Group Blog
ปก...บันทึกแห่งรัก











บันทึกแ่ห่งรัก [The Book of love]
สำนักพิมพ์ : พิมพ์คำ
นามปากกา : คณิตยา
สัญญาวรรณกรรม :
วางแผง : ต้น ก.ค. 2556
ราคา : 310 บาท
จำนวนหน้า : หน้า


โปรยปกหลัง....

เกมพิเรนทร์ๆ ของเด็กสาว พลักผันชีวิตของเธอไปตลอดกาล...

จากเด็กสาวที่ไม่รู้ชาติกำเนิดของตัวเอง กลายเป็นภรรยาผู้กำกับภาพยนตร์ฮอลลีวูด

แต่โชคชะตากลับเล่นตลก ทำให้เธอผิดหวังจากความรัก กลายเป็นม่ายตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 20 ปี



กุสตาโบ เนียโต โรอา (Gustavo Nieto Roa) ถูกศรรักปักอกทันทีที่เห็นท่าเต้นอะโกโกของ นวินดา

เขาไม่อยากเชื่อว่า “ไฟเสน่หา” จะแผดเผา แค่ได้เห็นเธอเต้นเพื่อล่าทิป

ความต้องการอยากครอบครองเกิดขึ้นอย่างรุนแรง จนเขาตั้งปณิธานว่าต้องได้ตัวเธอในคืนนั้น...

และความสัมพันธ์ของพวกเขาก็เกิดขึ้นรวดเร็วจนคนทั้งคู่ตั้งรับไม่ทัน...



คนหนึ่งคิดว่าทุกอย่างคือความรัก แต่อีกฝ่ายกลับไม่แน่ใจ การแตกหักจึงตามมา

เมื่อเห็นค่าของความรักในวันที่สายไปแล้ว กลวิธีทวงรักสไตล์ผู้กำกับภาพยนตร์จึงเริ่มขึ้น...

แต่ความรักครั้งใหม่ไม่สำเร็จโดยง่าย เขาค้นพบว่า “รัก” อย่างเดียวไม่อาจข้ามผ่านอุปสรรคได้

หรือคำตอบของความผิดพลาดในอดีตจะซ่อนอยู่ในไดอะรีของนวินดา...


----------


สำหรับทั้ง 6 คนที่ได้รับรางวัล อุ๋ยจะจัดส่งหนังสือทันทีที่หนังสือมาถึงมืออุ๋ยแล้วนะคะ ซึ่งตอนนี้ได้รับที่อยู่ครบทั้ง 6 คนล่ะค่ะ ได้แก่ คุณเอ๋ คุณธีม คุณ sakeena คุณ alanta น้องบุ๊ง และคุณปุ๊ก ขาดตกชื่อไหนรบกวนรีบท้วงค่ะ ^_^











ขอบคุณคอมเมนท์จากนักอ่านและขออนุญาตนำมาวางไว้ที่นี่ค่ะ


สกาวรัตน์ | 2 รีวิว
30/08/2013

บันทึกแห่งรัก หรือหนังสือนิยายที่มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า The Book of Love เป็นบทประพันธ์จากปลายปากกาของนักเขียนมากฝีมือว่า คณิตยา ที่ได้รับให้ประดับเป็นดาวดวงใหม่อีกหนึ่งเล่มในโครงการ New Star “นักเขียนดาวดวงใหม่” ของสำนักพิมพ์ พิมพ์คำ

บันทึกแหงรักเป็นนิยายที่เสมือนไดอารี่เล่มสำคัญของหัวใจสำหรับความรัก เป็นเรื่องราวของเด็กสาวที่ชื่อว่า นวินดา สาวน้อยที่ยังอยู่ในช่วงวัยรุ่นได้ไม่นานพอก็ต้องเปลี่ยนวิถีตนเองไปใช้ชีวิตคู่เมื่อเธอเกิดไปเข้าตาต้องใจ กุสตาโบ เนียโต โรอา เจ้าของบริษัทและสิ่งพิมพ์ที่มีเครือข่ายมากมายทั่วลาตินอเมริกาและในอเมริกา ด้วยเหตุที่นวินดาและเพื่อนท้าแข่งกันเต้นอะโกโกเพื่อล่าทิปแข่งกัน และความรู้สึกปรารถนาที่เกินจะหยุดยั้งได้ทำให้กุสตาโบ ตั้งใจแน่วแน่ว่าต้องได้ตัวเธอมาครองในคืนนั้นให้ได้

รสสัมผัสแสนหวานเจือความเร่าร้อนแปลกใหม่ทำให้นวินดาตัดสินใจตามความรู้สึกที่บอกว่ารักชายหนุ่ม ตามเขากลับไปอยู่ที่ประเทศของเขาด้วยวัยเพียง 18 ปีเท่านั้น กุสตาโบเองทั้งที่ไม่แน่ใจและไม่รู้ใจตัวเองก็ตัดสินใจเลือกนวินดาให้เป็นเจ้าสาวของตน ทั้งที่ผู้เป็นพ่อค้านหัวชนฝา และด้วยฤทธิ์ที่อยากต่อต้านการคลุมถุงชนที่บิดาจัดไว้ให้นวินดาจึงกลายเป็นสะใภ้ของครอบครัวที่เหมือนไม่อยากต้อนรับเธอเอาเสียเลย

การเดินทางมาอยู่ด้วยกัน ใช้ชีวิตในครอบครัวต่างแดนทำให้นวินดาเหงาไม่น้อยทีเดียว แต่เพราะความรักที่มีให้ต่อสามีต่างเผ่าพันธุ์คนนี้ทำให้นวินดายอมสู้ทนต่ออุปสรรคทั้งหลาย ไม่ว่าจะเกิดจากก้นบึ้งความรู้สึกหรือจากคนรอบข้างก็ตาม แต่ในที่สุดเมื่อถึงเวลาหนึ่ง ความอดทนก็ขาดสะบั้นเมื่อกุสตาโบทำงานเป็นบ้าเป็นหลัง และนวินดาแท้งลูกแฝดไปอย่างน่าสงสาร

งานเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งนักสำหรับผู้ชายอย่างกุสตาโบ หากให้เลือกระหว่างเมียและงาน นวินดาตอบแทนได้ทันทีว่าสามีเธอคงเลือกงานเป็นอย่างแรก...ความอัดอั้นตันใจ ความน้อยเนื้อต่ำใจ ความรู้สึกมากมายถ่าโถมจนเด็กสาวเกินจะรับและทนได้อีกต่อไป นวินดาตัดสินใจหนีกลับเมืองไทยเพราะคิดว่าความรักที่มีให้กุสตาโบไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการอีกแล้ว

การจากไปของนวินดาทำให้กุสตาโบได้คิดทบทวน ได้เรียนรู้ว่านวินดาสำคัญต่อหัวใจเขามากเพียงใด กุสตาโบได้อ่านไดอารี่ที่นวินดาเขียนและเขาตอบกลับทุกคำที่นวินดาได้เขียนเอาไว้ ได้เข้าใจความรู้สึกที่นวินดาต้องพบเจอ ชายหนุ่มตัดสินใจกลับไปตามหาหัวใจตนเอง แต่ก็ไม่ง่ายเลยเมื่อรอยร้าวที่ฝังลึกเป็นเสมือนบาดแผลที่ยากจะเยียวยาให้หายได้อีกแล้ว กุสตาโบจึงต้องใช้กลวิธีมากมาย ใช้ทุกความรู้สึกเพื่อดึงครอบครัวของตนให้กลับคืนมาให้ได้

ขอบอกว่าหนังสือเล่มนี้ภาษาสวยมาก...หนังสือเล่มนี้ถ่ายทอดเรื่องราวความรักและการใช้ชีวิตคู่ที่น่าสนใจมากค่ะ ไม่ใช่อะไรที่หวือหวาตื่นตาตื่นใจ แต่เป็นเรื่องราวการสร้างครอบครัวที่น่าศึกษาเพื่อใช้เป็นตัวอย่างในการดำเนินชีวิต ดีก็นำไปใช้เป็นแบบอย่าง ไม่ดีก็นำไปคอยบอกคอยย้ำตัวเองว่าแบบนี้ไม่ควรทำห้ามนำปฏิบัติ เป็นหนังสือที่ทำให้ความคิดที่เคยเลือนรางไปกระจ่างชัดขึ้นมาได้อีกครั้ง “ความรักก่อเกิดจากคนสองคน แต่เมื่อมีคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง ความรักก็อาจพังทลายได้หากใจของคนทั้งสองไม่มั่นคงในรักนั้นเพียงพอ” อยากให้คนที่มีความรักและคนที่คิดสร้างครอบครัวทุกคนได้อ่านหนังสือเล่มนี้ค่ะ

ศรัญญา | 2 รีวิว
27/08/2013

บันทึกแห่งรัก นิยายเรื่องนี้ตอนแรกที่เห็นชือ คิดว่าต้องเป็นเรื่องราวความรักของหนุ่มสาวจากกันไปตั้งแต่เด็กๆ แล้วมาเจอกันตอนโต อะไรประมาณนั้นแต่พอได้อ่าน ไม่ใช่เลย เป็นเรื่องของกุสตาโบ เนียโต โรอา ผู้กำกับชาวต่างชาติ มาพักร้อนที่ภูเก็ต และได้พบกันวิดาที่มาเที่ยวกับเพื่อนแล้วพนันกันว่าใครเต้นยั่วแขกแล้วได้ติ๊บเยอะกว่ากันคนนั้นชนะ นวิดาเลือกที่จะยั่วกุสตาโบ เนียโต ทำให้ผู้กำกับหนุ่มแอบพอใจในตัวเธอและทำให้ทั้งสองเกิดความรู้สึกดีๆ ให้กัน จนนวินดาได้เป็นภรรยาเขาและไปใช้ชีวิตในบราซิล แต่การใช้ชีวิตในต่างแดนไม่ง่าย เมื่อใช้ชีวิตคู่ได้เพียงปีกว่า เธอก็หนีกลับเมืองไทยในสภาพที่ไม่ต่างกับนกปีกหัก เธอแท้งลูกและต้องเข้ารับการบำบัดทางจิตในเวลาต่อมา เธอเจ็บปวดกับรักอย่างหนัก ช่วงที่เธอใช้ชีวิตอยู่ในบราซิวสามีของเธอทำแต่งาน ชีวิตเขามีแต่งาน งาน และงาน แม้แต่วันหยุดเขายังเลือกที่จะทำงานมากกว่าอยู่กับภรรยาอย่างเธอ ตลอดเวลาที่นวินดาอยู่ที่บราซิว เธอเหมือนอยู่ลำพังต่างบ้านต่างเมือง สิ่งเดียวที่ทำได้เพื่อบรรเทาความเศร้าคือการเขียนบันทึกความรู้สึกของเธอในไดอารี่ ในนี้บันทึกความรู้สึกความน้อยใจและวันหนึ่งที่นวินดาหนีกลับมาสามีของเธอก็เพิ่งรู้สึกว่าขาดเธอแล้วชีวิตเขาเองก็ไม่มีความสุข เขารับรู้เรื่องราวที่เธอเขียนในไดอารี่และตอบมันได้อย่างเศร้าสุดๆ ภาษาที่เขียนในไดอารี่สวยมากค่ะ อ่านแล้วเรารู้สึกได้ว่าเป็นอย่างนั้น เช่น "ไม่มีคุณ ผมรู้สึกเหงา เคว้งคว้างราวกับชีวิตส่วนหนึ่งขาดหายไป เดาว่ามันคงโบยบินไปกับคุณ" อารมณ์เหงาตามตัวละครจริงๆ พล๊อตเรื่องแปลกดีอาจจะสะท้อนมุมมองของสังคมด้วย การใช้ชีวิตคู่ที่ต่างเชื้อชาติ ภาษา การปรับตัวอยู่ด้วยกัน เรื่องนี้อ่านแล้วได้อารมณ์เศร้าๆ เหงาๆ ค่ะ

แสดง 1 ถึง 2 ของ 2 (1 หน้า)
เขียนรีวิว







Create Date : 15 มิถุนายน 2556
Last Update : 19 มีนาคม 2557 10:54:52 น.
Counter : 2098 Pageviews.

12 comment
รายชื่อผู้ได้หนังสือ

lozocat lozocat

เรื่องบันทึกแห่งรัก เดินทางมาถึงตอนอวสานแล้วนะคะ ขอบคุณพี่จ๋า บรรณาธิการส่วนตัวและขอบคุณคนอ่านทุกคนที่ให้กำลังใจและตามอ่านเป็นเพื่อนกันจนถึงตอนสุดท้ายทั้งที่มีการรื้อ รีไรต์กันตั้ง 4-5 รอบภายในเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ขาดตกบกพร่องประการใด ขอน้อมรับผิดค่ะ ส่วนรายชื่อผู้ได้รางวัลจากเกม อยู่ด้านล่างสุดนะคะ

---------------


มาสรุปคนที่ร่วมเล่นเกมนะคะ
1.คุณพัชรินทร์ : “ร้อยเรียงเคียงรัก”
2.คุณ goldensun : “บทเรียนรักกำกับไม่ได้” “บันทึกสื่อรัก” “ไดอารี่รัก”
3.คุณ pantan : “บันทึกแห่งรัก”
4.คุณ wa-ne : “ทางเดินสายกุหลาบ”
5.คุณ love : “บันทึกแห่งรัก”
6.คุณบุ๊ง : “บทรักกำกับใจ”
7.คุณ theme : “บันทึกแห่งรัก” (The Book of Love)
8.คุณ sakeena : “บันทึกแห่งรัก”
9.คุณ alanta : "บันทึกแห่งรัก" "เปลือยใจ/เปลือยหัวใจ/เปลือยอารมณ์" "ทางรัก" "ทางสายรัก" "เส้นทางรัก" "เขียนรัก"
10.คุณลิน : "ลิขิตรักไดอารี่"
11. คุณฟ้ากำหนด : "ไดอารี...ร้อยรัก"
12. พี่ตุ๊ก ตะวันส่องฟ้า : "บันทึกรัก & กุสตาโบ
13. คุณ Sai : "ปมรัก กำกับหัวใจ"
14.คุณ Mrs : บทหนังรัก รักบทหนัง



คะแนนเกมทีเผลอ จะใส่เป็นหมายเลขนะคะ ไม่บอกชื่อว่าเป็นใครที่ได้คะแนนเหล่านี้ ^^

#1 : 2+1+1+2+1= 7 คะแนน
#2 : 1+1+1+2 = 5 คะแนน
#3 : 1 คะแนน
#4 : 1+1+2+1+2+1+1+1+1+1+1+1+1+1+2+1+1+1+1+1+1+1+1+1+1+1+1+1+2+1+2+2+1+1+1 = 41 คะแนน
#5 : 1+1+1+1+1+1+1+1+1+1+1+1+1+1+1+1+1+1+2+1+1+1+1+2+1+1+1+1+1+1+1+1 = 34 คะแนน
#6 : 2 คะแนน
#7 : 1+1+2+1+1+2+1+1+1+1+1+1+1+1+1+1+1+1+1+1+1+1+1+1 = 26 คะแนน (ไม่ได้ตอบบันทึกแห่งรัก)
#8 : 1+1+2+1+1+1+1+1 +1+1+1+1+1+1+1= 16 คะแนน (ไม่ได้ตอบบันทึกแห่งรัก)
#9 : 2+1+1+1+1+1+1+1+1 +1+1+2+1+1+1+1+1+2+1+1+1+1+1= 26 คะแนน(ไม่ได้ตอบบันทึกแห่งรัก แต่คะแนนพิเศษ ^_^)
#10 : 1+2+1+1+2+1+2+1+1+1+1+1+1+1+1+2+1+1+1+1+1+1+1+1+1+1 = 30 คะแนน (ตอบบันทึกแห่งรัก)
#11 : 1+1+1+1+1+1+1+1+1 = 9 คะแนน
#12 : 2 คะแนน
#13 :1+2+1+1+1 =6 คะแนน
#14 : 1+1 = 2 คะแนน
#15 : 2 คะแนน
#16 : 1+1+1+1+1+2+2+1+1+1+1+2+2+1+2+1+1+1+1+2+1+1 = 28 คะแนน (ตอบบันทึกแห่งรัก)
#17: 1+1+2 = 4 คะแนน
#18 :1+1 = 2 คะแนน
#19: 1+1+1+1+1+1+1+1+1+1+1+1+1+1 = 14 คะแนน (ตอบบันทึกแห่งรัก)
#20:1+1+1+1+1+1+1+1= 8 คะแนน
#21: 1+2+1+1+1+2+2= 10 คะแนน
#22 : 2 คะแนน
#23: 1 คะแนน
#24: 1 คะแนน
#25: 1 คะแนน
#26: 1 คะแนน
#27: 1 คะแนน
#28 : 1+1= 2 คะแนน
#29: 1 คะแนน

ณ วันที่ 30 มี.ค. 4.31

-----------------

หลังจากที่เขียนมาจนถึงบทจบ อุ๋ยหารือกับบก.ส่วนตัวแล้ว และฟังความเห็นของนักอ่าน เลยประมวลและสรุปได้ว่าตกลงใช้ชื่อเดิม “บันทึกแห่งรัก” นะคะ” ฉะนั้นคนที่ตอบว่า บันทึกแห่งรัก จะได้รับรางวัล แต่เนื่องจากตอบเกินกว่า 3 คน ฉะนั้นอุ๋ยจะคัดจากที่ได้แต้มจากเกมทีเผลอสูงสุดนะคะ 1. คุณ Sakeena 30 คะแนน 2.คุณ Theme 28 คะแนน และ 3. คุณ alanta 14 คะแนน และรางวัลพิเศษ...เป็นของคุณ Goldensun
(แทนคำขอบคุณสำหรับคอมเมนท์ดีๆ ค่ะ) ส่วนรางวัลเกมทีเผลอ กติกาที่ไม่ได้บอกล่วงหน้าคือ อุ๋ยมอบหนังสือเรื่องนี้เป็นการตอบแทนแก่นักอ่านที่ร่วมพูดคุยและให้กำลังใจในแต่ละตอน โดยคนที่เจิมเป็นคนแรกจะได้ 2 คะแนน ทั้งนี้เมื่อนับคะแนนแล้ว ปรากฏว่าคนที่ได้รับรางวัล 2 รางวัลสูงสุด มีดังนี้ ลำดับที่ 1 คือ คุณ pantan 41 คะแนน และ ลำดับที่ 2 คุณน้องบุ๊ง 34 คะแนน

ทั้ง 6 ท่านรบกวนแจ้งชื่อ ที่อยู่ ทางอีเมล oui1@hotmail.com เพื่อจัดส่งหนังสือให้ค่ะ โดยสามารถแจ้งได้นับจากวันนี้จนถึงเดือนที่หนังสือออก ถ้าเลยเดือนที่หนังสือออกแล้ว ยังไม่แจ้งชื่อ จะถือว่าสละสิทธิ์นะคะ ^^


ป.ล. เรื่องนี้อุ๋ยส่งต้นฉบับไปให้บก.แล้วนะคะเมื่อตี 2 ที่ผ่านมา ถ้าไม่มีอุบัติเหตุหรือเหตุขัดข้อง น่าจะได้เห็นรูปเล่มกันในเดือนมิถุนายนนี้ค่ะ ส่วนเรื่องต่อไปเป็นคิวของ....หากจะรักก็ช่างมันเถอะค่ะ ซึ่งอุ๋ยปั่นค้างมาได้เป็นเวลาหนึ่งแล้ว

ขอบคุณค่ะ แล้วพบกันเรื่องหน้า กับ “พี่เพลิง” และ “น้องสายน้ำ” นะคะ ^^

lozocat lozocat




Create Date : 30 มีนาคม 2556
Last Update : 2 เมษายน 2556 20:46:26 น.
Counter : 1270 Pageviews.

12 comment
บันทึกแห่งรัก...บท 5
lozocatlozocat



นวินดาทิ้งระยะจนมั่นใจว่าทุกอย่างเงียบกริบ หรืออีกนัยหนึ่งรอจนมั่นใจว่าเขาหายเข้าไปในห้องนอนแล้ว เธอจึงค่อยๆ ย่องไปทางประตูทางออกที่เล็งไว้ก่อนหน้านี้ หากทันทีที่เธอเอื้อมมือจับลูกบิด ก็ต้องใจหายวาบเมื่อมีมือหนึ่งเอื้อมมาซ้อนทับมือเธอ พลางถามว่า

“จะไปไหน นี่ไม่ใช่ทางเข้าห้องนอนไม่ใช่หรือ หรือว่าคุณจำผิด?”

มายกู๊ดเนส... เขามายืนแอบข้างประตูราวกับนกรู้!

ไฟสว่างพรึบเมื่อเขากดสวิตช์ไฟ นวินดายิ้มแหยๆ พยายามสะบัดมือออกทว่าเขากลับบีบกระชับแน่นราวกับแกล้ง

กุสตาโบกล่าวว่า “คุณลูกไม้เยอะไปแล้วหนึ่ง ลูกเล่นแพรวพราวอย่างนี้ เห็นทีผมจะไว้ใจคุณไม่ได้อีกแล้ว”

“ได้นะคะ” เธอรีบยืนยัน

“ได้เหรอ...ได้อย่างนี้หรือเปล่า” กุสตาโบกระตุกแขนกลมกลึงเข้าหาตัว ก่อนจะโน้มศีรษะลงฉกจูบ หากเรียวหน้าสวยกลับเบือนหนี แม้เขาเพียรไล่จูบอย่างไรก็ไม่เป็นผล กุสตาโบรวบมือนุ่มทั้งสองข้างไพล่ไว้ด้านหลังด้วยมือข้างหนึ่ง มืออีกข้างเลื่อนมาบีบปลายคางเรียวเพื่อบังคับให้รับจูบเขา เกิดเสียงอู้อี้ประท้วง ตามมาด้วยการกระทืบลงบนเท้าเขา

ไม่เจ็บ...แต่ก่อให้เกิดความรำคาญ กุสตาโบนิ่วหน้า ผละออกไปมองหน้าเด็กสาว ยังไม่เคยเจอผู้หญิงฤทธิ์มากเท่าแม่สาวลูกไฟรายนี้มาก่อน

“หนึ่ง...ถึงคุณพยศยังไง ก็ไม่ทำให้คุณหนีคืนนี้ไปได้หรอกนะ”

“คืนนี้อะไรไม่ทราบ” ตวาดแว้ด ทั้งที่ใจสั่นรัว... จะโทษใครได้นอกจากตัวเองที่ไว้ใจคนแปลกหน้าเกินไป... เด็กสาวพร่ำด่าตัวเอง

“คุณต้องเป็นของผม ชัดหรือยัง? คุณคงไม่ถึงกับซื่อคิดหรอกนะว่า มีใครจ่ายตั้งแสนสองแสนเพื่อให้มาเต้นโชว์เฉยๆ ถ้าคิดแบบนั้นก็ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว ไม่สมควรอยู่ในโลกสาวกลางคืนแบบนี้”

นวินดาหน้าเสีย คิดสิ... คิด เธอต้องผ่านสถานการณ์เลวร้ายนี้ไปให้ได้...นางเอกนิยายที่เคยอ่าน พยายามเอาตัวรอดอย่างไรนะ

“คุณก็หน้าตาดีอยู่หรอกนะ ทำไมไม่ไปหาผู้หญิงคนอื่นที่เขาเต็มใจแบให้คุณ”

“จะบอกว่าคุณไม่เต็มใจอย่างงั้นสิ”

“แหงสิ เราไม่รู้จักกันมาก่อน จะให้เต็มใจได้ไง”

“ผู้หญิงนักเต้นอย่างคุณเลือกได้ด้วยหรือว่าจะนอนหรือไม่นอนกับใคร ผมหลงคิดว่าจะยอมนอนกับทุกคนเพื่อจะได้เงินไปใช้บรรลุตามวัตถุประสงค์เร็วๆ ซะอีก”

“เพียะ”

กุสตาโบหน้าสะบัดตามแรงตบ เขากัดฟันพูดว่า “ในโลกที่ผมจากมา ถ้าใครใช้กำลัง รู้มั้ยจะต้องเจอโทษปรับสถานใด”

เด็กสาวหน้าเสีย แต่ก็ยังเชิดคางสูง “ก็คุณอยากปากเสียก่อน”

ผู้กำกับหนุ่มกัดฟันแน่น พูดลอดไรฟันว่า “ผมจะให้คุณลามปามแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว ถ้ามีครั้งที่สอง รับรองเลยผมไม่ปล่อยคุณไว้แน่”

“ไม่ต้องรอถึงครั้งที่สองหรอก จัดการตอนนี้เลยสิ คุณมันพวกเผด็จการอยู่แล้วนี่” นวินดาพูดแล้วก็ชกไปที่ครึ่งปากครึ่งจมูกเต็มๆ ก่อนจะดิ้นขลุกขลักเมื่อเขากระชากไปจูบอีกรอบ คราวนี้เขาตั้งใจจูบนิ่งนานกว่าเดิมราวกับจะแกล้ง เขาบีบปลายคางอย่างไม่ยั้งมือเมื่อเด็กสาวเบือนหน้าหนี ก่อนจะตามด้วยขบย้ำเรียวปากนุ่มอย่างต้องการแกล้ง เกิดเสียงร้องอุทานเชิงสบถจากเด็กสาวแต่กุสตาโบไม่นำพา ยังคงเดินหน้าจูบดูดดื่ม เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ๆ ผู้กำกับหนุ่มผละออกก่อนก้มมองหน้า ลมหายใจกระชั้นพอๆ กับร่างบางในอ้อมแขน

“ผมมีอะไรน่ารังเกียจหนึ่ง ทำไมคุณถึงนอนด้วยไม่ได้”

นวินดาหน้าแดงก่ำ “มันไม่ใช่เรื่องน่ารังเกียจหรือไม่น่ารังเกียจ แต่เป็นเรื่องของการที่เราไม่รู้จักกัน” เธอตอบ น้ำเสียงยังคงกระหืดกระหอบ กุสตาโบทำให้เธอรู้สึกไม่ต่างจากการวิ่งมาราธอนมาหลายชั่วโมงติดต่อกัน

“คุณทำความรู้จักกับผมได้ และเราก็รู้จักกันแล้ว”

“ไม่ใช่ว่ารู้จักปุ๊บ แล้วจะนอนได้ทันที”

“คุณต้องอาศัยเวลาทำความรู้จักกับลูกค้านานแค่ไหนถึงจะยอมขึ้นเตียงด้วย”

เธอต้องสะกดจิตสะกดใจไม่ให้ชกหน้าเขาอีกรอบ พยายามท่องไว้ว่าเขาไม่ผิด เพราะเขาคิดว่าเธอเป็นสาวอะโกโก้จริงๆ ถึงได้ถามแบบนั้น เธอผิดเองที่คงแสดงสมบทบาทเกินไป... ที่สุดก็ยังอดชมตัวเองไม่ได้

“ต้องคุ้นเคยกัน”

“งั้นเรามาทำความคุ้นเคยกันตั้งแต่ตอนนี้”

“ยังไง”

ไม่ทันสิ้นคำถาม อีกฝ่ายก็รั้งนวินดาเข้าไปกอด ก่อนจะยกเธออุ้มราวกับวัตถุไม่มีน้ำหนักพาตรงไปยังโซฟาเบด แล้วร่างสูงก็ทุ่มทั้งตัวเธอและตัวเขาลงมาบนโซฟาหนานุ่มพร้อมๆ กัน นวินดาพูดไม่ออก จะว่าจุกก็ไม่เชิง ด้วยเกิดความรู้สึกกลัวระคนประหม่าผสมด้วย ฉะนั้นเธอจึงปล่อยให้เขาโรมรันพันตูกับเนื้อตัวอยู่ครู่ใหญ่ ตราบจนมั่นใจว่าเขาตายใจแล้วภายหลังเสื้อผ้าส่วนใหญ่หลุดจากกาย นวินดาจึงค่อยๆ เอื้อมมือคว้าแจกันบนโต๊ะกระจกทุบลงบนท้ายทอยเขา แล้วฟาดซ้ำลงไปอย่างไม่ยั้งมือ



“หนึ่งมั่นใจหรือว่าไม่ไปกินอะไรข้างนอกด้วยกัน” เสาวรสถามขึ้น พลางมองเพื่อนด้วยแววตาเต็มไปด้วยคำถาม เนื่องจากฝ่ายนั้นมีท่าทีแปลกๆ นับตั้งแต่กลับจากเที่ยวกลางคืนตั้งแต่สองคืนก่อนแล้ว โดยเจ้าตัวเอาแต่เก็บตัวเงียบอยู่ในบ้าน ตกกลางคืนเพื่อนๆ ชวนไปย่ำราตรี ก็ไม่ยอมไป อ้างแต่ว่าอยากอยู่บ้าน ดูทีวี

“ไปเถอะ ฉันกินข้าวที่บ้านนี่แหละ จะดูทีวี” ความจริงเธออยากรอเช็กข่าวว่ามีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติถูกทำร้ายร่างกายที่ภูเก็ตบ้างหรือไม่ นวินดาหมายถึงชาวต่างชาติที่หน้าตาเหมือนเขา ถ้ามี ก็แสดงว่าเขาไปแจ้งความ ซึ่งเท่ากับว่าเธอต้องกบดานเงียบ แต่เท่าที่รอดูข่าวมาสองวัน โชคดียังไม่มีข่าวนั้น

“แกเป็นอะไรหนึ่ง มาภูเก็ตทั้งทีแทนที่จะออกไปสนุกสนานกับเพื่อนๆ กลับมานั่งหง่าวเฝ้าทีวี” อภิญญาบ่น

“น่า แกอย่ามาเสียอารมณ์กับฉันเลย จะไปเที่ยวก็ไปเถอะ”

“จะว่าไม่มีเงินก็ไม่น่าใช่ เพราะได้เงินพนันจากพวกฉันไปหลายอยู่” อีกคนแสดงความเห็นขึ้น

“ฉันบอกว่าหยุดตั้งข้อสังเกตกันได้แล้วไง ไปเถอะ...แม่แก่บ่นทั้งหลาย ถ้าป้าแกไม่ทำอะไรกิน ฉันก็ไปหาอะไรกินแถวนี้ก็แค่นั้น” ป้าที่เธอพูดถึง คือแม่บ้านของที่นี่

“งั้นเจอกันตอนเย็น หวังว่าคืนนี้แกจะออกไปท่องราตรีกับพวกเรา”

นวินดาพยักหน้าไปตามเรื่องตามราว เธอนั่งดูข่าวอีกพักใหญ่แล้วจึงเดินไปดูอาหารในครัว เมื่อไม่เห็นแม่บ้านเตรียมอะไรไว้ให้ ก็เดินขึ้นบ้าน ตั้งใจจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อไปหาอะไรกินข้างนอก

ระหว่างอาบน้ำภาพเหตุการณ์เมื่อสองคืนก่อนย้อนมาในความทรงจำ นวินดาฟอกสบู่แรงๆ ตามเนื้อตัวหวังให้ช่วยขับไล่ประสบการณ์อันเลวร้ายนั้นออกไป เธอไว้ใจคนแปลกหน้ามากเกินไป... อะไรดลใจให้เธอกล้าตามเขาขึ้นไปถึงในห้อง? ถึงตอนนี้เธอก็ยังให้คำตอบกับตัวเองไม่ได้... เพราะเงินสองแสนรึ? ก็อาจด้วยเหตุผลนั้น ตอนนี้เธอนึกเหตุผลอื่นไม่ออกจริงๆ

ภายหลังทุบหัวเขาด้วยแจกันตามด้วยตีซ้ำ ภาพที่ติดตาคือเลือดอาบศีรษะ เธอไม่ได้รอดูผลหลังจากนั้นแต่รีบสวมเสื้อผ้าแล้วฉวยเงินวิ่งแจ้นออกมาเลย ยังจำได้ว่าแขกโรงแรมต่างพากันมองเธอวิ่งหน้าตาเลิ่กลั่กเข้ามาในลิฟต์ สภาพเธอคงดูไม่ได้ หัวเหอคงกระเซอะกระเซิง และหน้าตาคงแย่เอามากๆ บรรดาแขกหญิงชายของโรงแรมถึงต่างมองเธอด้วยท่าทีที่สนใจอย่างเปิดเผย ทว่า...ไม่มีใครคิดเข้ามาถามว่าเป็นอะไร ก็ดีเหมือนกัน... นวินดานึกบอกตัวเองเพราะถ้าใครเข้ามาถามจริง เธอก็ไม่รู้จะตอบอย่างไรดีเหมือนกัน

นวินดานึกแช่งชักหักกระดูกเขา ฉะนั้นก่อนที่เธอจะกลับออกมา จึงฉวยเงินสดทั้งหมดที่อยู่ในกระเป๋าเงินของเขาติดมือมาด้วย หวังว่าเขาจะไม่เป็นอะไรมาก แต่ช่างเขาสิ... เขาจะเป็นอะไรก็เรื่องของเขา ดีสม...อยากคิดไม่ดีกับเธอก่อนทำไม เด็กสาวคิดแล้วก็เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าขนหนูผืนเดียวพันกาย เดินไปดูเงินที่เธอฉวยของเขาติดมือมา

ห้าพัน... ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะพกเงินสดติดตัวมากมายขนาดนั้น แล้วนวินดาก็ต้องขมวดคิ้วมุ่นเมื่อพบว่าหลังพับธนบัตรมีนามบัตรเป็นภาษาสเปนซึ่งแม้ตัวเองไม่สันทัด แต่ก็พอรู้อยู่บ้าง เพราะเรียนที่โรงเรียน เธอพลิกอ่านอีกด้านคราวนี้พบว่าเป็นภาษาอังกฤษ เธอรีบนำชื่อและสกุลคีย์ในคอมพิวเตอร์แม็คบุ๊กที่ตนเองพกติดตัวมา แล้วประวัติ รูปถ่ายพร้อมผลงานหลายสิบหน้าก็ปรากฏขึ้นบนเว็บไซต์กูเกิล เธอนั่งไล่อ่านอย่างรวดเร็วแล้วต้องอึ้งระคนตกใจ เมื่อพบว่าเขาไม่ได้โกหก...

ผู้ชายคนนั้นเป็นคนดังจริงๆ กุสตาโบเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง เขามีธุรกิจสิ่งพิมพ์และทำงานด้านบันเทิงมากมาย โดยมีสำนักงานตั้งอยู่ใน ๖ ประเทศ

กุสตาโบ เนียโต โรอา ผู้กำกับภาพยนตร์และนักธุรกิจ สถานภาพโสด เกิดเมื่อวันที่ ๓ เมษายน ที่ประเทศโคลอมเบีย มีผลงานด้านการกำกับและอำนวยการสร้างภาพยนตร์มากมาย เรื่องที่สร้างชื่อให้เขามากที่สุด คือ Entre Sábanas ซึ่งเขาเขียนบทเอง นอกจากถ่ายทำในประเทศโคลอมเบียแล้ว เขายังนำเรื่องและบทภาพยนตร์เดียวกันนี้ไปสร้างในประเทศบราซิล โดยใช้นักแสดงชายและหญิงที่ดังที่สุดของบราซิลในขณะนั้นร่วมแสดง โดยใช้ชื่อเรื่องว่า Entre Lençóis แล้วก็ดังเป็นพลุแตก สร้างชื่อเพิ่มขึ้นให้แก่เขามากมาย

ปัจจุบันชายหนุ่มใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ที่บราซิล โคลอมเบียและอเมริกา ที่เหลือบินไปทำงานช่วงสั้นๆ ตามประเทศต่างๆ ที่มีสำนักงานตั้งอยู่


นอกจากนี้มีบทความเกี่ยวกับความเป็นเพลย์บอยของเขา ที่ดูเหมือนเขาใช้คู่ควงเปลือง โดยเปลี่ยนผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า ส่วนใหญ่เป็นดารานักแสดง หรือไม่ก็นางแบบปกนิตยสาร แล้วนวินดาก็คลิกดูยูทูปที่เป็นบทสัมภาษณ์ของเขา บทสัมภาษณ์ส่วนใหญ่เป็นภาษาสเปนหรือไม่ก็ภาษาโปรตุเกสซึ่งเธอไม่ถนัดเท่ากับภาษาอังกฤษ จึงได้แต่คลิกดูภาพเขา

ใบหน้าหล่อเหลาดูแข็งกร้าวดุดันเมื่ออยู่บนเวที เขาดูสมาร์ทมาดแมนในชุดทักซิโด บุคลิกนิ่งเคร่งขรึม ดูมุ่งมั่นกับเป้าหมาย นวินดาคิดพลางพิศใบหน้าเขา คืนก่อนเธอมัวแต่พยายามคิดเอาตัวรอดจากสถานการณ์ชวนตกใจนั่น จึงไม่ได้พินิจใบหน้าเขาอย่างถี่ถ้วน เพิ่งมีโอกาสมองเขาเต็มตาก็ตอนนี้

กุสตาโบมีผมยาวหยักศก ตาคมซึ้งหวานราวกับตาผู้หญิงภายใต้ขนตายาวงอนดกหนาเป็นแพ เธอคิดว่าสามารถตั้งไม้ขีดไฟได้เลยทีเดียว จมูกโด่งตรงได้รูปสวย รับกับเรียวปากสีแดงระเรื่อเป็นรูปกระจับดั่งเรียวปากอิสตรี ใช่...ต้องยอมรับว่าเขาเป็นผู้ชายหล่อเหลาหาตัวจับยากจริงๆ ถ้ามีใครบอกว่าเขาพ่วงดีกรีดารานักแสดงด้วยอีกตำแหน่ง นอกเหนือจากผู้กำกับและนักธุรกิจ เธอจะไม่สงสัยเลย...

คืนนั้นในบาร์แค่เพียงพบสบตา เธอก็ว่าหัวใจเต้นแรงแล้ว มาในเที่ยงวันนี้เหมือนหัวใจจะเต้นแรงยิ่งกว่า... เธอคงบ้าผู้ชายหล่อ เท่ สมาร์ทไปแล้วจริงๆ



กุสตาโบวาดฝันว่า “โลกจะกลม” อีกสักครั้ง ยามนี้เขาต้องการปาฏิหาริย์เหลือเกิน เขาอยากสั่งสอนเธอ...ผู้หญิงที่เต็มไปด้วยเล่ห์เพทุบายและพิษสงร้ายกาจคนนั้น ผู้กำกับหนุ่มให้สัญญากับตัวเองเลยว่าถ้าได้พบเธออีกครั้งเขาจะจัดการสั่งสอนเธอให้หนัก จะไม่ปล่อยให้หลุดรอดลอยนวลเป็นครั้งที่สอง และแน่นอนหนนี้เขาจะระมัดระวังตัวให้มาก จะไม่หลงกลอุบายใดๆ ของเธออีก

แค่โดนเธอทุบหัวยังกับปลาถูกทุบ ก็ดูแย่ เหมือนโดนหมิ่นศักดิ์ศรีพออยู่แล้ว นี่ยังแถมถูกฉกบัตรเครดิตและเงินสดไปอีก...เธอลบเหลี่ยมเขามากเกินไป

แม่แมวขโมย...เขาไม่น่าไว้ใจเธอ

หลังรู้สึกตัวจากสภาพเลือดกบแผลท้ายทอย เขาก็ไปคลินิกให้หมอเย็บทำแผล ตอนนั้นถึงได้รู้ว่าเงินสดหายไปห้าพันบาท กลับมาสำรวจข้าวของอย่างละเอียดอีกครั้ง จึงพบว่าบัตรเครดิตหายไปหนึ่งใบ เขาไม่ได้แจ้งความ ได้แต่โทร.ทางไกลไปอายัดบัตรซึ่งไม่พบว่ามีการรูดบัตรเกิดขึ้น

อะไรไม่รู้ดลใจให้เขาไม่แจ้งความ...นั่นสิ ถ้าเล่าให้ใครฟังก็อาจถูกหาว่า “โง่” ที่เสียรู้แล้วยัง “โง่บรม” ที่ไม่คิดเอาเรื่องเอาราวอีก ความจริงเขาอยากเอาเรื่อง แต่อยากจัดการในวิถีทางของเขามากกว่าและเขาเชื่อว่า Every dog has his day<1> ฉะนั้นวันถัดมาเขาจึงไปที่บาร์นั้นอีกครั้ง แต่ไม่พบเด็กสาวกลุ่มนั้นอีก ผู้จัดการร้านบอกเขาว่าเด็กสาวสองคนท้าพนันขันต่อ โดยเล่นแผลงๆ ปลอมตัวเป็นสาวอะโกโก้ ใครได้เงินค่าทิปจากลูกค้าถึงห้าพันบาทก่อน เป็นฝ่ายชนะ วินาทีนั้นเขาถึงบางอ้อว่าถูกเธอปั่นหัว เพราะเธอไม่ใช่สาวนักเต้น แต่เป็นเพียงเด็กใจแตก ที่คงมาหาอะไรทำสนุกๆ... ทว่าเขาต้องยอมรับว่าเธอสวมบทบาทได้แนบเนียนมาก โดยเฉพาะท่าเต้นยั่วผู้ชาย หรือยอมให้ลูกค้าฝรั่งล่วงเกินตอนหยอดธนบัตรสอดไว้ที่หว่างอก

บางที...การที่พบว่าเธอเป็นเด็กใจแตกแทนที่จะเป็นสาวนักเต้น อาจเป็นเหตุผลทำให้เขาไม่คิดอยากแจ้งความเอาผิดกับเธอก็ได้ แต่ให้ตายเถอะ... ยิ่งเป็นเหตุผลที่เขาอยากสั่งสอนเธอค่าที่บังอาจมาลบเหลี่ยมเขา กุสตาโบยังคงคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยอย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน เขาเดินกลับไปที่ร้านอาหารริมทะเลแห่งเดิม หวังเผื่อฟลุคเจอเด็กสาวคนนั้นอีก

ใช่... เขาอยากให้โลกกลมอีกครั้ง

ดูเหมือนคำอธิษฐานของเขาได้ผล เพราะสิ้นคำขอก็เห็นเด็กสาวคนเดิมกำลังยืนอยู่ริมหาด ดูเหมือนเธอกำลังต่อรองอะไรบางอย่างกับคนให้เช่าเจ็ตสกี เขาเดินเข้าไปทางด้านหลังเธอโดยไม่ลังเล

“ขอลดหน่อยไม่ได้หรือคะ ยังไงเราก็เป็นคนไทยด้วยกัน น่า ๒๐ นาทีแค่พันเดียวพอ”

“ไม่ได้หรอกหนู เดี๋ยวนี้น้ำมันแพง เพิ่มอีก ๒๐๐ ให้โกเถอะ” คนให้เช่าเจ็ตสกีตอบ

“ถ้า ๒๐ นาที ๑,๒๐๐ แล้ว ๓๐ นาทีเท่าไหร่”

นวินดาตวัดสายตาไปมองด้านหลังในทันทีที่ได้ยินเสียงทุ้ม เธอหน้าซีดเผือดก่อนจะตามมาด้วยแดงก่ำและสลับกับเผือดอีกครั้งเมื่อเห็นโจทก์ยืนอยู่ไม่ห่างในระยะเอื้อมมือคว้า และบัดนี้เขาก็เอื้อมมือมาเหนี่ยวข้อมือเธอไว้แล้วด้วย จะสะบัดหนีหรือวิ่งหนีก็ไม่ถนัดเพราะเขาออกแรงบีบแน่นอยู่ และชะรอยเขาจะเดาความคิดเธอได้ เพราะขณะนี้เจ้าตัวโน้มศีรษะลงมากระซิบข้างหูเธอว่า

“อย่าแม้แต่จะคิดหนีเด็ดขาดแม่จอมขโมย หนนี้ฉันเอาเธอตายแน่” กุสตาโบขู่พลางบีบกระชับมือนุ่มอีกครา จนเธอนิ่วหน้า เด็กสาวคงเจ็บ... แต่ช่างเพราะนั่นคือสิ่งที่เขาต้องการ- -เขาอยากสั่งสอนเธอ

นวินดากลืนน้ำลายอึกใหญ่ นึกก่นด่าตัวเองที่อยากขี่เจ็ตสกีไม่เข้าเรื่อง ถึงทำให้ต้องมาเจอเหตุการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้ เด็กสาวหันไปทางคนให้เช่าเจ็ตสกี แล้วว่า “ช่วยด้วยค่ะ ฉันไม่รู้จักผู้ชายคนนี้ เขามาติ๊งต่างว่าเป็นแฟนฉัน ทั้งที่เราไม่รู้จักกัน ช่วยฉันด้วยนะคะ” ว่าพลางสะบัดมือเป็นเชิงให้สัญญาณคนให้เช่าเจ๊ตสกีช่วยปลดมือเขาออกไปที

กุสตาโบชะงัก

ไม่ต่างจากคนให้เช่าเจ็ตสกีก็ชะงักด้วยเหมือนกัน เขาเหลียวมองผู้ชายตัวสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ข้างหลังเด็กสาว เมื่อพิจารณาดูก็ไม่น่าใช่คนเลวเกวหรือล่อกแล่กอะไร และไม่น่าใช่พวกสิบแปดมงกุฎดังที่เด็กสาวว่าด้วย ตรงกันข้ามฝ่ายชายหน้าตาท่าทางดี ดูเป็นผู้ดีที่มีสกุลรุนชาติด้วยซ้ำ เขาจึงยืนมองสถานการณ์ตรงหน้านิ่งๆ แค่เอ่ยปากถามฝ่ายชายว่า

“จริงหรือเปล่า คุณไม่รู้จักกันเหรอ”

ผู้กำกับหนุ่มไม่ตอบ แต่หันไปกัดฟันคุยกับเด็กสาว แทบไม่เห็นไรฟันว่า “ทำไมถึงชอบเล่นบ้าๆ อะไรแบบนี้ ไปบอกเขาแบบนั้นเดี๋ยวเขาก็เกิดเชื่อเรื่องแต่งของเธอจริงๆ หรอก” แล้วหันไปทางคนให้เช่าเจ็ตสกี บอกว่า “ขอโทษนะครับแฟนผมชอบเล่นพิเรนทร์ๆ แบบนี้เป็นประจำ เวลางอนหรือไม่พอใจอะไรก็ชอบบอกคนอื่นๆ ว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน เรากำลังทะเลาะกันอยู่น่ะครับ เธอโกรธผมเลยหนีมาจะขี่เจ็ตสกีคนเดียว ผมกำลังตามง้ออยู่ครับ สองวันก่อนเธองอนผม หาว่าเจ้าชู้ไปเที่ยวกับผู้หญิงคนอื่น ทั้งที่ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ใครเลย น้องสาวแท้ๆ ของผม เธอก็ยังคิดมาก ขี้หึงครับ แล้วไม่หึงธรรมดา ชอบใช้กำลังด้วย ไม่พอใจอะไรก็ฟาดผมหัวแบะทุกครั้ง นี่ยังมีหลักฐานที่ท้ายทอยอยู่เลยครับ” ว่าพลางเอี้ยวตัวให้ดูผ้าก๊อซที่แปะไว้ที่ท้ายทอย

นวินดาอ้าปากค้างกับการแต่งเรื่องได้เป็นวรรคเป็นเวรของเขา เธอลุแก่โทสะ ระเบิดอารมณ์ขึ้นว่า “นี่คู้น ฉันควรจะตีหัวคุณให้แบะจริงๆ ใช่ไหม จะได้ปั้นเรื่องได้สมจริงสมจังกว่านี้”

“โถๆ ทูนหัว แค่นี้ฉันก็โดนเย็บไปหลายสิบเข็มแล้ว ขืนแบะอย่างที่เธอว่าจริงๆ คงต้องนอนโรงพยาบาลให้หมอหยอดน้ำเกลือ ถึงตอนนั้นเธอจะร้องไห้ขี้มูกโป่ง ไม่มีคนคอยตามใจไม่รู้ด้วยนะ” แม้ปากจะพูดล้อเล่นแต่แววตาวาววับที่เหมือนจะบอกว่าจดจำรอยแผลจากฝีมือเธอ ไว้รอเอาคืนอยู่

“เชิญเลย...ฉันจะจุดประทัดดีใจคนแรกสิไม่ว่า” ทำปากเก่งแต่ใจชักแหยงๆ

“เธอจะใจร้ายใจดำกับฉันได้ลงคอหรือ”

“แหงล่ะ ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับคุณนี่”

“ใครว่า...ว่าที่สามีเธอในอนาคตนะ”

“บ้า...อย่ามาพูดซี้ซั้วนะเดี๋ยวก็ตีหัวแบะอีกรอบหรอก” เริ่มเสียงแข็งขึ้นอีกครั้ง

ถึงตอนนี้คนให้เช่าเจ็ตสกีก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่ไม่ต้องเป็นกรรมการห้ามบนเวที นึกดีใจที่ไม่หลงเชื่อเด็กสาวเข้าไปแส่แต่แรก ไม่เช่นนั้นเขาก็คงโดนข้อหายุ่งเรื่องผัวเมียแบบตกกระไดพลอยโจนโดยไม่ตั้งใจ

“พวกคุณคืนดีกันได้ก็ดีแล้ว แฟนกันทะเลาะนานๆ ไม่ดีหรอก เอาแค่พอกระชุ่มกระชวยก็พอ” หันไปทางเด็กสาว พูดต่อว่า “พี่ฝรั่งก็ดูรักน้องดูแลน้องดี ไม่น่าต้องคิดมากขี้โมโหไปเลย คนเป็นแฟนกันถ้าไม่เชื่อใจกัน จะอยู่กันลำบากนะ”

นวินดาอ้าปากค้างก่อนหุบปากฉับเมื่อกลายเป็นเธอที่ถูกเทศนา เด็กสาวหันไปมองคนยืนซ้อนหลังที่บัดนี้ยิ้มกริ่ม

กุสตาโบทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ใส่เด็กสาว ก่อนหันไปคุยกับคนให้เช่าเจ็ตสกีราวกับสนิทสนมมานานว่า “ผมก็ว่างั้นแหละ พี่เข้าใจผมที่สุดเลย บอกรักเขาตั้งหลายครั้ง แต่เขาไม่เคยเชื่อใจผมเลย ว่าแต่...เจ็ตสกี ๓๐ นาทีเท่าไหร่ครับ”

“๑,๕๐๐ ครับ รวมคนซ้อนด้วยก็ ๑,๗๐๐”

“งั้นผมให้ ๒,๐๐๐ เลย แต่รบกวนช่วยเฝ้าของให้ผมหน่อย” ว่าพลางส่งกระเป๋าสตางค์ และแว่นกันแดด

“ได้เลยครับ ยินดีมาก”

นวินดามองคนโน้นทีคนนี้ทีด้วยสีหน้าเหลอหลา ไม่เข้าใจว่าตัวเองตกกระไดพลอยโจนกลายเป็นคนซ้อนเจ็ตสกีไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ทั้งที่ความตั้งใจแต่แรกที่เข้ามาเจรจาต่อรองราคากับคนให้เช่าเจ็ตสกี ก็หวังเพื่อเป็นคนขี่...คนเดียวที่ไม่มีตัวแถมด้วย

กุสตาโบยังคงทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ เขารับเสื้อชูชีพจากคนให้เช่าเจ็ตสกีแล้วหันมาทางคนตีหน้าคว่ำ ส่งเสื้อชูชีพให้พลางบอกว่า “รับไปสวมสิ ไม่อยากขี่เจ็ตสกีแล้วหรือ”

“ไม่...คุณไม่อยู่ในโปรแกรมฉัน ฉันจะขี่ของฉันคนเดียว”

“หนึ่ง...” เขาลดศีรษะลงไปกระซิบให้ได้ยินแค่สองคน “ถ้ายังพยศไม่เลือกเวลา ครั้งนี้ฉันเล่นงานเธอถึงตายจริงๆ จำเรื่องที่เธอตีหัวฉันและขโมยเงินได้ไหม ฉันจะจับเธอไปส่งตำรวจ”

นวินดาหน้าเสีย เธอกระซิบเสียงเครียดว่า “ฉันน่าจะตีหัวคุณให้แบะจริงๆ จะได้ไม่มีแรงมาขู่แบบนี้”

“เธอก็นอนคุกแทน เลือกเอา” ผู้กำกับหนุ่มโต้ทันควัน

เด็กสาวกัดริมฝีปาก จำใจยื่นมือออกไปรับเสื้อชูชีพจากเขา แล้วเธอก็อ้าปากค้างเมื่อเห็นเขาถอดเชิ้ตและกางเกงออก “คุณจะบ้าเหรอ จะถอดเสื้อผ้าขี่เจ็ตสกีนี่นะ”

“เธอนั่นแหละไม่ปกติ ขี่เจ็ตสกีทั้งที่สวมเดรสแบบนั้น ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันมีกางเกงว่ายน้ำสวมอยู่ข้างใน”

นวินดารีบผินหน้าหนีเมื่อเขาเหลือแต่กางเกงว่ายน้ำ แต่ยังทันเห็นผิวอ่อนบริเวณใต้ร่มผ้าว่าขาวผ่องแค่ไหน และกล้ามหน้าอก ท้องและแขน ก็เป็นมัด

กุสตาโบสวมเสื้อชูชีพของตัวเองเรียบร้อยแล้วก็หันมามองเด็กสาวซึ่งยังคงยืนถือเสื้อชูชีพ ไม่ยอมสวม เขาย้ำว่า “ฉันว่าคนที่แปลกจริงๆ คือเธอแล้วล่ะ สวมกระโปรงเล่นเจ็ตสกี”

“ใครบอก ฉันสวมชุดว่ายน้ำอยู่ข้างในเหมือนกัน”

“งั้นเธอก็กลัวฉัน ถึงได้ไม่กล้าถอด”

“เรื่องอะไรฉันต้องกลัวคุณ”

“งั้นก็เปลี่ยนได้แล้ว เธอไม่ควรเสียเวลาไปมากกว่านี้ แดดเริ่มอ่อนแสงลงเรื่อยๆ แล้ว”

เมื่อเห็นเขาทำท่าปกติ ไม่มีทีท่าว่าสนใจเธอ เพราะขณะนี้กำลังมองตรงไปที่ทะเล พลางพูดคุยกับคนให้เช่าเจ็ตสกี นวินดาจึงรีบถอดเดรสตัวนอกออก เหลือบิกินี่ เธอสวมเสื้อชูชีพทับลงไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นส่งเดรส พร้อมข้าวของอย่างอื่นให้กับคนให้เช่าเจ็ตสกี

“ฝากด้วยนะคะ”

“ครับ”

กุสตาโบถือวิสาสะกระตุกมือบางมากุมในมือ จูงไปทางเจ็ตสกี รอคนให้เช่าเจ็ตสกีสาธิตการใช้อุปกรณ์ แล้วเขาก็ขึ้นนั่งโดยมีเด็กสาวก้าวขึ้นซ้อนท้ายในจังหวะไล่ๆ กัน

“กอดเอวฉันให้แน่นๆ ตกลงไปจะหาว่าไม่เตือน”

เธอจึงกระชับมือที่เกาะเอวเขาให้แน่นขึ้น ทว่าก็ยังนั่งห่างอยู่ดี ตราบจนกุสตาโบเริ่มขี่ฉวัดเฉวียนออกห่างจากฝั่ง เธอจึงรีบขยับชิดแผ่นหลังเขา กอดเอวแน่นพลางกรี๊ดสลับโวยวายลั่น

“เบาๆ หน่อย คุณจะทำให้ฉันหัวใจวาย”

กุสตาโบหัวเราะในลำคอ ดีใจที่ได้แกล้งเด็กสาว เขาขี่ฉวัดเฉวียนอีกครู่ใหญ่ แล้วจึงผ่อนจังหวะช้าลงด้วยนึกสงสารอีกฝ่าย ผู้กำกับหนุ่มตะโกนแข่งกับเสียงคลื่นลมว่า “ทำไมถึงหนีฉันมา”

“ก็คุณทำให้ฉันตกใจ” เธอตะโกนตอบ แข่งกับเสียงคลื่นลม

“เธอเป็นสาวนักเต้นไม่ใช่เหรอ เรื่องแค่นั้นไม่น่าขี้ตื่น” กุสตาโบลองเชิง ด้วยอยากรู้ว่าเด็กสาวจะโกหกเขาไปอีกนานแค่ไหน

“ไม่รู้ล่ะ คุณทำให้ฉันตกใจนี่”

“เธอยังติดหนี้ฉัน เธอคงไม่คิดว่าฉันจะยกหนี้ให้ง่ายๆ หรอกนะ”

“คุณก็ยังค้างฉันหนึ่งแสน คุณไม่ต้องคืนฉัน ถือว่าเราเจ๊ากันไปก็แล้วกัน”

“หัวหมอจริงๆ ขี้ขโมยแล้วยังจะหัวหมออีก”

“นี่คุณ”

“เธอขโมยเงินฉันห้าพัน แล้วยังเอาบัตรเครดิตฉันไปด้วย” กุสตาโบตะโกนพูดต่อ

“ฉันไปเอาบัตรเครดิตคุณเมื่อไหร่มิทราบ เงินสดน่ะโอเคฉันไม่เถียง ฉันฉวยติดมือมาจริงๆ แต่บัตรเครดิตฉันไม่ได้เอาไป”

เด็กสาวพูดราวกับมันเป็นของสาธารณะที่ใครๆ ก็หยิบฉวยกันไปได้ง่ายๆ กุสตาโบถอนใจอย่างอ่อนใจ ก่อนว่า “เธอเอาไปหนึ่ง... เธอเอาไปพร้อมกับเงินสด”

“เงินห้าพันเดี๋ยวฉันคืนคุณ แต่บัตรเครดิตฉันไม่ได้เอาไปจริงๆ”

“แล้วมันหายไปได้ไง”

“ฉันจะไปรู้เหรอ คุณอาจทำหายที่ไหนสักแห่งระหว่างที่กำลังจีบสาวอะโกโก้ที่ไหนอยู่ก็ได้”

“ฉันไม่เคยจีบสาวอะโกโก้ที่ไหน นอกจากเธอคนเดียว”

เจอไม้นี้นวินดาก็อึ้ง ไปไม่ถูก เด็กสาวถอนหายใจแล้วย้ำว่า “เดี๋ยวเงินห้าพันฉันคืนคุณ แต่บัตรเครดิต ฉันไม่ได้เอาไป จะให้หาที่ไหนมาคืนคุณ”

“ฉันบอกอะไรเธออย่างนะ บัตรเครดิตใบนั้นฉันเพิ่งใช้กดเงินให้เธอ ก่อนพบเธอมันยังอยู่ แต่เพิ่งมาหายหลังจากเธอหายตัวไป”

“นี่คุณไม่เชื่อฉันเหรอ ว่าฉันไม่ได้เอาไป”

“เงินห้าพันเธอก็ขโมยไปแล้ว ฉะนั้นนับประสาอะไรกับแค่บัตรเครดิต”

“มันต้องหายในห้องคุณนั่นแหละ”

“ไม่เห็นมีนี่ เธอไปหาให้สิ” กุสตาโบตะล่อม พยายามหลอกล่อให้เด็กสาวติดกับดัก

นวินดากัดริมฝีปากแน่น ทำไมเธอต้องซวยซับซวยซ้อนแบบนี้นะ “ในเมื่อมันหายไปแล้ว คุณอายัดไม่ได้หรือไง แล้วค่อยทำบัตรใหม่”

“ฉันอายัดแล้วจะเอาเงินที่ไหนมาใช้”

“ก็คุณบอกเองว่ามีบัตรเครดิตหลายใบ”

“แต่ใบนั้นมีเงินมากที่สุด ใบอื่นฉันมีวงเงินไม่พอ” กุสตาโบโกหกหน้าตาเฉย แววตาที่มองคลื่นทะเลเบื้องหน้าจุดรอยยิ้มขำขัน

นวินดาตีหน้ายุ่ง “งั้นฉันคืนเงินคุณหมดเลยก็ได้ ถ้าได้เงินก้อนนี้คุณคงไม่ลำบากใช่ไหม”

กุสตาโบอึ้ง ใจอ่อนลงชั่ววูบเมื่อได้ยินว่าเด็กสาวไม่ได้ใจร้ายจนเกินไป แต่ยังมีน้ำใจต่อเขา ผู้กำกับหนุ่มตัดสินใจเดินหน้าลองใจต่อไป “ถ้าเธอคืนเงินฉันมาหมด แล้วเธอไม่จำเป็นต้องใช้เงินก้อนนั้นเหรอ”

“ก็...ความจริงฉันตั้งใจใช้เงินก้อนนั้นไปเรียนซัมเมอร์ที่เมืองนอก แต่ไม่เป็นไร... ฉันเปลี่ยนใจไม่ไปแล้วก็ได้”

คลื่นลมเข้ามาพอดี ทำให้ผู้กำกับหนุ่มได้ยินไม่ถนัด เขาถามย้ำว่า “เธอว่าอะไรนะ ฉันไม่ได้ยิน”

“ฉันบอกว่าฉันตั้งใจจะนำเงินก้อนนั้นไปเรียนซัมเมอร์ที่อเมริกา แต่ไม่เป็นไร... ไม่ไปเรียนแล้วก็ได้”

ผู้กำกับหนุ่มอึ้งอีกครา “แล้วถ้าฉันบอกว่าถึงเธอคืน ก็ไม่มีผลกับข้อตกลงล่ะ เพราะยังไงฉันก็จะเดินหน้าตามเงื่อนไขเดิมของเรา”

“คุณหมายถึงอะไร”

“ฉันหมายความว่า ฉันอยากนอนกับเธอ” กุสตาโบบอกออกไปตรงๆ

ในมุมมองของเขา คิดแค่ว่าเด็กสาวใจแตก ฉะนั้นถ้าเพิ่มเขาไปในทำเนียบผู้ชายของเธออีกคน ก็คงไม่มีอะไรที่แตกต่างออกไป เขาชอบเธอมากและเขามั่นใจว่าเธอคงคิดอะไรกับเขาบ้าง ไม่อย่างนั้นคงไม่ยอมขึ้นไปบนห้องพักกับเขา อีกอย่างเธอบอกว่าอายุ ๑๙ ฉะนั้นอายุเลยคดีพรากผู้เยาว์ไปแล้ว... ถึงวินาทีนี้ดูเหมือนว่ากุสตาโบจะจงใจลืมความตั้งใจเดิมเสียสิ้นที่ว่าจะสืบหาอายุแท้จริงของเด็กสาวจากบัตรประจำตัว ด้วยว่าใบหน้าเยาว์วัยเกินกว่าจะมีอายุ ๑๙ ดั่งที่เด็กสาวบอก

นวินดาฟังคำตอบแล้วอึ้ง “ทำไมคุณถึงเกิดความรู้สึกแบบนั้น ฉันเชื่อว่าผู้ชายอย่างคุณ ย่อมมีผู้หญิงอยากมีอะไรด้วยนับไม่ถ้วนแน่ ทำไมคุณถึงเลือกฉัน”

“ก็บอกแล้วฉันชอบเธอ รู้สึกถูกชะตาด้วย บางทีโชคชะตาอาจเล่นตลกอย่างนี้แหละ”

“คุณจะอยู่เมืองไทยอีกกี่วัน” เด็กสาวถามไปอีกทาง

“อาทิตย์หนึ่ง แล้วเธอล่ะอยู่ภูเก็ตใช่มั้ย” ยามนั้นกุสตาโบไม่นึกอยากซอกแซกเรื่องส่วนตัวของเด็กสาวนัก บางทีอาจเป็นเพราะความรู้สึกของเขาไม่ต้องการผูกมัดนอกเหนือจากทางกาย

“เปล่าค่ะ ฉันมาจากกรุงเทพฯ”

“แล้วเธอจะอยู่ภูเก็ตกี่วัน”

“อีกสี่วันค่ะ”

“งั้นย้ายมาอยู่ด้วยกันไหม”

“อะไรนะ?” นวินดาอึ้ง พูดไม่ออก เมื่อถูกชวนดื้อๆ

“เธอบอกว่าอยากไปเรียนซัมเมอร์ต่างประเทศ ฉันยินดีส่งเธอไปเรียน ใช้เงินเท่าไหร่ก็แล้วแต่ตามที่ต้องการ...ขอแต่เธอมาใช้วันหยุดที่เหลือกับฉัน” กุสตาโบทั้งหลอกล่อทั้งเกลี้ยกล่อม เป็นครั้งแรกที่เขาอาศัยประสบการณ์ชีวิตที่โชกโชนกว่าและเหนือชั้นกว่ามาทำในสิ่งที่เรียกว่า “หว่านล้อม” เพื่อให้เด็กสาวคนหนึ่งยอมนอนด้วย ทั้งที่ในอดีตเขาไม่เคยประสบปัญหานี้มาก่อน ตรงกันข้ามมีแต่พยายามวิ่งหนีทั้งสาวและไม่สาวที่พยายามไล่จับเขา

“ถ้าฉันบอกว่าห้าแสน...”

ผู้กำกับหนุ่มอึ้ง ก่อนตอบว่า “เธอมักเสนอตัวเลขที่ทำให้ฉันอึ้งได้เสมอ” ตบท้ายด้วยเสียงหัวเราะ ก่อนพูดต่อ “ตกลง...ห้าแสนก็ห้าแสน แต่คราวนี้หวังว่าคงไม่มีอะไรตุกติกอีกใช่ไหม”

นวินดาสำลักน้ำลายตัวเอง “ฉันพูดเล่น ไม่เอาหรอก ไม่เคยคิดขายตัวเองกิน”

“ทำไมมองเป็นเรื่องซื้อขาย ทำไมไม่มองว่าการได้ใช้เวลาดีๆ กับใครสักคนที่เรารู้สึกดีด้วย มีคุณค่าและประสบการณ์ที่น่าจดจำ ฉันสัญญาว่าจะทำให้ช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกันเป็นประสบการณ์ที่เธอลืมไม่ลง”

อึ้งอีกคราอย่างไตร่ตรอง แล้วเด็กสาวก็พูดขึ้นว่า “แล้วถ้าฉันตกลง คุณจะหาเงินจากไหนมาให้ ในเมื่อคุณบอกเองว่าทำบัตรเครดิตหายซึ่งเป็นบัตรที่มีวงเงินมากที่สุดด้วย”

กุสตาโบหัวเราะ “ไม่ต้องห่วง ฉันมีวิธีของฉัน แค่ตกปากรับคำ รับรองว่ามากกว่าห้าแสนฉันยังหามาให้เธอได้”

นวินดาอึ้ง...คิดในใจว่า ไม่เขาก็คงเป็นเธอที่ “บ้า” บ้าที่ไม่น่าไปคิดว่าข้อเสนอของเขามันยั่วยวนใจ

.....................................

1.Every dog has his day : ทุกคนย่อมมีโอกาส ครั้งนี้แพ้ครั้งหน้าก็สามารถแก้ตัวใหม่ได้ เทียบเคียงเป็นสุภาษิตไทยได้ว่า “วันพระไม่ได้มีหนเดียว”






lozocatlozocat




Create Date : 18 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 18 พฤศจิกายน 2555 22:24:12 น.
Counter : 1364 Pageviews.

4 comment
บันทึกแห่งรัก...บท 4

เธอรักษาคำพูด... กุสตาโบนึกพลางมองเด็กสาวที่เดินตรงมาที่เขาพร้อมกับเพื่อนกลุ่มใหญ่ พวกเธออยู่ในชุดเสื้อกล้ามและกางเกงขาสั้นที่ดูจะรัดกุมกว่าชุดเต้นอะโกโก้สักหน่อย

“คุณ?”

“กุสตาโบ เนียโต โรอา คุณเรียกผมว่ากุสตาโบก็ได้”

“ยินดีที่ได้รู้จักกันค่ะ นี่เพื่อนๆ ของฉัน” แล้วนวินดาก็จัดการแนะนำรอบวง โดยจงใจที่จะละเว้นตัวเอง

“คุณพูดภาษาไทยได้ด้วย ฉัน...”

อภิญญาอุทานอย่างประหลาดใจ แต่นวินดาไม่ปล่อยให้เพื่อนพูดจนจบ เธอจงใจแทรกขึ้นว่า “ฉันแนะนำให้พวกแกรู้จักกุสตาโบแล้ว งั้นฉันขอตัวนะ”

“เฮ้... จะรีบไปไหน แกนี่หวงจริง หรือกลัวว่าฉันจะงาบผู้ชายของแก”

นวินดาหน้าแดง ขณะที่กุสตาโบลอบยิ้มขำกับบทสนทนาเฮี้ยวๆ ของเด็กสาวๆ นวินดาส่งมะเหงกให้เพื่อน แล้วถือวิสาสะฉวยมือเขาแยกออกมา โดยที่ไม่เปิดโอกาสให้ทั้งสองฝ่ายล่ำลากัน จึงเกิดเสียงท้วงจากเพื่อนๆ โดยพลัน

กุสตาโบหัวเราะในลำคอ ก่อนว่า “คุณกำลังทำตัวเป็น... หวงก้างอย่างที่เพื่อนคุณว่านะ”

“แล้วแต่คุณจะคิด” นวินดาพูดเสียงสะบัดๆ แล้วปล่อยมือเมื่อเดินห่างออกมาจากบาร์ได้ครู่หนึ่ง

“จับมือเหมือนเมื่อกี้น่ะดีแล้ว ผมชอบ” กุสตาโบพูดพลางเป็นคนฉวยมือบางมากุมเอง นวินดานิ่วหน้าพยายามขืนตัว แต่ฝ่ายนั้นไม่ยอมคืนอิสรภาพให้ เธอจึงต้องปล่อยเลยตามเลย

“นี่คุณ...เราจะไปไหนกัน”

“ผมบอกคุณไปแล้ว หรือคุณลืม?”

“คุณบอกตอนไหน”

“ก็ได้ผมจะเท้าความจำให้ เราจะไปห้องพักของผม”

นวินดากลืนน้ำลาย “เราไม่แวะหาอะไรดื่มก่อนเหรอ” ถามออกไปแล้ว ก็นึกได้ว่าไม่ฉลาดเลยที่ยื่นข้อเสนอไปแบบนั้น เพราะถ้าเขาแวะดื่มจริงๆ แล้วเกิดเมาครองสติไม่อยู่ เธอคงลำบากแน่ คิดแล้วก็รีบเปลี่ยนข้อเสนอใหม่ว่า “ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ไปที่ห้องพักคุณเลยก็ดีเหมือนกัน จะได้จบๆ”

“อะไรจบๆ”

“ก็เต้นโชว์ไง”

“อ้อ...” กุสตาโบแสร้งลากเสียงยาว โดยไม่ต่อความยาวสาวความยืด แต่ถามไปอีกทางว่า “เด็กๆ กลุ่มนั้น เป็นสาวนักเต้นหมดเลยเหรอ ผมหมายถึงเทเบิล แดนเซอร์”

“ไม่ใช่ เอ๊ย...ใช่”

กุสตาโบหันไปมอง “ตกลงใช่หรือไม่ใช่” ความจริงเขากำลังนึกกระหยิ่มใจปนภาคภูมิใจเล็กๆ ที่ตอนนี้ตกเป็นเป้าสายตาของบรรดาผู้ชายซึ่งมองมาที่เขากับเด็กสาว กุสตาโบอ่านสายตาเพศเดียวกันออก พวกเขาต่างริษยาที่เขาเป็นเจ้าของเด็กสาวที่เดินอยู่ข้างกาย

ใช่...เป็นใครก็คงรู้สึกแบบนั้น ด้วยเด็กสาวดูใสๆ สะอาดราวกับหิมะแรกตก หากก็มีเสน่ห์ร้อนแรง แทบไม่น่าเชื่อว่าจะมายึดอาชีพแบบนี้ วูบหนึ่งที่เขานึกเสียดายความสาวความสวยและความสดของเธอ กุสตาโบเชื่อว่างานแบบเธอคงผ่านผู้ชายมานับไม่ถ้วน และเขาเชื่อว่าก่อนที่เธอจะมายึดอาชีพนี้คงผ่านผู้ชายมาไม่น้อยเหมือนกัน แต่อย่างว่าคนเราก็มีปัญหาในชีวิตต่างกัน

อย่างไรก็ตามเด็กสาวคนนี้มีอะไรบางอย่างขัดแย้งอยู่ในตัว บางเวลาเธอก็ดูใสๆ บริสุทธิ์เหมือนปุยหิมะ หากในคราวเดียวกันจากท่าเต้นยั่วยวนของเธอ ก็ทำให้เชื่อไม่ลงว่าเป็นสาวบริสุทธิ์ เพราะเธอดูร้อนแรงเกินไป ยังกับ “ลูกไฟ”
เด็กสาวตอบเขาว่า “ก็...พูดไงดีล่ะ คืนนี้พวกนั้นไม่สะดวกขึ้นเต้นน่ะ”

“แล้วคุณยึดอาชีพนี้มานานหรือยัง” กุสตาโบตัดสินใจถามในสิ่งที่ค้างคาใจ

“หมายถึงฉันเหรอ” ถ่วงเวลาหาคำตอบเหมาะๆ

“ใช่...”

“ก็ไม่นาน...”

“แล้วทำไมถึงเลือกงานนี้ วัยขนาดคุณควรเรียนหนังสือ”

“คนทุกคนมีข้อจำกัดไม่เหมือนกันหรอกนะ”

“คุณกำลังจะบอกว่า ติดขัดบางอย่างเลยเรียนไม่ได้?”

“เปล่า ฉันไม่ได้พูดอย่างนั้นสักหน่อย” เธอชักสับสนในคำตอบของตัวเอง

“งั้นความหมายของคุณคือ...?”

“ฉัน...” เธอชั่งใจว่าจะตอบคำถามเขาแค่ไหนถึงเหมาะสม ระดับไหนถึงจะเรียกว่าไม่ไว้ใจคนแปลกหน้าจนเกินไป ที่สุดตัดสินใจไม่พูดความจริง

“ตกลงว่าไง?”

“ฉันมีข้อจำกัดบางอย่างเลยต้องออกจากโรงเรียนมาหางานทำ และวิธีการนี้ก็ได้เงินเร็ว ยิ่งได้เงินเร็วเท่าไหร่ ฉันก็จะกลับไปเรียนได้เร็วเท่านั้น”

“คุณจะบอกว่าทำงานนี้เพื่อหาเงินเรียนหนังสือเหรอ”

“ใช่...”

กุสตาโบอึ้งไปชั่วครู่ เขาพอรู้มาบ้างว่าคนไทยที่ร่ำรวยมีไม่มาก ฉะนั้นบางคนก็ต้องดิ้นรนขวนขวายช่วยเหลือตัวเองเพื่อหาเงินเรียนหนังสือ ผู้กำกับหนุ่มถอนใจแล้วถามว่า “คุณอายุเท่าไหร่”

“๑๙” ข้อนี้ไม่ยากที่จะโกหก เธอโพล่งออกไปโดยไม่เสียเวลาคิดด้วยซ้ำ

กุสตาโบปรายตามามองทันที “หน้าคุณอ่อนยังกะเด็ก ๑๕”

“แต่ฉัน ๑๙ จริงๆ ถ้าอายุไม่ถึงบาร์ไม่ให้ขึ้นเต้นหรอก”

“ผมก็ว่าอย่างงั้น” กุสตาโบพยักหน้าหงึกหงักอย่างยอมรับ แต่ตั้งใจว่าจะลอบดูบัตรประชาชนของเด็กสาวให้ได้

“นี่เราจะไปไหนกัน”

“โรงแรม”

“ทำไมไม่เรียกแท็กซี่หรือตุ๊กตุ๊ก”

“ไม่ โรงแรมอยู่ไม่ไกลจากนี่ เดินคุยกันไปแบบนี้ดีแล้ว เราจะได้ทำความรู้จักกัน”

“ทำเพื่ออะไร”

กุสตาโบลดสายตามองอย่างขำๆ “เธอไม่คิดจะสร้างสัมพันธภาพ หรือทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่บ้างเหรอ”

“ก็...ไม่รู้สิ รู้จักกันอย่างนี้มันฉาบฉวย เดี๋ยวก็ไม่ได้เจอกันอีก”

“ใครจะรู้ วันหน้าเราอาจจะเป็นเพื่อนกันก็ได้”

นวินดาไหวไหล่อย่างไม่เชื่อมั่นคำพูดเขา แต่คร้านจะเถียง

“คุณชื่ออะไร จะให้ผมเรียกว่าอะไรดี”

“คิดว่าจะไม่ถามซะอีก”

กุสตาโบยิ้ม “ถามสิ แต่ยังไม่มีโอกาส คุณเล่นแนะนำเพื่อนทุกคน แต่จงใจข้ามตัวเอง”

“รู้ด้วย”

กุสตาโบหัวเราะแทนคำตอบ

“เรียกฉันว่าหนึ่งแล้วกัน”

“แล้วชื่อจริงล่ะ”

“ขอสงวนได้ไหม แล้วคุณแต่งงานหรือยัง”

“โสด”

“อายุล่ะ”

“๔๕”

นวินดาหันไปมองเขาอย่างตกใจ “อะไรนะ”

“ทำไมทำท่าตกใจแบบนั้น”

“ก็หน้าตาคุณอ่อนยังกะไม่ถึง ๓๐”

กุสตาโบหัวเราะ “ขอบคุณ ผมชอบคำชมของคุณ”

คู่สนทนาเอียงคอ “คุณอายุตั้ง ๔๕ ทำไมยังไม่แต่งงาน หรือว่าแต่งแล้วหย่า หรือว่ามีผู้หญิงในฮาเร็มมากมาย เพียงแต่ไม่ได้แต่งงาน”

กุสตาโบหัวเราะอีกครา “ไม่ใช่อย่างที่คุณว่าสักข้อ ผมยังไม่มีใครจริงๆ ยังไม่เจอใครที่ถูกใจ”

“เหลือเชื่อ”

“เรื่องจริง”

“จริงก็จริง แล้วทำไมคุณถึงพูดไทยคล่องจัง คุณทำอาชีพอะไรเหรอ”

“ผู้กำกับหนังและธุรกิจสิ่งพิมพ์” กุสตาโบตอบตรงๆ

“โอ้โฮเฮะ...หนังอะไร” อุทานอย่างประหลาดใจกึ่งไม่ค่อยเชื่อถือนัก

“หนังป้อนตลาดฮอลลีวูด”

“ว้าว... งั้นคุณก็เป็นคนดังสิ เป็นถึงผู้กำกับหนังฮอลลีวูด คุณต้องรวยแน่”

“ก็มีบ้าง” กุสตาโบพูดอย่างถ่อมตัว รู้สึกขำๆ เมื่อเห็นอาการตาโตอย่างทึ่งระคนประหลาดใจจากเด็กสาวข้างกาย

“ว่าแต่งานคุณก็ดูไม่เกี่ยวกับประเทศไทย แล้วทำไมถึงพูดไทยคล่องจัง”

“ผมมีเพื่อนฝูงคนไทยเยอะ มาเที่ยวเมืองไทยก็หลายครั้ง”

“คุณต้องมีคู่ขาเป็นคนไทยแน่นอน”

กุสตาโบชะงัก แทบสำลักน้ำลาย “หมายถึงอะไร”

“คู่นอนไง”

กุสตาโบเพียงแค่ไหวไหล่ ก่อนเลียนแบบคำตอบของเด็กสาว “ขอสงวนไม่ตอบนะ”

นวินดาไหวไหล่อย่างไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญ “ไม่ต้องตอบหรอก ฉันปักใจเชื่อไปแล้ว”

กุสตาโบหัวเราะ

“ถึงโรงแรมยัง เราเดินมาไกลแล้วนะ” เธอโอดครวญ เริ่มปวดขาที่สวมรองเท้าส้นสูง

“อีกหน่อยหนึ่ง คุณสวมส้นสูงเลยปวดเท้าล่ะสิ”

“ก็นิดหน่อย”

“ทนอีกหน่อย จะถึงแล้ว”

ไม่นานต่อมา กุสตาโบก็พาเด็กสาวเดินทะลุรั้ว ตรงเข้าไปในโรงแรมโอ่อ่าแห่งหนึ่ง

“แพงแน่โรงแรมนี้” เด็กสาวว่าพลางแหงนหน้ามองอาคารสูงตรงหน้า

“ไม่เท่าไหร่หรอก เข้ามาเถอะ เดี๋ยวเราไปหาเครื่องดื่มเย็นๆ ในภัตตาคารดื่มกัน” เขาพาเด็กสาวผ่านประตูกระจกที่พนักงานกำลังเปิดอ้ารออยู่ ก่อนโค้งคำนับอย่างนอบน้อมเมื่อพวกเขาเดินผ่าน กุสตาโบพาเด็กสาวตรงไปยังภัตตาคารของโรงแรม เขาสั่งเครื่องดื่มของตัวเองก่อนหันมาทางเด็กสาว พร้อมส่งเมนูอาหารให้

“สั่งเลย จะกินอะไรก็ตามสบาย”

“แล้วคุณกินอะไร”

กุสตาโบหันไปบอกพนักงานเสิร์ฟแทนคำตอบ ซึ่งเป็นเมนูซีฟู้ด ก่อนหันมาทางเด็กสาว “คุณจะสั่งอะไร”

“ฉันขอแค่เครื่องดื่มเบาๆ ได้ไหมคะ”

“สั่งอะไรมากินหน่อยเถอะ ถือว่ากินเป็นเพื่อนผม”

โดนคะยั้นคะยอแบบนั้น เด็กสาวจึงก้มมองเมนู ก่อนเลือกอาหารเบาๆ รอจนบริกรเดินจากไปแล้วจึงหันมาถามคนข้างกายว่า “คุณยังไม่กินมื้อค่ำเหรอ”

“ใช่...”

นวินดามองหน้าอีกฝ่าย แล้วตัดสินใจถามสิ่งที่คาใจว่า “คุณบอกว่าคุณจะจ่ายให้ฉันสองแสนแลกกับการเต้นโชว์ใช่ไหม”

“ใช่...” ตอบพลางมองคู่สนทนานิ่งๆ เขาเดาอายุจริงๆ ของเด็กสาวไม่ออก เพราะเจอสาวไทยหน้าอ่อนกว่าอายุทำให้ทายผิดมานักต่อนัก นึกพลางพินิจใบหน้าเยาว์วัยตรงหน้า ตอนเดินเข้ามาในโรงแรมซึ่งไฟสว่างจ้าทำให้เขาเห็นใบหน้าเด็กสาวชัดเจนเป็นครั้งแรก บอกได้เลยว่าเด็กสาวดูอ่อนต่อโลกมาก ไม่น่าทำอาชีพเต้นอะโกโก้ได้เลยจริงๆ แต่อย่างว่าคนเราสมัยนี้รู้หน้าไม่รู้ใจ เห็นหงิมๆ เบื้องหลังอาจร้อนแรงเป็นสาวร้อนรักก็ได้ ทว่ามีเรื่องหนึ่งที่เขายอมรับ- -ความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ก็คือ... เด็กสาวตรงหน้าเขาสวยคมจับตาจริงๆ สามารถเป็นดารานำในภาพยนตร์ของเขาได้เลย

เป็นความสวยที่พิเศษไม่เหมือนใคร คงต้องบอกว่าเธองามล้ำเกินพรรณนา เป็นครั้งแรกที่เขาจนคำบรรยายกับความงามของเพศตรงข้าม...

“งั้นฉันขอเงินก่อนได้ไหม”

กุสตาโบหัวเราะ “ผมไม่มีเงินสดพกติดตัวมากขนาดนั้นหรอกนะ ผมต้องขึ้นไปเขียนเช็คบนห้อง”

“เช็คจะเด้งหรือเปล่า”

“ถ้าไม่เชื่อใจ หลังเสร็จจากเรื่องของเรา ผมจะลงมากดเงินสดให้ ตกลงมั้ย?” ซึ่งเขามั่นใจว่ากว่าจะถึงตอนนั้นก็คงไม่แคล้วก่อนรุ่งเช้าเป็นแน่ เด็กสาวคงไม่ได้ซื่อจริงๆ หรอกนะว่าเขาจะปล่อยตัวเธอไปง่ายๆ หลังจากเต้นโชว์เสร็จ ความจริงสาวอะโกโก้ทุกคนย่อมรู้ความหมายของการที่ลูกค้าชวนมาห้องว่าหมายถึงอะไร... และเขาก็เชื่อว่าเธอไม่ได้ “อ่อนหัด” ถึงขนาดไม่รู้สัญญาณนั้น

“ครึ่งหนึ่งก่อนดีไหม คุณจ่ายมาก่อนครึ่งหนึ่ง เสร็จงานค่อยจ่ายที่เหลือ”

กุสตาโบมองเด็กสาวอย่างชมความรอบคอบ ถ้าใครจะค้า “กาม” ก็สมควรต้องรอบคอบอย่างเธอ

“ตกลง งั้นหลังอาหารมื้อนี้ ผมจะไปกดเงินให้คุณ”

“ดีค่ะ ฉันชอบอะไรที่แฟร์ และเร็ว”

กุสตาโบไหวไหล่ หลังจากบริกรนำอาหารมาเสิร์ฟ เขาก็ชวนเด็กสาวคุยสัพเพเหระ เพื่อทำความรู้จัก อย่างน้อยก็ช่วยลดความประหม่าเขินอายให้กับอีกฝ่าย ซึ่งเขาเชื่อว่าลดไปได้มาก เพราะเด็กสาวดูผ่อนคลาย ไม่ค่อยเกร็ง หรือระวังเนื้อระวังตัวเหมือนตอนแรก

หลังเช็กบิลอาหารมื้อนั้น เขาก็ไปกดเงินสด มีตู้เอทีเอ็มระหว่างประเทศไม่ห่างจากโรงแรมนัก โดยเขากดจากเอทีเอ็มต่างใบเนื่องจากแต่ละใบจำกัดจำนวนการกด อีกคราที่เขาต้องนึกชื่นชมกับความฉลาดรอบคอบของเด็กสาว เพราะเขากำลังสงสัยอยู่ว่าเธอจะเก็บเงินสดจำนวนมากขนาดนั้นไว้ที่ไหน จะพกติดตัวก็ดูว่าจะไว้ใจคนรอบข้าง หรือชะล่าใจเกินไป แต่เธอทำให้เขาทึ่งด้วยการเดินเข้าไปในตู้เอทีเอ็มที่ใช้สำหรับฝากเงินซึ่งอยู่ติดกัน จากนั้นจัดการนำเงินทั้งหมดที่เขาให้ รวมถึงเงินที่อยู่ในกระเป๋าสตางค์ออกมานับ ก่อนจะหย่อนลงไปรวมกันในช่องฝากเงิน แล้วจัดการกดเลขที่บัญชีธนาคารโดยดูจากเลขที่บัญชีในโทรศัพท์มือถือที่เจ้าตัวบันทึกเอาไว้

กุสตาโบมองภาพตรงหน้าพลางลูบปลายคาง อดคิดไม่ได้ว่า...ฉลาดไม่ใช่เล่น จากนั้นเด็กสาวก็เดินไปยังตู้เงินเอทีเอ็มที่อยู่ข้างๆ อีกตู้ ก่อนจัดการเช็กยอดเงินแล้วจึงเดินกลับออกมา

“เรียบร้อย คุณจะให้เงินที่เหลือหลังเสร็จงานใช่ไหมคะ”

“แน่นอน”

“เอทีเอ็มคุณกดเงินได้เยอะขนาดนั้นเลยเหรอ คุณกดออกมาให้ฉันแสนหนึ่งแล้วนะ”

“ไม่ต้องห่วง ผมมีเอทีเอ็มหลายใบ” แม่เจ้าประคุณอุตส่าห์ห่วงเผื่อแผ่มาถึงเขาด้วย

นวินดาพยักหน้าหงึกหงัก “ดีค่ะ ฉันอยากได้ยินคำตอบนั้น ฉันไม่อยากฟังว่าการเงินคุณไม่คล่อง”

กุสตาโบจ้องหน้าเด็กสาวแล้วว่าตรงๆ “คุณนี่ไม่หน้าเลือดเท่าไหร่เลยนะ”

“แน่นอน...ไม่เลย อย่าลืมเรากำลังทำธุรกิจกันอยู่”

“เยี่ยม ผมเจอคู่ค้าที่สมน้ำสมเนื้อแล้ว เตรียมตัวให้ดีเถอะผมก็นักธุรกิจเหมือนกัน เพราะงั้นผมใช้คุณคุ้มแน่”

นวินดาตวัดสายตามองอย่างระแวง “หมายความว่าไง”

“เดี๋ยวก็รู้คำตอบ ตามผมมาเลย” ไม่เพียงแค่พูด แต่กุสตาโบยังถือโอกาสฉวยแขนบางพากลับเข้าไปในโรงแรมอีกด้วย มิไยที่คนตามหลังพยายามสะบัดแขนหนี แต่คนลากก็ไม่นำพา



อีกคราที่นวินดาต้องนึกทึ่งกับการตกแต่งภายในห้องพัก เธอไม่เคยเจอห้องพักโรงแรมไหนที่หรูหราเท่านี้มาก่อน ขนาดของครอบครัวเพื่อนว่าหรูหราแล้ว แต่ก็ยังไม่ถึงครึ่งของที่นี่ ซึ่งแน่นอนโรงแรมที่กุสตาโบพักต้องแพงหูฉี่ นวินดาไล่สายตาสำรวจห้องสวีตที่แบ่งแยกเป็นสัดส่วนระหว่างห้องรับแขก ห้องทำงานและห้องนอน ทุกอย่างดูหรูอลังการ

กุสตาโบปล่อยให้เด็กสาวยืนชื่นชมอยู่กลางห้อง ส่วนตัวเองเดินอ้อมไปหลังบาร์เครื่องดื่ม เขาหรี่ไฟให้สลัวเหลือแค่ไฟกลางห้อง แล้วจัดการชงเครื่องดื่ม

“คุณต้องการดื่มอะไร”

“ไม่ค่ะ เอ้อ...ก็ดีค่ะ ขอออนเดอะร็อค”

กุสตาโบตวัดสายตามอง แต่ไม่พูดอะไร จัดการตามคำขอเงียบๆ เขาใส่น้ำแข็งในแก้ว เติมวิสกี้ลงไป โดยไม่ผสมกับอะไร เขาส่งแก้ววิสกี้ให้เด็กสาว จากนั้นจัดการเครื่องดื่มของตัวเอง เขาเข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการเครื่องดื่มแรงๆ เพื่อย้อมใจตัวเองก่อนจะเริ่มภารกิจ ซึ่งความจริงโดยอาชีพ เธอไม่จำเป็นต้องอาศัยเครื่องย้อมใจใดๆ แต่อย่างว่า...บางทีถึงจะเชี่ยวแค่ไหน ก็อาจจะประหม่าตื่นเต้นกันได้ เหมือนอย่างเขาที่แม้จะผ่านสังเวียนรักมาอย่างโชกโชน หากทว่าเขาก็ยังอดตื่นเต้นไม่ได้ เมื่อมาเจอและกำลังจะมีอะไรกับเธอ...แม่ลูกไฟอะโกโก้ที่แสนร้อนแรงรายนี้



“คุณว่าอะไรนะ” นวินดาถามขึ้นราวกับฟังไม่ถนัด เนื่องจากเต้นท่ายั่วยวน...อย่างน้อยก็ในความคิดของตัวเอง จบแล้ว หากทว่าคนที่กำลังนั่งชมการแสดงบนโซฟาหรู นอกจากยังไม่ส่งสัญญาณให้เลิกการแสดงแล้ว ยิ่งกว่านั้นกลับบอกให้เธอ...เปลื้องผ้า ด้วย

ให้นรกแตกเถอะ... เธอไม่ได้ฟังผิดไปใช่มั้ย?

“คุณฟังไม่ผิดหรอก ผมบอกให้ถอดเสื้อผ้า” กุสตาโบย้ำ

“นรกแตกเถอะ...” เธอเผลอพูดไปอย่างที่ใจคิดจริงๆ นวินดากลืนน้ำลายลงคอ ก่อนท้วงว่า “แต่นั่นอยู่เหนือข้อตกลง คุณไม่ได้บอกให้ฉันเปลื้องผ้าด้วยนี่” เธอมองหนุ่มใหญ่ที่กำลังนั่งทอดหุ่ยจิบเหล้าอย่างสบายใจเฉิบอยู่บนโซฟา ด้วยท่าทางที่อยากกินเลือดกินเนื้อ

“ข้อตกลงเราคือ คุณเต้นโชว์ให้ผมดู”

“ใช่...และฉันก็เต้นโชว์เรียบร้อยแล้ว”

“ยัง...ด้วยเสื้อผ้าที่เต็มยศเขาไม่เรียกว่าโชว์หรอกนะ... คุณคงไม่คิดว่าผมจ่ายค่าตัวคุณถึงสองแสนเพื่อให้มาโชว์การแสดงเด็กๆ นี่นะ?”

นวินดาหน้าเสีย ก่อนจะซีดสลับแดงอย่างรวดเร็ว “แต่ฉันจะไม่โชว์จ้ำบ๊ะเด็ดขาด”

“คุณไม่มีทางเลือกหนึ่ง คุณรับเงินครึ่งหนึ่งจากผมไปแล้ว ซึ่งนั่นหมายความว่าข้อตกลงมีผลโดยสมบูรณ์ไปแล้ว”

“แต่คุณไม่ได้บอกว่าต้องเปลื้องผ้าด้วยนี่” นวินดายังคงท้วงด้วยใบหน้าซีดเซียว เธอยอมรับว่าอาจจะเต้นไม่เอาไหนหรือไม่เป็นสับปะรด ส่งผลให้เขาอ้าปากหาวหวอดอยู่บ่อยครั้ง แต่นั่นเธอก็คิดว่าตัวเองทำดีที่สุดแล้วตามที่ตกลงกันไว้

“ผมบอกว่า... ผมต้องการให้คุณเต้นโชว์ให้ผมดูคนเดียว คุณคงไม่ “อ่อนหัด” จนไม่เข้าใจความหมายของผมหรอกนะ”

“ความหมายอะไร?” นวินดาหน้าซีดเผือดลงไปอีก แม้รู้ความต้องการของเขา แต่เธอพยายามถ่วงเวลาเพื่อหาทางหนีทีไล่

“ก็หมายความว่าผมต้องการให้คุณเต้นเปลือยให้ผมดู แปลให้ชัดๆ ว่าคุณต้องเปลื้องเสื้อผ้า หรือไม่อย่างน้อยก็ควรสวมให้เหมือนชุดอะโกโก้ของคุณ ถึงจะเป็นไปตามเงื่อนไขของเรา ไม่ใช่ใส่เสื้อผ้ารุ่มร่ามอย่างนั้น”

เธออยากแย้งว่าชุดของเธอก็ไม่ได้รุ่มร่าม ตรงกันข้ามออกจะโป๊โชว์เนื้อหนังมังสาชนิดที่เรียกว่าไม่เคยโป๊ขนาดนี้มาก่อนด้วยซ้ำ แต่นั่นแหละเธอสังวรว่าไม่ใช่เวลาจะมาโต้เถียงเอาชนะเขา แต่ควรต้องหาทางเอาตัวรอดไปจากสถานการณ์บ้าๆ นี่ให้ได้ก่อน

“ช่วยไม่ได้ คุณพูดไม่ชัดเอง”

“พูดอย่างนี้ แสดงว่าจะเบี้ยวใช่ไหม”

“เบี้ยวอะไร ฉันก็เต้นโชว์ให้คุณดูแล้วไง”

“เต้นยืดเส้นยืดสายแบบนั้นเขาไม่เรียกว่าเต้นโชว์หรอก นั่นเขาเรียกว่าเต้นอารบิค”

“บ้า... เหมือนกันที่ไหน ของฉันนี่สุดยอดของการเต้นอะโกโก้เลยนะ”

กุสตาโบทำหน้าเหมือนเหนื่อยใจ โบกมือไปมาตรงหน้าราวกับปัดไล่แมลง ก่อนว่า “ผมเกือบจะเชื่อไปแล้ว ถ้าคุณจะสลัดเสื้อตัวนอกออก”

“บ้า...คุณหน้ามืดเกินไปน่ะสิ”

“แปลว่าจะเชิดเงินผมโดยไม่ยอมทำตามเงื่อนไข...อย่างนั้นใช่มั้ย”

“ไม่ใช่สักหน่อย” ปากปฏิเสธขณะที่สายตาสอดส่ายหาประตูทางออกไปพลาง

“งั้นก็ทำตามข้อตกลงซะดีๆ ไม่อย่างนั้นจะหาผมไม่เตือนไม่ได้นะ”

นวินดาคิดทางหนีทีไล่ ก่อนว่า “เอาล่ะ...ฉันจะเต้นอย่างคุณว่าก็ได้ แต่มีข้อแม้อย่างหนึ่ง”

กุสตาโบหัวเราะในลำคอ “ผมไม่คิดว่าสถานะอย่างคุณ จะมีอำนาจต่อรองหรอกนะ”

“นี่คุณจะไม่ช่วยให้เราผ่านสถานการณ์นี้ไปได้ง่ายๆ หน่อยหรือไง”

“ก็ได้...ว่าไปสิ”

“คุณต้องปิดไฟแล้วไปรอฉันในห้องนอน เมื่อฉันบอกว่าพร้อมแล้วค่อยเปิดไฟ ตกลงมั้ย”

“แล้วคุณจะแก้ผ้าเตรียมพร้อมสำหรับโชว์เลยใช่มั้ย”

นวินดาเม้มริมฝีปาก ใบหน้าแดงก่ำ “ใช่...คุณเข้าใจไม่ผิดหรอก”

“ตกลง ผมอดใจรอไม่ไหวแล้ว”

ไม่รู้ว่าเขาแกล้งหรือพูดจริง แต่เมื่อสิ้นเสียงเขาไฟก็ดับวูบลงทันที

“คุณอยู่ไหนน่ะ” นวินดาแสร้งร้องเรียกเขา แต่ทว่าทุกอย่างเงียบกริบ ใจเธอคิดว่าเขาคงหายเข้าไปรอในห้องนอนเรียบร้อยแล้ว จึงไม่ได้ยินเสียงเธอหรือไม่เขาก็อาจแกล้งไม่ตอบเธอ ไม่เฉลียวใจสักนิดว่าเหตุการณ์จะพลิกตาลปัตรกลายเป็นหนังคนละม้วน...








Create Date : 17 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 17 พฤศจิกายน 2555 23:10:13 น.
Counter : 1098 Pageviews.

3 comment
บันทึกแห่งรัก...บท 3
lozocatlozocat



นวินดาไม่รู้ว่ามันเริ่มต้นได้อย่างไร แต่กว่าจะรู้ตัวทุกอย่างก็สายเกินกว่าจะหันหลังกลับแล้ว กระทั่งต้องปล่อยให้เลยตามเลย...

หลังมื้อค่ำ หัวโจกของกลุ่มพาไปยังบาร์แห่งหนึ่งซึ่งเป็นบาร์ที่มีลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติเพศชายเข้ามานั่งดริ๊งค์มากมาย จะว่าไปแล้วบาร์ริมถนนละแวกนี้ เป็นบาร์ประเภทที่มีสาวนุ่งน้อยห่มน้อยขึ้นไปเต้นรูดเสาอยู่กลางฟลอร์หรือไม่ก็บนเทอเรสบาร์ทั้งนั้น ซึ่งมักเรียกกันว่าสาวอะโกโก้หรือไม่ก็นักเต้นบนโต๊ะ (table dancer<1>) อย่างบาร์ที่กลุ่มนวินดาเข้ามาท้าพนันกัน ก็มีสาวอะโกโก้แต่งกายในชุดเสื้อสายเดี่ยวและกางเกงขาสั้นที่เรียกตามศัพท์วัยรุ่นสมัยนี้ว่า “เสมอลิง” กำลังวาดลวดลายกอดเสารูดเสาอยู่บนเทอเรสบาร์ที่บรรดานักเที่ยวกลางคืนกำลังนั่งขนาบอีกด้านดื่มอยู่ เท่ากับว่าเงยขึ้นไปก็เห็นแก้มก้นหรือไม่ก็กางเกงลิงของบรรดาสาวอะโกโก้เหล่านั้น

นวินดากลืนน้ำลายขณะที่มองตามหลังเพื่อนที่กำลังเข้าไปเจรจากับผู้จัดการบาร์ เธอเงยหน้ามองบรรดาสาวอะโกโก้ที่กำลังวาดลวดลายอยู่บนสเตทแล้วต้องกลืนน้ำลายอีกเฮือก ให้ตายเถอะ... ไม่เคยคิดเลยว่าในชีวิตนี้จะต้องมาเล่นเกมพิลึกพิลั่นแบบนี้มาก่อน แต่ครั้นจะถอยหลังก็สายเกินไปเสียแล้ว เธอเป็นประเภทที่ไม่ยอมคน และแน่นอนไม่ยอมให้ใครมาปรามาสหน้าได้ด้วย ฉะนั้นจึงต้องลุยต่อไป เป้าหมายคือหาเงินจากแขกให้ได้ ๕ พัน ก่อนอภิญญา

ชลพิศ เดินกลับมาแล้วบอกว่า “ผู้จัดการบาร์ตกลง” ความจริงคำตอบมีมากกว่า “ตกลง” ด้วยฝ่ายนั้นนึกชอบใจกับเกมของพวกเธอ แล้วเจ้าตัวก็พูดต่อว่า “เจ๊...เค้ายอมให้พวกแกขึ้นไปรูดเสาได้เต็มที่ แต่ต้องหักเปอร์เซ็นต์ให้ทางร้านสิบเปอร์เซ็นต์ของค่าทิป อ้อ...เจ๊แกแนะด้วยว่าพวกแกควรจะต้องเปลี่ยนชุด เพราะยังนุ่งสั้นได้ไม่ถึงใจ”

“แต่เราไม่มีชุดอย่างที่แกว่า”

“แกบอกว่ามีชุดให้เปลี่ยนหลังร้าน”

นวินดากลืนน้ำลาย มองชุดตัวเองซึ่งคิดว่าสั้นมากอยู่แล้ว “ฉันขอใส่ชุดนี้ไม่ได้เหรอ”

“เจ๊...บอกว่าถ้านุ่งอย่างนี้จะเป็นแกะดำ สาวอะโกโก้ของเค้าต้องสั้นเสมอจิ๋มเท่านั้น”

“นี่ก็สั้นมากแล้ว” เธอแย้ง

“ยังไม่พอ แกไม่เห็นเหรอ อะโกโก้แต่ละรายสั้นเห็นก้นทั้งนั้น”

นวินดากลืนน้ำลายอีกเฮือก พลางมองขึ้นไปบนโต๊ะที่บรรดาอะโกโก้เต้นรูดเสาอยู่ แล้วเธอก็พึมพำกับตัวเอง แทบไม่ได้ยินเสียงว่า สาบานเลย ฉันจะทำอะไรบ้าๆ แบบนี้เป็นครั้งสุดท้ายเท่านั้น



ถ้าใครบอกว่าโลกกลม... ต่อไปนี้กุสตาโบจะเชื่อเด็ดขาด จะไม่ค้านอีกแล้ว เพราะบัดนี้เขาพบประจักษ์พยานอยู่ตรงหน้าคนหนึ่งแล้ว ผู้กำกับหนุ่มนึกพลางมองไปบนโต๊ะที่มีเด็กสาววัยรุ่นหลายคนกำลังเต้นรูดเสาอยู่บนเทอเรสบาร์อย่างสนุกสนาน กุสตาโบมองภาพด้วยความประหลาดใจ ด้วยสองในนั้นเป็นเด็กวัยรุ่นที่หน้าตาเยาว์วัยที่สุดในกลุ่ม และหนึ่งในสองนั้น เขาจำได้แม่นว่าเป็นคนเดียวกับที่วิ่งกลางหาดด้วยชุดเอี๊ยม แถมกินอาหารเร็วยังกับพายุบุแคม และยังเป็นคนเดียวกับที่ขี่บานานาโบ๊ทด้วยชุดเอี๊ยม!

เท้าก้าวเข้าไปในบาร์ริมถนนแห่งนั้นโดยไม่ลังเล ราวกับมีอะไรบางอย่างดึงดูดสายตา...

“สวัสดีค่ะ...รับเครื่องดื่มอะไรดีคะ” สาวเสิร์ฟเข้ามาต้อนรับอย่างพินอบพิเทาด้วยรอยยิ้มแจ่มใส แววตาแพรวระยับอย่างคนเจ้าชู้

“ผมขอไปนั่งโต๊ะนั่นได้ไหม” กุสตาโบชี้ไปทางโต๊ะที่เด็กสาวคนที่ว่ากำลังวาดลวดลายอยู่บนเทอเรสบาร์ ท่วงท่าเธอดูขัดๆ ราวกับอยู่แปลกที่แปลกทางหรือไม่ก็ผิดที่ผิดทาง อาจเพราะเด็กสาวดูเขินๆ ราวกับไม่มั่นใจกับการแต่งกายของตัวเองเท่าไหร่เพราะคอยแต่จะดึงรั้งกางเกงลงมา หรือไม่ก็อาจเป็นท่าเต้นของเธอที่ทำให้เจ้าตัวดูไม่มั่นใจเอาซะเลย แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ มันกลับทำให้เธอดึงดูดสายตาลูกค้าโดยเฉพาะหนุ่มต่างชาติให้จ้องไปที่เธอได้มากที่สุด

ก็แปลกดี...

อะไรบางอย่างบอกเขาว่าเธออาจเป็นเด็กใจแตกที่หลงเข้ามาทำงานเป็นสาว table dancer ที่ผับแห่งนี้ได้ไม่นาน!

คนเราดูหน้าไม่รู้ใจจริงๆ... ด้วยตอนกลางวันแต่งตัวเรียบร้อย ดูเป็นสาววัยใส สะอาด แต่ตกกลางคืน ออกลาย... ใช่... คำๆ นี้น่าจะเหมาะกับเด็กสาวคนนั้น

กุสตาโบจำต้องยอมรับว่าแม้เด็กสาวจะดูเขินๆ กับท่าเต้นรูดเสาเพื่อยั่วยวนนักดื่ม แต่นั่นคือ สาวอะโกโก้ จริงๆ เพราะเด็กดีที่ไหนจะมาเปิดเนื้อหนังมังสา วาดลวดลายยั่วยวนเสือสิงกระทิงแรดแบบนี้ กุสตาโบนึกพลางมองภาพเบื้องหน้าด้วยแววตาที่ปราศจากความรู้สึก เสื้อเกาะอกสีขาวขนาดหนึ่งคืบอวดหน้าท้องแบนราบขาวนวลเนียนแม้กระทั่งท่ามกลางแสงสลัวของบาร์ ยังเห็นได้ชัดว่าผิวเด็กสาวขาวผ่องแตกต่างจากสาวอะโกโก้รายอื่นๆ ส่วนด้านล่างสวมกางเกงยีนส์สั้นแค่คืบเช่นกัน เห็นแก้มก้นชัดเจนยามเด็กสาวหมุนตัวเกาะเสา

สวรรค์ช่วย... กุสตาโบรู้สึกเหมือนถูกอะไรตีเสกหน้า เมื่อสบสายตาเข้ากับแววตาอีกฝ่ายที่กำลังมองตรงมา เขาไม่รู้ว่าเด็กสาวมองเขาอยู่หรือว่าเป็นความรู้สึกที่คิดไปเองของเขา แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรสำหรับตัวเขารู้สึกว่าแค่เห็นสายตาเธอตรงๆ มันก็พานให้หัวใจเต้นจังหวะแปลกๆ แล้ว

แปลกมาก...เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดกับใครมาก่อน โดยเฉพาะกับสาวประเภทที่ไม่เคยอยู่ในสายตาเขามาก่อน สาวประเภทที่เรียกว่า “table dancer” หากคราวนี้กลับเกิดความรู้สึกนั้น อะไรบางอย่างสะกดจิตใจเขาให้รู้สึกราวกับหัวใจจะหยุดเต้นเพียงแค่ได้สบสายตาเด็กสาวคนนั้น!

พนักงานให้บริการมองไปตามสายตาเขา อ้อ...ฝรั่งหล่อรายนี้สนใจวัยรุ่นใจแตกกลุ่มนั้น หญิงสาวละสายตากลับมา “แต่โต๊ะนั้นเต็มแล้ว คุณก็เห็นแล้วลูกค้านั่งเต็มอยู่หน้าเสา คุณจะเข้าไปเบียดเหรอ ต้องยืนเอานะ”

“ถ้าคุณหาที่นั่งให้ผมได้ ผมจะขอบคุณมาก” กุสตาโบกล่าวพร้อมกับสอดธนบัตรสีม่วงไปในมือของพนักงานเสิร์ฟ กล่าวต่อว่า “แต่ถ้าหาไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร ผมยินดียืน”

พนักงานเสิร์ฟอึ้งชั่วครู่ ก่อนตอบกลับมาอย่างพินอบพิเทาว่า “ยินดีค่ะ งั้นรอแป๊บนะคะ”

กุสตาโบมองไปทางเด็กสาวคนดังกล่าว พนักงานเสิร์ฟพูดถูก เทอเรสบาร์ที่เด็กสาวเต้นอยู่ มีลูกค้าฝรั่งวัยต่างๆ นั่งดื่มอยู่รอบโต๊ะจริงๆ ดูจะมากกว่าเทอเรสอื่นๆ บาร์แห่งนี้ตกแต่งร้านเหมือนบาร์อื่นๆ ที่อยู่ตามริมสองข้างทางถนนคนเดิน นั่นคือ เป็นบาร์นั่งดื่ม โดยจัดลักษณะเป็นเทอเรสบาร์ตามจุดต่างๆ แต่ละเทอเรสมีบาร์เทนเดอร์ประจำอยู่ คอยผสมเครื่องดื่มตามแต่ที่นักดื่มต้องการ ใช่...บาร์แห่งนี้ก็เหมือนกับที่อื่นๆ ต่างแค่ว่าเป็นบาร์ที่ค่อนข้างใหญ่ และเทอเรสบาร์ที่เด็กสาวเต้นเรียกลูกค้าอยู่ ก็มีลูกค้ามายืนออดูอยู่เต็มจนลามไปถึงหน้าร้าน

เธอเรียกลูกค้าได้มากจริงๆ...

พนักงานเสิร์ฟคนเดิมกลับมา “เชิญค่ะ ฉันบังเอิญหาที่ว่างให้คุณได้”

“ขอบคุณครับ” กุสตาโบเดินตามไปราวกับต้องมนตร์สะกด เขาสั่งเครื่องดื่มแล้วแหงนดูภาพเบื้องหน้า เห็นแก้มก้นลางๆ ของเด็กสาวซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นภาพที่น่ามองจริงๆ เธอเซ็กซี่และใสซื่อดูขัดกับภาพลักษณ์ภายนอก

เด็กคนนั้นกำลังถูกฝรั่งพูดจาแทะโลม หรือจะพูดให้ตรงประเด็นกว่านั้นคือ “จีบ” ซึ่งแน่นอนว่าคงหวังไปจบที่ “เตียง” และคงไม่ใช่คนเดียวที่ต้องการหลับนอนกับเธอ ดูจะมีหลายคนเพราะต่างกำลังแข่งจีบเธออยู่ และเด็กสาวคนนั้นก็ดูจะเล่นด้วย กุสตาโบเชื่ออย่างนั้นเพราะพฤติกรรมของเธอแสดงออกให้เห็นโต้งๆ ด้วยขณะนี้เธอกำลังโน้มตัวลงต่ำจนเห็นทรวงอกกลมๆ ราวกับกำลังยั่วลูกค้า ทรวงอกอวบอิ่มคู่นั้นแทบจะเบียดกับใบหน้าของฝรั่งรายหนึ่ง

เธอพูดอะไร กุสตาโบได้ยินไม่ถนัดด้วยว่าเสียงเพลงดังกลบ แต่มีผลให้หนุ่มรายนั้นต้องควักเงินหย่อนลงไปในร่องอกของเด็กสาว ฝรั่งรายนั้นวางอย่างอ้อยอิ่งก่อนจะดึงมือกลับ ซึ่งมีผลให้ฝรั่งรายอื่นๆ ทำตามในแบบเดียวกัน และใกล้ๆ กันก็มีเด็กสาวท่าทางแก่นเฮี้ยวอีกคนที่ดูจะเรียกแขกได้มากพอๆ กัน ต่างแค่ว่ารายนั้นดูหน้าตาออกไทยๆ ไม่ได้ออกสไตล์ลาตินอเมริกาซึ่งเป็นสไตล์ที่เขาชอบเหมือนอย่างเธอ

ไม่เพียงแค่ลูกค้าในร้านที่จ้องเธอตาเป็นมัน แต่รวมถึงนักท่องราตรีที่เดินผ่านไปผ่านมาอยู่หน้าร้านต่างก็หยุดมองไปที่เธอเป็นตาเดียวกัน สายตาทุกคู่พุ่งไปที่เธอราวกับสนใจใคร่รู้ว่าเธอจะทำอะไร หรือจะเต้นท่าไหนต่อไป!

กุสตาโบยังคงจิบเครื่องดื่มอย่างใจเย็น สายตาเฝ้าสังเกตเหตุการณ์เบื้องหน้าเงียบๆ สัญชาตญาณบอกเขาว่าเด็กสาวพร้อมจะอวดเนื้อหนังมังสาให้ใครก็แล้วแต่ที่ยอมจ่ายเงินอย่างงาม... อะไรบางอย่างที่กุสตาโบไม่เคยรู้เลยว่ามีอยู่ในตัวเองฉุดรั้งให้เขาชะโงกหน้า พลางตะโกนเรียกเด็กสาว

“คุณ...” กุสตาโบเรียกเป็นภาษาไทย



แค่เพียงพบประสบเจอ ก็พานให้จิตใจหวั่นไหวราวคนอ่อนแอ...

ราวกับมีคมธนูนับร้อยพุ่งตรงจากเขามาที่เธอเป็นจุดเดียว สายตาคมกล้าคู่นั้นสะกดจิตใจเธอให้นิ่งได้อย่างประหลาด นวินดาพยายามสะกดหัวใจตัวเองให้เต้นช้าลง เคยอ่านนิยายประเภทหวานแหววเพ้อฝัน ประมาณว่าแค่ได้สัมผัสมือ จิตใจก็พานเต้นรัว ไฟฟ้าช็อตลุกวาบอะไรเทือกนั้น แต่เธอไม่เคยเชื่อ คิดว่าเป็นเพียงนิยายหลอกเด็ก มาบัดนี้อาการนั้นกำลังเกิดกับเธอ ต่างแค่ว่าไม่ต้องถึงกับสัมผัสแตะเนื้อต้องตัวเหมือนในนิยาย แค่ได้สบตาอาการคล้ายกับสายฟ้าฟาดก็เกิดขึ้นแล้ว

“คุณ...” ผู้ชายคนนั้นเรียกซ้ำเป็นภาษาไทย

“คุณเรียกฉันเหรอ” เธอตะโกนถามแข่งกับเสียงเพลง พลางเดินอ้อมเสาตรงมาที่เขา

“ใช่... ผมมีเรื่องอยากคุยด้วย”

“ฉันไม่ได้ยิน คุณเข้ามาใกล้ๆ อีกสิ” นวินดาตะโกนกลับไป

ผู้ชายคนนั้นลุกยืนชิดขอบเทอเรสบาร์ พลางชะโงกตัวมาหาเธอ เมื่อเขายืน ความสูงของเขาอยู่ในระดับเอวเธอเลยทีเดียว นั่นแสดงว่าเขาสูงมาก เพราะเทอเรสบาร์ตัวนี้สูงและเธอเองก็สูงค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับสาวอะโกโก้รุ่นป้าน้าอาที่กำลังเต้นอยู่บนแดนซ์ฟลอร์แห่งนี้ ซึ่งนั่นเท่ากับว่าเขาสูงเกินมาตรฐานชายฝรั่งที่กำลังยืนชิดขอบเทอเรสบาร์อยู่ในตอนนี้

เขาสูงโดดเด่นกว่าทุกคนกระทั่งน่าสะดุดตา แล้วยังความหล่อเหลา หุ่นสมาร์ทที่ดูจะกำลังเตะตาใครต่อใครให้ต้องเหลียวมองไปที่เขาคนเดียวอยู่ในเวลานี้

อา...ผู้ชายในสเปก

ใช่...ผู้ชายคนนี้หล่อมาก มาดโก้หรู และตอนนี้ใครๆ ต่างกำลังจับตาเขา ดูท่าเขาจะเป็นนักธุรกิจกระเป๋าหนา บางทีเธออาจจะได้ “ห้าพัน” จากเขาคนเดียวก็ได้ สมองดีดตารางลูกคิดอย่างรวดเร็ว แต่ดูเหมือนจะไม่เร็วไปกว่าร่างกายที่ตอนนี้ทำท่าอ่อยให้ท่าเรียบร้อยแล้ว เธอเรียนรู้เร็วข้อนี้ต้องชมตัวเอง และท่วงท่าจริตมายาต่างๆ ก็จำมาจากสาวๆ อะโกโก้ละแวกนี้

เธอสังเกต ลักจำและเลียนแบบมาเป็นท่าของตัวเองอย่างรวดเร็ว กระทั่งยังนึกชมตัวเอง เธอเต้นยั่วยวนและรูดไปกับเสาจนดูกลืนไปกับสาวอะโกโก้รุ่นใหญ่... อย่างน้อยเธอก็เชื่อแบบนั้น...เชื่อว่าเต้นได้อย่างยั่วยวน อย่างเดียวที่ต้องท่องไว้ให้ขึ้นใจคือ อย่าเขวไปกับลูกค้าที่เชียร์ให้ดื่ม ใช่...อย่าหลงไปกับลูกยุเหมือนกับอภิญญาเพื่อนสาวของเธอที่ดูเหมือนจะตกหลุมนักดื่มอยู่ในเวลานี้

“คุณสนใจไหม ผมมีข้อเสนอให้คุณ” ผู้ชายในสเปกถามต่อ

“ข้อเสนออะไร”

“ก้มศีรษะลงมาสิ ผมเชื่อว่าคุณคงไม่อยากให้ใครได้ยิน”

นวินดาชะงัก เธอแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง ไม่สิ...แทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองว่าเขาจะกล้าพูดแบบนั้นกับเธอ ถึงตอนนี้กลายเป็นว่าเธอหยุดเต้นเพื่อพูดคุยกับเขา ซึ่งแน่นอนว่าพวกนักดื่มคนอื่นๆ กำลังเงยหน้าขึ้นมามองอย่างสนใจ นวินดาเลือกที่จะย่อตัวลงคุกเข่าลงบนเทอเรส แทนที่จะก้มศีรษะอย่างที่เขาแนะนำ

“ว่าไงคะ”

ผู้ชายคนนั้นชะโงกตัวมาและทำในสิ่งที่เธอคาดไม่ถึง ด้วยการเอียงหน้ามากระซิบข้างหูเธอ ซึ่งมีผลให้เธอขนลุกซู่

“เต้นให้ผมดูคนเดียว ไม่ต้องโชว์ให้ผู้ชายคนอื่นดู แล้วผมจะให้ตามที่คุณขอ”

นวินดาเบิ่งตาโต “คุณกำลังพูดเรื่องอะไร” เธอผงะถอยหลังอย่างตกใจ แม้จะคาดคิดอยู่แล้วว่าเขาคงมีอะไรให้เธอได้ตกใจเซอร์ไพรส์ แต่ไม่คิดว่าจะมาจากข้อเสนอที่แปลกพิสดารแบบนี้ แล้วเขาก็พูดต่อ ราวกับใจเย็นอย่างมาก

“ผมชอบคุณ ถ้าบอกว่าหวงสายตาคุณที่กำลังมองผู้ชายคนอื่นก็คงไม่ผิดนัก ผมอยากให้คุณมองผมคนเดียว”

นวินดาอึ้ง

“ว่าไง ตกลงไหม คุณจะเรียกเท่าไหร่ก็ว่ามา ขอแต่เต้นให้ผมดูคนเดียว”

“คุณต้องบ้าไปแล้วแน่ ไม่มีใครทำอย่างคุณหรอก”

“บ้าเหรอ เปล่าเลย คุณก็รู้คุณทำให้ผู้ชายแถวนี้ร้อนยังกับมังกรพ่นไฟ คุณเป็นสาวน้อยที่ร้อนแรงภายใต้ความสดใส ซื่อบริสุทธิ์”

นวินดาอึ้ง เธอไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายไม่เคยพล่ามบ้าๆ แบบนั้นมาก่อน นั่นเป็นครั้งแรกของกุสตาโบ ที่พูดภาษาเชยๆ แบบนั้น ซึ่งพูดไปแล้วเจ้าตัวก็ต้องตีหน้าตาย ทำเสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“คุณพูดผิดแล้วไม่มีสาวอะโกโก้ที่ไหนที่ซื่อบริสุทธิ์หรอก” นวินดายังคงเถียงอย่างต้องการถ่วงเวลา เพื่อจะได้มีเวลาคิดไตร่ตรองเหมาะๆ

“มี คุณไง ตกลงว่าไงสนใจไหม แค่เต้นให้ผมดูคนเดียว คุณจะเรียกเท่าไหร่ว่ามา”

ถึงตอนนี้นวินดาก็ไม่สงสัยแล้วว่าทำไมเขาถึงพูดภาษาไทยกับเธอ ด้วยแขกลูกค้าที่อยู่รอบตัวเธอเป็นชาวต่างชาติที่พูดไทยไม่ได้และตอนนี้กำลังจดจ้องมาที่พวกเธออย่างสนใจใคร่รู้เต็มที่ เขาคงต้องการเลี่ยงการมีเรื่องมีราวกับนักดื่มคนอื่นๆ จึงได้เลือกสื่อสารกับเธอด้วยภาษาที่คนอื่นไม่เข้าใจ

“ตกลง... แต่แสนหนึ่งนะ” อะไรไม่รู้ผลักดันให้นวินดาพูดประโยคนั้นออกไป บางทีอาจเป็นส่วนลึกของจิตใจที่เธอต้องการเงินสักก้อนเพื่อจะได้ไปเรียนซัมเมอร์ที่ต่างประเทศเหมือนกับน้องสาวและเพื่อนคนอื่นๆ



กุสตาโบฟังข้อเสนอของเด็กสาวแล้วอึ้งไปหลายวินาที เขาไม่คาดคิดว่าข้อเรียกร้องของเธอจะสูงขนาดนี้ แสนหนึ่ง...หวังว่าเขาคงไม่ได้บ้าไปแล้วหรอกนะ...

“ว่าไง กล้าทุ่มหรือเปล่า” ฝ่ายนั้นยังคงเร่งเร้าราวกับต้องการยั่วเย้าเขา กุสตาโบรู้ได้จากสีหน้าและท่าทางที่ออกอาการยั่วกึ่งท้าทายเต็มที่

“ตกลง... แสนหนึ่ง แต่เงินจำนวนนี้ไม่ใช่น้อยๆ เพราะงั้นผมมีข้อแลกเปลี่ยน”

“อะไร” ถามอย่างไม่ไว้ใจ

“ต้องไม่ใช่ที่นี่ แต่ในห้องผม”

“อะไรนะ...ไหนว่าแค่เต้นโชว์ให้คุณดู”

“ก็เต้นโชว์ แต่ต้องตามลำพังสองต่อสองในห้องผม”

เด็กสาวกลืนน้ำลายเฮือก เขาแทบเห็นชีพจรตรงลำคอขาวผ่องเต้นไหว...อย่างน้อยก็ในความรู้สึกเขา สัญชาตญาณบอกว่าอีกฝ่ายกำลังประหม่ากลัว เขาจึงจงใจเพิ่มข้อเสนอให้ดูยวนใจมากขึ้น

“ว่าไง... ถ้าคุณยอมตกลงผมให้อีกเท่าตัว”

“สองแสนเลยเหรอ”

“ใช่...”

ฝ่ายนั้นนิ่งคิดอีกเสี้ยววินาที ก่อนตอบว่า “ตกลง แต่ฉันขอเต้นอีกครู่ได้ไหม ฉันมีเงื่อนไขกับทางร้านว่าต้องหาเงินให้ได้ตามเป้าก่อน”

“คุณขาดอีกเท่าไหร่”

“ฉันเพิ่งเต้น ได้มาแค่ไม่กี่ร้อย”

“ขาดอีกเท่าไหร่” กุสตาโบถามย้ำประโยคเดิม

“อีกห้าพัน”

“เยอะเหมือนกันนะ คุณคิดว่าแต่ละคืนลูกค้าจะให้ทิปคุณเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ”

“ฉันไม่รู้หรอก รู้แต่ว่าฉันต้องได้เงินจำนวนนั้นถึงจะเลิกเต้น”

“ตกลงผมให้ห้าพันเอง คุณลงมาจากเทอเรสบาร์ได้เลย”

“อะไรนะ!”

“คุณได้ยินไม่ผิดหรอก ลงมาเถอะ” พูดพลาง กุสตาโบเหนี่ยวเอวบางด้วยมือทั้งสองข้าง แล้วกระตุกลงมาจากเทอเรสบาร์ ท่วงท่าเขาราวกับยกนุ่นเสมือนหนึ่งว่าเธอไม่มีน้ำหนัก ท่ามกลางสายตาของลูกค้าคนอื่นๆ ซึ่งมองพร้อมส่งเสียงทักท้วงขึ้นทันที

“นั่นคุณจะไปไหน คนสวย” ทักท้วงขึ้นด้วยภาษาอังกฤษ

“ขอโทษนะคะฉันต้องไปแล้ว” ตอบกลับไปเป็นภาษาเดียวกัน

“คุณจะพาเธอไปแล้ว” คราวนี้นักดื่มรายนั้นซึ่งดูก็รู้ว่าเมาได้ที่ เข้ามาดักหน้าเขา ทำให้แม่ “ลูกไฟ” น้อยๆ ของเขา รีบเข้ามาแทรกกลาง พลางว่า

“ขอโทษค่ะ อย่ามีเรื่องกันเลยนะคะ เขาเป็นแฟนฉันเอง มารับกลับบ้าน”

มีไหวพริบ ฉลาดไม่เลว... เขานึกชมปฏิภาณไหวพริบในการเอาตัวรอดของเธอ จากนั้นเด็กสาวก็หันมาทางเขา พลางแบมือ “ฉันขอเงินห้าพันตอนนี้เลยค่ะ”

กุสตาโบเลิกคิ้ว แต่ไม่ค้านอะไร เขาล้วงหยิบกระเป๋าสตางค์จากกระเป๋ากางเกงขึ้นมานับธนบัตรคร่าวๆ ก่อนส่งให้เธอ ฝ่ายนั้นรับไปนับแล้วเงยหน้า บอกว่า

“ขอบคุณค่ะ คุณรออยู่ตรงนี้นะคะเดี๋ยวฉันมา”

“เดี๋ยว” กุสตาโบรีบเหนี่ยวแขนของเด็กสาว ก่อนที่เธอจะผละห่าง “ถ้าคุณชิ่งหนีไม่กลับมาล่ะ ขอกระเป๋าสตางค์ไว้ดีกว่า”

“ฉันไม่เบี้ยวหรอกน่า”

“ไม่... ผมขอกระเป๋าสตางค์” กุสตาโบยืนยัน พลางแบมือไปตรงหน้า

เด็กสาวก้มมองมือเขา แล้วเงยหน้าถาม “เอาไปทำอะไร”

“เอามาเถอะน่า”

“ฉันไม่มีติดตัวอยู่ในตอนนี้หรอกนะ”

“ตลก ทุกคนต้องพกบัตรประจำตัว”

“ก็มันไม่อยู่กับฉันตอนนี้ น่าฉันไม่เบี้ยวหรอก บอกว่าจะกลับมาก็กลับมาสิ”

“ผมจะเชื่อได้เหรอ”

ฝ่ายนั้นมองนิ่งๆ กลับมา ก่อนทำในสิ่งที่เขาคาดไม่ถึง เด็กสาวยืดตัวขึ้นมาจุ๊บข้างแก้มเขา ก่อนพึมพำว่า “มัดจำแบบนี้ พอเชื่อใจได้หรือยัง”

“ไม่ ไม่พอ” กุสตาโบโต้ พลางตามไปคว้าเอวนุ่มเข้ามาบดเบียนกายแกร่ง เขาลดศีรษะลงไปจูบเรียวปากนุ่มแรงๆ... ดูดดื่มและนิ่งนานราวกับโลกใบนี้มีแค่พวกเขาสองคน... ก่อนจะคืนอิสรภาพให้ เด็กสาวเซอย่างทรงกายไม่อยู่ เขาตามไปช่วยประคองแผ่นหลัง รอจนเธอยืนได้มั่นคงแล้วจึงถอนกายออกห่างอย่างอิดออด

รสชาติหวานกำซาบ นุ่มราวกับไวน์รสเลิศยังคงติดอยู่ที่ปลายลิ้น... กุสตาโบบอกตัวเองว่าเขาชอบรสชาติของเธอ ดูมันผสมกันระหว่างลูกกวางตื่นภัยที่ดูประหม่าตื่นกลัว หากในคราวเดียวกันก็พร้อมจะลงชัยหาประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ชวนตื่นเต้น

เด็กสาวกำลังจ้องเขาตาค้างราวกับคาดไม่ถึง ก่อนจะถอยหลังกลับไปโดยไม่พูดไม่จาอะไร เธอดูราวกับช็อก... กุสตาโบนึกอย่างขำๆ ตาเฝ้ามองตามหลังเธอทุกอิริยาบถ



ผู้ชายคนนั้นบ้าไปแล้ว เขาเสนอค่าตัวให้เธอสูงถึงสองแสนห้าพันบาท แลกกับการเต้นโชว์ต่อหน้าเขา... พระเยซูคริสต์... เขาบ้าไปแล้วจริงๆ หรือไม่ก็อาจเป็นเธอที่บ้ายิ่งกว่าที่ตอบรับข้อเสนอนั้น แต่ใครไม่รับก็บ้าแล้ว ตั้งสองแสนแค่แลกกับการเต้นโชว์ เงินจำนวนนั้นเธอสามารถไปเรียนซัมเมอร์ได้สบาย อาจไม่สบายสักทีเดียว... แต่เธอก็พอจะยังชีพได้ในระหว่างที่ไปเรียนและแอบหางานเล็กๆ น้อยๆ ทำที่นั่นไปด้วย ซึ่งเธอจะได้ทั้งงาน ทั้งเรียนและแน่นอนประสบการณ์ ที่สำคัญจะได้หนีไปจากเรื่องร้อนๆ ในครอบครัวได้ชั่วคราว นึกพลางนวินดาก็ถอดถอนใจ

ว่าแต่เขาเป็นใคร ทำไมถึงมาติดใจเธอขนาดเสนอค่าตัวให้สูงถึงสองแสน เพียงเพื่อไม่อยากให้เธอเต้นโชว์อวดสายตาคนอื่นนี่นะ ช่างเขา... เขาอยากจะหว่านเงินให้สาวๆ ก็เป็นเรื่องของเขา ไม่เกี่ยวกับเธอ... เด็กสาวไหวไหล่ เดินตรงไปยังกลุ่มเพื่อนที่เฝ้ามองเธออยู่ตลอดเวลา เพราะพอไปถึงเพื่อนๆ ก็ส่งเสียงเฮลั่นอย่างกระเซ้าเย้าแหย่ขึ้นทันที

“มีจูจู๊บด้วย อุแม่เจ้า...ร้ายไม่หยอกโว้ยไอ้หนึ่ง ใครจะคิดว่าสาวหงิมๆ อย่างแกจะกล้า”

นวินดาหน้าม้าน นึกดีใจที่บาร์สลัวเกินกว่าเพื่อนจะเห็นความรู้สึกบนใบหน้าซึ่งตอนนี้เชื่อว่าคงหน้าแดงยิ่งกว่าตูดลิงแสม

“ไม่ต้องพูดมาก นี่เงินห้าพัน ฉันชนะพนันแล้ว เพราะงั้นเอาเงินพนันมาให้ฉันซะดีๆ”

“หง่ะ...แกทำได้จริงๆ แค่สิบห้านาทีนี่นะ เหลือเชื่อ ใครวะใจป้ำให้ตั้งห้าพัน อย่าบอกนะว่าหนุ่มหล่อรายนั้น”

“ใช่...คนนั้นแหละ” ว่าพลางมองไปทางเขา

“ว้าว ใจสปอร์ตนี่หว่า” ชลพิศมองดูเขาซึ่งกำลังมองตรงมาที่กลุ่มเธอราวกับสนใจใคร่รู้ “ว้าวๆ เขามองตรงมาที่พวกเราด้วย เขาสนใจแกจริงๆ เหรอหนึ่ง”

“คงงั้นมั้ง... เขาชวนฉันไปเที่ยวต่อ เพราะงั้นขอบอกว่าคืนนี้ฉันขอบาย ไปต่อกับพวกแกไม่ได้แล้ว”

เพื่อนๆ ไม่ทันตอบ เพราะบัดนี้อภิญญาเดินลงจากเทอเรส์บาร์มาสมทบ พลางถามว่า “ทำไมแกลงมาจากเทอเรสบาร์แล้วล่ะ”

“ไอ้หนึ่งทำเงินถึงยอดแล้วน่ะสิ แล้วแกล่ะได้เท่าไหร่”

“ฉันเพิ่งได้พันเดียว เฮ้...นี่อย่าบอกนะว่าแกชนะพนันแล้ว เว่อร์ไปแล้ว เป็นไปไม่ได้หรอก มันเร็วเกินไป อย่าบอกว่านะว่า... ไอ้ฝรั่งหล่อๆ คมเข้มยังกับหนุ่มบราซิลคนนั้นทิปแกหนัก”

“ใช่...รายนั้นแหละครั้งเดียวห้าพัน”

คนฟังทำหน้าตกใจ “อุบ๊ะ... แค่แลกกับจูบนั่นเหรอ”

นวินดาหน้าแดงที่เพื่อนเข้าใจไปทางนั้น แต่เธอก็ไม่นึกอยากแก้

“ฉันเห็นนะเฟ้ย แกแลกลิ้นกับไอ้ฝรั่งหล่อนั่น ร้ายไม่หยอกเพื่อนเรา ของฉันมีแต่พวกอยากแตะอั๋งฟรีๆ ไม่ค่อยมีใครสปอร์ต ยอมควักเงิน”

“ยังไงก็ถือว่าฉันชนะพนันแล้ว เพราะงั้นเกมโอเวอร์ เอาเงินพนันมาให้ฉันเลย” นวินดาแบมือรอบวง ซึ่งถูกเพื่อนๆ ค้อนควัก คนเป็นเจ้ามือยอมจ่ายส่วนแบ่งให้นวินดาครึ่งหนึ่งตามที่ตกลงกัน จากนั้นหัวโจกของกลุ่มก็พูดว่า

“เดี๋ยวฉันไปจ่ายเงินให้เจ๊ก่อน แล้วเราค่อยออกไปกัน มีบาร์อะโกโก้ประเภท “โชว์” แถวนี้ เราไปดูกันเถอะ ค่าดริ๊งค์ไม่แพงด้วย แต่ไอ้หนึ่งแกห้ามแยกตัวไปก่อนเด็ดขาด ต้องพาพวกฉันไปรู้จักกับฝรั่งหล่อคนนั้นก่อน”

.....................................

<1> คำเรียกอย่างเป็นทางการคือ Table Danders หรือนักเต้นบนโต๊ะ แต่ไทยเรามักเรียกว่า A Go-Go Girl




lozocatlozocat




Create Date : 08 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2555 20:19:43 น.
Counter : 1617 Pageviews.

5 comment
1  2  

คณิตยา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]









รู้จักคณิตยา/คีตฌาณ์

ก้าวสู่โลกแห่งการขีดเขียนในปี 2549 มีผลงานเป็นรูปเล่มกับสนพ.ในเครือสถาพรบุ๊คส์ทั้งหมด 11 เล่ม ไล่ตั้งแต่ รหัสทรชน ทางสายหมอก กุหลาบในเปลวไฟ ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ อริ...ที่รัก บอดี้การ์ด รักเพียงฝัน ตามรักข้ามเวลา ไฟรัก บันทึกแห่งรัก(the Book of Love) มิราเบลล์...ตราบคีตาบรรเลง เป็น 1 ในนิยายชุดแด่เธอที่รัก สาปรัก และใต้ปีกรัก

รหัสทรชน เป็นละครทางช่อง 3 เมื่อปี 2554 แสดงโดย เคน และชมพู่ สร้างโดยค่ายยูม่า และ ไฟรัก ได้รับการซื้อลิขสิทธิ์ไปแปลเป็นภาษาเวียดนาม วางแผงเดือนสิงหาคม 2556



พูดคุย ทักทาย แลกเปลี่ยนความเห็น และติดตามความเคลื่อนไหวได้ทาง fb โดยกดไลค์เป็นแฟนเพจได้ทาง https://www.facebook.com/keetacha?ref=hl ขอบคุณค่ะ

---------------


ตอนนี้อุ๋ยทยอยนำนิยายที่หมดลิขสิทธิ์กับพิมพ์คำไปวางจำหน่ายในรูปแบบ E-book บนเว็บ ebooks และเว็บ Mebmarket ค่ะ

ใต้ปีกรัก...ราคาอีบุ๊ก 179 บาท

บันทึกแห่งรัก...ราคาอีบุ๊ก 255 บาท จากราคาปก 310

ไฟรัก...ราคาอีบุ๊ก 279 บาท จากราคาปก 350 บาท

กุหลาบในเปลวไฟ...ราคาอีบุ๊ก 230 บาท



รหัสทรชน ราคาอีบุ๊ก 200 บาท จากราคา 300 บาท 673 หน้า





ทางสายหมอก ราคาอีบุ๊ก 265 บาท จากราคา 280 บาท 690 หน้า



ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ ราคาอีบุ๊ก 125 บาท จากราคา 180 บาท 360 หน้า



รวมเรื่องสั้น...ฉบับวัยหวาน ราคาอีบุ๊ก 45 บาท จากปก 55 บาท



อริ...ที่รัก ราคาอีุบุ๊ก 195 จากปก 240 บาท



หวานใจ...บอดีการ์ด...ราคาอีบุ๊ก 145 บาท จากปก 180 บาท



รักเพียงฝัน...ราคาอีบุ๊ก 225 จากปก 250 บาท



ตามรักข้ามเวลา...ราคาอีบุ๊ก 240 จากปก 270 บาท





















New Comments