Group Blog
All Blog
ตามรักข้ามเวลา...บทนำ/1
greenteagreentea

สวัสดีค่ะ....เรื่องใหม่มาแล้ว "ตามรักข้ามเวลา" เป็นเรื่องที่รีไรท์มาจากเรื่องเดิม "เดิมพันรักข้ามเวลา" จะพยายามให้จบภายในเดือนมิถุนายน 2553 นี้ค่ะ ลองติดตามดูค่ะว่าจะต่างจากเวอร์ชั่นเดิมมากน้อยแค่ไหน


สำหรับผู้ที่สนใจร่วมเล่นเกมชิงหนังสือ "รักเพียงฝัน" 4 รางวัล ร่วมสนุกกันได้ที่ คลิก เกมชิงหนังสือรักเพียงฝัน ที่นี่ค่ะ"

รบกวนคนที่จะเล่นเกม ตอบเฉพาะที่หน้าเพจนั้นนะคะ อุ๋ยจะได้รวบรวมได้ง่ายหน่อย

ขอให้ทุกคนโชคดีค่ะ กระซิบอีกนิด ยังมีอีกหลายข้อที่ยังไม่มีใครตอบถูก ฉะนั้นสำหรับผู้ที่อาจจะยังลังเล ยังมีโอกาสร่วมสนุกอยู่ค่ะ ^^


*********************


มินตราลงจากรถด้วยอารมณ์ที่ไม่สู้ดีนัก เธอไม่ได้เอ่ยขอบคุณคนขับรถเหมือนเช่นทุกครั้ง ฉวยตำราเรียนได้ ก็ตรงเข้าบ้านในทันที ต้นเหตุที่ทำให้อารมณ์ขุ่นมัว มาจากเพื่อนร่วมห้อง จับกลุ่มซุบซิบกันว่าสาเหตุที่ธันว์ ไม่เหลียวแลสาวๆ คนไหน เพราะกำลังรอแฟนชาวอเมริกันกลับมาแต่งงานด้วย

เด็กสาว เป็นลูกครึ่งไทย-อเมริกัน อายุ 19 ปี กำลังศึกษาชั้นปีที่ 2 ในมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง เธอหลงรักเพื่อนสนิทของพี่ชายตัวเองที่อยู่ข้างบ้าน มาตั้งแต่แตกเนื้อสาว จวบจนกระทั่งอีกฝ่ายศึกษาจบปริญญาโทใบที่ 2 จากอเมริกา และตอนนี้กำลังพ่วงตำแหน่ง ‘อาจารย์’ อีกตำแหน่งที่ทำให้ห่างไกลกันออกไปเรื่อยๆ หากเธอก็ยังมั่นคงในรักนั้น และนับวันมีแต่จะเพิ่มพูนสูงขึ้นตามวันและเวลาที่ผ่านไป

มินตราตอบตัวเองไม่ได้ว่าแอบรักเขาตั้งแต่เมื่อไร อาจเป็นตอนที่เขากลับมาเยี่ยมบ้านในซัมเมอร์แรกที่ไปเรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกา แล้วซื้อหนูแกสบี้มาฝาก หรือไม่ถ้าไม่ใช่คราวนั้น ก็อาจเป็นหน้าร้อนในปีถัดมาที่เขายอมตามใจเธอด้วยการพาเข้าไปในโบสถ์เพื่อเล่นทำพิธีแต่งงาน เป็นการเล่นเลียนแบบของเด็กๆ เขาให้เธอคล้องแขนพาเดินเข้าไปในโบสถ์โดยมีเด็กข้างบ้านรุ่นน้องของเธอมาเล่นเป็นบาทหลวงยืนคอยอยู่หน้าแท่นพิธีเพื่อทำพิธีแต่งงานให้

หรืออาจจะนานกว่านั้น เธออายุแค่ 5 ขวบและเป็นโรคไฮโดรโฟเบียจากการฝึกว่ายน้ำครั้งแรกกับพี่เลี้ยงแล้วเกิดจมน้ำเกือบเสียชีวิต ขณะที่เขาอยู่ในช่วงอายุ 21 ปี ธันว์พาเธอไปละลายความกลัวด้วยการฝึกให้คุ้นเคยกับระดับน้ำลึกทีละนิดๆ และฝึกซ้ำๆ เป็นระยะเวลาหลายเดือน จวบจนกระทั่งเธอหายจากโรคไฮโดรโฟเบียในที่สุด หรืออาจจะนานกว่านั้น…เธอเริ่มเข้าเรียนชั้นอนุบาล และมักมานั่งทำการบ้านที่ระเบียง ซึ่งเป็นทางผ่านที่เขาต้องเดินขึ้นไปหาพี่ชายเธอทุกเย็น เขาหยุดแวะสอนการบ้านให้เธอก่อนทุกครั้ง ธันว์ปฏิบัติตัวต่อเธออย่างนั้นเรื่อยมา จวบจนวันที่เขาเดินทางไปเรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกากับอัตราในวัย 22 ปี และเธอขึ้นชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 พวกเธอจึงเริ่มห่างๆ กัน

ใช่...จำไม่ได้แน่ชัดว่าเธอเริ่มต้นรักเขาเมื่อไร กว่าจะรู้ตัว ชายหนุ่มก็เข้ามานั่งกลางใจเรียบร้อยแล้ว ด้วยเหตุนี้เมื่อเขากลับมาเป็นอาจารย์สอนหนังสือในมหาวิทยาลัยเอกชนของพ่อของเขาในทันทีที่จบปริญญาโทใบที่ 2 กลับมาจากอเมริกา เธอจึงสมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยของเขาอย่างไม่ลังเลเมื่อจบไฮสคูลจากโรงเรียนนานาชาติในสองปีก่อน ไม่สนใจด้วยว่าคะแนนของข้อสอบกลาง<1>ของเธอจะสูงเพียงพอที่จะยื่นสมัครแอดมิสชั่นส์<2>เข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยของรัฐที่มีชื่อเสียงได้ด้วยซ้ำ

เด็กสาวกอดหนังสือเดินตรงไปยังชั้นสอง บ้านเงียบเชียบด้วยอาเธอร์และเพลินตา ผู้เป็นพ่อและแม่ของเธอเดินทางไปฉลองครบรอบการแต่งงานปีที่สามสิบสามที่อเมริกา ซึ่งเป็นสถานที่พบรักกันครั้งแรก อาเธอร์เป็นคนอเมริกัน หลังสมรสกับแม่ของเธอ ก็ย้ายมาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่เมืองไทย พร้อมกับเอ็ดเวิร์ด ปู่ของเธอ

ครอบครัวของเธอกับครอบครัวของธันว์ มีอะไรที่คล้ายๆ กัน เธอเป็นลูกครึ่งที่มีพ่อเป็นชาวอเมริกัน ส่วนเขาก็เป็นลูกครึ่งเช่นกัน โดยมีแม่เป็นอเมริกัน ครอบครัวของคนทั้งสองมาซื้อที่จัดสรรแห่งนื้ เพื่อสร้างบ้านกึ่งคฤหาสน์ในอาณาบริเวณที่ติดกัน แถมยังคลอดลูกคนแรกในเวลาไล่เลี่ยกัน อัตรากับธันว์จึงเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก พวกเขาโตมาด้วยกัน เข้าเรียนในสถาบันเดียวกันและกลายมาเป็นเพื่อนรักกันในที่สุด ส่วนเธอเป็นลูกหลงของครอบครัว แม่มีเธอตอนที่ทำใจแล้วว่าจะไม่มีลูกคนที่สอง ด้วยพยายามทำกิฟท์หลายครั้งแต่ไม่ติด จนถอดใจเลิกหวังไปแล้ว หากกลับตั้งท้องในอีกสิบกว่าปีต่อมา

มินตรากลายเป็นลูกรักลูกหลงของครอบครัว ด้วยนอกจากจะมีอายุห่างจากพี่ชายถึง 16 ปีแล้ว ยังเกิดมาเป็นหญิงสมใจคนเป็นแม่ด้วย ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังเป็นศูนย์รวมความรักจากครอบครัวของธันว์ด้วย เพราะแอนนาแม่ของเขาอยากได้ลูกสาวมานานแล้ว เมื่อไม่อาจมีเป็นของตัวเองได้ จึงหันมาทุ่มเทความรักความเอ็นดูให้กับเธอแทน กล่าวได้ว่ามินตราเกิดมาท่ามกลางความรัก การดูแลเอาใจใส่ ตลอดจนการพะเน้าพะนอเอาใจของทุกคน อยากได้อะไรไม่เคยไม่ได้ ชีวิตที่พร้อมพรั่งของเด็กสาว ทำให้แทบไม่รู้จักกับการถูกขัดใจ แม้อาเธอร์พยายามจะสอนลูกสาวให้รู้จักช่วยเหลือตัวเองบ้างเหมือนอย่างอัตราผู้เป็นพี่ชาย แต่เพราะความที่เธอเกิดมาในจังหวะที่ครอบครัวอยากมีลูกสาวมานาน...ดูจะนานตราบเท่าอายุของเธอเลยก็ว่าได้ ฉะนั้นแม้อาเธอร์พยายามจะสอนลูกสาวให้เหมือนเด็กฝรั่งทั่วไปอย่างไร สุดท้ายก็ต้องเสียความตั้งใจเนื่องจากคนเป็นภรรยาและผู้คนรอบข้างคอยทัดทานอยู่เสมอ

เหตุนี้เด็กสาวจึงเกิดมาชนิดที่เรียกว่าเท้าเหยียบพรมตลอด ด้วยไม่เคยติดดิน ตลอดชีวิตที่ถูกเลี้ยงดูมาแทบจะไม่รู้จักกับความผิดหวัง ด้วยถูกตามใจตั้งแต่เล็กจนโต... เป็นเวลา 19 ปีมาแล้วที่เธอแทบจะนับครั้งได้ในสิ่งที่ ‘ไม่ได้ดั่งใจ’



มินตราก้าวผ่านห้องโฮมเธียเตอร์บนชั้นสองแล้วชะงักเมื่อได้ยินบทสนทนาของคนที่อยู่ในห้องนั้นดังลอดออกมาจากบานประตูที่เปิดแง้มอยู่ อัตรากำลังถกเถียงอยู่กับอาจารย์หนุ่มของเธอ หัวข้อสนทนาทำให้เธอแทบจะกลั้นใจฟังโดยไม่รู้ตัว เด็กสาวขยับเท้าเข้าไปชิดประตู

“นายพูดผิดแล้วอัต ฉันไม่ได้ยื้ออดีต แค่จะชดเชยสิ่งที่ผิดพลาดในอดีตเท่านั้น”

“แล้วจะต่างกันตรงไหน นายจะทำอย่างนั้นไปเพื่ออะไรกัน ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ถามหน่อยเถอะนายจมปลักกับอดีต เพราะหวังว่าซาร่าห์จะฟื้นกลับคืนมาได้อย่างนั้นเหรอ ก็เปล่าทั้งนั้นแล้วนายจะขังตัวเองกับอดีตที่เลวร้ายพวกนั้นไปทำไมกัน เลิกลงโทษตัวเองได้แล้ว ทุกคนรู้กันทั้งนั้นว่าไม่ใช่ความผิดของนาย”

“ทำไมจะไม่ใช่ ถ้าวันนั้นฉันไม่พาเธอไป ทุกอย่างก็คงไม่จบลงอย่างเลวร้าย ทั้งๆ ที่พวกเราจะเข้าพิธีแต่งงานกันอยู่แล้ว ให้ตายเถอะ...นายเข้าใจไหมอัต มันเป็นความผิดของฉันที่ดูแลผู้หญิงที่ตัวเองรักไม่ได้ เพราะงั้นเลิกคุยเรื่องนี้ แล้วปล่อยให้เป็นเรื่องของฉันเถอะ”

“ฉันจะทำอย่างนั้นได้ยังไง นายโทษตัวเองมานานพอแล้วนะธันว์ หยุดฝังใจผิดๆ อย่างนั้นเถอะ”

“ฉันไม่ได้ฝังใจผิดๆ และนายนั่นแหละ...เลิกยุ่งกับเรื่องของฉันได้แล้ว”

“วอนจริงๆ ไอ้หอกหักนี่ นายเป็นเพื่อนฉันนะ จะไม่ให้ยุ่งได้ยังไง”

“ทำไมจะไม่ได้ ร้อยวันพันปีไม่เห็นมายุ่ง ทำไมถึงจะมายุ่งวันนี้”

“ก็ทนเห็นนายทำตัวไร้สาระไปมากกว่านี้ไม่ได้ไง ฉันหลงคิดว่านายฝังอดีตได้แล้ว เลิกสักทีเถอะธันว์ ทิ้งอดีตแล้วก้าวเดินไปข้างหน้า เลือกผู้หญิงดีๆ สักคนที่เข้ามาในชีวิตนาย รักเธอซะแล้วแต่งงานใช้ชีวิตอย่างคนปกติทั่วไป 7 ปีที่ผ่านมาก็นานพอแล้วนะที่จะลงโทษตัวเอง เพราะงั้นเลิกสวมสร้อยที่เตือนให้คิดถึงซาร่าห์เถอะ โยนอดีตทิ้งไปเสีย ชีวิตนายจะได้เหมือนมนุษย์มนาเขาสักที”

“ทำมาพูดดี ทีตัวนายล่ะยังลอยไปลอยมาเป็นพ่อพวงมาลัย แต่งงานกับผู้หญิงสักคนสิแล้วฉันอาจจะทำตาม เลิกสอนคนอื่น แต่ทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีเลยดีกว่า”

“ไอ้เบื้อก ฉันไม่มีผู้หญิงมาติดพันมากมายเหมือนนายนี่”

“นายมี แต่นายเลือกมากเองต่างหากอัต ถามจริงจะรอผู้หญิงเลิศเลอวิลิศมาหราไปถึงไหน”

“ฉันไม่ได้รอ แค่ยังไม่เจอใครที่ถูกใจก็เท่านั้น”

แล้วธันว์จะตอบอะไรกลับไปอีก มินตราก็ไม่ได้อยู่รอฟังแล้ว ด้วยใจปวดหนึบเกินกว่าจะทานทน เด็กสาวไม่รู้ตัวเลยว่าพาตัวเองออกมาจากที่นั้นได้อย่างไร มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่กำลังฟุบหน้าสะอื้นกับหมอน น้ำตาไหลชุ่มปลอกหมอนราวกับทำนบเขื่อนพัง

สวรรค์ช่วยด้วยเถอะ...เด็กสาวกระซิบแผ่วเบาด้วยใจที่ยอกแสยงรุนแรง เมื่อหวนคิดว่าข่าวลือที่เพื่อนนักศึกษาซุบซิบตลอดเวลาที่ผ่านมาเป็นความจริง ธันว์มีคู่หมั้นคู่หมายที่เขาอยากจะใช้ชีวิตคู่ร่วมกันแล้ว

มินตรารู้สึกหนาวยะเยือกกับความคิดนั้น ด้วยรู้สึกช็อกตั้งแต่ได้ยินคำพูดเรื่องเข้าพิธีแต่งงาน อารามใจเสียตลอดจนอาจฟังไม่ถนัด จึงทำให้เธอละเลยรายละเอียดปลีกย่อยที่พวกเขาพูดคุยกัน โดยเฉพาะเรื่องที่คนรักของธันว์ได้จากเขาไปแล้ว



อัตราเงยหน้าจากไดอารี่ที่กำลังจดปลายปากกาบันทึกอยู่ เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูหน้าห้องนอนดังขึ้น ภายหลังธันว์กลับไปแล้ว เขาก็ขึ้นมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและสะสางงาน ก่อนจะนั่งขีดเขียนบันทึกอะไรเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งเป็นกิจวัตรประจำวันที่เขาทำหลังเสร็จงาน

ชายหนุ่มเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของครอบครัวรองจากผู้เป็นพ่อ เมื่ออาเธอร์และเพลินตาไม่อยู่ ภารกิจในการดูแลบริษัทส่งออกจึงตกอยู่ที่เขา โชคดีหน่อยที่บริษัทอยู่ในรั้วอาณาเขตของบ้าน เขาจึงไม่ต้องเหนื่อยและเสียเวลาไปกับการเดินทาง แค่ขับรถอ้อมไปถนนที่ผ่านหลังบ้าน เนื่องจากบริเวณโดยรอบของบ้านค่อนข้างกว้างขวาง พ่อของเขาจึงกันพื้นที่ด้านหลังสร้างเป็นบริษัท และทุบกำแพงออกเพื่อเปลี่ยนมาเป็นประตูเลื่อนให้พนักงานและคนภายนอกที่มาติดต่อเข้าออก โดยไม่ต้องผ่านประตูหน้าบ้าน แต่ได้สร้างกำแพงระหว่างบ้านกับบริษัทเพื่อความเป็นส่วนตัวแทน ประตูเข้าออกด้านนี้ส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้นอกจากบางโอกาสเท่านั้น

อัตราช่วยดูแลกิจการของครอบครัวมาเป็นเวลา 7 ปีแล้ว หลังจบกลับมาจากอเมริกา เขาก็เข้ามาจับงานด้านการตลาด คอยมองหาลู่ทางใหม่ๆ เพื่อส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารของบริษัทไปจำหน่ายยังต่างประเทศ สองปีแรกเขาเจาะตลาดประเทศจีนได้และสามปีถัดมาสามารถแบ่งสัดส่วนทางการตลาดจากบริษัทคู่แข่งมาได้อีกห้าเปอร์เซ็นต์ ชายหนุ่มจบปริญญาโทสองใบเหมือนกับธันว์ ใบแรกจบด้านวิศวกรรมศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเอ็มไอที จากนั้นก็ทำงานเก็บเกี่ยวประสบการณ์อีกสองปี แล้วจึงต่อปริญญาโทใบที่สองทางด้านบริหารธุรกิจที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เพื่อนำความรู้และประสบการณ์มาขยายกิจการของครอบครัว

เขาทำหน้าประหลาดใจอย่างไม่ปิดบังเมื่อเปิดประตูไปเห็นมินตรายืนอยู่หน้าห้องในชุดเดิมที่เพิ่งกลับจากมหาวิทยาลัย

“ไหนเด็กว่ามิ้นกลับมานานแล้ว ทำไมยังไม่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอีก จะถึงเวลาอาหารเย็นอยู่แล้ว” อัตราถามพลางปรายตามองชุดนักศึกษาที่ค่อนข้างรัดติ้วตามสมัยนิยมของเด็กสาว เขาชอบดูนักศึกษาสมัยนี้แต่งตัว เพราะค่อนข้างเปิดเผยเนื้อตัวดี แต่พอมาถึงคราวน้องสาวของตัวเองบ้าง ลมแทบจับในครั้งแรกที่เห็นมินตราลงบันไดมาในวันแรกของการเปิดเรียน ด้วยชุดนักศึกษาที่เจ้าตัวสวม เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งชัดเจนโดยไม่ต้องอาศัยการจินตนาการใดๆ จะว่าหัวโบราณหรือหวงน้องสาว เขาไม่เถียง อัตรายอมขัดใจน้องสาวซึ่งนานๆ ครั้งเขาจะทำ แล้วก็ลงเอยเหมือนเช่นทุกครั้งที่เขาต้องเป็นฝ่ายล่าถอยไปเอง ความจริงเขาน่าจะค้นพบสัจธรรมนานแล้วว่าไม่มีทางเอาชนะน้องสาว ไม่ว่าเรื่องนั้นเขาจะเป็นฝ่ายผิดหรือถูกก็ตาม ฉะนั้นเป็นเวลาสองปีมาแล้วที่เขาต้องทนมองภาพน้องสาวในชุดนักศึกษารัดติ้ว ด้วยใจที่เต้นตุ้มๆ ต่อมๆ กับความรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ ว่าจะมีใครพูดจาแทะโลมน้องสาวเขาบ้าง หรือมองไปในทางที่เสียหาย โชคดีอยู่หน่อยก็ตรงที่มินตราชอบแต่งตัวตามสมัยนิยมเท่านั้น แต่ไม่พิสมัยที่จะทำตัวไวไฟ ดังนั้นภายใต้ชุดนักศึกษา เจ้าตัวจึงสวมเสื้อซับในและถุงน่องเรียบร้อย

มินตราสบตาผู้เป็นพี่ชายได้เพียงแวบเดียวก็เมินหลบ เธอทำท่าอึดอัดใจเหมือนน้ำท่วมปาก

อัตรามองภาพนั้นแล้วเลิกคิ้ว “มีอะไร ทำไมไม่พูด” ถามพลางมองใบหน้าสวยหวานของน้องสาว ยามนั้นคนเป็นพี่ไม่ได้สงสัยเลยว่าทำไมอีกฝ่ายยังคงแต่งหน้าโดยเฉพาะนัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้คมซึ้งคู่นั้น ถูกเขียนขอบตาอย่างเข้ม ทั้งที่โดยปกติใช้เครื่องสำอางบางๆ ที่สำคัญกลับมาจากมหาวิทยาลัยและควรต้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว จึงไม่มีเหตุผลต้องแต่งหน้าอีก

“มิ้น เอ่อ...” เด็กสาวอึกอัก เธอเสยผมทัดหู ทั้งที่ไม่มีผมปอยใดหล่นปรกหน้า เพราะรวบไว้ข้างหลังพร้อมผูกโบว์เรียบร้อยสวยงาม แต่ด้วยต้องการเสกลบเกลื่อนความรู้สึกในใจ และผู้เป็นพี่ชายก็มองภาพนั้นออก

คนที่แก่กว่ารอบหนึ่งเลิกคิ้วอีกคำรบ ก่อนจะถามอย่างรู้ทันว่า “มีเรื่องอะไรคับข้องใจ ถึงมายืนอ้ำๆ อึ้งๆ หน้าห้องพี่”

“เอ่อ...” มินตราอึกอักมากขึ้น เธอยิ้มแหยๆ แล้วว่า “พี่อัตจะไม่เปิดประตูให้มิ้นเข้าไปหน่อยเหรอ”

อัตราจับขอบประตูให้เปิดกว้างขึ้น “เข้ามาสิ” เขารอจนน้องสาวเข้ามาเรียบร้อยแล้วจึงปิดประตูตามหลัง

มินตรารวบรวมกำลังใจถามขึ้นเป็นประโยคแรก “พี่อัตทำอะไรอยู่คะตอนที่มิ้นมาเคาะประตู” เธอเกริ่นนำก่อนดึงเข้าสู่บทสนทนา

เจ้าของห้องคว้าเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานมาทรุดนั่ง เพื่อจะได้เผชิญหน้าตรงๆ กับอีกฝ่ายซึ่งหย่อนก้นนั่งหมิ่นเหม่บนขอบเตียง

“บันทึกอะไรนิดๆ หน่อยๆ” อัตราตอบน้องสาว

“เขียนไอดารี่น่ะเหรอคะ”

คนถูกถามพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้

“พี่อัตเป็นคนสม่ำเสมอดีจัง เคยทำอะไรอยู่เมืองนอก กลับมาก็ยังทำอย่างนั้นไม่เปลี่ยนแปลง” ท่วงท่าของคนพูด เหม่อลอย

“ไม่ต้องลดเลี้ยวมาเรื่องพี่เลย พูดธุระของเรามาเถอะ”

มินตรามองเขา สายตาเปลี่ยนเป็นเศร้าสร้อย “งั้นมิ้นพูดตรงๆ นะคะ” ถอนใจก่อนกล่าวต่อว่า “ตอนที่เดินผ่านห้องโฮมเธียเตอร์เมื่อตอนเย็น มิ้นได้ยินพวกพี่คุยกันโดยบังเอิญ เพิ่งรู้ว่าพี่ธันว์มีแฟนแล้ว แสดงว่าข่าวลือเรื่องที่เขากำลังรอแฟนกลับมาแต่งงานด้วยเป็นความจริงสิคะ”

อัตราขมวดคิ้ว “ไปได้ยินข่าวลือพวกนั้นมาจากไหน”

“จากไหนไม่สำคัญหรอกค่ะ สำคัญที่ว่ามันเป็นความจริงหรือเปล่า บอกมิ้นหน่อยสิคะ”

“จากไหนสำคัญสิ เพราะถ้าไม่ใช่จากปากเจ้าธันว์ ไม่ใช่ความจริงแน่”

“แต่วันนี้พวกพี่คุยกันทำนองว่าพี่ธันว์มีคู่หมั้นคู่หมายที่จะแต่งงานด้วยกันอยู่แล้ว”

“ใช่...พวกพี่พูดกันอย่างนั้น แต่เราบังเอิญได้ยินด้วยเหรอเปล่าล่ะว่าพี่ด่าเจ้าธันว์ให้เลิกฝังใจอะไรผิดๆ กับเรื่องในอดีต ซาร่าห์ตายไปแล้วเพราะงั้นไม่มีประโยชน์ที่จะขังตัวเองกับเรื่องที่ผ่านมา ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น” แม้จะเล่าให้ฟังโดยดี แต่ไม่วายบอกเป็นนัยให้รู้ว่าน่าจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ได้ยิน นอกจากแอบฟังอยู่ข้างนอก

“ซาร่าห์ตายไปแล้ว?” ทวนคำอย่างมึนงง ไม่สนใจคำพูดรู้ทันของผู้เป็นพี่

“ใช่...ซาร่าห์แฟนเจ้าธันว์ตายไปแล้ว”

“สวรรค์ช่วย...” มินตราอุทาน ใบหน้าซีดขาว “มิ้นไม่เคยเอะใจเลยว่าพี่ธันว์จะน่าสงสารขนาดนี้ ถึงว่าพี่ธันว์ชอบอ้ำอึ้งเวลาที่มิ้นถามเรื่องแฟน ที่แท้แฟนเขาตายไปแล้วนี่เอง ตายได้ยังไงคะ”

อัตราชะงัก ก่อนจะตอบอย่างบ่ายเบี่ยงว่า “เรื่องส่วนตัวของพี่เขา อย่ารู้เลย”

“น่านะเล่าหน่อยเดียว” มินตราลงทุนชะโงกตัวไปเขย่าแขนพี่ชาย ท่วงท่าประจบออดอ้อน

คนถูกอ้อนส่ายหน้า “เรื่องส่วนตัวของธันว์ พี่ไม่ยุ่งด้วยหรอก ถ้าอยากรู้ไปถามพี่เขาเอง”

มินตราทำหน้าขัดใจ “แต่คนที่บอกว่าไม่ยุ่งด้วย ก็เล่ามาตั้งเยอะแล้ว เล่าต่ออีกหน่อยจะเป็นไรไป น่านะพี่อัตคนดี”

อัตราจิ้มหน้าผากน้องสาว พร้อมกับแยกเขี้ยว “นี่แน่ะ...กระแนะกระแหนพี่เหรอ งั้นก็อย่าฟังต่อเลยเจ้ามิ้น”

“โถ...โถ...โถ หาความแล้ว มิ้นเปล่าสักหน่อย น่านะพี่อัตคนดี เล่าให้ฟังอีกหน่อยสิคะ ว่าแฟนพี่ธันว์เป็นใคร แล้วตายได้ยังไง”

“ไม่ได้ เรื่องส่วนตัวของพี่เขา ถ้าอยากรู้ ไปถามเองสิ”

“แล้วพี่อัตคิดเหรอว่าพี่ธันว์จะยอมเล่า ถ้ามิ้นไปถามน่ะ”

“นั่นสิ เจ้าตัวเขายังไม่อยากเล่า แล้วพี่เป็นใครถึงมีสิทธิ์ไปเปิดเผยเรื่องของเขา”

มินตราหน้าง้ำ ละกลับมานั่งตัวตรง เธอเมินหน้าจากเขาและขบเม้มริมฝีปากจนเป็นเส้นตรง ซึ่งเป็นกิริยาที่อัตรารู้ดีว่าน้องสาวเริ่มงอน เขาถอนใจกับภาพนั้น ก่อนจะพูดเสียงอ่อนๆ ด้วยท่าทีงอนง้อ

“พี่เล่าให้เราฟังไม่ได้จริงๆ หนูมิ้น บางอย่างเป็นเรื่องส่วนตัวของพี่เขามากเกินไป” ยามงอนง้อ สรรพนามเปลี่ยนมาเป็น ‘หนูมิ้น’

“งั้นเล่าแค่ว่าแฟนของพี่ธันว์เป็นใคร” ละสายตากลับมา แววตาเป็นประกายสดใสขึ้น

อัตราทำหน้าหนักใจ “ก็ได้...แค่หน่อยเดียวนะ”

เด็กสาวพยักหน้ารับทันควัน

แล้วเรื่องราวระหว่างธันว์กับแฟนสาวเมื่อ 7 ปีก่อน ก็ค่อยๆ หลุดจากปากของอัตราทีละเล็กทีละน้อย จนไม่เหลืออะไรที่เป็นความลับอีกต่อไป แม้กระทั่งเรื่องสร้อย S&T ผู้เป็นพี่ชายไม่รู้เลยว่าแพ้ความช่างตะล่อมของน้องสาว


*********************

1. ข้อสอบกลาง หมายถึงข้อสอบที่สอบเหมือนกันและพร้อมกันทั่วประเทศ ซึ่งในที่นี้ ประกอบด้วย แบบทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน(O-NET) แบบทดสอบวัดความถนัดทั่วไป(GAT) และแบบทดสอบวัดความถนัดทางวิชาชีพ/วิชาการ(PAT) ซึ่งทั้งหมดจัดสอบโดยสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ กระทรวงศึกษาธิการ

2. แอดมิสชั่นส์ : ระบบกลางการคัดเลือกนิสิตนักศึกษาเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษา ซึ่งนำมาใช้แทนระบบสอบเอ็นทรานซ์ที่ถูกยกเลิกไป






greenteagreentea



Create Date : 03 มีนาคม 2553
Last Update : 20 เมษายน 2553 9:44:55 น.
Counter : 1373 Pageviews.

5 comments
  
ว้า งี้ชื่อเรื่องที่เราัตั้งไว้ก็ไม่ได้ใช้สิเนี่ย เสียดายจัง หุหุ
โดย: หนูเก๋ วันที่: 3 มีนาคม 2553 เวลา:13:12:39 น.
  
อยากรู้จังเลยค่ะว่าคุณอุ๋ยจะรีไรท์แล้วเป็นแบบไหนค่ะ มีการเปลี่ยนชื่อเรื่องด้วยสิ
โดย: pantan IP: 203.144.144.164 วันที่: 3 มีนาคม 2553 เวลา:17:21:53 น.
  
อายุหนูมิ้นน้อยกว่าธันว์ 12 ปี เรื่องอายุเปลี่ยนจากเดิมหรือเปล่าคะไม่แน่ใจ

อ่านถึงโอเน็ตแล้วขำที่เด็กทำคลิปในยูทูบทที่มีสรยุทธ์กับกฤติกาในรายการเรื่องเล่าเช้านี้ เห็นคำถามในข้อสอบแล้วสงสารเด็กคำตอบมันชวนให้คิดได้ว่าผิดถูกมันเท่าๆกันเลย ปีนี้น้องชายมิ้วก็สอบแต่ไม่เห็นเค้าเล่าให้ฟังว่ามีข้อสอบแบบนี้ด้วย

-ทำกิฟท์====ทำกิฟต์

-ผูกโบว์====ผูกโบ

-เขียนไอดารี่====เขียนไดอารี่
โดย: mimny IP: 222.123.237.57 วันที่: 3 มีนาคม 2553 เวลา:22:14:44 น.
  
เปลี่ยนชื่อเรื่อง แล้วก็เปลี่ยนชื่อพระเอกด้วย

รายละเอียดเปลื่ยนไปจากเดิมมาก (ตอนแรกที่มิ้นยืนร้องไห้กลางสายฝนตัดพ้อพี่เขต) แต่เรียกว่าพล็อตหลักยังคงอยู่ ตามต่อค่ะ ยังไงเป็นกำลังใจให้คุณอุ๋ยสู้ ๆ ค่ะ
โดย: alanta IP: 202.149.29.82 วันที่: 4 มีนาคม 2553 เวลา:8:11:53 น.
  
คุณเก๋ : ปรับใหม่เพื่อให้เข้ากับเนื้อเรื่องที่เกลาใหม่น่ะค่ะ ^^

คุณเอ๋ : คุณส่งพวงกุญแจให้อุ๋ยใช่ไหมคะ ต้องขอบคุณมากๆ เลยค่ะ น่ารักมาก

น้องมิ้ว : ฮ่าๆ...เปิดศักราชเรื่องใหม่ด้วยคำผิดตรึม แหะๆ ขอบคุณมากๆๆ จ้าน้องมิ้ว

คุณ alanta : คุณ alanta จำรายละเอียดที่เปลี่ยนไปได้ด้วย >_<
โดย: คณิตยา วันที่: 4 มีนาคม 2553 เวลา:10:18:12 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คณิตยา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]









รู้จักคณิตยา/คีตฌาณ์

ก้าวสู่โลกแห่งการขีดเขียนในปี 2549 มีผลงานเป็นรูปเล่มกับสนพ.ในเครือสถาพรบุ๊คส์ทั้งหมด 11 เล่ม ไล่ตั้งแต่ รหัสทรชน ทางสายหมอก กุหลาบในเปลวไฟ ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ อริ...ที่รัก บอดี้การ์ด รักเพียงฝัน ตามรักข้ามเวลา ไฟรัก บันทึกแห่งรัก(the Book of Love) มิราเบลล์...ตราบคีตาบรรเลง เป็น 1 ในนิยายชุดแด่เธอที่รัก สาปรัก และใต้ปีกรัก

รหัสทรชน เป็นละครทางช่อง 3 เมื่อปี 2554 แสดงโดย เคน และชมพู่ สร้างโดยค่ายยูม่า และ ไฟรัก ได้รับการซื้อลิขสิทธิ์ไปแปลเป็นภาษาเวียดนาม วางแผงเดือนสิงหาคม 2556



พูดคุย ทักทาย แลกเปลี่ยนความเห็น และติดตามความเคลื่อนไหวได้ทาง fb โดยกดไลค์เป็นแฟนเพจได้ทาง https://www.facebook.com/keetacha?ref=hl ขอบคุณค่ะ

---------------


ตอนนี้อุ๋ยทยอยนำนิยายที่หมดลิขสิทธิ์กับพิมพ์คำไปวางจำหน่ายในรูปแบบ E-book บนเว็บ ebooks และเว็บ Mebmarket ค่ะ

ใต้ปีกรัก...ราคาอีบุ๊ก 179 บาท

บันทึกแห่งรัก...ราคาอีบุ๊ก 255 บาท จากราคาปก 310

ไฟรัก...ราคาอีบุ๊ก 279 บาท จากราคาปก 350 บาท

กุหลาบในเปลวไฟ...ราคาอีบุ๊ก 230 บาท



รหัสทรชน ราคาอีบุ๊ก 200 บาท จากราคา 300 บาท 673 หน้า





ทางสายหมอก ราคาอีบุ๊ก 265 บาท จากราคา 280 บาท 690 หน้า



ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ ราคาอีบุ๊ก 125 บาท จากราคา 180 บาท 360 หน้า



รวมเรื่องสั้น...ฉบับวัยหวาน ราคาอีบุ๊ก 45 บาท จากปก 55 บาท



อริ...ที่รัก ราคาอีุบุ๊ก 195 จากปก 240 บาท



หวานใจ...บอดีการ์ด...ราคาอีบุ๊ก 145 บาท จากปก 180 บาท



รักเพียงฝัน...ราคาอีบุ๊ก 225 จากปก 250 บาท



ตามรักข้ามเวลา...ราคาอีบุ๊ก 240 จากปก 270 บาท





















New Comments