Group Blog
All Blog
ตามรักข้ามเวลา...บท 1/1



กลุ่มหมอกควันสีเขียวค่อยๆ จางลงพร้อมกับมินตราก็ปรากฏกายขึ้นที่บ้านพักของธันว์และอัตรา ในนิวตัน รัฐแมสซาซูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ร่างของเด็กสาวนอนทอดกายอยู่บนกองหิมะขาวโพลนทางด้านหลังของโรงจอดรถ เกล็ดสีขาวราวปุยนุ่นโปรยปรายลงมาบนตัวของเธอ มินตรากอดกระเป๋าสัมภาระในอ้อมกอดแน่น เจ้าตัวยังคงรู้สึกคลื่นเหียนและอ่อนเพลียจากการเดินทางข้ามประตูมิติเวลา จึงไม่มีแรงลุก ได้แต่นอนหลับตาแน่น แล้วเสียงของเอ็ดเวิร์ดก็ดังแทรกเข้ามาในความทรงจำ

‘เทเลพอร์เทชั่นเบด มีหลักการทำงานที่ง่ายมาก แค่ตั้งโปรแกรมว่าจะไปที่ไหนในเวลาใด ระบบคอมพิวเตอร์ก็จะคำนวณพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าที่ต้องใช้โดยอัตโนมัติ เพื่อส่งผู้ถูกทดลองไปยังจุดหมาย เมื่อกดคำสั่งให้ทำงาน เทเลพอร์เทชั่นเบดก็จะสร้างหมอกควันสีเขียวขึ้นทีละน้อยๆ รอบเตียง จนหนาทึบแทบมองไม่เห็นด้านใน และเมื่อหมอกควันสีเขียวจางลง ผู้ถูกทดลองก็หายวับไปพร้อมกับกลุ่มควันนั้น’

ปู่ของเธอขอเวลาสองวันในการใคร่ครวญว่าควรจะส่งเธอย้อนเวลามา เพื่อเปลี่ยนแปลงอดีตของธันว์ดีหรือไม่ ที่สุดคำตอบก็กลายเป็นว่า ‘ไม่’ แต่เธอตื้อและอ้อนวอนสารพัด ที่สุดปู่ของเธอทนไม่ไหว จึงยอมใจอ่อน เขาโทรไปปรึกษาเลขาธิการอีโอเอชอาร์ แล้วการทดลองการเดินทางข้ามเวลาจึงเกิดขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อทางฝ่ายนั้นอนุญาต

มินตราเลือกย้อนเวลามาในช่วงเดือนธันวาคม ปี ค.ศ.2000 ซึ่งเป็นช่วง winter break ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด โดยจะหยุดเรียนประมาณ 3-4 อาทิตย์ระหว่างเดือนธันวาคม-มกราคม เด็กสาวเลือกมาในเวลานี้เพราะเป็นช่วงก่อนที่ธันว์จะตกลงคบหากับซาร่าห์ เธอมีเวลาจำกัดแค่ 7 วันที่จะอยู่ในโลกอดีต เพื่อทำภารกิจให้ลุล่วง ก่อนเดินทางมาได้ตระเตรียมกับเอ็ดเวิร์ด โดยให้บอกอัตรา รวมถึงพ่อแม่ซึ่งอาจกลับมาจากอเมริกาก่อนเวลาว่า เธอไปค้างบ้านเพื่อนเพื่ออ่านหนังสือเตรียมสอบ และยังได้วางแผนกับเพื่อนสนิทด้วยว่าจะต้องตอบอย่างไรบ้าง หากพ่อแม่หรืออัตราโทรไปถามหาตัวเธอ

เด็กสาวเตรียมเอกสารที่จำเป็นติดตัวมา พร้อมด้วยสร้อยล็อกเกตซึ่งเป็นเครื่องรับส่งสัญญาณ ซึ่งนอกจากสามารถบอกจุดพิกัดของเธอแล้ว ยังใช้เป็นเครื่องมือติดต่อกับผู้เป็นปู่โดยการส่งข้อความ ฉะนั้นขนาดของล็อกเกตจึงไม่เล็กนัก มินตราเลื่อนมือไปคลำสร้อยที่แขวนอยู่ที่คอ ถ้าเปิดฝาครอบ จะเจอหน้าปัดที่สามารถรับส่งสัญญาณได้ เธอกำจนรู้สึกอุ่นในมือ ล็อกเกตเส้นนี้เป็นเหมือนตัวแทนเชื่อมโยงระหว่างกาลเวลาในปัจจุบัน กับกาลเวลาในอดีต แล้วบรรดาภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับการเดินทางข้ามเวลาหลายต่อหลายเรื่องก็ย้อนเข้ามาตีพันกันยุ่งเหยิงในความคิดคำนึง

A Sound of Thunder เป็นภาพยนตร์ ที่บอกเล่าถึงการย้อนเวลาไปในอดีตเพื่อดูไดโนเสาร์ หนึ่งในทีมนักล่า เดินไปเหยียบผีเสื้อตัวหนึ่งตาย ผลลัพธ์ทำให้เกิดความวุ่นวายโกลาหลครั้งใหญ่ ทั้งที่สัตว์ที่ตายก็เป็นเพียงผีเสื้อตัวเล็กๆ นั่นเป็นที่มาของทฤษฎี Butterfly Effect จนเกิดคำพูดหนึ่งตามมาว่าแม้ผีเสื้อขยับปีก ก็ทำให้เกิดพายุอีกซีกโลกหนึ่งได้ กฎของการเดินทางข้ามเวลาจึงมักพูดถึงเงื่อนไข 3 ข้อที่ต้องปฏิบัติตามเคร่งครัด นั่นคือ ห้ามทิ้งอะไรไว้ในโลกอดีต ห้ามนำอะไรกลับมา และห้ามเปลี่ยนแปลงอดีต

ผลที่เกิดขึ้นจากการเดินทางข้ามเวลาทำให้ความคิดของมินตราสะเปะสะปะจนจับต้นชนปลายไม่ถูก แม้จะเริ่มรู้สึกหนาว หากกระนั้นเธอก็อ่อนแรงเกินกว่าจะลุก



ธันว์ก้าวลงจากรถภายหลังไปส่งเพื่อนสาวที่ไปเที่ยวด้วยกันมาเกือบสามวัน เขาฉวยกระเป๋าเดินทางออกมาจากกระโปรงหลังรถ กดรีโมตปิดประตูโรงจอดรถแล้วจึงเดินออกมาทางด้านหลัง เพื่อเข้าบ้านด้วยประตูด้านข้าง ในวัย 27 ปีหนุ่มลูกครึ่งผู้นี้ได้ชื่อว่าเป็นนักรักตัวยงเพราะเปลี่ยนคู่ควงแทบไม่ซ้ำหน้า ชายหนุ่มมีรูปร่างสูงใหญ่อย่างนักกีฬาเนื่องจากออกกำลังกายสม่ำเสมอ ธันว์กำลังเรียนปริญญาโทใบที่ 2 ในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สาขาบริหารธุรกิจ หรือ Harvard Business School(HBS) หลังจบปริญญาตรีที่เมืองไทย เขาก็มาศึกษาต่อปริญญาโทใบแรกที่มหาวิทยาลัย MIT หรือ Massachusetts Institute of Technology จากนั้นก็ทำงานเก็บเกี่ยวประสบการณ์ 2 ปีแล้วจึงต่อปริญญาโทใบที่ 2 ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด

จังหวะที่เดินขึ้นบ้าน สายตาก็เหลือบไปเห็นสิ่งผิดปกติในบริเวณที่เคยเป็นสวนข้างบ้านด้านหลังโรงจอดรถ ร่างบอบบางตัดกับหิมะขาวโพลนอย่างเห็นเด่นชัด นับเป็นโชคดีของมินตราที่มาถึงระหว่างธันว์กดรีโมตปิดประตูโรงรถพอดี เขาวางกระเป๋าข้างประตูแล้วรี่ไปดู ธันว์ครางในลำคอเมื่อเห็นเจ้าของร่างอรชร ใบหน้าของแขกนิรนามเยาว์วัย แสงแดดส่องกระทบหิมะทำให้ใบหน้าสวยเฉี่ยวสว่างไสวราวกับแม่เทพธิดาตัวน้อย เอี๊ยมยีนสีดำตัดกับสีขาวโพลนของหิมะชัดเจน แต่นวลเนื้อที่โผล่พ้นชายผ้ากลับขาวอมชมพูดูโดดเด่นกลางหิมะ เด็กสาวไม่ได้สวมหมวกไหมพรม ไม่ได้สวมถุงมือหรือแม้แต่ผ้าพันคอ ฉะนั้นพวงแก้มที่สัมผัสความหนาวจึงแดงปลั่งราวกับผลเชอร์รี่สุก การแต่งกายดูจะขัดกับสภาพอากาศในยามนี้

เด็กสาวสวยยังกับลูกครึ่งเอเชีย-ตะวันตก เธอมีผมดำที่ขณะนี้แผ่สยายรอบศีรษะ เรียวหน้าหวานละมุนด้วยเครื่องหน้ากระจุ๋มกระจิ๋ม และครู่ต่อมาค่อยๆ กะพริบตาขึ้นมอง ธันว์จ้องภาพนั้นอย่างตกตะลึง เด็กสาวกำลังคลี่ยิ้มให้เขา เป็นรอยยิ้มกระจ่างด้วยยิ้มทั้งเรียวปากและนัยน์ตาจนเห็นรอยบุ๋มสองข้างแก้ม ส่งผลให้ใบหน้าเรียวหวานสว่างไสวและเจิดจรัสเสียยิ่งกว่าแสงแดดที่กำลังสาดส่องหิมะอยู่ในตอนนี้

ธันว์หลับตาเมื่ออยู่ดีๆ รู้สึกแสบตาและใจเขาก็เกิดอาการเต้นจังหวะแปลกๆ โดยที่หาคำตอบไม่ได้ ชายหนุ่มหยีตา ไม่แน่ใจว่าแสงเจิดจ้าที่เกิดขึ้นปัจจุบันทันด่วนนั้นมาจากแสงอาทิตย์กระทบหิมะ หรือเป็นเพราะรอยยิ้มเจิดจรัสสดใสของเด็กสาว แล้วครู่ต่อมาเขาก็ต้องอึ้งเป็นเบื้อใบ้ เมื่ออยู่ดีๆ อีกฝ่ายก็โผขึ้นมากอดคอ

“พี่ธันว์!”

เด็กสาวร้องเรียกเขาด้วยน้ำเสียงยินดี พร้อมกับโอบแขนบอบบางรัดลำคอแน่น แรงโผขึ้นมากอดประจวบกับเขาไม่ทันตั้งตัว ทำให้ธันว์เซผงะล้มก้นกระแทกจมลงไปในหิมะ น้ำเสียงดีอกดีใจที่เรียกขานด้วยชื่อภาษาไทยอย่างถูกต้องชัดถ้อยชัดคำ พร้อมด้วยน้ำหนักของร่างนุ่มที่กดกระชับกับลำตัว ทำให้ธันว์งงงันอย่างทำอะไรไม่ถูก ชั่วครู่เขาจึงค่อยๆ แกะมือที่เย็บเฉียบออกจากคอ

“เดี๋ยว...เดี๋ยว คุยกันก่อน เรารู้จักกันด้วยเหรอ ทำไมถึงรู้จักชื่อของผม”

ฝ่ายนั้นชะงัก หดมือและค่อยๆ ผละแยกจากเขา

ธันว์ขยับตัวลุกยืนพร้อมทั้งปัดหิมะไปมา “คุณเป็นใคร” เขายังคงถามแล้วมองเด็กสาวอย่างสนใจ ฝ่ายนั้นลุกยืนอย่างไม่ถนัด เขาเอื้อมมือไปช่วยพยุง พลางคิดว่าเธอคงหนาวเพราะพวงแก้มแดงปลั่งขึ้นเรื่อยๆ ธันว์ลังเลชั่วขณะแล้วตัดสินใจถอดแจ็กเกตคลุมบ่าให้เธอ

“ขอบคุณค่ะ” เด็กสาวตอบด้วยเสียงแผ่วเบา พร้อมทั้งก้มหน้าอย่างขวยเขิน

“ไปคุยในบ้านไหม คุณหนาวจนตัวสั่นแล้ว” ธันว์ชวนอย่างมีน้ำใจ พร้อมทั้งถือวิสาสะฉวยกระเป๋าเด็กสาวออกเดินนำ เขาหยุดไขประตูและคว้ากระเป๋าเดินทางของตัวเองถือเข้าไปในบ้าน

บ้านพักของหนุ่มโสดเป็นบ้านเดี่ยวสองชั้นสไตล์ดัชท์โคโลเนียล ตัวบ้านทาสีเหลืองไข่ไก่ ส่วนประตูขึ้นบ้านมีบันไดเตี้ยๆ เรียกว่า Stuff ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมสไตล์โคโลเนียล บริเวณด้านหลังบ้านจะมีลานเฉลียงยื่นออกมา ไม่สูงจากพื้นมากนักและไม่มีหลังคา เป็นพื้นที่สำหรับจัดปาร์ตี้บาร์บีคิว ตรงกลางลาน มีเก้าอี้นอนอาบแดด โต๊ะและอุปกรณ์ย่างบาร์บีคิวอยู่มุมเฉลียงซึ่งมีผ้าคลุมปิดไว้มิดชิด ตัวเฉลียงทอดยาวเกือบรอบบ้าน กินอาณาบริเวณตั้งแต่หลังบ้านจนไปจดกับประตูด้านข้างของตัวบ้าน พื้นบันไดขึ้นสู่บ้านมีหิมะปกคลุม เวลาเดินจึงปรากฏรอยเท้าเป็นทาง

“พี่ธันว์เพิ่งกลับมาเหรอคะ”

ธันว์รู้สึกสะดุดใจที่อีกฝ่ายเรียกขานเขาอย่างสนิทสนม ได้แต่เก็บอาการสงสัยไว้ในใจ ชายหนุ่มตอบกลับไปว่า “ใช่”

“พี่ไปไหนมาคะ” เด็กสาวถามต่อ

ธันว์ไม่ตอบในทันที เขาเดินนำเข้าไปในบ้าน ผ่านห้องครัวแล้วจึงทะลุไปยังห้องนั่งเล่น จัดการเปิดฮีทเตอร์และปรับอุณหภูมิให้อุ่นขึ้น แล้วจึงหันมาถามว่า “อุ่นขึ้นไหม”

ห้องนั่งเล่นฉาบผนังด้วยสีขาว โซฟาและอุปกรณ์ตกแต่งเน้นสีโทนเขียวและน้ำตาลเข้ม กลางห้องมีพรมเปอร์เซีย ภายในห้องมีเตาผิง แต่เขากับอัตราไม่ค่อยได้ใช้นัก ยกเว้นเวลาจัดงานปาร์ตี้และต้องการบรรยากาศโรแมนติก ชายหนุ่มเดินมาทรุดนั่งตรงข้ามเด็กสาว ก่อนจะใช้สายตาสำรวจเงียบๆ

“คุณเป็นใคร มาจากไหน ทำไมถึงไปนอนอยู่หลังบ้านของผม” คนเป็นเจ้าของบ้านยิงคำถาม

มินตราจ้องเขา พลางบอกกับตัวเองว่านี่คือธันว์ ในวัย 27 ปีเขาดูไม่ต่างจากวัยปัจจุบัน 35 ปี เพียงแต่หนุ่มขึ้น และแววตาชวนผูกมิตร เธอจ้องไปในห้วงน้ำวนสีสนิมของนัยน์ตาเขาราวกับถูกดึงดูด ไม่รู้เลยว่าอากัปกิริยาตัวเองตกอยู่ในสายตารับรู้ และเรียกรอยยิ้มกว้างของอีกฝ่ายได้

เรียวปากหนาแต่ได้รูปสวยของธันว์จุดรอยยิ้มขำๆ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เพศตรงข้ามทำท่าตกตะลึงเมื่อเห็นเขา หากแต่เกิดขึ้นนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ชายหนุ่มรู้ดีว่าตัวเองมีใบหน้าดึงดูดสาวๆ เขามองอีกฝ่ายด้วยแววตาอ่อนโยน

“ว่าไง...คุณยังไม่ตอบผมว่าเป็นใคร มาจากไหน” ธันว์ถามต่อเสียงเอื่อยๆ นัยน์ตายังคงฉายรอยปรานี อีกฝ่ายมีท่าทีไร้เดียงเกินกว่าจะคิดว่าเป็นมิจฉาชีพ เขาเดาว่าเธอคงมีอายุประมาณ 16-17 ปี ซึ่งนั่นแปลว่าอ่อนกว่าเขาเกือบ 10 ปี

“...”

“เริ่มต้นจากการแนะนำตัวเองก่อนก็ได้ แล้วจากนั้นก็บอกว่ารู้จักผมได้ยังไง” ธันว์แนะนำกลายๆ เมื่อเห็นเธอยังมองมาอย่างตะลึงงัน เด็กสาวเป็นส่วนผสมระหว่างเลือดตะวันออกและตะวันตกอย่างเหมาะเจาะลงตัว เขาเจอลูกครึ่งมานักต่อนักแล้ว แต่ยังไม่เคยเจอใครที่ทั้งสวยคมและอ่อนหวานในคราวเดียวกันเหมือนอย่างเด็กสาวคนนี้ ท่วงท่าของเธอใสๆ น่ารักๆ ไม่ปรุงแต่ง ดูจะเป็นความงามที่สอดประสานกันอย่างเป็นธรรมชาติ

“มิ้นชื่อมินตรา” เธอตอบเสียงเบา

“คุณเป็นลูกครึ่งอะไร ขอโทษ...ทำไมถึงพูดไทยชัดนัก”

“ไทย-อเมริกันค่ะ”

ธันว์พยักหน้ารับรู้ ก่อนถามต่อว่า “แล้วรู้จักชื่อของผมได้ยังไง”

“มิ้นรู้มาจากพี่อัต”

ธันว์ชะงัก “คุณเป็นเพื่อนของอัตเหรอ”

เด็กสาวยิ้ม สบโอกาสจึงรีบรับสมอ้าง “ใช่ค่ะ เอ้อ...ไม่ใช่ค่ะ”

“สรุปใช่หรือไม่ใช่กันแน่” ธันว์ขมวดคิ้ว

เธอยิ้มแหยๆ แล้วตอบว่า “เป็นญาติค่ะ”

“แล้วเข้ามาในบ้านได้ยังไง”

มินตรานิ่งชั่วครู่แล้วตอบเสียงไม่มั่นใจว่า “มิ้นปีนเข้ามา”

ธันว์ชะงักอีกคำรบ เขากับอัตราเคยคิดที่จะทำรั้วใหม่หลายครั้งแล้ว เพราะของเก่าผุพังเต็มที แต่ยังไม่มีโอกาส “แล้วทำไมถึงไปนอนหลังบ้าน” เจ้าของบ้านถามต่อ

“ไม่ได้นอน แต่ตอนปีนเข้ามา มิ้นสะดุดหกล้มเลยกะนอนพักสักครู่ แล้วพี่ธันว์ก็โผล่มาพอดี” ตอบด้วยสีหน้าเหยเก เพราะรู้สึกไม่สนิทใจที่ต้องโกหก

“แล้วคุณเป็นอะไรมากเหรอเปล่า” หนุ่มลูกครึ่งถามพลางมองสำรวจแขกสาว

“ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกค่ะ ขอบคุณที่เป็นห่วง ว่าแต่พี่อัตอยู่ไหมคะ”

“อัตไม่อยู่หรอก ไปเที่ยวกับสาว กว่าจะกลับคงอีกหลายวัน”

มินตราแสร้งตีสีหน้าเดือดร้อน “งั้นมิ้นคงลำบากแน่ ถ้าพี่อัตไม่อยู่ คืนนี้มิ้นจะไปนอนที่ไหน”

ธันว์มองประเมินเด็กสาว “คุณมาจากไหน”

“เมืองไทยคะ” แขกไม่ได้รับเชิญตอบด้วยสีหน้าเหลอหลา เพราะไม่เข้าใจคำถามว่าเกี่ยวโยงกับที่หลับที่นอนอย่างไร

“แล้วทำไมก่อนมา ไม่โทรติดต่ออัตก่อน”

ถึงบางอ้อว่าเขาตั้งใจหลอกด่า มินตราทำหน้าเหยเกก่อนโต้ว่า “มิ้นกะจะมาเซอร์ไพรส์พี่เขานี่คะ”

“แล้วเป็นไง กลายเป็นเซอร์ไพรส์ตัวเอง”

“แหม...ได้ทีขี่แพะไล่เชียวนะพี่ธันว์”

ธันว์ตีหน้าตาย เขาถามในสิ่งที่คาใจต่อว่า “คุณเรียกผมว่าพี่อย่างสนิทปากมาก เราเคยรู้จักกันมาก่อนเหรอ”

“เปล่าหรอกค่ะ มิ้นรู้จักพี่ฝ่ายเดียว ว่าแต่มิ้นจะค้างที่นี่ได้ไหมคะ”

“ไม่ได้หรอก คนเราสมัยนี้ไว้ใจได้ทีไหน เห็นติ๋มๆ บางทีอาจหลอกลวงตบตากันก็ได้”

“มิ้นไม่ใช่พวกสิบแปดมงกุฎนะ”

“งั้นก็พิสูจน์สิ” ธันว์พูดท้าทาย แต่ด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ เขาย้ำต่อว่า “พิสูจน์ให้ผมเห็นว่าคุณเป็นญาติของเจ้าอัตจริงๆ แล้วผมจะให้คุณนอนที่นี่”

“แล้วถ้าไม่?”

“ถ้าไม่ ก็ไปหาโรงแรมนอนเลย”

“ใจร้าย ถ้าไม่เชื่อ พี่ธันว์โทรไปถามพี่อัตเลยว่ารู้จักมิ้นไหม”

“ตลกไปล่ะคุณ รู้อยู่เจ้าอัตเคยเปิดมือถือที่ไหนเวลาอยู่กับสาวๆ น่ะ”

“งั้นทำยังไง มิ้นถึงจะแสดงความจริงใจได้”

“คุณมีหลักฐานแสดงความเป็นตัวตนหรือเปล่าล่ะ พาสปอร์ต ใบขับขี่ บัตรประชาชน หรืออะไรก็แล้วแต่ที่บอกตัวตนของคุณว่าเป็นใคร มาจากไหน”

เด็กสาวล้วงกระเป๋าด้านหน้าของชุดเอี๊ยม ทำท่าจะหยิบบัตรประชาชนออกมาจากซองธนบัตร แต่นึกขึ้นได้ว่าบัตรประชาชนของเธอ เป็นแบบบัตรอเนกประสงค์หรือสมาร์ทไอดีการ์ด (Smart ID Card) ซึ่งแตกต่างจากของเขาที่เป็นพลาสติกเคลือบ เด็กสาวจึงเปลี่ยนใจ หยิบบัตรนักศึกษาให้เขาดูแทน เธอใช้ปลายนิ้วปิดข้อมูลแถบล่างที่เป็นข้อมูลวันเดือนปีที่ทำบัตรและวันเดือนปีที่บัตรหมดอายุ จากนั้นรีบกระตุกกลับ กิริยาของเด็กสาวไวเกินกว่าที่เขาจะทันสังเกตชื่อสถาบัน

“มินตรา มิชิแกน” ธันว์ทวนชื่อเด็กสาวดังๆ พร้อมทั้งถามต่อว่า “นามสกุลเดียวกับเจ้าอัต เป็นอะไรกับเขา”

“ก็บอกแล้วว่าเป็นญาติ”

“ญาติฝ่ายไหน”

“แม่ของมิ้นเป็นญาติห่างๆ ของอาเพลิน แล้วไปแต่งงานกับญาติห่างๆ ของพ่อของพี่อัต จากนั้นก็มีลูกสาวเป็นมิ้น”

“งั้นต้องรู้จักกับปู่ของอัตสินะ บอกหน่อยซิว่าปู่ชื่ออะไร มีอาชีพอะไร”

“โห พี่ธันว์ ถามขนาดนี้เลยเหรอ” เด็กสาวย่นจมูกล้อเลียน

“ไม่รู้ละสิ ถ้ารู้ก็ตอบมา” ย้อนถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

“แหม รู้สิคะ ปู่ชื่อ เอ็ดเวิร์ด มิชิแกน เป็นนักวิทยาศาสตร์ สังกัดองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศในทวีปยุโรปเพื่อการวิจัยและพัฒนามวลมนุษยชาติ หรือชื่อย่อว่าอีโอเอชอาร์” ตอบยิ้มๆ ชัดถ้อยชัดคำ

คำตอบของอีกฝ่ายทำให้ธันว์มั่นใจยิ่งขึ้นแต่วางหน้าเฉย เพราะที่จริงเขาก็จำชื่อองค์กรที่ว่านั่นไม่ได้ และน้อยคนนักที่จะรู้ว่าปู่ของอัตราทำงานกับองค์กรนี้ นอกจากคนที่สนิทกับครอบครัวมิชิแกนเท่านั้น

“แล้วทำไมชื่อของคุณไปพ้องกับหนูมิ้น ผมหมายถึงน้องสาวของเจ้าอัต รายนั้นมีชื่อว่ามิ้น มินตรา เหมือนกัน” เขาถามต่อ

“บังเอิญมังคะ หรือไม่พ่อแม่ของพี่อัตคงชอบชื่อนี้เหมือนกัน ก็เลยไปตั้งให้ลูกสาว” มินตราตอบแบบกำปั้นทุบดินแล้วส่งยิ้มหวานจ๋อยให้เขา

ธันว์อึ้ง ใจกระตุก เขาพยายามบังคับตัวเองไม่ได้ใจละลายไปกับรอยยิ้มสว่างไสวนั้น ชายหนุ่มกระแอมแล้วกล่าวว่า “คุณพักที่นี่ก็ได้ ห้องอัตว่าง เดี๋ยวเขามาแล้วค่อยขยับขยายที่นอน” ธันว์ให้คำตอบ หลังจากประมวลคำตอบและหลักฐานที่เป็นชื่อสกุลของอีกฝ่าย เขาก็คิดว่ามินตราน่าจะเป็นญาติของอัตราจริงๆ ไม่ได้โกหก

“ขอบคุณค่ะ พี่ธันว์ใจดีเสมอ”

ธันว์เลิกคิ้วแต่ไม่ตอบอะไร เขาบอกให้เด็กสาวเดินตามเขาขึ้นไปพักผ่อน ชายหนุ่มช่วยถือกระเป๋าให้ ไม่รู้เลยว่ามีสายตาของมินตรามองหลังตลอดเวลา เธอกำลังคิดว่าทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี บางทีพระผู้เป็นเจ้าอาจกำลังเอาใจช่วยเพื่อให้ภารกิจนี้ลุล่วงไปกระมัง...


*****************









Create Date : 21 มีนาคม 2553
Last Update : 20 เมษายน 2553 9:56:08 น.
Counter : 635 Pageviews.

5 comments
  
ปฏิบัติการณ์รักข้ามกาลเวลาเริ่มต้นแล้ว

-ธันว์ก้าวลงจากรถภายหลัง....ชายหนุ่มมีรูปร่างสูงใหญ่อย่าง(กีฬา)....===>นักกีฬา

-แขกนิรนามของเขาสวยอย่างกับลูกครึ่ง....(กระพืตา)ขึ้นมอง....===>กระพือตา

-เรียวปากหนาแต่ได้รูปสวยของธันว์....ตก(ละลึง)....===>ตกตะลึง

-เด็กสาวล้วงหยิบบัตรนักศึกษา....จากนั้น(รียบ)กระตุกกลับ....===>รีบ

-มิจจาชีพ===>มิจฉาชีพ

-แจ็คเก็ต===>แจ็กเกต

-บาบีคิว===>บาร์บีคิว
โดย: mimny วันที่: 21 มีนาคม 2553 เวลา:16:22:33 น.
  
ไวมากเลยค่ะ ย้อนมาในอดีตแล้ว
โดย: alanta IP: 202.149.29.82 วันที่: 24 มีนาคม 2553 เวลา:7:42:13 น.
  
ชอบพี่ธันว์จังเลยยยยยย


มามะมาจุ๊บทีนึง

อิอิ
โดย: Hero's girl วันที่: 30 มีนาคม 2553 เวลา:20:15:20 น.
  
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

HBD นะคะพี่อุ๋ยขอให้สุขภาพแข็งแรง นิยายได้ตีพิมพ์ทุกเรื่องที่เขียน ตีพิมพ์เรื่องละหลายๆครั้ง มีค่ายละครมาติดต่อขอซื้อนิยายไปทำละครทุกเรื่องเลย
โดย: mimny วันที่: 31 มีนาคม 2553 เวลา:1:25:29 น.
  
กรี๊ดดดดดดดดดดด น้องมิ้ว รู้วันเกิดพี่ด้วย ขอบคุณมากๆๆค่ะ หวัดดีค่ะน้องเนส และคุณ alanta ขอบคุณน้องมิ้วอีกครั้งจ้าสำหรับคำอวยพร
โดย: คณิตยา วันที่: 31 มีนาคม 2553 เวลา:1:36:41 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คณิตยา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]









รู้จักคณิตยา/คีตฌาณ์

ก้าวสู่โลกแห่งการขีดเขียนในปี 2549 มีผลงานเป็นรูปเล่มกับสนพ.ในเครือสถาพรบุ๊คส์ทั้งหมด 11 เล่ม ไล่ตั้งแต่ รหัสทรชน ทางสายหมอก กุหลาบในเปลวไฟ ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ อริ...ที่รัก บอดี้การ์ด รักเพียงฝัน ตามรักข้ามเวลา ไฟรัก บันทึกแห่งรัก(the Book of Love) มิราเบลล์...ตราบคีตาบรรเลง เป็น 1 ในนิยายชุดแด่เธอที่รัก สาปรัก และใต้ปีกรัก

รหัสทรชน เป็นละครทางช่อง 3 เมื่อปี 2554 แสดงโดย เคน และชมพู่ สร้างโดยค่ายยูม่า และ ไฟรัก ได้รับการซื้อลิขสิทธิ์ไปแปลเป็นภาษาเวียดนาม วางแผงเดือนสิงหาคม 2556



พูดคุย ทักทาย แลกเปลี่ยนความเห็น และติดตามความเคลื่อนไหวได้ทาง fb โดยกดไลค์เป็นแฟนเพจได้ทาง https://www.facebook.com/keetacha?ref=hl ขอบคุณค่ะ

---------------


ตอนนี้อุ๋ยทยอยนำนิยายที่หมดลิขสิทธิ์กับพิมพ์คำไปวางจำหน่ายในรูปแบบ E-book บนเว็บ ebooks และเว็บ Mebmarket ค่ะ

ใต้ปีกรัก...ราคาอีบุ๊ก 179 บาท

บันทึกแห่งรัก...ราคาอีบุ๊ก 255 บาท จากราคาปก 310

ไฟรัก...ราคาอีบุ๊ก 279 บาท จากราคาปก 350 บาท

กุหลาบในเปลวไฟ...ราคาอีบุ๊ก 230 บาท



รหัสทรชน ราคาอีบุ๊ก 200 บาท จากราคา 300 บาท 673 หน้า





ทางสายหมอก ราคาอีบุ๊ก 265 บาท จากราคา 280 บาท 690 หน้า



ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ ราคาอีบุ๊ก 125 บาท จากราคา 180 บาท 360 หน้า



รวมเรื่องสั้น...ฉบับวัยหวาน ราคาอีบุ๊ก 45 บาท จากปก 55 บาท



อริ...ที่รัก ราคาอีุบุ๊ก 195 จากปก 240 บาท



หวานใจ...บอดีการ์ด...ราคาอีบุ๊ก 145 บาท จากปก 180 บาท



รักเพียงฝัน...ราคาอีบุ๊ก 225 จากปก 250 บาท



ตามรักข้ามเวลา...ราคาอีบุ๊ก 240 จากปก 270 บาท





















New Comments