Group Blog
All Blog
ตามรักข้ามเวลา...บท 3/1




อัตราเขย่งหยิบขวดยาและอุปกรณ์ทำความสะอาดบาดแผลจากในตู้ลอยลงมา โดยมีแม่จอมยุ่งยืนเกาะขอบประตูดูอยู่ จากนั้นไม่นานเขาเห็นจากหางตาว่าเธอเดินกลับไปที่ครัว พร้อมทั้งส่งเสียงบ่นลอยมาเข้าหูเขาว่า

“ทำไมไม่ทำสัญลักษณ์ตู้ยา เกิดหยิบผิดหยิบถูกขึ้นมาจะทำอย่างไร”

อัตรากลอกตาไปมา ก่อนจะถืออุปกรณ์ทำแผลตามเข้าไปในครัว ”ไม่มีใครต๊องพอจะแยกแยะไม่ออกหรอกว่าไหนขวดยา ไหนขวดแชมพู ป้ายฉลากก็บอกอยู่” เขาโต้เด็กสาว พลางวางอุปกรณ์ทุกอย่างทั้งขวดยาล้างแผล ยาสมานแผล ผ้าก๊อซและกรรไกรลงบนเคาน์เตอร์อย่างกระแทกกระทั้น แล้วจึงหันไปสบตากับเด็กสาวซึ่งนั่งหมิ่นเหม่อยู่บนขอบโต๊ะ

มินตราถลึงตาใส่พี่ชาย ก่อนจะเถียงอย่างไม่ยอมแพ้ว่า “มีสิ... ก็พวกขี้เหล้าไง ไม่แน่หรอก อาจจะเมาขาดสติ จนเผลอหยิบขวดยาฆ่าเชื้อมาใส่ปาก เพราะหลงคิดว่าเป็นน้ำยาบ้วนปากก็ได้”

เขาแยกเขี้ยวใส่ “คุณว่าใคร”

“ว่าพี่แหละ” มินตราแสยะยิ้มตอบ

“ตู้อยู่สูงขนาดนั้น ต้องอาศัยการเขย่งถึงจะเอื้อมถึง คุณคิดว่าคนเมาจะมีปัญญายืนได้ตรงแหน่วจนเอื้อมหยิบได้ไหมล่ะ”

มินตราลอยหน้าไม่รู้ไม่ชี้ เธอกระโดดลงจากโต๊ะและกระตุกมือเขาไปทางซิงก์ แหย่นิ้วที่มีบาดแผลใต้ก๊อกน้ำพร้อมกับเปิดน้ำราดแผล จึงเกิดเสียงโวยวายจากอัตราขึ้นทันที

เขากระตุกมือกลับ พลางว่า “นั่นคุณทำอะไรน่ะ ใครเขาให้เอาแผลไปล้างน้ำ เขาใช้น้ำยาฆ่าเชื้อด้วยกันทั้งนั้น”

มินตราทำหน้าเก้อกระดาก เธอพูดอุบอิบว่า “ก็มิ้นไม่รู้นี่นา มิ้นมองไม่เห็นแผล เลือดกบปากแผลหมด ถ้ามองไม่เห็นแผลแล้วมิ้นจะรู้ได้อย่างไรว่ายังมีเศษแก้วตำนิ้วอยู่หรือเปล่า” เถียงอย่างไม่ลดละแล้วหันไปปิดก๊อกน้ำ เธอลากข้อมือเขากลับมายังเคาน์เตอร์

อัตรากลอกตาไปมา เขายื่นมือข้างที่ว่างไปอังหน้าผากเด็กสาว “ตัวก็ไม่ร้อนนี่ เพราะฉะนั้นอย่าไปบอกใครนะว่าคุณเป็นน้องสาวของผม”

“ทำไม...เป็นน้องสาวของพี่แล้วเป็นไง” มินตราเงยหน้าค้อนเขา

“ผมอาย” อัตราตอบหน้าตาเฉย

“พี่อัตน่ะ” มินตราทุบอกเขาไปพลั่กหนึ่ง ก่อนจะแยกเขี้ยวใส่แล้วก้มดูบาดแผลต่อ “เห็นไหมยังมีเศษแก้วตำอยู่อีกชิ้นหนึ่ง นี่ถ้ามิ้นไม่ล้างน้ำ จะมองเห็นไหมเล่าว่าพี่น่ะเอาเศษแก้วออกไม่หมด” ตอนท้ายพูดข่มอย่างผู้ชนะ แล้วพลันที่เงยหน้ามองเขา เธอก็ชะงักยิ้มค้าง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายจ้องมาไม่กะพริบตาด้วยแววตายากจะหยั่งถึง มินตราเลิกคิ้วสูง เธอถามเสียงเบาว่า “พี่อัตมีอะไรเหรอคะ ทำไมมองมิ้นอย่างนั้น”

อัตราไม่ตอบแต่รีบเสมองไปทางที่ล้างจ้าน เขาจะบอกเด็กสาวได้อย่างไรว่าริมฝีปากที่ช่างจำนรรจานั้นน่า... ชายหนุ่มถอนหายใจ รีบสลัดความคิดชวนวาบหวามออกไป เขาเพ่งมองอ่างล้างจานแล้วหัวคิ้วก็ย่นเข้าหากันเมื่อเพิ่งสังเกตเห็นว่าชั้นข้างซิงก์เต็มไปด้วยจานชามที่ถูกจัดวางอย่างไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย เนื่องจากสูงต่ำสลับกันไปมา ดูระเกะระกะ

เจ้าธันว์ทำงานไม่เรียบร้อยเหมือนใครเขาเป็นเหมือนกันหรือนี่... อัตรานึกอย่างแปลกใจ

มินตราจ้องใบหน้าคมสันของพี่ชายอีกครู่หนึ่ง แล้วจึงละสายตากลับมามองงานในมือ “พี่มีแหนบไหม มิ้นต้องคีบเอาเศษแก้วออก มันเล็กและฝังอยู่ลึกเกินไป มิ้นดึงขึ้นมาไม่ได้”

อัตราหันมามองเด็กสาว “มี แต่อยู่ในตู้ เดี๋ยวผมไปหยิบให้” เขาก้าวไปหยิบมาให้คนถามเงียบๆ ตาเฝ้ามองยามที่อีกฝ่ายคีบเศษแก้วขึ้นมาจากบาดแผลอย่างระวัง เขารู้สึกได้ว่าเธอพยายามทำให้เบามือมากที่สุด

สายตาคมกล้ายังคงพินิจเด็กสาว พวงแก้มเป็นสีชมพูระเรื่อจากเลือดฝาด ปากแดงสดเป็นรูปกระจับ และตาหลุบต่ำมองแผลที่นิ้วเขาจนเห็นแพขนตายาวงอน กิริยาของเธอเป็นไปอย่างตั้งใจทำงานในมือและดูเหมือนกำลังลุ้นเต็มที่ อัตราเฝ้ามองอากัปกิริยานั้นเงียบๆ โดยไม่พูดอะไร เขาเกิดความรู้สึกเอ็นดูจนเผลอยิ้มออกมา สายตาที่เฝ้ามองจึงทอดอ่อนโยนโดยไม่รู้ตัว

“ออกแล้ว” มินตราร้องอย่างดีใจ เธอคีบเศษแก้วเล็กๆ นั่นมาวางบนฝ่ามือ ก่อนจะประคองไปทิ้งในถังขยะ ทุกอิริยาบถอยู่ในสายตาของอัตราตลอดเวลา เด็กสาวเดินกลับมาหาเขา เห็นสีหน้ามุ่ย เธอก็ร้องถามอย่างใส่ใจว่า “เจ็บเหรอคะ”

“เปล่าหรอก...” เขาตอบเสียงราบเรียบ “รีบใส่แผลเถอะ ผมเหนียวตัว อยากไปอาบน้ำเต็มทนแล้ว” อัตราตอบเลี่ยงไปอีกทาง ไม่ยอมบอกสิ่งที่คิดอยู่ในใจ เขาจะบอกเธอได้อย่างไรว่าอยากจะคว้าตัวเธอมากอดและบดขยี้ริมฝีปากที่ช่างพูดนั้น เพราะช่างดูแลและอ่อนโยนต่อเขาเหลือเกิน กิริยาของเด็กสาวเป็นไปอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่เสแสร้ง เธอห่วงใยเขาและแสดงออกมาง่ายๆ สบายๆ ดูแล้วใสๆ น่ารัก มองแล้วเขาเกิดความรู้สึกว่าโลกนี้สว่างไสวและน่าอยู่ขึ้นมาอีกเยอะ

มินตราล้างแผลด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อเป็นลำดับถัดมาแล้วจึงใส่ยาสมานแผล ตามมาด้วยการพันผ้าก๊อซเป็นลำดับสุดท้าย อัตรามองปลายนิ้วตัวเองที่บัดนี้ถูกห่อด้วยผ้าก๊อซราวกับดักแด้โดยไม่พูดอะไร

ไม่เป็นระเบียบสักนิด เนื่องจากมีการพันผ้าก๊อซกลับไปกลับมายุ่งเหยิง กระนั้นเขากลับรู้สึกอุ่นวาบในใจแปลกๆ อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เขาไม่คิดที่จะแกะมาพันใหม่หรือแม้แต่แกะทิ้ง ถ้าธันว์มาเห็นเข้า คงหัวเราะเยาะเขา เพราะบาดแผลขี้ปะติ๋วแค่นี้ กลับต้องเดือดร้อนพันผ้าก๊อซวุ่นวาย ทั้งที่สมัยแรกๆ ที่เดินทางมาถึงอเมริกาใหม่ๆ เขาโดนตะลุมบอนที่ผับจนเจ็บหนักหนาสาหัสกว่านี้ แต่ไม่เคยคิดที่จะใส่ใจ

อัตราขยี้ศีรษะเด็กสาวอย่างเอ็นดู “ขอบคุณ คุณทำแผลได้เยี่ยมมาก” น้ำเสียงมีแววซาบซึ้ง

มินตรายิ้มรับ “ไม่เป็นไรค่ะเรื่องเล็กน้อย ว่าแต่พี่ขึ้นไปอาบน้ำสิคะ เดี๋ยวจะได้ลงมาทานข้าวด้วยกัน”

“ไอเดียไม่เลว งั้นผมขอตัวไปเก็บกวาดเศษแก้ว อาบน้ำ แล้วจะลงมาสมทบที่นี่ ส่วนคุณเวฟอาหารรอไปแม่หนู ผมแอบเห็นเจ้าธันว์ทำกับข้าว 2-3 อย่างทิ้งไว้บนเตาด้วย”

“ค่ะ พี่ธันว์ทำไว้ให้มิ้น ก่อนออกจากบ้าน”

อัตราหุบยิ้มทันควัน เขากลับมาเคร่งขรึม เท้าก้าวยาวๆ ออกไปโดยไม่พูดไม่จาอะไรอีกเลย



คนเป็นเจ้าของห้องผงะถอยหลังกลับมาในทันทีที่เยี่ยมหน้าเข้าไปในห้องนอนแล้วเห็นข้าวของที่ไม่คุ้นตาวางเกะกะเต็มพื้นห้อง เสื้อผ้าของเขาที่ดูเหมือนผ่านการใช้งานมาแล้วถูกวางพาดเหนือขอบเตียง ผ้าห่มถูกจับเป็นก้อนกลมๆ วางอยู่บนหมอน ส่วนกระเป๋าเดินทางใบที่ไม่คุ้นตาวางอยู่ข้างตู้เสื้อผ้า ที่จริงเขาใช่ว่าจะเป็นคนที่เจ้าระเบียบหรือพิถีพิถันอะไรนัก แต่ยอมรับว่าในชีวิตยังไม่เคยเจออะไรที่ไร้ซึ่งความเป็นระเบียบเรียบร้อยมากขนาดนี้มาก่อน

เขาถอยออกมายืนหน้าประตูอย่างทำใจ ไม่ทันเอ่ยอะไร เด็กสาวก็วิ่งตึงๆ ขึ้นมาบนห้อง เธอลอดช่องว่างระหว่างตัวเขากับขอบประตูเข้าไปฉวยเสื้อผ้าออกจากเตียง พลางพูดว่า “มิ้นขอโทษ ไม่ทันคิดว่าพี่จะกลับไวขนาดนี้” มินตราย้ายไปคว้าผ้าห่มมาพับเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า พยายามมากที่สุดให้ดูเป็นการพับ แต่ในสายตาของคนเฝ้ามอง เห็นว่ายังห่างไกลจากคำนั้นมากนัก เพราะดูแล้วไม่ต่างจากการขยุ้มมากกว่า เด็กสาวซุกก้อนผ้าห่มไว้ปลายเตียง

มินตราคว้าเสื้อผ้าของเขาเข้าในอ้อมแขน จังหวะนั้นก็สะดุ้งโหยงเมื่อเหลือบไปเห็นไดอารี่ของเขาที่เธอแอบนำมาอ่านเมื่อคืนวางอยู่บนหมอน จึงรีบคว้ามาเก็บซุกใต้กองผ้าในอ้อมแขน เมื่อคืนเธอแอบค้นไดอารี่ของพี่ชายมาอ่าน ทำให้รู้ความลับระหว่างพวกเขา ทั้งธันว์และอัตราแอบหมายปองผู้หญิงคนเดียวกันและกำลังท้าพนันกันว่าใครจะชนะใจซาร่าห์ได้

เพราะอัตราแอบชอบซาร่าห์เหมือนกันนี่เอง ถึงว่าตอนที่เธอพยายามคาดคั้นเรื่องราวของธันว์ก่อนที่จะจากมาในโลกอดีต พี่ชายเธอจึงพูดไม่เต็มปากเต็มคำนัก ราวกับเป็นความลับที่ไม่สามารถเล่าให้ฟังได้...

“คุณใช้ห้องนี้เหรอเมื่อคืน”

“ใช่ค่ะ” มินตราตอบแล้วหันไปยิ้มแหยๆ ให้เขา “มิ้นขอโทษที่ทำห้องพี่รก” พูดอ้อมแอ้มแล้วหย่อนเสื้อผ้าลงในตะกร้า ก่อนจะเดินถือตะกร้าออกไปนอกห้อง

“เดี๋ยวอย่าเพิ่งไป” เขาคว้าข้อศอกของเด็กสาว “ผมไม่ได้ว่าเรื่องที่เข้ามาใช้ห้องนอน แต่อยากให้ช่วยรักษาความเป็นระเบียบสักนิด”

“สัญญาค่ะ ต่อไปจะไม่มีเหตุการณ์นี้อีกแล้ว แต่จะว่าไป…” มินตราทำเหยเก “ที่บ้านเรา... พวกเราไม่เคยทำงานอะไรพวกนี้เลย พี่อัตก็รู้...มิ้นทำไม่เป็น”

เขาน่าจะรู้เมื่อดูจากพฤติกรรมของเด็กสาว... อัตราพ่นลมหายใจออกมาพรืดใหญ่ ที่จริงเขาไม่ได้โกรธหรือเคืองกับการที่มีผู้หญิงสวยๆ อย่างเธอมาใช้ห้องนอนของเขา ไม่รังเกียจที่เธอสวมเสื้อผ้าของเขา ไม่รังเกียจที่ใช้ห้องน้ำรวมถึงเตียงนอนเดียวกับเขา เพียงแต่ที่รู้สึกแปลกๆ อยู่นี่ เพราะบรรดาผู้หญิงที่รุกล้ำความเป็นส่วนตัวของเขาเหล่านั้น ส่วนใหญ่มักเป็นเพื่อนที่สนิท...สนิทมากจนถึงขั้นขอนอนร่วมเตียงเดียวกันได้ หรือไม่ก็คู่เดตที่มานอนค้างกับเขา แต่ไม่เคยมีสักรายที่เพิ่งรู้จักกันแล้วมาใช้ของร่วมกับเขาเหมือนที่เธอทำ

“ถ้าคุณไม่เคยทำงานง่ายๆ อย่างเรื่องเก็บกวาดห้อง เห็นทีเราต้องคุยกันยาวแล้ว ว่าแต่นั่นคุณจะเอาตะกร้าผ้าไปไหน”

“มิ้นจะเอาไปลงเครื่องซักให้ มิ้นใส่เสื้อผ้าของพี่นอน เพราะ...เอ่อ...” มินตรายิ้มแหยๆ ก่อนเสริมต่อว่า “มิ้นขี้เกียจเอาชุดของตัวเองออกมาจากกระเป๋า”

“ดี... จำเริญดีจริงๆ” อัตราพูดด้วยน้ำเสียงสงบอย่างที่นึกชมตัวเองในใจ ทั้งที่ความจริงอยากถลาไปหักคอเด็กสาวเต็มกำลัง เขาตีหน้าเคร่งขณะพูดต่อไปว่า “ถ้าคุณพูดจริงว่าเรามาจากครอบครัวเดียวกัน เห็นทีผมต้องเตือนว่าห้ามแตะต้องข้าวของเครื่องใช้ทุกชิ้น โดยเฉพาะเครื่องซักผ้า อย่าคิดแม้แต่จะหยิบจับ...เข้าจั๋ย?”

“ไม่เข้าใจ” มินตราส่ายหน้าทันควัน “ทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะคะ”

อัตราไม่ตอบ เขายังนึกภาพตัวเองออก ตอนที่มาถึงอเมริกาใหม่ๆ เขาหยิบจับอะไรไม่เป็นสักอย่างแม้แต่การใช้เครื่องซักผ้าซึ่งเป็นเรื่องที่ง่ายมาก เพราะตลอดเวลาที่อยู่เมืองไทย มีคนรับใช้ทำให้ตลอด เมื่อมาลงมือด้วยตัวเองเป็นครั้งแรก แม้จะซักด้วยเครื่องซักผ้า แต่เขาพบว่าสร้างปัญหายุ่งยากมากมาย ผงซักผ้าหกเลอะเทอะ ผ้าสีตกใส่ผ้าขาว เสื้อดีๆ ขาดกระจุยเพราะเขานำไปปั่นรวมกับเสื้อในของคู่เดต ฉะนั้นถ้าเด็กสาวพูดความจริงว่ามาจากครอบครัวเดียวกับเขา อัตราก็ไม่อยากให้เธอหยิบจับอะไร เพราะไม่อยาก ‘เก็บกวาด’ ตามหลัง

“พี่ยังไม่ตอบมิ้น ทำไมไม่อยากให้มิ้นซักผ้าให้ละคะ”

“ทิ้งตะกร้าไว้ที่นี่แหละ ถ้าคิดจะซัก ผมจะซักของผมเอง ไม่ต้องรบกวนคุณหรอก” ที่สุดอัตราไม่อาจบอกเหตุผลแท้จริงให้กับเด็กสาวได้

“พี่กลัวมิ้นซักไม่สะอาดเหรอ งั้นเดี๋ยวเอาไปซักกับตู้หยอดเหรียญก็ได้ ร้านนั่นอยู่ไหนน่ะ”

อัตราส่ายหน้า “ผมไม่เคยใส่เสื้อผ้าที่ซักกับเครื่องสาธารณะ ผมไม่ชินกับการใช้เครื่องร่วมกับคนอื่นที่ไม่รู้จัก”

“งั้นพี่อัตจะเอายังไง” มินตราทำหน้าจ๋อย

“ก็ไม่ต้องเอาไง วางไว้ที่เดิมนั่นแหละ แล้วลงไปรอข้างล่าง ผมจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวเดียวแล้วจะรีบตามลงไป”

มินตราคอย่น เธอนำตะกร้าวางไว้ที่เดิม ก่อนจะมองอย่างอาลัยอาวรณ์เป็นครั้งสุดท้ายแล้วจึงสาวเท้าออกไปอย่างหงอยๆ “จะให้มิ้นอุ่นกับข้าวรอไหมคะ” เธอหันกลับมาถาม

“ไม่ต้องเลยแม่ตัวยุ่ง ไม่ต้องหยิบจับอะไรทั้งนั้น แค่เดินลงไปคอยข้างล่าง ที่เหลือผมจะลงไปจัดการเองทุกอย่าง” สำทับคำว่าทุกอย่างในประโยคท้ายด้วยน้ำเสียงหนักแน่น








Create Date : 18 เมษายน 2553
Last Update : 25 เมษายน 2553 12:02:46 น.
Counter : 621 Pageviews.

2 comments
  
พี่ธันว์หายไปเลย

ทิ้งหนูมิ้นให้อยู่กับพี่อัตได้ไงเนี่ยยย

พี่อัตหวั่นไหวไปแล้ว ไม่น่าเป็นพี่หนูมิ้นเลย

แอบเชียร์ๆ ฮ่าๆ
โดย: Hero's girl วันที่: 19 เมษายน 2553 เวลา:20:50:17 น.
  
ฮ่า...นอ้งเนสเชียร์ทั้งคู่เลย ^^ เดี๋ยวตอน 4/1 พี่ธันว์สุดหล่อ ก็ออก...แล้วจ้า
โดย: คณิตยา วันที่: 20 เมษายน 2553 เวลา:1:47:07 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คณิตยา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]









รู้จักคณิตยา/คีตฌาณ์

ก้าวสู่โลกแห่งการขีดเขียนในปี 2549 มีผลงานเป็นรูปเล่มกับสนพ.ในเครือสถาพรบุ๊คส์ทั้งหมด 11 เล่ม ไล่ตั้งแต่ รหัสทรชน ทางสายหมอก กุหลาบในเปลวไฟ ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ อริ...ที่รัก บอดี้การ์ด รักเพียงฝัน ตามรักข้ามเวลา ไฟรัก บันทึกแห่งรัก(the Book of Love) มิราเบลล์...ตราบคีตาบรรเลง เป็น 1 ในนิยายชุดแด่เธอที่รัก สาปรัก และใต้ปีกรัก

รหัสทรชน เป็นละครทางช่อง 3 เมื่อปี 2554 แสดงโดย เคน และชมพู่ สร้างโดยค่ายยูม่า และ ไฟรัก ได้รับการซื้อลิขสิทธิ์ไปแปลเป็นภาษาเวียดนาม วางแผงเดือนสิงหาคม 2556



พูดคุย ทักทาย แลกเปลี่ยนความเห็น และติดตามความเคลื่อนไหวได้ทาง fb โดยกดไลค์เป็นแฟนเพจได้ทาง https://www.facebook.com/keetacha?ref=hl ขอบคุณค่ะ

---------------


ตอนนี้อุ๋ยทยอยนำนิยายที่หมดลิขสิทธิ์กับพิมพ์คำไปวางจำหน่ายในรูปแบบ E-book บนเว็บ ebooks และเว็บ Mebmarket ค่ะ

ใต้ปีกรัก...ราคาอีบุ๊ก 179 บาท

บันทึกแห่งรัก...ราคาอีบุ๊ก 255 บาท จากราคาปก 310

ไฟรัก...ราคาอีบุ๊ก 279 บาท จากราคาปก 350 บาท

กุหลาบในเปลวไฟ...ราคาอีบุ๊ก 230 บาท



รหัสทรชน ราคาอีบุ๊ก 200 บาท จากราคา 300 บาท 673 หน้า





ทางสายหมอก ราคาอีบุ๊ก 265 บาท จากราคา 280 บาท 690 หน้า



ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ ราคาอีบุ๊ก 125 บาท จากราคา 180 บาท 360 หน้า



รวมเรื่องสั้น...ฉบับวัยหวาน ราคาอีบุ๊ก 45 บาท จากปก 55 บาท



อริ...ที่รัก ราคาอีุบุ๊ก 195 จากปก 240 บาท



หวานใจ...บอดีการ์ด...ราคาอีบุ๊ก 145 บาท จากปก 180 บาท



รักเพียงฝัน...ราคาอีบุ๊ก 225 จากปก 250 บาท



ตามรักข้ามเวลา...ราคาอีบุ๊ก 240 จากปก 270 บาท





















New Comments