IP: 61.90.140.106 วันที่: 13 มกราคม 2549 เวลา:17:01:59 น.  

 
คงไม่ถึงกับคุยหรอกมังคะ เรียกว่ามาขอความรู้เห็นจะเหมาะกว่า เพราะเราเองก็ยังมึนๆ (คือเราสนใจไปเรื่อย ก็เลยไม่รู้อะไรจริงซักอย่าง)

แล้วก็ ขอบคุณค่ะ จะรออ่านอย่างใจจดจ่อ


โดย: คุณม้าม วันที่: 14 มกราคม 2549 เวลา:0:59:23 น.  

 
สวัสดีน๊าาา ทักทายจ้า สปาชา sparsha A Moment of Bride เจ้าสาว เสริมจมูก ศัลยกรรมเสริมจมูก ศัลยกรรมจมูก สลายไขมันด้วยความเย็น ลดเซลลูไลท์ Leg Squeezing ผิวเปลือกส้ม FIS หน้าท้องใหญ่ ตัวเล็กแต่มีพุง Body Contouring ลดสัดส่วนทั้งตัว ลดปีกด้านหลัง เนื้อปลิ้นรักแร้ เนื้อปลิ้น Build Muscle สร้างกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อหน้าท้อง สลายไขมันหนา สลายไขมัน ลดไขมัน Lock Shape รักษารูปร่าง สลายไขมัน ลดสัดส่วน Oxy Peel ทำความสะอาดหน้า ทำความสะอาดหน้าแบบล้ำลึก ยกกระชับ Ulthera ปรับรูปหน้า ปัญหาผิวหย่อนคล้อย Beauty Shape สลายไขมันแบบเร่งด่วน ลดไขมัน ลดเซลลูไลท์ ผิวเปลือกส้ม สลายไขมันสะโพก กระชับผิว Sexy Mama แม่หลังคลอด รอยแตกลาย ปรับรูปร่าง กำจัดขน Hair Removal กำจัดขนถาวร สลายไขมันเหนียงด้วยความเย็น สลายไขมัน สลายไขมันเหนียง IV Drip ฟื้นฟูร่างกาย เสริมภูมิต้านทาน Bye Bye Panda Eye ลดรอยหมองคล้ำใต้ดวงตา ลดริ้วรอยใต้ตา นวดกระชับหน้าอก หน้าอกกระชับ อกหย่อนคล้อย Beauty Breast Lifting Enlarge Beauty Breast นวดอกเล็กให้ใหญ่ หน้าอกเล็ก ยกกระชับหน้า รักแร้ขาว รักแร้ดำ เลเซอร์รักแร้ขาว ผิวใต้วงแขน Love Fit กระชับช่องคลอด เลเซอร์กระชับช่องคลอด แก้ไขปัสสาวะเล็ด Meso Shine ผลักวิตามิน บำรุงผิว สวยด้วยเลือด รักษาผิว หนวดเครา กำจัดขนหนวด กำจัดขน กำจัดขนเครา เลเซอร์ขน เลเซอร์ขนถาวร กำจัดขนถาวร เลเซอร์เครา เลเซอร์หนวด กำจัดขน ยกกระชับ ร้อยไหม Thread Lift การดูดไขมัน ดูดไขมัน ศัลยกรรมตา 2 ชั้น ตา 2 ชั้น ศัลยกรรมตา สปาน้ำนม เพิ่มความชุ่มชื่น แก้ผิวแห้ง นวดผ่อนคลาย การนวดผ่อนคลาย Rest Time Aroma Massage Aroma Massage Acne Body Mist ลดรอยสิว ลดจุดด่างดำ ลดรอยดำ ด็อกเตอร์ไลฟ์ doctorlife ศัลยกรรมเสริมจมูก ศัลยกรรมจมูก เสริมจมูก Cellulysis สลายไขมัน ulthera ยกกระชับ Acne Clear รักแร้ขาวเนียน เลเซอร์กำจัดขนถาวร กำจัดขน ร้อยไหม Freeze V Lift กำจัดไขมันด้วยความเย็น PRP ผิวหน้า PRP ผมบาง ผมร่วง เลเซอร์กระชับช่องคลอด กระชับช่องคลอด Love Fit สลายไขมันด้วยความเย็น Cell Repair ผิวขาวใส ลดสัดส่วน ปรับรูปร่าง Perfect Shape สลายไขมันแบบเร่งด่วน ฟิลเลอร์ Filler รักษาหลุมสิว Dual Yellow เลเซอร์หน้าใส Love Fit ปัญหาปัสสาวะเล็ด ปัสสาวะเล็ด Oxy Bright ทำความสะอาดรูขุมขน Bye Bye Fat ลดไขมัน Luminous แสงสีฟ้า รักษาสิว ฆ่าเชื้อสิว ABO Active 3D Toxin IV Drip เพื่อสุขภาพและความงาม ยกกระชับผิว hifu ให้ใจ สุขภาพ


โดย: สมาชิกหมายเลข 6161573 วันที่: 6 พฤศจิกายน 2563 เวลา:16:35:27 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ลวิตร์
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




ลวิตร์ = พัณณิดา ภูมิวัฒน์ = เคียว

รูปในบล็อค
เป็นมัสกอตงาน Expo ของญี่ปุ่น
เมื่อปี 2005
น่ารักดีเนอะ

>>>My Twitter<<<



คุณเคียวชอบเรียกตัวเองว่า คุณเคียว
แต่ที่จริง
คุณเคียวมีชื่อเยอะแยะมากมาย

คุณเคียวมีชื่อเล่น มีชื่อจริง
มีนามปากกา
มีสมญาที่ได้มาตามวาระ
และโอกาส

แต่ถึงอย่างนั้น
ไส้ในก็ยังเป็นคนเดียวกัน
ไส้ในก็ยังชอบกินข้าวแฝ่ (กาแฟ ) เหมือนกัน
ไส้ในก็ยังชอบกินอาหารญี่ปุ่นเหมือนกัน
ไส้ในก็ยังชอบสัตว์ (ส่วนใหญ่)
ไส้ในก็ยังชอบอ่านหนังสือ ชอบวาดรูป
ชอบฝันเฟื่องบ้าพลัง
และชอบเรื่องแฟนตาซีกับไซไฟ
(โดยเฉพาะที่มียิงแสง )

ไส้ในก็ยังรู้สึกถึงสิ่งต่าง ๆ
และใช้ถ้อยคำเดียวกันมาอธิบายโลกภายนอก

ไส้ในก็ยังคิดเสมอว่า
ไม่ว่าเรียกฉัน
ด้วยชื่ออะไร

ก็ขอให้เป็นเพื่อนกันด้วย




Friends' blogs
[Add ลวิตร์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.