Group Blog
All Blog
ตามรักข้ามเวลา...บท 7/1



มินตราก้าวเข้ามาในบ้านแล้วรีบปิดประตูตามหลัง เธอซอยเท้าถี่ๆ พร้อมกับร้องตะโกนเรียกชื่อธันว์ไปพลาง “พี่ธันว์…พี่ธันว์”

“วิ่งกระหืดกระหอบหนีอะไรมาน่ะ” ธันว์เดินออกมาจากห้องนอน โผล่หน้ามาตรงหัวบันได

มินตราก้าวไปเกาะราวบันได น้ำเสียงยังคงกระหืดกระหอบเมื่อตอบว่า “พี่ธันว์ช่วยต่อสายพี่อัตให้มิ้นหน่อยสิคะ มิ้นไม่รู้เบอร์มือถือพี่อัต”

“อ้าว...ไม่ได้กลับมาด้วยกันเหรอ” ธันว์ร้องถามอย่างประหลาดใจ แล้วก้าวลงบันไดผ่านหน้าเด็กสาวไปยังห้องนั่งเล่นเพื่อต่อสายโทรศัพท์ เขาเลือกใช้โทรศัพท์พื้นฐานโทรหาอัตรา

มินตรามองธันว์เงียบๆ ขณะที่ลมหายใจยังคงหอบกระชั้น สายตาเฝ้าดูชายหนุ่มซึ่งอาบน้ำเปลี่ยนเป็นชุดนอนเรียบร้อยแล้ว

ธันว์รอจนอัตรารับสายแล้วจึงเอ่ยว่า “ฉันเองนะ น้องนายอยากจะคุยด้วย” ธันว์เอ่ยแล้วส่งโทรศัพท์ให้เด็กสาว เขาถอยออกมายืนดูอยู่เงียบๆ ได้ยินมินตราพูดด้วยน้ำเสียงรัวเร็ว

“พี่อัต...พี่อัตไปส่งซาร่าห์เลยนะ ไม่ต้องรอมิ้น”

“อ้าว...นี่เราไปถึงบ้านแล้วหรือ ทุกอย่างเรียบร้อยดีใช่ไหม”

“เรียบร้อยดีค่ะ ไม่ต้องห่วง”

“แล้วทำไมถึงรีบกลับ ไม่รอพี่”

“ก็มิ้นอยากเปิดโอกาสให้พี่สองคนอยู่ด้วยกันนี่คะ ที่มิ้นโทรมาก็จะบอกเรื่องนี้แหละ พี่อัตไม่ต้องรอมิ้น เดตกับซาร่าห์ให้สบายใจเลยนะคะเพราะมิ้นกลับถึงบ้านปลอดภัยแล้ว ไปค้างกับซาร่าห์ก็ได้นะคะ มิ้นอนุญาต” ประโยคท้ายกระเซ้าอย่างแก่แดด มินตราไม่รู้เลยว่าคำแนะนำของเธอทำให้คนข้างหลังที่ยืนฟังอยู่ขมวดคิ้วมุ่น ธันว์ยกมือกอดอก มองเด็กสาวคุยโทรศัพท์ด้วยท่าทีเอาเรื่อง

“ไม่ต้องมาทำหัวเราะกลบเกลื่อนเลยยายมิ้น เราไปก่อเรื่องมาน่ะสิถึงได้วิ่งจู๊ดขึ้นแท็กซี่กลับบ้านหน้าตาตื่นอย่างนั้น”

“มิ้นเปล่าสักหน่อย”

“เปล่าแล้วทำไมถึงมีผู้จัดการห้างกับวิศวกรของบริษัทวีซ่าเข้ามาถามพี่ว่าเป็นพี่ชายเราหรือเปล่า”

“สวรรค์ช่วย อะไรนะ?” มินตราตวัดถามเสียงสูง

“เราได้ยินไม่ผิดหรอก พี่บอกว่ามีผู้จัดการห้างกับวิศวกรเข้ามาถามพี่ว่าเป็นพี่ชายเราหรือเปล่า”

“แล้วพี่ตอบลอยกับเรย์ไปว่าไงคะ มิ้นหลงคิดว่าวิ่งออกมาโดยที่พวกเขาไม่เห็นพี่ซะอีก”

“เราไปก่อเรื่องอะไรไว้ล่ะ ถึงวิ่งหนีไม่คิดชีวิตอย่างนั้น”

“พี่เห็นเหรอ”

“ไม่เห็นมั้ง...เต็มสองตาอย่างนั้น” ผู้เป็นพี่ชายประชดกลับมา

“แล้วยังไงต่อคะ?”

“แล้วไงน่ะเหรอ? พี่เห็นเราวิ่งออกมา พี่ก็เลยวิ่งตามแต่ไม่ทัน เพราะเราจ้ำอ้าวขึ้นรถแท็กซี่ไปแล้วน่ะสิ เหลือแค่สองหนุ่มอเมริกันที่ยืนมองตามหลังรถแท็กซี่ตาละห้อย พวกเขาเข้ามาถามพี่ว่าเป็นพี่ชายเราหรือเปล่า”

“พวกเขาตีขลุมน่ะสิ พวกเขาไม่รู้หรอกว่าพี่เป็นพี่ชายมิ้น แล้วพี่ตอบไปว่าไงคะ”

“คนที่มีไหวพริบดีอย่างพี่ เราคิดว่าพี่จะตอบไปว่าไงล่ะ”

มินตราหัวเราะคิกอย่างสบายใจขึ้น “แหม...มิ้นน่าจะรู้ พี่ชายมิ้นฉลาดเสมอ ว่าแต่พี่ตอบไปว่า ‘ไม่ใช่’ ใช่ไหมคะ?” เน้นตรงคำว่าไม่ใช่

“พี่ตอบไปว่าใช่”

“อ้าว...” มินตราครางเสียงดัง

คราวนี้อัตราส่งเสียงหัวเราะครืนกลับมาอย่างชอบใจที่อำน้องสาวได้ ก่อนจะเฉลยด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มว่า “พี่อำเราเล่น ที่จริงพี่ตอบไปว่าไม่ได้เป็นอะไรกับเราหรอก แต่เห็นว่าพวกเขาวิ่งตามเราออกมา เลยวิ่งออกมาดู ตอบไปอย่างนั้นพวกเขาเลยหมดความสนใจ ว่าแต่ไปก่อเรื่องอะไรมา สองหนุ่มนั่นถึงออกตามล่าหาตัวเราอย่างนั้น”

“มิ้นเปล่าก่อเรื่อง คนที่เก็บบัตรมิ้นไปต่างหาก ถ้าไม่เอาไปใช้ ก็คงไม่เกิดเรื่องวุ่นวาย” พูดแก้ตัวอุบอิบในลำคอ

“อะไรนะ? มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นนะ?”

“มิ้นค่อยเล่าดีไหมคะ เอาไว้พี่กลับมาแล้วค่อยเล่าให้ฟังดีกว่า ตอนนี้มิ้นไม่สะดวก แต่ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะคะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร มิ้นรับมือกับมันได้”

“ไม่ใหญ่โตแน่เหรอ? ลงว่าเป็นฝีมือมินตราแล้ว มีเรื่องไหนไม่ใหญ่โตบ้าง”

“พี่อัตน่ะ” มินตราค้อนลมค้อนอากาศ “แล้วนี่พี่อยู่ไหนคะ”

“กำลังจะขับรถไปส่งซาร่าห์”

“อ้อ...งั้นตามสบายค่ะ ไม่ต้องรีบกลับ อยู่ค้างกับซาร่าห์ก็ได้ มิ้นอยู่กับพี่ธันว์ได้”

“นี่สรุปจะยัดเยียดให้พี่ค้างกับซาร่าห์ให้ได้เลยใช่ไหม”

“มิ้นเปล่า แหม...นั่นไม่ใช่ความใฝ่ฝันของพี่หรอกหรือคะ?”

“มะเหงกแน่ะ พี่ไม่ได้หมกมุ่นขนาดนั้น เรื่องอย่างนี้มันเป็นความสมยอมของทั้งสองฝ่ายด้วย ไม่ใช่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เราน่ะชักจะแก่แดดไปแล้วนะ” อดกระหนาบความล้นของน้องสาวไม่ได้

หากอีกฝ่ายกลับไม่เกรงแม้แต่น้อย “นั่นไม่ยากสำหรับพี่อัตอยู่แล้วนี่คะ แล้วจะกลับมานอนบ้านเปล่า” ถามด้วยน้ำเสียงกระเซ้าในประโยคท้าย

“ดูก่อน”

มินตราหัวเราะทันที “โอเชค่ะ มิ้นไม่กวนพี่แล้ว เดตกับซาร่าห์ให้สนุกนะคะแล้วเจอกันพรุ่งนี้ค่ะ จุ๊บๆ” มินตราทำเสียงจุ๊บใส่กระบอกโทรศัพท์ รอยยิ้มสดใสกระจ่างตายังคงพร่างพรายอยู่บนใบหน้าขณะวางหูโทรศัพท์ เด็กสาวหันหลังกลับแล้วชะงักเมื่อเห็นว่าธันว์จ้องมาด้วยแววตาที่คมกริบ

“คิดว่าทำอะไรอยู่”

“ทำอะไรคะ”

“ก็เที่ยวยัดเยียดให้ใครต่อใครน่ะ มันเหมาะแล้วเหรอ”

มินตราแยกเขี้ยวใส่ “แอบฟังคนอื่นคุยโทรศัพท์ เขาเรียกว่ามารยาทไม่ดีรู้มั้ย”

“ก็ดีกว่าคุณแล้วกัน ชอบก่อเรื่องไปทั่ว แล้วนี่ไปก่อเรื่องอะไรถึงต้องรีบชิ่งกลับบ้าน ไม่รอเจ้าอัตน่ะ” บ่นพลางเดินตามหลังแม่ตัวยุ่งที่กำลังเดินไปทางห้องครัว

“มิ้นก่อเรื่องอะไร ก็แค่ยุพี่อัตให้เผด็จศึกซาร่าห์ก็แค่นั้น แหม...ตัวเองไม่มีน้ำยาก็อย่ามาหาเรื่องคนอื่นหน่อยเลยน่า”

“ว่าใครไม่มีน้ำยา?”

“ว่าพี่ธันว์แหละ” มินตราหันกลับมาแสยะยิ้มใส่เขา หากพลันต้องปะทะเข้ากับแผงอกกว้าง เพราะเธอหยุดโดยที่ธันว์ไม่รู้ตัว ศีรษะของเด็กสาวจึงกระแทกเข้ากับปลายคางของชายหนุ่ม เขาอ้าแขนออกรับร่างบางก่อนที่เธอจะเซถลา มือของคนทั้งสองประสานเข้าหากันโดยไม่ได้เจตนา มินตราหน้ามุ่ยเพราะโดนมือข้างที่เจ็บ

“ถอนคำพูดเรื่องที่ว่าผมไม่มีน้ำยา” ธันว์พูดเสียงเข้ม พลางเลื่อนวงแขนไปโอบแผ่นหลังเด็กสาว รัดแน่นเข้าอย่างต้องการสั่งสอน

เด็กสาวนิ่วหน้า พวงแก้มแม้จะสุกปลั่ง แต่ก็โต้ว่า “ถ้ามิ้นไม่ถอน พี่ธันว์จะทำอะไรมิ้นได้”

“อย่าท้าแม่ตัวแสบ คุณยังไม่รู้จักผมดี การที่ผมไม่ยุ่งกับซาร่าห์ ไม่ใช่เพราะไม่มีน้ำยา แต่เพราะไม่ต้องการเองต่างหาก เพราะฉะนั้นถอนคำพูด ถ้ายังไม่อยากเจ็บตัว”

“พี่จะหักแขนมิ้นรึไง ถ้ามิ้นไม่ถอนน่ะ”

“ไม่หักหรอก เด็กสาวๆ สวยๆ อย่างคุณมีตั้งร้อยแปดวิธีที่จะจัดการ” ธันว์โต้แล้วจ้องใบหน้าสวยหวานของเด็กสาว นิ่งอึ้งกับสายตาคมซึ้งที่มองสบมา ใจเขาเต้นแรง เกิดความรู้สึกราวกับกำลังจมลงไปในก้นทะเลลึกสีน้ำตาลเข้มของนัยน์ตาคู่นั้น ธันว์ค่อยๆ ลดสายตาสำรวจริมฝีปากสีกุหลาบ ก่อนเลื่อนมือทั้งสองประคองสองข้างแก้ม ปลายนิ้วหัวแม่มือเกลี่ยริมฝีปากล่างราวกับต้องการทดสอบความอ่อนนุ่ม อย่างช้าๆ ธันว์ลดศีรษะลงไปสัมผัส

เขาสำรวจเรียวปากนุ่มอย่างใจเย็น ทั้งที่ภายในร้อนระอุไปด้วยความปรารถนาจนเกือบสูญเสียการควบคุมตัวเอง รู้สึกปวดร้าวไปกับความต้องการ แต่กระนั้นเขาก็จำต้องบอกตัวเองให้ใจเย็นๆ อย่าตะกละตะกลามตักตวงน้ำผึ้งตรงหน้า ไม่เช่นนั้นเด็กสาวอาจตื่นตระหนกได้

สัมผัสแรกจากริมฝีปากของธันว์ บางเบาราวกับผีเสื้อขยับปีก กระนั้นกลับมีอานุภาพทำให้ช่องท้องเธอสั่นไหวรุนแรงราวกับมีผีเสื้อนับร้อยขยับปีกโบยบิน สัมผัสของเขาช่างอ่อนโยนและอ่อนหวานเหลือเกิน มินตรารู้สึกราวกับว่าพรมใต้เท้ากำลังโคลงเคลงจนเธอทรงตัวไม่อยู่ เด็กสาวจึงเลื่อนมือเกาะแขนอีกฝ่ายเพื่อยึดไว้เป็นหลัก

ธันว์ทดสอบความนุ่มนวลของกลีบปากสีสวยด้วยริมฝีปาก เรียวปากของเด็กสาวนุ่มและอ่อนหวาน ให้ความรู้สึกไม่ต่างจากไวน์รสเลิศ เขาลิ้มลองด้วยความรู้สึกหลงใหล ค่อยๆ บดเบียดลึกล้ำยิ่งขึ้น ธันว์ครางในลำคอกับรสชาติอ่อนหวานที่ได้รับ ปฏิกิริยาที่สั่นระริกราวกับลูกนกต้องลมหนาวและเปลือกตาที่หลับพริ้มราวกับยอมจำนน ก่อให้เกิดความรู้สึกซาบซ่านในหัวใจ จนเขาอดไม่ได้ที่จะแทรกปลายลิ้นเข้าไปในโพรงปากของเด็กสาว ก่อนจะสัมผัสหยอกล้ออย่างคนที่มากด้วยประสบการณ์

มินตรานิ่งงันในอ้อมแขนเขาราวกับคนที่ไร้กระดูก เธอทิ้งน้ำหนักทั้งตัวลงบนตัวเขา ปล่อยให้อ้อมแขนแข็งแกร่งกอดกระชับแน่น ไม่รู้เลยว่าคนตัวสูงกำลังยิ้มขำระคนเอ็นดู ธันว์รับรู้ได้ถึงร่างกายของตัวเองที่มีอิทธิพลต่อเด็กสาว และรับรู้ว่าปฏิกิริยาของเด็กสาวส่งผลกับร่างกายของเขาเช่นกัน ชายหนุ่มจูบหนักหน่วงอีกคำรบแล้วจึงรวบรวมพละกำลังดันร่างบางออกห่างเพียงเพื่อพิศใบหน้า สัมผัสของเขาเป็นไปอย่างอ่อนโยนนุ่มนวล

นัยน์ตาที่หลับพริ้มเมื่อครู่ค่อยๆ กระพือขึ้นมองเขา พวงแก้มเป็นสีแดงจัดราวกับผลตำลึงสุก เป็นภาพที่งดงามราวกับเทพธิดาตัวน้อย ธันว์จ้องดวงตาคู่สวยอย่างอดใจไม่อยู่ แววตาสีน้ำตาลไหม้มองมาที่เขาอย่างเทิดทูนและไว้เนื้อเชื่อใจ จนเขาต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้เสียเอง ธันว์คว้าร่างบอบบางมากอดกระชับอีกรอบเพื่อซ่อนแววตารู้สึกผิด

“พี่ขอโทษ” ธันว์พึมพำขอโทษกับสิ่งที่ทำลงไป เขาเปลี่ยนมาใช้สรรพนามว่าพี่โดยไม่รู้ตัว

“ทำไมต้องขอโทษ เป็นสิ่งที่สวยงามออก” เธอกระซิบอุบอิบ ยังคงซบหน้ากับซอกคอเขา

“เราไม่โกรธพี่เหรอ” ธันว์ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

มินตราส่ายหน้ากับซอกคอเขา หน้าแดงก่ำ

“ทำไมถึงไม่โกรธ” ธันว์ถามต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เขาพยายามปกปิดความรู้สึกที่อยากจะสัมผัสและลิ้มรสชาติความเป็นตัวเธอไปทั่วทั้งเนื้อทั้งตัว ความรู้สึกนั้นรุนแรงจนเขายังตกใจ

มินตราไม่ตอบในทันที เธอเลื่อนมือโอบแผ่นหลังเขาและขยับตัวเพื่อแนบแก้มของตัวเองกับซอกคอเขาให้ถนัดถนี่ยิ่งขึ้น กิริยานั้นทำให้ธันว์นิ่งอึ้งอย่างคาดไม่ถึง แต่ขณะเดียวกันก็เกิดความอิ่มเอิบในคราวเดียวกัน เขากอดกระชับเด็กสาวแนบเข้า โยกคลอนร่างบางไปมา ใจสองดวงต่างฟังเสียงเต้นของหัวใจกันและกัน

“มิ้นชอบจูบของพี่” เธอตอบอ้อมแอ้มด้วยกิริยาขวยเขิน

เสียงของมินตราแผ่วเบา จนเขาต้องเงี่ยหูฟัง ได้ยินถนัดแล้วเขาก็ชะงัก ธันว์เชยคางเด็กสาวขึ้นสบตา “ทำไมถึงชอบ”

มินตราทำหน้าเขินมากขึ้น โหนกแก้มแดงเรื่อ “พี่เป็นจูบแรกของมิ้น” เด็กสาวตอบไปอีกทาง

ธันว์อึ้ง รู้สึกอุ่นวาบเพิ่มขึ้น เขาก้มจูบหน้าผากเด็กสาว พลางถามเสียงนุ่ม “ไม่กลัวถูกเอาเปรียบเหรอ ใครๆ มักพูดว่าพี่เป็นผู้ชายเจ้าชู้ ไม่คิดจริงใจกับผู้หญิง”

มินตราเพิ่งสังเกตว่าเขาแทนตัวเองว่าพี่ เด็กสาวจึงคลี่ยิ้มอย่างถูกใจ “พี่ก็จริงใจกับผู้หญิงเสียสิ” เย้ากลับ แล้วพูดต่อว่า “มิ้นพูดเล่น มิ้นเชื่อว่าที่พี่ยังเจ้าชู้ เพราะยังไม่เจอใครที่ถูกใจต่างหาก ถ้าลงว่าเจอคนถูกใจจนรักจริง พี่ก็จะหยุดอยู่ที่ผู้หญิงคนนั้น พี่ธันว์เป็นคนดี”

ธันว์อึ้งเมื่อได้ยินน้ำเสียงหนักแน่นของมินตรา น่าแปลก...เขาไม่เคยมั่นใจในความเป็นคนดีมีศีลธรรมของตัวเอง แต่เด็กสาวซึ่งเพิ่งเจอกันไม่ถึง 48 ชั่วโมงคนนี้ เธอกลับเชื่อมั่นในความเป็นคนดีของเขา

น่าแปลก... ธันว์รู้สึกประหลาดใจ

“พี่ธันว์”

“ฮือ?” เขาขานรับพลางก้มมอง ชายหนุ่มเลื่อนมือเสยผมที่หล่นมาปรกหน้าให้เด็กสาวอย่างเบามือ

“จูบมิ้นเหมือนเมื่อครู่อีกได้ไหม”

ธันว์ชะงัก ถามเสียงไม่แน่ใจ “อะไรนะ? เรารู้เหรอเปล่าว่ากำลังขออะไรอยู่”

มินตรายิ้มอย่างเด็กแก่แดด “รู้สิ”

“ถ้าอย่างนั้น ทำไมยังขอ”

“ก็มิ้นชอบจูบของพี่นี่นา” มินตราตอบพลางเขี่ยแผงอกเสื้อเขาไปมา

“อย่าไปขออย่างนี้กับผู้ชายคนไหนนะ”

“ทำไม” มินตราเงยหน้าทันควัน

“ก็...ใครได้ยิน มีหวังดีใจจนเนื้อเต้น”

“มิ้นขอกับพี่คนเดียว”

ธันว์ยิ้ม รู้สึกลำบากใจกึ่งสุขใจ

“พี่จะให้มิ้นหรือเปล่า”

ธันว์จ้องหน้าเด็กสาวซึ่งกำลังเงยหน้าขึ้นสบตาเขาด้วยแววตารอคอย เขานึกชั่งใจว่าจะยอมเสี่ยงกับหมัดของอัตราเพื่อแลกกับอีกจูบดีหรือไม่ เพราะลำพังแค่จูบแรก...ถ้าหมอนั่นรู้ ก็คงไม่ปล่อยเขาไว้แน่ แต่อีกนั่นแหละเขายังไม่เคยเจอเด็กสาวคนไหนที่สดใสร่าเริง ช่างพูดช่างจาอย่างตรงไปตรงมาและช่างออดอ้อนฉอเลาะอย่างแม่สาวจอมป่วนคนนี้มาก่อนเลย

เขาอาจจะหลงเสน่ห์แม่สาวแก่แดดแสนซน แต่ช่างฉอเลาะคนนี้เข้าให้แล้วก็ได้... ธันว์นึกบอกกับตัวเอง

“ถ้าให้ มันจะไม่หยุดอยู่แค่จูบเดียวน่ะสิ”

“พี่จะจูบมิ้นอีกหลายทีเลยเหรอ” ย้อนถามอย่างพาซื่อ

ธันว์กลอกตาไปมากับความซื่อของเด็กสาว รู้สึกขำปนเอ็นดู สวรรค์ช่วย...เขาชอบจอมป่วนแสนสวยคนนี้มากเข้าไปทุกขณะแล้ว บอกกับตัวเองว่าถ้าจะโดนหมัดของพี่ชาย แต่ได้จูบจากน้องสาวเป็นการตอบแทน มันก็คุ้มแสนคุ้ม ธันว์นึกในใจขณะลดริมฝีปากปัดกลีบปากนุ่มของเธอ ท่วงท่าเป็นไปอย่างอ่อนโยน เขากดลึกลงบนเรียวปากนุ่มแล้วเอ่ยชิดกลีบปากชุ่มชื้นว่า “ถ้าพี่จูบหลายที เห็นทีเจ้าอัตคงล้มพี่ไม่เป็นท่าแน่ โทษฐานที่ล่อลวงน้องสาวมัน”

“พี่ไม่ได้ล่อลวง แต่มิ้น...” เด็กสาวพูดไม่ทันจบประโยคก็ต้องชะงักค้าง เมื่อธันว์กดริมฝีปากจูบลงมาหนักหน่วง คำพูดต่างๆ หายเข้าไปในลำคอของธันว์ แล้วบทเพลงรักที่สื่อสารด้วยภาษาทางกายก็ค่อยๆ บรรเลงขึ้น สัมผัสของมินตราค่อนข้างเคอะเขิน หากเป็นไปตามธรรมชาติตามสัญชาตญาณดั้งเดิมที่เรียกร้องมาจากเบื้องลึก ในจิตใจ เธอแหงนหน้าเพื่อให้เขาได้จูบอย่างถนัดถนี่ สองมือเรียวเล็กเลื่อนขึ้นโอบกระชับลำคอเขาเพื่อรั้งให้ลดลงมาแนบชิดยิ่งขึ้น

ธันว์ครางกับความอ่อนหวานนั้น รู้สึกราวกับตกลงไปในโถน้ำผึ้ง ยิ่งเด็กสาวแย้มริมฝีปากออกเพื่อเปิดรับการรุกของเขา เขาก็ยิ่งแทบคลั่ง เธอค่อยๆ สอดปลายลิ้นเข้ามาเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นเขา กิริยาของเด็กสาวเป็นไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ ไม่แน่ใจ หากกระนั้นก็เต็มใจที่จะเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ๆ เธอเลียนแบบทุกการสัมผัสของเขาอย่างลูกศิษย์ที่ดี เห็นได้ชัดว่ากิริยาเหล่านั้นเป็นไปอย่างไว้เนื้อเชื่อใจในตัวเขา เธอวางตัวเองไว้ในกำมือเขาอย่างเชื่อมั่นว่าเขาจะไม่เป็นอันตรายสำหรับตัวเธอ

มินตราเชื่อมั่นอย่างหมดใจว่าเขาจะเป็นคนที่ไว้ใจได้สำหรับเธอ ความรู้สึกนั้นมันทำให้ธันว์เกิดความอ่อนหวานในจิตใจ ความรู้สึกยามที่ได้รับความไว้วางใจจากใครสักคนอย่างปราศจากข้อสงสัยคลางแคลงใจ มันให้ความรู้สึกหวานปานน้ำผึ้ง และเป็นสุขล้ำอย่างนี้นี่เอง เขาอยากจะคลั่ง...มินตราอ่อนหวานเหลือเกิน

ธันว์นึกขณะตระกองกอดเด็กสาวโดยที่ริมฝีปากยังคงตะโบมจูบกลีบปากนุ่มไม่ผละห่าง บอกกับตัวเองให้ใจเย็นอย่าตะกละตะกลาม หากกระนั้นเขากลับควบคุมความรู้สึกร้อนรุ่มแปลกๆ ที่เกิดขึ้นไม่ได้ จูบที่เริ่มต้นอย่างเชื่องช้าและอ่อนโยน จึงค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นเร่าร้อนไปตามสภาวะจิตใจ ถึงตอนนี้ความรู้สึกพึงใจที่เคยมีต่อซาร่าห์เลือนหายไปหมดสิ้น กลับกลายเป็นภาพของเด็กสาวเข้ามาแทนที่ ในหัวมีแต่ภาพของมินตราในทุกอิริยาบถนับตั้งแต่ที่ได้รู้จักเธอเป็นครั้งแรก ไม่ว่าจะเป็นภาพนอนเหยียดยาวบนหิมะ ภาพสวมชุดนอนไม่รัดกุมของอัตราจนเห็นยอดอกชูชันภายใต้เสื้อยืด ภาพที่ทำมีดบาดมือและเขาทำแผลให้ ทุกบททุกตอนตอกย้ำถึงความคิดของตัวเองที่มีต่อเด็กสาวที่เขาอยากจะจูบอยากจะบดขยี้ริมฝีปากนับตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้เห็นหน้า ธันว์นึกในใจขณะที่ริมฝีปากบดเบียดกลีบปากนุ่มอย่างรุนแรงเร่าร้อน ราวกับต้องการกลืนกินเด็กสาวไปทั้งเนื้อทั้งตัวก็ไม่ปาน

จูบหนักหน่วงที่ราวกับจะกระชากจิตวิญญาณให้หลุดลอยออกจากร่างนั้น ทำให้เด็กสาวแทบจะทรงกายไม่อยู่ หัวใจพานจะหยุดเต้น กระนั้นมินตราก็ไม่เอ่ยปากท้วงกับกิริยาที่เร่าร้อนนั้น บอกกับตัวเองว่าธันว์ไม่ได้คิดร้ายกับเธอ ก็แค่อยากจะสัมผัสเธอจูบเธอเหมือนอย่างที่เธอเองก็ต้องการสัมผัสเขาจูบเขาไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ปลอบตัวเองอย่างนั้นแล้ว สภาพจิตใจก็กลับมาเป็นปกติ สามารถหายใจได้ทั่วท้องมากขึ้น

จังหวะที่เริ่มควบคุมปฏิกิริยาตัวเองไม่ให้สั่นไหวได้นั่นเอง สองมือหนาของธันว์ก็เลื่อนจากสีข้างขึ้นมาเกาะกุมทรวงอกเธอ มินตราสะดุ้งเฮือกอย่างทำอะไรไม่ถูก ใจเต้นไหวหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม กำลังชั่งใจว่าจะทำอย่างไรดี ใบหน้าคมสันก็ก้มงุดซุกไซ้ซอกคอ พลางขบเม้มดูดเน้นกับผิวอ่อนตรงแอ่งไหปลาร้าจนเธอขนลุกซู่ มินตราเริ่มคิดอะไรไม่ออก ทำได้เพียงแหงนหน้าเพื่อเบี่ยงหนีสัมผัสเขา แต่กลับกลายเป็นการเปิดโอกาสให้เขาสัมผัสซอกคอเธอได้มากขึ้น

ธันว์เริ่มสูญเสียการควบคุมตัวเองเมื่อได้กลิ่นนวลเนื้อหอมกรุ่นของเด็กสาว ใจอยากจะสัมผัสแนบชิดให้มากกว่านี้ ฉะนั้นอย่างช้าๆ ที่เขาเลื่อนใบหน้าซุกทรวงอกอวบอิ่ม เขางับปลายยอดอกผ่านเสื้อไหมพรมที่เธอสวมอยู่ มืออีกข้างเคล้นคลึงทรวงอกข้างที่ว่างผ่านเสื้อที่สวมอยู่

มินตราอ้าปากค้าง ความรู้สึกราวกับจะจมน้ำ เธอหายใจไม่ออก ใบหน้าแดงก่ำและเหยเก ไม่ทันได้นึกว่า ‘มันจะไม่หยุดอยู่แค่จูบเดียว’ จะหมายถึงการสัมผัสเนื้อตัวแนบชิดอย่างนี้ เธออยากจะผละถอยห่างจากเขาแต่กลับไม่มีเรี่ยวแรง จึงทำได้เพียงยืนนิ่งเป็นหุ่นไล่กาให้เขาสัมผัสเนื้อตัวได้ตามใจชอบ มินตราเกาะบ่าเขาแน่น ได้แต่อธิษฐานร้องขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้อะไรก็ได้มาดลใจให้เขาหยุดรุกราน เด็กสาวบอกกับตัวเองว่าเธอรักเขาและพร้อมที่จะเป็นของเขา แต่ต้องด้วยเหตุผลที่ว่าเขารักเธอ ไม่ใช่ยังคงเฟลิตกับผู้หญิงอื่นไม่เลือกหน้าอย่างนี้

ใช่...เธออยากให้เขารักและต้องการในตัวเธอ ด้วยความรักและอยากแต่งงานกับเธอ ไม่ใช่ต้องการด้วยความรู้สึกใคร่อย่างอารมณ์หญิงชายรักสนุกทั่วไป มินตรายังคงหาเรื่องอะไรมาคิดเรื่อยเปื่อยเพื่อทำให้ตัวเองไขว้เขวไปจากพฤติกรรมของเขาที่กำลังลิ้มรสสัมผัสเนื้อตัวเธออย่างใกล้ชิด จังหวะนั้นเองก็มีเสียงโทรศัพท์กรีดร้องดังขึ้นทางด้านหลัง มินตราถอนหายใจอย่างโล่งอก ขณะที่ธันว์ยังคงซุกหน้าแน่นิ่งอยู่กับทรวงอกเด็กสาวซึ่งบัดนี้มันโผล่พ้นจากสาบเสื้อซึ่งเป็นผลจากการที่เขาแกะรังดุมสองเม็ดบน

“โทรศัพท์มาค่ะ” มินตราพูดด้วยเสียงแหบห้าว น้ำเสียงแหบโหยและสั่นไหวอย่างควบคุมไม่ได้

เสียงโทรศัพท์ที่ยังคงกรีดร้องระงมเรียกสติสัมปชัญญะของธันว์กลับคืนมา เขายังคงหลับตาซุกหน้านิ่งๆ กับทรวงอกเด็กสาวอย่างพยายามควบคุมอารมณ์และเรียกสติตัวเองกลับคืนมา ความรู้สึกของเขาร้อนรุ่ม สั่นไหวและเปราะบางเหลือเกิน ราวกับกำลังยืนอยู่บนปากเหว อยากจะสัมผัส อยากจะลิ้มรสในตัวเด็กสาวไปตราบนานเท่านาน ความรู้สึกต้องการ...รุนแรงจนบีบคั้นเนื้อตัวเขาให้ครัดเคร่งเจ็บปวดรวดร้าวไปหมด หากกระนั้นเขาก็ต้องพยายามควบคุมมันไว้

ธันว์ผละเงยหน้าจากเด็กสาว แววตาที่ปรือด้วยแรงอารมณ์ก่อนหน้านี้ กลับมาว่างเปล่าอย่างไร้ความรู้สึกอีกครั้ง เขาเดินหนีจากเด็กสาว จึงไม่ทันเห็นร่างบอบบางที่สั่นไหว เนื้อตัวมินตราสั่นระริกรุนแรงอย่างต้านทานไม่อยู่ ที่สุดเธอจึงทรุดฮวบ นั่งกับพื้นอยู่ตรงนั้น

หัวใจยังคงเต้นกระหน่ำราวกับจะทะลุออกมาอยู่นอกทรวงอก...








Create Date : 27 เมษายน 2553
Last Update : 28 เมษายน 2553 20:47:13 น.
Counter : 710 Pageviews.

1 comments
  
-"ไม่ต้องมาหัวเราะกลบเกลื่อนเลย(ยายยมิ้น)....===>ยายมิ้น
โดย: mimny วันที่: 27 เมษายน 2553 เวลา:13:14:52 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คณิตยา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]









รู้จักคณิตยา/คีตฌาณ์

ก้าวสู่โลกแห่งการขีดเขียนในปี 2549 มีผลงานเป็นรูปเล่มกับสนพ.ในเครือสถาพรบุ๊คส์ทั้งหมด 11 เล่ม ไล่ตั้งแต่ รหัสทรชน ทางสายหมอก กุหลาบในเปลวไฟ ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ อริ...ที่รัก บอดี้การ์ด รักเพียงฝัน ตามรักข้ามเวลา ไฟรัก บันทึกแห่งรัก(the Book of Love) มิราเบลล์...ตราบคีตาบรรเลง เป็น 1 ในนิยายชุดแด่เธอที่รัก สาปรัก และใต้ปีกรัก

รหัสทรชน เป็นละครทางช่อง 3 เมื่อปี 2554 แสดงโดย เคน และชมพู่ สร้างโดยค่ายยูม่า และ ไฟรัก ได้รับการซื้อลิขสิทธิ์ไปแปลเป็นภาษาเวียดนาม วางแผงเดือนสิงหาคม 2556



พูดคุย ทักทาย แลกเปลี่ยนความเห็น และติดตามความเคลื่อนไหวได้ทาง fb โดยกดไลค์เป็นแฟนเพจได้ทาง https://www.facebook.com/keetacha?ref=hl ขอบคุณค่ะ

---------------


ตอนนี้อุ๋ยทยอยนำนิยายที่หมดลิขสิทธิ์กับพิมพ์คำไปวางจำหน่ายในรูปแบบ E-book บนเว็บ ebooks และเว็บ Mebmarket ค่ะ

ใต้ปีกรัก...ราคาอีบุ๊ก 179 บาท

บันทึกแห่งรัก...ราคาอีบุ๊ก 255 บาท จากราคาปก 310

ไฟรัก...ราคาอีบุ๊ก 279 บาท จากราคาปก 350 บาท

กุหลาบในเปลวไฟ...ราคาอีบุ๊ก 230 บาท



รหัสทรชน ราคาอีบุ๊ก 200 บาท จากราคา 300 บาท 673 หน้า





ทางสายหมอก ราคาอีบุ๊ก 265 บาท จากราคา 280 บาท 690 หน้า



ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ ราคาอีบุ๊ก 125 บาท จากราคา 180 บาท 360 หน้า



รวมเรื่องสั้น...ฉบับวัยหวาน ราคาอีบุ๊ก 45 บาท จากปก 55 บาท



อริ...ที่รัก ราคาอีุบุ๊ก 195 จากปก 240 บาท



หวานใจ...บอดีการ์ด...ราคาอีบุ๊ก 145 บาท จากปก 180 บาท



รักเพียงฝัน...ราคาอีบุ๊ก 225 จากปก 250 บาท



ตามรักข้ามเวลา...ราคาอีบุ๊ก 240 จากปก 270 บาท





















New Comments