Group Blog
All Blog
ตามรักข้ามเวลา...บท 2/2





มินตราออกมาจากห้องน้ำด้วยเสื้อคลุมของอัตรา เธอรื้อกระเป๋าเดินทาง คว้าเสื้อไหมพรมแบบผ่าหน้าและกางเกงยีนมาสวม ส่วนเสื้อผ้าในกระเป๋า เธอนำไปแขวนในตู้ของพี่ชาย แล้วจึงลงไปในครัว ตอนนี้อาการเดินขัดๆ เริ่มหายไปแล้ว บนเคาน์เตอร์มีอาหาร 2-3 อย่างวางอยู่ ส่วนใหญ่เป็นอาหารไทย มินตราตักข้าวมานั่งทาน แล้วจึงนำไปล้างอย่างตั้งใจไม่ให้ตกแตก เธอใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็คว่ำจานชามเรียบร้อย

หลังจากเสร็จอาหารมื้อนั้น เธอก็เตร็ดเตร่ออกไปยืนที่ระเบียง ลมหนาวพัดมาปะทะกรูใหญ่ จนต้องยอมแพ้ กลับเข้าไปสวมถุงมือ หมวกไหมพรมและเสื้อโค้ต อยู่ในบ้านไม่ค่อยหนาวเพราะมีฮีทเตอร์ เด็กสาวเตร่ไปทางสนามหญ้าหลังโรงจอดรถซึ่งบัดนี้ปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลนอันเป็นบริเวณที่ประตูมิติเวลาเปิดให้เดินทางข้ามมา เธอซุกมือในกระเป๋าเสื้อโค้ตแล้วแหงนหน้ามองขึ้นไปยังชั้นสอง จึงพบว่าบริเวณที่เธอข้ามเวลามา ตรงกับหน้าต่างห้องนอนของธันว์พอดี

มินตราเดินเตร่ไปทางหน้าบ้าน ผ่านโรงจอดรถขนาดกว้างพอเก็บรถได้ 2 คัน ทาสีเดียวกับตัวบ้าน เธอเดินย่ำบนหิมะหนานุ่มจนไปสุดประตูรั้วหน้าบ้าน ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เสียงกดออดดังขึ้นหน้าประตู เด็กสาวเงยหน้าขึ้นมอง ฉับพลันที่เห็นร่างสูงใหญ่ หน้าตาคมคายอย่างลูกครึ่งกำลังแบกเป้ไขกุญแจอยู่ เธอก็จำได้ทันทีว่าเป็นอัตรา มินตราเบิกตาโพลงอย่างยินดีแล้วถลาเข้าไปโถมกอดเขา

อัตราเปิดประตูรั้วเมื่อไขกุญแจเสร็จ ที่จริงเขาไม่ได้กดออด แต่มือไพล่ไปโดนโดยบังเอิญ จังหวะที่เด็กสาวโผเข้ามากอด เขาตกใจแต่ก็รีบอ้าแขนออกรับตามสัญชาตญาณ แรงโถมเข้ามากอดชนิดที่ทิ้งน้ำหนักทั้งหมดลงบนตัวเขา ทำให้อัตราเซถอยหลัง เขารีบกระชับร่างบางเพื่อประคองทั้งเธอและตัวเองไม่ให้ล้มคว่ำลงไปนอนวัดพื้น ขณะนี้จึงกลายเป็นภาพที่เขากำลังอุ้มเด็กสาวตัวลอยขึ้นจากพื้น โดยมีมือเรียวสองข้างของอีกฝ่ายโอบรอบคอเขาแน่น

ชายหนุ่มดันกายนุ่มออกห่างเล็กน้อยเพื่อพิศใบหน้า ระดับสายตาไม่ห่างกันนัก จึงเห็นความสวยคมของอีกฝ่ายชัดเจน อัตรารู้สึกแปลกใจที่มีสาวน้อยแปลกหน้าเข้ามาอยู่ในบ้าน แถมยังวิ่งถลามากอดเขาอย่างดีใจด้วย เขายังคงพินิจใบหน้าแบบลูกครึ่งตะวันตก-ตะวันออกของเด็กสาวเงียบๆ ใบหน้าเรียวรีล้อมกรอบด้วยผมยาวสลวยซึ่งบัดนี้ถูกรวบอยู่ด้านหลัง คิ้วหนาได้รูปสวยรับกับดวงตาคมสีน้ำตาลเข้ม จมูกเล็กแต่โด่งงามและริมฝีปากบางเป็นรูปกระจับ

สวยแอร่มยังกับแสงแดดยามเช้า...อัตราลงความเห็นแล้วต้องนิ่งอึ้งราวกับถูกน็อกเมื่อวงหน้าสวยราวกับเทพธิดาฉีกยิ้มกว้างให้เขาจนเห็นลักยิ้มสองข้าง เป็นการยิ้มเปิดเผย แลดูสดใสกระจ่างตา ท่วงท่าเด็กสาวแสดงออกชัดเจนว่าดีใจที่ได้เห็นเขา ชายหนุ่มยังคงอึ้งด้วยครุ่นคิดหาสาเหตุไม่ออกว่าทำไมเธอถึงแสดงท่าทางดีใจมากมายขนาดนั้น

“เฮ้...สาวน้อย ชอบก็ชอบอยู่หรอกนะที่มีเด็กสาวสวยๆ เหมือนอย่างเราวิ่งเข้ามากอด แต่ช่วยบอกเอาบุญหน่อยเถอะว่าพวกเราไปรู้จักมักจี่กันตอนไหน” อัตราถามแล้วส่งยิ้มให้อย่างอารมณ์ดี ในวัย 27 เขามีนิสัยขี้เล่นและเสน่ห์แรงไม่แพ้ธันว์

“...”

“ว่าไงเราเคยรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่า แต่หน้าตาสวยๆ อย่างนี้ ถ้าเคยรู้จักกันมาก่อน ผมต้องจำได้ไม่พลาดแน่” อัตราตั้งข้อสังเกตด้วยแววตาล้อเลียน ใบหน้าหวานซึ้งจ้องเขาอย่างเหลอหลา เขาจึงฉีกยิ้ม ก่อนจะยักคิ้วให้อย่างหนุ่มมากด้วยเสน่ห์

มินตรากะพริบตาถี่ๆ แววตาฉายรอยสนเท่ห์เต็มที่

“เอ้า...ทำหน้าบ้องแบ๊วอีก ผมถามว่าคุณเป็นใคร มาจากไหน และมาอยู่ที่บ้านผมได้อย่างไร”

“เซี้ยว!” เธอพูดขึ้นเมื่อหาลิ้นตัวเองเจอ เด็กสาวยื่นมือไปตบแก้มเขาซ้ายขวาข้างละ 1-2 ครั้งอย่างไม่เบานักราวกับจะเรียกสติ แล้วจึงครูดตัวเองลงมาจากตัวเขา

อัตราหน้าแดงก่ำเพราะแผงอกกว้างสัมผัสทรวงอกอิ่มที่เบียดชิดเนื้อตัว ในใจรู้สึกเสียดายกับเนื้ออุ่นๆ ที่เพิ่งผละจากอ้อมแขน เขากระแอมแล้วจึงถามว่า “ผมถามว่าเราเคยรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่า คงไม่สินะ...ผู้หญิงสวยๆ อย่างคุณ ถ้าเคยเจอผมต้องจำได้”

มินตราถลึงตาใส่ผู้เป็นพี่ชาย เพราะฝ่ายนั้นวาดลวยลายเจ้าชู้เหลือเกิน เธอก้มคว้าเป้ที่อยู่บนพื้นมาถือ ปล่อยเป้อีกใบเป็นหน้าที่ของเขา แล้วจึงเอื้อมมือข้างที่ว่างไปดึงประตูรั้วไม้มาปิด

“ผมถามว่าคุณเป็นใครและมาอยู่บ้านผมได้อย่างไร คุณยังไม่ตอบผมเลย” อัตราก้าวไปยื้อเป้จากเด็กสาว แต่เธอรีบขยับเท้าหนี

“เดี๋ยวมิ้นถือให้” มินตราตอบแล้วเหวี่ยงสะพายหลัง ก่อนจะเดินนำเข้าไปในบ้าน

อัตรามองตามหลังอย่างไม่เข้าใจนัก เขายืนนิ่งราวกับตุ๊กตาหิมะ ชะรอยเธอคงรู้จึงตะโกนกลับมาโดยไม่เหลียวมามองว่า “จะยืนแข็งตายอยู่ตรงนั้นก็ตามใจนะ”

เขาส่ายหน้าอย่างระอาแกมเอ็นดู แล้วจึงเดินเข้าไปในบ้าน ถึงห้องนั่งเล่น เขาถอดเสื้อโค้ตพลางถามว่า “ตอบผมได้หรือยังว่าคุณเป็นใคร เพื่อนเจ้าธันว์เหรอ”

มินตราประวิงเวลาด้วยการเดินไปรินน้ำมายื่นให้เขา แล้วจึงกล่าวไปอีกทางว่า “พี่อัตไปเที่ยวที่ไหนกับแฟนมานี่ถึงได้แบกเป้หลายใบกลับมาบ้าน”

“แค่สอง”

“ก็นั่นแหละ”

อัตราขมวดคิ้ว “คุณรู้จักชื่อผมได้อย่างไร”

“พี่ธันว์บอก”

“อ้อ... นี่คุณเป็นเพื่อนเจ้าธันว์เหรอ... หรือว่าเด็กใหม่ของเขา?” ประโยคหลังอัตราถามด้วยเสียงไม่แน่ใจ ไม่รู้ตัวเลยว่าน้ำเสียงคาดหวังให้อีกฝ่ายตอบปฏิเสธ แต่รู้ว่าคงเป็นไปได้ยาก เพราะลงว่าเข้ามาอยู่บ้านนี้ โดยที่ไม่ได้รู้จักมักจี่กับเขา ก็เหลืออยู่ทางเดียว...เด็กเจ้าธันว์ อัตรานึกอย่างเสียดายหน่อยๆ

มินตราเข้าใจความหมายของคำว่า ‘เด็ก’ ดี เลือดฝาดจึงพุ่งสู่พวงแก้มทั้งสองข้าง เธอเชิดปลายคางแล้วตอบว่า “เปล่าค่ะ แต่สักวันมิ้นจะแต่งงานกับพี่ธันว์ให้ได้”

อุแม่เจ้า... อัตราอุทานในใจ พลางกระแอมอย่างคนสำลักน้ำแล้วรีบวางแก้วลงบนโต๊ะ มือตบท้ายทอยไปมา เขารู้สึกว่าอากาศหายใจลดน้อยลงไปในทันที

“แม่หนูรู้อะไรหรือเปล่า อายุขนาดหนูน่ะยังอยู่ในเกณฑ์พรากผู้เยาว์นะ”

“ขอโทษมิ้นอายุ 19 ปีแล้ว”

อัตราอึ้ง หลุดปากพึมพำว่า “เหลือเชื่อ...หน้าคุณเด็กมาก ถ้าบอกว่า 15-16 ปี ผมคงไม่สงสัย”

มินตราไม่ตอบกับการตั้งข้อสังเกตนั้น เธอเอ่ยไปอีกทางว่า “พี่อัตยังไม่ตอบมิ้น พี่ไปเที่ยวที่ไหนมา”

“ไปเล่นสกี ว่าแต่คุณเถอะจะไม่บอกผมหน่อยเหรอว่าเป็นใคร มาจากไหนและรู้จักกับเจ้าธันว์ได้อย่างไร”

มินตราจ้องใบหน้าคมสันของอัตรา พี่ชายของเธอหล่อเหลาอย่างหาตัวจับยาก แม้จะเคยเห็นรูปถ่ายในสมัยหนุ่มๆ ของเขาอยู่บ้าง แต่เมื่อมาเห็นตัวจริง แทบจะเรียกว่ายังไม่ถึงครึ่งของตัวจริง อัตรากับธันว์หล่อบาดใจอย่างข่มกันไม่ลงจริงๆ เธอไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมคนทั้งคู่ถึงเจ้าชู้ เพราะหน้าตาดีมากขนาดนี้ โอกาสที่จะเลือกและเปลี่ยนผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าจึงเป็นไปได้สูงมาก

“ถ้ามิ้นพูดแล้ว พี่อัตจะยอมเชื่อหรือเปล่าล่ะ”

“ลองพูดมาก่อนสิ”

มินตรามองผู้เป็นพี่ชายอย่างประเมิน ชั่งใจครู่หนึ่งจึงตอบว่า “พี่อัตจำน้องสาวตัวเองได้หรือเปล่า”

“น้องสาว? คุณหมายถึงเจ้ามิ้นที่อยู่เมืองไทยน่ะเหรอ จำได้สิ ทำไมจะจำไม่ได้ น้องสาวของผมแท้ๆ”

มินตรานิ่วหน้า เธอรู้สึกว่าตัวเองเริ่มต้นได้ไม่สวยนัก เด็กสาวเริ่มต้นใหม่ว่า “เอาใหม่... มิ้นถามว่าพี่อัตเชื่อเรื่องย้อนเวลากลับมาในอดีตหรือเปล่าคะ”

“ย้อนเวลา?” อัตราทวนคำ

“ใช่ค่ะ...ย้อนเวลา”

“ไม่เชื่อเด็ดขาด” อัตราตอบพลางส่ายหน้า

“งั้นถ้ามิ้นบอกว่ามิ้นเป็นผลลัพธ์ของการพิสูจน์เรื่องการเดินทางข้ามเวลาล่ะคะ พี่จะเชื่อหรือเปล่า” มินตราจ้องหน้าพี่ชายซึ่งกำลังมองตรงมาที่เธอด้วยแววตาไม่เชื่อถือ “มิ้นเป็นความสำเร็จที่เกิดจากการทดลองข้ามมิติเวลาของปู่เอ็ดเวิร์ด ในปี ค.ศ. 2008 ปู่เราสามารถผลิตเตียงเทเลพอร์เทชั่นได้สำเร็จ”

“ปู่เรา...เอ็ดเวิร์ดน่ะเหรอ” ทวนคำราวกับเป็นนกเอี้ยงนกขุนทองไปแล้ว อัตราต้องใช้เวลาอยู่พักใหญ่ในการทำความเข้าใจกับคำพูดของเด็กสาว

“ใช่ค่ะ เอ็ดเวิร์ดปู่ของเรา”

ใช้เวลาอีกครู่ใหญ่ๆ เพื่อตรองตามคำพูดของอีกฝ่าย อัตราเพิ่งสังเกตว่าเด็กสาวแทนตัวเองด้วยชื่อ ‘มิ้น’ ซึ่งเป็นชื่อเล่นของน้องสาวเขา “ถ้าอย่างนั้น คุณกำลังจะบอกว่าคุณเป็นยายมิ้นน้องสาววัย 11 ปีของผมอย่างนั้นเหรอ?”

“นั่นล่ะทั้งหมดที่มิ้นพยายามอยู่ มิ้นอยากจะบอกว่ามิ้นเป็นคนเดียวกับมินตราน้องสาวอายุ 11 ของพี่จริงๆ”

“สวรรค์ช่วย เป็นไปไม่ได้ น้องผมเพิ่งจะสิบเอ็ด จะโตเป็นสาวเต็มตัวเหมือนคุณได้อย่างไร” อัตราค้านเสียงหลง น้ำเสียงบอกชัดเจนถึงความไม่เชื่อถือ เขามองเด็กสาวราวกับเห็นมนุษย์จากนอกโลก

“แล้วถ้ามิ้นยืนยันว่ามิ้นคือเด็กคนนั้นจริงๆ ล่ะคะ มิ้นเป็นน้องสาวของพี่คนนั้นจริงๆ เพียงแต่มิ้นมาจากกาลเวลาในอนาคต พี่อัตจะว่าอย่างไร”

“เป็นไปไม่ได้หรอก ไม่มีทางเป็นไปได้ คนสองคนจะมาอยู่ในเวลาเดียวกันได้อย่างไร”

“แต่มันเป็นไปแล้ว ด้วยผลจากการทดลองของปู่เราสามารถส่งมิ้นมาอยู่ในช่วงเวลาเดียวกับตัวของมิ้นเองในวัย 11 ปี เพียงแต่อยู่คนละประเทศกันเท่านั้น พี่จะอธิบายปรากฏการณ์คนสองคนในโลกใบเดียวกันนี้ว่าเป็นไทม์พาราด็อกซ์<1> หรืออะไรก็ช่าง แต่ปัญหาคือมิ้นไม่สามารถไปเจอตัวเองที่อยู่ในวัย 11 ปีได้ เพราะถ้ามิ้นไปเจอ มิติของกาลเวลาจะดูดทั้งมิ้นและเด็กคนนั้นหายสาปสูญไปจากโลกนี้จริงๆ เพราะฉะนั้นกฎข้อหนึ่งของการเดินทางข้ามเวลาคือ คนสองคนอยู่ในเวลาเดียวกันได้ แต่จะต้องไม่อยู่ในที่ที่เดียวกัน”

อัตราครางในลำคอ ทุกอย่างบ้าไปหมดแล้ว เขาไม่อยากเชื่อ หากกระนั้นลึกๆ ในใจเริ่มเอนเอียงไปทางเด็กสาว เพราะเอ็ดเวิร์ดปู่ของเขาเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่สนใจเรื่องการเดินทางข้ามเวลาเป็นอย่างมาก



“ในราวต้นปีค.ศ. 2000 องค์กรอีโอเอชอาร์ พยายามคิดค้นทฤษฎีต่างๆ เพื่อใช้ในการเดินทางข้ามเวลาและมีการพัฒนาทฤษฎีเหล่านั้นมาโดยตลอด จวบจนกระทั่งได้มอบหมายให้นักวิทยาศาสตร์ในสังกัดไปประดิษฐ์เครื่องเดินทางข้ามเวลาโดยอาศัยทฤษฎีเหล่านั้นมาใช้ มีการลองผิดลองถูกเรื่อยมา กระทั่งในปีค.ศ.2008 ซึ่งเป็นปีที่มิ้นเดินทางมาจากกาลเวลาของมิ้น ปู่ของพวกเราได้ทดลองสิ่งประดิษฐ์ดังกล่าวสำเร็จ เอ็ดเวิร์ดสามารถประดิษฐ์เตียงเทเลพอร์เทชั่นเพื่อย้อนเวลามาในอดีตได้จริงๆ” มินตราจบประโยคยืดยาวด้วยการส่งยิ้มปลอบประโลมให้อัตรา เธอรู้ว่าเวลานี้เขาคงกำลังช็อก หลังจากอีกฝ่ายเริ่มปรับสภาพจิตใจ เธอก็เริ่มต้นเล่าเรื่องราวขององค์กรอีโอเอชอาร์ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางข้ามเวลาให้เขาฟัง

อัตรายังคงพูดอะไรไม่ออก สมองพยายามลำดับเหตุการณ์และพยายามทบทวนเรื่องราวตามที่เด็กสาวพูด ทว่าเขาก็รู้สึกหงุดหงิดกับตัวเองเหลือเกินที่ดูเหมือนคิดตามได้เชื่องช้า ชายหนุ่มบอกกับตัวเองว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดเข้าเค้าและดูแล้วไม่มีเหตุผลที่จะปั้นน้ำเป็นตัวมาหลอกลวงต้มตุ๋นเขา กระนั้นเรื่องราวทั้งหมดก็ยังเหลือเชื่ออยู่ดี

มินตรามองหน้าเขาซึ่งเห็นความสับสนได้ชัดเจน เธอเสริมว่า “เอ็ดเวิร์ดได้ทดลองไทม์แมชชีนเครื่องนั้นด้วยการส่งลูกสุนัขเดินทางข้ามเวลามายังอดีต แต่ยังไม่เคยทดลองส่งคนมา มิ้นถือเป็น ‘มนุษย์ทดลอง’ คนแรกของปู่ เพราะฉะนั้นมิ้นอยากให้พี่เชื่อว่ามิ้นเป็นน้องสาวของพี่ที่เกิดห่างจากพี่ 16 ปีคนนั้นจริงๆ”

สิ้นคำพูดของเด็กสาว แก้วที่ถืออยู่ในมือของอัตราก็ตกกระแทกพื้น เศษแก้วแตกออกเป็นเสี่ยงๆ อัตรามีอาการมือไม้อ่อนในทันทีที่ได้ยินคำยืนยันของอีกฝ่าย

มินตรานิ่วหน้า ปฏิกิริยาที่คาดไม่ถึงของอัตราอยู่เหนือความคาดหมายของเธอ เขาคงตกใจกับเรื่องราวทั้งหมดที่ได้ฟัง เธอเดินไปคว้าไม้กวาดและที่โกยผงมาเก็บกวาดเศษแก้ว

อัตราเอ่ยปากดุ “ไม่ต้อง เดี๋ยวผมจัดการเอง” เสียงเข้มโดยไม่รู้ตัว พร้อมกับแย่งไม้กวาดจากมือเด็กสาวมาเก็บกวาดด้วยอาการเลื่อนลอย อากัปกิริยาของอัตราเต็มไปด้วยรอยครุ่นคิด ฉะนั้นตอนที่ก้มเก็บเศษแก้วชิ้นใหญ่ใส่ลงที่โกยผง จึงตำนิ้วมือโดยไม่รู้ตัว เขาสบถพลางสะบัดมือเร่า

“เศษแก้วตำมือเหรอคะ เจ็บหรือเปล่า” มินตราร้องอย่างตกใจราวกับเป็นคนเจ็บตัวเสียเอง น้ำเสียงของเธอบอกถึงความร้อนใจอย่างมาก เด็กสาวถลาไปทรุดนั่งข้างเขาพร้อมกับจับมือหนาขึ้นมาพินิจ เธอเห็นบาดแผลลึกจึงเงยหน้ายิ้มแหยๆ ให้เขา “แผลลึกมาก เลือดไหลเต็มเลย”

“ไม่เป็นไร อย่าเข้ามา แถวนี้เศษแก้วกระจายอยู่ทั่วไปหมด คุณไปนั่งรอในห้องครัวเถอะ เดี๋ยวตรงนี้ผมจัดการเอง เสร็จแล้วจะตามเข้าไป” อัตราพูดแล้วพยายามดึงมือมาจากเด็กสาว แต่อีกฝ่ายกลับยื้อไว้ไม่ยอมปล่อย

“มิ้นสวมรองเท้าสลิปเปอร์ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”

“ผมบอกว่าไม่เป็นไร ก็ไม่เป็นไรสิ ไปรออยู่ในห้องครัวไป”

“แต่เลือดไหลไม่หยุด พี่ต้องห้ามเลือดก่อน”

“ผมรู้น่า เดี๋ยวจัดการเอง ไปเถอะ”

มินตรายังคงมองอย่างละล้าละลัง แววตาสะท้อนความห่วงใยไม่ปิดบัง เธอเห็นปลายนิ้วของเขามีเลือดแดงฉานหยดติ๋งๆ ก็ให้รู้สึกเจ็บแทนผู้เป็นพี่ชาย

“ไปสิ!” เขาถลึงตาเอ่ยปากไล่อีกคำรบเมื่อเห็นท่าทางลังเลของเด็กสาว

“ล่วมยาอยู่ไหนคะ มิ้นหมายถึงพวกยาฆ่าเชื้อและผ้าก๊อซ” เธอเลื่อนสายตาขึ้นจ้องเขา

อัตรานิ่วหน้า ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “เธอนี่จอมเซ้าซี้ แล้วก็หัวดื้ออย่างวายร้าย ถ้าฉันไม่ยอมตามใจเธอ...เธอก็คงไม่ยอมไปสินะ” น้ำเสียงกรุ่นโกรธ และเปลี่ยนมาใช้สรรพนามเธอฉันอย่างสะกดกลั้นอารมณ์ไม่อยู่ เขาจะบอกเด็กสาวได้อย่างไรว่าที่พยายามไล่เธอทั้งทางอ้อมและทางตรงอยู่ในขณะนี้เพราะใจไม่แข็งพอ...เขาไม่อาจมีสมาธิ ในขณะที่เธออยู่ใกล้ๆ ได้ เนื่องจากทำให้จิตใจเขาแกว่งไกวจนไม่สามารถจดจ่ออยู่กับการเก็บกวาดเศษแก้วได้

ทั้งที่เป็นงานง่ายแสนง่าย ขอให้นรกแตกเถอะ! อัตรานึกสบถ

มินตราขมวดคิ้วมุ่นกับท่าทีฉุนเฉียวของเขา “มิ้นก็แค่อยากทำแผลให้พี่ก่อน ไม่อยากเห็นเลือดไหลหมดตัวจนเปรอะพื้นไปทั่ว พี่คิดว่าสนุกนักหรือไง แล้วคิดว่าต้องเก็บกวาดทำความสะอาดกี่รอบกันกว่าจะเรียบร้อย ทั้งเศษแก้วทั้งหยดเลือดน่ะ”

อัตราขบกรามแน่น เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกจนหนทางกับเพศที่เรียกว่า ‘ผู้หญิง’ เขาแบมืออย่างยอมจำนน “โอเคๆ ผมยอมแพ้แล้ว ผมจะยอมตามคุณเข้าไปในครัว จะยอมให้คุณทำแผลให้ดีๆ พอใจเหรอยัง”

มินตรายิ้มออก “พอใจค่ะ แล้วล่วมยาอยู่ตรงไหนคะ”

“อยู่ในห้องน้ำติดกับห้องครัว คราวนี้จะยอมย้ายก้นออกไปจากตรงนี้ได้หรือยัง” อัตราถามด้วยน้ำเสียงขุ่นๆ เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าโกรธอะไร รู้แต่ว่าวันนี้ไม่มีอะไรเป็นไปดังใจเขาสักอย่าง ไปเล่นสกีกับคู่เดตแต่เขาพบว่าเธอเป็นผู้หญิงที่เรียกร้องความสนใจมากเกินพอดี กลับมาแล้วก็โทรหาซาร่าห์ เพราะตั้งใจจะทำเซอร์ไพรส์ด้วยการพาไปดินเนอร์ แต่รูมเมตของเธอบอกว่าซาร่าห์ออกไปกับเจ้าเพื่อนตัวแสบแล้ว แถมมีแนวโน้มว่าจะอยู่ค้างคืนด้วยกันเพราะนัยว่าธันว์พาไปเที่ยวต่างเมือง พอกลับมาถึงบ้าน...ก็พบเด็กสาวใบหน้าจิ้มลิ้มคนนี้โผเข้ามากอด เธอสวยสดใสยังกับแสงแดดยามเช้า เขารู้สึกถูกชะตา ทว่าเจ้าตัวกลับลั่นปากว่าสักวันจะแต่งงานกับธันว์ให้ได้ แถมยังบอกด้วยว่าเป็นน้องสาวแท้ๆ ของเขา

พระเจ้าช่วย...ให้มันได้อย่างนี้สิ นี่วันมหาวิปโยคอะไรของเขานะ ให้ตายเถอะ!


*******************

<1>ไทม์พาราด็อกซ์ (Time Paradox) : การขัดแย้งทางเวลา








Create Date : 18 เมษายน 2553
Last Update : 27 เมษายน 2553 1:59:36 น.
Counter : 756 Pageviews.

3 comments
  
เอ่อ พี่อัตแอบคิดไรกะหนูมิ้นป่าวเนี่ย

แหม ถ้าไม่ติดว่าเป็นพี่หนูมิ้นนะจะเชียร์พี่อัตอีกคน อิอิ
โดย: Hero's girl วันที่: 18 เมษายน 2553 เวลา:21:31:43 น.
  
ดีจ้าน้องเนส ถ้าเชียร์พี่อัต เห็นทีจะมีคนอกหักเพิ่มขึ้นแน่ ^__^
โดย: คณิตยา วันที่: 18 เมษายน 2553 เวลา:22:25:08 น.
  
-ฮีทเตอร์===>ฮีตเตอร์
โดย: mimny วันที่: 26 เมษายน 2553 เวลา:16:30:08 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คณิตยา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]









รู้จักคณิตยา/คีตฌาณ์

ก้าวสู่โลกแห่งการขีดเขียนในปี 2549 มีผลงานเป็นรูปเล่มกับสนพ.ในเครือสถาพรบุ๊คส์ทั้งหมด 11 เล่ม ไล่ตั้งแต่ รหัสทรชน ทางสายหมอก กุหลาบในเปลวไฟ ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ อริ...ที่รัก บอดี้การ์ด รักเพียงฝัน ตามรักข้ามเวลา ไฟรัก บันทึกแห่งรัก(the Book of Love) มิราเบลล์...ตราบคีตาบรรเลง เป็น 1 ในนิยายชุดแด่เธอที่รัก สาปรัก และใต้ปีกรัก

รหัสทรชน เป็นละครทางช่อง 3 เมื่อปี 2554 แสดงโดย เคน และชมพู่ สร้างโดยค่ายยูม่า และ ไฟรัก ได้รับการซื้อลิขสิทธิ์ไปแปลเป็นภาษาเวียดนาม วางแผงเดือนสิงหาคม 2556



พูดคุย ทักทาย แลกเปลี่ยนความเห็น และติดตามความเคลื่อนไหวได้ทาง fb โดยกดไลค์เป็นแฟนเพจได้ทาง https://www.facebook.com/keetacha?ref=hl ขอบคุณค่ะ

---------------


ตอนนี้อุ๋ยทยอยนำนิยายที่หมดลิขสิทธิ์กับพิมพ์คำไปวางจำหน่ายในรูปแบบ E-book บนเว็บ ebooks และเว็บ Mebmarket ค่ะ

ใต้ปีกรัก...ราคาอีบุ๊ก 179 บาท

บันทึกแห่งรัก...ราคาอีบุ๊ก 255 บาท จากราคาปก 310

ไฟรัก...ราคาอีบุ๊ก 279 บาท จากราคาปก 350 บาท

กุหลาบในเปลวไฟ...ราคาอีบุ๊ก 230 บาท



รหัสทรชน ราคาอีบุ๊ก 200 บาท จากราคา 300 บาท 673 หน้า





ทางสายหมอก ราคาอีบุ๊ก 265 บาท จากราคา 280 บาท 690 หน้า



ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ ราคาอีบุ๊ก 125 บาท จากราคา 180 บาท 360 หน้า



รวมเรื่องสั้น...ฉบับวัยหวาน ราคาอีบุ๊ก 45 บาท จากปก 55 บาท



อริ...ที่รัก ราคาอีุบุ๊ก 195 จากปก 240 บาท



หวานใจ...บอดีการ์ด...ราคาอีบุ๊ก 145 บาท จากปก 180 บาท



รักเพียงฝัน...ราคาอีบุ๊ก 225 จากปก 250 บาท



ตามรักข้ามเวลา...ราคาอีบุ๊ก 240 จากปก 270 บาท





















New Comments