ศึกชิงเจ้ายุทธภพ ๖
ฝ่ายคุณหรีด หลังจากค้อนเจ้าแม่ศรีษะหมอนไปสองควับ จึงเร่งรี่มาที่โต๊ะของตัวเอง ผูกผ้ากันเปื้อนผ้าไหมสีเขียวตองอ่อนของJim Thompson ทับลงบนเสื้อแขนกุดคอวีสีส้มแสด ปกเสื้อสีขาว หันมาชี้กล้องตัวที่สามพลางบอกว่ามุมนี้ถ่ายออกมาเธอจะดูดีกว่ากล้องตัวอื่น ช่วยเอากล้องตัวนี้จับภาพเธอด้วย เธอบรรจงแกะถุงแป้ง แล้วหยิบถุงพลาสติค Zip Loc ออกมาจากกระเป๋าเดินทาง Gucci เทแป้งขาวลึกลับอีกส่วนหนึ่งลงไปร่อนรวมด้วยตะแกรงนำเข้าของวีรสุ บรรจงเติมน้ำร้อนลงในแป้งที่ร่อนแล้วทั้งสองกะละมัง คือข้างหนึ่งแป้งข้าวเหนียวขาว อีกข้างสีดำ เธอใช้เครื่องตีไข่ KitchenAid ขนาด 6 ควอทซ์ สีส้มรุ่นหายาก(ต้องสั่งล่วงหน้าเท่านั้น และรุ่นจำกัดจำนวน) ด้วยหัวตะขอนวดแป้งจนเหนียวนุ่ม แล้วเธอจึงจัดการแบ่งแป้งเป็นก้อนกลมๆเท่าลูกกอล์ฟ หลังจากเอาไม้กลึง William Sonoma กลึงให้แบน และกำลังเรียงบนถาดสวยงาม ขณะนั้นเองพิธีกรก็ประกาศว่าขนมของอ.ยิ่งสากเสร็จแล้วคือ"ข้าวเหนียวเปียกไม่ใส่ข้าวเหนียว" เธอก็คิดในใจ "เชอะแค่นี้เอง" แต่ยังไม่ทันคิดต่อ อ.ยิ่งสากก็ตะโกนป่าวประกาศไปทั่วว่าอาจารย์เธอจะทำต่อ ทำให้คุณหรีดเริ่มกระวนกระวาย ต้องเอาน้ำแร่ Evian ออกดื่มแก้กระหาย และตามด้วยแบบขวดฝาฉีดของ Lamer เพื่อฉีดหน้าคลายความร้อน แล้วเธอก็จัดการเทน้ำดื่มยี่ห้อ VOSS ลงในหม้อสแตนเลทของเชฟ Wolfgang Puck ขนาด 14 นิ้ว เพื่อต้มแผ่นแป้งที่เธอกลึงไว้ทั้งหมด ให้สุกทั่วหน้ากันทั้งแป้งข้าวเหนียวดำและขาว พอสุกลอย เธอก็ตักแผ่นแป้งทั้งหมดลงในกระทะกวนจากเทฟลอน เพื่อจะได้ไม่ติดกระทะ เมื่อกวนจนแป้งเหนียวใสแล้วก็เป็นอันได้ที่ เธอจึงยกลงจากเตา มาใส่ชามแก้วจาก Mikasa ที่เธอเทน้ำตาลทรายมิตรผล เกลือ และงากับถั่วลิสงคั่วจากโครงการหลวงดอยคำ ผสมกันไว้อยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว เธอเอาตะเกียบเงินเสียบทำแบบอมยิ้ม แต่ต่างกันตรงที่ว่าขนาดใหญ่กว่านั่นเอง "เสร็จแล้วค่ะ 'นกกระจอกติดหล่ม'" เธอพูดหลังจากเรียงขนมที่ทำเสร็จลงบนชุดจานของ Rosenthal ที่ออกแบบโดย Versace ที่หิ้วตรงมาจากอิตาลี แล้วจึงปลดผ้ากันเปื้อนวางไว้บนโต๊ะข้างตัว ทำให้จี้และกำไลข้อมือของ Tiffany & Co. ที่ถอดเก็บไว้ก่อนมาประลองกระเด็นออกมาบนโต๊ะ
ศึกชิงเจ้ายุทธภพ ๕
ความเดิมตอนที่แล้ว กล้องได้จับภาพตั้งแต่ตอนเปิดฉากตัววัสดุหลัก ซึ่งคือ แป้งข้าวเหนียวขาว และข้าวเหนียวดำ ที่ผ่านมาผู้เข้าแข่งขันทั้งสี่ท่านได้ทำดังต่อไปนี้แม่เอียด ขนมเต่าป้าจันทร์ ขนมเกสรลำเจียกฤทธิ์หมึกจาง ขนมหน่อไม้หม่อมถนัดหวี ขนมถั่วแปบ หลังจากที่อ.ยิ่งสาก ได้โฉบถุงแป้งเป็นคนแรกแล้ว เธอก็ทำตัวปลิว(คาดว่าวิชาตัวเบา)มาที่โต๊ะ ชะม้ายตามองรอบๆเวที ว่าใครทำอะไรกันบ้างแล้วก็บ่นๆว่า"เชอะ ไม่ครีเอทกันซะเลย" พอจบเธอก็กระตุกสร้อยลูกประคำที่เธอหัอยมากระชากสายออก เม็ดประคำทั้งหมดตกลงสู่หม้อเสียงป๊องแป๊งดังระงม อ๊ะ ไม่ใช่ลูกประคำครับท่านผู้ชม มันคือเม็ดบัวแห้งนั่งเอง เธอรีบรินน้ำฝนใส่หม้อเม็ดบัว พลันเหลือบไปเห็นหม่อมถนัดหวีนั่งเทไวน์ดื่ม ไฟที่เตาก็ลุกพรึบด้วยวิชาตาร้อนที่เธอถนัดนั่นเองแต่ไม่ทันไรก็ดับเพราะลมจากการปะทะกันของตงฟางและฤทธิ์หมึกจาง เธอจึงเหลืออดเพ่งไปที่น้ำแทนซึ่งก็เดือดพล่านทันใจเพราะไฟเธอแรงมากครับท่านผู้ชมเมื่อเม็ดบัวเดือดเธอก็โยนเข้าครกไฟฟ้าปั่นกับกะทิและเกลือเล็กน้อย แล้วจึงเทคืนลงหม้อเคี่ยวกับแป้งข้าวเหนียวดำ ทิ้งไว้จนข้นได้ที่"ฮะฮะฮะ ข้าวเหนียวเปียกสูตรไม่ใช้ข้าวเหนียวฮ่ะ" อ.กล่าวทิ้งท้ายพลางค้อนโต๊ะข้างๆอันได้แก่หม่อมถนัดหวี และคุณหรีด ฝ่ายพิธีกรเห็นเธอทำเสร็จจึงพูดออกไมค์ว่า"เสร็จแล้วครับ ข้าวเหนียวดำเปียกไร้ข้าวเหนียว" "ช้าก่อน นี่ฉันยังเหลือแป้งข้าวเหนียวขาวอีกนะยะ" อ.ยิ่งสากตวาดพิธีกร ว่าแล้วเธอก็ตั้งกะทิกับน้ำตาลในกะทะ อีกมือก็เอาตะแกรงมาร่อนแป้งข้าวเจ้า แป้งข้าวเหนียว ผงจันทน์เทศป่น สามครั้งแล้วใส่กะทิเล็กน้อยเมื่อแป้งละลายเธอจึงใส่ลงไปในกะทะ กวนจนแป้งข้นยกลง ระหว่างนั้นเอง หม่อมถนัดหวีก็ยื่นไม้เสียบลูกชิ้น เอ๊ย ไม้เสียบถั่วแปบที่ยังไม่ตบให้แบนและยังไม่ได้ห่อไส้มาให้เธอ เธอหัวเสียพลางสบถขึ้นว่า "หนอยจะวางยาคนอย่างยิ่งสากเหรอ ไม่มีทาง ฝันไปเหอะ ชิ" แล้วเธอก็หันไปดูแป้งปรากฏว่าที่ร้อนๆตอนนี้เกือบจะเย็นไปแล้วครับเนื่องจากลมจากห่ากระสุนบัวลอย เธอจึงรีบโยนไข่แดงลงไปกวนให้ได้สีตามต้องการ แล้วรีบยกตั้งไฟกวนจนแป้งไม่ติดกระทะถึงจะปั้นได้ เธอเทข้าวเหนียวเปียกใส่ชามทรงเงินตำลึง แล้วโยนเสน่ห์จันทน์ลงไปหนึ่งลูก เสร็จแล้วฮ่ะ "หลงเงาจันทร์" (ผู้เขียน:จริงๆแล้วเสน่ห์จันทน์หมายถึงลูกจันทน์ที่มีกลิ่นหอม โบราณจึงทำเป็นรูปลูกจันทน์ครับ แต่อ.ยิ่งสากจะดัดแปลงให้เป็นพระจันทร์จึงไม่ต้องปั้นจุกและเติมสีเหลืองเพิ่มแต่อย่างใด เอาแค่นวลๆเป็นพระจันทร์คืนวันเพ็ญสว่างไสวในเงาน้ำมืดสนิท ก็เท่านั้น)
ศึกชิงเจ้ายุทธภพ ๔
ณ โต๊ะระหว่างอ.ยิ่งสากและฤทธิ์หมึกจาง หม่อมถนัดหวีกำลังรื่นเริงบันเทิงใจกับการชิมไวน์ชาโตว์ เดอ เลย(ฉลากม่วง) ในช่วงที่ต้องรอถั่วต้มให้สุกเพื่อทำไส้ ระหว่างหนึ่งจิบ ท่านก็มานั่งนวดแป้งข้าวเหนียวดำ ที่แอบปนแป้งขาวลงไปเล็กน้อย "จริงๆแล้วการทำขนมชนิดนี้ต้องใช้แป้งข้าวเหนียวดำโม่ไม่ทับแห้ง จึงจะได้ผลดี แต่การณ์นี้ต้องประยุกต์ด้วยการเติมน้ำคืนลงไปให้แป้ง" ท่านพูดพลางยิ้ม แถมต้องเอาเท้าจิกข้างนึงลงที่พื้นเพื่อส่งพลังปราณยึดเวทีไว้ไม่ให้ถูกพลังมหาเวทย์ดูดดาวจากโต๊ะข้างๆ พอแป้งนุ่มเหนียว ถั่วที่ต้มก็น้ำงวดลงไปหน่อยท่านก็เทไวน์จากขวดเติมลงไปแทน แล้วก็หัวเราะคิกคักกะว่าจะได้ไส้ถั่วต้มกลิ่นไวน์แดง จึงหันไปตั้งหม้อน้ำร้อนอีกหม้อ แล้วกลับมาแบ่งแป้งเป็นก้อนกลมๆขนาด ๑นิ้วจนหมดแป้ง ทันใดนั้นเอง เสียงเอะอะจากการปะทะกันระหว่างฤทฺธิ์หมึกจางกับตงฟางก็ดังขึ้น ทำให้ฝุ่นฟุ้งเต็มไปหมด ท่านจึงต้องเอาเครื่องไอพ่นใบพัดสองชั้นจากปีกเครื่องบินการบินไทยที่ได้มาตั้งแต่สมัยทำรายการ "การบินไทย ไขจักรวาล" พัดเอาฝุ่นออกไปจากโต๊ะท่าน ผลคือลูกแป้งที่ท่านปั้นไว้สูญเสียความชื้นไปมาก รีบโยนลงน้ำเดือด ต้มจนลอยเหมือนลูกชิ้น แล้วจึงถ่ายใส่ถาดมะพร้าวขูดที่ท่านเตรียมไว้แต่แรกเริ่ม เมื่อไส้สุกแห้งดี ท่านก็นำมาปั้นเป็นก้อนๆ แล้วพักไว้ หันไปหยิบเข็มร้อยมาลัย จิ้มลงที่แป้งที่คลุกมะพร้าวทั่วแล้ว จนกลายเป็นไม้เสียบลูกชิ้น ท่านยื่นให้อ.ยิ่งสาก ลางว่าชิมมั้ย อ.ยิ่งสากทำหน้าเบะๆ บ่นมุบมิบๆ แล้วก็ก้มหน้าก้มตาทำของตนต่อไป เมื่อหม่อมท่านเสียบแป้งได้ครบยอดไม้ ท่านก็ตบแป้งทั้งหมดด้วยสองมือ โดยให้เข็มลอดผ่านหว่างนิ้วผลคือแป้งแบนพร้อมกันทั้งหมด แล้วจึงดึงออกมาใช้ห่อไส้ทีละแผ่นเป็นก้อนกลมๆ ท่านวางจัดจานอย่างไม่รีบร้อน ราดหัวกะทิที่ปรุงด้วยเกลือเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยว่า"ถึงเป็นขนมไทย แต่เราก็จัดจานแบบสากลได้ ไม่ได้ทำให้เสียรสชาติแต่อย่างใด กลับจะทำให้ลูกหลานที่กำลังสนใจแต่ของนอกกลับมา เห็นคุณค่าภูมิปัญญาคนไทยกันเองได้บ้าง" ครับท่านผู้ชมผู้อ่านในที่สุดท่านก็ทำจานนี้ออกมาสำเร็จ อย่างสบายๆ สไตล์ผู้เฒ่าแห่งวงการ "ป๊อง" (เสียงหม้อกระทบหัวพิธีกร) เอ่อ สไตล์ผู้คร่ำหวอดในวงการครับ
ศึกชิงเจ้ายุทธภพ ๓
แล้วกล้องก็แพนมาจับที่ฤทธิ์หมึกจางครับ... เขากำลังใช้พลังมหาเมฆดูดดาว(จากเดชคัมภีร์เทวดา)ดูดสิ่งที่ซ่อนเร้นใต้พื้นดินให้ปรากฏ ทำเอาผู้เข้าแข่งขันท่านอื่นต้องใช้ลมปราณยึดพื้นเวทีไว้ไม่ให้ตัวเองถูกดูดไปที่โต๊ะของหมึกจาง แล้วไม่ถึงพริบตา ก็มีเหง้าหน่อไม้ไผ่ตงผุดขึ้นมาจากใต้เวทีครับ โอ้วววว ไม่ยักกะรู้ว่าใต้สนามประลองมีไผ่อยู่ด้วย....หมอกควันจากแรงดูดเริ่มคละคลุ้ง คุณหมึกจางไม่รอช้า เอาดาบกระบี่คู่ฟ้าฟันหน่อทั้งสาม สียังขาวอยู่เลยครับเพราะอยู่ในดินยังไม่ทันโดนแดด ก็ถูกคุณหมึกจางดูดขึ้นมาเสียก่อนแล้ว ระหว่างที่ยอดไผ่ทั้งสามกำลังร่วงสู่พื้นเขาก็ยื่นดาบไปตัดฝานเป็นแผ่นกลมๆบางๆ ทว่ายังไม่ทันที่แผ่นเหล่านั้นจะตกถึงพื้นดี ฝีเข็มทั้งสามสิบหกเล่มพุ่งออกมาจากกลุ่มหมอกควันอีกด้านของสนาม เจ้าแม่ศรีษะหมอนไหวตัวทันโยนมะพร้าวเข้าไปรับเข็มชุดแรก และตกลงมาเบื้องหน้าฤทธิ์หมึกจาง ทันใดนั้นเข็มชุดที่สองก็พุ่งนำด้ายสิบสองสีสามชุด พร้อมเสียงสาวหัวเราะ และการปรากฏตัวของ "ตงฟางปู้ป้าย" แต่ไม่ทันไรเข็มชุดใหม่ก็ออกมา ทะลุผ่านแว่นหน่อไม้ทั้งหมด คุณหมึกจางไม่รอช้า เอาดาบสะบัดคมตัดด้าย พลันให้หน่อไม้ทุกแว่นถูกด้ายตัดขาด และด้วยแรงสะบัดของด้ายทุกเส้นในอากาศ หน่อไม้ทั้งหมดจึงกลายเป็นฝอยกระจายเต็มฟ้า คุณหมึกจางสะบัดมีดของตนปัดแยกหน่อไม้กับด้ายทั้งหมดลงเป็นสองฝั่งในชามที่เตรียมไว้ได้อย่างสวยงาม พร้อมกับเอามือข้างที่ว่างชุบน้ำ แล้วเร่งลมปราณให้น้ำที่ติดบนฝ่ามืออุ่นก่อนนวดแป้งข้าวเหนียวดำในพริบตาไม่ทันที่หน่อไม้เส้นสุดท้ายจะตกลงบนชาม เขาก็นวดแป้งบัวลอยได้สำเร็จ เสียงตงฟางปู้ป้ายหัวเราะก่อนโผเข้ามากลางเวทีประลอง ทันใดนั้นเอง วิชาครีมกวนอิมพันมือของหมึกจางก็ปั้นบัวลอยข้าวเหนียวดำด้วยอัตราเร็วหนึ่งพันเม็ดต่อวินาที (เทคนิค:ใช้มือหนึ่งถือแป้ง อีกมือหนึ่งเจียดแป้งมาปั้นด้วยอัตราเร็ว สองเม็ดต่อวินาที) มือที่ปั้นเสร็จส่งห่ากระสุนบัวลอยเข้าใส่ตงฟาง ยังผลให้ตงฟางต้องหลบจ้าละหวั่นแม้วิชาไหมฟ้าห่อหุ้มกายของตงฟางก็ไม่อาจทนห่ากระสุนของหมึกจางได้ ระเบิดควันคลุ้งกระจายไปหมด เม็ดที่ทะลุไหมฟ้าก็ติดเข้าที่หน้าของเธอ ชวนให้นึกฝีเม็ดดำๆใหญ่ๆบนหน้า ผู้คนรอบสนามต่างพากันหัวเราะขำ "หน่อไม้ไม่ได้มีหน่อเดียว คราวหน้าจะได้เห็นดีกัน" ตงฟางเริ่มประดักประเดิดสบถ แล้วจึงเหาะถอยหลังหายไปในหมอก มือหอบหน่อไผ่ตงส่วนหนึ่ง ที่ยังมีเศษเข็มและด้ายรุ่งริ่งคล้ายตุ๊กตาวูดู คุณหมึกจางจึงหันกลับมาพบว่าแป้งข้าวเหนียวดำทั้งสองถุงถูกใช้ไปเป็นกระสุนหมดแล้ว เลยใช้แต่แป้งขาวที่มีอยู่ผสมกับแป้งข้าวเจ้าเล็กน้อย ใส่เกลือน้ำตาล คลุกเบาๆ แล้วนำหน่อไม้ที่บีบน้ำออกแล้วมาคลุกแป้ง แล้วจึงห่อด้วยใบตอง โรยหน้าด้วยมะพร้าวที่ขูดจากลูกที่ปักไปด้วยเข็มของตงฟางนั่นเอง แล้วจึงนำไปนึ่งให้สุกดี
ศึกชิงเจ้ายุทธภพ ๒
ส่วนโต๊ะของป้าจันทร์ เธอแกะถุงอย่างทะนุถนอม ใส่แป้งแต่ละชนิดลงในกระทะทองเหลืองต่างใบ เธอนั่งบนกระต่ายขูดมะพร้าวไม้สักราวกับเมขลา(แม่เบี้ย)ตอนสูงอายุยังไงยังงั้นเสียงเธอฮัมเพลงอะไรเล็กน้อย โฆษกจึงได้สั่งให้เด็กเอาไมค์ต่อไม้ยาวยื่นเข้าไปตรงตำแหน่งที่เธอนั่งอยู่ เธอไหวตัวทันปากะละมังเปล่าเข้าที่ท้องเด็กถือไมค์จนอ้าปากค้าง แล้วเธอก็ปาแคปซูลเข้าปากเด็กไป เธอตะโกนบอกเด็กว่าห้ามเข้ามาใกล้ที่ฉันนั่งอยู่นี่ ฉันนั่งไม่สำรวม ส่วนยาที่โยนลงท้องไปนั้นคือเม็ดมะกล่ำตาหนูมีพิษ หากไม่รีบถอยออกไปก่อนการแข่งขันจบลง จะไม่ให้ยาถอนพิษ เด็กถือไมค์จึงถอยผงะหมดแรงเดินทำให้ไมค์ตกกกระเด็นไปตรงที่หลังป้าจันทร์นั่งอยู่พอดี เธอไม่ใส่ใจยังฮัมเพลงต่อไป เสียงงึมงัมตะกุกตะกักอยู่พักใหญ่ โฆษกหันไปถลึงตาใส่เด็กคุมเสียงให้เพิ่มเสียงที่ไมค์ตัวนั้น จึงได้ฟังเสียงป้าจันทร์ออกลำโพงในที่สุดครับ